วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รักยม ตอนที่ 74 - พลุ่งพล่าน





   "พี่เอกอ่ะ หนีไปเที่ยวที่ไหนอีกแล้วเนี่ย"

   เด็กหญิงเมญ่า หรือเมย์เด็กสาววัยสิบสี่ปีส่งเสียงบ่นอุบขณะมองดูข้อความบนโทรศัพท์มือถือ นั่นเป็นข้อความจากพี่เอกที่ส่งมาบอกว่ามีธุระด่วนอาจจะหายไปสักสามถึงสี่วัน ซึ่งเธอเองก็ได้ทำการโทรศัพท์กลับไปทันทีที่ได้รับข้อความ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่สามารถติดต่อได้

   เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมต้นอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ก่อนจะกดปิดแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงไปในกระเป๋าสะพาย เธอหยุดยืนคิดเล็กน้อย ขณะที่หนุ่ม ๆ รอบกายในย่านการค้ากำลังแอบมองสำรวจเรือนร่างอวบอิ่มเกินวัยด้วยสายตาวาววับ ซึ่งนั่นก็นับเป็นเรื่องปกติที่เธอเคยชินเสียแล้ว

   เมย์นั้นจัดเป็นเด็กสาวที่สวยยั่วราคะเกินวัย ผิวกายของเธอขาวผ่อง ใบหน้าสวยหวาน โดยเฉพาะส่วนทรวงอกที่ชูชันเด้งเด่นหราราวกับอยู่ในวัยมหาลัย จึงไม่แปลกที่เพศตรงข้ามจะต้องแอบมองจนบังเกิดจิตราคะ

   ความจริงแล้วเด็กสาวเพิ่งเลิกเรียน เธอเพิ่งแยกทางกับต่ายเพื่อนสนิท ตั้งใจจะรีบมาซื้อขนมของชอบ ก่อนจะแวะไปรับน้องสาว แล้วกลับบ้านเพื่อไปหาพี่ชายสุดที่รัก แต่เมื่อพี่ชายส่งข้อความมาบอกว่าจะไม่อยู่บ้าน แผนการณ์ของเธอจึงกลายเป็นเคว้งคว้างขึ้นมา เธอไม่ทราบว่าจะรีบกลับไปทำอะไรที่บ้าน

   "น้องสาวคนสวยไปดูหนังกับพี่มั้ยครับ?"

   ขณะกำลังคิดเพลิน ๆ ก็ปรากฎชายหนุ่มใส่ชุดช่างกลห้าคนเดินเข้ามาหาพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มลามก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาแอบเหลือบสายตาลงต่ำมองดูทรวงอกของเธอเป็นระยะ เมย์จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ

   "ขอโทษค่ะ หนูรอแฟนอยู่"

   เธอปฏิเสธแล้วเดินหนีไปทางอื่น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีหนุ่ม ๆ คิดมาขายขนมจีบ เธอจึงไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร เพียงแค่ตอบปฏิเสธให้ชัดเจน แล้วเดินหนีไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายแสดงอาการดื้อดึง ซึ่งก็มักจะได้ผลเสมอ แต่คราวนี้กลับไม่ได้ผลนัก เพราะอีกฝ่ายยังคอยเดินตามอยู่ห่าง ๆ ทำท่าเหมือนไม่เชื่อว่าเธอกำลังรอแฟน

   เด็กสาวรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างที่มีคนแอบเดินตาม แต่ว่าในสถานที่แบบนี้น่าจะไม่มีอันตรายอะไร เธอจึงตัดสินใจเดินเล่นในย่านการค้าต่อ เพราะโรงเรียนของน้องสาวยังไม่ถึงเวลาเลิก เธอพยายามไม่สนใจสายตาหื่นกระหายที่จ้องมองมา ทั้งยังต้องคอยปฏิเสธการเข้ามาจีบของหนุ่ม ๆ หลายครั้ง จนเธอเริ่มเกิดความคิดประท้วงพี่ชายตัวเองขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า หากเธอหากิ๊กวัยเดียวกันสักคน พี่ชายจะออกอาการหึงบ้างหรือไม่

   ความคิดอุตริเล็ก ๆ เพิ่งบังเกิด เมย์ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงวัยประถมคนหนึ่ง เธอจึงเดินเข้าไปใกล้ด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่าเด็กสาวคนนั้นยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ เงยหน้ามองดูลูกโป่งสีแดงสดที่ติดค้างอยู่กับกิ่งไม้สูงจากพื้นมากพอสมควร

   เมย์เกิดความคิดอยากช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรได้ ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ยังเอื้อมไม่ถึง จะมองหาที่เหยียบขึ้นไปหยิบให้ดูเหมือนจะไม่มี และในขณะที่เธอกำลังจะส่ายหน้าเลิกล้มความคิดช่วยเหลือนั้นเอง ก็สังเกตเห็นเงาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้

   เธอยกมือขึ้นป้องปากด้วยความลุ้นระทึกเกรงว่าเด็กชายจะร่วงตกลงมา แต่ก็ยังแอบลุ้นให้เขาทำได้สำเร็จ และเพียงเวลาไม่นานเขาก็ทำได้สำเร็จ เด็กชายปีนป่ายไปตามกิ่งไม้ใหญ่หยิบเอาลูกโป่งสีแดงสดไว้ในมือท่ามกลางความยินดีของคนที่มองดูอยู่จากด้านล่าง และทันใดนั้นเอง ทุกคนก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ ผู้หญิงบางคนถึงกับส่งเสียงร้องวี้ดออกมา เพราะเด็กชายคนนั้นกระโดดลงมาจากกิ่งไม้ที่สูงมากกว่าสามเมตร

   เมย์เป็นคนหนึ่งที่เผลอส่งเสียงร้องวี้ดออกมา เพราะนั่นเป็นความสูงที่นับได้ว่าอันตรายถึงขั้นกระดูกแตกหัก หากทว่าเวลานั้นเธอกลับต้องลืมตาโพลงมองดูร่างที่ร่วงหล่นลงมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด นั่นเป็นเด็กชายวัยเดียวกันกับเธอที่ดูหล่อเหลาน่ามอง และที่น่าประหลาดก็คือใบหน้านั้นมีส่วนคล้ายคลึงกับพี่เอกสุดที่รักของเธออยู่หลายส่วน เพียงแต่อ่อนวัยกว่าเป็นสิบปี

   ตุบ ... เสียงรองเท้ากระแทกลงบนพื้นเบากว่าที่ผู้คนคาดคิดไว้ เด็กชายร่วงลงมาแล้วย่อเขาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนยื่นลูกโป่งให้เด็กสาวโดยไม่มีท่าทีว่าจะบาดเจ็บอะไร บรรดาไทยมุงจึงพากันยืนอ้าปากค้างด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ ว่าเด็กชายทำได้อย่างไร

   เสียงปรบมือและคำชมเชยดังขึ้นเมื่อทุกคนได้สติคืนมา หากทว่าเมย์ยังไม่ได้สติ เธอยังคงจับจ้องมองดูเด็กชายคนนั้นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด หัวใจของเธอเต้นระทึกคล้ายกับตอนพบหน้าพี่เอกสุดที่รัก อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่าเธอคุ้นเคยและผูกพันธุ์กับเด็กชายคนนี้อย่างยิ่ง

   เมย์รู้สึกหน้าแดงวูบเล็กน้อย เมื่อเธอเผลอยิ้มให้เด็กชายคนนั้น ตอนที่เขาหันมามองสบตากับเธอเป็นครั้งแรก ทีแรกแววตาของเด็กชายนั้นคล้ายกับแตกตื่นประหลาดใจ จากนั้นเพียงครู่เดียวเขาก็ขมวดคิ้ว แล้วหมุนตัวเดินจากไป ทำท่าเหมือนไม่สนใจในความสวยน่ารักของเธอเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย

   นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนไม่โดนความสวยน่ารักของเธอสะกด ต่อให้เก็บอาการเก่งแค่ไหน แต่เมย์คุ้นชินกับการโดนผู้ชายมองจนตาค้างด้วยความลุ่มหลงในแวบแรกเสมอมา ไม่เคยเลยที่จะมีใครมองเธอแล้วแสดงท่าทีเย็นชาไม่สนใจใยดีแบบนี้ เด็กสาวจึงรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ และเดินตามหลังเด็กชายไปโดยไม่รู้ตัว

   น่าแปลกที่ช่วงแรกนั้นเด็กชายเดินทอดน่องแบบสบาย ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ เขาก็เริ่มเดินเร็วขึ้น ทั้งยังซอกแซกไปตามเส้นทางยิบย่อยของย่านการค้าเหมือนกับคิดจะสลัดคนติดตามให้หลุด เมย์เองก็รู้สึกว่าเขาน่าจะรู้ตัวแล้วว่าโดนตามอยู่ แต่ว่าความคิดอยากรู้ และอยากเอาชนะทำให้เธอพยายามตามเขาไปเรื่อย ๆ โดยที่ตัวเองก็บอกไม่ได้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร

   เด็กชายคนนั้นยิ่งรวดเร็ว เธอก็ยิ่งโดนทิ้งห่าง สุดท้ายเมย์ก็พบว่าตนเองหลงอยู่ในซอยเปลี่ยวร้างผู้คน ซึ่งไม่ทราบว่าอยู่ตรงส่วนไหนของย่านการค้า และทันใดนั้นเองมือของเธอก็โดนฉุดกระชากไปกระแทกกับผนังกำแพงคราหนึ่งจนต้องว้ายออกมา

   "ว้ายย!!!"

