วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ด้วยรักและผูกพันธ์ ตอนก่อกำเนิดความผูกพันธ์ ep.5

 
 
 
แม่นงค์ของราม


เย็นวันเดียวกันนั้น ที่ผมต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านตามลำพัง เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน แสงตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ยังคงมีแสงสว่างไม่ได้มืดมิด เพราะยังอยู่ในช่วงฤดูฝน ผมรีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องนอนส่วนตัวของตนเอง เพราะแม่นงค์ยังคงไม่กลับบ้าน แต่ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะผมมีกุญแจบ้านสำรองติดอยู่ในกระเป๋านักเรียนอีกชุด

พลันเสียงโทรศัพท์ที่ห้องรับแขกก็ดังขึ้น ผมต้องรีบวิ่งลงมารับ คาดการณ์ว่าแม่นงค์คงโทรมาเช็คดูว่าผมกลับบ้านแล้วหรือยัง และก็เป็นความจริง

"รามกลับบ้านมาแล้วครับ..." ผมกรอกเสียงตอบคำถามของแม่นงค์ลงไปที่กระบอกโทรศัพท์

"อ๋อ...รามไม่ได้เถลไถลไปไหนหรอครับ..แวะทานน้ำปั่นที่สยามก่อน จึงค่อยกลับ..." ผมรีบไขว้นิ้วทันที ที่พูดโกหกแม่นงค์ เพราะไม่อยากให้แม่ซักไซ้เรื่องของดุจเดือนเพิ่มเติม

"แค่นี้นะครับแม่...บายครับ..รามรักแม่เช่นกัน..." ผมรีบบอกรักแม่นงค์อีกครั้ง แล้ววางโทรศัพท์ลงกับแป้น จากนั้นรีบวิ่งขึ้นบันไดโครมๆไปชั้นบน ผมต้องรีบจัดการแงะกระปุกออมสินเอาเงินที่เก็บออมออกมาก่อนที่แม่นงค์จะกลับบ้าน เพราะถ้าโนจับได้และซักถาม ผมคงไม่อยากพูดโกหกกับแม่อีกครั้งด้วยกลัวบาป

ขณะที่กำลังแกะจุกปิดใต้ฐานกระปุกออมสินรูปหมูอ้วน ใจหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผมพบแม่ของเพื่อนสาว เมื่อเดือนแนะนำให้รู้จัก ผมก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ใจไม่เคยนึกดูแคลนดูถูกเลยแม้แต่นิด ที่เห็นอาชีพของแม่เพื่อน ซึ่งดูเหมือนเดือนก็ยินดีที่จะแนะนำว่าผมเป็นเพื่อนกับแม่ ไม่มีทีท่าเขินอายเลยแม้แต่นิด ทำให้ผมตัดสินในแกะกระปุกออมสิน แล้วควักแบ็งค์ใบละยี่สิบออกมานับ จนครบสองร้อยบาทได้อย่างไม่นึกเสียดายแต่ประการใด

ที่จริงแล้วเดือนติดค้าค่ากิจกรรมของห้องเพียงไม่กี่สิบบาท แต่ที่ผมควักเงินออกมานับจนครบสองร้อย ก็เผื่อว่าในอนาคตถ้าเดือนขัดสนไม่มีเงินจ่ายให้วาสนา เงินจำนวนที่เกินไปในครั้งนี้คงช่วยเธอไว้ได้อีก แล้วผมก็สะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงกระแอมที่เบื้องหลัง

"อ้ะแฮ่ม..!...ทำอะไรอยู่จ๊ะลูกราม..." ผมถึงกับสะดุ้งโหยงหน้าซีดด้วยความตกใจ รีบกำมือซ่อนเงินสองร้อยบาทไว้แน่น ก่อนจะหันตัวกลับมายืนเผชิญหน้ากับผู้เป็นแม่

"ทะ..ทำไมแม่กลับไวนักเล่าครับ..มะกี้รามเพิ่งคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่เลย.." ผมรีบถามแม่นงค์ด้วยความตื่นเต้นแปลกใจ

"แม่กลับไวไม่ดีหรือจ๊ะ...ก็ตอนที่แม่โทรหาราม แม่ขับรถมาจนถึงหน้าบ้านแล้วนี่คะ..." แม่นงค์เฉลยความ จนผมหายสงสัย แต่ตาคู่สวยดวงนั้นยังคงจับจ้องมองมาที่ตัวผมเหมือนจับผิด ที่เห็นว่าผมพูดกับแม่แต่เอามือไขว้หลังผิดธรรมชาติ

"ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังหรือเปล่าลูก..." แล้วแม่นงค์ก็ถามจริงๆอย่างที่ผมกำลังกังวล จนผมอึกอัก เหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้

รีบแก้สถานการณ์เดินตรงไปกอดรัดแม่ด้วยความรัก พร้อมซบหน้าลงไปกับอกอวบอิ่มคุ่นั้น ที่ผมเคยกอดรัดอยู่เป็นประจำ เพื่อให้แม่นงค์ลืมคำถาม แต่ดูเหมือนคราวนี้จะไร้ผล เมื่อแม่นงค์ย้ำถามอีกครั้ง แล้วรอคำตอบ

