วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567

คู่ชีวิต (ชีวิตคู่ 2) รักแรกและความรักของบีม EP.2

 

 
 
ทุกบ้านสำหรับคนที่เคยเป็นลูกเดียวแล้วจู่ๆมีน้องมาเพิ่ม ทำให้ได้รับความรักจากพ่อแม่น้อยลง ซึ่งหนูเองก็เป็น ตั้งแต่ที่บ้านมีมาสเข้ามา ทั้งป๊ะป๋าทั้งแม่ก็แทบที่จะไม่ให้ความสนใจหนูเลย เวลาส่วนใหญ่จะเอาไปให้มาสหมด ซึ่งตอนแรกหนูเองก็เกิดความอิจฉาเหมือนกัน แต่พอวันหนึ่งได้เล่นกับน้องดูแล้ว จู่ๆความอิจฉาของหนูก็หายไป หนูรักน้องชายคนนี้มากๆ เริ่มเข้าหาน้องมากกว่าตอนแรก เล่นกับน้องทำให้น้องหัวเราะ ไปจนถึงขั้นลองชงนมให้น้องกินตอนที่น้องเริ่มได้ 2 ขวบ

ซึ่งตอนนั้นหนูอายุได้ 9 ขวบแล้ว เริ่มทำอะไรเองเป็นบ้างแล้ว เช่น กวาดบ้านถูบ้าน เลี้ยงน้อง ทำอาหารเช้าจำพวกซีเรียล ไข่ดาว แต่ต้องให้ป๊ะป๋าหรือไม่ก็แม่เปิดแก๊สให้ เพราะเปิดไม่เป็นในตอนนั้น

ทุกวันที่กลับมาจากโรงเรียนหลังจากที่ทำการบ้านเสร็จแล้ว ก็จะมาคลุกคลีอยู่กับน้องดูแลน้องแทนป๊ะป๋ากับแม่ ที่พอเห็นหนูเข้ามาเล่นกับน้องแล้วก็จะพูดว่า "ดูน้องดีๆนะบีม" แม่จะเรียกชื่อหนูหวนๆ ฟังแล้วก็อาจจะดูดุๆแต่จริงๆแล้วแม่ใจดีมาก แต่ถ้าเป็นป๊ะป๋าเวลาพูดคุยกับหนู ท่านจะชอบเดินเข้ามาเล่นก่อนสักพกหนึ่ง แล้วจะพูดว่า "ดูน้องดีๆนะคะ" แล้วก็จะเอามือมาลูบศีรษะหนูอย่างเอ็นดู

ป๊ะป๋ากับแม่ชอบฝากน้องไว้กับหนูซึ่งหนูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จนหนูอายุ 11 ปีความสงสัยก็เกิดขึ้นมาในใจ เวลาที่หนูเลี้ยงน้องป๊ะป๋ากับแม่ก็จะจูงมือกันขึ้นไปชั้นสอง ปล่อยให้หนูทำหน้าที่ดูแลน้องตามปกติ แต่บางทีทั้งป๊ะป๋ากับแม่ก็ไม่ลงมาเลย จนกระทั่งมีอยู่คืนหนึ่งคืนนั้นหนูกับน้องเล่นกันจนเผลอหลับในคอก หนูรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาห่มผ้าให้น้องแต่น้องก็ถีบออก หนูก็เลยต้องกางมุ้งเด็กเพื่อกันไม่ให้แมลง ยุง หรือมดมากัดน้องตอนหลับ จัดแจงอะไรเสร็จแล้วจากนั้นก็ออกจากคอกน้อง กำลังจะเดินกลับไปนอนในห้อง

แต่จังหวะที่เดินผ่านบันไดชั้นสองหนูก็ต้องหยุดชะงัก เพราะจู่ๆตอนนั้นเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่า ป๊ะป๋ากับแม่ทำไมถึงเอาแต่อยู่ในห้องไม่ลงมาซักที โดยเฉพาะป๊ะป๋าที่ปกติแล้วหนูเล่นกับน้องจนเผลอหลับไป ป๊ะป๋าจะต้องเป็นคนมาปลุกหนูเอง แต่วันนี้ป๊ะป๋าไม่ลงมาปลุก เลยสงสัยว่าทำไม

หนูเลยเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นลอยแล้วเดินขึ้นไปต่อ จนใกล้จะถึงหน้าห้องนอนของพวกท่าน จู่ๆภาพในวัยเด็กก็หวนคืนมาลางๆ เรื่องที่หนูเคยตกบันไดเพราะฝันร้ายตอนที่เด็กกว่านี้ ขณะที่หนูกำลังก้าวเท้าไปทีละขั้นแบบกลัวๆ เพราะตอนเด็กเคยตกบันไดกลายเป็นปมฝั่งใจ ไม่กล้าขึ้นชั้นลงบันได เวลาเดินก็จะต้องเดินแบบช้าๆเหมือนคนกลัวความสูง แต่นั้นคือเมื่อก่อน

ตอนนี้หนูเอาชนะความกลัวแล้ว หนูเดินขึ้นไปจนถึงหน้าห้องนอนของป๊ะป๋ากับแม่ หูเงี่ยหูฟังไม่กี่นาทีต่อมา เสียงของแม่พร้อมเสียงประหลาดก็ดังขึ้นโครมคราม ปั๊บๆๆๆๆๆๆๆ เสียงของแม่ดังมากจนแสบแก้วหูหนู "โอ๊ยยย เสียววว อ่าส์ ซี๊ดดดด อู๊ววววว"



หนูที่ตอนนั้นรู้เรื่องเพศศึกษาแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าแม่กับป๊ะป๋ากำลังทำเรื่องที่ผู้ใหญ่ทำกันอยู่ หนูได้แต่ฟังจนหน้าแดง และก็บางอ้อ นี่หรือคือสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกันตอนกลางคืน

พอหนูรู้เรื่องนี้หนูก็ไม่ได้อะไรมากทำตัวปกติ และนี่คือชีวิตในบ้านของหนู

ส่วนชีวิตส่วนตัวชีวิตในรั้วโรงเรียน หนูก็แบบนักเรียนทั่วไป คือ เรียนทำกิจกรรมในโรงเรียน มี Poppy Love

Poppy Love หรือรักแรกของหนูเขาชื่อ มาร์ค เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจาก USA โรงเรียนที่หนูเรียนอยู่เป็นโรงเรียนนานาชาติ หนูคบกับมาร์คช่วงมัธยมปลายซึ่งที่บ้านป๊ะป๋ากับแม่หนูรู้ หนูเป็นคนบอกว่าคบอยู่กับเขา

มาร์คเป็นรูปร่างสูงกว่ามากตามประสาคนต่างชาติ ตามีฟ้าน้ำทะเล ผมบลอร์น นิสัยจะนิ่งๆแต่จริงจจังกับการใช้ชีวิต ซึ่งหนูกับมาร์คเราเริ่มต้นมาจาการเป็นบัดดี้ แล้วเกิดชอบกันขึ้นมา มาร์คตามประสาคนต่างชาติเขาก็เป็นฝ่ายเข้ามาจีบแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมแบบคนไทย หนูเองก็ชอบเขาเหมือนกัน เมื่อทุกอย่างลงตัวเราก็เลยคบกันเป็นแฟน

แต่เราคบกันแบบ Poppy Love ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า หนูเป็นคนสอนให้เขาพูด-อ่าน-เขียน ภาษาไทย มาร์คเป็นคนที่เรียนรู้ไวแถมเป็นคนที่จริงจังกับทุกเรื่อง เพียงแค่ 2 ปีเขาก็พูดภาษาไทยอ่านออกเขียนได้

ทุกปิดเทอมซัมเมอร์มาร์คจะบินกลับ USA บางทีหนูก็ไปเที่ยวกับเขา พักอาศัยอยู่ที่บ้านเขา มาร์คแนะนำตัวหนูกับครอบครัวของเขา ซึ่งครอบครัวเขาก็ให้การต้อนรับหนูเป็นอย่างดี ด้วยความที่ตอนนั้นตามกฏหมายมาร์คยังต้องอยู่กับครอบครัว เพราะอายุยังไม่ถึง 18 เเต่อายุถึงแล้ว มาร์คก็จะพาหนูไปเที่ยวผับในนิยอร์ค ซึ่งตอนนั้นเราก็เรียนจบกันแล้ว

หนูยังคงคบอยู่กับมาร์คหลังจากที่เรียนจบ มาร์คเมื่อถึงเวลาของเขาก็ต้องกลับ USA เขาชวนหนูไปใช้ชีวิตด้วยกันที่นั้นกับเขา แต่ว่าหนูตอนนั้นอยากเรียนต่อปริญญาตรี ทำให้ความคิดของเราไม่ตรงกัน หนูเองก็อยากใช้ชีวิตกับเขาซึ่งเขาเองก็เขาและไม่ได้เป็นปัญหาอะไร หนูก็ไปส่งเขาขึ้นเครื่อง และ จูบแรกของหนูกับเขาก็เกิดขึ้นที่นั้น