   "จะรีบไปไหนจ๊ะน้องสาวคนสวย กำลังหาที่เปลี่ยว ๆ ให้พวกพี่ตามมาเยสเหรอจ๊ะ"

   เมย์เงยหน้ามองก็ได้พบว่าที่ยืนล้อมกรอบเธออยู่ก็คือเด็กช่างทั้งห้าคนที่เข้ามาทักเธอในตอนแรก พวกเขายังคงแอบเดินตามเธอมาตลอดจนกระทั่งเมย์เผลอเดินเข้ามาในซอยเปลี่ยวจึงค่อยออกมาฉกฉวยโอกาส ตอนนี้เมย์จึงหน้าซีดรู้สึกว่าตนเองหาเรื่องใส่ตัวเข้าแล้ว

   "แม่ง เห็นแล้วโคตรเงี่ยนเลยว่ะ เด็กโรงเรียนลูกคุณหนู สวยชิบหาย ใส่ชุด ม ต้น แต่ทำไมนมใหญ่ขนาดนี้"

   "กูอยากเย็ดลูกคุณหนูมานานแล้วว่ะ เมื่อกี้มองไกล ๆ ควยกูก็แข็งปั๋งแล้วตอนนี้ควยกูเหมือนจะระเบิดเลย"

   "ปากสวยหน้าสวยแบบนี้ ขอกูเด้าให้แตกคาปากก่อนนะเว้ย"

   "งั้นกูขอเย็ดตูดอีนางฟ้านี่ก็แล้วกัน"

   เด็กช่างกลทั้งห้าที่ยืนห้อมล้อมพากันพูดจาด้วยความคึกคะนอง พวกมันมองดูความสวยงามละลานตาของเด็กสาวด้วยความรู้สึกหื่นกระหายจนคอแห้งผาก โดยเฉพาะเมื่อเด็กสาวที่สวยหมือนนางฟ้าคนนี้สวมใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนสตรีชื่อดังที่มีแต่ลูกคุณหนู ความหื่นของพวกมันก็ยิ่งพลุ่งพล่านจนเป้ากางเกงพองเป่ง

   "ช่วยด้วย อุ๊บบ ..."

   เมย์เห็นท่าไม่ดีก็รีบหวีดร้องส่งเสียงเรียกให้คนช่วย แต่ร้องออกมาได้คำเดียวก็โดนมือข้างหนึ่งพุ่งเข้ามาปิดปากเอาไว้จนเสียงขาดหาย เธอจึงพยายามดิ้นหมายจะหนีออกจากวงล้อม แต่เรี่ยวแรงของเด็กสาวหรือจะสู้ชายฉกรรจ์อารมณ์หื่นห้าคนได้ เพียงพริบตาเดียวร่างงามก็โดนกดนิ่งอยู่กับกำแพง ปากเธอโดนปิด สองมือโดนจับกดลงบนกำแพงจนกระดุกกระดิกไม่ได้

   เด็กสาวยังคงพยายามส่งเสียงร้อง หากมีแต่เพียงเสียงอู้อี้ที่ดังออกมาแผ่วเบา ดวงตากลมโตมองดูสีหน้าอันหื่นกระหายกลัดมันของชายฉกรรจ์ทั้งห้าด้วยความรู้สึกหดหู่หมดหวัง พริบตานั้นเธอนึกถึงพี่เอกสุดที่รักของเธอ หวังว่าเขาจะมาช่วยเธอแบบเดียวกับที่เคยช่วยพี่หญิง หากทว่าที่น่าแปลกก็คือ ในใจส่วนลึกกลับเรียกร้องหาเด็กผู้ชายที่เธอวิ่งตามมาด้วยอีกทางหนึ่ง

   "... เรามาตกลงกันดีกว่านะคนสวย ... เอาเป็นว่าพวกพี่จะให้น้องช่วยใช้ปากโม้กควยให้พวกพี่พร้อมกัน ถ้าน้องทำให้พวกพี่น้ำแตกได้ทั้งห้าคน พี่สัญญาว่าจะปล่อยเราไป"

   หนึ่งในเด็กช่างที่ปิดปากเมย์ยิ้มหื่นพร้อมกับยื่นข้อเสนอที่ไม่น่าเชื่อถือออกมา ซึ่งเมย์เองก็ไม่ได้คิดจะเชื่อคำพูดไร้สาระแบบนี้ เธอคิดว่าคนพวกนี้กำลังจะอยากเล่นสนุก ต่อให้เธอยอมทำให้ พวกมันก็จะยังข่มขืนรุมโทรมเธอในภายหลังอยู่ดี แต่ปัญหาก็คือหากเธอไม่ยอมทำ เธอก็จะโดนรุมข่มขืนตอนนี้ทันทีโดยไม่มีใครมาช่วยได้ ดังนั้นหากถ่วงเวลาออกไปได้สักหน่อยก็น่าจะดีกว่า

   เด็กช่างคนนั้นปล่อยมือออกจากปาก เมื่อเมย์พยักหน้าทำท่าเหมือนจะยอมรับข้อเสนอ จากนั้นมือทั้งสองข้างก็โดนปล่อยจนเธอเป็นอิสระ ในขณะที่เด็กช่างทั้งห้านั้นหันไปถอดรูดกางเกงออก อวดดุ้นเอ็นที่แข็งปั๋งแต่มีขนาดแตกต่างกันห้าดุ้นชี้ตรงเด่มายังเหยื่อแสนสวย

   เมย์มองซ้ายมองขวาแต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครเข้ามาในซอยเปลี่ยวนี้ เธอจึงค่อย ๆ กลั้นใจลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น เวลานี้ดุ้นเอ็นดำคล้ำทั้งห้าจึงชี้โด่เด่อยู่ระดับเดียวกับใบหน้าแสนสวย

   "รีบดูดซิจ๊ะน้องสาว"
   "ดูดของกูก่อนนะอีกะหรี่"
   "เอามือมึงมาชักว่าวด้วยอย่าให้เสียเวลา"
   "วันนี้ล่ะมึง กูจะได้เย็ดอีเด็กโรงเรียนคุณหนูอย่างที่ฝันแล้วโว้ย"

   พวกมันทั้งห้าพากันส่งเสียงด้วยความคึกคัก บางคนใช้มือรูดถอกดุ้นเอ็นเพื่อระบายความเงี่ยนขณะรอคอย เมย์ได้แต่พยายามถ่วงเวลาเล็กน้อย แล้วหลับตาไม่อยากเห็นภาพอดสู ขณะเอื้อมมือขึ้นไปเพื่อทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ

   ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของพวกเด็กช่างทั้งห้ากลับขาดหาย แม้แต่เมย์ที่นั่งคุกเข่าอย่างอดสูก็รู้สึกหนาววูบตัวสั่นเทิ้มต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เธอไม่ทราบว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร แต่เธอสามารถบอกได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่สยองผองเกล้ามากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเจอมา

   เด็กช่างทั้งห้าเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกเช่นเดียวกัน สีหน้าคึกคะนองหื่นกามเมื่อครู่ล้วนเลือนหายไปหมดสิ้น ที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าคือแววตาขลาดเขลาและใบหน้าซีดเซียว แม้แต่ดุ้นเอ็นที่แข็งปั๋งก็ค่อย ๆ ห่อเหี่ยวหดตัวลงทีละน้อย โดยที่พวกมันทั้งห้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันแค่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกบ และกำลังโดนพญาอสรพิษตัวใหญ่จับจ้องเตรียมกัดกิน

   ไม่มีใครกล้าขยับร่างแม้แต่น้อย เมย์จึงเป็นคนแรกที่มองเห็นเพราะหันหน้าออกไปด้านนอก ในขณะที่เด็กช่างทั้งห้านั้นหันหน้าเข้าหากำแพง ที่ตรงนั้น เด็กผู้ชายที่ปีนต้นไม้ไปเก็บลูกโป่งสีแดงกำลังยืนมองมาด้วยใบหน้าเย็นชา หากทว่าเมย์กลับสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวราวกับภูเขาไฟใกล้ระเบิดในดวงตาคู่นั้น และอะไรบางอย่างในดวงตานั้นกำลังทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวแรง

   "พวกมึงมายุ่งกับเมียกูแบบนี้ อยากตายกันมากใช่มั้ย?"

   น้ำเสียงเรียบเฉยแฝงอารมณ์โกรธเกรี้ยวนั้นทำให้เด็กช่างทั้งห้าสะดุ้งโหยง พวกมันรีบหันหลังมามอง แล้วถอยกรูดไปยืนพิงผนังกำแพงด้วยท่าทางสั่นกลัว หากทว่าเมื่อพวกมันมีเวลาได้รวบรวมสติ และมองเห็นเพียงเด็กชายวัยมัธยมต้นอยู่เบื้องหน้าเพียงคนเดียว ความหวาดกลัวก็เริ่มลดทอนลงไป ความกล้าบ้าบิ่นเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง พวกมันไม่เห็นเหตุผลสักข้อว่าตัวเองต้องกลัวเด็กตัวกระเปี๊ยกคนนี้

   "เป็นเด็กอย่ามาเสือกเรื่องผู้ใหญ่โว้ย ไปไกล ๆ เลยมึงไม่งั้นกูจะกระ ..."

   หนึ่งในเด็กช่างพยายามรวบรวมความกล้า และกล่าวท้าทายต่อเด็กชาย หากทว่าเพียงแค่เด็กชายปรายตามองมา เด็กช่างคนนั้นก็เกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อจนไม่สามารถพูดคำว่ากระทืบให้จบลงได้ แววตานั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว

   ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรอีก เด็กช่างทั้งห้าที่เคยตีรันฟันแทงไปทั่วต่างรู้สึกหวาดกลัว พวกมันไม่ทราบว่าทำไมต้องกลัวเด็กที่อ่อนวัยกว่าเพียงคนเดียว แต่ว่าพวกมันยอมรับว่ากำลังกลัว และนี่ไม่ใช่อาการหวาดกลัวธรรมดา แต่เป็นความกลัวที่เย็นเยียบที่สุด และดำมืดที่สุดเท่าที่พวกมันจะนึกฝันได้

   ความเงียบถูกทำลายลงเมื่อมีเสียงคนย่ำเท้าเข้ามาในซอยเปลี่ยว นั่นเป็นเด็กช่างอีกสิบกว่าคนที่ตามเข้ามาเพราะพรรคพวกส่งข้อความบอกตำแหน่งให้ และข้อความที่ว่านั้นก็ช่างเร้าใจจนทุกคนต้องรีบวิ่งมาโดยด่วน ข้อความนั้นเขียนว่า 'รุมโทรมเด็กโว้ย โคตรสวยใครช้าอดเยส'

   ภาพที่เห็นทำให้กลุ่มเด็กช่างที่มาใหม่รู้สึกแปลกประหลาดใจยิ่ง เพราะพรรคพวกทั้งห้ากำลังยืนสั่นกลัวเบียดกับกำแพงทำท่าเหมือนกำลังจะตะกายหนีอะไรบางอย่าง ทั้งยังมีเด็กชายวัยมัธยมต้นคนหนึ่งยืนท้าทายอยู่ แต่แล้วความแปลกใจนั้นก็หายไปในทันทีเมื่อหันไปมองเห็นเด็กสาวแสนสวยในชุดนักเรียนมัธยมต้นนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เหยื่อของพวกมันวันนี้ช่างสวยสุดยอดยิ่งกว่าครั้งใด สวยเสียจนทุกสายตาถลึงจ้องมองไปทางเดียวกัน

   "ทำเหี้ยอะไรของพวกมึงวะ กูก็นึกว่าพวกมึงเปิดงานก่อนแล้ว แล้วไอ้เด็กผู้ชายนี่น้องใครวะ จะเอามาฝึกเอาหญิงเหรอวะ"

   หนึ่งในเด็กช่างที่มาใหม่ส่งเสียงหัวเราะร่วนกับท่าทางแปลกประหลาดของพวกทั้งห้า จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาด้วยความสงสัย เพราะพรรคพวกทั้งห้าที่มาก่อนนั้นต่างก็รีบวิ่งเผ่นมายืนสั่นกลัวอยู่เบื้องหลังกลุ่มใหญ่ โดยไม่ใส่ใจต่อเด็กสาวแสนสวย และเด็กชายปริศนาคนนั้น

   "... มันเป็นแฟนกับอีนางนั่น ... มันมาช่วย ..."

