วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

หอมกลิ่นโลกีย์ ตอนที่ 17




          อาแปะหายหน้าไปไหนก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นโอกาสเหมาะเหลือเกิน ที่อนงค์จะได้มั่วนัวเนียกับตั้มได้อย่างสะใจ ตั้มเองก็ลุ่มหลงอนงค์จนไม่ยอมพาหนึ่งไปหาความสุขกันเหมือนดังแต่ก่อน ตกเย็นก็ปล่อยให้หล่อนกลับบ้านเอง ส่วนตัวเขาก็ขับรถไปรับอนงค์ที่ป้ายรถเมล์หน้าที่ทํางานของหล่อน
          เขามักพาหล่อนไปหาความสุขกันในม่านรูด ซึ่งอนงค์ก็ชื่นชอบนัก ด้วยลําหักลำโค่นของตั้มถูกใจเป็นพิเศษ เขาเป็นตัวแทนของอาแปะได้อย่างสบาย ต่างกันที่เขาหนุ่มกว่า แข็งแรงกว่า เนื้อหนังมังสา มัดกล้ามของชายหนุ่ม มันย่อมจะให้ความรู้สึกที่ร้อนซ่านมากกว่าเนื้อตัวของชายสูงอายุ
          ลีลาเรียวลิ้นก็ใช้ได้ และบอกกันได้ว่าต้องการให้ไล้เลียนานมากน้อยแค่ไหน หรือจะให้ชอนไชหนักหน่วง ...ก็สามารถพูดจากันอย่างสบายๆ อีกทั้งการเล่นท่าของตั้มก็ถือได้ว่าใช้ได้ดีทีเดียว เขาทําให้อนงค์ส่งเสียงครวญครางอย่างไม่เป็นภาษาคน
          เครื่องเคราของเขามันแกร่งนัก เหมือนหินเลยทีเดียว แถมตรงส่วนหัวก็ไม่ต่างจากดอกเห็ดหัวโตๆ อย่างนี้แหละมันยอดเยี่ยม สอดเข้าไปเคลื่อนเข้าเคลื่อนออก จะให้ความรู้สึกดีนัก หัวบานจะครูดเสียดสีกับผนังช่องเนื้ออ่อนนุ่ม อันซ่อนปุ่มเสียวเอาไว้มากมายที่ภายใน ก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกซ่านทรวงถึงเนื้อในดียิ่งนัก
          เส้นเอ็นที่ปูดโปนตามลําเนื้อลําตัวนั้นก็เป็นของดี มองมันแล้วก็ช่วยให้ตื่นเต้น ด้วยความเขม็งเกร็งของมัน และเส้นเอ็นนั้นก็ช่วยเสริมเสียวในยามเสียดสีกับกลีบเนื้อทั้งสองกลีบได้เป็นอย่างดี

