วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สามีที่รัก ตอนที่ 14 เพื่อนใหม่


        ดิฉันเริ่มได้มาทำงานแทนสามีที่ออฟฟิตอยู่เป็นระยะ  เมื่อพี่กรต้องออกไปที่ชะอำในวันศุกร์-อาทิตย์บ่อยครั้ง  จนบางครั้งไม่ได้กลับมานอนบ้าน  พี่กรบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงเร่งการปรับปรุงซ่อมแซมที่พัก  ก็เลยต้องผลัดกันไปดูแลกับพี่แคทและแฟนของเธอ  เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยก็คงไม่ได้ค้างที่ชะอำบ่อยครั้งอย่างนี้อีกแล้ว  ทำให้ระยะหลังๆ ดิฉันก็เหินห่างจากสามี   วันไหนที่เขาไม่อยู่บ้าน  ดิฉันเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้   ราวกับว่าไร้ที่พึ่ง  มันโหวงเหวงวังเวงจนบรรยายไม่ถูก  มันก็แปลกเหมือนกันนะคะ  ก่อนแต่งงานดิฉันก็อยู่คนเดียว  ถึงจะมีพ่อแม่  พี่ชายอยู่พร้อมหน้าในบ้านหลังเดียวกัน  แต่ดิฉันก็นอนแยกห้องเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว  ก็ไม่เห็นทุกข์ร้อนอะไร   แต่ครั้นแต่งงานมีสามีเป็นตัวตน  ยามเขาไม่อยู่กลับรู้สึกว่ามันเหงาอ้างว้างเสียเหลือเกิน  นี่ดิฉันคิดถึงเขามากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย  ทำไมต้องเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้  ดิฉันพยายามจะไม่คิดอะไร  เพราะเข้าใจดีว่าเขาต้องทำงาน  เราเป็นภรรยาก็ต้องมีหน้าที่คอยส่งเสริมเป็นกำลังใจให้ในสิ่งที่สามีจะมีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน   แต่ก็ทำใจได้ยากที่จะไม่คิดถึงเขา  ก็คนมันรักนี่คะ  ดิฉันก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงทั้งหลายที่มีคนรักคนคอยห่วงใยจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า  ใครๆ อาจจะว่าดิฉันโอเวอร์ก็ยอมรับละคะ   จนมาวันหนึ่ง   เป็นวันที่พี่กรจะต้องไปชะอำตามกำหนด ซึ่งก่อนหน้านี้พี่กรก็ไม่ได้มานอนที่บ้านมา 2 วันแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ไปใหญ่   ดิฉันก็พยายามทำใจไว้ล่วงหน้า พยายามยอมรับความรู้สึกเหงาเปล่าเปลี่ยว  เพราะเราคงต้องเจอแบบนี้ในวันข้างหน้าต่อไปอย่างแน่นอน  คงไม่มีคู่ผัวตัวเมียคู่ไหนที่จะไม่เคยเหินห่างกันเลย

        “วันนี้อ้อยเตรียมจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยเลยนะ  เราจะแวะไปที่โรงงานแป้บเดียว  แล้วก็ออกเดินทางไปพักค้างคืนกันที่ชะอำกันเลย   อ้อยยังไม่เคยไปเลยใช่ไหม  พี่อยากให้อ้อยได้พักผ่อนบ้าง  ช่วงนี้เห็นทำงานแทนพี่จนดูโทรมๆ ยังไงก็ไม่รู้”
        “ให้อ้อยไปด้วยเหรอค่ะ”
        ดิฉันถามอย่างไม่แน่ใจ  ทั้งที่ในใจลิงโลด  จะไม่ให้ดีใจอย่างไรละคะ เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ที่ได้เห็นหน้าสามีแค่ช่วงกลับมาจากทำงาน  บางทีเขากลับมาเหนื่อยๆ เขาก็อ่อนเพลียหมดแรงหลับไปเสียแล้ว  โอกาสได้พูดคุยเห็นหน้ากันก็แค่ตอนเช้าที่เขาจะตื่นมาวอร์มร่างกายประจำก่อนทานอาหารเช้าและไปทำงาน  ยิ่งช่วงหลังๆ  เขาไม่อยู่บ้านแทบจะเจอหน้ากันนับครั้งได้   นี่ก็สองวันติดแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลย  เขาเพิ่งจะออกจากโรงงานมาบ้านในตอนเช้าเนื่องจากมีการสั่งเครื่องจักรตัวใหม่เข้ามาติดตั้งในโรงงาน  และสินค้าก็มาถึงในตอนดึก
        “อื้มม.....พี่จะได้พาไปรู้จักแนะนำกับหุ้นส่วนของเราอย่างเป็นทางการ  อยากให้อ้อยได้ออกไปสูดอากาศชายทะเลให้สดชื่นบ้าง  เอ..หรือไม่อยากไป”
        “ไม่อยากไปค่ะ”   ดิฉันระริกระรี้กอดเขาแล้วก็เขย่งตัวขึ้นหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ แล้วก็รีบจัดแจงกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยด้วยอาการลิงโลดอย่างไม่มีการเก็บอาการเลย  พี่กรถึงกับหัวเราะร่า
        “โอ้โห  คนไม่อยากไป  รีบจัดกระเป๋าซะอย่างไว  ตื่นเต้นอะไรนักหนาเนี่ย”   พี่กรตามมานั่งกอดข้างๆ หลังจากที่ดิฉันจัดกระเป๋าเสร็จในเวลาเพียงไม่กี่นาที