   หนึ่งในห้าคนแรกเมื่อได้ไปยืนหลบอยู่หลังพรรคพวกที่มีมากขึ้น ความกลัวก็เริ่มลดน้อยถอยลง แต่ว่าเสียงที่พูดออกมาก็ยังกระท่อนกระแท่นเหมือนอาการเกร็งและหวาดกลัวจะยังอยู่

   คำพูดและท่าทางของห้าคนนั้นทำให้พวกมาใหม่แสดงท่าทีงุนงงครู่ใหญ่ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เพราะนั่นนับเป็นเรื่องตลกและเสื่อมเสียอย่างร้ายกาจ เด็กช่างที่ใหญ่สุดในเขตนี้ห้าคน กลับกลัวเด็กชายแค่คนเดียวจนตัวสั่นเทิ้มแบบนี้

   "แฟนมึงเหรอวะไอ้หนู ใจกล้าดีนี่หว่า เอาแบบนี้ เดี๋ยวกูจะให้มึงเอาด้วยก็แล้วกัน แต่ขอกูตบหัวให้หายซ่าก่อน"

   คนมาใหม่ที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่มหัวเราะร่วน พลางเดินเข้าไปหาแล้วเงื้อมมือหมายจะตบหัวเด็กชายเพื่อแสดงให้เห็นว่าใครใหญ่กว่าใคร หากทว่าฝ่ามือที่ตบฟาดไปนั้นกลับวืดไม่โดนสิ่งใด ร่างของเด็กชายขยับวูบหนึ่ง ศรีษะขยับเป็นวงกลมหลบฝ่ามือพร้อมกับหันหน้ามา และเวลาเดียวกันนั้นกำปั้นของเด็กชายก็เหวี่ยงแหวกอากาศดังขวับโดยที่ไม่มีใครมองทัน

   กร๊อบ!!! เสียงกระดูกหักดังขึ้นอย่าสยดสยอง เมื่อกำปั้นของเด็กชายกระแทกเข้ากับบริเวณกรามด้านซ้ายของหัวหน้ากลุ่ม ร่างสูงใหญ่ถึงกับทรุดฮวบลงไปดิ้นพล่านทุรนทุราย ไม่มีเสียงกรีดร้องเจ็บปวดอันใด หากทว่าเลือดที่ไหลออกมาจากปาก รวมถึงเศษฟันสีขาวที่ร่วงหล่นออกมานั้นทำให้ทุกคนเริ่มตระหนักได้ว่าพวกพ้องเจ็บหนักถึงเพียงไหน

   "ไม่ใช่แฟน แต่เป็นเมียกู"

   เด็กชายเพิ่งต่อยเด็กช่างตัวใหญ่กว่าเกือบเท่าตัวล้มคว่ำในหมัดเดียว ก็หันหน้าเดินเข้าไปหากลุ่มเด็กช่างเกือบยี่สิบคนแล้วพูดข่มขู่ เด็กช่างทั้งหมดแม้จะหวาดกลัว แต่ว่าจำนวนที่มีมากกว่านั้นทำให้ความกลัวลดทอนลงไป แต่ละคนต่างหยิบฉวยเอาอาวุธออกมาถือกระชับไว้ แล้วส่งเสียงเฮวิ่งเข้าหาเด็กชาย

   ไม้บรรทัดเหล็กที่คมกริบฟาดวูบนำมาก่อน แต่เด็กชายไม่สนใจความคมกล้า กระโจนพุ่งตัวถีบเท้าเข้าหาทรวงอกของมันคนนั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเสียงกร๊อบก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ปลิวลิ่วไปกระแทกเพื่อนที่ตามมาด้านหลังแล้วนอนสลบเหมือดเพราะกระดูกหน้าอกแตกร้าว

   ความแตกตื่นที่เห็นเพื่อนโดนเตะปลิว ทำให้มีดพับเล่มหนึ่งสะบัดไปมาด้วยความลนลาน และเพียงพริบตาเดียวมีดเล่มนั้นก็หลุดมือลอยขึ้นไปบนฟ้า เพราะเด็กชายหยิบฉวยคว้าเอาไม้บรรทัดเหล็กมาฟันฉับเข้าที่ข้อมือจนจมลึกไปครึ่งหนึ่งของความหนา

   เสียงแผดร้องเจ็บปวดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป เด็กช่างที่ผ่านสมรภูมิต่อยตีมาไม่น้อย เมื่อเจอกับอีกฝ่ายที่เป็นเหมือนเทพสงคราม กลับต้องกลายสภาพไปเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้ความ ไม่มีใครออกอาวุธได้มากกว่าหนึ่งครั้ง บางคนก็แทบไม่ได้ออกอาวุธเลยแม้แต่ครั้งเดียว อาวุธประจำตัวที่พกพามาเพียงยื่นออกไป ก็โดนอีกฝ่ายหยิบฉวยไปใช้อย่างรวดเร็ว

   เสียงแผดร้องเจ็บปวดดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงกระดูกแตกหัก เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นราวกับเม็ดฝน เด็กชายคล้ายเสือร้ายที่กระโจนเข้าดงกระต่ายป่า ทุกคราวที่ขย้ำลงมือเป็นต้องมีคนส่งเสียงแผดร้องนอนหมดสภาพ เด็กช่างที่เหลือโดนความหวาดกลัวเล่นงานจนสองตาแดงฉาน แต่ความกลัวเกินไปทำให้ไม่กล้าวิ่งหนี ได้แต่แหกปากร่ำร้องพุ่งกระโจนเข้าหากองไฟ

   ร่างสูงใหญ่ของเด็กช่างคนสุดท้ายล้มตึงลงไปนอนแน่นิ่งเพราะโดนตีเข่าเข้าปลายคาง เลือดสีแดงสดไหลรินออกจากมุมปากพร้อมกับเศษฟันที่แตกหักแล้วสลบเหมือดไป เวลานี้จึงหลงเหลือแต่เพียงเด็กชายที่ยืนอยู่เพียงลำพังโดยไม่มีริ้วรอยบาดเจ็บแต่อย่างใด

   เมญ่านั่งจ้องมองภาพนั้นแทบตาไม่กระพริบ หัวใจของเธอเต้นระรัวเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายคนนั้นคล้ายกับเทพสงคราม การลงมือแต่ละครั้งนั้นโหดเหี้ยมเด็ดขาดน่าสยดสยอง หากทว่าเมื่อนึกไปว่าเขาเป็นฮีโร่มาช่วยเหลือเธอ ความอบอุ่นบางอย่างก็พลุ่งพล่านไปทั่วร่างอย่างไม่มีสาเหตุ

   ดวงตากลมโตจับจ้องมองดูเด็กชายแน่วนิ่ง ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยให้เห็น มีแต่เพียงเหงื่อที่ซึมออกมาจนเสื้อเปียกชุ่ม แล้วแต่งแต้มด้วยสีแดงฉานของเลือดเป็นหย่อมใหญ่ เธอจับจ้องมองดูหยดเลือดที่เกาะติดตรงข้ามแก้มของเด็กชาย รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดิบเถื่อนอันแปลกประหลาดที่แอบแฝงอยู่ในร่างนั้น

   "แย่แฮะ ... พลังลดไปเยอะ กะไม่ค่อยถูก ยังดีที่เรียนแม่ไม้มวยไทยมา ... ชิ เสื้อเปื้อนหมด"

   เด็กชายยืนนิ่งมองดูสภาพโดยรอบหนึ่งครั้ง ก่อนจะทอดถอนหายใจบ่น แล้วขยับยกแขนถอดเสื้อผ้า อวดร่างเปลือยท่อนบนที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงสมส่วนของบุรุษเพศ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเด็กสาวที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น และเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยื่นมือออกมา เมย์ก็เกิดอาการสะดุ้งโหยงตื่นกลัวขึ้นมา

   เธอหน้าแดงซ่านเขินอายต่อปฏิกิริยาของตัวเอง เพราะมือข้างนั้นเพียงแค่ยื่นออกมาหมายช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน หากทว่าเธอกลับเผลอนึกคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน

   เมย์จับมือเด็กชายแล้วลุกขึ้นยืนส่ายโงนเงนเพราะสองขายังไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ส่งเสียงร้องว้ายเบา ๆ เมื่อเด็กชายคว้าร่างของเธอไปสวมกอดอย่างแนบแน่นโดยไม่บอกกล่าว

   "อืมมมม"

   เด็กสาวส่งเสียงครางแผ่วเบาด้วยความรู้สึกเร่าร้อน ร่างกายของเธอกลับไม่แสดงปฏิกิริยาต่อต้านกับอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนี้ กลิ่นเหงื่อของเด็กชายทำให้อารมณ์ของเธอพลุ่งพล่านปั่นป่วน สัมผัสของปลายถันที่บดเบียดกับร่างเปลือยของเด็กชายส่งผ่านความเสียววาบหวิวแผ่ซ่านราวลูกคลื่น หากทว่าที่ทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนที่สุด กลับเป็นความรู้สึกคิดถึงคะนึงหาที่ถ่ายทอดออกมาทางอ้อมกอด เธอรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคนรักที่พลัดพลากจากกันนานหลายปีก็มิปาน

   เมย์พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว เพียงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสุขสมอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมา แม้แต่ตอนที่เขาประกบจูบลงมาอย่างดุดัน เธอก็ไม่มีท่าทีจะต่อต้านหรือหลีกหนีแม้แต่น้อย อีกทั้งยังโอบสองแขนกอดรัดร่างแกร่งของเด็กชายเอาไว้อย่างแน่นหนาเป็นการตอบสนองเสียด้วยซ้ำ