          อนงค์ระงับใจตัวเองไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าการกระทําอย่างนั้น มันไม่ค่อยดีสักเท่าไร ในสายตาของคนอื่น
          แต่หล่อนก็ไม่เคยให้ใครได้รู้เรื่องนี้ มีแต่ก็ตั้มลําพังสองคน หล่อนหลีกเลี่ยงการไปนั่งร้านอาหาร ก่อนที่จะเข้าโรงแรมเพราะไม่อยากให้ใครมาเห็น หรือถ้าจะไปนั่งดื่มกันก่อน ก็ต้องเลือกที่มีห้องหับอย่างดี และอยู่ในมุมที่มองเห็นยากอยู่สักหน่อย โดยส่วนใหญ่แล้วหล่อนกับตั้มจะเข้าไปดื่มกันในห้องโรงแรมมากกว่า เบียร์ช่วยให้สนุกมากขึ้น ที่เข้าห้อง ไม่ใช่ว่าตั้งใจไปดื่มเบียร์ แต่ตั้งใจไปเสพสุข จึงทําให้ในบางครั้งก็แก้ผ้าจนล่อนจ้อน แล้วดื่มเบียร์กันมันเร้าใจดีนัก เปิดหนังเอ็กซ์ชําเลืองมองกันไปด้วยก็ยิ่งช่วยให้อารมณ์สวาทร้อนแรงเหมือนไฟสุม ดื่มไปดูหนังเอ็กซ์ไป ลูบไล้ล้วงลึกเล้าโลมกันไปด้วยในระหว่างที่ดื่ม นมอวบของหล่อน ตั้มชอบลูบคลําและเคล้นหนักหน่วง ...นูนโคกใหญ่อล่างฉ่าง มือของเขาก็ชอบตะปบเคล้าคลึง เขาคลึงฝ่ามือลงบนนูนเนื้อได้อย่างเร้าใจดีนัก และนิ้วของเขาก็ชอบที่จะกดผ่านรอยผ่าลงไปฝังตัวอยู่ข้างใน คว้านเรียวนิ้วในช่องเนื้อฉ่ำๆ ก็ทําให้หล่อนเสียวจนซี้ดปากไม่หยุดหย่อน
          แล้วเขาก็จะให้หล่อนนั่งอ้าซ่าที่ขอบเตียง ตัวเขาเองคุกเข่าลงเบื้องหน้า ก้มลงไปชิวหาเริ่มปฏิบัติงานสําคัญกับร่องสาวของหล่อน บางครั้งเลื่อนใบหน้าขึ้นมาปากดูดลิ้นเลียหัวนม กวาดลิ้นเลียสองเต้าและร่องอกขาวๆ บางทีจูบไซ้ขึ้นไปถึงซอกคอซอกหู และดูดปากเอาลิ้นพันกัน แล้วจากนั้นเขาก็จะเลื่อนลงต่ำ หยุดลงที่ร่องสาวอีก
          เขาชอบตรงนั้นมากที่สุด เขาชอบเล่นลิ้นกับร่องฉ่ำ เขาจะง่วนอยู่เหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ เขาไม่ใช่เด็ก เด็กอะไรตอเนื้อยาวใหญ่น่ากลัวนัก และหล่อนก็ชอบมันเสียด้วย ไม่ว่าจะลูบคลํา หรือกระทอกมันเล่น ก็ทําให้เกิดความรู้สึกร้อนซ่านทั้งนั้น ถ้ามีโอกาสเมื่อใด ก็จะไม่ปล่อยมือให้ว่าง จะต้องเอื้อมควานหาของเขามากุมเอาไว้
          ไม่ได้กุมเปล่า รูดมันด้วย เขาชอบให้รูด แต่เขามักจะทนไม่ค่อยได้ร้องโอ้กเสียทุกที กลัวตัวเองระเบิดน้ำออกมาก่อนเวลาอันสมควร เขาเสียดายไม่อยากให้มันแตกนอกหลุมเนื้อสวาทของหล่อน
          โดนรูดเขามักร้อง แต่ถ้าโดนดูดด้วยปากของหล่อนแล้วละก้อ... เขามักจะครางไม่เป็นส่ำ เขาบอกว่าเสียว และกลัวทํานบน้ำพังทลาย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ชอบให้หล่อนออรัลให้
          เขาชมเปาะ ไม่เคยมีใครทําอย่างนี้ได้เอร็ดเหมือนอย่างหล่อนเลย อนงค์ชื่นใจที่เขาชม หล่อนรู้เขาไม่ได้แกล้งพูด เพราะหล่อนเชื่อว่าฝีปากหล่อนไม่เบาเลย ขนาดอาแปะยังครางอู้วว์เหมือนจะขาดใจ
          ตรงขอบๆหัวสากที่มันบานเป็นปีกเหมือนกับดอกเห็ด ตรงนั้นแหละที่ผู้ชายชอบให้เอาลิ้นดุนๆ เพราะมันเสียว หล่อนรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ อาแปะยังไงล่ะ บอกให้ว่าต้องทํายังงั้น
          ลําพังดูดเฉยๆโดยไม่เอาลิ้นเข้าร่วมช่วยด้วยก็จะไม่มันส์... ต้องดูดด้วยและมีลิ้นเข้าร่วมจึงจะสนุก เอาลิ้นนั่นแหละพันๆ พัวๆ รัวใส่ลําแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ส่วนหัวสากบานโต ความเสียวทั้งหมดมันรวมอยู่ตรงนั้น

