วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

เมียสี่เผ่าพันธุ์ 04



พนาอยู่ใต้บาดาล ดูมีความสุข แต่จริงๆแล้ว เขาอยากออกไปยังโลกมนุษย์ เพื่อพบเกสรฯ พบแก้วมาลา และไอ้แดงสหายรักด้วย ถึงเขาจะได้อยู่กับธิดานาคอันแสนงดงามก็ตาม แต่ยังไงก็อยากออกไปจากที่นี้   แต่ไม่มีหนทางไดเลยที่จะออกไปได้

ทหารได้มีราชสารมาบอกว่า ฝ่ายครุฑ กำลังตั้งทัพเพื่อโจมตีเมืองบาดาล โดยบอกว่าให้ส่งตัวพนาคืนมา ฝ่ายมณีทิพย์ไม่ยอม ท้าวกโตหลนาคเองก็ไม่ยอม จึงเตรียมตั้งทัพเพื่อสู้รบเหล่า ครุฑ

ศึกครั้งนี้ดูท่าจะยิ่งใหญ่นัก ท้าวกโตหลฯ จึงคิดหาทางจัดการเหล่าครุฑให้สิโรราบ จึงได้ส่งราชสาร ไปยังพญานาคทั่วสารทิศ พร้อมด้วย ‘พระนางเทวีรัศมี’ นางยักษ์ผู้ปกครองยักษ์ทั้งปวง ซึ่งเป็นปรปักษ์กับเหล่าครุฑเช่นกัน
.. “ทำอะไรกันดูวุ่นวายไปหมด”
พนาถามเมื่อเห็นเหล่าทหารและบ่าวไพร่สาละวนจัดสถานที่
“กำลังจัดสถานที่ต้อนรับจ้าวพระนางเทวีฯ”
มณีฯบอกว่า ศึกครั้งนี้ ชาวนาคราชสู้ศึกร่วมกับเหล่ายักษ์ พนาขอร้องว่าให้ มณีทิพย์ช่วยหยุดยั้งศึกครั้งนี้ เพราะรู้ว่าศึกครั้งนี้มีเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  อันเนื่อง  แก้วมาลาต้องการตัวของเขา
“มณีฯไม่ยอมเพคะ..เจ้าพี่พนาเป็นของมณีฯ ..ไม่ยอมยกคนรักของมณีให้ใครไปหรอก”
มณีเข้ากอดพนาอย่างหวงแหน พนาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร  ถ้าเกิดการประทะกันต้องบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

...2-3 วันต่อมา พระนางเทวีรัศมีเสด็จมาถึงเมืองใต้บาดาล  การมาครั้งนี้เพื่อร่วมมือการวางแผนสู้ศึก
“ทีนี้ละ..เราจะได้จัดการแก้แค้น พวกมันซะที”
พระนางเทวีรัศมีตรัส ...นางมีความแค้นกับเหล่าครุฑล้นเหลือ เพราะ เมื่อ18 ปีก่อน พระโอรส(ลูก)ของนาง ถูกครุฑจับตัวไป ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ซึ่งนางเข้าใจว่าสวรรคตไปแล้ว

.......... .......... .......... .......... .......... ..........

..การวางแผนเป็นที่เรียบร้อย พระนางเทวีจึงเตรียมตัวกลับเพื่อเตรียมทัพ ท้าวกโตหลฯจึงจัดการเลี้ยงส่ง และแนะนำราชบุตรเขยให้พระนางเทวีฯรู้จัก

พนาและพระนางเทวีฯได้พบ รู้จักกัน พนารู้สึกชื่นชมในความงามของพระนางเทวีฯ พระนางเองมีไมตรีจิตที่ดีต่อพนาถึงแม้ว่าจะเป็นมนุษย์ ด้วยชาวยักษ์ไม่ได้กินเนื้อมนุษย์นับหมื่นๆปีแล้ว

พนารู้ว่าพระนางจะเสด็จกลับเมืองยักษ์ซึ่งต้องผ่านเมืองมนุษย์ คิดว่านี่ละคือวิธีออกไปจากที่นี่ ..พอถึงเวลาพนาเข้าไปซ่อนในเรือเหาะของพระนางเทวีฯ ออกมาจากเมืองบาดาลได้สำเร็จ

.......... .......... .......... .......... .......... ..........