   นั่นเป็นรสจูบที่ดุเดือดร้อนแรงที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ ริมฝีปากนั้นบดลงมาอย่างหนักหน่วง ลิ้นของเขาแทรกเข้ามาตวัดพัวพันระรัวรุนแรงราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของให้คนอื่นรับทราบ

   ฝ่ามือบอบบางทั้งสองขยับคว้าสะเปะสะปะไปตามแผ่นหลังแกร่ง บางครั้งก็เลื่อนต่ำลงไปบีบขยำสะโพกหนาของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วงเพื่อระบายอารมณ์ ในขณะที่ฝ่ายเด็กชายก็ไม่น้อยหน้า เดินผลักจนแผ่นหลังของเมย์ชิดผนัง มือข้างหนึ่งขยับตะปบขยำทรวงอกอวบแล้วบีบขยี้จนเธอตัวกระตุกสั่น ในขณะที่มืออีกข้างนั้นจับช้อนขาเรียวงามข้างหนึ่งขึ้นมาพาดกับสะโพก แล้วล้วงมือลงไปขยำใส่แก้มก้นอย่างหนักหน่วง

   เสียงร้องโอดครวญเจ็บปวดของพวกเด็กช่างเงียบลงโดยพลัน คนที่หมดสติไปแล้วก็แล้วไป แต่คนที่ยังไม่หมดสติก็ไม่มีอารมณ์ร่ำร้องโอดโอยอีก เพราะโดนภาพวาบหวามของเด็กชายและเด็กสาวสะกดไว้จนอารมณ์พลุ่งพล่าน

   เสียงดูดปากและเสียงหอบหายใจครวญครางดังกระเส่าในซอยเปลี่ยว เมย์โดนกระตุ้นเร้าจนสติหลุดลอย เธอหลับตาพริ้มเอื้อมมือถอดกางเกงขาสั้นของเด็กชายลงไปเล็กน้อยตามความเคยชินในแบบที่เคยทำกับพี่เอก เธอกำลังต้องการต้องการมากกว่านี้

   เด็กชายเองก็ตอบสนองให้ไม่แพ้กัน เสื้อนักเรียนของเมย์โดนถลกขึ้นจนเห็นยกทรงลายการ์ตูนสีสวย จากนั้นยกทรงก็โดนถลกตามเสื้อขึ้นไปจนทรวงอกอวบใหญ่เกินวัยเด้งทะลักออกมาอวดยั่วน้ำลาย

   "ซี้ดดดสสสสส อืมมมมมมมม โอออวววววววว อูววววววววว"

   เมย์ส่งเสียงครางสุดเสียวออกมาทันที เมื่อเขาปลดปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ แล้วก้มต่ำลงไปอ้าปากงับดูดเลียใส่สองเต้ากลมดิกเสียงดังจ๊วบ

   ความดุดันดิบเถื่อนของการเล้าโลมสร้างความตื่นเต้นกระสันอันแปลกใหม่ เมย์แอ่นหน้าเริ่ดกดศีรษะของเด็กชายเข้าหาตัวเองอย่างร้อนร่าน คล้ายจะเสนอให้เขาโลมเลียทรวงอกด้วยความเผ็ดร้อนตะกลุมตะกลามยิ่งกว่านี้ ไม่มีเวลาไหนที่เธอเกิดความต้องการร้อนแรงถึงเพียงนี้อีกแล้ว

   เมย์รับรู้ได้ว่ากางเกงในตัวเก่งกำลังโดนรูดออกไปจากร่าง และเธอก็ตอบสนองด้วยการขยับขาให้เขาถอดได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ล้วงมือลงไปคว้าหมับเข้ากับดุ้นเอ็นอันเขื่องที่แข็งกระด้างและร้อนผ่าวเหมือนแท่งเหล็ก

   ความเสียวสยิวแล่นพล่านจากฝ่ามือมาถึงสมอง ความใหญ่โตของมันทำให้เธอทราบว่าเด็กชายคนนี้มีอาวุธร้ายกาจเทียบเท่ากับพี่เอก แต่อะไรบางอย่างที่ดิบเถื่อนแปลกใหม่นั้นกระตุ้นจนเธอรู้สึกเร้าใจยิ่งกว่า

   กระโปรงนักเรียนโดนถลกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับขาเพรียวที่ขยับขึ้นไปพาดกับสะโพกของเขา และนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกมกามกำลังจะดำเนินไปยังขั้นถัดไป

   เมย์ใจหายวาบร้องห้ามออกมาแผ่วเบา เพราะรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุที่จรดจ่ออยู่กับร่องเสียวพร้อมแหวกทะลวงเข้ามาเสพสม หากทว่าแทนที่ร่างกายของเธอจะปฏิเสธปัดป้อง เธอกลับยกขาอีกข้างขึ้นพาดสะโพกของเขา เพื่อเปิดทางให้เขาสอดแทรกเข้ามาได้ง่ายดายขึ้น อีกทั้งยังกอดรัดรั้งร่างของเด็กชายเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับเกรงกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจถอยหนีไป

   ลีลารักอันเร่าร้อนของเด็กชายและเด็กสาวทำให้เด็กช่างที่เจ็บไม่หนักมากทานทนไม่ไหว บางคนต้องถลึงตามองดูเด็กสาว แล้วใช้มือบีบขยำเป้ากางเกงอย่างหนักหน่วงเพื่อระบายอารมณ์หื่นกระสันที่ล้นทะลัก บางคนที่บาดเจ็บมากเกินไปจนไม่มีอารมณ์หื่น ก็ยังต้องจ้องมองดูราวกับโดนสะกด

   อารมณ์ที่พลุ่งพล่านถึงขีดสุดทำให้เมย์เสนอจูบแสนร้อนแรงให้ สองมือของเธอจิกขย้ำลงบนแผ่นหลังหนักหน่วงเป็นรอยจ้ำ ในขณะที่สะโพกนั้นส่ายเด้งร่อนเสนอเข้าหาความเป็นชายของเขาด้วยความร้อนร่าน กิริยาของเธอสื่อออกมาเป็นที่แน่ชัดว่า เธอกำลังต้องการเขามากเพียงใด แต่แล้วสักครู่หนึ่งเด็กสาวก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

   เด็กชายที่รุกเร้าจู่โจมด้วยความดิบเถื่อนเร่าร้อนตั้งแต่เริ่มกลายเป็นหยุดนิ่งไม่ยอมเคลื่อนไหว ทุกส่วนของเขาไม่ยอมเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แม้แต่ส่วนล่างที่จรดจ่ออยู่กับร่องรูก็ยังหยุดนิ่ง

   เมญ่าค่อย ๆ หยุดนิ่งลงทีละน้อย เพราะความนิ่งของอีกฝ่าย เวลานี้เธอรู้สึกอับอายเหมือนกับว่าตัวเองกลายเป็นกะหรี่ที่เสนอร่างให้อีกฝ่ายเชยชม จึงต้องจับจ้องมองใบหน้าของเด็กชายด้วยความหงุดหงิดสงสัย

   แววตาของเด็กชายทำให้เธอยิ่งรู้สึกงุนงง ดวงตาคู่นั้นแฝงความร้อนแรงแห่งราคะอย่างเต็มเปี่ยม เขามีความต้องการร่วมรักกับเธออย่างไม่ต้องสงสัย หากทว่าในเวลาเดียวกันกลับแฝงเร้นไปด้วยความความลังเลสับสน คล้ายกับว่าอยากเดินหน้าต่อ แต่มีปัญหาบางประการทำให้ไม่สามารถกระทำได้

   "เราหยุดแค่นี้ก่อนนะ"

   เด็กชายพูดเสียงกระซิบบอกแผ่วเบา เด็กสาวที่กำลังใบหน้าแดงก่ำจึงอ้ำอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าตอบด้วยความเขินอาย เพราะสำนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

   เขาค่อย ๆ ปล่อยสองขาของเธอลงยืนพิงกำแพงเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบเอากางเกงในมาสวมใส่ให้อย่างทะนุถนอมจนเธอรู้สึกอบอุ่นหวั่นไหว ยกทรงและเสื้อนักเรียนก็โดนเขาจัดแจงสวมใส่ให้ทีละชิ้นจนเรียบร้อย

   "... ขอบคุณค่ะ"

   เมย์บอกแบบเขิน ๆ แต่รู้สึกดียิ่ง สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกขัดใจในเวลานี้ก็คือ การที่เขาไม่สานต่อเรื่องราวให้จบ และทิ้งให้เธออารมณ์ค้างเติ่งแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกขอบคุณเด็กชาย ที่ทำให้เธอไม่เผลอกระทำผิดนอกใจต่อพี่ชายสุดที่รักของเธอเข้า

   เด็กชายพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้เธอยืนแบบนั้น ก่อนจะเดินสำรวจสถานที่รอบหนึ่ง และก้มลงไปถอดเสื้อของเด็กช่างคนหนึ่งขึ้นมาสวมใส่แทนที่เสื้อยืดเปื้อนเลือดที่ถอดวางอยู่บนพื้น

   "จำเอาไว้ให้ดี ถ้ากูเห็นพวกมึงทำเรื่องแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ... พวกมึงจะเจอยิ่งกว่าลงนรกแน่"

   เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เด็กชายก็กวาดตามองดูทุกคนอีกครั้ง แล้วพูดข่มขู่จนคนที่ยังไม่สลบหน้าซีดเผือด จากนั้นเขาก็เดินมาจับมือของเมญ่า แล้วเดินพาออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยไม่คิดแยแสสนใจต่อสิ่งใดอีก

   "... ขอบคุณนะที่ช่วย ... เราชื่อเมย์นะ ... นายชื่ออะไรล่ะ?"

