วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เสียดายความสวยความบริสุทธิ์

 
 

สวัสดีครับ ผมชื่อพลอายุ47ปีแล้ว อยากเล่าเรื่องในอดีตให้เพื่อนได้อ่านสักเรื่อง ผมขอเล่าย้อนไปเมื่อ25-26ปีก่อน สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือสมาร์โฟนใช้เช่นสมัยนี้แต่สมัยนั้นมีโทรศัพท์ปุมกดเครื่องใหญ่ๆใช้อยู่ซึ่งมีใช้เฉพาะคนรวยๆถ้าสมัยนั้นมีสมาร์ทโฟนคงได้บันทึกเรื่องราวลับๆไว้ย้อนดูได้สะดวกเลย ตอนนั้นผมอายุ20ปีเอง ผมจบแค่ป6เพราะที่บ้านยากจนจึงไม่ได้เรียนต่อต้องออกมาทำงานเป็นลูกจ้างเขา ผมเป็นลูกจ้างของร้านเหล้าในตลาดเขาชื่อเถ้าแก่เจียงมีลูกสาว2คนคนโตอายุเท่ากับผมส่วนคนเล็กอายุน้อยกว่าผม4-5ปีผมออกโรงเรียนอายุ13ก็มาทำงานร้านเถ้าแก่เจียง ทำอยู่ได้4ปีกว่าผมก็เป็นที่ไว้ใจของเถ้าแก่สามารถเข้าออกร้านได้ทุกเมื่อโดยเถ้าแก่ให้กุญแจส่วนตัวไว้ใช้เข้าออกไม่ว่าจะเป็นที่ร้านหรือที่โกดังเก็บของหรือแม้แต่ที่บ้านใหญ่ของเถ้าแก่เองผมก็สามารถเข้าออกได้ตลอดและทำได้เพียงคนเดียวเพราะเถ้าแกไม่มีลูกผู้ชายแกจึงรักผมมากกว่าลูกน้องคนอื่นๆ ด้วยความที่เถ้าแก่อนุเคราะห์ผมมากขนาดให้ผมกินข้าวในบ้านของแกตามสบายได้ทุกเมื่อและถ้าใช้ให้ทำงานที่บ้านใหญ่จนดึกแกก็จะให้ผมนอนพักที่บ้านใหญ่ได้ทำให้ผมกับลูกสาวคนโตของเถ้าแก่สนิทกันพอสมควรและผมก็หลงรักเธอหมดใจด้วยเพราะเธอโคตรสวยและกิริยานิสัยน่ารักมาก เธอชื่อ น้ำฝน แต่ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่เธอจะมองเพราะเธอมีแฟนหล่อบ้านก็รวยมันชื่อดอนเป็นรุ่นพี่ของเธอที่เรียนมหาลัยด้วยกันและคบกันมาตั้งแต่มัธยม1แล้วบ้านของดอนอยู่ห่างออกไปอีกตำบลหนึ่งดอนมันเป็นคนนิสัยดีพูดจานุ่มนวลไม่หยิ่งและไม่ดูถูกใครที่จนกว่ามันและมันให้เกียรติคนอื่นเสมอผมก็ไม่แปลกใจหรอกที่น้ำฝนจะรักมัน ดอนกับน้ำฝนคบกันมานานและหลังๆดอนมันก็สนิทกับผมด้วยมันช่วยเหลือผมตลอดเวลาที่ผมมีปัญหาเรื่องเงินมันช่วยตลอดและไม่เคยทวงบุญคุณผมเลยผมจึงยอมรับน้ำใจมันมากช่วงที่น้ำฝนไปเรียนมหาลัยปี1ผมกับพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันนานเป็นปี ในช่วงปิดเทอมน้ำฝนกลับมาบ้านตอนนั้นเธอดูสวยน่ารักกว่าเดิมมากๆพอผมเห็นเธอใจนี้สั่นเลยอิจฉาเจ้าดอนมันจริงๆ ตอนน้ำฝนกลับมาพักช่วงปิดเทอมในปีนั้นมีเหตุการณ์ที่ผมลืมไม่ลงทั้งสงสารทั้งเสียดายมากๆ วันนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงๆผมเห็นน้ำฝนแต่งตัวออกจากบ้านแม่เธอถามว่าจะไปไหนเธอก็ตอบว่าไปหาดอนแม่เธอก็ไม่ว่าอะไรแล้วเธอก็ขับรถเก๋งออกไปตอนนั้นผมกำลังนั่งทำบัญชีรายการสินค้าเข้าโกดังอยู่จึงร้องบอกเธอไปว่ามืดๆให้ดอนมารับหน่อยเพราะดอนนัดผมไปเล่นสนุกเกอร์เธอก็พยักหน้าก่อนออกไป พอตกเย็นดอนมาหาผมและถามหาน้ำฝนผมก็บอกว่าเธอออกไปหาเขาตั้งแต่เที่ยงแล้วดอนทำหน้างงและบอกว่าน้ำฝนไม่ได้ไปหาเขานะเขาบอกว่าเขาโทรหาน้ำฝนก็ไม่รับแล้วดอนก็โทรหาต่อหน้าผมอีกแต่น้ำฝนก็ไม่รับสาย ดอนจึงชวนผมออกตามหาตามบ้านเพื่อนและบอกกับพ่อแม่ของน้ำฝนให้ช่วยกันตามหาเถ้าแก่ก็ให้ตำรวจตามหาอีกผมกับดอนไปตามหาด้วยกันดอนขับรถผ่านห้างไม้ที่เคยมีเรื่องเล่าว่ามีผู้หญิงถูกข่มขืนตอนนั้นผมเป็นห่วงน้ำฝนและคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับเธอจึงคิดว่าเธออาจถูกใครพามาข่มขืนในที่นั้นคือสมองมันคิดไปเรื่อยแต่ก็ไม่กล้าพูดให้ดอนฟังกลัวมันจะโมโหที่ผมคิดไปในทางไม่ดีจึงทำทีชวนดอนให้แวะเข้าไปดูแต่ดอนก็บอกว่าจะเข้าไปทำไมเสียเวลาคือตอนนั้นดอนยังไม่ทันคิดว่าน้ำฝนจะเจอเรื่องเลวร้ายคิดว่าคงไปหาเพื่อนดอนจึงต้องการไปดูตามบ้านเพื่อนๆให้ครบก่อนเพราะคิดว่าน้ำฝนคงไปหาเพื่อน แต่ไปตามที่บ้านเพื่อนจนครบหมดแล้วจนมืดก็ยังไม่เจอตัว ผมกับดอนช่วยกันหาอยู่จนมืดแล้วเราก็เริ่มแยกกันหาผมไปหาน้ำฝนตามบ้านเพื่อนผู้ชายก็ไม่เจอจนเกือบเที่ยงคืนผมกลับมาบ้านเห็นเถ้าแก่กับเจ๊ส้มและน้องกิ่ง(น้องสาวน้ำฝน)ยืนร้องไห้คอยรอลูกสาวอยู่กับตำรวจหน้าบ้านผมเข้าไปแก่ก็รีบมาถามผมว่าเจอน้ำฝนไหมพอผมสั่นหัวพวกแกก็ร้องไห้กันใหญ่แล้วผมก็นั่งรอฟังข่าวอยู่กับตำรวจ ผมนั่งคิดว่าเธอจะไปไหนอยู่พักใหญ่ก็นึกถึงที่ๆผมรู้สึกอยากไปดูมันคือที่ๆผมชวนดอนเข้าไปดูเมื่อตอนเย็นคือที่ตรงนั้นมันมีผู้หญิงถูกข่มขืนเมื่อหลายปีมาแล้วแต่มันเป็นแค่เรื่องเล่าที่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือป่าวเพราะไม่รู้ว่าเป็นใครถูกข่มขืนและใครเป็นคนข่มขืน เพียงแต่สถานที่นั้นมันเป็นที่ห่างไกลบ้านคนและลับตาคนถ้ามีผู้หญิงไปเดินแถวนั้นก็ชวนให้พาไปข่มขืนจริงๆ ผมจึงตัดสินใจกลับไปดูที่นั้นและไม่ได้บอกกับเถ้าแก่ว่าจะไปดูที่นั้นแค่บอกว่าจะไปหาต่อเท่านั้น เมื่อผมไปถึงสถานที่นั้นมันห่างจากตัวตำบลที่พวกเราอยู่เกือบๆ15กิโลเมตรในระยะเกือบ10กิโลจะไม่มีบ้านคนเลย ผมขี่มอเตอร์ไซค์และมองข้างทางว่ามีอะไรผิดสังเกตุบ้างไปเรื่อยๆจนไปถึงจุดเป้าหมายผมจอดรถซ่อนไว้ข้างนอกแล้วเดินเข้าไป3-4ร้อยเมตรก่อนถึงสถานที่นั้นคือสถานที่ตรงนี้จะมีห้างที่สร้างด้วยไม้เอาไว้พักแรมของคนงานตัดอ้อยในช่วงฤดูหรือที่เรียกกันว่าหน้าตัดอ้อย ตอนผมเข้าไปก็ไม่ได้มีอะไรติดตัวไปเลยพอไปถึงเห็นความมืดมิดจนน่ากลัวก็โมโหตัวเองที่ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาแต่ด้วยความสงสัยในใจจึงอยากเข้าไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยจึงเดินถึงห้างหลังนั้นในไม่กี่นาทีพอไปถึงผมก็ตื้นเต้นมากๆเพราะดันเห็นแสงไฟตะเกียงสว่างอยู่ตรงทางเข้าหน้าประตูและแสงไฟจากในตัวห้างที่ส่องออกมาทำให้ผมสงสัยว่านี้ยังไม่ใช่หน้าตัดอ้อยแล้วใครจะมาพักอยู่ในช่วงเวลานี้นะ ด้วยความอยากรู้รีบเดินไปด้านหลังห้างและแอบดูตามร่องไม้ไผ่ภาพที่ผมเห็นคือคนที่ผมตามหานี้เองทำให้ผมดีใจมากแต่ก็ตกใจมากไปพร้อมๆกันด้วย คนที่อยู่ในห้างไม้หลังใหญ่นั้นคือน้ำฝนที่กำลังนั่งกอดเข่าพิงเสาตรงมุมห้าง แต่เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นและข้างๆเธอมีผู้ชายนั่งหันหลังให้กำลังสูบยาเส้นอยู่ใกล้ๆมันไม่ใส่เสื้อผ้าเช่นกัน เสียงน้ำฝนร้องไห้สะอื้นหน้าเธอเศร้าและอิดโรยจากการร้องไห้และจากการถูกทำร้าย ผมมองรอบๆให้แน่ใจว่ามีอะไรเป็นอะไรและมันคนนั้นเป็นใครจึงไม่กล้าเรียกน้ำฝนไปมัวๆกลัวโดนยิงสวนกลับมา ผมได้ยินเสียงมันพูดอะไรพรึมพรำฟังไม่ชัดเพราะมันคาบยาเส้นอยู่แต่พอมันนีบยาเส้นดีดก้นทิ้งแล้วพูดขึ้นผมก็สะดุดคุ้นหูมากๆเมื่อมันหันมามองน้ำฝนผมก็ตกใจเพราะมันคือลุงชัยพี่ชายแท้ๆเจ๊ส้มหรือพี่ชายของแม่น้ำฝนเองลุงชัยเป็นคนดูแลโกดังสินค้าที่ผมต้องคอยเข้าเช็คสินค้าให้ตรงตามบัญชีทุกอาทิตย์และเมื่อตอนเช้าผมก็เพิ่งคุยงานกับลุงซึ่งลุงก็ดูปกติไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้ ผมเห็นลุงพูดกระซิบข้างๆหูน้ำฝนจนน้ำฝนร้องไห้ดังขึ้นๆๆแล้วลุงก็กระแทกเสียงว่า …ทำสิ!