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
พนาถูกพระนางเทวีจับได้ เมื่อเข้ามายังดินแดนของยักษ์แล้ว พนาไม่มีโอกาสลงจากเรือเหาะตอนอยู่ดินแดนมนุษย์ด้วยอยู่กลางเวหา เป็นอะไรที่คิดผิดสำหรับพนา

..พนาเล่าความจริงทุกอย่างให้ฟัง ว่าตนคิดถึง ภรรยาที่เป็นมนุษย์ และอยากพบทุกๆคนที่ตนคุ้นเคยรู้จัก ถึงแม้จะรักมณีทิพย์แค่ไหนก็ตาม ไม่อาจอยู่เมืองบาดาลได้ตลอดชีวิต
“ปล่อยกระหม่อมไปเถอะพระนางฯ ให้กลับไปอยู่เมืองมนุษย์ดังเดิม”
“มนุษย์งั้นเหรอ?”
พระนางเทวีฯ คิดในพระทัย ที่ผ่านมานางไม่รู้ถึงกลิ่นอายมนุษย์จากพนาเลย ตั้งแต่แรกพบที่เมืองบาดาลแล้ว ด้วยยักษ์สามารถรู้ได้ในความเป็นเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ นางรู้สึกว่า พนาเหมือนพวกตนมากกว่า แต่ก็ดูไม่ใช่ยักษ์ ดูแตกต่างออกไปอย่างบอกไม่ถูกแต่รู้สึกคุ้นเคย..
“เราปล่อยเจ้าไปไม่ได้หรอก ท้าวกโตหลฯจะได้ว่าเราได้”
ด้วยพระนางเป็นพันธมิตรกับชาวบาดาล และกำลังร่วมมือกันในศึกสงคราม จึงได้พาตัวพนากลับมาเมืองยักษ์ด้วย

..ดังสำนวนที่ว่าหนีเสือปะจระเข้ พนากลับได้มาอยู่เมืองยักษ์แทน พนาหมดหนทางหนีไปไหนได้อีกเช่นเคย

.......... .......... .......... .......... .......... ..........

..’สร้อยสุดา’ ธิดาเมืองยักษ์เมืองนึง เป็นธิดาบุญธรรมของพระนางเทวีฯ ทราบข่าวพระนางฯเสด็จกลับมาแล้ว พร้อมทั้งมีมนุษย์ที่เป็นบุรุษเพศมาด้วย นางสงสัยว่านำมาด้วยทำไม ในเมื่อยักษ์ไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์
“หรือพระนางฯอยากลองเสวยเนื้อมนุษย์?”

..สร้อยสุดาเข้าเฝ้าฯพระนางเทวีฯ ต่างโอบกอดกันด้วยความรัก ถามไถ่ในเรื่องต่างๆ
“บ่าวบอกว่าพระนางนำมนุษย์มาด้วยใช่ไหมเพคะ”
“ใช่จ๊ะ”
พระนางเทวีไม่ได้บอกว่าเป็นสวามีของธิดามณีทิพย์ สร้อยสุดามิได้ถามอะไรมาก ขอเพียงอยากเห็นมนุษย์ตนนั้น

..หลังจากเข้าเฝ้า สร้อยสุดาเสด็จมายังเรือนที่พนาอยู่ คิดในใจคาดว่าพระนางเทวีฯทรงนำมนุษย์นี้มาเสวยแน่

บ่าวใช้เข้าไปบอกพนาว่าธิดาสร้อยสุดาพระประสงค์ต้องการเข้าพบ พนาจึงออกมา ทั้งสองต่างพบกัน และต่างแนะนำตนเอง
“เจ้าเป็นมนุษย์ไม่กลัวเราเลยรึ?”
สร้อยสุดาตรัส พนายิ้ม
“พวกท่านไม่ได้คิดปองร้ายเรา กลัวไปใย”
มนุษย์ตนนี้ไม่รู้ชะตา คาดว่าพระนางนำมา ต้องการเสวยเป็นแน่ สร้อยสุดาคิด

...นางรู้สึกดีที่ได้สนทนากับพนา คิดแล้วไม่อยากให้ต้องมีอันเป็นไปเลย ..