   เมย์เดินตามมาครู่หนึ่งก็อดใจถามออกมาไม่ได้ ใบหน้าของเธอยังคงแดงก่ำเปี่ยมไปด้วยแรงปราถนาต่อรสรัก แต่ว่าเธอไม่สะดวกต่อการร้องขอ ทั้งยังรู้สึกสับสนวุ่นวายไม่อยากนอกใจพี่ชายสุดที่รัก และปัญหาใหญ่ที่เธอขบคิดไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดเขาจึงไม่ยอมฉวยโอกาสกระทำให้จบเรื่องจบราว

   เด็กชายไม่ตอบ แต่หันมามองดูเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เมย์รู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง หากทว่ายังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นจากที่ไหน รู้แต่ว่าเธอรู้สึกดีและผูกพันธ์กับรอยยิ้มแบบนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเขารวบร่างของเธอไปกอดอย่างแน่นหนา พร้อมกับการประกบปากจูบอย่างดุดันจนเธอตัวอ่อนระทวย

   เมย์ตอบสนองด้วยความเร่าร้อนยินดี เธอเผลอดีใจที่เขาทำท่าเหมือนจะสานต่อให้จบ หากทว่าเขาเพียงบดจูบอย่างหนักหน่วงครู่เดียวก็ปลดปล่อยให้เธอยืนหอบกระเส่าหน้าแดง แล้วพูดยิ้มถือดีออกมาว่า

   "ผมชื่อหนึ่ง จำไว้ให้ดีล่ะ เพราะเจอกันคราวหน้า พวกเราจะได้กลายเป็นผัวเมียกันจริง ๆ แน่"

................................................



......................................

   "เจองานเข้าตลอดเลยแฮะ ดีนะไม่เผลอทำกับเมย์ไปด้วยอีกคน ไม่งั้นตัวหดกว่านี้อีกคงแย่ ธาตุดิน เราต้องหาธาตุดินก่อน"

   เอกในร่างเด็กชายหนึ่งส่งเสียงบ่นอุบขณะเดินขึ้นไปตามทางระเบียงหน้าหอพักชั้นห้าในมหาวิทยาลัย เขาเพิ่งซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมใส่ ตามแฟชั่นนิยมของเด็กวัยรุ่นทั่วไป เพราะเสื้อของเด็กช่างที่แย่งมาสวมใส่แทนเสื้อเปื้อนเลือดมันเหม็นเหงื่อเหลือทน

   หลังจากที่เขาเผลอไหลมีอะไรกับน้องหญิงไปหลายยก เขาก็ตระหนักว่าร่างของตัวเองหดเล็กลงไปอีกเล็กน้อย จึงพยายามตั้งใจว่าจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีก อย่างน้อยก็จนกว่าตามเก็บสาวธาตุดินได้ครบจนธาตุทั้งเจ็ดเกิดความสมดุลย์

   การพบเจอกับน้องเมย์นั้นเป็นเรื่องไม่คาดฝัน เขามาที่ย่านการค้าแห่งนี้เพราะต้องการหาอะไรรองท้อง ก่อนจะเริ่มแผนการณ์บางอย่าง และแผนนั้นก็เพิ่งเกิดขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ หลังจากที่เขาแอบเห็นบทสนทนากลุ่มก๊วนเพื่อนสนิทของน้องหญิงในโทรศัพท์ของเธอเอง

   เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอกับสาว ๆ ของตัวเอง แต่เมื่อเก็บลูกโป่งให้แล้วกระโดดลงมาจากต้นไม้ ก็พบว่าน้องเมย์กำลังยืนมองเขาตาแป๋ว ดังนั้นเขาจึงทำเป็นไม่สนใจและเดินหนี เพราะเกรงว่าจะอดคิดถึงไม่ไหว แล้วทำแบบเดียวกับน้องหญิงอีก

   โชคร้ายที่น้องเมย์กลับเดินตามเขามาทั้งที่ไม่สมควร ทั้งยังพยายามตามติดไปจนถึงซอยเปลี่ยว ตอนนั้นเขาแน่ใจว่าสลัดหลุดได้แล้ว แต่ว่าได้ยินเสียงร้องของเมย์ดังขึ้นเสียก่อน จึงค่อยได้ฉุกคิดว่าเกิดเรื่องผิดท่าขึ้น

   มันเป็นความผิดของเขาล้วน ๆ ที่ชักนำให้น้องเมย์ตามมาในซอยเปลี่ยวจนโดนวัยรุ่นพวกนั้นกักตัวไว้เพื่อรุมโทรม ดังนั้นเมื่อกลับมาเจอภาพน้องเมย์กำลังนั่งคุกเข่า โดยไอ้พวกเด็กเวรห้าคนยืนอวดดุ้นเล็ก ๆ อยู่ ไฟแห่งความโกรธก็พวยพุ่งจนคุมไม่อยุ่

   การลงมือกับเด็กเวรพวกนั้นอาจดูเหมือนโหดร้ายอยู่บ้าง แต่หากลองคิดว่าน้องเมย์จะโดนอะไรหากช่วยไม่ทัน เขากลับคิดว่านั่นยังไม่สาสมเสียด้วยซ้ำ และดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่อัดหนักจนตาย เพราะควบคุมเรี่ยวแรงได้ไม่เต็มที่

   พลังกายในร่างเด็กนั้นเทียบไม่ได้กับร่างผู้ใหญ่ ซึ่งความจริงหากเป็นก่อนหน้าที่เขาจะได้เข้าไปฝึกฝน การรับมือกับเด็กเวรพวกนั้นคงย่ำแย่กว่านี้ แต่เมื่อเขามีประสบการณ์ ผ่านการฝึกฝน ผ่านสนามรบมาแล้ว เด็กเวรพวกนั้นก็เหมือนลูกเจี๊ยบไร้มือไร้ตีน อยากจะอัดเมื่อไหร่ก็อัด อยากจะกระทืบเมื่อไหร่ก็กระทืบได้ตามใจ

   การจัดการกับเด็กพวกนั้นถือว่าเป็นงานง่ายเหมือนยกฝ่ามือ แต่ที่ย่ำแย่ก็คืออารมณ์พลุ่งพล่านเพราะความคิดถึงผสมกับความหึงหวง ทำให้เขาเผลอไผลทำเรื่องไม่สมควร เขาเกือบจะจัดการรวบหัวรวบหางน้องเมย์ไปอีกคนเสียแล้ว

   ยังดีที่เขารวบรวมสติและหยุดลงได้ก่อน จากนั้นจึงพาน้องเมย์ไปส่งที่ปลอดภัย แล้วรีบแยกตัวออกมาเพราะใกล้เวลานัดหมาย แต่เมื่อลองคิดไป การที่เขาทำแบบนี้อาจจะดีสำหรับอนาคต อย่างน้อยเมื่อเขาเก็บธาตุดินได้เพียงพอ เมื่อต้องไปหาน้องเมย์ในร่างเด็ก เขาคิดว่าน่าจะไม่ยากที่จะมีอะไรกับเธอ

   เขาอาจจะรู้สึกหึงหวงตัวเองอยู่บ้าง แต่เขาไม่โทษน้องเมย์ในเรื่องนี้ เพราะทราบดีว่าแม้จะยังอยู่ในร่างเด็ก แต่ว่าพลังและจิตวิญญาณของเขายังคงทรงพลังอำนาจและมีส่วนกระตุ้นเร้าอารมณ์ของหญิงสาวทุกคน โดนเฉพาะผู้หญิงที่เคยร่วมรักด้วย

   น้องหญิงเป็นตัวอย่างที่ดีคนหนึ่ง น้องเมย์ก็เป็นแบบเดียวกัน และด้วยความบังเอิญของเหตุการณ์ทำให้การพบกันระหว่างเขาและเมย์เป็นไปในรูปแบบที่เมย์ใฝ่ฝันโดยไม่น่าเชื่อ

   ในส่วนลึกของจิตใจนั้น เมย์ก็เป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่น เธออยากมีคนรักเป็นเด็กชายวัยเดียวกัน และการปรากฎตัวของเอกในร่างเด็กตอนช่วยปีนต้นไม้หยิบลูกโป่งให้เด็กนั้น ได้กระตุ้นจิตใจส่วนนี้ขึ้นมา

   อีกส่วนหนึ่งก็คือ เมย์ใฝ่ฝันมาตลอด ว่าอยากมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือเธอ แบบที่เอกเคยช่วยหญิง เมื่อมีเด็กชายมาช่วยเธอให้รอดจากการโดนรุมโทรม จิตใจของเธอจึงยิ่งรับเอาเด็กชายเข้าไปเป็นฮีโร่ของตัวเองโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

   ส่วนสุดท้ายก็คือ ธรรมชาติของผู้หญิงธาตุความมืด ไม่ว่าโดนพื้นฐานจิตใจจะเป็นเช่นไร แต่พลังธาตุในร่างจะตอบสนองต่อความความแข็งแกร่งอันรุนแรงดิบเถื่อน ธาตุมืดไม่เคยที่จะไม่ตอบสนองต่อเลือดและความรุนแรง การระบายความโกรธใส่อันธพาลพวกนั้นจึงทำให้พลังธาตุของเด็กสาวพลุ่งพล่านเกิดการตอบสนอง และเมื่อเผชิญเข้ากับการเล้าโลมแบบดิบเถื่อนเข้าไปอีก เด็กสาวจึงเผลอตัวเผลอใจตอบสนองออกมาจนถึงขีดสุด

   ยังดีที่เมื่อครู่เขาหักห้ามใจได้ทัน และแยกตัวออกมาจากน้องเมย์ได้ โดยที่เขาได้ให้เบอร์โทรเบอร์ใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาสด ๆ ร้อน ๆ ไปแทน ไม่เช่นนั้นหากให้เบอร์เก่าตอนเป็นนายเอก น้องเมย์คงต้องสงสัยเรื่องความเกี่ยวข้องกับเด็กชายหนึ่งอย่างแน่นอน

  ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เอกหยุดยืนที่หน้าห้องหมายเลข 546 ของอาคารหอพักหมายเลขสาม ก่อนจะยื่นมือออกไปเคาะประตูห้อง แล้วยืนรอคอยอย่างใจเย็น เขามองเห็นเงาวูบวาบเล็กน้อยตรงช่องมองบนบานประตู จากนั้นบานประตูก็ขยับเปิดออกแต่ยังมีโซ่คล้องไว้อีกหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันอันตราย

   จากนั้นใบหน้าสวยเฉี่ยวของนักศึกษาสาวหุ่นน่าฟัดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดก็โผล่ออกมาให้เห็น นี่คือเบอร์ห้องของน้องเนย ที่เขาเห็นในบทสนทนาบนโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

   ในบทสนทนานั้นมีอยู่ด้วยกันสามคน คือน้องหญิง น้องฟ้า และน้องเนย โดยน้องเนยพยายามถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ว่าน้องหญิง และน้องฟ้าตอบไม่ได้ เนยจึงรู้สึกหวาด ๆ กลัว ๆ นึกว่าโดนผีหลอก และชวนให้เพื่อนมานอนเป็นเพื่อนที่ห้อง เนยจึงพิมพ์บอกเบอร์ห้องตัวเองเพราะยังไม่เคยพาเพื่อนไปที่ห้อง

   “เคาะผิดห้องหรือเปล่าคะน้อง?”