น้ำฝนสะดุ้งรีบนอนลงกับพื้นแล้วลุงชัยมันก็ทำท่าจะขึ้นค่อม ผมเมื่อมองว่ารอบๆไม่มีปืนก็ใจกล้าขึ้นจึงใช้มือตีไปที่ผนังดัง..ปังๆๆ! 3-4ทีแล้วรีบหลบซ่อนตัวในดงไม้เมื่อได้ยินเสียงดังเช่นนั้นลุงชัยมันก็เก็บเสื้อผ้าวิ่งออกไปอย่างไวและขี่มอเตอร์ไซค์บิดไปตัวตั้งไม่มีการร้องถามว่าใครมาตีมาแอบดูกูว่ะ! แบบในละครเลยมันวิ่งไปไม่คิดชีวิต เมื่อผมแน่ใจว่ามันไปแล้วผมก็รีบเข้าไปช่วยน้ำฝนเมื่อเธอเห็นผมเธอร้องเรียกให้ผมช่วยเสียงปานจะขาดใจเลย ผมเข้าไปเอาเสื้อผ้าคุมร่างเปือยของเธอเอาไว้ก่อนจะหาลูกกุญแจมาไขกุญแจที่ข้อมือเธอที่ล็อคติดไว้กับเสาก็ยังดีที่ไอ้ลุงชัยมันตกใจวิ่งหนีไปไม่หยิบเอาลูกกุญแจติดมือไปด้วย ผมเห็นเลือดเปื้อนตามขาของเธอและพื้นไม้ไผ่ทำให้ผมสงสารเธอจับใจ (หลังจากผมเก็บกุญแจมือไว้มาย้อนนึกทีหลังมันคงต้องวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้ว ) เมื่อปลดล็อคกุญแจให้แล้วน้ำฝนก็รีบใส่เสื้อผ้าและขอให้ผมพากลับบ้าน พอผมพาเธอออกมาถึงมอเตอร์ไซค์ที่ซ่อนไว้เธอก็เพิ่งนึกออกว่ารถเก๋งของเธอจอดอยู่ที่ท้ายไร่ผมจึงบอกว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาเอาเรากลับไปบ้านให้พ่อแม่รู้ก่อนว่าเธอปลอดภัยพอผมพูดอย่างนั้นเธอก็นิ่งไปและขอร้องผมไม่ให้ผมบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เธอทำใจไม่ได้เธอพูดไปร้องไห้ไปและกอดผมจนแน่นขอร้องผมซ้ำไปซ้ำมาว่าอย่าบอกใครผมได้แต่ตบหลังเธอเบาๆตอบเธอไปว่าได้ๆๆเราจะไม่บอกใครพอเธอหยุดร้องเธอก็ขอให้ผมพาเธอกลับไปเอารถเก๋งพอผมย้อนกลับไปเอารถเก๋งและขับออกมายังไม่ถึงมอเตอร์ไซค์เธอก็บอกผมให้ผมขับรถไปชนต้นไม้ข้างทางแล้วค่อยพาเธอกลับไปบอกกับทุกคนว่าเธอขับรถตกทางชนต้นไม้จนสลบไปและผมมาเจอจึงพากลับบ้าน ผมก็ทำตามเธอบอกและทุกคนก็เชื่อสนิทว่าเธอขับรถตกทางจริงๆ แต่ในระหว่างที่ผมพาเธอกลับเธอก็เล่าให้ผมฟังว่าลุงชัยรู้ว่าเธอจะไปหาดอนจึงขออาศัยติดรถไปด้วยและวานให้เธอพาไปที่ห้างไม้หลังนั้นซึ่งมันเป็นทางผ่านอยู่แล้วเมื่อไปถึงทางเข้าลุงก็ขอให้เธอแวะเข้าไปส่งถึงตัวห้างหน่อยพอเข้าไปถึงก็ใช้ให้ไปช่วยยกกระสอบถ่านขึ้นมอเตอร์ไซค์อีกแต่พอเข้าไปในห้างไม้หลังนั้นก็ไม่มีอะไรเธอจะหันกลับมาถามว่าไหนกระสอบถ่านก็ถูกลุงชกเข้าที่ท้อง2-3ทีจนหน้ามืดวู๊บไปตื่นมามือทั้งสองข้างก็ถูกล็อคด้วยกุญแจขาทั้ง2ข้างก็ถูกมัดขยับไม่ได้ทั้งยังปิดปากแทบหายใจไม่ออกและถูกแก้ผ้าจนหมด เธอเล่าว่าก่อนจะมืดเธอนอนดิ้นจนเจ็บอยู่3-4ชั่วโมง ตั้งแต่บ่าย3ถึง1ทุ่ม พอมืดลุงก็กลับมาและลงมือข่มขืนเธอไปหลายรอบ ผมฟังแล้วในใจโมโหไอ้ดอนมากๆที่มันไม่แวะเข้ามาตั้งแต่ตอนเย็นถ้ามันแวะน้ำฝนก็คงไม่เป็นเช่นนี้และผมก็เจ็บใจตัวเองยิ่งกว่าที่ไม่เด็ดขาดในการตัดสินใจในตอนแรกและอยากฆ่าไอ้ลุงชัยมากๆอยากจะบอกอยากจะแจ้งความจับมันแต่ก็เข้าใจน้ำฝนว่าเธอคงรับสายตาของสังคมไม่ได้ ผมได้แต่กัดฟันโมโหคนโน้นคนนี้และโมโหตัวเอง ผมไม่กล้าบอกเธอว่าผมผ่านมาแต่ไม่ได้แวะเข้าไปดูกลัวเธอเสียใจหนักไปอีก หลังจากผ่านวันนั้นไปได้อาทิตย์เดียวไอ้ลุงชัยมันก็กลับมาทำงานและทำตัวปกติ มันคงรู้ว่าน้ำฝนไม่กล้าฟ้องเรื่องมันและกลายเป็นน้ำฝนต้องคอยหลบหน้ามันตลอด และมันเข้ามาที่บ้านของน้ำฝนมากินข้าวมานอนพักตามปกติที่มันเคยทำประจำซึ่งผมก็เห็นมันเป็นแบบนี้มานานแล้วและมันรู้ว่าไม่มีใครสงสัยและรู้เรื่องมันมันจึงกล้ากลับเข้ามาอีก ช่วงนี้เองที่น้ำฝนบอกให้ผมมาทำงานที่บ้านใหญ่ทุกวันและนอนพักที่บ้านเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอเล่าไปร้องไปว่ามันจับเธอปล้ำในบ้านเวลาไม่มีใครอยู่บ้านมา2ครั้งแล้วตอนนี้เธออึดอัดใจมากร้องให้ใครช่วยก็ไม่ได้ต้องฝืนใจยอมให้มันทำตลอดพอเธอเห็นผมกลับมาจากไปทำงานต่างจังหวัดที่เถ้าแก่ส่งให้ไปทำเธอก็รีบมาหาผมให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อน เมื่อผมได้ฟังก็ยิ่งแค้นมันมากๆ พอมันเห็นผมเข้าไปพักในบ้านใหญ่ตลอดมันจึงไม่พอใจผมที่เห็นผมมาทำงานเป็นก้างขวางคอมันและไม่เปิดโอกาสให้มันทำอะไรน้ำฝนได้ มันจึงออกไปและพอเปิดเทอมน้ำฝนก็กลับมหาลัยก่อนกลับเธอเคยถามผมว่าดอนจะเกลียดเธอไหมที่เธอเสียสาวให้กับคนอื่นไปแล้วถ้าเขารู้ว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์เขาจะรับได้ไหม ผมตอนนั้นก็ยังไม่โตมากก็เลยตอบเธอไม่ได้ทำได้แต่สั่นหัวไม่รู้อย่างเดียว หลังน้ำฝนกลับไปเธอก็ไม่ค่อยกลับมาบ้านบ่อยเท่าไรนักมาก็แป๊บๆแล้วก็รีบกลับ ผมกับเธอจึงไม่ค่อยได้เจอกันและค่อยๆห่างกันไปๆๆจนผมอายุ25ก็ออกจากเถ้าแก่เจียงไปทำงานกรุงเทพ พอ5ปีให้หลังก็รู้ข่าวว่าเธอมีลูกกับดอน2คนแล้ว หลังจากนั้นมาอีก17ปีกว่าจึงได้มาเจอกันเพราะเถ้าแก่เจียงเสียชีวิตแม่จึงโทรบอกให้ผมมาเผาเถ้าแก่ ผมจึงได้เจอพวกเขาพร้อมกันในงานศพทั้งน้ำฝนและดอนรวมถึงไอ้ลุงชัย มันแก่มากต้องให้ลูกๆประคองแขนสองข้างพาไปใส่ดอกไม้จัน ผมมองดูลูกๆของมันประคองมันไปเผาเถ้าแก่เจียงแต่ก็เห็นสายตาน้ำฝนที่มองมันด้วยสายตานุ่มนวลและยกมือไหว้มันตอนมันลงมาจากวางไม้จัน หลังจากงานศพเสร็จแล้วผมก็ยังอยู่ช่วยที่งานและได้มีโอกาสพูดคุยกับน้ำฝนเธอก็เล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือกว่าหลังจากผมออกจากเถ้าแก่ไปแล้วและเธอกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านเธอก็ถูกลุงปล้ำอีกครั้งหนึ่งแต่เธอพลาดไม่ได้กินยาคุมเพราะคิดว่าประจำเดือนจะมาแล้วแค่ครั้งเดียวคงไม่ท้องแต่มันดันท้องเธอจึงแต่งงานกับดอนแต่ดอนก็รู้อยู่ก่อนแต่งแล้วว่าน้ำฝนพลาดท้องกับคนอื่นและดอนเข้าใจน้ำฝนว่าไม่อยากได้คนนั้นเป็นพ่อเด็กในท้องจึงแต่งงานกับน้ำฝนและดอนก็ไม่พูดไม่ถามว่าเป็นลูกของใครส่วนลูกคนที่สองเป็นลูกของดอนจริงๆ เรื่องลับของเธอนั้นเธอบอกว่าไม่มีใครรู้เลยนอกจากผมกับไอ้ลุงชัยเธอเล่าว่าลุงชัยมันก็ไม่รู้เช่นกันว่าลูกคนโตของเธอเป็นลูกของมันเธอเล่าต่อว่าเธอกลับมาอยู่บ้านจะเป็น10ปีแล้วซึ่งก็ไอ้ลุงชัยก็เข้าๆออกๆในบ้านมาตลอดแต่ก็ไม่เคยมีอะไรกันเพราะดอนและลูกๆอยู่ด้วย หลังๆมาในช่วงที่ลุงชัยมันเริ่มแก่ตัวไปไหนไม่ไหวเพราะมันเจ็บป่วยมันได้เข้ามาขอขมาเธอเพื่อขอให้เธออโหสิกรรมให้มันและเธอก็บอกว่าเธอก็อโหสิกรรมให้มันไปเพราะเธอถือว่าชดใช้กรรมในชาติที่แล้วคืนให้มันและเรื่องมันก็ผ่านมาเกือบจะ20ปีแล้วแถมตัวเธอยังมีลูกกับมันด้วยจึงยอมอโหสิกรรมให้ยิ่งเธอเห็นมันแก่และเจ็บป่วยก็อดสงสารไม่ได้ ผมฟังก็ได้แต่ยิ้มให้และเสริมว่าดีแล้วจะได้หมดเวรกันไป ความจริงแล้วถ้าหน้าตาลูกชายคนโตของน้ำฝนหน้าไม่เหมือนไอ้ลุงชัยน้ำฝนคงไม่เล่าความจริงให้ผมฟังว่าเด็กเป็นลูกใครที่เธอเล่าเพราะหน้าลูกเธอมันเหมือนไอ้ลุงชัยอย่างกับพิมพ์เดียวกันเลยและเพราะผมรู้เรื่องของเธอมาก่อนเธอก็คงเดาได้ว่าผมมองออกว่าเด็กเป็นลูกของใครเธอจึงไม่กล้าปิดบังกับผม เรื่องนี้อาจอ่านไม่ได้อารมณ์เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ผมอยากเล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น