        “ก็....อ้อยอยากไปเที่ยวทะเลบ้างนี่ค่ะ  ไม่ได้ไปนานมากแล้ว  และที่เคยไปก็มีแค่ระยอง กับบางแสนแค่นั้นเอง”    ดิฉันบอกเหตุผลไป แต่ไม่ทั้งหมด  ทั้งที่จริงมันมากกว่านั้นคือสามีชวนทั้งทีมีหรือจะไม่อยากไป  แค่ไม่เจอหน้าเขาสองวันติดก็คิดถึงจะแย่แล้วค่ะ
        “โอเค  งั้นพี่จะไม่ทำให้อ้อยผิดหวัง  จะพาไปเล่นน้ำทะเลให้ฉ่ำใจไปเลย”   เขากอดกระชับแนบหน้าเคล้าเคลียกับดิฉัน


        เมื่อเราสองคนเคลียร์และฝากงานที่โรงงานเสร็จในช่วงสายๆ  เราก็ออกเดินทางไปยังที่หมาย  ตั้งใจจะพากันไปทานข้าวเที่ยงข้างหน้า  ในใจดิฉันนั้นอยากไปให้ถึงไวๆ   เพราะนานแล้วไม่ได้ออกเที่ยว  ก็นับย้อนหลังไปเมื่อตอนยังเป็นนักศึกษาโน่นแหละค่ะ   ถึงจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบออกเที่ยวอะไรนัก  แต่นานๆ ได้ออกเที่ยวสักครั้งก็เป็นเรื่องตื่นเต้นไม่น้อย   ก่อนถึงที่หมายพี่กรก็พาแวะไปวัดอยู่สองสามแห่ง  ได้ไปไหว้พระทำบุญกันจนสบายใจแล้ว  จึงไปยังที่หมาย   พอไปถึงราวๆ เกือบบ่ายโมง   สถานที่นั้นอยู่ห่างจากชายหาดแค่ร้อยกว่าเมตรซึ่งเป็นบริเวณเชิงเขา มีภูเขาไล่ยาวเป็นทอดไปตามชายทะเล  และก็มีบ้านพักเรียงรายอยู่เกือบ 20 หลัง  แต่ละหลังขนาดกะทัดรัดถูกจัดแต่งได้อย่างสวยงามร่มรื่น ร่มไม้ใบบังครึ้มหนา  มีลมพัดมาจากทะเลอยู่ตลอดทำให้รู้สึกได้ถึงความชื่นฉ่ำเย็นสบาย  แต่บ้านที่เราจะมาพักอยู่เหนือถัดสูงขึ้นไปเกือบถึงยอดเขา  แยกออกเป็นส่วนเฉพาะ  ไม่ปนเปกับใคร  หลังใหญ่มีหลายห้องกว่าบ้านพักที่อยู่ชั้นล่าง ลักษณะจะเก่ากว่าด้วย  พอไปถึงก็พบพี่แคทที่มาถึงก่อนแล้ว อีกทั้งมีอีกสองชายหนึ่งหญิง  ชายคนหนึ่งดิฉันเดาว่าต้องเป็นแฟนพี่แคทแน่นอน ถึงจะยังไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนก็ตาม  เพราะใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่า  ชายหญิงอีกคู่ประมาณอายุน่าจะ 40 ขึ้น  พอดิฉันไปถึง  พี่แคทก็รี่มาหาก่อนใคร  ดิฉันพนมมือไหว้ส่งเสียงทักทายไปก่อน
        “สวัสดีค่ะ พี่แคท”
        “หวัดดีจ้าน้องอ้อย  ยินดีต้อนรับจ้า  ทำไมมาช้าจัง  ไหนบอกจะออกมาตอนสาย  นี่นายกรพาแวะที่ไหนบ้างหรือเปล่าเนี่ย  มาถึงเอาป่านนี้  ที่จริงน่าจะมาถึงตั้งแต่เที่ยงแล้วนะ   มานี่ขอกอดหน่อย  ไม่ได้เจอหน้านานล่ะ”
        “อ่อ  เราแวะไปทำบุญไหว้พระหลายวัดค่ะ  ไม่ได้รีบร้อน  ขับรถแวะเที่ยวชมหลายที่คะ  โอว...  ที่นี่อากาศเย็นยังกะติดแอร์เลยนะคะ  น่าอยู่จังเลย”
        “น่าอยู่ก็มาได้ทุกเมื่อแหละจ๊ะ  ก็นี่เป็นเหมือนบ้านน้องอ้อยส่วนหนึ่งนะ  อย่าลืมสิว่าเราเป็นหุ้นส่วนกัน บ้านหลังนี้เป็นที่พักเฉพาะของพวกเราเท่านั้น  ไปเถอะ  เอากระเป๋าเข้าบ้านดีกว่า  เดี๋ยวจะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก”

        พอเข้าไปในบ้าน  พี่แคทก็แนะนำดิฉันให้ทุกคนได้รู้จักและทักทาย ส่วนพี่กรนั้นทุกคนรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มที่หน้าตาอ่อนเยาว์ชื่อปรเมศร์ เป็นแฟนพี่แคทอย่างที่ดิฉันเดาไว้  อีกคู่เป็นสามีภรรยาซึ่งเป็นผู้ริเริ่มชักชวนพี่แคทกับพี่กรมาร่วมหุ้นกันทำรีสอร์ทที่นี่  ผู้ชายชื่อ เกรียงไกร ภรรยาชื่อนารีรัตน์  ดิฉันก็ได้ทราบเพิ่มว่าทั้งคู่เป็นรุ่นพี่สถาบันเดียวกันกับพี่กรและพี่แคทในต่างประเทศ   จึงไม่แปลกใจเลยว่าพี่แคทกับพี่กรจึงดูสนิทสนมเป็นกันเองกับทั้งคู่อย่างดี  ทั้งๆ ที่วัยก็ห่างกันพอควร คุณเกรียงไกรกับคุณนารีรัตน์  อายุก็ 45 ไปแล้ว  แต่ที่แปลกใจคือแฟนพี่แคทที่ดูหน้าตายังอ่อนเยาว์น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับดิฉัน  รูปร่างสูงโปร่งพอๆ กับพี่กร ต่างกันตรงที่พี่กรจะหนากำยำ  ผิวเข้มกว่า  คุณปรเมศร์นั้นหน้าตาเกลี้ยงเกลาผ่องใส ผิวขาวเกือบพอๆ กับพี่แคทที่ขาวกว่าใครในบรรดาสมาชิก 6 คนของเรา  หน้าตาคุณปรเมศร์นั้นเรียกได้ว่าหล่อหวานใสราวกับพระเอกหนัง  หากเทียบกับพี่กรอาจจะคนละขั้ว  พี่กรน่าจะตัวผู้ร้ายมากกว่า เพราะตาขรึมดุถ้าหากเขานิ่งๆ  ถ้ายิ้มแย้มค่อยดูสดชื่นขึ้นมาหน่อย  แต่สำหรับดิฉันแล้ว ยังไงๆ เขาก็เป็นพระเอกในดวงใจดิฉันอยู่ดี  คงไม่มีใครมองสามีตัวเองเป็นตัวโกงเป็นผู้ร้ายหรอกค่ะ   จริงมั้ย....