.......... .......... .......... .......... .......... ..........

เวลาผ่านไป7วัน พระนางเทวีฯรู้สึกถูกชะตากับพนาเป็นยิ่งนัก รู้สึกผูกพันและคิดถึงพนาอยากที่จะใกล้ชิดโอบกอด โดยที่พระนางฯบอกตนเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร

เช่นเดียวกับสร้อยสุดา ที่แวะเวียนมาหาพนา ตลอดเวลานางอยากพบและอยากสนทนากับพนา.. ใช่แล้วนางเกิดรักแรกพบกับพนา โดยไม่รู้ว่าพนาเป็นสวามีของมณีทิพย์ เข้าใจแต่ว่าพนา ต้องมาเป็นอาหารของพระนางเทวีฯ

ความรักที่เกิดขึ้นในบัดดลทำให้สร้อยสุดากระวนกระวาย ตลอดเวลา7วันที่พานพบกันตอนนี้รู้แล้วว่ารักพนา แต่นางไม่รู้ว่าพนาคิดเช่นเดียวกับนางหรือไม่ ด้วยใจนางสับสนว้าวุ่นและไม่มีเวลามากพอเพราะอีกไม่นานจะเกิดศึกสงคราม คิดว่าพนาคงต้องโดนกินในเร็ววัน

นางเสด็จมาหาพนาครั้งนี้เพื่อถามว่าพนารักนาง คิดกับนางเช่นเดียวที่นางคิดไหม

..พอพนาได้รับรู้อึ้ง มีเมียสามนางเข้าแล้ว จะรักนางได้อย่างไร
“เราน้อมรับในไมตรีจิต แต่ไม่อาจรับรักนางได้”
พอสร้อยสุดาได้ยินลุกพรึบด้วยความไม่พอใจ เพราะนางเป็นสตรีเพศ มาบอกรักก่อนน่าละอายพอแล้ว แล้วยังมาถูกปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ เพราะว่าเราเป็นยักษ์รึ”
พนาบอกไม่ใช่ แต่ไม่ทันได้อธิบายต่อ สร้อยสุดาได้ตรัสขึ้น
“เอาละ เจ้าไม่รักเราไม่เป็นไร แต่อย่างไรเพื่อชีวิตของเจ้า ต้องทำใจเพื่อรักเราแล้วละ”
นางตรัสเชิงบังคับ เพื่อช่วยให้พนาปลอดภัย ถ้าพนายอมเป็นคนรักของนางจะรอดพ้นจากการถูกเป็นอาหารของพระนางเทวีฯ
“ทำไม?”
“เพราะเจ้าจะถูกพระนางเทวีฯเสวยน่ะสิ ถึงได้ถูกจับมานี่ไง”
ที่แท้นางเข้าใจในแบบนี้ ยังไม่ได้รู้ความจริงว่า พระนางเทวีฯทรงดีกับเขาแค่ไหนเข้ามาหาดูแลอย่างดี สร้อยสุดาเข้าใจผิด พนารู้สึกซาบซึ้ง ที่สร้อยสุดามีไมตรีจิตที่แสนดีให้ แต่พนาก็มิบอกความจริงแก่นาง
“จะให้เราทำเป็นรักนาง แต่งงานกับนางงั้นเหรอ”
“ใช่”
..พนาตอบตกลง แต่ยังแสร้งเพื่อพิสูจน์ว่านางรักตนจริงไหม ด้วยการเข้าหอมแก้ม แต่สร้อยสุดาหลบ
“นางหลบทำไม นี่เป็นวิธีที่ทำให้พระนางเทวีฯเชื่อสนิทใจว่าเราเป็นคนรักกันจริงๆ”
พนาเจ้าเล่ห์ไม่น้อย สร้อยสุดาได้ฟัง ในคราวนี้ถูกหอมแก้มอีกครั้ง นางจึงมิหลบ