"รามเอาเงินไปช่วยเพื่อนน่ะครับ..." แล้วผมก็จำใจต้องเล่าเรื่องราวของดุจเดือนเพื่อนสาวให้แม่นงค์ฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ปิดบังอำพราง มีแต่เพียงความรุ้สึกที่หัวใจพองโตของผมเท่านั้นที่ไม่ได้บอกกับแม่

"ดีแล้วละลูก รามทำถูกแล้วจ๊ะ..ที่รู้จักแบ่งปันเพื่อนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา..." แม่นงค์กระซิบบอกเบาๆ พร้อมลูบหัวของผม ที่ซุกส่ายหาไออุ่นจากอบอวบอิ่มของแม่ ด้วยความรักและปราณีเหมือนเช่นเคย

"แม่ว่ารามทำถูกต้องมั๊ยครับ...." ผมอ้อนถามแม่ดั่งเด็กน้อยที่ยังไม่รู้จักโต

"ถูกต้องที่สุดค่ะ...อิอิ..พอแล้วลูก ปล่อยแม่ก่อนสิจ๊ะ..." แม่นงคืตอบเสียงหวานดั่งคนใจดี แล้วพยามดันหัวของผมออกมาจากอกอวบอิ่มของแม่เบาๆ พร้อมหัวเราะเหมือนจั๊กกะจี๋ เมื่อผมส่ายหน้าละเลงปากจูบไปทั่วเนินอกขาวผ่องด้วยความรักที่แสนบริสุทธิ์

"คาวหน้าพอถึงวันหยุด รามชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านเราก็ได้นะคะ..แม่อนุญาต..." แม่นงค์กล่าวต่อยิ้มๆ ทำหน้าล้อๆ เมื่อเห็นผมทำหน้าอายๆแดงๆ หลังจากที่ผมยินยอมผงะหัวออกมาตามแรงดันจากมือของแม่

"แม่สงสัยว่าเพื่อนของลูกรามคนนี้คงสวยน่ารักแน่เลย..จริงมั๊ยจ๊ะ..." แม่นงค์สัพยอกล้อผมทั้งน้ำเสียง และสายตา จนผมยิ่งรู้สึกขัดเขินอายสุดๆ รีบซุกหน้าไปที่อกอวบอิ่มอีกครั้ง แล้วคราวนี้ไม่ว่าแม่นงค์จะร้องจะหัวเราะ และผลักดันยังไง ผมก็แข็งขืนไม่ยอมเอาหัวออกมาจากอกอวบของแม่อีกเลย จนแม่นงค์ต้องเดินประคองผมลงไปข้างล่างทั้งๆที่อยู่ในลักษณะนั้น จนมาถึงโต๊ะอาหารนั่นแหละ ผมจึงยอมผละหัวออกมา เมื่อแม่นงค์ร้องบอกว่า

"รามช่วยแม่แกะถุงอาหารก่อนจ๊ะ..เอาไปใส่ถ้วยจาน เดี๋ยวจะได้ทานพร้อมกัน...ขอเวลาแม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน......."

แม่นงค์พูดจบก็เดินผละไปขึ้นบันไดไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่บอก ส่วนผมเตรียมหาถ้วยจานชามในตู้เก็บของ ออกมาวางเรียงบนโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ สำหรับผู้คนมากกว่าสี่คน ทั้งๆที่เราอยู่กันเพียงสองคนแม่ลูก แล้วดูเหมือนกับว่าจังหวะนั้นเองที่ใจผมหวนคิดถึงพี่ลักษณ์และพ่อ..ถ้าทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน ผมคงมีความสุขเป็นยิ่งนัก แต่ผมก็รุ้ดีว่าเรื่องของพี่ลักษณ์และพ่อ..ห้ามเอ่ยให้แม่นงค์ได้ยินเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นผมต้องโดนดุอย่างแน่นอน

ผมนั่งรอแม่นงค์ที่โต๊ะอาหารในที่ประจำของตนเองอีกครู่ใหญ่ แม่นงค์ก็เดินลงบันไดมา แม่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นชุดอยุ่บ้านด้วยกางเกงขาสั้นบานๆสีขาว ความยาวของขากางเกงไม่มากนักจนดูคล้ายกระโปรงสั้นมินิเสกิร์ต มันจึงอวดเรียวขาขาวๆเพียวๆของแม่จนผมมองเขม็ง ไม่สนใจว่าเสื้อสีสดใสคอย้วยๆตัวนั้น มันน่ามองเพียงใด

"เอ้าดูสิ...จ้องขาแม่..จนเหมือนหนุ่มจ้องมองสาวเลยนะ..ลูกคนนี้...อิอิ" แม่นงค์สัพยอกหยอกล้อผม พร้อมหัวเราะ และรีบทรุดตัวลงนั่งในที่ประจำของท่าน