        เมื่อเราทักทายจนดิฉันเริ่มเป็นกันเองกับทุกๆ คน  แล้ว  กลุ่มฝ่ายชายก็ตามนิสัยคะ  พากันวกมาคุยเรื่องธุระการงาน  พี่นารีรัตน์จึงตัดบทชวนกลุ่มเราฝ่ายหญิง 3 คน
        “ไปเถอะสาวๆ  ปล่อยหนุ่มๆ เขาคุยกัน  เราไปคุยกันที่ห้องน้องอ้อยดีกว่า  ป่ะ  น้องอ้อยพี่จะพาเอาของไปเก็บที่ห้อง แล้วก็คุยกันประสาเรา”  
เมื่อคุณนารีรัตน์  พาไปที่ห้องก็ได้เห็นว่าได้ถูกจัดสัดส่วนไว้อย่างดีแล้ว  ห้องถูกจัดไว้ 3 ห้องเรียงกัน  ห้องดิฉันกับพี่กรอยู่กลางระหว่างห้องของอีก 2 คู่  ถึงจะไม่กว้างนักแต่ก็ดูเป็นระเบียบสะอาดตา สิ่งอำนวยความสะดวกก็แทบจะพร้อม ยกเว้นไม่มีห้องน้ำในตัว  ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของพวกเราแค่ไม่กี่ก้าวจากหน้าประตู  พี่นารีรัตน์กับพี่แคทช่วยดิฉันจัดเก็บของเครื่องใช้ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีมากมายอะไร
        “น้องแคท  ถ้าไม่บอกแนะนำน้องอ้อยให้รู้จักล่วงหน้าไว้ก่อนนะ  พี่คิดยังคิดว่ามีดารานางแบบมาพักบ้านเราด้วยนะเนี่ย  น้องอ้อยนี่สวยอ่อนหวานน่ารักจัง  พี่ก็ไม่แปลกใจแล้วที่น้องแคทเคยเล่าให้ฟังว่าน้องกรหลงรักเมียยิ่งกว่าอะไร”   พี่นารีรัตน์กล่าวชม ทำเอาดิฉันก็ชักเขิน  ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสวยสักนิด  ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง  แต่เมื่อได้ยินคำชมบ่อยๆ  มันก็เขินเหมือนกัน
        “นี่แหละคะพี่นา เมียตัวจริงตัวเป็นๆ ของตากรเขาล่ะ  ที่แคทเคยเล่าให้ฟัง  วันนี้มาให้ยลโฉมถึงที่นี่แล้ว”
        “แหม..พี่แคทก็  เล่นชมกันแบบนี้  อ้อยก็แย่สิคะ  พี่แคทกับพี่นาก็สวยกันทุกคนแหละคะ”
        “โอ้ยย... อย่างพี่มันหนังหย่อนยานไม่เหลือความสวยอะไรแล้วจ้า  ไม่ต้องมาชมพี่หรอก  เนี่ย  พรุ่งนี้ที่พวกเราจะออกไปเที่ยวชายหาดกัน  พี่ยังไม่มั่นใจว่าจะใส่ชุดว่ายน้ำแบบไหนดี ผอมแห้งอย่างนี้กลัวใส่แล้วไม่สวย  น้องแคทพอแนะนำได้มั้ย”  พี่นารีรัตน์หันไปถามพี่แคท  แต่ทำดิฉันชะงักงัน
        “ว่าไงนะคะ   พวกเราจะใส่ชุดว่ายน้ำเหรอค่ะ   เอ่อ  อ้อยขอไม่ใส่ได้มั้ยคะ”
        “ได้ยังไง  น้องรัก  ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว  มีความสวยก็ต้องอวดกันบ้างสิจ๊ะ  อายอะไร  ใครๆ เขาก็ใส่กันทั้งนั้น   หุ่นอย่างน้องอ้อยเนี่ย  ใส่ชุดไหนก็ดูสวยหมดแหละ  เอ...หรือจะให้เป็นบิกินี่ทีแบ๊คไปเลย ดีมั้ยค่ะ พี่นา ฮิๆๆๆ  ส่วนของพี่นาเอาแบบทูพีชธรรมดาก็น่าจะได้  พี่ภาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนี่นา  หุ่นเพรียวบางอย่างนี้ ยังไงก็สวย”
        “โอยย... คนแก่อย่างพี่มันคงไม่มีอะไรไปอวดเขาแล้วละจ้า..  แต่ก็อยากใส่บ้าง  อยากย้อนวัยหน่อย  ฮิๆๆ... อืมม...แล้วแคทล่ะ   พี่ว่านะ  ถ้าน้องแคทใส่บิกินี่ไปเดินชายหาด  หนุ่มใหญ่น้อยได้มองน้ำลายหกแน่ๆ”
ก็จริงอย่างพี่นาว่าแหละค่ะ  พี่แคทหุ่นอวบอัด  หน้าอกใหญ่เต่งตึง  สะโพกผายกลมรับส่วนกับเอวคอดลำตัวยาว ถึงแม้จะดูออกเจ้าเนื้อนิดหน่อย และช่วงขาที่ขาวอวบเรียวยาวกว่าใคร ที่สำคัญคือหน้าตาก็เป็นลูกครึ่งใบหน้าอวบเต็มสวยเย้ายวน  ผิวขาวอมชมพูเนียนเตะตา  เรียกได้เต็มปากว่าเธอเป็น “เซ็กส์ซิมโบล”  ตัวจริงเลยทีเดียว
        “งั้นเดี๋ยวแคทจะเอามาลองกันนะคะพี่นา  แคทเอามาหลายชุดให้เลือกกัน  น้องอ้อยต้องใส่ด้วยนะจ๊ะ   ห้ามอิดออด”
