วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พรหมลิขิต ผิดคิว14

วีรพลขับรถออกเดินทางจากกรุงเทพฯตอน 1 ทุ่มไปทางบางนาเข้าสู่ถนนมอเตอร์เวย์ เส้นทางมุ่งสู่ภาคตะวันออก ในใจก็ครุ่นคิดถึงแต่ใบหน้าสวยหวาน ตาคม อีกใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมหน้าหล่อนช่างเหมือนแม่เขาเหลือเกิน ถ้าจะนับไล่อายุก็น่าจะใกล้เคียงกัน เขาไม่อยากคิดมากเลยแต่มันก็อดไม่ได้ ควักรูปที่เขาถ่ายกับแม่เมื่อตอนเด็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อออกมาดูพลางขับรถไปเรื่อย ตอนนี้มีหลายอย่างที่วีรพลชักจะคิดหนักทั้งเรื่องงานที่บริษัท ทั้งเรื่องแม่เลี้ยง สักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ครับ ว่าไงครับ หา!!!.....พี่ปิ่น พี่ภาเป็นอะไร”
“หน้ามืดเป็นลมไปคะ วันนี้ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ปิ่นมาบ้านจะบอกคุณภาเรื่องคนงานน่ะค่ะ เห็นคุณภาหน้าไม่ค่อยมีสีเลือดเลย ปิ่นเห็นท่าทางไม่ค่อยดีเลยขออยู่ด้วย แล้วคุณภาก็เป็นลม ตอนหลังจากคุยโทรศัพท์กับคุณหมอได้ไม่นาน คุณหมออยู่ไหนคะตอนนี้”
“เพิ่งเลยบางนามาอ่ะ พี่ปิ่น คงอีกสักสองสามชั่วโมงเร็วสุด เอางี้ เดี๋ยวผมโทรเรียกเจ้าธรณ์กับแพรให้มันไปดูอาการพี่ภาก็แล้วกัน ผมฝากพี่ปิ่นดูแลไปก่อนนะครับ ผมจะรีบไป ครับๆ แค่นี้ก่อนครับ” วีรพลกดเบอร์หาธนธรณ์ฝากให้รีบไปดูวิภาวรรณ แล้วเขาก็เหยียบคันเร่งบึ่งรถเบ๊นซ์คู่ใจวิ่งฉิวไปอย่างร้อนรน........


เมื่อมาถึงบ้าน จอดรถไว้ ข้าวของก็ยังไม่ได้เก็บขึ้นบ้านเลย วีรพลก็แทบจะวิ่งไปที่บ้านวิภาวรรณก็พบปิ่นรออยู่ชั้นล่าง
“อาการเป็นยังไงบ้างครับ พี่ปิ่น”
“คุณหมอธร ให้ทานยา บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกคะ ตอนนี้หลับไปแล้วคะ คุณหมอกับคุณแพรกลับไปแล้ว ปิ่นก็เลยว่าจะอยู่ด้วยคืนนี้ คุณหมอขึ้นไปดูที่ห้องนอนก็ได้คะ เดี๋ยวปิ่นขอจัดห้องที่นอนด้านล่าง ขอคุณภานอนที่นี่แหละคะ เชิญคุณหมอคะ”
“ครับ ขอบคุณพี่ปิ่นมาก” วีรพลรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนวิภาวรรณมองหน้าสวยหวานขาวผ่อง บัดนี้ออกจะซีดเผือดไร้สีเลือดนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เขาเข้าไปนั่งข้างๆ กายที่หลับอยู่ ดวงตาเขาหม่นลงด้วยความห่วงใย เย็นวันศุกร์ก่อนไปก็ยังเห็นวิภาวรรณอาการดีๆ ไม่มีท่าทีจะเป็นอะไร เขาคว้ามือวิภาวรรณมากุมจุมพิตเบาๆ สักพักเขาก็จัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกเหลือแต่เสื้อกล้ามถอดกางเกงขายาว เหลือแต่กางเกงสปอร์ตเตอร์ขาสั้นบางเบา เขาพาดวางเสื้อและกางเกงไว้ที่เก้าอี้ข้างเตียงนอน แล้วก็ทอดกายอย่างแผ่วเบาเงียบกริบ นอนข้างวิภาวรรณ โอบร่างนั้นเข้ามากอด แน่นไว้ที่อก แล้วผล๊อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากหลายๆ เรื่องทั้งการทำงาน พาน้องเที่ยวและการเดินทางจนรุ่งเช้า เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ร่างที่เขานอนกอดเมื่อคืนหายไป เขาหันซ้ายขวาก็ไม่มี จึงลุกจากเตียงเดินลงมาข้างล่าง ได้ยินเสียงกุกกักๆ ภายในครัว ก็เดินตามเสียงนั้นไป มองเห็นจากข้างหลัง ร่างสูงระหงอยู่ในชุดเสื้อคลุมนอน หยิบจับข้าวของอย่างคล่องแคล่ว วีรพลยิ้มโล่งอก เดินเข้าไปโอบกอดจากข้างหลัง ใบหน้าคลอเคลียที่พวงแก้มวิภาวรรณ
“อุ้ยย.....ตกใจหมดเลย มาไม่ให้สุ้มเสียงเลย ตื่นนานแล้วเหรอคะ เห็นพลหลับอยู่คงจะเดินทางเหนื่อย ภาเลยไม่อยากปลุก อึ้ย.....อย่าซนสิคะภาทำกับข้าวอยู่”
“อะไรกัน ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วลุกมาที่ครัวทำไม น่าจะนอนพักผ่อนนะ อุตส่าห์นอนกอดไว้ ยังจะหนีผมลงมาอีก ใจดำจัง ผมละรีบขับมารถแทบจะเหาะให้ได้ เป็นห่วงแทบแย่” กอดหล่อนไปพลางคลุกเคล้าจูบแก้มพัลวัน
“อุ้ย ขอโทษคะ ปิ่นนึกว่าคุณภาอยู่คนเดียว” ทั้งคู่สะดุ้งรีบผละร่างออกจากกัน หันกลับมาที่หน้าประตูห้องครัว เห็นปิ่นทำตาโต อ้าปากค้าง วีรพลก็ลืมไปว่าเมื่อคืนปิ่นนอนอยู่ห้องรับแขกที่ชั้นล่าง
“พลไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วค่อยมาทานข้าวกัน ไปซิคะ” วิภาวรรณหน้าแดง รีบผลักไสวีรพลให้ไปอาบน้ำแก้เขิน วีรพลก็อายๆ ปิ่นเหมือนกันรีบเดินผ่านปิ่นออกไปยิ้มๆ เขินๆ วิภาวรรณก็หันกลับมาทำกับข้าวต่อโดยไม่ยอมสบตากับปิ่น
“คุณภา เดี๋ยวปิ่นจัดการเองก็ได้คะ เดี๋ยวจะไม่สบายอีก ดูสิคุณหมอรีบมาแต่เมื่อคืน ดูท่าทางยังไม่ได้กลับขึ้นบ้านเลยนะคะเนี่ย ฮิๆๆ คงห่วงคุณภามากเลย มาคะเดี๋ยวปิ่นจัดการให้ คุณภาไปคุยกับคุณหมอเถอะคะ เสร็จแล้วเดี๋ยวปิ่นจัดขึ้นโต๊ะจะเรียกคุณภามาก็แล้วกัน นะคะ เดี๋ยวจะเป็นลมอีก”
ปิ่นเข้าไปกุลีกุจอช่วยทำเรื่องกับข้าว วิภาวรรณเองตอนนี้แทบจะไม่อยากมองหน้าปิ่นเพราะอายที่ปิ่นมาเห็นหล่อนกับวีรพล เลยได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องครัวไป ขึ้นไปชั้นบนที่ห้องนอน เห็นวีรพละกำลังจะเก็บเสื้อกับกางเกงเดินมาที่ประตู พอเห็นหล่อนเขาก็ส่งยิ้มหวานทิ้งเสื้อกับกางเกงเข้ามากอดวิภาวรรณ
