วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว เสียวคูณสอง #3


 

หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเป้กับต้น เริ่มห่างเหินออกไปเรื่อยๆ สอดคล้องกับระยะทางที่อยู่ห่างไกลกันคนละสถานที่ คนละมุมเมือง จนสุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็ค่อยๆ เงียบหายไปด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งความห่างเหินเหล่านี้ ก็ส่งผลกระทบกระเทือนมาถึงความสัมพันธ์บนเตียงระหว่างเป้กับบอยผู้เป็นสามี ที่ต้องขาดรสชาติจากผู้ช่วยคนโปรดไปอย่างไม่เต็มใจนัก

โดยเป้ตัดสินใจที่จะไม่เล่าเหตุการณ์บางส่วนให้หนุ่มบอยฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่เธอเคยใช้ปากโม้กควยให้หนุ่มต้นจนเสร็จกิจน้ำแตกคารถ เพราะส่วนนึงเธอก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ที่แอบเผลอใจไปมีอะไรกับชายหนุ่มรุ่นน้อง แม้ว่าจะแค่เพียงภายนอกก็ตาม

ขณะที่ในใจลึกๆ นั้นเป้ก็รู้ดีว่า ถ้าเธอเกิดเล่าเรื่องนี้ออกไป บอยเองก็คงจะต้องหมกมุ่นวนเวียนอยู่กับความคิดเรื่องนี้ในหัว และยิ่งพยายามผลักดันให้เธอได้ลองไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นจริงๆ จังๆ แน่ๆ ซึ่งเธอคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะทำอะไรแบบนั้นเท่าไหร่

แรกๆ หนุ่มบอยก็ยังคงพยายามชักชวนให้ภรรยาสวมบทบาทร่วมรักกับหนุ่มต้นในจินตนาการเหมือนเดิม แต่ฝ่ายภรรยาสาวนั้นกลับรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับมันซักเท่าไหร่ เนื่องจากเป้นั้นตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลิกคิดทะลึ่งใส่หนุ่มรุ่นน้องซักที เพราะไหนๆ เธอกับต้นก็ไม่ค่อยจะได้ติดต่ออะไรกันอยู่แล้ว รวมถึงอยากที่จะลืมเลือน เรื่องที่เคยเผลอไผลแอบทำอะไรกับชายหนุ่มบนรถไปด้วยในคราวเดียว เธอจึงตัดสินใจเอ่ยปากบอกกับสามีออกไปตรงๆ ถึงความอึดอัดในใจ

พอบอยเห็นว่าฝั่งเป้นั้นเริ่มที่จะไม่สนุกด้วยแล้ว ชายหนุ่มจึงต้องจำยอมเลิกล้มความตั้งใจนี้ไปในที่สุด และเซ็กส์ของคนทั้งคู่ ก็เลยย้อนกลับไปสู่ความเรียบง่าย และพาลให้รสชาติของมันค่อยๆ จืดชืดลงเหมือนเดิม ซึ่งตัวเป้เอง แม้ว่าจะแอบรู้สึกคิดถึงชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังรู้สึกดีใจที่ชีวิตคู่ของเธอ กำลังค่อยๆ ฟื้นฟู และใกล้จะกลับสู่สภาวะปกติสุขในอีกไม่ช้า...

ถ้าไม่ติดว่ายังมีผู้ชายอีกคนนึง... ซึ่งกำลังจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ และทำให้ชีวิตของเธอต้องยุ่งเหยิงเสียก่อน...

ผู้ชายคนที่ว่านี้ก็คือ โจ้ หนุ่มรุ่นน้องรูปหล่อกลุ่มเดียวกับบอย ซึ่งเป้เองก็รู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะเคยได้ต่อปากต่อคำ แว้ดๆ ใส่กันอยู่บ่อยๆ สมัยเรียน ด้วยความที่หนุ่มโจ้เองก็ทั้งปากดียียวน ในขณะที่สาวเป้เองนั้นก็ห้าวเป้งไม่แพ้ใคร จนสุดท้ายทั้งคู่ก็กลายมาเป็นคู่กัดกันโดยปริยาย

หลังจากที่เรียนจบ ทั้งเป้กับโจ้ก็เริ่มที่จะห่างๆ กันไปตามเรื่องตามราว แม้จะยังคงมีการคุยเล่นจิกด่ากันในไลน์อยู่เป็นระยะๆ แต่จะได้เจอหน้ากันทีก็เฉพาะเวลาที่กลุ่มบอยและเพื่อนๆ นัดกินเลี้ยงกันตามโอกาสต่างๆ หรือนานๆ ที หนุ่มโจ้ก็จะแวะมานั่งดื่มนั่งคุยกับบอยที่บ้านของเธอบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยอะไรเท่าไหร่ ซึ่งทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเปิดปากจิกกัดกันทุกที

จนกระทั่งช่วงหลังๆ ตั้งแต่ที่ต้นเฟดหายออกไป หนุ่มโจ้ก็เริ่มที่จะโผล่เข้ามามีบทบาทให้เป้ได้เห็นหน้าคร่าตาอยู่บ่อยๆ จากที่เคยแวะเวียนมาที่บ้านแค่ราวๆ เดือนละครั้ง ตัวเลขก็เริ่มขยับขึ้นมาเป็น 4 ครั้งบ้าง 5 ครั้งบ้าง จนสุดท้ายก็กลายมาเป็นอาทิตย์ละครั้ง-สองครั้ง ซึ่งตอนนั้นเธอเองก็ยังไม่ได้นึกเอะใจสงสัยอะไรเท่าไหร่ เพราะคิดไปว่าโจ้คงตั้งใจมาหาบอย มากกว่าที่จะมาเจอหน้าเธอ

ในบางครั้งเป้เองก็ยังมีไปร่วมแจม นั่งดื่มนั่งคุยเล่นกับสองหนุ่มด้วยกันอย่างออกรส เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้นิสัยใจคอกันดี เวลาที่หนุ่มรุ่นน้องพูดชงยั่วเย้ามา สาวรุ่นพี่ก็มักจะคอยตบมุกด้วยการด่าสวนกลับไปอย่างรู้กัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็หนีไม่พ้นมุกตลกทะลึ่งโปกฮาตามประสาชายหนุ่มกลัดมันนั่นแหละ

พอคุยไปคุยมา เป้กับโจ้ก็เลยเริ่มที่จะสนิทสนมกันมากขึ้น ฝ่ายโจ้ก็มักจะคอยแชทมาชวนคุย ชวนหยอกเย้า หาเรื่องกัดกันเล่นๆ อยู่เป็นระยะๆ สาวเป้เองที่กำลังเหงาๆ เคว้งๆ จากต้น ก็เลยได้เจ้าหนุ่มรุ่นน้องจอมทะเล้นคนนี้ มาเป็นเพื่อนคุยแก้เหงาไปแทนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเธอเองก็เพียงคิดแค่ว่าได้มีเพื่อนคุยเล่น ไว้คอยระบายคลายเครียดเพิ่มขึ้นอีกคนนึงเท่านั้นเอง

สิ่งหนึ่งที่เป้สังเกตได้จากการคุยกันครั้งหลังๆ ก็คือ ตั้งแต่เรียนจบ โจ้ก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นพอสมควร บุคลิกดูสุภาพ สะอาดสะอ้าน  ความคิดความอ่านก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน ซึ่งส่วนนึงก็คงเป็นเพราะอาชีพ AE ที่ชายหนุ่มทำอยู่ ที่ต้องคอยดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้าอยู่เสมอ

จึงทำให้ภาพลักษณ์ของหนุ่มโจ้ในตอนนี้ ดูเป็นหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ที่น่าหลงใหลคนนึง ยิ่งด้วยความที่โจ้เองเป็นคนช่างฉอเลาะอยู่แล้ว คำพูดคำจาที่ออกมา ก็เลยยิ่งไหลลื่นชวนฟังเข้าไปอีก ถ้าไม่ติดว่านิสัยกวนตีนจะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงน่ะนะ....

=======================================

“ฮัลโหล พี่เป้เหรอฮะ?” เสียงคุ้นเคยของโจ้ เอ่ยทักขึ้นมาทันทีที่เป้กดรับโทรศัพท์
“ก็แล้วแกโทรหาใครล่ะยะ?” เป้พูดสวนกลับไปเสียงดุ
“อ้าวนี่พี่เป้เหรอเนี่ย? เห็นเสียงแก่ๆ ผมนึกว่าแม่พี่รับสายซะอีก” หนุ่มโจ้พูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“อีนี่! ชั้นอยู่ที่ทำงานย่ะ จะมาม่งมาแม่บ้าบออะไร” หญิงสาวโวยด่ากลับไปแบบทันควัน
“หู่ยยย อย่าพึ่งโมโหดิ ล้อเล่นนิดเดียวเอง” ชายหนุ่มแกล้งพูดเสียงจ๋อย
“สรุปมีเรื่องอะไร จะโทรมากวนประสาทกันแค่นี้อ่ะนะ จะได้วางแล้ว” เป้ทำท่าจะตัดบทดื้อๆ
“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นก่อนดิคร้าบเจ๊ นี่ผมอุตส่าห์โทรมาเพราะหวังจะขอคำปรึกษาเลยนะ”

“ปรึกษาอะไรของแกยะ? ถ้าเป็นเรื่องทะลึ่งอ่ะไม่ต้องพูดต่อเลยนะ” สาวเป้รีบพูดดักคอไว้ก่อน
“ใช่ที่ไหนเล่า... คือว่าผมอยากจะปรับห้องคอนโดใหม่น่ะพี่ แต่ยังคิดไม่ออกว่าควรต้องปรับต้องเพิ่มอะไรเข้าไปบ้าง รู้แค่ว่าอยากแบ่งพื้นที่สำหรับทำงานให้มันเป็นสัดส่วนกว่านี้หน่อย ก็เลยอยากจะลองมาปรึกษาพี่ดูเนี่ย ไหนๆ ก็จบอินทีเรียมาอยู่แล้ว”

“ฟังดูยุ่งยากอ้ะ ปฏิเสธได้มะเนี่ย” เป้แกล้งพูดขำๆ
“เฮ้ยย ช่วยน้องหน่อยดิ้ แค่แนะนำเฉยๆ เอง”
“แล้วมีค่าขนมให้ป่าว?”
“อื้อหือ.... นี่ใจคอจะคิดเงินผมจริงๆ อ้ะ?”

“อ้าวแหงดิ เรื่องอะไรชั้นต้องช่วยแกฟรีๆ เล่า”
“โหย ใจดำชิบ... พี่ไม่เคยได้ยินเหรอที่โบราณเค้าบอกว่า If you're good at something, always do it for free น่ะ”
“Never do it for free ย่ะอีมั่ว! แล้วนั่นมันประโยคจากหนังแบทแมนชัดๆ ไม่ใช่สุภาษิตที่ไหนซะหน่อย”
“แหม มันก็เหมือนกันแหละน่า”

“เหมือนกับผีน่ะสิ แล้วตกลงนี่ยังไง ถ้าแกไม่โอเคชั้นจะได้วางสายแล้วนา”
“เออๆ จ่ายก็ได้ จำไว้เลยนะ”
“ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ ฮิฮิ... แล้วนี่มีรูปห้องตัวเองรึเปล่า ส่งมาให้ดูหน่อย จะได้ช่วยดูให้คร่าวๆ”
“มีๆๆ งั้นเดี๋ยวผมส่งไปให้ในไลน์นะพี่” พูดจบชายหนุ่มก็วางสายไปดื้อๆ ทิ้งให้สาวรุ่นพี่ได้แต่บ่นงึมงำอยู่คนเดียว

พอคู่สนทนาส่งรูปมาให้ เป้จึงกดดูรูปทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 4-5 รูป ซึ่งเป็นเพียงภาพถ่ายโฟกัสเฉพาะมุมห้องต่างๆ ซึ่งก็ยังไม่สามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของห้องได้แบบชัดเจนเท่าไหร่ หญิงสาวจึงตัดสินใจพิมพ์บอกชายหนุ่มรุ่นน้องไปว่าจะขอเข้าไปดูที่ห้องด้วยตัวเองในเย็นวันนั้นเลย เนื่องจากเธอเองก็ไม่ได้ติดธุระอะไรอยู่แล้ว ซึ่งหนุ่มโจ้เองก็รีบเออออตอบรับทันที

ก่อนที่หญิงสาวจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า... การเอ่ยปากขอเข้าไปดูห้องในครั้งนั้น จะทำให้ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...