        ดิฉันได้แต่นิ่งงัน  ไม่รู้มาก่อนว่าพี่ๆ ทั้งสองเขาได้นัดแนะอะไรกันล่วงหน้าแล้ว  นึกถึงตอนที่จะใส่ชุดว่ายน้ำแล้วก็ทำดิฉันหน้าร้อนผะผ่าว  ก็ดิฉันเคยใส่ที่ไหนกัน อย่าว่าแต่ทูพีชเลยค่ะ  สายเดี่ยวเอวลอยยังไม่ค่อยจะกล้าที่จะใส่ออกที่สาธารณะด้วยซ้ำ  ที่เคยไปเที่ยวทะเลก่อนโน้น อย่างมากก็กางเกงขาสั้นที่เกือบปิดถึงเข่า และเสื้อยืด  ถึงกระนั้นยามเดินผ่านผู้ชายทั้งหลายที่พากันหันมองก็ยังรู้สึกอายแล้ว  แต่นี่จะให้ใส่บิกินี่  โอยยย...ไม่อยากคิดเลยค่ะ   ก็ลองคิดดูสิคะว่าชุดนอนซีทรูยังต้องตัดสินใจตั้งนานถึงยอมใส่ให้สามีดูเพียงคนเดียว    เมื่อพี่แคทเดินกลับมาที่ห้องดิฉันพร้อมด้วยกระเป๋าใบย่อมๆ  นำมารูดซิบเปิดออก  ก็ปรากฏว่ามีชุดว่ายน้ำอยู่หลายชุดหลายแบบสีสัน   ต้องยอมรับค่ะว่าพี่แคทเธอเป็นกูรูเรื่องของความสวยความงาม  ไม่ว่าเธอจะสวมใส่ชุดอะไร  ดูเหมือนเธอจะเลือกสรรเครื่องแต่งกายได้เหมาะกับตัวเธอ ทำให้สวยและดูดี  ดูทันสมัยสวยงามทุกอย่าง  เมื่อนำชุดว่ายน้ำมาออกมาวางเรียงที่เตียงนอนดิฉัน  พี่แคทก็พยักหน้าชวนพี่นารีรัตน์  เพื่อที่จะลองชุดว่ายน้ำกัน  พี่นาเดินไปล้อคประตูห้องกลับมา  ก็จัดการถอดอาภรณ์ห่อหุ้มร่างกายออก  เล่นเอาดิฉันตะลึงไปเลยค่ะ  เพราะไม่คิดว่าพี่นาเธออายุอานามก็สูงวัยพอควร  แต่ก็ยังใจกล้า  ไม่เอียงอายเลยแม้แต่น้อย เปรี้ยวได้ใจ  รูปร่างพี่นาอาจจะดูผอมบาง ผิวสีน้ำผึ้ง  ตัวเล็กกว่าดิฉันพอควร  สัดส่วนเธอไม่ใหญ่โตอะไรมาก  แต่ก็ดูเพรียวสมส่วนแทบจะบอกว่าไม่น่าเชื่อที่เธออายุขนาดนี้ยังดูแลตัวเองให้อยู่ในรูปร่างที่ยังกระชับดูดี ผิวพรรณถึงจะไม่ขาว แต่ก็มีความเรียบเนียนเปล่งปลั่งน่าหลงใหลไม่น้อย  ส่วนพี่แคทไม่ต้องเอ่ยบรรยายอยู่แล้วค่ะ  กินขาดกว่าใครทุกคน  เพราะดิฉันเองก็เคยเห็นสัดส่วนทุกซอกทุกมุมมาแล้ว  ในห้องดิฉันตอนนี้มีดิฉันคนเดียวที่ยังนั่งตะลึงมองพี่ๆ ทั้งสองผลัดกันลองชุดว่ายน้ำอย่างไม่ได้สะทกสะท้านต่อดิฉันที่นั่งมองอยู่  ทำไมจะไม่ให้ตะลึงละคะ  ก็เล่นถอดหมดล่อนจ้อน  มองเห็นอะไรต่อมิอะไร  แล้วก็เลือกชุดนั้นชุดนี้มาลองโดยไม่มีเขินอายอะไรกันเลย
        “เอ้า....  น้องอ้อย  มัวนั่งอยู่ทำไมจ๊ะ  มานี่เลย  ไม่ต้องอายกันหรอก  ผู้หญิงด้วยกันแท้ๆ  มาสิ  มาเลือกดูว่าชุดไหนสวย”
        “อ่ะ....เอ่อ  ก็สวยทุกชุดแหละค่ะ  แต่ว่ามันไม่โป๊ไปหน่อยเหรอค่ะ พี่นา”  ดิฉันมองชุดที่วางเรียงอยู่ ก็ยังรู้สึกกระดากอย่างบอกไม่ถูก
        “อืม...ท่าทางน้องอ้อยจะไม่เคยใส่ชุดว่ายน้ำละมั้ง  พี่นา  ขนาดชุดนอนเซ็กซี่ แคทยังต้องจับปล้ำให้ใส่   เฮ้อ...เธอนี่น๊า...หุ่นก็สวยเพอร์เฟ็คเป็นนางแบบ  แต่ไม่ยักกะอยากอวดอยากโชว์  ขนาดใส่ให้แฟนดูยังจะไม่กล้า   มานี่เลยน้องอ้อย  ไม่ต้องอาย  ลองเลือกใส่ดู  พี่รับรองตากรได้เห็นต้องตะลึงตาค้างแน่ๆ”   พี่แคทคะยั้นคะยอดึงแขนดิฉันให้ลุกขึ้นพร้อมกับช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ดิฉันออก  ทั้งๆ ที่ดิฉันยังกระบิดกระบวนใจกล้าๆ กลัวๆ

        จนในที่สุด  ดิฉันก็เลือกชุดว่ายน้ำสีกลีบกุหลาบ มีลักษณะส้มอ่อนอมชมพู  มันดูสวยงามดีและมันก็ไม่ได้โป๊จนเกินไป  เป็นชุดบราห่อเต้าเกือบมิดชิด  มีสายเส้นเล็กๆ คาดไปด้านหลัง รั้งให้เต้ากลมของดิฉันอวดโฉมขึ้นมาให้เห็นเป็นเนื้อกลม ส่วนชิ้นล่างเป็นบิกินี่ที่มีมินิสเกิร์ตสวมทับอีกชั้น  ถึงมันจะปิดก้นได้แค่ไม่ถึงฝ่ามือ  มันก็ยังดีกว่าบิกินี่ที่พี่แคทเธอเลือกใส่  เพราะชุดนั้นเผยส่วนโค้งเว้าเนื้อสะโพกยั่วให้หนุ่มทั้งหลายหัวใจวายได้เลยแหละค่ะ  เพราะว่ามันแทบจะปิดแก้มก้นที่ผายกลมได้เกือบไม่มิด  ส่วนชุดของดิฉันยังพอปิดมิดชิดกว่า   พี่นาก็เลือกเป็นชุดทูพีชสีน้ำตาลอ่อนดูกลมกลืนกับสีผิวของเธอ  และช่วยให้ดูสวยเซ็กซี่กระชากวัยได้เยอะทีเดียว   พี่แคทมองมาที่ดิฉันสายตาเยิ้มทีเดียว