          หลังจากปลุกเสียวกันจนซ่านแล้ว ก็ถึงคราจะต้องร่วมอภิรมย์สมสู่กันเยี่ยงมนุษย์ผู้เจริญ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะขอยืมท่าสัตว์สี่เท้ามาใช้ นั่นคือเล่นกันทางข้างหลัง มันสนุกดี อนงค์ชอบ ตั้มก็นิยม ก็จึงมักเล่นกันเสมอๆ แม้เป็นคนก็ตาม ก็เล่นท่านั้นกันได้ และเล่นกันได้ดีเสียด้วย กระแทกกระทั้นกันจนบั้นท้ายสะท้าน เนื้อตัวสั่นไหว นมโยนตัวไปมาก็ยังใส่กันไม่ยั้ง
          ...เพราะเข้าขากันอย่างดีนี่แหละ จึงทําให้ติดเนื้อต้องใจกันนัก จนต้องแอบไปเย่อกันเกือบทุกเย็น มีบางวันเท่านั้นที่ตั้มจะขอตัวว่างเว้นเสียบ้าง ขับรถไปส่งหนึ่งถึงหน้าบ้าน แต่บางทีเขาก็แวะรับอนงค์กลับบ้านด้วยกัน เขาฉลาดพอที่จะไม่แสดงอะไรออกมาให้หนึ่งเห็น และอนงค์เองก็วางตัวเป็นแม่ของหนึ่งอย่างเรียบร้อย
          ...อนงค์เคยพูดกับตั้มว่า หล่อนอยากรู้เขามีความสามารถสักขนาดไหน จะทําให้ลูกสาวหล่อนมี ความสุขได้หรือไม่ หล่อนไม่อยากให้ลูกสาวผิดหวังหลังจากแต่งงานกันไปแล้ว เรื่องบนเตียงเป็นปัจจัยหนึ่งที่สําคัญ เพราะมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของการครองคู่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา
          แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ตั้มถามอนงค์อย่างนี้ หล่อนก็ต้องยกนิ้วให้ ...ถึงไม่พูดเขาก็น่าจะรู้ว่าหล่อนหมายถึงอะไร มันเป็นคําตอบที่ทําให้ตั้มปลาบปลื้มใจนัก เขาทําให้ว่าที่แม่ยายติดใจ แล้วลูกสาวทําไมจะไม่มีความสุขล่ะ
          “ยังงี้แล้วก็คงจะไม่ขัดข้องที่จะยกลูกสาวให้ผมใช่ไหมครับคุณแม่”
          ตั้มถามอย่างทะเล้นหยอกเอิน ว่าที่แม่ยายค้อน ในขณะที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงในม่านรูด
          “ไม่ขัดข้องหรอกจ้ะ แต่จะต้องให้ว่าที่แม่ยายคนนี้พิสูจน์ไปอีกสักระยะหนึ่งว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม”
          “อะไรกันครับ ของจริงหรือของปลอม”
          “อ้าว...ก็เก่งจริงๆ หรือเก่งหลอกๆน่ะซีจ๊ะ บางทีอาจจะเก่งหลอกๆ ก็ได้ พอนานไปก็ไม่เก่ง”
          “มียังงั้นด้วยหรือ”
          “มีซีจ๊ะ แกล้งเก่งยังไงล่ะ ใหม่ๆก็เก่ง ท่าโน้นท่านี้ทําได้ อึดมาก แต่พอนานวัน ก็ไม่ค่อยจะเก่งเสียแล้ว”

          ตั้มหัวเราะหึๆ  “สําหรับผม ไม่มียังงั้นหรอกครับ เก่งแล้วก็ต้องเก่งเลย ผมว่านะ...ที่เป็นยังงั้นตอนหลังๆ สงสัยว่าเขาจะเบื่อมากกว่านะ เขาหมดไฟละมั้ง หรือไม่ก็จําเจซ้ำซาก”
          “เบื่อของเก่าว่างั้นเถอะ”
          “นั่นคนอื่น แต่สําหรับผม ของยิ่งเก่ายิ่งดี ผมชอบของเก่า”
          “จะรู้ได้ไงจ๊ะ”
          “รู้ซีครับ ก็นี่ไง”
          ว่าแล้วเขาตะปบมือที่นูนเนื้อโคกใหญ่ของอนงค์ จึงทําให้หล่อนเข้าใจ เขาหมายถึงว่าตัวหล่อนเองนั่นแหละเป็นของเก่าที่ถูกใช้งานมาแล้ว เขายังชอบเลย เป็นการยืนยันว่าคนอย่างเขาชอบของเก่า