=======================================

พอช่วงบ่ายๆ  เป้จึงโทรไปเล่าเรื่องคอนโดของโจ้ให้บอยฟัง พร้อมกับเอ่ยชวนสามีให้ไปเป็นเพื่อน แต่หนุ่มบอยกลับรีบปฏิเสธ โดยอ้างว่าติดประชุม และจะขอตามไปทีหลังแทน พร้อมกับสัญญาว่าจะพาเธอไปหาอะไรอร่อยๆ ทานหลังจากนั้น ซึ่งสาวเป้ก็โอเค ไม่ได้ว่าอะไร แม้จะแอบเซ็งๆ นิดหน่อย พอเลิกงาน เธอจึงโทรนัดแนะกับโจ้ แล้วขับรถไปหาชายหนุ่มที่คอนโดย่านลาดพร้าวตามลำพัง

ซึ่งตอนที่เป้กำลังเดินตามหนุ่มโจ้ขึ้นห้องไปนั้น เธอเองก็ยังไม่ทันได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่  แต่พอวินาทีที่ก้าวขาเข้าไปอยู่ในห้องปั๊บ หญิงสาวก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในห้องร่วมกับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์แบบสองต่อสอง หนำซ้ำยังเป็นเจ้ารุ่นน้องที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของความเจ้าชู้แบบสุดๆ อีกด้วย พอคิดแบบนี้แล้ว สาวเป้ก็เริ่มที่จะรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมา ว่าจะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นที่ห้องนี้รึเปล่า

ถึงแม้ว่าเป้จะพยายามสงวนท่าที และระมัดระวังตัวแบบเต็มที่ แต่โจ้เองกลับยังคงทำตัวเหมือนปกติเช่นเคย ไม่ได้แสดงท่าทีมีพิรุธใดๆ ออกมาให้เธอต้องหนักใจ ซึ่งแม้ชายหนุ่มจะยังคงพูดจาเล่นมุกทะลึ่งตึงตังไปบ้างตามประสา แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นน่าเกลียดจนเกินกว่าที่เธอจะรับได้ สาวเป้จึงเริ่มที่จะคลายความกังวลใจลงไป และเริ่มต้นหันเหความสนใจไปอยู่ที่ตัวห้องคอนโดแทน

สาวรุ่นพี่เดินสำรวจพื้นที่รอบๆ ห้องจนสาแก่ใจ ใช้มือถือถ่ายรูปเก็บภาพบริเวณที่ตัวเองสนใจเอาไว้จนครบ ก่อนที่หนุ่มบอยผู้เป็นสามีจะโทรเข้ามาพอดี พร้อมกับแจ้งข่าวร้ายให้ทราบว่ายังคงติดประชุมงานกันไม่เสร็จ และคงจะไม่ได้ไปหาทั้งคู่แล้ว สาวเป้ที่ได้ยินจึงรีบบ่นกลับไปแบบชุดใหญ่ ข้อหาที่ปล่อยให้เธอเสียเวลารอทานข้าวจนท้องกิ่ว สุดท้ายแล้ว เป้กับโจ้ก็เลยต้องมานั่งทานพิซซ่าที่เหลืออยู่ในตู้เย็นกันแค่สองคนในห้อง...

พิซซ่าฮาวายเอี้ยนขอบชีสแผ่นหนานุ่ม รวมถึงเครื่องเคียงต่างๆ พ่วงตบท้ายด้วยเบียร์เย็นๆ อีกคนละกระป๋อง ทำให้อาหารมื้อนี้พอจะสร้างความสุขให้หญิงสาวได้บ้าง แม้ว่าจะแอบเซ็งๆ ที่ไม่ได้ไปทานชาบูร้านโปรดกับสามีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรกก็ตาม

พอท้องอิ่มก็ยิ้มได้ หนุ่มสาวจึงเอนกายนั่งคุยเล่นรำลึกถึงความหลังสมัยเรียนด้วยกัน สาวเป้แกล้งขุดเอาเรื่องที่ชายหนุ่มรุ่นน้องเคยอกหักจากเพื่อนสาวของตัวเองมายั่วเย้าอย่างสนุกปาก ก่อนที่จะโดนหนุ่มโจ้เอาคืนด้วยการกล่าวหาว่าเธอเคยไปถ้ำมองเขาอาบน้ำที่หอ หญิงสาวฟังปุ๊บ ภาพในอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอทันทีโดยอัตโนมัติ

รูปร่างของท่อนลำอวบแน่นทรงกระบอกที่ห้อยต่องแต่งอยู่กลางลำตัวของโจ้ ปลายหัวบานอ้าเป็นสีแดงสดน่าสยดสยอง แม้ถึงวันนี้เป้ก็ยังพอที่จะนึกภาพมันออกลางๆ เล่นเอาเธอถึงกับเขินอายจนใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด หลงคิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้วซะอีก เธอจึงได้แต่แกล้งร้องโวยวายกลบเกลื่อนเพื่อแก้เขิน ด้วยการพูดแซวว่าอาวุธประจำกายของชายหนุ่มนั้นเล็กจิ๋วไม่ต่างอะไรจากหนอนชาเขียวในโฆษณา

โจ้ที่ได้ฟังแบบนั้นจึงแสร้งออกอาการของขึ้น ทำท่าว่าจะงัดเอาของดีของตัวเองออกมาโชว์ให้เป้ดู จนสาวรุ่นพี่ต้องรีบยกไม้ยกมือร้องห้ามปรามด้วยความเขินอาย ก่อนที่จะพยายามชวนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น เพราะเริ่มรู้สึกว่าบทสนทนามันชักจะทะลึ่งตึงตังกันมากเกินไปหน่อย

แต่พอเปลี่ยนไปคุยเล่นกันได้ไม่ทันไร หนุ่มโจ้ก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้ามานั่งประกบชิดเธอแบบกะทันหัน สายตาก็จ้องสบตาอย่างลึกซึ้ง ทำท่าทีเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

“พี่เป้ครับ... ผมรู้ว่ามาบอกเอาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว แต่ยังไงผมก็ยังอยากบอกพี่อยู่ดีนะครับ”  โจ้ว่าพร้อมกับยื่นมือมากุมมือเธอไว้ แน่น จนเป้รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ส่งผ่านมาทางฝ่ามือ
“ผมชอบพี่นะครับ ชอบมาตั้งนานแล้ว” น้ำเสียงและสีหน้าของโจ้ดูจริงจัง ไม่มีวี่แววของการล้อเล่นใดๆ เหลืออยู่ สาวเป้ได้ฟังแบบนี้ก็ถึงกับอึ้งตะลึงไปเลย  และกว่าที่เธอจะตั้งตัวได้  ชายหนุ่มก็เอื้อมมือมาคว้าตัวเธอเข้าไปกอดไว้เรียบร้อยแล้ว

“โจ้..... อย่า....”  เป้พยายามจะเอ่ยปากร้องห้าม แต่เสียงในลำคอกลับขาดหายไปโดยไม่รู้ตัว ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น ทำให้ร่างกายของเธอเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดไหลออกมาไม่หยุดหย่อน ในหัววิ่งหมุนวนไปมาด้วยความตื่นตระหนก เรี่ยวแรงขาดหายจนไร้แรงต่อต้านใดๆ

พอโจ้เห็นว่าเธอไม่ได้มีอาการต่อต้านเท่าไหร่ ก็เลยยิ่งได้ใจขึ้นไปอีก ปากก็พร่ำบอกว่าชอบเป้ไม่หยุดหย่อน พร้อมกับขยับตัวโน้มหน้าเข้ามาจนใกล้ ใบหน้าของทั้งคู่ตอนนี้อยู่ห่างกันแค่เพียงไม่ถึงคืบ จนเป้รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นกระทบผิวหน้าตัวเองอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากของโจ้ จะเคลื่อนตัวเข้ามาประกบล็อคเข้ากับริมฝีปากของเธอในที่สุด....

เป้เผลอส่งเสียงร้องอู้อี้ๆ ออกมาด้วยความตกใจ รีบหุบเม้มปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะรู้สึกได้ว่าโจ้กำลังพยายามสอดลิ้นเข้ามาในปาก แต่จนแล้วจนรอด หญิงสาวก็ต้านทานอารมณ์หื่นอันรุนแรงของชายหนุ่มไว้ไม่ไหว ริมฝีปากค่อยๆ ถูกง้างออกทีละนิด พร้อมๆ กับที่ปลายลิ้นลื่นไหลก็สอดคว้านเข้ามาพัวพันกับลิ้นของเธอในที่สุด

ทันทีที่ลิ้นของทั้งคู่สัมผัสกัน ในหัวของเป้ก็พลันว่างเปล่าขึ้นมาทันที ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ปล่อยให้โจ้เร่งรุกไล่ บดปากจู่โจมราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว มันเป็นรสจูบที่รุนแรงและเร่าร้อน แตกต่างไปจากรสจูบอันอ่อนโยนของบอย หรือแม้แต่รสหวานละมุนลิ้นที่เธอเคยได้รับจากต้น มันเป็นรสชาติของความ... หื่นกระหาย...

จังหวะการประกบบดปากของโจ้ ทั้งหนักแน่นและมูมมาม... ทั้งสอดทั้งคว้าน... จนเป้ตัวอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ รู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากคราบน้ำลายที่ผสานเข้าด้วยกัน จนไหลเยิ้มออกมาตามมุมปาก เช่นเดียวกับร่องหลืบบริเวณหว่างขาด้านล่างของเธอ ที่ดูจะชุ่มชื้นไม่แพ้กัน...

ก่อนที่เสียงระฆังหมดยกจะดังขึ้นมา ทันทีที่โจ้เอื้อมมือบีบหมับเข้าไปที่หน้าอกของเป้ อาการเสียวสะท้านที่พุ่งวาบขึ้นมา เหมือนจะช่วยเตือนสติหญิงสาวที่กำลังหลุดลอยให้คืนกลับเข้าที่ เป้รวบรวมกำลังที่ยังพอเหลืออยู่ ใช้สองมือออกแรงดันตัวโจ้จนกระเด็นออก พร้อมกับขยับตัวลุกหนีกลับบ้านทันที โจ้ที่ตั้งหลักได้ก็รีบอาสาเดินลงไปส่ง ซึ่งเธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ เพราะจำเป็นต้องใช้คีย์การ์ดจากเจ้าของห้องในการเปิดประตูกระจกด้านล่าง

เมื่อทั้งคู่เดินลงมาถึงลานจอดรถด้านล่าง สาวเป้ก็รีบก้าวผลุนขึ้นรถพร้อมกับเอ่ยลาโจ้แบบเร็วๆ ลวกๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเธอเองกำลังรู้สึกยังไงอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะโกรธ ตกใจ ดีใจ หรืออยากร้องกรี๊ดออกมากันแน่ หัวสมองว่างเปล่าด้วยพิษของความสับสนที่กำลังปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันเกิดอะไรขึ้น?  ชายหนุ่มพึ่งจะสารภาพว่าชอบเธอ? แถมพูดไม่พูดเปล่า ยังกล้าประกบจูบปาก... ลวนลามเธออีก... ทั้งๆ ที่เคยแต่จิกกัดด่ากันจนไฟแลบมาตลอดเนี่ยนะ??

เป้ขับรถกลับมาถึงบ้านโดยที่ตัวเองก็ยังหาคำตอบและคำอธิบายให้กับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นไม่ได้ แต่เธอก็พยายามที่จะลืมๆ มันไปชั่วคราว เพราะไม่อยากแสดงอาการแปลกๆ อะไรออกมาให้สามีผิดสังเกต

พอเปิดประตูเข้าบ้านปั๊บ เธอก็เจอเข้ากับหนุ่มบอยที่กำลังนอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนโซฟาห้องรับแขกพอดี เป้เอ่ยทักทายชายหนุ่มไปตามเรื่องตามราว ในขณะที่บอยเองก็แค่ซักถามเรื่องห้องคอนโดนิดๆ หน่อยๆ ก่อนที่หญิงสาวจะขอปลีกตัวมาอาบน้ำ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงพิรุธออกไป

ช่วงจังหวะที่กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำนั้นเอง คุณแม่ยังสาวจึงได้พบว่าสภาพกางเกงในที่ตัวเองพึ่งจะสวมใส่นั้น มันมีคราบน้ำเหนียวๆ เลอะๆ ซึมติดอยู่ที่บริเวณตรงกลางเป้า จนมองเห็นเป็นดวงๆ ซึ่งไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่า คงเป็นผลข้างเคียงจากตอนที่เธอถูกหนุ่มรุ่นน้องระดมจูบที่ห้องนั่นเอง โอ้! ตายแล้ว... นี่เธอเผลอตัวเกิดอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?

เป้ใช้มือขยำกางเกงในจนกลายเป็นก้อนกลมๆ แล้วยัดซุกเอาไว้ด้านในของตะกร้าจนลึก เพราะกลัวว่าหนุ่มบอยจะมาเห็นเข้า หลังจากนั้นจึงรีบเข้าไปอาบน้ำล้างตัว ใช้โฟมอาบน้ำชำระคราบความเปียกชื้นที่เกาะติดอยู่กลางกลีบสาวจนสะอาดสะอ้าน เพื่อหวังที่จะชะล้างความรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ให้หลุดพ้นออกไปจากตัวเร็วๆ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่...