        “น้องอ้อยนี่  ชอบสีหวานๆ จริงๆ นะ  ดูสิ  สีนี้ทำให้ผิวน้องอ้อยขาวสวย  อ่อนหวานปนเซ็กซี่ดีจัง  พี่บอกแล้วว่าน้องอ้อยน่ะ เป็นพวกชอบปกปิดความสวย   เคยเห็นแต่ใส่เสื้อผ้ามิดชิดสวยหวาน  นี่ขนาดชุดว่ายน้ำยังเลือกแบบหวานๆ อยู่เลย   สวยน่ารักซะไม่มี  แบบนี้ตากรได้เห็น  พี่ว่าอดใจไม่ไหวแน่ๆ  พี่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดใจไม่ได้แล้วเนี่ย”  
        พี่แคทตาฉ่ำเยิ้ม  กล่าวชมดิฉันพร้อมกับเดินเข้ามาโอบประคอง  เล่นเอาใจดิฉันสั่นระรัว  พี่แคทเล่นมาบทนี้  ก็ไม่รู้เธอจะมาไม้เดิมหรือเปล่า  และตอนนี้ยิ่งอยู่ต่อหน้าพี่นา  ยิ่งทำให้ดิฉันหวาดหวั่นมากขึ้น  และแล้วมันก็เร็วเกินคาด  พี่แคทเข้ามานั่งข้างดิฉันโอบกระชับไหล่ดึงดิฉันเข้าแนบตัวเธอ  มืออีกข้างก็จับเชยคางดิฉันจ้องประสานตาอย่างที่เธอเคยทำมาแล้ว  ดิฉันไม่กล้าสบตาเธอเลย พยายามเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่พ้นเพราะเธอยังจับคางดิฉันตรึงไว้
        “น้องอ้อยสวยหวาน  น่ารักจริงๆ นะ  ใครได้อยู่ใกล้จะอดใจไหวมั้ยนี่  ขอทีเถอะ”
        สิ้นคำของเธอ  ก็โน้มหน้าเข้ามาประกบปากจูบทันที  เธอบดเบียดริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มประกบริมฝีปากดิฉัน  เธอไม่ได้จู่โจมรุนแรง  แต่ทำด้วยความนิ่มนวลแผ่วเบา  โดยไม่ได้เกรงว่าพี่นาก็ยังอยู่ร่วมห้องด้วยกัน  พี่แคทเริ่มกดใบหน้าหน้าเข้าบดเบียดกับดิฉันหนักขึ้นๆ  มือข้างหนึ่งก็จับรั้งคอดิฉันไว้ อีกข้างก็รั้งเอวแนบเข้าหา  อีกทั้งยังแอ่นอกอวบอัดเข้ามาแนบหน้าอกดิฉันอีก  ดิฉันตระหนกตกใจแต่ตั้งตัวอะไรไม่ทันเสียแล้ว  พี่แคทเริ่มรุกหนักเข้าด้วยการเริ่มสอดปลายลิ้นแทรกเข้าละเลียดริมฝีปากของดิฉันที่ยังเม้มสนิท หลับตาปี๋  พยายามจะเบือนหน้าหนี  แต่มันกลับเหมือนจะช่วยเสียดสีให้พี่แคทได้ใจมากขึ้นอีก  และแล้วก่อนที่ดิฉันจะได้กลั้นใจตายไปเสียก่อน  พี่แคทก็ถอนจูบออกปล่อยดิฉันเป็นอิสระ  มองหน้าดิฉันพร้อมหัวเราะชอบใจ
        “ตายแล้ว  น้องรัก  ตกใจขนาดนั้นเชียว   แหม..แต่พี่อดใจไม่ได้นี่นา  ดูทำหน้าแบบนี้ด้วยแล้ว  มันน่านัก”
ว่าพลางพี่แคทก็ยังมาหยิบหมับที่แก้มดิฉันหยอกเย้าเบาๆ   พี่นาที่นั่งตะลึงมองอยู่อีกข้างของดิฉันก็ขยับเข้ามาหา
        “แคท  เมื่อกี้เธอทำอะไรน้องเขาล่ะ  ดูสิ  น้องเขาปากสั่นไปหมด”
        “ก็มันอดไม่ได้นี่คะ  พี่นา  ดูสิ แก้มเปล่งเป็นผิวลูกท้อ  ตาเย้ายวนแบบนี้  เอาน่า...น้องอ้อยจ๋า  อย่าตกใจน๊า...มามะขวัญมา”  พี่แคทยังคงมาพรมจูบแก้มอีกยกใหญ่
        “พี่แคทไม่น่าทำแบบนี้เลยนะคะ  อ้อยตกใจหมดเลย  ไม่ทันตั้งตัวเลย”  ดิฉันยังพูดไปปากสั่นไป
        “อ๋อ..  ต้องรอให้ตั้งตัวก่อนช่ายมั้ยจ๊ะ  ที่รัก”  พี่แคทโน้มหน้ามาประชิดพูดเสียงแผ่วอยู่ใกล้หูดิฉัน
        “อ่ะ  เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นคะ  อ้อยหมายถึงเราไม่ควรทำแบบนี้นะคะ  จริงมั้ยคะ  พี่นา”  ดิฉันหันไปหาผู้ช่วย
        “อืมม...ไม่รู้สิ  พี่เห็นน้องแคททำเมื่อกี้พี่ดูแล้วมันก็... แบบว่า.. เอ่อ... ไม่รู้สิ  มันชวนวาบหวามดี”
        “ห่ะ...หา  พี่นาว่าไงนะคะ”  ดิฉันถึงกับไม่เชื่อหูตัวเองว่าพี่นาก็ยังเห็นดีงามไปด้วย
        “ฮ่ะๆๆ   นั่นไง  ขนาดพี่นาก็ยังเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียหายอะไรเลย  น้องอ้อยก็กลัวไปได้”   พี่แคทหัวเราะชอบใจ  พร้อมกอดปลอบประโลมดิฉัน  มือลูบไล้ตามไหล่ ต้นแขนเนียนทำเอาดิฉันขนลุกซู่ไปหมด