...เพียงปลายจมูกของพนาสัมผัส ช่างซาบซ่านยิ่งนัก เกิดความเอียงอายตามวิสัยสตรีเพศ พนาเองเกิดอารมณ์ไม่น้อยจากที่จะแสร้ง เกิดคิดอยากทำจริงๆ เข้าโอบกอดวรกายไว้แน่น
“ต้องทำมากถึงเพียงนี้เชียวรึ?”
นางมิได้ขัดเพราะรักพนาอยู่แล้ว แต่ก็ขัดเขินเพราะเป็นครั้งแรกที่บุรุษเพศเข้าทำกับนางถึงขนาดนี้

พนาอดใจไมไหว เข้าไซ้ซอกคอ ซักพักประสานตากัน รู้ว่า สร้อยสุดาไม่ขัดข้องแล้ว จึงเข้าประกบปากดูดจุมพิตสุดแสนดูดดื่ม จากที่นั่งค่อยๆแอนตัวลงนอน สร้อยสุดาถูกกกกอด ถูกไซ้นัวเนีย ชื่นชมไปทั่ววรกาย
“อา... นางช่างงดงามยิ่งนัก”
พนาชื่นชม สร้อยสุดาเขินอายอยากที่จะปัดป้องแต่อารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นทำให้นางคล้อยตาม เต้าปทุมถันถูกคลึงไปมา อย่างไรเสียนางก็รักเขาจับใจ จะยอมเพื่อความรักจะเป็นไรไป..สร้อยสุดาคิดเช่นนั้น โอบกอดพนาให้หน้าพนาแนบทรวงอกนาง
“อูยย อือออ”
พนาไซ้ทรวงอก ปทุมถันไล่ลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงหน้าขา นางเหนียมอาย เอามือปิด แต่มิอาจกั้นใบหน้าที่ซุกไซ้ของพนาได้ มือพนาจับแก้มก้นรั้ง นาบหน้าซุก ไปมาตรงหน้าขา ด้วยอาภรณ์ที่กั้นยังทำให้ซ่านอารมณ์ได้ถึงเพียงนี้ สร้อยสุดาแทบสำลักความเสียวซ่าน

พนาเลื่อนตัวมาสบตาอีกครั้งส่งสายตาเพื่อบ่งบอกว่า ต้องการมากกว่านี้ ว่าแล้ว อาภรณ์ของนางถูกถอดออกทีละชิ้น เผยเต้าปทุมถันอันอวบอิ่ม พนาไม่รอช้าก้มเอาปากคาบดูดจ๊วบๆๆๆๆ สร้อยสุดาบิดพระวรกายไปมา

เมื่อถูกถอดออกหมดจด พนาตาโตเมื่อได้เห็นความโหนกนูนอูมเปล่ง สะโพกที่ผาย นึกถึงคราที่ซุกหน้าแนบเมื่อครู่ จึงก้มลงหน้าขาแนบอีกครั้ง ปลายจมูกสัมผัสกับเนินสวาทซุกไซ้ แหวกดูส่วนลึกของร่องสวาทฉกลิ้นเสย สร้อยสุดากระตุกเฮือกเกร็งตัวแน่น

ภายในกายพนาอัดอั้นเหลือเกินแล้ว ถอดชุดของตนเองหมดจด ขยับคร่อมเลื่อนแท่งงามมายังปากของสร้อยสุดที่หลับตาตลอดเวลา
“แปะๆๆ”
พนาตีลำแท่งใส่พระพักตร์สร้อยสุดา ลำแท่งโดนตั้งแต่ปากถึงหน้าผาก สร้อยสุดดาแปลกใจว่าอะไรมาตีตรงหน้าผากแปะๆ ค่อยๆลืมตา
“อุ้ย ว๊ายยยๆ”
สร้อยสุดาตกใจ ที่แท่งงามของพนามาจ่อแนบใบหน้าอย่างนี้ ตะแคงหน้าหันไปทางอื่นหน้าแดงระเรื่อย
“ลองจับดูซี”
พนาบอก แต่จ่อยื่นแท่งงามให้อย่างไร นางไม่ยอมสัมผัสและไม่มองเลย พนาจึงเปลี่ยนขยับแท่งงามเลื่อนลงมา จ่อเข้าที่เนินสวาท  จับหัวบานเขี่ยที่ร่อง นางครางออกมาเบาๆ รู้สึกถึงรสเสียวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ซวบบบ”
แท่งงามค่อยแทรกเข้าไปช้าๆ สร้อยสุดาหลับตาพริ้มอีกครั้ง พลางคิดถึงรสชาติที่ตนได้รับ..
“ทำไมช่างเสียวแปลกประหลาดอะไรเช่นนี้ รักเขาเหลือเกิน อือออ”
สร้อยสุดาคิดในใจ ถึงจะแน่นร่องแทบระเบิด แต่กลับสุขแสนสุขยิ่งเมื่อลำแท่งขยับเขยื้อน
“ปับ ปับ ป๊าบๆๆๆ”
พนากระเด้าเบาๆ จนค่อยๆแรงเป็นกระแทกเน้นหนักขึ้น
“นางช่างงดงามเหลือเกิน อืมมม จ๊วบบบ”
พนาเย็ดแล้วมองพระพักตร์ ใบหน้าอันงดงามชวนกระตุ้นความเงี่ยน ให้เร่งกระแทกเพื่อความสะใจในอารมณ์