          อนงค์ค้อนขวับหนึ่ง จริงอยู่หล่อนเป็นของเก่าของคนอื่น แต่สําหรับเขา แต่สําหรับหล่อนเป็นของใหม่ต่างหากล่ะ
          “นี่ตั้ม ถามจริงๆเถอะนะจ๊ะ ทําไมชอบสาวใหญ่”
          ตั้มหัวเราะเพราะยังคิดอยู่ว่า จะบอกความจริงกับอนงค์ดีหรือไม่ มันเท่ากับเป็นการสารภาพเลยทีเดียว
          “อ้าว...ทําไมเงียบ มีอะไรปกปิด ที่ถามก็กลัวว่าจะทําให้หนึ่งเสียใจ ถ้าลงได้ตั้มชอบสาวใหญ่แล้ว หนึ่งไม่ใช่สาวใหญ่สักหน่อย มันจะเป็นยังไง จะอยู่กันได้หรือ”
          “อยู่กันไปหรืออยู่กันนานๆ หนึ่งก็จะเป็นสาวใหญ่เองแหละครับ”
          เขาตอบแล้วหัวเราะ อนงค์ค้อนอีกครั้ง ตอบวกวนนัก ไม่ยอมพูดความจริง หล่อนจึงซักไซ้คาดคั้นจนตั้มยอมสารภาพ
          “ผมเคยมีอะไรกับสาวใหญ่คนหนึ่ง เป็นครั้งแรกของผมเลย แต่เกือบตายไปเหมือนกัน ทีแรกนึกว่าเป็นแม่ม่าย ที่ไหนได้กลายเป็นแม่ม่ายผัวเผลอ แทบเอาตัวไม่รอด”
          อนงค์หัวเราะที่เขาสารภาพอย่างนั้น ...อย่างนี้นี่เองเจอะหน้าหล่อนครั้งแรกเขาจึงมองตะลึงตะลาน เพราะว่าหล่อนเป็นสาวใหญ่ที่เขาเคยมีความหลังกับสาววัยนี้มาก่อน
          “รูปร่างสวยเหมือนน้านี่แหละ หุ่นเดียวกันเลย ผิวพรรณก็เหมือนกัน ผมเห็นน้าทีแรกผมก็ชอบแล้ว แต่ก็กลัวๆอยู่เหมือนกัน กลัวอาแปะจะเล่นงานเอา”
          “อ้าว...แล้วตอนนี้ไม่กลัวแล้วหรือ”
          “กลัวอยู่เหมือนกัน”
          “แต่ฉันก็ไม่ใช่เป็นของเขาเสียทีเดียวนะจ๊ะ”
          ...ตั้มยิ้ม ดีแล้วที่อนงค์พูดอย่างนี้ก็แสดงว่าอาแปะไม่มีความหมายสักเท่าไร ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น เขาจะได้หาความสุขกับอนงค์ไปนานๆ นานเท่าไรก็น่าจะได้ ...ตราบใดที่อนงค์ยังไม่มีสามีเป็นตัวเป็นตนแน่นอน


          หนึ่งไม่ชอบท่าทีของตั้ม หล่อนไม่รู้ว่าเขาทําอะไรอยู่ แต่อย่างหนึ่งที่หล่อนต้องการคือ ...อยากให้เขาพาไปกราบพ่อแม่ของเขา ตามที่เคยพูดกันเอาไว้ในที่ทํางานวันนั้น หล่อนจึงเอ่ยกับเขา
          “หนึ่งจะไปหรือจ๊ะ”
          “คิดว่าควรจะไปนะ ถึงยังไงพี่ตั้มก็เคยรับปากเอาไว้แล้ว หนึ่งเองก็อยากจะไปกราบท่านทั้งสอง”
          ตั้มรู้ว่าเขาจริงใจที่รักใคร่หนึ่ง เขายินดีพาหล่อนไปหาพ่อแม่ จึงพยักหน้าตกลง และเย็นนั้นเลยทีเดียวที่เขาพาหนึ่งไปกราบพ่อแม่ แนะนําว่านี่คือคนรักของเขา ทําให้หนึ่งอายจนหน้าร้อนผะผ่าว และมั่นใจในตัวตั้มเพิ่มมากขึ้น
          พ่อแม่ของตั้มต่างมองหนึ่งว่าเป็นเด็กเรียบร้อยและน่ารัก ทั้งสองไม่มีอะไรขัดข้อง เรื่องอย่างนี้ตามใจลูกชายอยู่แล้ว แต่งงานกันไป พ่อแม่ได้ไปอยู่ด้วย เขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมรัก ถ้าเขาเข้ากันได้ ก็ไม่มีปัญหา ถ้าไปเลือกให้เขาแล้วอยู่กันไม่ได้ มันก็จะเป็นผลร้ายติดตามมาในภายหลัง
          “ทํางานอยู่ด้วยกันหรือจ๊ะหนู”
          แม่ของตั้มเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ หนึ่งยิ้มแล้วตอบไป ยังเขินอายอยู่บ้าง แต่ไม่มากเหมือนตอนแรก
          “ค่ะ...พี่ตั้มเขาทําอยู่ก่อน หนึ่งเข้าไปทีหลัง”
          การที่ได้ไปกราบพ่อแม่ของตั้มทําให้หนึ่งสบายใจ อย่างนี้แล้วก็แสดงว่าตั้มจริงใจต่อหล่อน ทั้งหมดที่หล่อนเคยระแวง คงเพราะคิดมากไปเอง เขาห่างเหินหล่อนไปบ้าง นั่นก็เพราะเขามีกิจธุระจําเป็นจริง ๆ