   “ผมก็ไม่แน่ใจครับ ผมแค่สงสัยอะไรบางอย่าง”

   เอกในร่างเด็กชายพยายามตอบแบบคลุมเครือ ทั้งยังเพ่งตาขมวดคิ้วมองดูไปด้านหลังของเนยทำท่าเสมือนว่ามองเห็นอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังนั้น และท่าทีนั้นก็ทำให้เนยซึ่งหวาดระแวงอยู่แล้ว ต้องหันหลังขวับไปมองด้านหลังด้วยความรู้สึกขนพองสยองเกล้า

   ความจริงแล้วเนยไม่ใช่คนกลัวผี แต่ว่าเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมามันสับสนเกินไป เธอรู้สึกตัวตื่นในห้องของฟ้าด้วยสภาพเปลือยเปล่า ตามเนื้อตัวมีแต่รอยจ้ำแดงเหมือนโดนปลุกปล้ำข่มขืน แต่ลองถามเพื่อนสาวทั้งสองคนแล้ว พวกเธอกลับตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเธอไม่ได้เข้าห้องฟ้า แต่เป็นเนยเองที่ขอยืมห้องของฟ้าไปนอนพัก และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เนยเริ่มสงสัยว่าปรากฎการณ์เหนือธรรมขาติอะไรแกล้งเธออยู่หรือไม่

   “สงสัยอะไร? แล้วเธอมองเห็นอะไรหรือเปล่าน่ะ?”

   “… ผมขอถามพี่สาวก่อนก็แล้วกันครับ ว่าช่วงนี้พี่สาวได้เจอเรื่องแปลก ๆ บ้างหรือเปล่า”

   “เรื่องแปลกแบบไหนล่ะ”

   “ยกตัวอย่างเช่น เกิดอะไรแปลก ๆ แล้วจำไม่ได้ คล้ายจริงคล้ายฝัน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเซ็กส์แปลก ๆ แล้วก็รู้สึกแบบนี้คนเดียว ถามคนอื่นก็ไม่มีใครรู้เห็นด้วย”

   เอกทำท่าเคร่งขรึมแล้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง เนยที่กำลังนึกสงสัยอยู่แล้วจึงยิ่งขนลุกวูบวาบด้วยความกลัว เธอถึงกับรีบปิดประตูดังปึง ปลดสายโซ่คล้องประตู แล้วเปิดออก เพราะกลัวว่าหากอยู่ในห้องคนเดียวแล้วจะเป็นอันตรายขึ้นมา

   “เธอเป็นใคร?”

   เนยแจ้นออกมานอกห้องแล้วมองกลับเข้าไปในห้องเผื่อว่าจะเห็นอะไรบางอย่าง พลางถามเด็กชายด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านขลาดเขลา แต่เด็กชายกลับยังคงเงยหน้ามองดูผ่านไปด้านหลังเธอ ทำท่าทำทางเหมือนกับมองเห็นอะไรบางอย่างลอยอยู่เหนือศีรษะของเธอก็มิปาน

   “นี่ เธอมองอะไร ชั้นกลัวนะ”

   สาวสวยพูดพลางถอยกรูดไปพิงกับกำแพง ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียวว่า หากมีตัวอะไรบางอย่างอยู่จริง อย่างน้อยกำแพงอาจจะไล่มันออกได้

   “ไม่ต้องกลัวหรอกครับพี่สาว เขาอยู่คนละมิติกับพวกเรา เขาปรากฎออกมาได้แค่บางช่วงเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เรามานั่งคุยกันดี ๆ ก่อนดีกว่า”

   เด็กชายยังคงแสดงท่าทีสำรวมเคร่งขรึมจับจ้องมองดูเหนือศีรษะของเนยไม่ลดละ แต่ปากยังพูดปลอบใจแล้วถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย แต่เจ้าของห้องที่ไม่ได้ออกปากเชิญเข้าห้องก็ไม่มีเวลาถือสา เธอเพียงแค่รีบปิดประตูห้อง แล้วตามเด็กชายเข้าไป ทำท่าเหมือนกับว่าเด็กชายได้กลายเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของเธอไปเสียแล้ว

   “พี่สาวโดนผู้ชายคนนั้นทำอะไรไปบ้างครับ?”

   เด็กชายเดินเข้ามาในห้อง มองสำรวจรอบหนึ่ง แล้วหันมาเงยหน้ามองขึ้นไปเหนือศีรษะของเนยอีกครั้ง พร้อมกับถามด้ยน้ำเสียงจริงจัง เนยจึงแทบอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ เพราะเธอเริ่มปักใจเชื่อเสียแล้วว่ามีอะไรบางอย่างอยู่เหนือศีรษะของเธอจริง ๆ เด็กชายแปลกหน้าคนนี้ไม่สมควรจะเป็นนักต้มตุ๋นมาหลอกลวงเธอ

   “เอ่อ ... เธอเห็นเค้าจริง ๆ เหรอ? เธอเป็นใครกัน”

   “ผมชื่อหนึ่งครับ ตระกูลของผมเป็นหมอผี ผมพอมีวิชาติดตัวอยู่บ้าง ที่ผมมาเคาะประตูห้อง เพราะว่าผมเห็นสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในที่นี้”

   “พี่ชื่อเนยนะ ... เธอเห็นเค้าจริง ๆ เหรอ?”

   เนยถามซ้ำ ส่วนเด็กชายเพียงพยักหน้ารับนิ่งเงียบ เนยจึงค่อย ๆ กลืนน้ำลายลงคอ แล้วเล่าเรื่องราวอันแสนสับสนอลหม่านของเธอออกมา ในขณะที่เด็กชายนั้นนั่งนิ่งในท่าขัดสมาธิให้ความรู้สึกเคร่งขรึมเหมือนมีตบะสูงล้ำ เนยยิ่งมาจึงยิ่งรู้สึกเชื่อถือเด็กชายมากขึ้นจนหมดใจ

   “เท่าที่ฟังมา ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นวิญญาณผูกพันธ์มาแต่ชาติปางก่อน เขาอาจจะเคยเป็นสามีของพี่สาว หรือเคยหลงรักพี่สาวอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาไม่สามารถสลัดบ่วงกามนี้ออกไปได้ จึงคอยตามติดพี่สาว วันดีคืนดีเมื่อสะสมพลังอำนาจวิญญาณเข้มแข็งพอ ก็จะปรากฎร่างออกมาร่วมรักกับพี่สาว”

   เด็กชายอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในขณะที่เนยเย็นวาบไปทั้งร่าง เวลานี้เธอปักใจเชื่อไปแล้ว ว่าเธอโดนผีสางลักหลับไปจริง ๆ ประโยคคำพูดที่ใช้กับเด็กชายจึงกลายเป็นเคารพหวังพึ่งพิงโดยไม่รู้ตัว

   “แล้ว ... แล้วต้องทำยังไงล่ะคะ ถึงจะไล่ผีตัวนี้ออกไปได้”
  
   “ส่วนใหญ่แล้วก็มีอยู่สองทางครับ ทางแรกคือพูดคุยเจรจากันให้รู้เรื่อง ถ้าตกลงกันได้ก็แยกย้ายกันด้วยดี ส่วนอีกทางก็คือหักหาญกันด้วยมนตรา หากสำเร็จก็แล้วไป แต่หากไม่สำเร็จ เขาอาจจะกลายเป็นวิญญาณอาฆาตที่ร้ายกาจกว่าเดิม วิธีหลังนี้ผมคงช่วยไม่ได้ เพราะตบะยังไม่แก่กล้าพอ”

   เด็กชายพูดหน้านิ่งไม่ทุกข์ร้อน ส่วนสาวสวยนั้นหัวสมองขาวโพลนไปหมดแล้ว เธอแทบไม่อยากนึกภาพว่าหากโดนวิญญาณอาฆาตติดตามตัวจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงตัดสินใจเลือกทางแรกมากกว่า

   “แล้วต้องทำยังไงล่ะ จะให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เหรอ ได้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบไปทำให้เลย”

   “ผมตอบให้ไม่ได้หรอกครับ แต่เอาเป็นว่าผมจะถามกับเขาให้ก็แล้วกัน ... ขอกระดาษแผ่นใหญ่ ๆ กับปากกา แล้วก็ถ้วยแก้วเล็ก ๆ สักใบได้มั้ยครับพี่สาว”

   เด็กชายตอบพลางยิ้มให้อย่างอบอุ่นเหมือนจะปลอบประโลม เนยจึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย รู้สึกว่าอย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่แก้ไขไม่ได้ เธอจึงรีบไปควานหาข้าวของที่เด็กชายบอกมาให้ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาจะเอามาทำอะไร

   “ทำอะไรคะ”

   เนยอดถามไม่ได้ เมื่อมองเห็นเด็กชายนั่งเขียนตัวอักษรไทย เริ่มตั้งแต่ ก.ไก่ ไปถึง ฮ.นกฮูก ตามด้วยตัวเลขศูนย์ถึงเก้าบนแผ่นกระดานที่เธอจัดให้ จากนั้นเขาก็นำถ้วยแก้วใบเล็กไปวางไว้บนช่องว่างบนแผ่นกระดาษ แล้วพนมมือทำปากขมุบขมิบเหมือนบริกรรมคาถาสักอย่าง

   เด็กชายร่ายบริกรรมคาถาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นเหนือถ้วยแก้วโดยไม่ได้แตะสัมผัส และทันใดนั้นเองที่เนยต้องสะดุ้งโหยง เพราะถ้วยแก้วนั้นขยับสั่นไหวไปมาเหมือนมีตัวอะไรอยู่ข้างในถ้วยแก้ว

   “อัญเชิญวิญญานให้แล้ว พี่สาวเคยเล่นผีถ้วยแก้วมั้ยครับ?”