บทเริงสวาทที่พนาเป็นผ่านรุกฝ่ายเดียว ค่อยๆถูกเอาคืนด้วยสะโพกที่เด้งรับแท่งงาม ด้วยนางเพลินในอารมณ์สวาทสุดที่จะทนจนต้องเด้งรับเพื่อสนองความสะใจของนางเองเช่นกัน
“หีโดนควยได้น่ามองจริงๆ ตอดดีจัง ซี๊ดด”
พนาชอบมองเวลาตนเย็ด ควยที่เข้า-ออกปลิ้นไปมา เป็นภาพที่น่าดูชม อยากที่จะชวนสร้อยสุดาให้ลืมตามองแต่ดูแล้วนางยังหลับตาพริ้ม

 เทียบกับเมียอีกสามนางแล้ว พนาคิดว่าสร้อยสุดดามีเนินหนั่นที่อวบใหญ่กว่าเมียสามนาง สมกับเผ่าพันธ์ของนาง ซึ่งเขาคิดว่า เนินอูมของ แก้วมาลา เกสรบุปผา และมณีทิพย์ อูมใหญ่แล้วแต่เทียบกับของสร้อยสุดาใหญ่กว่าเห็นได้ชัดเจน ความงดงาม ชวนน่าหลงใหลสุดๆไม่แพ้กันทั้งสี่นาง เนินสวาทของนางสร้อยสุดามีเส้นไหมช่างน้อยนิดไม่สมกับเนินอูมที่ใหญ่อูมขนาดนี้

พนารู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมรักกับนางทั้งสี่นาง รักสร้อยสุดามากขึ้นจากที่นางยอมให้กระทำเยี่ยงนี้ นั่นแสดงว่านางรักหมดใจ พนาคิด..
“โอยๆๆๆ ไม่ไหวแล้ว..ปรี๊ดดดดดดดด"
เมื่อถึงเวลาอันสมควร พนาปล่อยน้ำควยออกมา ใส่อย่างเน้นๆ
“อืออออ”
สร้อยสุดาปล่อยเสียงออกมา กอดพนาแน่น

..แม้จะเสร็จกิจไปแล้วแต่นางอยากอยู่กับพนาอย่างนี้ไม่คลาย
“รักนางเหลือเกิน”
พนาบอกความในใจสายตาประสานกัน
“น้องก็รักเจ้าพี่”
นางเปลี่ยนสรรพนามทันที ประกบดูดปากกันอีกครั้ง สร้อยสุดามองพนาว่าเขาคือมนุษย์จริงๆนะเหรอ ทำไมชวนน่าหลงใหลได้เพียงนี้ แม้แต่กลิ่นอายจากเขาก็มิมีเช่นอย่างมนุษย์ตนอื่นๆ แต่นางมิได้ใส่ใจมาก นางใส่ใจความรักที่มีให้เขามากกว่า

นางแต่งวรกายเรียบร้อย ขอลาออกไปเพราะอยู่ห้องพนานานเกินไปแล้ว พนากอดรั้งเอาไว้อีกครั้ง ก่อนที่สร้อยสุดาออกไป และบอกให้สร้อยสุดามาหาอีกบ่อยๆ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น