งานแต่งงานระหว่างหนุ่มโจ้กับสาวกุ๊กผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น และเป็นค่ำคืนที่น่าประทับใจสำหรับทุกฝ่าย ทั้งตัวเจ้าของงาน ญาติพี่น้อง รวมถึงแขกเหรื่อที่มาร่วมงานในครั้งนี้
ความเหนื่อยล้าจากการตระเตรียมงานพิธีที่ผ่านมา รวมไปถึงการต้องมานั่งนับซองกันในตอนตี 2 ตี3 ซึ่งกว่าจะจบครบถ้วนนั้นก็ปาเข้าไปเกือบสว่าง จึงทำให้ทั้งคู่ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะลุกขึ้นมาจัดหนักกันในค่ำคืนแห่งการส่งตัว ตามที่ใครหลายคนคาดการณ์กันเอาไว้เล่นๆ
และเมื่อผ่านพ้นจากช่วงเวลาแห่งความชุลมุนวุ่นวายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่จึงได้เริ่มต้นแบ่งปันความสุขของชีวิต ในฐานะของคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันอย่างเป็นทางการ
มันเป็นช่วงเวลา 2 สัปดาห์เต็มๆ ที่สองหนุ่มสาวได้หลีกหนีจากชีวิตประจำวันอันแสนจะเร่งรีบ หลบลี้ไปดื่มด่ำกับห้วงเวลาแห่งความสุขของการฮันนีมูนกันสองต่อสองที่ประเทศญี่ปุ่น อิ่มเอมกับภาพบรรยากาศอันเงียบสงบของเมืองชายทะเลที่คามาคุระ ความวิจิตรงดงามของวัดเก่าแก่ในเขตเมืองโยโกฮาม่า และตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีเสียงจากเครื่องเล่นและโชว์อันตระการตาที่โตเกียว ดิสนีย์ ซี
สาวกุ๊กนั้นแสนจะสุขสมใจ กับการตระเวนชิมรสชาติอาหารญี่ปุ่นในแบบฉบับของต้นตำรับ ทั้งซูชิ-ซาซิมิ โอนิกิริ ราเม็ง บูตะด้ง ตลอดจนถึงเหล่าขนมหวานหน้าตาน่ารับประทาน จนแทบจะเป็นการทารุณกรรมทุนทรัพย์ในกระเป๋าของหนุ่มโจ้ให้เบาบางลงไปแบบถนัดตา
ก่อนที่ทั้งคู่จะสั่งลาดินแดนอาทิตย์อุทัย ด้วยการร่วมรักอันเร่าร้อนและบ้าคลั่งเป็นเวลากว่าครึ่งค่อนวัน เล่นเอาสาวกุ๊กถึงกับหมดสภาพ แข้งขาอ่อนปวกเปียก แทบเดินเหินได้ไม่ไหว พอขึ้นเครื่องปั๊บก็สลบหลับไปในทันที
หลังกลับจากฮันนีมูน หนุ่มโจ้ก็พาภรรยาสาวขนข้าวของมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่ห้องคอนโดหรูขนาด 50 ตารางเมตร ซึ่งชายหนุ่มได้ซื้อรอไว้นานแล้ว ซึ่งแม้ว่าในตอนแรกๆ เจ้าหนุ่มจอมกะล่อนจะออกอาการอึดอัดเล็กน้อย ที่มีคนอื่นมาใช้ชีวิตร่วมกันแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้ ไหนจะต้องปรับตัวในเรื่องจุกจิกหยุมหยิม อย่างการยกฝารองชักโครกขึ้นลงเวลาเข้าห้องน้ำ การเก็บล้างจานชามอาหารที่กินเสร็จ ไปจนถึงเรื่องของการแยกเสื้อผ้าและชั้นในออกจากกันเวลาที่จะซักผ้า
แต่พอได้ลองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปอีกซักระยะหนึ่ง ชายหนุ่มจึงได้ค้นพบว่า ชีวิตแต่งงานนั้น... แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายและน่ากลัวอย่างที่ตัวเองเคยคาดคิดเอาไว้
การได้มีใครซักคนมาคอยเป็นห่วงเป็นใย เอาใจใส่ และคอยเป็นกำลังใจให้คำปรึกษา เพื่อฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน มันทำให้ชีวิตในแต่ละวันของชายหนุ่มดูจะมีความหมายขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
จากคืนวันที่เคยชินชากับความอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว กลับมีอีกคนที่เข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เคยขาดหายไปในชีวิต ให้ชายหนุ่มได้รู้จักกับคำว่ารักอีกครั้งหนึ่ง และแม้ว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ข้างกายของโจ้นั้นจะมีหญิงสาวมากมาย หมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันเข้ามาให้ชายหนุ่มได้ฟอนเฟ้นกกกอดไม่เคยขาด บ้างก็ยังสาวยังโสดซิง บ้างก็มีครอบครัวเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างไรพวกเธอเหล่านั้นก็ยังเทียบไม่ได้กับความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมกอดของหญิงสาวคนนี้ คนที่กำลังนอนหลับไหลอยู่ข้างกายเขาในตอนนี้...
ซึ่งหากจะมีซักคนที่พอจะเทียบเคียงกับความรู้สึกอบอุ่นนี้ได้... ใครบางคนที่เคยมอบประสบการณ์แปร่งๆ แปลกๆ ให้กับหัวใจของชายหนุ่ม จนมันเต้นผิดๆ ถูกๆ ไม่เป็นจังหวะ... คนๆ นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นสาวรุ่นพี่ที่ชื่อเป้นั่นเอง...