        “น้องแคทลองจูบน้องอ้อยอีกทีซิ  พี่อยากเห็นอีก  ผู้หญิงจูบผู้หญิง  มันน่าดูไปอีกแบบนะ  ชวนวาบหวิวดี”
        “อ่ะ .... พี่นา  แต่ว่า  พวกเรา เอ่อ...  สามีเราก็อยู่กันนะคะ”  ดิฉันแย้ง  ใจตุ้มๆ ต่อมๆ
        “ก็อย่าให้เขารู้สิ  พวกเราอยู่ตามประสาเรา  น้องอ้อยไม่ต้องกลัวหรอกนะ  ผัวพี่คงไม่ว่าอะไรหรอก  เราอยู่กันมาจนป่านนี้แล้ว”
        “อื้มม...แฟนพี่เขาก็รู้มาก่อนว่าพี่เคยเป็นยังไง  เขายังยอมรับพี่ได้เลย  น้องอ้อยไม่ต้องกลัวหรอกจ๊ะ  พี่ว่าตากรก็คงไม่ถึงกับหวงเมียขนาดนั้นมั้ง  ตอนนี้พวกเขาก็ไม่รู้อะไรซะหน่อย  น่านะ  คนสวยของพี่  แค่จูบเอง”  

        พี่แคทยังคงหว่านล้อม พร้อมทั้งมือก็ลูบไล้ไปตามลำตัว  ป่ายปะไปเรื่อย  ใบหน้าเธอก็เคล้าเคลียอยู่ตามพวงแก้มดิฉัน   เท่านั้นไม่พอ  พี่นาก็ยังมาร่วมใช้มือลูบต้นขาดิฉันแผ่วเบา  กลายเป็นว่าดิฉันโดนประกบสองข้าง  ดิฉันขนลุกสยิวกายอย่างบอกไม่ถูก จนต้องนั่งหนีบขา  ห่อตัวลีบเลยทีเดียว   พอเห็นดิฉันนิ่ง  พี่แคทก็ค่อยๆ ประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเข้ามาหาอีก  มือก็ประคองใบหน้าดิฉันให้หันเข้าหา  เธอจูบหยั่งเชิงดิฉันแผ่วเบาหลายครั้ง  จนดิฉันเริ่มเคลิ้มตามเผลอตัวเผยอปากรับกับเธอตอนไหนไม่ทราบ   เมื่อเปิดช่องให้พี่แคทแบบนี้  เธอก็ไม่รอช้าส่งปลายลิ้นตวัดเข้าหาละเลียดล้อตามริมฝีปากดิฉัน  มือเธอก็เริ่มปลุกเร้าด้วยการซอกซอนล้วงเข้าไปในบราแล้วก็ฟอนเฟ้นคลึงเบาๆ  ดิฉันสยิวกายราวกับหนาวสั่นจนต้องแอ่นตัวเข้าหาบดเบียดไปกับร่างพี่แคทอย่างไม่รู้ตัว  ก็รู้ๆ กันอยู่นี่คะว่าดิฉันแพ้รสจูบ  เจอทีไรตัวอ่อนควบคุมตัวเองได้ยากทุกที  ยิ่งมาเจอความนิ่มนวลอ่อนหวานจากพี่แคทที่ดูเหมือนเธอจะเจนจัดเรื่องนี้อยู่แล้ว  ยิ่งทำให้ดิฉันพลอยเตลิดจนไม่รู้อะไรผิดถูกไปแล้วค่ะ   พี่แคทลิ้มลองความหอมหวานอยู่ครู่ใหญ่จนดิฉันเคลิบเคลิ้ม  เริ่มจะหายใจขัดๆ แล้ว  เธอก็ผละออก  เล่นเอาดิฉันตัวอ่อน ถอนหายใจเฮือกใหญ่
        “อูยย...  เธอสองคนจูบกันทำเอาพี่วาบหวามไปด้วยนะเนี่ย”
        “น้องอ้อยเขาหวานสมชื่อค่ะ  พี่นา  แคทบอกพี่นาก็ได้ว่าแคทเคยเป็นเลสเบี้ยนมาก่อน  พอมีแฟนแล้วแคทก็ไม่เคยชอบใครเลยนะคะ  มาเจอน้องอ้อยนี่แหละ  มันอดไม่ได้จริงๆ”
        “อืมม...พี่ขอลองได้มั้ย  น้องอ้อย  ปากน้องมันระเรื่อน่าจูบจริงๆ”  พี่นารั้งร่างดิฉันที่ยังอ่อนระทวยอยู่จากอ้อมกอดพี่แคทเข้าไปกอดเสียเอง
        “เอ่อ..  อ้อยยังหวิวๆ อยู่เลยค่ะ  พี่นา  อ้อยว่าพอแค่นี้ดีกว่าค่ะ”  ดิฉันก็ยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ดี  ทั้งๆ ที่พี่แคทจูบไปเมื่อสักครู่ก็ยังพาเคลิบเคลิ้มไปถึงไหนๆ แล้วก็ตาม
        “โถ  น้องรัก  ป่านนี้แล้วยังจะกลัวอะไร  พี่ว่าสักหน่อยน้องอ้อยจะชอบด้วยซ้ำ แค่พี่จูบทีเดียวน้องอ้อยยังอ่อนระทวยได้ขนาดนี้  ยิ่งดูมันยิ่งน่าจูบซะให้ขาดใจตายไปเลย  ฮึๆๆๆๆ”  
        พี่แคทพูดเนิบๆ ช้าๆ เย้าหยอก พลางใช้นิ้วลูบไล้ริมฝีปากดิฉัน เธอขยับแนบเข้ามาประกบอีกข้าง พร้อมพยักหน้าให้กับพี่นาที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว ก็รั้งใบหน้าดิฉันเข้าหา  ค่อยๆ ประกบริมฝีปากช้าๆ  เม้มริมฝีปากงับกับกลีบริมฝีปากดิฉันเหมือนเป็นการเบิกทาง พี่แคทก็ไล้จูบซอกคอ และตามเนินไหล่ของดิฉันไปด้วย  ตอนนี้กลายเป็นว่าดิฉันถูกรุมไปเสียแล้ว   อา.....