“ธรมันบอกว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมเป็นลม”
“ไม่มีอะไรมากคะ แค่เพลียแล้วก็หน้ามืด ภาก็ไม่รู้เหมือนกันคะ อยู่ๆ ก็เกิดหน้ามืดแล้วฟุบไป ดีนะคะที่ปิ่นเค้ามาบ้านพอดี ไม่ง้านคงจะแย่หน่อย”
“แล้วมีอาการอย่างอื่นมั้ย ตอนนี้ดีขึ้นหรือเปล่า” ถามไปสองมือก็ประคองใบหน้ารูปไข่ขาวนวลจ้องสำรวจ
“คะ ภาไม่เป็นอะไรแล้ว พลไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะคะ แล้วค่อยมาทานข้าวกัน”
“ไม่ ขอกอดเมียให้หายคิดถึงก่อน เฮ้อ... ค่อยโล่งอกไปที ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้ภาห่างผมล่ะ เป็นอะไรไปจะได้ดูแลทัน อาทิตย์หน้าภาต้องไปกับผมแล้วนะ ห้ามปฏิเสธ ยัยมีนน่ะเค้าอยากเห็นหน้าว่าที่พี่สะใภ้จะตาย ผมดีใจนะ ที่ทั้งพ่อทั้งน้องเค้ายอมรับภาได้ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว”
วีรพลโอบกระชับร่างอรชรนั้นเข้ามาแนบกาย วิภาวรรณเองก็ซบหน้าที่ไหล่และซอกคอเขาเคลิบเคลิ้มไปกับความรักความห่วงใยของเขา แต่แล้วความคิดชั่ววูบก็แล่นเข้าจับจิตใจหล่อน ตอนที่หล่อนโทรหาเขา “พี่โอ๊ต” เสียงที่มินตราเรียกชื่อเขา วีรพลคือลูกชายหล่อนแน่แท้ ทำไมจะไม่แน่ใจ ทั้งชื่อเล่นชื่อจริงมันตรงกันหมด แถมงานบริษัทที่หล่อนช่วยเขาดูก็เป็นงานที่หล่อนเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ชื่อเจ้าของกิจการทุกอย่างเป็นอย่างที่หล่อนคุ้นเคยทั้งหมด วิภาวรรณได้แต่ครุ่นคิดในอ้อมกอดวีรพลโดยที่เขาไม่เห็น ถึงแม้หล่อนจะตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหล่อนจะยอมรับมัน แต่ก็อดคิดไม่ได้ที่หล่อนจะมาหลงรักลูกชายและยอมรับลูกชายมาเป็นคู่ชีวิตของหล่อน มันเป็นคู่ชีวิตที่แปลกพิสดาร และคงไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมแน่ๆ หล่อนจะทำอย่างไรดี คงจะต้องเก็บเรื่องราวนี้ไว้ในใจ หล่อนไม่อยากคิดไปเบื้องหน้าเลยว่าหากวีรพลรู้เรื่องเขาจะเกลียดชังหล่อนหรือเปล่า วิภาวรรณยอมรับเต็มหัวใจว่ารักเขามาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือลูกชาย แต่ถ้าหล่อนเก็บเรื่องราวนี้ไว้ไม่แพร่งพราย หล่อนก็จะได้ทั้งลูกชายที่เฝ้าโหยหามานานกลับมาสู้อ้อมอก กับชายคนรักที่หล่อนยอมมอบหมดทั้งหัวใจที่มันเคยแตกสลายไปกับความรักเมื่อครั้งก่อนจนมันแทบจะเย็นชาไปแล้ว