   เนยรับฟังแล้วพยักหน้าแบบหวาด ๆ เธอเคยเล่นอะไรแบบนี้ในสมัยเด็ก ๆ แต่ไม่เคยมีความเชื่อว่าผีถ้วยแก้วจะมีจริง จวบจนกระทั่งเวลานี้

   การเล่นผีถ้วยแก้ว คือการเขียนตัวอักษรบนกระดาษให้ครบ แล้วผู้เล่นจะล้อมวงเอามือแตะถ้วยแก้ว จากนั้นก็จะถามคำถาม แล้วถ้วยแก้วก็จะขยับไปตามตำแหน่งตัวอักษรเพื่อตอบคำถามให้ โดยมีความเชื่อว่าผีเป็นคนขยับถ้วยแก้ว แต่เนยรู้ดีว่าการละเล่นในวัยเด็กนั้น บางครั้งก็เป็นเธอเองที่แอบกดขยับถ้วยแก้ว

   “สิ่งควรระวังก็คือ อย่าเปิดถ้วยแก้วออกเด็ดขาด จากนั้นพี่สาวต้องวางนิ้วลงบนถ้วย ห้ามเอานิ้วออกจนกว่าจะเชิญเขาออก แล้วถามคำถามชัด ๆ ทีละประโยคอย่างสุภาพ แล้วรอคอยคำตอบ เชิญครับ เอานิ้ววางลงไปบนถ้วยได้เลย”

   เด็กชายอธิบายซำ้อีกครั้ง แล้วผายมือเชิญ เนยจึงทำตัวไม่ถูก เพราะทั้งกลัวทั้งอยากรู้ เธอกลัวว่าจะทำให้ถ้วยแก้วล้มคว่ำ ตอนนี้เธอเชื่ออย่างสุดใจ ว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ในถ้วยแก้ว

   เมื่อเห็นว่าสาวสวยไม่กล้ายื่นมือออกมา เด็กชายจึงยิ้มละมุน ยื่นมือไปคว้าจับมือนุ่มนิ่มสั่นเทาขึ้นมาวางปลายนิ้วลงบนถ้วยแก้ว ส่วนเนยนั้นกำลังหลับตาปี๋ไม่กล้ามองดูภาพของนิ้วตัวเองตอนแตะลงบนถ้วยแก้ว

   เธอไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ว่าถ้วยแก้วนั้นให้ความรู้สึกเย็นกว่าปกติ และนั่นทำให้เธอเกร็งมือแข็งไม่กล้าขยับเขยื้อน แต่ยังดีที่เด็กชายช่วยวางมืออบอุ่นลงบนมือของเธออีกต่อหนึ่ง ความหวาดเกรงจึงลดน้อยลงไปไม่น้อย

   “ไม่เป็นอะไรครับ ใจเย็น ๆ ลองพูดคุยกับเขาดี ๆ ผมรับรองไม่มีอันตรายหรอก อยากรู้อะไรก็ลองถามเลยครับ”

   เด็กชายพูดปลอบใจพลางบีบกุมมือของเธอไว้ เนยจึงค่อย ๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะถามอะไรดี จึงต้องนั่งคิดอยู่อีกพักใหญ่

   “คุณชื่ออะไรคะ”

   เนยถามแบบเน้นคำชัด ๆ ช้า ๆ  ด้วยความเกร็ง และเมื่อเธอถามหมดประโยคก็แทบจะร้องกรี๊ดออกมา เพราะถ้วยแก้วที่เธอใช้นิ้วแตะแผ่วเบานั้นสั่นน้อย ๆ แล้วเริ่มขยับเขยื้อนเหมือนมีชีวิต เธอแน่ใจว่านี่ไม่ได้เป็นเพราะเธอออกแรง และยิ่งต้องไม่ใช่เพราะเด็กชาย เนื่องจากไม่มีส่วนไหนของเด็กชายเลยที่แตะสัมผัสกับถ้วยแก้ว หรือหากเด็กชายออกแรงกดลงมา มือของเธอก็ต้องรู้สึกก่อน

   สาวสวยก้มหน้ามองดูถ้วยแก้วด้วยใจระทึกแทบไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก ในขณะที่เด็กชายนั้นแอบลอบมองดูทรวงอกอวบอิ่มขาวโพลนผ่านร่องกระดุมแล้วยิ้มในใจ การเคลื่อนไหวของถ้วยแก้วนั้นเป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่เขายังคงสามารถกระทำได้ ต่อให้ใช้พลังมนตราไม่ได้ แต่ลูกเล่นในการส่งผ่านพลังมนตราไปขยับสิ่งของแค่นี้ถือว่าง่ายมาก

   “ถอดเสื้อผ้าออกหนึ่งชิ้น ต่อหนึ่งคำถาม”

   ถ้วยแก้ววิ่งไปที่ตัวอักษร ก เป็นลำดับแรก ตามด้วยสระอู แล้วขยับไปมาทีละตัว ก่อนจะกลับไปหยุดนิ่งที่จุดเริ่ม รวมแล้วเป็นประโยคที่ทำให้เนยต้องขมวดคิ้วอยากด่าทอผีสางสุดลามกตนนี้ขึ้นมาจับใจ แต่ก็ได้แค่คิดไม่กล้าด่าทออกมา

   เนยหันไปมองดูเด็กชายเพื่อสอบถามความเห็น แต่เด็กชายได้แต่ส่ายหน้าเหมือนจนปัญญา เนยจึงพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด แล้วตัดสินใจตอบรับคำเรียกร้อง ทั้งนี้เพราะเธอรู้สึกว่าเด็กชายน่าจะไม่เป็นอันตราย และเธอก็อยากจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องมามัวหวาดกลัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

   สาวสวยขยับตัวเล็กน้อย โดยไม่ลืมที่จะค้างปลายนิ้วเอาไว้บนถ้วยแก้ว เวลานี้เธอมีเสื้อผ้าอยู่สี่ชิ้น เสื้อ กระโปรง ยกทรง และกางเกงใน ดังนั้นเธอคงถามได้แค่สี่คำถามเป็นอย่างมาก

   เนยคิดพลางมองดูเด็กชายด้วยความรู้สึกขัดเขิน ก่อนจะขยับยกสะโพกขึ้นล้วงมืออีกข้างไปเกี่ยวกางเกงในลายลูกไม้สีดำสนิทออกมาด้วยความยากลำบากเล็กน้อยเพราะใช้มือได้เพียงข้างเดียว แต่สุดท้ายก็ถอดจนหลุดออกมาทางปลายขาได้สำเร็จ

   เธอขยับลงนั่งพับเพียบเล็กน้อย และความรู้สึกร้อนวูบแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น เมื่อมองเห็นว่าเด็กชายกำลังแอบมองดูท่อนขาเรียวงามของเธออยู่ หรือไม่แน่ว่าเด็กชายอาจจะอยากมองดูลึกเข้าไปมากกว่านั้นก็เป็นได้

   ‘คิกคิก เด็กหนอเด็ก นึกว่าจะละทางโลกแล้ว ที่แท้ก็ยังแอบสนใจเราเหมือนกันนี่นา แต่ก็น่ารักดีนะเด็กคนนี้’

   เนยเริ่มยิ้มออกและผ่อนคลายกว่าเดิม ทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายไม่ได้เป็นพระอิฐพระปูนไร้ความรู้สึกไร้อารมณ์ เธอยังแอบขยับขาแยกออกจากกันเล็กน้อยเพื่อให้ชายกระโปรงร่นขึ้นมาด้านบนเพื่อยั่วเด็กชาย แต่ทันใดนั้นเองถ้วยแก้วก็ขยับเคลื่อนไหวจากจุดเริ่มต้นไปที่ตัวอักษร น หนู แล้วเคลื่อนไหวต่อไป

   “นที?”

   สาวสวยส่งเสียงทวนคำ นั่นน่าจะเป็นชื่อของผีหื่นตนนี้ และเธอก็ยังรู้สึกพลาดท่าเล็กน้อย เพราะตั้งใจจะเปลี่ยนคำถามที่ไม่จำเป็นออก แต่เมื่อผีชิงตอบไปก่อนแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าเธอต้องถอดเสื้อผ้าอีกชิ้น จึงจะตอบคำถามได้

   “นายต้องการอะไร นายนที”

   เนยทดลองถามหยั่งเชิงเผื่อว่าเมื่อครู่จะไม่นับเป็นหนึ่ง แต่ว่าถ้วยแก้วยังคงไม่ขยับ เธอจึงต้องเบ้ปาก แล้วเอื้อมมือทำท่าจะปลดตะขอยกทรงที่อยู่ด้านหน้าออก เหลือเสื้อนักศึกษาเอาไว้ อย่างน้อยก็ไม่เปลือยเกินไป แต่แล้วการเคลื่อนไหวนั้นก็หยุดชะงักเล็กน้อย เพราะเธออยากกลั่นแกล้งเด็กชายคนนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหต

   “หนึ่งครับ ช่วยพี่ถอดยกทรงออกมาหน่อยซิ อยู่ท่านี้มันถอดยากน่ะ”

   เนยหันไปทำท่าขอความช่วยเหลือ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอล้วงมือวูบเดียวก็ปลดตะขอและยกทรงออกได้แล้ว แต่ว่าเธอเลือกที่จะขยับไปนั่งข้าง ๆ เด็กชาย แล้วแอ่นตัวตรงอวดทรวงอกอวบเต่งอย่างเต็มที่

   “ไม่ดีมั้งครับพี่สาว"

   เด็กชายทำหน้าเหวอ แล้วทำท่าเหมือนขัดเขินไร้เดียงสา เนยยิ่งมองดูก็ยิ่งถูกใจจนแทบลืมกลัวผีไป เธอใฝ่ฝันอยากจะมีน้องชายน่ารักน่าหยิกมานานแล้ว และเด็กชายคนนี้ก็ดูน่ารักถูกใจเธอมากทีเดียว

   “ไม่เป็นอะไรหรอก ช่วยพี่หน่อยนะ”

   เนยพูดคะยั้นคะยอ รอคอยให้เด็กชายช่วยปลดให้ เธอเกือบส่งเสียงหัวเราะคิกออกมาให้กับความไร้เดียงสาของเด็กชาย เมื่อเขาปล่อยมือออกไป แล้วขยับไปนั่งด้านหลัง พร้อมกับล้วงมือลอดเสื้อนักศึกษาเข้าไป หากทว่าเสี้ยววินาทีถัดมาก็ต้องส่งเสียงครางอืมด้วยความเสียวซ่านอันแปลกประหลาด เพียงสัมผัสผิวเผินที่แผ่นหลังอะไรบางอย่างในตัวเธอก็เริ่มตื่นขึ้นมาเสียแล้ว

   “เอ่อ ผมหาตะขอไม่เจอครับพี่สาว”

   เด็กชายส่งเสียงถามไถ่ ในขณะที่สาวสวยกำลังรู้สึกวาบหวิวพึงพอใจจนขนลุก เธอยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมาปิดป้องปากตัวเองไม่ให้เผลอครางออกมา ก่อนจะค่อย ๆ พยายามรวบรวมสติ ส่งเสียงพูดอันสั่นสะท้านออกมา