ใจดิฉันเริ่มหวิวๆ มาอีกแล้วค่ะ   พี่นาค่อยๆ เบียดกลีบริมฝีปากบางเล็กของเธอเข้าแน่นขึ้นเรื่อยๆ เธอทำอ้อยอิ่งจนดิฉันเริ่มหายความประหวั่นกลัว  พี่นาถอนใบหน้าออก  จ้องมองดิฉันยิ้มหวานเยิ้ม   ทันใดนั้น  เธอก็ประกบเข้ามาอีก  คราวนี้เธอตะโบมจูบหนักหน่วง  เร่าร้อนกว่าเดิม  สอดปลายลิ้นเข้าโพรงปากดิฉันพร้อมตวัดระรัวราวคนหิวโซ   ดิฉันได้แต่สะท้านเฮือก  เพราะไม่ทันตั้งตัวว่าเธอจะมาบทเร่าร้อนรวดเร็วได้ปานนี้  ตอนนี้พี่แคทคงผละออกไปแล้ว  เพราะไม่รู้สึกว่าเธอแตะต้องส่วนใดของดิฉัน  เหลือแต่พี่นาที่รุกเร้าดูดดื่มจูบกับดิฉันเธอหายใจแรงขึ้นพอๆกับดิฉัน  สักพักเธอก็ถอนจูบนั้นแต่ยังโอบกอดอยู่  ดิฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเลยค่ะ  ถ้าหากว่าพี่นาไม่ได้ประคองไว้คงได้อ่อนยวบนอนลงบนเตียงไปแล้ว
        “อา...น้องอ้อยนี่จูบได้หวานจริงๆ  พี่ชักชอบเสียแล้วล่ะ  เริ่มจะอิจฉาน้องกรเสียแล้วสิเนอะ  น้องแคท  มีเมียอ่อนหวานเย้ายวนแบบนี้  คงอดใจไม่ไหวทั้งคืน”   พี่นายกยอพร้อมเกลี่ยไล้เส้นผมที่มาประบังหน้าดิฉัน ส่งยิ้มมุมปาก  ตอนนี้ดิฉันพูดอะไรไม่ออก  ได้แต่นิ่งหายใจระทวยอยู่
        “ว้าวว...พี่นานี่จูบได้เร่าร้อนจริง  อย่างว่าแหละเนอะ  คงชำนาญอยู่แล้ว”
         “นี่น้องแคท  พี่จะบอกอะไรให้  พี่เองก็เคยเป็นเลสเบี้ยนนะ”
         “หา....”  ดิฉันได้แต่อุทานออกมา   แม้แต่พี่แคทเองก็เหมือนจะเพิ่งรู้เหมือนกัน
        “ห๊า...จริงเหรอค่ะ  พี่นา”
        “จริงสิ  พี่จะโกหกทำไม  ตอนพี่อยู่แอลเอ  พี่ก็มีเพื่อนฝรั่งที่เป็นแบบนี้หลายคน  แต่เราก็อยู่กันแบบลับๆ ในยุคของพี่เรื่องแบบนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับกันเท่าไหร่  ไม่เหมือนยุคนี้ยังกล้าเปิดเผยกันได้  แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่แต่งงานมาสิบกว่าปี  พี่ก็ไม่เคยบอกผัวพี่ให้รู้นะ  พี่มาเห็นน้องแคทจูบน้องอ้อยแล้ว  มันก็อดใจไม่ได้เหมือนกัน”   ดิฉันฟังไปก็ยิ่งถึงบางอ้อ  มิน่าล่ะ  พี่นาถึงไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกที่พี่แคทมาจูบดิฉัน  กลับขอร่วมด้วย  ตายละสิ  นี่ดิฉันต้องมาเจอเลสเบี้ยนทั้งสองคนเสียแล้วเหรอเนี่ย
        “งั้น...แคทว่า  เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันดีกว่า”  พี่แคทเอ่ยมาด้วยตาประกายหยาดเยิ้มมาที่ดิฉัน
        “อะไรเหรอ  น้องแคท”
        “เอ้า..ถามได้..ก็...อะไรๆ ที่มันสนุกกว่าจูบสิคะ  พี่นา  จริงมั้ยน้องอ้อยจ๋า  เรามาสนุกกันสักหน่อยนะ  พี่ไม่ได้เจอน้องอ้อยนานแล้ว  คิดถึงจังเลย  ไม่รู้ว่ายังจะหวานได้อีกหรือเปล่า”
        “เฮ้...อย่าบอกนะ  ว่าแคทเคยชิมน้ำอ้อยมาแล้ว”    พี่นาทำตาโต
“แค่ครั้งเดียวคะ  พี่นา  แคทสอนน้องสาวคนนี้ให้เป็นครั้งแรก  แต่แคทชักติดใจน้องอ้อยขึ้นมาแล้วล่ะ”
        “อ่ะ  เอ่อ..แต่   อ้อยว่าไม่ดีมั้งค่ะ”  ดิฉันรู้ว่าพี่แคทหมายถึงอะไร  แต่ตอนนี้สามีเราสามคนก็อยู่ด้านนอก  แล้วใครจะกล้าคิดละคะ   แต่ดูเหมือนพี่แคทจะไม่สนใจอะไรเสียแล้ว
        “ฮื่อ..อย่าคิดมากจ๊ะ น้องรัก  ตอนนี้เราก็อยู่กันแค่สามคน  กันเองทั้งนั้น กลัวอะไร  พี่ก็เคยบอกน้องอ้อยแล้วไม่ใช่เหรอ  มันไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอะไร  แค่เปลี่ยนรสชาติกันบ้างเท่านั้นเอง”