มาร์คกับหนูเรายังคงติดต่อกันอยู่ตลอด ทุกซัมเมอร์หรือเทศกาลหนูจะบินไปหาเขาที่ USA และบางทีเขาก็จะบินมาหาหนูที่ไทย จนกระทั่งเราเริ่มทำเรื่องอย่างว่ากัน

หนูบินไปหาเขาก่อนวันวาเลนไทน์ มาร์คพาหนูไปเที่ยวเทศกาลที่เขาจัดอย่างยิ่งใหญ่ เทศกาลความรักเป็นอะไรที่ฝั่งยุโรปให้ความสำคัญ เราจูบกันอย่างดูดดื่ม ตอนนั้นหนูกับมาร์คเราอายุ 23 ปีแล้ว หลังเวลาเที่ยงคืนที่พลุถูกจุดขึ้นในวันแห่งความรัก

หนูกับมาร์คเราอยู่กันอพาร์ตเมนต์ของเขา ตอนนั้นเขาทำงานอยู่ฝ่ายไอทีของบริษัท Apple ก่อนที่ภายหลังจะออกมาเป็นนักเเคสเกมส์ที่ค่อยข้างมีชื่อเสียงในวงการเกม

หนูกับมาร์คอยู่กันที่ห้องนอนของเขา เราจูบกัน เขาพาหนูโน้มลงที่นอนของเขา เสียงพ่นลมหายใจของเขาดังอยู่บริเวณต้นคอ เขาจูบหนูๆจูบตอบ จนกระทั่งเขาโชว์อวัยเพศของเขา มันใหญ่มาก หุ่นของเขาดีมากตามสไตล์หนุ่ม USA เขาบอกให้หนูใช้ปากให้เขา



นี่ก็ครั้งแรกของเราทั้งคู่หนูจึงลองใช้ปากให้เขา บ๊วบๆ เขาส่งเสียงคราง "Ahh Babe" หนูใช้ปากให้เขาหนูนานมากจนเขาอดใจไม่ไหวปล่อยน้ำออกมา ด้วยความที่นี่เป็นครั้งแรกของเรา หนูตกใจมากไม่รู้จะทำยังไงต่อแต่มาร์คบอกให้หนูกลืน หนูก็เลยกลืนน้ำของเขา น้ำของเขากลิ่นดีมาก เหมือนกินน้ำหวานเข้าไป

เรานอนพักกอดกันท่ามกลางเสียงพลุดังอยู่ข้างนอก เขาชวนหนูไปดูที่หน้าต่างมันสวยมาก แสงสีช่างต่างจากกรุงเทพ

แต่ขณะที่หนูกำลังชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกอยู่นั้น มาร์คก็เดินออกไปทำอะไรไม่รู้ หนูได้ยินเสียงเหมือนมาร์คกำลังบีบโลชั่น สักพักหนึ่งเขาก็เดินมาเข้ามาข้างหลังหนู เอาของเขามาถูๆไถ่ตรงร่องสาวของหนู หนูหันหน้าไปมองเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม อ้อนวอนเขาๆก็ยื่นหน้ามาจูบหนูในท่าเหลียวหลัง

ขณะที่พลุกำลังดังขึ้นต่อเนื่องอยู่ข้างนอก มือของหนูที่ยันหน้าต่างเอาไว้ท่ามกลางแสงสี มาร์คเขาค่อยๆเริ่มกระแทกเอวจากช้าไปเร็ว

สิ่งที่มาร์คทำกับหนูทำให้หนูนึกถึงแม่กับป๊ะป๋าที่ทำกันในห้อง รสชาติเซ็กส์มันเป็นแบบนี้นี่เอง

หนูกรีดร้องทนไม่ไหวปล่อยไปตามอารมณ์ มาร์คกระแทกหนูมันทั้งจุกปนเสียว ด้วยความที่ของมาร์คใหญ่แบบใหญ่มาก ทำให้ทุกครั้งที่จะสอดใส่เข้ามา มาร์คจะใช้โลชั่นหล่อลื่นให้มันเข้าง่ายไม่เจ็บ ซึ่งก็ไม่เจ็บเลย แต่อาการหลังจากนั้นคือ ปวดเหมือนกระดูกจะร้าว

หนูกับมาร์คเรายังคบกันต่อจนเข้า 25 มาร์คเขาขอแยกไปใช้ชีวิต เขาบอกกับหนูว่า เขาไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวตอนนี้ ซึ่งหนูกับมาร์คเราคบกันมาตั้งแต่ม.ปลายตอนอยู่ไทย จนอายุ 25 ปีที่เรากันมาก็นานมาก