   “ตะขออยู่ด้านหน้าจ้ะน้องหนึ่ง อืมมม”

   เธอรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เมื่อมือของเด็กชายขยับออกจากแผ่นหลัง แต่หลังจากนั้นก็ต้องกลั้นหายใจเกร็งรอคอย เพราะมือของเด็กชายกำลังขยับสะเปะสะปะล้วงอ้อมแตะลงไปที่เอวคอด แล้วลูบไล้ผ่านหน้าท้องขึ้นมาหยุดที่ฐานเต้านม

   มือของเขาหยุดชะงัก เพราะเสื้อนักศึกษาของเนยรัดติ้วเกินไป บริเวณหน้าท้องอาจจะพอมีพื้นที่เล็กน้อย แต่ว่าตรงทรวงอกนั้นมีก้อนเนื้อไซส์สามสิบหกนิ้วอัดอยู่จนเต็มพื้นที่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่มือของใครจะแทรกขึ้นมาได้

   "อืมมม ปลดกระดุมเสื้อก่อนซิหนึ่ง ... อือออออ ... อะ ... อืมมม"

   เนยพูดเสียงสั่นสลับกับเผยอปากคราง เด็กชายเองก็เชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี มือทั้งสองข้างขยับไปมาอย่างเชื่องช้า ปลดประดุมเสื้อออกไปทีละเม็ด แต่บางครั้งมือนั้นคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ แตะสัมผัสเข้ากับเนื้อนิ่มจนเจ้าตัวรู้สึกเสียวสยิวลุ้นระทึก กว่าที่สาบเสื้อนักศึกษาจะหลุดลุ่ยออกหมด เนยก็หน้าแดงก่ำเสียแล้ว

   "ตะขออยู่ด้านหน้า อุ๊ยย หนึ่ง ไม่ใช่ตรงนั้น ... อูยยยสสสส หนึ่ง ... ไม่ใช่ ... อุ๊ยย อย่าบีบซิ"

   สาวสวยส่งเสียงสั่นเมื่อเด็กชายล้วงมือทั้งสองข้างอ้อมมาวางแหมะลงบนเต้าอวบและยกทรงแบบครึ่งเต้าอย่างแผ่วเบา เธอไม่ทราบว่าเด็กชายไม่รู้ความหรือว่าเจตนา เพราะมือของเขาไม่ได้เฉียดใกล้ตะขอที่อยู่กลางร่องอกเลยแม้แต่น้อย  

   "ขอโทษครับพี่สาว คือมันนุ่มมาก ... ผมก็เลย ..."

   เอกที่อยู่ด้านหลังสวมบทบาทเด็กชายไร้เดียงสา พูดเสียงกระท่อนกระแท่นและหายใจหนักหน่วง ในขณะที่มือทั้งสองข้างทำการบีบขยำเต้าเต่งพร้อกมับยกทรงลงไปทีละน้อยเหมือนหักห้ามใจไม่อยู่

   การเล้าโลมที่เหมือนไร้เดียงสานั้น ทำให้เนยรู้สึกดีอย่างยิ่ง เธอจึงไม่ยับยั้งขัดขืน ปล่อยตัวปล่อยกายไปตามความสยิวซาบซ่าน ปล่อยให้เด็กชายที่เธอคิดว่าใสซื่อกระทำการเรียนรู้บนร่างกายของเธอเองต่อไป

   "อืมมมมม ซี้ดดสสสสส หนึ่งจ๋า ตะขออยู่ตรงกลาง ... อ๊ะ ... อูยยยสสส"

   เนยส่งเสียงครางกระเส่าแนะนำเด็กชาย แต่ยิ่งแนะนำก็ยิ่งเหมือนจะไปผิดจุด มือของเด็กชายแทนที่จะไปถึงตะขอเกี่ยว กลับล้วงเข้าไปในยกทรงแล้วขยี้ปลายถันทั้งสองข้างกระตุ้นจนแข็งเต่งขึ้นมาแทน

   "ผมขอชะโงกหน้าไปดูหน่อยนะครับ ว่าตะขออยู่ตรงไหน"

   เด็กชายพูดพลางขยับยกตัวขึ้นชะโงกหน้ามองดูสองเต้าจากด้านบน ในขณะที่ด้านล่างนั้นแกล้งแอ่นบดดุ้นเอ็นที่พองตัวเต็มกางเกงเข้ากับแผ่นหลังจนเนยสะดุ้งโหยงกับความใหญ่โตและแข็งแกร่งนั้น

   เธอนึกได้ว่าควรยกมือขึ้นปิดไว้ เด็กชายจะได้มองไม่เห็นปลายถัน หากทว่าอีกใจหนึ่งกลับรู้สึกตื่นเต้นคึกคัก อยากเปิดเผยสัดส่วนเนื้อตัวให้เด็กชายได้มองเห็น

   เอกยิ้มกริ่มขณะก้มมองดูปลายถันสีชมพูของเนย เขาใช้ปลายนิ้วหนีบหัวนมแรง ๆ กระตุ้นความเสียวจนร่างงามแอ่นกระตุก จากนั้นจึงค่อย ๆ ละมือออกจากสองเต้า แล้วปลดตะขอยกทรงออกท่ามกลางความรู้สึกโล่งใจและเสียดายของเนย

   เนยนั่งมองดูเด็กชายด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม เธอชอบเมื่อเห็นสายตาซุกซนคู่นั้นจ้องมองความขาวโพลนตรงส่วนที่สาบเสื้อแบะอ้าออกจากกัน เธอถึงกับยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเด็กชายฉวยโอกาสหยิบฉวยยกทรงครึ่งเต้าสีดำของเธอติดมือไปด้วย อีกทั้งยังยกขึ้นสูดดมกลิ่นแล้วทำหน้าเขินเมื่อเธอจ้องมองไป

   "ขอโทษครับ มันหอมมาก ผมก็เลย ..."

   เด็กชายขอโทษขอโพยด้วยท่าทางลนลานไร้เดียงสา เนยจึงยิ่งรู้สึกอยากจะโผไปกอดรัดเด็กชายตัวแสบคนนี้สักรอบให้หายมันเขี้ยว ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าท่าทีไร้เดียงสานี้ มาจากการแสดงอันแนบเนียนทั้งสิ้น

   "ถ้าชอบก็ดมไปซิ ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย"

   เนยตอบด้วยท่าทีขัดเขิน ในขณะที่เด็กชายก็แสดงท่าทีใสซื่อหยิบยกทรงที่ยังอุ่นกลิ่นกายสาวขึ้นสูดดมตามที่เธอบอกหน้าตาเฉย เนยจึงเผลอเสียวสยิวที่ปลายถัน เผลอจินตนาการไปว่าเด็กชายกำลังดมเต้านมของเธออยู่ แต่แล้วขณะที่เธอกำลังอยู่ในอารมณ์พลุ่งพล่าน ถ้วยแก้วก็ขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง และคราวนี้เธออ่านตัวอักษรออกมาได้ว่า

   "ต้องการแก้แค้น"

   คำตอบที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ทำให้เนยรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เมื่อนึกได้ว่าเธอต้องถอดเสื้อผ้าออกอีกหนึ่งชิ้น และนั่นหมายความว่าเธอจะได้เห็นแววตาซุกซนของเด็กชายอีกครั้ง แต่ปัญหาก็คือ เธอจะถอดชิ้นไหนดี

   "บอกมาให้ชัดหน่อยซิ ว่าต้องทำยังไง ถึงจะยอมไปเกิดน่ะ"

   เนยส่งเสียงถามถ้วยแก้วด้วยความรำคาญใจ ในขณะเดียวกันก็ส่งสายตาหวานฉ่ำมองดูเด็กชาย พร้อมกับค่อย ๆ ปลดเปลื้องเสื้อนักศึกษาออกจากแขนข้างที่ว่างอยู่ แล้วไปค้างคาอยู่บนแขนข้างที่ยังต้องใช้นิ้วจิ้มบนถ้วยแก้ว

   สาวสวยยกมือข้างที่ว่างอยู่ขึ้นปิดประคองทรวงอกอวบแบบพอเป็นพิธี ในขณะที่ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองดูเด็กชายแทบไม่กระพริบ ยิ่งมองเห็นเด็กชายจ้องเนื้อตัวของเธอตาแทบไม่กระพริบ อารมณ์ของเธอก็ยิ่งพลุ่งพล่านปั่นป่วนจนฉ่ำแฉะ เธอถึงกับต้องแกล้งขยับมือออกไปดึงชายกระโปรงพร้อมกับแอ่นตัวตรงเพราะอยากอวดสัดส่วนให้เด็กชายได้เห็นเต็มตา

   เนยนั่งดื่มด่ำอารมณ์ฉ่ำเยิ้มได้ไม่นานนัก เจ้าถ้วยแก้วก็ขยับเคลื่อนไหวลากนิ้วของเธอไปตามตัวอักษรต่าง ๆ อีกครั้ง และคราวนี้ประโยคที่ออกมาก็คือ

   "กูอยากเห็นมึงกับไอ้เด็กนี่เย็ดกันในที่สาธารณะที่มีคนเยอะ ๆ ที่ไหนก็ได้ 9 แห่งที่ไม่ซ้ำกัน ก่อนเที่ยงคืน"

   เนื่องจากประโยคนี้ค่อนข้างยาว เนยจึงจดลงไปบนกระดาษทีละตัวอักษร แล้วค่อยอ่านรวดเดียวเมื่อถ้วยแก้ววิ่งกลับไปที่ตำแหน่งเริ่มต้น และเมื่ออ่านจบใบหน้าของเธอก็แดงซ่านขณะหันไปมองดูเด็กชาย เธอไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เธอรู้แค่ว่าไม่ได้รู้สึกอยากต่อต้านคำสั่งนี้ ทั้งยังรู้สึกอยากเชื้อเชิญให้เด็กชายรีบลงมือกระทำเสียด้วยซ้ำ

   เอกสวมบทบาทเด็กชายไร้เดียงสา แสร้งทำเป็นแตกตื่นลนลานอีกครั้ง แต่เขาทราบว่าแผนการณ์ของเขาสำเร็จด้วยดียิ่ง การแสร้งหลอกว่ามีผี และสื่อสารผ่านผีถ้วยแก้วล้วนแล้วแต่เป็นกลโกง สาวฮอตประจำมหาลัยคนนี้พร้อมที่จะให้เด็กชายแปลกหน้าอย่างเขาจัดการตามแต่ต้องการแล้ว

...............................................

2 ความคิดเห็น: