วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 7 จอหงวนผู้ภักดี




ปีที่สิบห้าในรัชกาลฉุงเจินฮ่องเต้ กองทัพแมนจูอันเกรียง ไกรกรีธาทัพบุกแผ่นดินจีน ตีเมืองจิ่นโจมล้อมภูเขาซุงซานไว้ ทหารไต้เหม็งเสียงตาย ต้านข้าศึกหลังเลือดชโลมผืนปฐพีปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนอย่างสุดชีวิต ในที่สุดขาดกำลังสนับ สนุนสิ้นเสบียงไร้อาวุธ เมื่อเดือนสอง ภูเขาซุงซานถูกยึดครอง แม่ทัพไต้เหม็งหุงเฉิงโฉ วถูกจับกุมเป็นเชลย


แม่ทัพฝ่ายแมนจูที่พิชิตศึกซุงซานเป็น เชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์นามตัวเอ่อกุ้น ซึ่งนับถือเลื่อมใสในความหาญฮึกของหุงเฉิงโฉวดังนั้น เกลี้ยกล่อมสวามิภักดิ์ต่อแมนจู แต่หุงเฉิงโฉวยอมตายไม่ยอมสยบ


การพ่ายศึกที่ภูเขาซุงซาน นับเป็นลางแห่งความพินาศ ของราชวงศ์เหม็ง


...................................................................................


ในวังเวี้ยหัว บนระเบียงหินอ่อน ฉางผิงกงจู้นั่งดีดพิณอยู่หลังโต๊ะยาว บนโต๊ะยังเผากำยานกระถางนางหนึ่ง
เสียงพิณกังวานอยู่ในอากาศคล้ายไข่มุกร่วง ลงบนจานหยก ปาน หระหนึ่งดุริยทิพย์จากฟ้าบรรเลงขับกล่อมทุกผู้คนในโลกหล้า


พลันปรากฏนางกำนัลนางหนึ่งในชุดบางเบาเดิน อกกระเพื่อมขึ้นบันไดศิลา บรรลุดถึงบนระเบียงรายงานว่า
เรียนองค์หญิง จอหงวนคนใหม่โจมซื่อเสี่ยนรอเข้าพบ เป็นเวลานานแล้ว”
ฉางผิงกงจู้พลันหยุดมือจากการดีดพิณ เงยหน้าขึ้นสั่งว่า
เบิกตัวมันเข้ามา”
นางกำนัลถ่ายทอดวาจาออกไป ไม่นานให้หลังโจวซื่อ เสี่ยนก็มาถึง เลิกชายเสื้อคุกเข่าเบื้องหน้าฉางผิงกงจู้ กล่าวว่า
จอหงวนคนใหม่โจวซื่อเสียนน้อมพบองค์หญิง ขอองค์หญิงมีอายุพันปี พันๆปี”


ฉางผิงกงจู้สี่งให้ลุกขึ้น ค่อยเหลียวหน้าไปยังโจวซื่อเสี่ยน โจวซื่อเสี่ยนพอเงยหน้าขึ้นมองก็ตกตะลึงตาค้าง เห็นฉางผิงกงจู้มีใบ หน้างดงามเปี่ยมราศีที่สูงส่ง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตาค้างก็คือ เสื้อผ้าที่องค์หญิงฉางผิงใส่นั่นเอง มันเป็นผ้าแพรบางเบา มองทะลุเข้าไปเห็นผิวเนื้อขาวผ่องรำไร ตัวเอี๊ยมกระจิริดไม่ สามารถปกปิดทรวงอกอวบอิ่มไว้ได้ โดยเฉพาะร่องอกที่เบียดชิดขาวเนียน ช่างละมุนตาเหลือเกิน โจวซื่อเสี่ยนถึงกับใจเต้นระทึก ท่อนเนื้อกลางร่างเริ่ม ขยับหัวอย่างมีชีวิตชีวาทำท่าจะลุกขึ้นมาในทันที


โอ..องค์หญิงฉางผิงทำไมสวยยวนยั่วน่าเย็ด ขนาดนี้ “
โจวซื่อเสี่ยนแอบคิดในใจ คุณธรรมในตัวของเขา พยายามสะกดความต้องการอันเป็นธรรมชาติของผู้ชายไว้อย่างเต็มที่


สายตาทั้งสี่ประสานกันแน่วนิ่ง


ฉางผิงกงจู้อึ้งไปวูบ จึงยืดกายขึ้นช้าๆ กล่าวว่า
ท่านโจว คราก่อนสร้างความลำบากแก่ท่าน ท่านคงไม่เคียดขึ้ง ตำหนิกระมัง”


โจวซื่อเสี่ยนเหม่อมองกงจู้อย่างซึมเซา ฉางผิงกงจู้สวมชุดแพร บางเบา ทำให้เห็นทะลุไปถึงชุดชั้นใน ช่างงดงามราวกับเทพธิดาที่ลงมาจากฟากฟ้า โดยเฉพาะช่วงขาที่เรียวยาวขาวสะอ้านตา เขาต้องพยายามบังคับสายตาไม่ไห้กวาดลงไปมองให้เสีย มารยาท รีบ น้อมกายตอบทันที
ขอเพียงสามารถรับใช้ชาติบ้านเมือง ข้าพระองค์แม้ตายหมื่น ครั้งก็ไม่บ่ายเบียง”
ท่านโจว วันนี้เราเรียกตัวท่านมายังที่นี่ คิดชักชวนท่านชมดู ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าสักครา”
เรียนองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์ มาก่อน ขอ องค์หญิงชี้แนะให้มากไว้”


ฉางผิงกงจู้สาวเท้าถึงเชิงระเบียง กล่าวว่า
ท่านดูท้องฟ้าด้านนั้น”


โจวซื่อเสี่ยนกวาดตามองตาม แต่หาได้มองท้องฟ้าไม่ ทั้งนี้เนื่องจากลม กรรโชกเข้าใส่ร่างของทั้งคู่จนเสื้อโบกสะบัดพรึ่บพรั่บ โดยเฉพาะชุดของกงจู้ที่ เป็นกระโปรงแพรบางเบาพอโดนลมพัดก็ลู่แนบกับลำตัว เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงาม โดยเฉพาะรอยกางเกงในตัวน้อยสีขาวที่สะโพกกลมกลึง โดนลมพัดจนกระโปรงแนบติดกับก้มอวบกลม จนเห็นร่องก้นชัดเจน คราวนี้ลำควยของโจวซื่อเสี่ยนถึงกับลุกขึ้นดันเป้าแทบ แตก หัวใจ ของจอหงวนรูปงามปั่นป่วนไปหมด


โอ ถ้าได้เอาควยเข้าไปถูไถกับร่องก้นขององค์หญิงฉางผิงจะ มีความสุขแค่ไหนนะ” โจวสื่อเซี่ยน แอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น


ท่านโจว” เสียงฉางผิงกงจู้เรียกทำให้โจวสื่อเซี่ยนตื่นจากภวังค์
องค์หญิงฉางผิดยังเอ่ยต่อไปเหมือนไม่รู้ ว่าจอหงวนหนุ่มนั้นแทบไม่ได้ฟังที่นางพูดเลย เอาแต่จ้องมองก้นอวบงอนของนางอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากจะเอามือไปรูดลำควย ของตัวเองแล้วเอาน้ำไปพ่นใส่เหลือเกิน


ท่านโจวดูให้ชัดเจนกว่านี้ ใต้อาทิตย์มีแสงสีเงิน ลักษณะคล้ายเกาฑัณฑ์ ตัวคันเกาฑัณฑ์งอขึ้น ตามปูมดาราศาสตร์แสดงว่าขุนนางกังฉินครองเมือง บดบังเจ้าชีวิต นับเป็นลางอัปมงคล