ในหัวของเธอยังคงฉายภาพเหตุการณ์สุดสยิวที่พึ่งจะเกิดขึ้น วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด ความรู้สึกร้อนรุ่มหวิวๆ ในอก ค่อยๆ ไล่เลื้อยลงต่ำไปเกาะกุมอยู่ที่บริเวณร่องหลืบกลางลำตัว จนเป้รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ยิ่งพอนึกไปถึงตอนที่โจ้กำลังบดลิ้นเข้ามาในปากแบบหนักๆ นึกไปถึงรสสัมผัสตอนที่โดนชายหนุ่มบีบบี้เต้านมตัวเอง ตรงหว่างขาของเธอก็บังเกิดอาการร้อนรุ่มและเหนียวหนืด ไม่ต่างอะไรจากปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังจะมีลาวาปะทุขึ้นมา

และก่อนที่จะทันรู้สึกตัว เป้ก็เผลอใช้มือขยับสายฝักบัว ค่อยๆ จ่อมันฉีดเข้าไปที่บริเวณปากร่องหีของตัวเอง เพื่อหวังจะดับความร้อนรุ่มที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ภายในกาย...

หญิงสาวใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ ค่อยๆ กดแหวกกลีบเนื้อคู่งามที่กำลังปิดสนิทให้เผยออ้าออก ติ่งเนื้อเม็ดกลมมนจึงโดดเด้งชูชันออกมาจากหลืบร่อง จนมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นจังหวะเดียวกับที่สายน้ำชุดแรก พุ่งกระทบเข้ากับโหนกเนื้อบริเวณแคมหีของเธอพอดิบพอดี

สัมผัสอันนุ่มนวลของกระแสน้ำที่โลมไล้เม็ดทับทิบแบบเน้นๆ ก่อเกิดเป็นความเสียวซ่านปนสุขที่แล่นแปร๊บๆ ไปทั่วเรือนร่างของหญิงสาว มันเป็นความรู้สึกหวิวๆ นุ่มนวลชวนฝัน คล้ายกับว่ามีใครกำลังใช้ลิ้นปาดเลียที่บริเวณร่องเสียวของเธอด้วยความอ่อนโยนและแผ่วเบา ใครบางคน... ที่หน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงกับโจ้เหลือเกิน...

เนื้อตัวของเป้สั่นไหววูบวาบด้วยความเสียวสะท้าน โพรงเนื้อนุ่มๆ ภายในเริ่มออกอาการบีบขมิบตุบๆ เป็นจังหวะ รู้สึกได้ถึงน้ำหล่อลื่นที่กำลังไหลซึมออกมาจากภายใน ข้างนอกว่าเปียกปอนแล้ว... แต่ข้างในกลับเปียกชื้นยิ่งกว่า...

ในหัวเธอตอนนี้ มีแต่ภาพใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นน้องลอยละล่องไปมาอยู่เต็มไปหมด นึกถึงรสจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อน แรงบดจากริมฝีปาก และปลายลิ้นที่พริ้วไหวไหลลื่น ก่อนที่จะนึกย้อนไปถึงดุ้นเอ็นหัวบานใหญ่ ที่เคยได้เห็นแบบเต็มๆ ตาเมื่อครั้งสมัยเรียน ซึ่งจนถึงทุกวันนี้เธอก็ยังไม่สามารถลบเลือนภาพนี้ออกไปจากหัวตัวเองได้

พอยิ่งนึก อารมณ์ของเป้ก็ยิ่งคึกคักขึ้นมา จนเธอถึงขั้นเผลอจินตนาการด้วยความสงสัยว่า มันจะเป็นยังไงกันนะ ถ้าเจ้าท่อนควยลำยาวอวบอ้วนแท่งนี้... มันเกิดมุดชำแรกเข้าไปในตัวของเธอแบบมิดด้ามมิดโคน.... อืมมม ยิ่งคิด ร่องหลืบของหญิงสาวก็ยิ่งเปียกเยิ้มเจิ่งนองเข้าไปอีก รู้สึกคันยุบยิบที่บริเวณร่องเนื้อสาวจนต้องเผลอใช้นิ้วสอดเข้าไปเกาขยุกขยิกด้านใน

ลมหายใจของเธอเริ่มขาดหายเป็นห้วงๆ มีแต่ความรู้สึกร้อนวูบวาบที่แล่นขึ้นมาเกาะกุมเนื้อตัว ความเย็นชุ่มชื้นของสายน้ำ กลับกระตุ้นให้ร่างกายของหญิงสาวยิ่งร้อนรุ่มอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อารมณ์ความเสียวที่ครอบงำ ทำให้เป้ลืมเลือนเรื่องของความรู้สึกผิดและอับอายใดๆ ไปจนหมดสิ้น ปล่อยให้นิ้วกลางเรียวยาว สอดเข้าสอดออกร่องรูของตัวเองอย่างไหลลื่น ขณะที่อีกมือก็จับฝักบัวฉีดจ่อไปที่เม็ดทับทิมแดงสวยไปด้วยพร้อมๆ กัน

สองขาของเป้แบะอ้าออกกว้าง เกร็งแอ่นสะโพกเข้าฟาดฟันกับกระแสน้ำที่พรั่งพรูออกมาอย่างถึงพริกถึงขิง หมู่มวลความรู้สึกค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอย่างช้าๆ ทบทวีเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเหมือนกับบอลลูนลูกยักษ์ที่กำลังบวมเป่ง และพร้อมที่จะระเบิดโพล๊ะออกมาในทุกๆ เสี้ยววินาที ขอเพียงแค่มีใครไปสะกิดถูกมันเบาๆ

และเมื่ออารมณ์ความเสียวถูกบีบคั้นจนถึงขึ้นขีดสุด ร่างของเป้ก็พลันเกร็งกระตุกสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ สูดปากร้องครางฮือออกมายาวๆ รู้สึกเสียวจี๊ดขึ้นมาถึงขั้วหัวใจ แข้งขาอ่อนเปลี้ยจนแทบจะยืนไม่อยู่ ต้องใช้มือซ้ายยันกำแพงเพื่อตั้งหลักไม่ให้ทรุดร่วงลงไปกองกับพื้น เกิดอาการโหวงๆ หน่วงๆ ขึ้นมาที่บริเวณกลางตัว  ร่องหลืบภายในก็ออกอาการกระตุกตอดไม่หยุด แก้มก้นเกร็งขมิบหงึกๆ ได้ไม่กี่ที ก่อนที่น้ำเสียวสีขาวใส จะพุ่งพรวดทะลักออกมา ไหลนองเต็มง่ามขาไปหมด

ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ความรู้สึกเสียววูบวาบเหล่านั้นจึงค่อยๆ คลี่คลายลง จนเปลี่ยนเป็นความรู้สึกโล่งเบาสบายในที่สุด ภาพท่อนเนื้อดุ้นยาวใหญ่ของโจ้ จึงค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ พอความหื่นเริ่มผ่อนคลายลง ความรู้สึกผิดก็รีบเข้ามาเกาะกุมแทนที่... สาวเป้มองภาพนิ้วกลางที่มีคราบเมือกใสๆ เกาะเยิ้มติดอยู่ เกิดความรู้สึกทั้งอับอายและรู้สึกแย่ไปพร้อมๆ กัน ที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจ สำเร็จความใคร่ให้ตัวเองโดยที่จินตนาการนึกภาพถึงหนุ่มรุ่นน้องไปด้วย

หญิงสาวพยายามสลัดความรู้สึกผิดทิ้งไปให้เร็วที่สุด แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็นเต็มที แม้กระทั่งตอนที่หนุ่มบอยปีนขึ้นเตียงมานอนกอดเธอนั้น ในหัวของเป้ก็ดันมองเห็นเป็นภาพตอนที่โจ้กำลังใช้มือกอดร่างของเธอซ้อนทับขึ้นมา และกว่าที่เธอจะข่มตานอนหลับลงไปได้ ก็ปาเข้าไปอีกเป็นชั่วโมง...

=======================================

หลังจากเหตุการณ์ในคราวนั้น โจ้ก็เริ่มที่จะหาโอกาสนัดเจอกับเป้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ โดยหยิบยกเอาเรื่องการปรับปรุงห้องคอนโด มาใช้เป็นข้ออ้างในการผูกมัดหญิงสาว ให้ต้องจำใจยอมมาเจอหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป้เองก็พยายามที่จะระมัดระวังตัว และจะยอมนัดพบกับชายหนุ่มก็แค่เฉพาะที่ร้านกาแฟหรือร้านอาหารในช่วงกลางวัน ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านเท่านั้น เพราะยังแอบกังวลว่า หากเผลอไปนั่งคุยกันในที่เปลี่ยวๆ หรือที่ห้องคอนโดแบบสองต่อสอง เธอก็อาจจะโดนหนุ่มรุ่นน้อง รวบหัวรวบหางปลุกปล้ำเอาแบบเมื่อคราวที่แล้วได้

ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการนัดเจอกันในที่สาธารณะ แต่หนุ่มโจ้ก็ยังใจกล้าและหน้าด้านพอที่จะสารภาพความในใจออกมาให้เธอฟังได้อย่างไม่รู้เบื่อ ซึ่งสาวเป้ที่นั่งฟังอยู่ก็ได้แต่คอยตอบปฏิเสธเลี่ยงๆ กลับไป ไม่รู้ว่าจะบอกปฏิเสธออกไปยังไงให้ชัดเจน เพราะเจ้าหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ก็ช่างดื้อด้านดึงดันดีเหลือเกิน ซ้ำเธอยังไม่กล้าที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกให้บอยรู้ด้วย เพราะกลัวว่ามันจะไปกระทบกับมิตรภาพของทั้งสามีและรุ่นน้อง จนเข้าหน้ากันไม่ติดขึ้นมา

เมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง เป้ก็เลยได้แต่คอยให้คำปรึกษาเรื่องคอนโดกับโจ้ไปเรื่อยๆ โดยที่ต้องคอยแบ่งสมาธิอีกครึ่งนึง เพื่อคอยขีดเส้นคั่น เว้นระดับความสัมพันธ์ของเธอกับโจ้ ไม่ให้ถลำลึกเกินเลยไปมากกว่านี้

ซึ่งแม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะดูคล้ายคลึงกับเรื่องราวของเป้กับต้นอยู่ไม่น้อย แต่หญิงสาวเองก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดใจเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิดกับหนุ่มโจ้ซักเท่าไหร่ เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งแรกนั้น มันมีจุดเริ่มต้นมาจากหนุ่มบอยที่เป็นตัวตั้งตัวตี เป็นคนคอยคิดแผนการให้ทุกอย่าง ก็เลยทำให้เป้ค่อนข้างที่จะรู้สึกปลอดภัย เพราะรู้ว่ายังมีคนคอยดูแลควบคุมสถานการณ์ให้อีกทีหนึ่ง

ไม่เหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ที่เธอกำลังถูกชายหนุ่มรุ่นน้องไล่ตามคุกคามอย่างหนัก ทั้งตามจีบตามตื้อ พยายามที่จะร่นระยะห่างระหว่างทั้งคู่ให้แคบลงเรื่อยๆ คอยโทรมาชวนคุยเล่นเรื่อยเปื่อย สลับกับการส่งข้อความออดอ้อนคิดถึงมาหาเธออยู่เป็นระยะๆ จนหญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าชายหนุ่มแทบจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องคอนโดเลยซักเท่าไหร่

ยิ่งนานวัน เป้ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความยากลำบาก ในการที่จะต้านทานเสน่ห์ของชายหนุ่มรุ่นน้อง ซึ่งกำลังค่อยๆ คุกคามเข้ามาครอบงำเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่โจ้เป็นคนคารมดี ยียวน และกวนตีนเก่ง ทำให้เวลาที่เขาแชทมาชวนคุยเล่น เธอก็มักจะเผลอตัว คุยโต้ตอบกลับไปซะจนยืดยาวเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ตลอด

เป้เองนั้นค่อนข้างประทับใจกับภาพลักษณ์ของหนุ่มโจ้ที่ดูดีกว่าตอนสมัยเรียนค่อนข้างมาก ทั้งบุคลิกคำพูดคำจา ความคิดความอ่าน รวมถึงหน้าที่การงานที่โก้หรู ก็เลยทำให้ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มในสายตาเธอ ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาแบบทันตาเห็น และทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็มีสาวๆ สวยๆ หน้าตาน่ารักมาให้เลือกควงแขนอยู่ไม่ซ้ำหน้า แต่เขากลับเลือกที่จะมาเสียเวลาตามตื้อตามจีบแม่บ้านหน้าตาธรรมดาๆ อย่างเธอ พอคิดแบบนี้แล้ว สาวเป้ก็เลยอดรู้สึกปลื้มใจไม่ได้...

แต่เธอก็ได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกปลาบปลื้มนี้ฝังเอาไว้ข้างในใจลึกๆ เพราะถึงยังไงเธอเองก็ยังมีหนุ่มบอยเป็นคู่ชีวิตที่แสนดีอยู่แล้วทั้งคน รวมทั้งยังรู้ดีด้วยว่าผู้ชายเจ้าชู้แบบโจ้นั้น ท้ายที่สุดแล้วก็คงไม่ได้มาคิดอะไรจริงจังกับผู้หญิงที่มีคู่ครองเป็นตัวเป็นตนแล้วอย่างเธอ ซึ่งที่ชายหนุ่มทำไปทั้งหมดนี้ก็คงแค่นึกสนุก หวังหาเศษหาเลยไปตามประสาเท่านั้นเอง

และที่สำคัญที่สุดก็คือ เวลาที่เจอหน้ากันทีไร สาวเป้ก็มักจะเผลอนึกถึงภาพตอนที่เธอแอบตกเบ็ดช่วยตัวเอง โดยมีหนุ่มโจ้สวมบทบาทเป็นพระเอกในจินตนาการ และพาเธอลอยขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเสร็จกิจไปซะทุกที...

ก่อนที่จุดเปลี่ยนทางความรู้สึกจะเดินทางมาถึง... เมื่อโจ้ขอติดสอยห้อยตามมาเที่ยวงานลอยกระทงที่ภูเขาทอง ร่วมกับครอบครัวของเป้ ซึ่งตลอดเวลาที่เดินเล่นกันนั้น ชายหนุ่มก็เอาแต่คอยตามประกบติดเธอเหมือนเป็นเงาตามตัว จนหญิงสาวแอบนึกเคืองเล็กๆ ที่ชายหนุ่มรุ่นน้องกล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้

ในขณะที่ฝ่ายสามีอย่างบอยนั้น ก็ดันง่วนอยู่กับการดูแลน้องโอมลูกชายอย่างเต็มที่ จนไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเจ้ารุ่นน้องตัวแสบนั้น กำลังแอบลวนลามภรรยาตัวเองผ่านทางสายตาไปถึงไหนต่อไหน ซึ่งเป้เองก็ยังไม่อยากรีบโวยวายให้เสียบรรยากาศ ได้แต่เก็บความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจเอาไว้คนเดียวเงียบๆ โดยมีหนุ่มโจ้เดินตามประกบคู่มาอย่างไม่รู้สึกรู้สาใดๆ

แต่พอเดินๆ ไปเรื่อยๆ แล้ว หญิงสาวกลับเริ่มรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ภาพความรู้สึกสมัยที่ตัวเองเคยเดินเล่นกระหนุงกระหนิงกับบอยเมื่อตอนที่จีบกันใหม่ๆ เริ่มย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่าในค่ำคืนนี้ คนที่เดินเล่นอยู่เคียงข้างเธอนั้นกลับไม่ใช่หนุ่มบอย แต่เป็นโจ้...

ลมหายใจอุ่นๆ ของโจ้ พุ่งกระทบต้นคอของเป้จากทางด้านหลัง ขณะที่เขากำลังประคับประคองสองแขนของเธอเพื่อช่วยเล็งยิงเป้า... ภาพแผ่นหลังกับไหล่กว้างๆ ของชายหนุ่มรุ่นน้อง ที่เธอใช้ยึดเกาะตอนที่เดินอยู่ในบ้านผีสิง รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือหนาๆ ที่คอยเกาะกุมพาเธอเดินออกมาจนถึงปลายทาง... รสสัมผัสที่เกิดขึ้น ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเธอปั่นป่วนขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว

การที่เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับโจ้ในคืนนี้ ทำให้ความรู้สึกต่างๆ ที่ยังคงกล้าๆ กลัว เริ่มที่จะผ่อนคลายลงไปบ้าง ทั้งคู่ใช้เวลาเดินเล่นเข้าซุ้มนู้นซุ้มนี้ด้วยกัน ไม่ต่างอะไรจากคู่รักหนุ่มสาวที่เดินขวักไขว่สวนไปมาอยู่บริเวณรอบๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแต่ละคู่นั้น จะมีอาการใจเต้นตูมตามเหมือนกับสาวเป้ในตอนนี้หรือไม่... เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กสาววัยรุ่น ผู้ซึ่งกำลังเคลิบเคลิ้มมัวเมาไปกับรสชาติแห่งความสุขจากเดทแรกในชีวิตของตัวเอง

เคลิบเคลิ้ม... ทั้งๆ ที่สามีก็เดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง....

ด้วยจังหวะและความบังเอิญที่แสนจะลงล็อค จนทำให้เป้ต้องมาเดินตัวติดอยู่กับชายหนุ่มรุ่นน้อง รวมไปถึงท่าทีที่ดูปกติจนผิดสังเกตได้ของหนุ่มบอย ก็ทำให้หญิงสาวอดคิดระแวงไม่ได้ว่า หรือนี่จะเป็นแผนการอะไรบางอย่างที่สามีเธอกับหนุ่มรุ่นน้อง แอบตกลงกันไว้ก่อนแล้ว เพื่อหวังที่จะใช้มันเป็นเครื่องช่วยกระตุ้นอารมณ์ความตื่นเต้นบนเตียงให้กลับมาซู่ซ่า เหมือนอย่างเมื่อคราวของต้นก็เป็นได้

ยิ่งดูไปเป้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันยิ่งเข้าเค้ามากขึ้นทุกที แต่ถึงกระนั้น เธอเองก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรมากพอที่จะหยิบยกไปปรักปรำเอาผิดกับสองหนุ่มได้ สุดท้ายเธอก็เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย และถือโอกาสตีเนียนตามน้ำ เดินเล่นกระหนุงกระหนิงกับโจ้ไปเลยแบบเต็มที่ ซึ่งถ้าเกิดว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของสามีเธอจริงๆ ชายหนุ่มก็จะได้ตื่นเต้นสมใจปรารถนา แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่ขึ้นมา... ก็คิดซะว่าเป็นการตักตวงหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเธอไปก็แล้วกัน

หลังจากการไปเที่ยวในครั้งนั้น ทั้งเป้และโจ้ ก็ยิ่งดูจะสนิทสนมกันมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ชายหนุ่มคอยแชทมาหาเธอไม่ขาดในแต่ละวัน ในขณะที่หญิงสาวเองก็เริ่มนึกสนุก คอยหยอกเย้าตอบโต้กลับไปอย่างรู้กัน และบางทียังกลายเป็นฝ่ายชวนโจ้คุยเรื่อยเปื่อยด้วยตัวเอง โดยไม่ทันได้นึกระวังตัวเลยว่า สามีของเธอนั้นจะแอบสังเกตเห็นพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่

แต่จนแล้วจนรอด หนุ่มบอยก็ไม่เคยพูดทักท้วงเรื่องที่เธอติดแชทเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจอะไรเท่าไหร่ ในเมื่อชายหนุ่มเองก็กำลังติดพันกับโปรเจ็คงานใหญ่ที่บริษัท จนแทบจะไม่มีเวลาสวีทหวานอะไรกับภรรยาเลยด้วยซ้ำ พอกลับมาบ้าน หัวถึงหมอนแล้วก็แทบจะนอนหลับปุ๋ยไปเลย ซึ่งสาวเป้เองก็ไม่ได้นึกน้อยใจอะไรเช่นกัน เพราะเธอนั้นกำลังหลงใหลอยู่กับหนุ่มรุ่นน้อง จนไม่เหลือที่ว่างให้ความเหงาได้เข้ามากล้ำกรายในหัวใจ...

จนกระทั่งวันนึง... โจ้ก็เอ่ยปากชวนเป้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันแบบสองต่อสอง โดยแอบขอร้องแกมบังคับให้เธอเก็บเป็นความลับจากหนุ่มบอยด้วย... ซึ่งพอเป้ได้ฟัง หญิงสาวก็รู้ชัดทันทีเลยว่า หนุ่มโจ้นั้นกำลังเริ่มที่จะเดินหน้าจีบเธอแบบเต็มตัวแล้ว และถ้าเธอเกิดตอบรับคำเชิญนี้ไปแล้วล่ะก็ นี่ก็จะถือเป็นการแอบหนีไปเที่ยวกับผู้ชายแบบสองต่อสองเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยที่สามีอย่างบอยไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย...

เป้พยายามชั่งใจคิดซ้ำไปซ้ำมาอย่างถี่ถ้วน ทั้งลังเล ทั้งสับสน รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ใจนึงก็รู้สึกผิด ที่ตัวเองกำลังเผลอไผลเริ่มไถลนอกใจสามีออกไปเรื่อยๆ แต่อีกใจนึงก็กลับคิดเข้าข้างตัวเองไปว่า อะไรๆ มันก็คงจะไม่ได้ต่างไปจากเรื่องราวของต้นซักเท่าไหร่

ด้วยความที่หนุ่มบอยนั้นเคยพูดกรอกหูเป้ เรื่องที่อยากเห็นต้นมาจีบมากิ๊กกับเธออยู่นานสองนาน ซ้ำยังคอยยุยงส่งเสริมและสนับสนุนให้เธอลองเปิดใจรับความรู้สึกของชายหนุ่มมาตลอด ทำให้หญิงสาวพอจะรับมือกับความสัมพันธ์แปลกๆ เหล่านี้ได้ดีขึ้น รู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และทำให้ความรู้สึกผิดที่เคยมีอยู่นั้น ค่อยๆ เบาบางลงไป หลงเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำดีๆ ในเรื่องของชีวิตเซ็กส์ที่ซู่ซ่า และมีชีวิตชีวาแบบหน้ามือเป็นหลังมือ

จากที่เธอไม่เคยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องบนเตียงซักเท่าไหร่ พอมีเรื่องราวของต้นเข้ามาเกี่ยวพันด้วย มันก็ทำให้เป้เริ่มที่จะหลงใหล และสนุกเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมพิศดารบนเตียง ที่มุมหนึ่งก็น่าเขินอาย แต่อีกมุมหนึ่งนั้นก็น่าลิ้มลองไปพร้อมๆ กัน มันเป็นการผลักดันเธอให้ก้าวข้ามขีดจำกัดทางศีลธรรมที่เคยตีกรอบเอาไว้ อย่างน่าเหลือเชื่อ และทำให้เป้กล้าที่จะเปิดรับความสุขทางเพศมากขึ้น ในแบบที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดจินตนาการถึง...

ความสุขที่ยังคงตกค้างอยู่ในห้วงความทรงจำเหล่านี้ ยังคงเป็นสิ่งที่หญิงสาวเฝ้าโหยหาอยู่ในใจลึกๆ มาโดยตลอด แม้ว่าจะเธอเคยทำปากแข็ง บอกปฏิเสธสามีไปว่ารู้สึกอึดอัด และไม่อยากทำอีกแล้วก็ตาม แต่พอนานวันเข้า เธอก็เริ่มที่จะออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อเซ็กส์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มันมีแต่จะจืดชืดและเหี่ยวแห้งลงทุกวันๆ...

จนแทบจะกลายเป็นแค่กิจกรรมที่ต้องทำๆ ให้ครบตามหน้าที่ของคู่ชีวิตก็เท่านั้นเอง....

ความอึดอัดที่สะสมมาเรื่อยๆ ทำให้เป้ค่อนข้างเอนเอียงเข้าหาโจ้มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอกำลังจะทำอยู่ มันแทบไม่ต่างอะไรจากการยื่นมือเข้าไปเล่นกับไฟ เหมือนลูกเจี๊ยบที่คิดทะลึ่งกระโดดลงไปซ่าในบ่อจระเข้ โดยรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับผลลัพธ์ร้ายๆ ยังไงบ้าง และทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าการเผลอไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเสือผู้หญิงแบบโจ้นั้น มีแต่จะทำให้ตัวเองต้องน้ำตาตกใน... แต่สุดท้ายเธอก็ยังเลือกที่จะเชื่อในความรู้สึกมากกว่าที่จะใช้เหตุผลไตร่ตรองอยู่ดี

ก่อนที่เป้จะตัดสินใจตอบรับคำชวนของโจ้ไปในที่สุด....

=======================================

เป้ตัดสินใจโกหกบอยไปว่าเธอมีนัดทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนสาวที่บริษัท ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไร แค่พูดเตือนๆ ให้ระวังเรื่องที่ดื่มแล้วยังต้องขับรถกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอต้องโกหกปิดบังสามีตัวเองนั้น นอกจากเรื่องที่เธอรู้สึกกระดากปากที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเองแล้ว

อีกส่วนนึงก็ยังมีเรื่องของความสบายใจ ความเป็นอิสระ ที่เธอจะไม่ต้องคอยเกรงใจ หรือคอยมารายงานสถานการณ์ต่างๆ ให้สามีฟังทีหลัง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับต้นคราวก่อนนั้น บางครั้งเธอเองก็ไม่กล้าที่จะปล่อยอารมณ์ปล่อยใจออกไปซักเท่าไหร่ รู้สึกเก้ๆ กังๆ กั๊กๆ เพราะลึกๆ แล้วเธอก็รู้ดีว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ยังคงถูกสามีเฝ้าจับตามองดูอยู่ไม่ห่าง เวลาจะทำอะไรก็ต้องคอยนึกเกรงอกเกรงใจ และต่างฝ่ายต่างก็อึดอัดกันเปล่าๆ

ด้วยเหตุนี้ เป้จึงตัดสินใจที่ลองเดินหน้าสานสัมพันธ์กับโจ้ไปก่อนคร่าวๆ เพื่อที่จะได้รู้ว่าที่สุดแล้ว ทุกอย่างมันจะลงตัวราบรื่นอย่างที่เธอคิดไว้หรือไม่ เพราะถ้าเกิดว่าอะไรๆ มันไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ ทั้งเธอและโจ้ก็จะได้รีบยุติความสัมพันธ์ได้แบบทันท่วงที หรือถ้าสุดท้ายแล้ว เกิดทุกอย่างมันออกมาโอเคจริงๆ ถึงตอนนั้นแล้วเธอค่อยสารภาพกับหนุ่มบอยทีหลังก็ยังไม่สาย เพราะถึงยังไง ฝ่ายหลังเองก็น่าจะไม่ได้นึกคัดค้านอะไรอยู่แล้ว

เป้ไปถึงที่ร้านช้ากว่าเวลานัดราวๆ 10 นาที พอเห็นหนุ่มโจ้โบกไม้โบกมือเรียกเธอจากที่โต๊ะแล้ว เธอก็รู้สึกใจสั่นหวิวๆ ขึ้นมาแปลกๆ มันเป็นบรรยากาศการพูดคุยที่ดูจะแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ ที่แล้วมา ทำนองเพลงซึ้งๆ จากวงดนตรีที่กำลังเล่นสดอยู่ ทำให้ใจของเป้ล่องลอยเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อรวมเข้ากับรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มที่ถูกปาก ก็ยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้ดูน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก

เป้หัวเราะไปกับมุกตลกบ้าๆ บอๆ ปนหื่นของโจ้เป็นระยะๆ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทานเข้าไป จึงทำให้เธอกล้าที่จะปล่อยตัว ยอมให้โจ้ยื่นมือมาเกาะกุมมือของเธอไว้แบบหลวมๆ โดยไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนใดๆ ออกมา แม้จะแอบรู้สึกเขินๆ นิดๆ ข้างใน ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากทะลึ่งทะเล้น กลายมาเป็นสายตาแบบเดียวกับที่เธอเคยเห็น เมื่อตอนอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องคอนโด...

หนุ่มรุ่นน้องใช้ฝ่ามือถูไถไปมาบนหลังมือของสาวรุ่นพี่เบาๆ สายตาก็ยังจับจ้องสะกดค้างอยู่อย่างนั้น ทำท่าคล้ายกับว่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูดมันออกมาเสียที บรรยากาศที่กำลังสุกงอมได้ที่ พาลให้เป้ชักจะเริ่มรู้สึกเขินๆ ขึ้นมา ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวๆ วูบวาบ เม็ดเหงื่อค่อยๆ ผุดไหลซึมขึ้นมาเกาะเป็นกระจุก เธอกลัวว่าโจ้จะแอบสังเกตเห็นอาการตื่นตระหนกที่ว่านี้ จึงตัดสินใจเอ่ยปากขอตัวเข้าห้องน้ำเสียก่อน

หลังจากหลบไปตั้งหลัก ล้างหน้าล้างตาได้ครู่ใหญ่ๆ สาวเป้ก็กลับมานั่งประจำที่ตรงข้ามเจ้ารุ่นน้องตัวแสบอีกครั้ง พอเห็นชายหนุ่มทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มชอบใจแปลกๆ เธอจึงรีบโวยวายออกไป เพราะคิดว่าตัวเองกำลังถูกล้อเลียนอยู่

ทั้งสองคนนั่งคุยเล่นกันอีกพักใหญ่ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเริ่มรู้สึกหนักๆ มึนหัวขึ้นมาตะหงิดๆ แอบนึกตกใจที่มีอาการมึนเมาเร็วกว่าปกติ ทั้งๆ ที่จำได้ว่าตัวเองพึ่งจะดื่มไปแค่เพียงแก้วสองแก้วเท่านั้น ร่างกายของเธอค่อยๆ ร้อนวูบวาบขึ้นมา รู้สึกได้ว่าใจเต้นสั่นหวิวๆ แปลกๆ ลมหายใจติดขัดขาดช่วงไปหมด ริมฝีปากแห้งผากไร้ความชุ่นชื้น แต่บริเวณตรงกลางหว่างขาของเธอนั้นกลับรู้สึกเหนียวเหนอะหนะขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ

หญิงสาวทั้งเหนียว ทั้งคันตรงบริเวณหว่างขา จนเธออดไม่ได้ที่จะต้องแอบนั่งไขว้ บดเบียดหน้าขาถูกันไปมา เพื่อคลายความรู้สึกคันยุบยิบให้เบาบางลงไป แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเธอบดเบียดถูไถมากขึ้นเท่าไหร่ ก็เหมือนกับว่าร่องสาวของเธอนั้นจะยิ่งเฉอะแฉะ และยิ่งเกิดอาการเสี้ยนคันมากขึ้นเท่านั้น

ผิวกายปะทุ ร้อนระอุเหมือนกับมีไฟแผดเผาอยู่ภายในตัว หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นมาชุ่มโชกยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก ในหัวของเป้ตอนนี้ก็ดูจะเบลอๆ โหวงๆ จนเริ่มจะคิดอะไรไม่ออก... นอกจากเรื่องทะลึ่งตึงตัง...

หญิงสาวนั่งกระสับกระส่ายอยู่อีกครู่ใหญ่ๆ พอหนุ่มโจ้เอ่ยปากชวนเธอให้ไปนั่งข้างๆ ร่างกายของเธอก็ตอบสนองคำชวนของชายหนุ่มไปแบบอัตโนมัติ ปล่อยให้โจ้ใช้มือโอบไหล่ดึงตัวเธอเข้ามานั่งแนบชิด จนผิวกายเบียดเสียดเข้าหากัน ซึ่งแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ มันเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์อยู่ภายใน แล้วมีใครอีกคนที่กำลังบังคับร่างกายของเธอให้ขยับเคลื่อนไหวไปเองตามใจชอบ

โจ้ที่กำลังได้ใจจึงยิ่งกอดจูบซุกไซร้เรือนร่างของหญิงสาวอย่างเมามัน แม้ว่าเป้จะพยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดคอยปัดป้อง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถต้านทานความหื่นกระหายของชายหนุ่มวัยกลัดมันคนนี้ได้เลย เขาจ้องสบตากับเธอด้วยสีหน้าจริงจังลึกซึ้ง ซึ่งเป้เองก็เผลอจ้องมองตอบกลับไป เหมือนรอดูว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรต่อไป

แล้วก่อนที่สมองของเธอจะตั้งตัวได้ทัน หนุ่มโจ้ก็ก้มหน้าลงมาประกบจูบ สอดลิ้นเข้ามาในปากเธอเรียบร้อยแล้ว...

รสจูบอันเร่าร้อน ที่เคยค้างคาจากเมื่อครั้งก่อน ค่อยๆ ไหลย้อนเข้ามาในปากของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ปลายลิ้นซุกซนของชายหนุ่ม ทั้งรุกไล่ และเล้าโลม ราวกับจะฉุดกระชากลากลิ้นของเธอให้หลุดติดปากไปด้วย ความเสียวสยิวที่เกิดขึ้น ทำให้เป้เผลอตัวขยับลิ้นสู้กับโจ้โดยไม่รู้ตัว สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ในตอนนั้น ก็เพียงแค่ว่าอยากจะหาทางตั้งหลักรับความรู้สึก ก่อนที่ตัวเองจะเผลอขาดใจตายไปเสียก่อน

แต่พอด้านบนเริ่มที่จะตั้งหลักได้ สองมือของหนุ่มรุ่นน้องก็ดันขยับเข้ามาจู่โจมหน้าอกของเธอเสียอีก พอเจอแบบนี้เข้า สาวเป้เลยตกใจ รีบใช้สองมือผลักอกโจ้ออก เพราะกลัวว่าใครในร้านจะมาเห็นเข้า หญิงสาวนั่งหอบหายใจเหนื่อยๆ รู้สึกเนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะจากคราบเหงื่อที่ไหลโซมกาย เช่นเดียวกับบริเวณหลืบร่องกลางตัว ที่เปียกเยิ้มไปด้วยคราบน้ำหล่อลื่น ซึ่งผุดไหลออกมาไม่หยุดหย่อน..

ชายหนุ่มที่อ่านความคิดของสาวรุ่นพี่ได้ จึงเอ่ยปากชวนเธอออกไปนั่งคุยกันเงียบๆ แค่สองคนข้างนอก หญิงสาวฟังแล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แม้ว่าในหัวของเธอจะเข้าใจแจ่มแจ้งดีว่า คำพูดเชิญชวนของหนุ่มรุ่นน้องนั้นมันหมายความว่ายังไง แต่เธอกลับพยักหน้าตอบรับคำชวนนั้น โดยที่แทบจะไม่ทันได้นึกคิดไตร่ตรองเลยด้วยซ้ำ พอเช็คบิลกันเสร็จ ทั้งคู่ก็พากันลุกขึ้น โดยที่เป้ก็ยอมให้โจ้เป็นฝ่ายจูงมือเธอเดินออกไปข้างนอกแบบง่ายๆ

โจ้พาเธอเข้าไปหลบในห้องน้ำบริเวณลานจอดรถด้วยความเร่งรีบ พอกดล็อคประตูเสร็จแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดฉากเล้าโลมร่างกายของเป้ทันทีด้วยความหื่นกระหาย ขณะที่ทางฝั่งของหญิงสาวนั้น ในหัวเธอตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องใดๆ มาคิดให้รกสมองอีกต่อไป อารมณ์หื่นที่ถูกปลุกเร้า บวกกับความมึนเมา ทำให้เธอยอมปล่อยตัวปล่อยใจ เสพรับรสสัมผัสที่หนุ่มรุ่นน้องมอบให้อย่างเต็มที่

ริมฝีปากประกบจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม มือซ้ายของโจ้ก็คอยคลึงเคล้าขยำเต้านมเธอไปด้วยอย่างเมามันสมใจ ส่วนอีกมือก็คอยเลื้อยไต่ซุกซนอยู่ที่บริเวณแก้มก้นกลมกลึงด้านหลัง ก่อนจะบีบขยำเข้าไปแบบเต็มกำมือ สติสตังของเป้ตอนนี้ลอยหายออกจากร่างไปชั่วคราว เธอแทบไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ากระโปรงและกางเกงใน ถูกถลกรูดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าที่เธอจะรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนที่เห็นโจ้คุกเข่าลงไปเพ่งจ้องกลีบแคมอวบอูมของตัวเองนั่นแหละ

หญิงสาวพยายามร้องห้ามบอกให้ชายหนุ่มเลิกมอง แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ แทนที่ชายหนุ่มจะเลิกมอง กลับแกล้งยื่นหน้าเข้ามาจนชิดใกล้ ก่อนที่จะค่อยๆ ตวัดลิ้นปาดเข้ามาที่บริเวณกลีบแคมของเธอเสียงดังแผล่บบบบ.....บบบบ เป้ถึงกับหลุดปากร้องซี้ดซ้าดออกไปทันที เมื่อปลายลิ้นสากๆ สัมผัสเข้ากับกลีบเนื้อสาวด้านนอกของตัวเอง ชายหนุ่มทั้งดูดทั้งเลีย จนน้ำหล่อลื่นเธอเปียกเยิ้มไหลนองลงมาเลอะเต็มง่ามขา ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มระดับการจู่โจมด้วยการสอดนิ้วชี้กับนิ้วกลางมุดทิ่มเข้ามาด้านใน พร้อมกับเขี่ยแยงเบ็ดให้เธอไปด้วย

พอโดนเข้าแบบนี้ สาวเป้ก็ถึงกับสติแตกไปเลย  แหกปากร้องครางออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว จนต้องรีบใช้สองมืออุดปากตัวเองเอาไว้ เพื่อที่จะระงับข่มเสียงครวญครางซึ่งหลุดลอดออกมาอย่างต่อเนื่อง น้ำหูน้ำตาเธอไหลพรากๆ จากความเสียวที่กำลังทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นลีลาการใช้นิ้วและปากที่เป้ไม่เคยพบเจอในชีวิต มันทั้งคล่องแคล่ว หนักแน่น และช่ำชอง ซ้ำยังหื่นกระหาย ราวกับว่ากำลังฉุดดึงเธอให้ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนพิศวง ที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน...

ความคิดเรื่องถูกผิด ถูกโยนทิ้งกองไว้ที่พื้นไว้ตั้งนานแล้ว ที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้ ก็มีเพียงแค่ความรู้สึกเสียวซ่านที่กำลังแล่นวูบวาบ ลูบไล้ลวนลามไปทั่วตัว...

ทั้งปลายลิ้น และปลายนิ้ว สลับสับเปลี่ยนกันเข้าจู่โจมร่องหีของเป้อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเธอก็ทนฝืนกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ต้องยอมปลดปล่อยความเสียวในตัว ให้พุ่งทะลักทลายออกมาผ่านทางหว่างขา ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แหกปากร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่อาจห้ามอกห้ามใจได้ หญิงสาวรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้างหมุนวนอยู่กลางอากาศ ร่องรักภายในของเธอเต้นขมิบตุบๆ เป็นจังหวะ ปล่อยน้ำรักพุ่งปรี๊ดกระฉอกออกมาเลอะปากเลอะจมูกของชายหนุ่มรุ่นน้องจนเปียกปอนไปทั่ว

พอโจ้จูงมือพาเป้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ชายหนุ่มก็รีบเดินหน้าต่อทันที ด้วยการรูดซิปกางเกงตัวเองลง ปล่อยท่อนควยอวบอ้วนยาวใหญ่ ให้เด้งผึงดีดออกมาโชว์หราอยู่ตรงหน้าสาวรุ่นพี่ ความใหญ่ยักษ์อลังการของมันทำให้เธอเผลอลืมตัว จับจ้องดุ้นเนื้อกลางตัวอยู่อย่างนั้นราวกับโดนมนต์สะกด ใจก็นึกหวั่นๆ กลัวว่าชายหนุ่มจะอ้อนขอเอาเธอในห้องน้ำขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้น มันพุ่งทะยานขึ้นสูงจนเธอเองชักจะไม่มั่นใจแล้วว่า ตัวเองจะกล้าปฏิเสธคำขอของชายหนุ่มได้รึเปล่า...

แต่โชคดีก็เหมือนว่าจะเข้าข้างเธอ เพราะขณะที่โจ้กำลังยืนจดๆ จ้องๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่มก็เกิดสั่นไหวขึ้นมายาวนานจนสังเกตได้ เป้เห็นหนุ่มโจ้ทำท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมจำใจยุติกิจกามไว้แต่เพียงเท่านี้ สาวเป้ได้แต่นึกขอบคุณบุคคลปริศนาที่โทรมาได้แบบถูกจังหวะ และช่วยให้เธอรอดพ้นจากการเสียเอกราชให้ชายหนุ่มไปได้แบบหวุดหวิด

แต่ถึงกระนั้นแล้ว เจ้าหนุ่มรุ่นน้องก็ยังแอบแสดงท่าทีหื่นกามทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างเจ็บแสบ ด้วยการคว้าเอากางเกงในของเธอไปกำไว้แน่น พร้อมกับเอ่ยปากร้องขอเอามันกลับบ้านไปด้วย พอเจอแบบนี้สาวเป้ก็เลยเขินแตก รีบยื้อแย่งขอคืนจากชายหนุ่มเป็นพัลวัน แต่ถึงยังไงก็มิอาจสู้แรงหื่นของโจ้ได้ ก็เลยได้แต่จำใจปล่อยเลยตามเลย ให้ชายหนุ่มยัดกางเกงในตัวจิ๋วของเธอซุกเข้ากระเป๋ากางเกงไปอย่างสบายอารมณ์

เสร็จแล้วทั้งคู่ก็รีบแต่งเนื้อแต่งตัว จัดเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะรีบพากันเดินกลับมาขึ้นรถด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น...

ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้าน เป้ก็พยายามที่จะสงบใจ ข่มความตื่นเต้นจากเหตุการณ์สุดวาบหวิวที่พึ่งจะเกิดขึ้นกับตัวแบบสดๆ ร้อนๆ มันเป็นความตื่นเต้นและวาบหวิว แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อครั้งที่เธอใช้เวลาร่ำลากับต้นที่ลานจอดรถสองต่อสอง

ผิดกันที่ครั้งนั้น... เธอเองที่เป็นฝ่ายใช้ปากดูดควยให้หนุ่มรุ่นน้องได้สุขสมน้ำแตกคาปาก ในขณะที่ครั้งนี้... หนุ่มโจ้อาสาเป็นฝ่ายใช้ปากบดขยี้ร่องหีของเธอจนตัวกระตุกขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดแทน ซึ่งแน่นอนว่า ความรู้สึกในฐานะผู้รับ นั้นย่อมฟินยิ่งกว่าการเป็นผู้ให้มากมายหลายเท่านัก...

=======================================

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น เป็นเหมือนการเปิดประตูความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวให้เปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เป้มองเห็นความรู้สึกดีๆ ที่ตัวเองมีให้กับโจ้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเริ่มที่จะแน่ใจแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ กำลังค่อยๆ หลุดหลงออกนอกเส้นทางจากคำว่ารุ่นพี่-รุ่นน้อง ไปสู่ปลายทางของคำว่า 'ชู้รัก' มากขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะยังไม่ถึงขั้น 'ความรัก' แต่ก็ดูจะเกินเลยจากคำว่า 'ชอบพอ' ไปมากมายพอสมควร และอาจจะติดอยู่กึ่งกลางระหว่างคำว่า 'หลง' กับคำว่า 'ผูกพัน' ก็เป็นได้...
 
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีแต่จะยิ่งถลำลึกลงไปทุกที โจ้เริ่มที่ชวนเป้พูดคุยเรื่องทะลึ่งตึงตังมากขึ้นเรื่อยๆ มีการแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่พูดชมถึงเรือนร่างของหญิงสาวรุ่นพี่ ให้เธอได้เขินอายอยู่เป็นพัก ซ้ำยังเหิมเกริมถึงขั้นกล้าส่งภาพ ท่อนเอ็นแข็งอวบของตัวเองมาให้เธอดูผ่านไลน์อีกด้วย

รูปท่อนลำแข็งตุงกางเกงในของโจ้ ทำเอาลมหายใจของสาวเป้ถึงกับปั่นป่วนไม่เป็นจังหวะ บริเวณปลายหัวแดงมนนั้นแทบจะโผล่พ้นขอบกางเกงในออกมาอยู่รอมร่อ หญิงสาวเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ ด้วยความตื่นเต้น พอชายหนุ่มออดอ้อนขอดูรูปเธอบ้าง สาวรุ่นพี่จึงใจอ่อน ยอมส่งรูปตัวเองที่อยู่ในชุดนอนแบบแอบโป๊นิดๆ กลับไปง่ายๆ

หลังจากนั้นจึงกลายเป็นสงครามแลกรูประหว่างหนุ่มสาวทั้งสองคน ต่างฝ่ายต่างส่งรูปวาบหวิวของตัวเองแลกกันคนละหมัด ก่อนที่หนุ่มโจ้จะปิดบัญชีด้วยการส่งภาพท่อนเนื้อเปลือยเปล่ามาให้เธอดูแบบชัดแจ๋วเต็มสองตา!

ขนาดว่าสาวเป้นั้นเคยเห็นของจริงมาแล้วถึงสองรอบ แต่พอเธอได้มาดูภาพนิ่งแบบชัดๆ เน้นๆ เต็มสองตาแบบนี้ มันก็ทำให้เธออดใจสั่นไม่ได้...

รูปถ่ายแบบโคลสอัพชัดแจ๋วเต็มหน้าจอ ทำให้ภาพท่อนเนื้ออวบอวนดูเบ่งบานมากกว่าปกติ  ตรงบริเวณปลายหัวเป็นสีแดงแจ๋บานโร่เหมือนดอกเห็ด ดูน่าเกลียดน่ากลัวพิลึก ขนาดความหนาของท่อนเนื้อดูแล้วอวบแน่นไม่แพ้กล้วยหอมผลโตๆ เลยซักนิด

สาวเป้จ้องมองภาพท่อนควยหัวบานอวบของชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างสนใจใคร่รู้ เผลอกลืนน้ำลายเข้าไปอีกหนึ่งอึกใหญ่ รู้สึกเหนียวคอไปหมด หญิงสาวใจเต้นตุบๆ แอบรู้สึกสะใจนิดๆ ที่ตัวเองได้เป็นฝ่ายถ้ำมองสำรวจอาวุธประจำกายของชายหนุ่มอยู่ฝ่ายเดียว

พอโจ้พิมพ์อ้อนขอให้เธอส่งรูปตัวเองไปอีก เป้จึงออกอาการอิดออดเล็กน้อย แต่แล้วกลับเกิดความรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ที่ได้รับรู้ว่าคู่สนทนากำลังปึ๋งปั๋งโด่เด่ เกิดอารมณ์ขึ้นมาเพราะว่าได้เห็นรูปวาบหวิวของเธอ สุดท้ายเธอจึงลองส่งรูปไปเพิ่ม เพื่อหวังกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ไม่ลืมกำชับไปว่าห้ามให้ใครได้เห็นเด็ดขาด ไม่นาน หนุ่มโจ้ก็กดโฟนเข้ามาหาเธอตรงๆ

แรกๆ ทั้งคู่ก็ยังแค่คุยๆ แซวๆ กันเล่นธรรมดา แต่ไปๆ มาๆ หนุ่มโจ้กลับเกิดอารมณ์หื่นแตก และเริ่มต้นใช้มือรูดช่วยตัวเองให้เธอฟังขึ้นมาซะอย่างนั้น! เล่นเอาสาวเป้ถึงกับหน้าชาไปเลย ได้ยินเสียงหอบหายใจหื่นๆ สลับกับเสียงครางซี้ดซ้าด บางจังหวะยังจ่อโทรศัพท์ไปไว้ใกล้ๆ หว่างขา เพื่อให้เธอได้ยินเสียงรูดท่อนเนื้อดังแจ๊ะๆ อย่างชัดเจนอีกด้วย หญิงสาวใจสั่นโครมครามเต้นไม่เป็นจังหวะ เนื้อตัวร้อนวูบวาบ แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่ากำลังถูกชายหนุ่มรุ่นน้องโทรเล่นเซ็กส์โฟนกับเธออยู่

ก่อนที่ชายหนุ่มรุ่นน้องจะออกอาการครวญครางเสียงสั่น เมื่อความเสียวพุ่งทะยานขึ้นถึงจุดสุดยอด หนุ่มโจ้หอบหายใจออกมาแบบเหนื่อยๆ ก่อนจะพูดตัดบทแล้วชิงวางหูไปเลยดื้อๆ ทิ้งให้สาวเป้ที่กำลังงงๆ ได้แต่นั่งอึ้งอยู่อย่างนั้นคนเดียวในสภาพเนื้อตัวเปียกปอนชุ่มโชก ทั้งๆ ที่เธอพึ่งจะอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ

อารมณ์ที่ถูกโจ้สะกิดเขี่ยให้คุกรุ่น กระตุ้นให้เนื้อตัวของเธอร้อนวูบวาบ อย่างกับถูกพิษของไฟสวาทแผดเผาอยู่ภายใน จนเธอต้องตัดสินใจกลับเข้าไปอาบน้ำอีกครั้ง เพื่อหวังที่จะดับความร้อนรุ่มซึ่มกำลังลุกลามไปทั่วร่างกาย

เป้ใช้มือซ้ายกำฝักบัวคู่ใจเอาไว้มั่น ขณะที่มือขวาก็คอยลูบไล้ ชำระล้างคราบอารมณ์พิศวาสที่ยังตกค้างอยู่ตามตัว ในใจก็นึกละอายที่ต้องมาแอบช่วยตัวเองเพราะผู้ชายคนอื่นอยู่แบบนี้ ในขณะที่สามีของตัวเองก็กำลังนั่งเล่นกับลูกอยู่ที่ชั้นล่าง แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องยอมพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ความอยากที่เข้าครอบงำเธออยู่ดี ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจ ระบายความอัดอั้นที่มีอยู่ ให้หลุดร่อนออกไปตามแรงของสายน้ำที่กำลังพรั่งพรู...

=======================================


เมื่อกำแพงความเขินอายถูกพังทลายลงไปจนหมดแล้ว ทั้งเป้และโจ้ จึงมีโอกาสได้ใช้เวลาหาความสุขร่วมกันบ่อยขึ้น ได้ไปเที่ยว... ไปเดินเล่น... ไปดูหนัง... หรือทานข้าวด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งชายหนุ่มก็มักจะมีโบนัสพิเศษ... แถมให้เธอเกือบทุกครั้งที่ได้เจอกัน...

ทั้งด้วยปลายนิ้ว... และริมฝีปาก...

ยิ่งหนุ่มบอยติดงานและไม่ค่อยมีเวลาให้เป้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลายเป็นการเปิดโอกาสให้โจ้ได้เข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับพื้นที่ในหัวใจของเป้มากขึ้นเท่านั้น จนเธอเริ่มกลัวว่าตัวเองจะเผลอมีใจให้กับเจ้ารุ่นน้องตัวแสบไปโดยไม่รู้ตัว ได้แต่พยายามหลอกตัวเองว่าเธอนั้นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเขาเป็นพิเศษ มันก็แค่ความสัมพันธ์นอกกายที่เธอใช้เพื่อระบายคลายเหงาบนเตียงเท่านั้น

เพราะถ้าเกิดเธอยอมรับว่าตัวเองเริ่มที่จะรู้สึกเกินเลยกับโจ้มากไปกว่านี้ล่ะก็... นั่นก็หมายความว่า เธอนั้นกำลังนอกใจหนุ่มบอยผู้เป็นสามีโดยสมบูรณ์ ซึ่งหัวเด็ดตีนขาด เธอก็ไม่มีทางทำใจยอมรับความจริงในข้อนี้ได้แน่ๆ...

หญิงสาวปล่อยตัวปล่อยใจให้ชายหนุ่มคลึงเคล้นเรือนร่างของตัวเองอยู่ร่วมๆ เดือน ก่อนที่เจ้าหนุ่มรุ่นน้องจะตัดสินใจเดินหน้าลุยขึ้นไปอีกหนึ่งสเต็ป ด้วยการเอ่ยปากชวนเธอให้ไปดูห้องคอนโดด้วยกันแบบสองต่อสองอีกครั้ง ซึ่งตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์โดนลวนลามจูบปากไปคราวก่อน หญิงสาวเองก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมเยียนที่นั่นอีกเลย

มันเป็นอีกครั้งที่สาวเป้ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก ว่าเธอจะเลือกหยุดความสัมพันธ์เอาไว้เพียงแค่ในระดับนี้ ซึ่งเธอเองยังพอจะควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ได้ หรือจะยอมเสี่ยงเดินหน้าต่อไป ทั้งที่รู้ดีว่าปลายทางนั้นมีอะไรที่รอคอยเธออยู่...

ซึ่งสุดท้ายแล้ว... เธอก็ตัดสินใจเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปอีก ด้วยเพราะว่าร่างกายของเธอนั้นมันเริ่มเสพติดรสสัมผัสจากชายหนุ่มรุ่นน้อง จนยากที่จะถอนตัวออกไปได้ง่ายๆ ลีลาคลึงเคล้าปลุกเร้าที่ผ่านมา มันทำให้สาวเป้ถึงกับห้ามอกห้ามใจไม่ไหว เฝ้าแต่สงสัยใคร่รู้ว่าถ้าเกิดเธอยอมเดินหน้าปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหนุ่มโจ้แบบสุดๆ นั้น มันจะทำให้เธอเสียวซ่านถึงใจขนาดไหนกันนะ...?

วินาทีที่เธอเดินตามหลังโจ้ขึ้นไปที่ห้องคอนโดห้องเดิมนั้น... มันแทบไม่ต่างอะไรจากห้วงสุดท้ายในชีวิตของนักโทษที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่แดนประหาร ซึ่งต่างก็รู้ดีว่า ตัวตนเดิมๆ ที่ตัวเองคุ้นเคยนั้น มันกำลังจะค่อยๆ หลุดลอยออกไปจากร่างในอีกไม่ช้านี้...

=======================================


หนุ่มโจ้ใช้เวลาพูดคุยเรื่องปรับปรุงห้องคอนโดแค่ราวๆ 10 กว่านาที ก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นการรุกไล่ลวนลามหญิงสาวรุ่นพี่ อย่างที่ใจปรารถนามานานสองนาน ข้างฝ่ายสาวเป้เองที่แม้จะเตรียมใจไว้ระดับนึงแล้ว แต่พอเจอท่าทีของชายหนุ่มรุ่นน้อง ที่ทั้งดิบหยาบ ทั้งหื่นกระหาย มือไม้ทั้งสองข้างก็ช่างซุกซนจนเธอเองก็ชักเริ่มที่จะนึกหวั่นๆ ขึ้นมา จึงพยายามแสดงท่าทีปัดป้องออกไปบ้างเพื่อปรามๆ รุ่นน้องให้เบามือลงหน่อย

แต่ชายหนุ่มหาได้สนใจไม่ กลับใช้มือรวบตัวเธอเข้ามากอด พร้อมกับพรมจูบซุกไซร้ซอกคอและติ่งหูของเธอ จนหญิงสาวถึงกับตัวอ่อนปวกเปียก หมดแรงต้านทานใดๆ ได้อีกต่อไป... สติสตังหลุดลอยไปกับรสสัมผัส ที่เดี๋ยวก็โดนตรงนั้นที ตรงนี้ที จนเธอตั้งหลักรับความเสียวได้ไม่ทัน

หนุ่มโจ้ชิงจังหวะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของสาวรุ่นพี่ออกทันทีด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่ครู่เดียว สาวเป้ก็ตกอยู่ในสภาพที่ร่างกายเกือบเปลือยเปล่า เสื้อเชิ้ตกับเสื้อกล้ามด้านบนถูกถลกหลุดลุ่ยจะหลุดมิหลุดแหล่ มีเพียงกางเกงในผ้ายืดสีดำตัวจิ๋วที่ยังปกปิดโหนกเนื้อสาวของเธออยู่ โดยมีหนุ่มโจ้ก้มหน้าก้มตาเลียหีให้เธอผ่านเนื้อผ้ากางเกงในจนมันเปียกเยิ้มไปหมด ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกแรงรูดมันออกไปจากข้อเท้าของเธอในเวลาต่อมา เรือนร่างขาวโพลนของหญิงสาว จึงปรากฏออกมาต่อหน้าชายหนุ่มรุ่นน้อง ผู้ซึ่งกำลังหิวโหยรสชาติเนื้อสาวเป็นที่สุด

หญิงสาวเผลอร้องอุทานออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้าหนุ่มรุ่นน้องกำลังแหกแหวกแคมหีของเธอเพื่อเพ่งมองให้เห็นชัดๆ แบบเต็มสองตา ก่อนที่จะออกแรงตวัดลิ้นปาดเลียเข้าไปตรงกลางร่องเสียวของเธอแบบเต็มๆ พร้อมกับใช้นิ้วโป้งบดบี้คลึงเม็ดแตดบวมเป่งของเธอไปด้วย ใช้นิ้วกลางเรียวยาว สอดแยงเข้าไปสำรวจโพรงรักภายในร่างกายของเธอ  สาวรุ่นพี่เจอเข้าไปแบบนี้ ก็ได้แต่แหกปากร้องครวญครางออกมาแบบสุดเสียง

มันเป็นลีลาจู่โจมที่เธอติดอกติดใจ หลงใหลจนหัวปักหัวปำ ทั้งปลายนิ้วและปลายลิ้นต่างสอดประสาน เคลื่อนไหวสลับเข้าหากันอย่างต่อเนื่อง จนเธอเสียวแล้วเสียวอีก อารมณ์หื่นพุ่งทะยานจนน้ำหล่อลื่นพรั่งพรูออกมาเปียกเยิ้มใบหน้าของชายหนุ่มเป็นคราบมันวาว

หนุ่มโจ้ลงลิ้นตกเบ็ดให้สาวรุ่นพี่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนตัวออก ใช้มือรูดกางเกงตัวเอง ทั้งด้านในและด้านนอกออกไปจากหน้าขา แอ่นลำควยแข็งปั๋งเข้าไปจ่อไว้ที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างท้าทาย พร้อมกับเอ่ยปากออดอ้อนขอให้เธอใช้ปากให้

สาวเป้จับจ้องไปที่อาวุธประจำกายอันใหญ่โตมโหฬารของโจ้แล้วก็เกิดนึกกลัวขึ้นมาในใจ ขนาดของมันนั้นทั้งใหญ่และยาวกว่าแก่นกายของสามีเธออยู่ไม่น้อย สีของท่อนลำออกแดงๆ คล้ำๆ  อมน้ำตาล ในขณะที่ขอบเงี่ยงหัวบานใหญ่นั้นเล่า กลับมีสีสันค่อนไปทางสีแดงอมชมพู ดูสดใสผิดกันแบบคนละเรื่อง ที่บริเวณปลายร่องมีน้ำหล่อลื่นใสๆ ผุดเยิ้มออกมาหยดเป็นสาย

ความอลังการของมันทำให้หญิงสาวรีบส่ายหัวปฏิเสธอย่างหนักแน่น แม้ชายหนุ่มจะพยายามออดอ้อนอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายก็ต้องยอมถอดใจ และเปลี่ยนมาใช้การเล้าโลมอื่นๆ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเธอต่อ ก้มหน้าลงไปประกบดูดปากแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ซึ่งสาวเป้เองที่กำลังเคลิบเคลิ้ม ก็เผลอตวัดลิ้นสู้กลับไปอย่างลืมตัว สองมือของชายหนุ่มก็ปะป่าย สำรวจเรือนร่างของเธอไปด้วยอย่างซุกซน

ทั้งคู่ดูดปากกันอยู่อีกพักใหญ่ๆ ชายหนุ่มก็ใช้มือดันตัวสาวรุ่นพี่ให้ลงไปนอนหงายบนเบาะโซฟา หยิบถุงยางมาสวมใส่จนเรียบร้อย ก่อนจะกดจ่อท่อนควยเข้าไปที่ปากร่องอันเปียกเยิ้มของเธอ สายตาของทั้งคู่สบตากันทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย แววตาของชายหนุ่มดูยั่วเย้าและซุกซน คล้ายกับเด็กน้อยที่กำลังรอคำอนุญาตจากผู้ใหญ่ ให้ซุกซนได้เต็มที่

สาวเป้นึกทบทวนความรู้สึกตัวเองอีกทีเป็นครั้งสุดท้าย หวนนึกย้อนไปถึงภาพความทรงจำอันแสนอบอุ่นที่เธอมีร่วมกับบอย นึกถึงหน้าลูกชายตัวน้อย พอนึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ความรู้สึกผิดก็เริ่มย้อนคืนกลับมาอีก ซึ่งหนุ่มโจ้ที่รอคอยคำตอบอยู่ก็เหมือนจะอ่านใจเธอออก จึงค่อยๆ ขยับตัวกดถูท่อนควยให้ครูดไปโดนติ่งเสียวด้านนอกของเธอเบาๆ อย่างจงใจ

รสสัมผัสหวิวๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณหว่างขา ทำให้ภาพความทรงจำบนเตียงที่มีกับบอยซ้อนทับขึ้นมาแทนที่ ความรู้สึกค้างคาที่เธอเคยฝืนเก็บกดมันไว้เป็นเดือนๆ พอมาโดนหนุ่มโจ้นัวเนียมากๆ เข้า ก็ทำให้สาวเป้ต้องยอมพ่ายแพ้แก่อารมณ์ความอยาก ตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย โดยไม่คิดจะขัดขืนอีกต่อไป ไหนๆ เธอก็ยอมให้เขาล่วงเกินมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ายอมมากกว่านี้อีกซักหน่อยจะเป็นไรกัน

หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลง พยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณ บ่งบอกว่าเธอพร้อมแล้วที่จะรับชายหนุ่มเข้ามาเป็นผัวคนที่สอง โจ้เห็นแบบนั้นแล้วจึงค่อยๆ ออกแรงกดท่อนควยมุดเข้าไปในโพรงหีของเธอช้าๆ ความคับแน่นด้านใน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวแปล๊บขึ้นมาที่หัวควย

“โอ๊ยยย...! โจ้ เบาๆ ก่อน พี่เจ็บ!” หญิงสาวหลุดปากร้องกรี๊ดออกมา เมื่อโดนท่อนควยกดสอดเข้าไปได้ครึ่งลำ รู้สึกเหมือนหีตัวเองกำลังฉีกขาดเป็นสองท่อน ทั้งจุกทั้งแน่น จนไม่คิดว่าจะรับมันเข้ามาได้อีก แต่เจ้าท่อนเนื้ออวบอ้วนกลับมุดหายเข้าไปได้เรื่อยๆ จวบจนสุดโคน

“อูยยย ทนนิดนึงนะครับพี่ จะสุดแล้ว” ชายหนุ่มพยายามพูดปลอบใจ ขณะที่กำลังกดสอดท่อนลำมุดลึกเข้าไปอีก
“อื๊ออออ....! โอ๊ยยยยย... โอ๊ยๆๆ มันแน่น....” สาวเป้ดิ้นเร่าๆ ไปมาอย่างร้อนรน ด้วยความที่ถูกดันติดโซฟา ทำให้เธอไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้อีก ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ราวกับกำลังโดนท่อนเหล็กอุ่นๆ ขนาดใหญ่ เสียบทิ่มเข้ามาในช่องท้อง มันแหกคว้านร่างของเธอรุนแรงซะยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เคยเสียความบริสุทธิ์ให้กับหนุ่มบอยเป็นครั้งแรกเสียอีก

ชายหนุ่มกดดุ้นเนื้อมุดสอดเข้าไปจนสุดลำ แล้วจึงเริ่มออกแรงเด้าควยมุดเข้าออกร่องหีของหญิงสาว จนเธอผวาใช้มือจิกแผ่นหลังของเขาเอาไว้แน่น เป้รู้สึกถึงอาการตึงเปรี๊ยะที่บริเวณง่ามขา เวลาที่ท่อนลำมุดเข้าเสียดสีมาแต่ละครั้ง เล่นเอาหญิงสาวถึงกับเสียวแปล๊บๆ เหมือนว่าหีเธอกำลังจะฉีก ความใหญ่โตของมันพุ่งเข้ากระทุ้งอย่างหนักหน่วงกระทบกับผนังมดลูกด้านใน ทำเอาสาวเป้ถึงกับจุกแน่นไปหมด

พอเริ่มจะตั้งหลักได้ หนุ่มโจ้ก็ยิ่งออกแรงกดกระแทกควยหนักขึ้นไปอีก เสียงของท่อนเนื้อที่ตอกทิ่มลงไปในโพรง ตีกระทบหน้าขาเสียงดังเป็นจังหวะ  ปั่บ....... ปั่บ..... ปั่บ........ปั่บ... ปั่บ...ปั่บ...ปั่บ..ปั่บ..ปั่บ สลับกับเสียงร้องโหยหวนของสาวรุ่นพี่ที่กำลังใกล้จะสติแตกเต็มที

ร่างของทั้งคู่ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อที่ผุดซึมออกมา สาวเป้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังล่องลอยออกไปในที่ไกลแสนไกล ลืมความรู้สึกผิดชอบถูกผิด ได้แต่เสพรับความสุขเสียวที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจังหวะ แรงกระทุ้งกระแทกที่ทิ่มแทงเข้ามา ทำให้ภาพของหนุ่มบอยในหัวเธอ ค่อยๆ จืดจางหายไปเรื่อยๆ

ก่อนที่หนุ่มโจ้จะจับเธอเปลี่ยนท่า ดึงตัวเธอให้ปีนขึ้นมาคร่อมอมท่อนเอ็นเข้าไปจากด้านบน หญิงสาวแอบรู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อย ที่ต้องมาเป็นฝ่ายร่อนสะโพกขย่มควยให้กับชายหนุ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เย็ดกัน แต่ถึงกระนั้นแล้ว ความเงี่ยนก็ไม่เคยปราณีใคร และสาวเป้เองก็ไม่อาจต้านทานความเสียวที่ได้รับจากท่านี้ได้

เป้ทั้งร่อน ทั้งขย่ม ใช้หีอ้าอมควยชายหนุ่มเข้าไปจนมิดด้าม แหกปากร้องครวญครางออกมาดังๆ ด้วยความสะใจ ท่านี้ทำให้เธอเป็นฝ่ายคุมจังหวะ พาอารมณ์ของทั้งคู่ให้พุ่งทะยานไปยังทิศทางที่เธอปรารถนา ยิ่งเมื่อเห็นชายหนุ่มรุ่นน้องสูดปากครางซี้ดๆ ออกมาด้วยความเสียวซ่าน ก็ยิ่งทำให้สาวเป้อารมณ์กระเจิดกระเจิง เพลิดเพลินมากขึ้นไปอีก

หญิงสาวร่อนขย่มอยู่อย่างนี้ราวๆ 10นาที ก็พาตัวเองล่องลอยขึ้นไปจนใกล้ที่จะถึงฝั่งฝัน ใบหน้าเรียบๆ ของเธอเริ่มบิดเบี้ยวเหยเก คิ้วขมวดยับยู่ยี่ หลับตาเม้มกัดริมฝีปากตัวเอง ในขณะที่หนุ่มโจ้ก็ช่วยกระตุ้นดูดนมให้เธอไปด้วย ในหัวของเธอตอนนี้ลืมเลือนเรื่องอื่นไปหมดสิ้นแล้ว คิดเพียงแค่อยากเร่งร่อนขย่มหี ปลดปล่อยความรู้สึกเสียวซ่านภายในออกมาให้หมดสิ้น

“ฮือออ.... ฮืออ... โอ๊ยยย..... พี่.... จะไม่ไหวแล้วนะ....” สาวเป้ร้องครางส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มได้ยิน หนุ่มโจ้จึงใช้สองมือจับยึดสะโพกของเธอแนบเข้าหาตัว พร้อมกับเร่งกระเด้าควยเสยหีเธออย่างรุนแรง จนร่างของหญิงสาวกระเด้งกระดอนไปมาตามแรงกระแทก เธอแหกปากร้องกรี๊ดๆ ออกมาสุดเสียง แข่งกับเสียงของท่อนเนื้อที่อัดกระทบกันดัง ปั่บบบ....... ปั่บบบ.... ปั่บบบบ.....!! ก่อนที่ร่างของเธอจะสั่นสะท้าน กระตุกเฮือกๆ เมื่อถึงจุดสุดยอด

“โอ๊ยยยย.... ไม่ไหวแล้ว....วววววว.... ” หญิงสาวหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่น ผวาตัวกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น กระดกบั้นเอวบดอัดท่อนลำยิกๆๆ จนมันแทบจะหักคารู ภาพในหัวเธอตอนนี้กลายเป็นสีขาวโพลนไปหมดแล้ว สองมือตะกุยตะกายจิกข่วนแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ร่องหลืบด้านในออกอาการบีบรัดตุบๆ รีดน้ำเงี่ยนสาวให้พุ่งทะลักทลายออกมาจนเลอะนองไปทั่วหน้าขาของทั้งคู่ ก่อนที่เป้จะทิ้งตัวลงไปนอนหอบหายใจหนักๆ คาอกของโจ้ด้วยความเหนื่อยอ่อน

มันเป็นการพุ่งเข้าเส้นชัยรวดเดียวอย่างราบรื่น โดยที่ไม่มีอาการสะดุดให้หงุดหงิดหัวใจ ซึ่งก็ห่างหายไปนานเสียจนเป้เองแทบจะลืมเลือนความรู้สึกเหล่านี้ไปแล้ว...  ใจนึงก็รู้สึกอับอายที่ตัวเองแอบมาสุขสมกับรสชาติของชายชู้ แต่อีกใจนึงก็รู้สึกหลงใหลไปกับลีลาอันสุดแสนจะเร่าร้อน ที่หนุ่มโจ้ประเคนให้เธอจนน้ำแตกน้ำแตนถึงสวรรค์กันไป

หญิงสาวรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนติ้วๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ดูสั่นไหว ราวกับว่าเธอกำลังถูกเหวี่ยงไปมาอยู่ในห้อง ลีลาการกระเด้าเย็ดของหนุ่มรุ่นน้อง เล่นงานจนเธอถึงกับตาลายไปเลย

โจ้ปล่อยให้เป้ได้พักหายใจอยู่อีกครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงค่อยๆ ประคองร่างของหญิงสาวให้นอนหงายลงไปบนโซฟา ก่อนจะกดสอดท่อนควยมุดกลับเข้าไปในโพรงหีเป้อีกรอบ พร้อมกับออกแรงกระเด้าควยเย็ดหีเธอหนักๆ เรียกเสียงครางกระเส่าจากปากของหญิงสาวรุ่นพี่ได้อีกครั้งหนึ่ง

ชายหนุ่มกระทุ้งเน้นๆ ด้วยความรุนแรงอยู่ประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะถอนควยออกมาจากหีเธอดังผั้วะ จังหวะที่หัวเงี่ยงครูดกับปากร่อง เล่นเอาสาวเป้เสียวจนเผลอแอ่นสะโพกตัวลอย โจ้รูดถุงยางที่สวมอยู่ทิ้งไป ใช้มือสาวรูดท่อนลำของตัวเองได้อีกไม่กี่ที ก็ปล่อยน้ำเชื้อพุ่งกระฉูดเลอะเต็มหน้าท้องขาวๆ ของสาวเป้ แล้วล้มตัวลงไปนอนกอดเธออย่างหมดแรงอีกคน

ทั้งคู่นอนพักเอาแรงจนเริ่มจะหายเหนื่อย จึงค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น สาวเป้นั้นถึงกับขาสั่นแทบเดินไม่ไหว จนต้องปล่อยให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายช่วยพยุงพาเธอประคองเดิน พากันจูงมือเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำด้วยกัน

“ดีมั้ยครับ?” โจ้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น สาวเป้ฟังแล้วก็อมยิ้มเขินๆ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
“แล้วพี่เสียใจรึเปล่า?” ชายหนุ่มเปลี่ยนมาถามคำถามที่ทำให้เธอต้องสะอึก
“เรื่องนี้น่ะเหรอ?” เป้ถามกลับพลางจ้องสบตาเขาไปด้วย
“อื้อ... เรื่องที่มีอะไรกับผมน่ะ” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับใช้มือลูบผมเธอเบาๆ

หญิงสาวนิ่งคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง มันเป็นความจริงที่ชายหนุ่มสามารถมอบความสุขทางกายให้เธอได้อย่างเต็มอิ่ม เป็นความสุขในเรื่องเพศรสที่เคยขาดหายไป เนื่องจากบอยไม่สามารถเติมเต็มให้เธอได้ และความสุขล้นที่เกิดขึ้นนั้น มันก็ท่วมท้นเสียจนกลบเอาความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ของการร่วมรัก ให้จมหายไปกับเกลียวคลื่นแห่งความเสียวซ่าน

และเมื่อพายุอารมณ์ค่อยๆ ลดความรุนแรง จนสลายตัวลง หญิงสาวจึงเริ่มที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา...

“ถ้าพี่ตอบว่าไม่ได้เสียใจ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกผิด โจ้จะมองว่าพี่เป็นผู้หญิงไม่ดีป่ะ?” เป้ตอบออกไปตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง เนื่องจากเธอไม่ต้องการที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ชายหนุ่มรุ่นน้องได้เห็น เพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถควบคุมความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้เป็นไปตามที่เธอต้องการได้

“ไม่หรอกครับ...” ชายหนุ่มปลอบเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยนพร้อมกับพูดต่อ
“ผมแค่กลัวว่าตัวเองจะทำให้พี่สองคนมีปัญหากัน”

คำพูดของโจ้ทำให้เป้นึกย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างเธอกับชายหนุ่มคนอื่นๆ ทั้งกับที่เธอเคยมีให้ต้น และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ บนโซฟากับหนุ่มโจ้ เมื่อมองย้อนกลับไปเรื่อยๆ ก็พบว่ามันมีที่มาจากความต้องการของบอยผู้เป็นสามีนั่นเอง แต่ถึงกระนั้นแล้วเธอก็ยังอดรู้สึกแย่กับตัวเองไม่ได้...

“พี่ยังรักพี่บอยอยู่เหมือนเดิม ยังอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับพี่เค้าในฐานะของพ่อแม่ลูกเหมือนที่ผ่านมา แต่กับโจ้... เรื่องของพี่กับโจ้มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์บนเตียง มันเป็นความสุขทางกายบางอย่างที่พี่บอยเค้าทำให้พี่ไม่ได้มาเป็นปีแล้ว....” หญิงสาวพยายามพูดอธิบายความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองออกมาให้ชายหนุ่มฟัง เพื่อหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความรู้สึกผิดบาปที่เกิดขึ้นในใจเธอให้เบาบางลงไปได้บ้าง...

ซึ่งพอโจ้เอ่ยถามถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาแล้ว หญิงสาวก็รีบยืนกรานหนักแน่นทันทีว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้น คงจะไม่อาจเกินเลยไปจากคำว่าคู่นอนได้อีก... ทั้งที่เป้ก็รู้ดีว่าใจจริงของเธอนั้น มันเริ่มที่จะโอนเอียงไปหาชายหนุ่มรุ่นน้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความผูกพันลึกซึ้งขึ้นมา แต่เธอก็ยังคงทำใจรับความจริงข้อนี้ไม่ได้อยู่ดี และยิ่งไม่อยากให้ชายหนุ่มล่วงรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองเช่นเดียวกัน

เพราะเธอกลัว... กลัวว่าหากตัวเองเผยความรู้สึกดีๆ ออกมา แล้ววันนึงชายหนุ่มรุ่นน้องจะเหยียบย่ำมันทิ้ง ก่อนจะเดินหายออกไปจากชีวิตของเธอตามประสาผู้ชายเจ้าชู้คนนึง...

หนุ่มโจ้ฟังแล้วก็เข้าใจ ไม่ได้คาดคั้นเอาความอะไรกับเธออีก ต่างช่วยกันอาบน้ำอาบท่า ก่อนจะแต่งตัวแล้วพากันลงไปหาอะไรทานข้างล่างด้วยกันสองคน พออิ่มแล้วทั้งคู่ก็พากันขึ้นมานั่งซบไหล่นอนดูทีวีข้างๆ กันบนห้อง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเกิดอารมณ์ และเอ่ยปากขอลงลิ้นชิมรสสาวของเธออีกรอบ

คราวนี้หญิงสาวเริ่มรู้สึกอายน้อยลงกว่าครั้งแรก และกล้าที่จะนอนแหกแข้งแหกขาให้หนุ่มรุ่นน้องใช้ลิ้นชอนไชคว้านร่องหีของตัวเองได้อย่างถนัดถนี่ จนสาวเป้ตัวเกร็ง น้ำแตกขึ้นสวรรค์ไปเป็นครั้งที่สองของวัน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เธอเคยเสร็จเบิ้ล ไล่ๆ ติดๆ กันแบบนี้ก็ตั้งแต่เมื่อคราวที่โดนหนุ่มบอยเปิดซิงนั่นแหละ

ก่อนที่ชายหนุ่มจะยอมปล่อยให้หญิงสาวได้กลับออกไปจากห้อง...

ความรู้สึกสับสนพลุ่งพล่านอยู่ในหัวของเป้มาตลอดทาง หญิงสาวแอบรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เมื่อต้องเข้าหน้าพูดคุยทักทายกับสามี หลังจากที่พึ่งจะแอบหนีไปนอกกายเขามาหมาดๆ แต่เธอก็ยังพยายามเก็บอาการอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ซักไซร้อะไรมากมาย สาวเป้แวะเข้าไปกอดไปคุยเล่นกับลูกชายครู่นึง ก่อนที่หญิงสาวจะขอตัวขึ้นไปอาบน้ำนอนเร็วกว่าปกติ โดยอ้างว่ารู้สึกเวียนหัวไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่

สายน้ำจากฝักบัวที่สาดกระทบใบหน้า พาให้หยาดน้ำใสๆ ในเบ้าตาของเธอ ค่อยๆ ไหลรินออกมาไม่ขาด....




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น