"ก็แม่นงค์..ของราม...สวยนี่ครับ..." ผมตอบยิ้มๆ แล้วเริ่มลงมือตักอาหารใส่ปาก

"สวยเท่าดุจเดือนเพื่อนของลูกรามมั๊ยจ๊ะ...แต่น่าจะสวยน้อยกว่าเน๊อะ เพราะแม่แก่แล้ว..." แม่นงค์ยังล้อให้ผมอายไม่เลิก

"ใครว่า..แม่นงค์ของราม สวยที่สุดเลยต่างหาก..." ผมตอบแล้วยิ้มประจบเอาใจ

"เชอะ..ทำปากหวานกับแม่..." แม่นงค์จิกตาค้อนใส่ผม แล้วหัวเราะอย่างร่าเริงมีความสุข จากนั้นเราสองคนแม่ลูกต่างก็นั่งทานข้าว พร้อมสนทนาถึงเรื่องการเรียนของผมไปด้วยจนอิ่ม จึงลุกไปนั่งพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น ส่วนผมรีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่และหยิบสมุดการบ้านออกมาทำ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ จึงเดินกลับลงมาหาแม่นงค์ที่ห้องรับแขกอีกครั้ง เห็นแม่นอนหงายเงียบอยู่บนโซฟา พอเดินเข้ามาจนใกล้จึงพบว่าแม่นงค์เผลอตัวนอนหลับอยู่กับโซฟาตัวยาว ทั้งๆที่ทีวียังคงเปิดอยู่

ผมเดินตรงผ่านหัวนอนของแม่เข้าไปปิดทีวี พร้อมส่งเสียงเรียกแม่นงค์เบาๆ แต่เธอกลับไม่ตื่น ดูเหมือนคงหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งๆที่น้ำท่ายังไม่ได้อาบ

"แม่นงค์ครับ.." ผมเดินผ่านปลายเท้าของแม่ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกันทางปลายเท้า พร้อมร้องเรียกเบาๆอีกครั้ง ที่ไม่กล้าส่งเสียงดังหรือเขย่าตัว ด้วยเกรงว่าแม่นงค์จะตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ดูเหมือนการเรียกครั้งที่สองของผมจะได้ผล เมื่อแม่นงค์ขยับตัว แต่แล้วผมก็ใจหายวาบเมื่อการขยับตัวของแม่ ทำให้ขาข้างหนึ่งของท่านเลื่อนตกลงมาห้อยกับพื้นห้อง ในลักษณะขาทั้งสองแบะถ่างกว้าง

แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจนั้นเป็นเพราะกางเกงขาสั้นๆบานๆของแม่นงค์ต่างหาก ที่มันถ่างจนมีช่องว่าง ที่ทำให้ผมแลลึกเข้าไปถึงข้างในได้ เพราะนั่งอยู่ปลายเท้า ผมตกใจรีบผวาผุดลุกขึ้น หันหน้าไปทางทีวีที่มีแต่จอสีดำ ยืนใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ เมื่อแลเห็นชัดว่าข้างในขากางเกงบานกว้างของแม่นงค์นั้น หาได้มีกางเกงชั้นในแต่อย่างใดเลย

ความรุ้สึกของผมขณะนั้น บรรยายไม่ถูก มันทั้งกลัวๆกล้าๆ ทั้งอยากรู้อยากมอง ทั้งอายๆเขินๆจนหน้าเริ่มแดงกร่ำ เลือดลมฉีดพลุ่งพล่าน จนหัวใจดวงเล็กๆเต้นตึ๊กๆ แทบจะกระดอนออกมาจากอก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จะเอ่ยปากเรียกแม่อีกครั้ง ก็กลัวว่าเมื่อแม่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าสภาพการนอนของตนเองเป็นเช่นไร แม่คงอายและตกใจ ครั้นจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินผ่านไปเลยก็เกรงว่าแม่นงค์นอนตากแอร์ทั้งคืน ตื่นมาคงไม่สบาย ครั้นจะเบือนหน้าทำเป็นมองไม่เห็น แต่เนินเนื้อในร่มผ้าที่เห็นแว๊บๆ มันกลับเย้ายวนก่อกวนประสาท และถ้าจะจ้องมองอย่างจริงจังอีกครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เกรงกลัวว่ามันจะเป็นบาปเป็นกรรม ที่เจตนามองของลับของผู้เป็นแม่

แล้วผมก็ตัดสินใจได้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงรีบวิ่งขึ้นบันไดเดินไปที่ห้องนอนของตนเอง แล้วฉวยผ้าแพรผืนบางๆลื่นๆ หยิบติดมืออกมา
แล้วลงมาคลี่คลุมห่มตัวให้แม่นงค์ ก่อนจะเดินไปสำรวจประตูหน้าต่างว่าล็อคเรียบร้อยแล้ว จึงปิดไฟที่ห้องรับแขก แล้วค่อยๆเดินย่องขึ้นไปชั้นบนนอนใจเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นอยุ่บนเตียงตามลำพัง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น