         พี่แคทยังคงพูดหว่านล้อม โน้มน้าว พร้อมมือลูบไปตามหน้าอก หน้าท้องของดิฉัน  พี่นาก็ร่วมช่วยปลดบราออก  ซ้ำยังซุกหน้าคลอเคลียตามซอกคอดิฉัน   ตายแล้วสิคะ  ดิฉันคงไม่รอดพ้นอีกแน่ๆ ตอนนี้ก็บอกไม่ถูกว่าดิฉันเป็นอะไรไปแล้วที่เคลิบเคลิ้มโอนอ่อนตามน้ำคำของพี่แคท  ความรู้สึกต่อต้านเริ่มจางหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้คะ  ตอนนี้ได้แต่เอนตัวพิงกับพี่นาตัวโอนอ่อนตามพี่ๆ ทั้งสอง  พี่นาโน้มหน้าเข้าจูบมาอีกครั้ง  คราวนี้เธอมองดิฉันด้วยแววตาอ่อนโยน  หวานหยาดเยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ บรรจงจูบนิ่มนวลราวกับค่อยๆ ปลอบขวัญดิฉัน  หน้าอกหน้าท้องก็ถูกพี่แคทจู่โจมจูบไซร้เข้ามาแล้ว  ความสยิวเสียวซ่านเริ่มก่อตัวขึ้นมาจนดิฉันเผยอปากรับจูบพี่นาพร้อมเผลอครางในลำคอออกมาเบาๆ   พี่นาประคองโอบกอดดิฉันจากด้านข้างโน้มหน้าเข้าจูบ  ดิฉันก็เอี้ยวหน้ารับ  เอนกายเหยียดขาห้อยอยู่ที่ขอบเตียงนอน   พี่แคทขยับตัวลงไปข้างล่างแล้วก็จัดการรูดบิกินี่พร้อมมินิสเกิร์ตที่สวมทับกันอยู่นั้นออกไปจนดิฉันเหลือตัวเปล่าล่อนจ้อน  ดิฉันมองไม่เห็นอะไรเพราะพี่นายังประทับจูบอยู่  รู้สึกได้แต่ว่าสองขาดิฉันถูกพี่แคทจับและแบะฉีกออกและรู้สึกว่าเธอได้แทรกหน้ามาอยู่ตรงหว่างขาดิฉันแล้ว  ทำให้ดิฉันใจหวิวๆ  ขึ้นมา  พี่แคทจูบไล้ไปตามปลีขาของดิฉันสลับข้างซ้ายขวา และขยับใกล้ไปตรงส่วนนั้นอย่างใจเย็น  แต่ดิฉันต้องขนลุกตัวเกร็ง เพราะมองไม่เห็นว่าจะถูกจูบส่วนใด  ปากก็ยังรับจูบกับพี่นาอย่างดูดดื่ม  ซอกขารู้สึกได้ว่าถูกพี่แคทลูบเบาๆ เข้าไปที่ส่วนสงวน  ปลายนิ้วเธอแตะไล้เบาๆ ไปมา  แต่เล่นเอาดิฉันต้องเกร็งหน้าท้องเลยทีเดียว  ครางอู้อี้เหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้อง  จนพี่นาค่อยๆ ถอนจูบออกไป  ดิฉันถอนใจเฮือก แล้วก็มองไปตรงหว่างขา  เห็นพี่แคทเงยหน้ามองยิ้มๆ มือก็คืบคลานเข้าหากลีบเนื้อของดิฉัน  เธอลูบมันเล่นไปเบาๆ แล้วจึงค่อยๆ แทรกนิ้วเข้าและแบะกลีบกุหลาบของดิฉันออก  ดิฉันขาสั่นไปหมด  ครางออกมาเบาๆ   พี่นาก็จ้องตามที่พี่แคททำอยู่
        “อูวว..กลีบร่องน้องอ้อยยังสดอยู่เลย  เหมือนไม่บุบสลาย  ยังกะสาวแรกรุ่น  ขนก็ไม่หนา  น่าลงลิ้นดีจริงๆ”
        พี่นาพูดพร้อมกับก้มลงไปชมใกล้จนลมหายใจเธอรินรดอยู่หน้าท้องน้อยของดิฉัน   ทิ้งปล่อยให้ดิฉันเองนอนหงาย โดยถูกพี่แคทจับถ่างขาอยู่ที่สุดขอบเตียง   แล้วพี่แคทก็ค่อยๆ กรีดชำแรกนิ้วเข้าไป  เท่านั้นไม่พอเธอยังใช้ลิ้นเลียไปตามกลีบแคม  พี่นาก็พรมจูบตามท้องน้อย  จนดิฉันสั่นระริกไปทั้งตัว
         “อ๊อยยย....พี่.....ซี้ดดดดด.......”  ดิฉันได้แต่นอนตาปรือครางออกมาเบาๆ

        ก้อก....ก้อก...ก้อก...

        เสียงเคาะประตูดังขึ้น  พวกเรา 3 คนหยุดชะงักกันหมด  ดิฉันก็รีบถดตัวลุกขึ้นนั่ง
        “ครายยยยยย...”   พี่นาส่งเสียงถาม
        “ผมครับ  กร  อ้อย...พี่ขอเข้าไปหน่อย”   เท่านั้นเอง  พี่นาก็ลุกจากขอบเตียงไปคว้าผ้าที่หาได้ไวที่สุดมาห่อคลุมตัว
        “อ่ะ...เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ พี่กร  อ้อยกำลังโป๊อยู่”  
        ดิฉันส่งเสียงตอบออกไป  ละล้าละลัง คว้าชุดว่ายน้ำที่ถูกถอดทิ้งข้างตัวมาถือไว้  และตัดสินใจรีบรวบเอาผ้าห่มที่พับไว้ปลายเตียงนอนผืนหนามาห่อร่างเปลือยเปล่านั้นไว้ เผยให้เห็นแต่ช่วงไหล่เปลือย   แต่พี่แคทกลับไม่สะทกสะท้าน  เดินไปเปิดประตูหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่นุ่งแค่บิกินี่อวดรูปร่างอวบอัดเย้ายวน   พอพี่กรเดินเข้ามาก็ชะงักนิดหน่อย  ดิฉันเองก็ใจไม่ค่อยดี  ยังตื่นๆ อยู่เลย  พี่นายืนเอาผ้าห่อตัวอยู่อีกมุมหนึ่ง  มีแต่พี่แคทที่ยืนกอดอกอยู่กลางห้อง  ไม่รู้ร้อนรู้หนาว   



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น