โจวสื่อเซี่ยนเริ่มบังคับตัวเองไว้ได้ รีบน้อมกายกล่าวว่า
องค์หญิง ขอเพียงพวกเราสามารถกำราบเฉาฮั่วฉุน ย่อมสามารถปัดป่ายเมฆหมอกทะมึนเห็นแสงตะวันอีกครา”
มิผิด แต่เฉาฮั่วฉุนมีอิทธิพลกล้าแข็งทุกวัน คิดกำจัดมันหาใช่เรื่อง ง่ายดายไม่”
โจวซื่อเสี่ยนกล่าวเสียงกังวาน
องค์หญิง ขอเพียงสามารถกอบกู้ภัยพิบัติของแผ่นดิน ฉุดชาวโลกจากห้วงทุกข์เข็ญ แม้ตายจะเป็นไร ขอเพียงองค์หญิงสั่งมาคำเดียว ข้าพระองค์มาตรว่าตายก็ ไม่เสียดายชีวิต”
สามารถเห็นพวกท่านเหล่าขุนนางตงฉิน ยินยอมช่วยราชการบ้าน เมืองให้กับพระบิดา ต่อให้เราเป็นไรไปก็สามารถนอนอตาหลับได้”
องค์หญิงไฉนพลันกล่าววาจาอัปมงคลเช่นนี้”


ฉางผิงกงจู้กลับมาทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะ พิณ โจวซื่อ เสี่ยนลอบระบายลมหายใจ การยืนสนทนากับองค์หญิงในชุดแพรบางเบาแบบนี้ช่างสะกดใจ ไม่ให้ท่อนเนื้อของเขาลุกขึ้นมาได้ยากเย็นเหลือเกิน
องค์หญิงฉางผิงกล่าวว่า
เราพอถือกำเนิดออกมา ก็ป่วยเป็นโรคโหงวอิม เจาะแมะ ระบบการเต้นของชีพจรผิดแผกจากคนธรรมดา มาตรว่าชมชอบวิชาบู๊ แต่ได้แต่อ่านคัมภีร์วิชาฝีมือ ไม่สามารถฝึกปรือได้”
องค์หญิง ไฉนฝึกปรือไม่ได้”
เพราะยามทีเราโคจรพลัง จะเกิดความต้องการทางเพศ พลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะต้องใช้นิ้วเกี่ยว...” พูดไม่ทันจบก็นึกได้ ว่าคำพูดนี้ช่างน่าอายนัก จึงหยุดหน้าแดงซ่านด้ายความอาย เหลือบตามองโจวซื่อเสี่ย นก็หน้าแดงหอบหายใจแรงเช่นกัน ยิ่งทำให้องค์หญิงต้องก้มหน้าหลบตาด้วยความอายมากยิ่ง ขี้นไปอีก


หารู้ไม่ว่าตอนนี้โจวซื่อเสี่ยนลอบร้อง ครวญครางในใจ ท่อน เอ็นของเขาลุกขึ้นชี้ชัน ช่วยไม่ได้ได้จริงๆ ลองมาฟังผู้หญิงที่งดงามอย่างองค์หญิงฉางผิงบอกว่าใช้ นิ้วเกี่ยวหีของตัวเอง ใครจะไปห้ามใจไว้ ดีว่าโจวซื่อเสี่ยนเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ไม่งั้นอาจปล้ำองค์หญิง ฉางผิงไปแล้วก็ได้


ครั้นเห็นองค์หญิงกระดากอายจึงรีบกล่าว ขึ้น
องค์หญิง วิชาแพทย์นครหลวง เฉกเช่นฮูโต๋กลับชาติมาเกิด ขอเพียงผ่านกาลเวลาหนึ่ง พากเพียรบำรุงร่างกาย โรคภัยจะทุเลาเอง”
ฉางผิงกงจู้ระงับใจได้ก็กล่าวช้า
ขอบคุณท่านที่ปลอบโยนเรา แต่เราเล่าเรียนวิชา โหราศาสตร์ตั้งแต่เล็ก เคยคำรนวณอายุขัยของตนเองพบว่าเรามีอายุไม่เกินยี่สิบปี”


เอ่ยถึงตอนนี้ ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อน นางกำนัลนางหนึ่งวิ่งกระหืดหระหอบมา กระซิบทีข้างหูฉางผิงกงจู้ว่ากองทัพเสียที่มั่นภูเขา ซุงซาน แม่ ทัพหุงถูกทหารแมนจูจับเป็นเชลย


ฉางผิงกงจู้รับฟังจนหน้าแปรเปลี่ยนไป รีบขอตัวต่อโจวซื่เสี่ย น เข้าเฝ้าฉุงเจินฮ่องเต้ ณ ห้องทรงพระอักษรในบัดดล


......................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น