แต่ก็มาอ่อนไหวเมื่อได้พบกับวีรพล วิภาวรรณเก็บความรู้สึกเจ็บปวดไว้ในใจ สลัดความรู้สึกกังวลไป ตอนนี้มีแต่ความรู้สึกอบอุ่นในยามที่วีรพลอยู่กับหล่อน วิภาวรรณอยู่ในอ้อมกอดวีรพลเนิ่นนาน จนเขาขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วกลับมาทานข้าว แล้วออกจากบ้านเข้าตัวเมืองไปส่งหล่อนที่ทำงาน ตลอดการทำงาน วิภาวรรณก็รู้สึกแปลก ทำไมระยะนี้ดูเหมือนหล่อนจะตาพร่าเอาบ่อยๆ จนต้องนั่งเก้าอี้หลับตาเป็นระยะๆ จะว่าไม่ได้พักผ่อนก็ไม่ใช่
“พี่ภาคะ หน้าซีดอีกแล้ว นั่งก่อนคะ อีกหน่อยก็จะเลิกงานแล้ว เดี๋ยวงานที่เหลือแพรทำให้ก็ได้คะ งานของแพรหมดแล้ว วันนี้ลูกค้าน้อย”
“จ๊ะ ขอบใจแพรมาก ทำไมพี่เพลียๆ ตาพร่าๆ ไงก็ไม่รู้”
“เดี๋ยวเลิกงานแล้ว เรียกพี่หมอพลมาตรวจให้ก็ได้คะ ดีนะคะมีแฟนเป็นหมอ เจ็บป่วยปุบปับก็ช่วยได้ทันที เมื่อคืนแพรเป็นห่วงพี่แทบแย่ นึกว่าเป็นอะไรมาก เห็นพี่หมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่อยโล่งใจ พี่พลไม่น่าทิ้งพี่ภาให้อยู่คนเดียวเล้ย... ระยะหลังนี่เห็นทำแต่งานๆ ระวังเถอะแพรจะยุพี่ภาให้มีแฟนใหม่ให้เข็ด หึ”
“แหม.. แพรก็ พลเค้าก็มีงานของเขานี่ พี่กลับคิดว่าพลน่าสงสารออกต้องวิ่งหน้าวิ่งหลังทั้งงานที่โรงพยาบาลและงานบริษัทคุณพ่อ ไม่แน่นะ พี่อาจจะลาออกจากงานที่ธนาคารไปช่วยงานของพลที่บ้าน พี่ไม่อยากให้เขาบ้างานอย่างเดียว อยากให้ได้พักผ่อนบ้าง เนี่ยพลเขาแทบจะไม่ได้อยู่บ้านด้วยซ้ำ”
“แน่....ไม่อยากมีแฟนใหม่ก็บอกแพรเถอะ คิคิคิ... แพรล้อเล่นคะ ยุให้มีแฟนใหม่พี่ภาก็คงไม่สนแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็พี่พลไปหมดแล้ว ตัวเองไม่สบายแท้ๆ ยังจะเป็นห่วงเค้าอีก” แพรวาพูดพร้อมค้อนขวับ
“ว่าแต่แพรเถอะ ว่าที่เจ้าบ่าวก็เห็นวิ่งรอกงานโรงพยาบาลกับที่บ้านร้านพลอยไม่ใช่เหรอจ๊ะ เดี๋ยวนี้พากันเห่อว่าที่สะใภ้มากเลยนะ เห็นพากันเตรียมงานเรือนหอกับตำแหน่งคุณนายที่ร้านพลอย พี่ว่าแพรอาจจะต้องลางานที่นี่ไปบ้านคุณธรแล้วล่ะ อย่ามาแซวแต่พี่เลย”
“เอ่อ..... แหะๆ ที่บ้านพี่หมออ่ะ มีแต่คนใจดีคุณพ่อคุณแม่พี่หมอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแพรสักอย่าง ตอนนี้แพรก็เทียวไปเทียวมาสองบ้านอยู่อ่ะ เดี๋ยวเรือนหอเสร็จ แพรจะพาพี่ภาไปดูคนแรกเลย ไปนะคะ”
“จ้า...พี่ไม่ยอมพลาดหรอก น้องสาวจะเป็นฝั่งเป็นฝาทั้งคน เอ้อ..เสร็จหมดแล้วช่ายมั้ยจ๊ะ ง้านเก็บเข้าแฟ้มเลยจ๊ะ สักหน่อยคุณหมอคงจะมาแล้วล่ะ เดี๋ยวนี้เห็นตรงเวลามาก เลิกงานปุ้บเจอหน้าปั้บ” แพรวาช่วยวิภาวรรณจัดเก็บเอกสารการบัญชีจนครบโดยวิภาวรรณเป็นคนสั่งการจนถึงเวลาเลิกงาน แล้วสองสาวก็กันเดินมาที่ล้อบบี้ แล้วก็เจอธนธรณ์ยืนยิ้มเผล่รออยู่ก่อนแล้ว แพรวาก็เข้าไปคล้องแขนโอบกอดคู่หมั้นยืนเคียงคู่เขา
“พี่ภาเป็นยังไงบ้างครับ อาการดีขึ้นมั้ย”
“ก็ยังมีหน้ามืดเป็นพักๆ คะ แต่คงไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องห่วงหรอกคะ”
“พี่ภาเค้าแกล้งป่วยไปงั้นแหละคะพี่หมอ พี่พลทำตัวห่างเหิน พี่ภาเลยแกล้งทำให้พี่พลเค้ามาดูแล คิคิคิคิ”
“เง้อ ไปว่าพี่เค้า เอ่อ... พี่ภาครับ พลมันติดงานคนไข้ที่โรงพยาบาลน่ะครับ คนแก่แล้วอาการหนักน่าเป็นห่วง พลมันเลยฝากบอกให้พี่ภาไปรอที่ร้านก่อน มันจะไปรับที่นั่น ก่อนนั้นก็เห็นคุณอาวีรวัฒน์โทรมาคุยเรื่องงาน ดูเครียดๆ ด้วย เดี๋ยวนี้ผมล่ะสงสารมันเหมือนกัน ดูหน้ามันเนือยๆ พิกล คงจะงานสุมหัวมากไป เอางี้ เดี๋ยวผมไปส่งพี่ที่ร้านแล้วค่อยกลับนะครับ ไปเถอะ”
“คะ ขอบคุณคุณหมอคะ” วิภาวรรณก็ขึ้นรถนั่งเบาะหลังไปกับแพรวาโดยธนธรณ์นั่งขับด้านหน้าคนเดียว ธนธรณ์อดสงสารเพื่อนไม่ได้ตอนนี้วีรพลวุ่นๆ ไปหมดทำงานด้วยกันก็แทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย วีรพลก็สีหน้าอิดโรยแถมตอนนี้วิภาวรรณก็ยังมีอาการไม่ค่อยจะสบายสักเท่าไหร่ ธนธรณ์เลยขอวิภาวรรณให้เขาเป็นเจ้าของไข้ดูแลอาการหล่อนเสียเอง แพรวาก็เห็นด้วย เพราะจะพึ่งวีรพลตอนนี้คงจะทำให้เขาวุ่นมากขึ้น พอไปถึงร้านวิภาวรรณลงจากรถโดยบอกให้ทั้งสองคู่หมั้นไม่ต้องลงไปส่ง หล่อนลงรถเดินเข้าร้านไป วิภาวรรณหมดเรี่ยวแรงที่จะเดินไปตรวจข้าวของในร้าน ได้แต่บอกก้อยให้ดูแลแทน หล่อนขอเข้าห้องไปพักก่อน ก้อยเห็นอาการเจ้านายสาวไม่ค่อยสู้ดี ก็พาหล่อนไปในห้องพักดูแลน้ำท่าแล้วจึงออกไปดูแลร้านก่อนที่จะปิดอีกไม่กี่ชั่วโมง จนเกือบสองทุ่มวีรพลจึงขับรถมารับวิภาวรรณ
“ขอโทษครับภา ที่ให้รอนาน พอดีคนไข้อาการรุนแรงจนผมก็หมดปัญญายื้อชีวิตเค้าไว้ เลยทำเรื่องส่งให้ญาติมารับกับออกใบรับรองเพื่อส่งให้เขาทำมรณบัตร ก็เลยนานหน่อย ภาเป็นไงบ้างครับ ยังเวียนหัวอยู่มั้ย”
“ไม่เป็นไรแล้วคะ นี่พลคะ ภาลืมไปเลยเรื่องที่นัดกับปิ่นเรื่องคนงานที่จะจ้างเค้ามาทำเรื่องสวนกับแม่บ้านอ่ะ ป่านนี้คงกลับบ้านไปแล้วมั้ง พลคะ ดูพลอิดโรยไปมากเลย พักผ่อนบ้างเถอะนะคะ ภาเคยบอกแล้วพลก็ไม่ฟัง ดูสิตาช้ำไปหมดแล้ว” ว่าพลางก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้าคมสันที่ตอนนี้ดูซูบซีดอิดโรยของเขาอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวก็คงจะชิน อีกหน่อยงานทุกอย่างลงตัวผมก็คงไม่ต้องวุ่นวายมากแล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมไม่มีเวรเข้าโรงพยาบาลแล้ว คงได้พักทั้งวัน ภาก็เหมือนกันพรุ่งนี้ภาลาหยุดอยู่กับผมเถอะนะ ผมอยากให้แน่ใจว่าภาไม่เป็นอะไรจริงๆ แล้วก็จะได้คุยกับพี่ปิ่นเรื่องคนงานด้วย อดทนหน่อยนะครับภา ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยได้อยู่กับภาเท่าไหร่ ต้องเทียวไปมาจันทบุรี-กรุงเทพฯ บ่อยครั้ง รอให้อะไรๆ มันลงตัวทุกอย่าง ผมจะดูแลภาให้มากกว่านี้”
“ภาก็ไม่ได้ว่าพลสักหน่อยนิคะ แต่เป็นห่วงกลัวพลจะหักโหมงานมากไป อย่าห่วงไปเลยคะ ภาจะอยู่เคียงข้างพลเสมอ ยังไงๆ ก็ห่วงสุขภาพตัวเองบ้างนะคะ นี่พลทานอะไรหรือยัง เดี๋ยวภาจะโทรบอกให้ปิ่นเขาจัดสำรับรอ”
“ยังเลยครับ ขอบคุณครับ ไม่ได้เจอหน้าสองสามวันนี้คิดถึงจะแย่ วันนี้ไปนอนที่บ้านผมนะ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานล่ะ เด๋วผมจะโทรบอกแพรวาให้ดูแลแทน โอเคนะ ที่รัก” วีรพลคว้ามือหล่อนมาจุมพิตเบาๆ ตายังจ้องมองหนทาง วิภาวรรณได้แต่มองหน้าเขาดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ ทั้งสงสารเขา ถึงแม้เขาจะมีงานมากมาย แต่เมื่อยามที่อยู่กับหล่อนเขาจะทิ้งเรื่องงานและพูดเอาใจหล่อนให้ได้เคลิบเคลิ้มตามทุกที นิสัยและบุคลิกแบบนี้เหมือนกับวีรวัฒน์ยังกับถอดแบบกันมาไม่มีผิด ก็แน่ล่ะ ก็เขาเป็นพ่อลูกกัน เมื่อไปถึงบ้านก็ขับรถเข้าบ้านวิภาวรรณไปเลย เห็นปิ่นวิ่งออกมารับกับโชค วีรพลกับวิภาวรรณทานข้าวเย็นจนอิ่มแล้ว วีรพลก็บอกกับปิ่นและโชคให้อยู่นอนเฝ้าบ้านวิภาวรรณ ส่วนวิภาวรรณเขาให้ไปนอนที่บ้านเขา อ้างว่าหล่อนอาการยังไม่น่าไว้ใจ เกิดอะไรขึ้นจะได้ดูแลทัน ทั้งโชคกับปิ่นก็รับคำ มองหน้าวิภาวรรณกับวีรพลเหมือนจะรู้ทัน ส่งยิ้มเหมือนจะกลั้นหัวเราะให้วิภาวรรณเป็นนัยๆ จนวิภาวรรณเองก็อึกอักเขินอายอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะโบ้ยหน้าไล่ปิ่นกับโชคไปเก็บถ้วยจานไปล้างทำความสะอาดครัว แล้วค้อนขวับทำปากบ่นอุบอิบๆ แล้วรีบเดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนชุด...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น