          อาแปะไม่ว่างมาหาอนงค์ นั่นก็เพราะมัวแต่พาลูกหนี้ไปคิดดอกกันในโรงแรมมีคิวยาวทีเดียว ที่เคยพาไปคิดดอกมาแล้วก็ติดใจ อยากให้คิดอีกบ่อยๆ แถมแช่งด่าผัวที่บ้านให้ฟังเสียอีก ว่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว พวกนกกระจอก ไม่ทันหายคันก็ดันปล่อยน้ำทะลักออกมาแล้ว
          “ไม่อยากจะนอนกะแม่งมันแล้ว”
          บางคนสบถออกมาอย่างหยาบคาย หลังจากได้ลิ้มรสสวาทอันถึงใจของอาแปะเข้าไปอย่างอิ่มหนําสําราญร่องหลืบลับเร้น
          บางคนอยากจะอยู่กับอาแปะอย่างถาวร จะเอาอาแปะเป็นผัว อาแปะต้องโบกมือ ไม่อยากมีเรื่อง และขี้เกียจเป็นภาระ พอได้ครอบครองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเข้าแล้ว ผู้หญิงก็คือผู้หญิงใจแคบ ไม่ยอมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้คนอื่น จะยึดครองเสียคนเดียว อาแปะไม่ชอบแบบนี้ ....คนอย่างอาแปะต้องไปเรื่อยๆ เรื่องบนเตียงเป็นชีวิตแห่งความสุขของอาแปะ

          เรื่องเซ็กซ์ถือเป็นยาขนานหนึ่ง มันช่วยให้กระชุ่มกระชวยไม่เหี่ยวเฉา มันทําให้คึกเลือดลมฉีดแรง และให้ความรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นหนุ่มแน่น ที่สําคัญมันส์อย่าบอกใคร
          หมู่นี้แทบไม่ได้นึกถึงอนงค์ อาแปะไม่กังวล คิดถึงก็โทรไปหาได้ไม่ยากแต่ยังไม่จําเป็น ของดียังมีอีกเพียบ
          มีอีกอย่างที่อาแปะชอบ นั่นคือเสี่ยงโชค แต่ไม่ใช่การพนัน หรือถ้าจะถือมันเป็นการพนันก็เป็นการพนันที่ถูกกฎหมาย โดยรัฐบาลเป็นเจ้ามือ นั่นคือล็อตเตอรี่ซื้องวดละหลายสิบใบ อีกทั้งใต้ดินก็แทงหนักมือด้วย ผลตอบแทนได้รับมาอาแปะพึงใจ
          คนอย่างเขาเป็นคนมีโชคในเรื่องเงินๆทองๆ มีโชคมีลาภอยู่บ่อยๆ เขาเคยถูกหวยห้างวดติดต่อกัน ทั้งหวยรัฐหวยราษฎร์ รับมางวดละหลายตังค์ทีเดียว เขาพูดอยู่เสมอๆ ว่า คนอย่างเขาชอบทั้งหวยชอบทั้งหอย

          อาแปะไม่ไปมาหาสู่ แต่ทําไมแม่กลับบ้านดึก หนึ่งสงสัยอยู่เหมือนกัน หล่อนชักเข้าใจว่า แม่คงจะมีผู้ชายคนใหม่ มันมีแนวโน้มเป็นอย่างนั้น เพราะดูแม่อารมณ์ดีอยู่เสมอ บางทีฮัมเพลงในห้องน้ำ
          แม้ว่าหน้าตาแม่ออกเพลียไปบ้าง แต่มองโดยรวมแล้วแม่มีความสุข ใครกันหนอเป็นผู้ชายคนใหม่ของแม่
          บังเอิญเหลือเกินที่คืนนั้น หนึ่งตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แล้วแม่กลับมาพอดี มีใครคนหนึ่งขับรถมาส่ง หนึ่งมองเห็นรถคันนั้นไวๆ มันช่างเหมือนกับรถส่วนตัวของตั้ม สีแดงที่คุ้นตา แม้แต่เสียงเครื่องยนต์ก็คุ้นหู แต่มันจากไปแล้ว และแม่ก็เข้ามาในบ้าน
          หนึ่งรีบหนีเข้าห้องนอน ไม่อยากให้แม่รู้ว่าหล่อนตื่นมาพอดี และได้เห็นว่ารถยนต์คันนั้นไม่ใช่ของอาแปะ
          ด้วยความสงสัยสังหรณ์ใจบางอย่าง ทําให้คืนต่อมา หนึ่งคอยแอบดูว่าแม่จะกลับมาเมื่อไหร่ ใจเต้นระทึกพอสมควร พอเสียงรถแล่นมาจอด หนึ่งก็รีบเข้าไปในห้องแม่ แอบดูโดยมองผ่านหน้าต่างชั้นบนลงไป ก็ได้เห็นว่ารถยนต์ส่วนตัวสีแดงคันนั้น สีและยี่ห้อเดียวรุ่นเดียวกับรถของตั้ม และเมื่อเขาคนนั้นลงมาจากรถ มาส่งแม่ถึงประตูรั้วบ้าน หนึ่งก็ตัวชาไปตลอดยืนนิ่งขึงเหมือนโดนตรึง
          ตั้มนั่นเอง!!
          นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ท่าทางสนิทสนมกัน จับมือถือแขนแม่ของหล่อนด้วย หนึ่งอยากคิดว่ามันเป็นความฝัน หยิกตัวเองก็เจ็บ มันไม่ใช่ฝันเป็นความจริงทุกอย่าง แม่ของหล่อนกับแฟนหนุ่มของหล่อน เขามีอะไรกัน
          แม่เข้าบ้าน ตั้มจากไป หนึ่งผลุนผลันออกจากห้องแม่ เข้าห้องนอนตัวเอง เหลือบมองนุชผู้เป็นน้องสาว นุชหลับสบาย
          หนึ่งน้ำตาซึม มันอะไรกัน หรือมีใครที่เหมือนตั้ม แต่มันเป็นไปไม่ได้ ชุดที่เขาสวมก็คือชุดที่เขาใส่ไปทํางานวันนี้ มันจะเป็นคนอื่นไปได้อย่างไรกันล่ะ มันแน่ชัดอยู่แล้ว เขาสองคนไปไหนกันมา หล่อนจะต้องรู้ให้ได้

          เลิกงานวันต่อมา หนึ่งจึงต้องทําตนเป็นคนสอดรู้สอดเห็น ตั้มไม่ไปส่งหล่อนที่บ้าน เขาอ้างไม่ว่าง พอเขาขับรถออกจากบริษัท หนึ่งจึงเรียกแท็กซี่ให้ตามไป สะกดรอยดูว่าเขาไปไหน
          ปรากฏว่าเขาไปรับแม่ของหนึ่งที่หน้าบริษัท แล้วพาไปเข้าโรงแรมม่านรูดใกล้ๆกันนั้น หนึ่งนั่งตัวแข็งทื่อ จนโชเฟอร์ถามว่าจะให้ตามเข้าไปไหม หล่อนจึงรู้สึกตัว
          “เอ้อ...ไม่ต้องหรอก ขับไปเลย”
          หล่อนกลับบ้านอย่างเลื่อนลอย จนนุชสงสัยพี่สาวเป็นอะไรไป ใจคอไม่อยู่กับเนื้อตัว มาถึงบ้านแล้วก็นั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา
          “เป็นอะไรไปหรือจ๊ะพี่หนึ่ง ไม่สบายหรือเปล่า”
          ถามอย่างนั้นแล้ว หนึ่งยังไม่รู้สึกตัว นุชต้องเข้าใกล้ๆ และถามซ้ำอีกครั้ง พี่สาวจึงตื่นจากภวังค์
          “หา!  อะไรนะ”
          “พี่เป็นอะไรไปจ๊ะ”
          “เปล่า-เปล่านี่”
          ตอบน้องแล้ว หนึ่งรีบขึ้นชั้นบน เข้าห้องปิดประตู แล้วหล่อนก็ทิ้งร่างลงบนที่นอน ซบหน้ากับหมอนร้องไห้อย่างหนัก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น