แต่ด้วยความที่หนูก็เข้าใจเขา แต่ในใจก็ยังรักเขาอยู่แต่ก็ต้องจำใจปล่อยเขาไป ซึ่งเราก็มีความสัมพันธ์ในคืนนี้นตลอดทั้งคืนจนเช้า หนูบินกลับมาไทยด้วยความเสียใจ

2 ปีหลังจากที่เลิกกับมาร์ค หนูก็ใช้ชีวิตตามปกติหนูเรียนจบมีงานทำที่ดี โดยใช้เส้นสายของแม่ในการเอื้ออำนวยความสะดวก หนูทำงานในบริษัทที่เพื่อนของแม่เป็นเจ้าของ หนูทำงานให้เขาดีมากจนได้ปรับเลื่อนตำแหน่งงานจากพนักงานเป็นหัวหน้างาน

แต่ด้วยความที่หนูขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กฝาก ถึงหนูจะทำงานออกมาดีแค่ไหนก็ไม่พ้นข้อครหา โดยเฉพาะกับพนักงานที่ทำงานมานานแล้วไม่ได้เลื่อนขั้นซักที เขาจะชอบมาพูดจิกกัดพูดแซะให้หนูได้ยินเป็นประจำ ซึ่งหนูก็ไม่ได้เอาเรื่องราวอะไร คิดในแง่บวกอยู่เสมอ ทำงานที่เรารับผิดชอบให้ดีที่สุดก็พอ

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมหนูไม่รับราชการแบบแม่ เอาจริงๆแม่ชวนหนูให้ไปสมัครสอบ แต่หนูไม่ไปเพราะไม่ใช่แนวทางของหนู แม่ก็เข้าใจแต่ก็พยายามพูดกล่อมหนูอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่เป็นผล

ชีวิตในวัยทำงานของหนูก็แบบคนทั่วไปเช้าทำงานเย็นกลับคอนโด หนูพักอยู่แถวไอคอนสยาม เรื่องรักๆใคร่ๆตอนนี้หนูเองก็มีคนคุยๆอยู่บ้าง แต่ยังไม่ได้เปิดตัวว่าคบกัน เพราะต้องการคนที่พร้อมและใช่ที่สุดสำหรับหนู แต่ด้วยความที่หนูเองเองก็สวย หน้าตาดี หุ่นดีมาจากทีที่มั่นดูแลตัวเอง จะรักใครก็ต้องรักตัวเองก่อน คือ คติในการใช้ชีวิตของหนู

หนูในวัย 27 ปี มีผู้ชายหลายคนเข้ามาในชีวิตเยอะมาก มาแบบจีบต้องการเป็นแฟน กับ มาจีบเพื่อหวังเรื่องอย่างว่าก็มีเยอะแยะ แต่ด้วยความที่หนูใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ และอยู่คบผู้ชายทีละคน ถ้าไม่นับมาร์คที่เป็นรักแรก ผู้ชายที่หนูคบหลังจากมาร์คแล้วก็มีกันอยู่ 4 คน

คนแรกเขาชื่อ เมย์ หนูเจอเขาในงานคอนเสิร์ต เขาเปิดโต๊ะอยู่ข้างๆเราชนแก้วกัน แล้วมาสานต่อทีหลัง จนได้คบกันเป็นแฟนแต่ไม่ได้เปิดตัว แรกๆอะไรก็ดีแต่หลังจากนั้นก็เละเทะ เมย์ติดเพื่อนมากเที่ยวบ่อย ไม่ทำการทำงาน หนูกับเขาทะเลาะกันบ่อย จนตัดสินใจเลิกก็เลิกกับเขา

คนที่สอง เขาชื่อ ภู เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คนนี้นิสัยดีแต่ว่าเขาเป็นคนขอเลิกกับหนู เพราะเขาเห็นว่าหนูอยู่สูงกว่าเขาเกินไป

คนที่สาม ชื่อ ปลื้ม คนนี้หนูคบนานจนเกือบได้แต่แต่งงานด้วย แต่งานวิวาห์ก็ล้มเพราะเขานอกใจหนู หนูจึงเลยเลิกกับเขา

คนที่สี่ ชื่อ ตะวัน เด็กผู้ชายที่หนูเคยเจอด้วยตอนเด็กๆที่โรงพยาบาล เขาคือสามีของหนูและเป็นพ่อของลูก โดยเรื่องราวต่อจากนี้หนูจะมาเล่าต่อ …






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น