ยิ่งหนุ่มโจ้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกลึกๆ ว่าตัวเองนั้นรักภรรยาสาวมากมายเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นภาพความทรงจำว่าครั้งนึงนั้น ชายหนุ่มเองก็เคยรู้สึกแบบเดียวกันนี้กับสาวเป้มาก่อนแล้ว... ซึ่งครั้งนั้นตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าไอ้ความรู้สึกอึดอัด หน่วงๆ เหล่านี้นั้น มันจะเรียกว่าความรักหรือไม่... จนกระทั่งถึงวันนี้ ชายหนุ่มจึงเริ่มแน่ใจในความรู้สึกที่ผ่านๆ มาของตัวเองอย่างชัดเจน
ว่าตัวเขานั้น... ยังคงเฝ้ารักผู้หญิงคนนี้อย่างไม่เคยเสื่อมคลาย...
=======================================
2 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก...
หลังจากดื่มด่ำกับห้วงเวลาแห่งความสุขของชีวิตข้าวใหม่ปลามันจนอิ่มหนำสำราญพอแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มคิดที่จะรื้อฟื้นแผนการซึ่งยังคงค้างคาอยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อหวังที่จะดำเนินการสานต่อให้สำเร็จตามเป้าหมายเดิม
เมื่อแผนแรกที่เคยตั้งใจว่าจะกล่อมภรรยาสาวของตัวเอง ให้เห็นดีเห็นงามในเรื่องสวิงแลกคู่ด้วยนั้นดูจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ หนุ่มโจ้จึงต้องยอมหันเหไปใช้แผนที่สอง นั่นคือการให้รุ่นพี่ทั้งสองคนอย่างบอยและเป้ เป็นฝ่ายช่วยตะล่อมกล่อมแฟนสาวให้สมยอมทีหลังแทน...
แต่ชายหนุ่มก็พบว่าอะไรๆ ก็เหมือนจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เพราะด้วยความที่ทั้งโจ้และกุ๊กนั้น นอกจากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว ทั้งคู่เองยังทำงานอยู่ที่เดียวกัน นั่งโต๊ะติดกัน เวลาไปไหนก็เลยต้องตัวติดกัน จนชายหนุ่มเองไม่สามารถหาจังหวะเหมาะๆ ชิ่งภรรยาสาวเพื่อไปตกลงแผนการกับครอบครัวของหนุ่มรุ่นพี่ได้อีก
หนุ่มโจ้ต้องอดทนกับอาการหงุดหงิดเงี่ยนง่านอยู่พักใหญ่ๆ โดยไม่รู้เลยว่าจะได้เริ่มต้นแผนการอีกเมื่อไหร่ แต่แล้วจู่ๆ บทจังหวะจะเปิด มันก็ดันเปิดเอาง่ายๆ
จู่ๆ คุณตาของกุ๊ก ผู้ซึ่งอายุร่วมๆ เกือบ 90 ปีแล้ว ก็เกิดนึกอยากจะแบ่งโอนมรดกให้แก่ลูกๆ หลานๆ เสียตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่ว่าลูกๆ หลานๆ จะได้ไม่ต้องไปมีปัญหาผิดใจกันเรื่องมรดกในภายหลัง ซึ่งก็รวมไปถึงที่ดินบางแห่งที่คุณตาเคยเอ่ยปากจะยกให้สองสาวทั้งกุ๊กและแก้วไว้เป็นมรดกส่วนตัวอีกด้วย และทำให้สองศรีพี่น้องต้องรีบขอลางาน เพื่อบินกลับไปเคลียร์ธุระครอบครัวที่น่านแบบกะทันหัน
โชคดีของหนุ่มโจ้ที่ตัวเองนั้นติดเตรียมพรีเซนท์งานให้ลูกค้ารายใหญ่ร่วมกับเจ้านายพอดี จึงทำให้รอดตัว ไม่ต้องติดสอยห้อยตามไปเป็นเพื่อนด้วย นอกจากคอยทำหน้าที่สารถีขับไปรับไปส่งสองพี่น้องที่สนามบินเท่านั้น ซึ่งด้วยความที่ทั้งคู่นั้นไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านมาพักใหญ่ๆ แล้ว ทั้งสองคนจึงตัดสินใจลางานหยุดยาวไปตั้งแต่เช้าวันศุกร์ กว่าจะกลับมาก็ข้ามไปตอนเย็นวันจันทร์นู่นเลย
“ตกลงว่าจะไปกันเองแค่สองคนจริงๆ เหรอ? แน่ใจนะว่าไม่อยากให้พี่ไปเป็นเพื่อนอ่ะ” โจ้แสร้งถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“อือ ไม่ต้องหรอกพี่ จริงๆ อันนี้มันก็แค่เรื่องหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆ ทางบ้านกุ๊ก ถึงพี่โจ้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีแหละ แล้วอีกอย่างพี่ยังมีงานต้องเตรียมพรีเซนท์คู่กับพี่หน่อยด้วย เดี๋ยวเจ๊แกจะมองว่าคู่เรามีปัญหาเยอะจนไปกระทบกับเรื่องงานอีก วุ่นวายเปล่าๆ” สาวกุ๊กตอบยืนยัน
“โอเคๆ ถ้างั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งที่สนามบินแล้วกันนะ กุ๊กก็ตกลงกับแก้วเค้าแล้วกัน ว่าจะให้แวะเข้าไปรับตอนกี่โมง”
“ได้จ้า แล้วเดี๋ยวกุ๊กจะหาขนมอร่อยๆ มาฝากนะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับทำมือเป็นสัญลักษณ์ 'โอเค'
“อือ... แล้วรีบไปรีบมานะ หายไปตั้ง 4 วัน พี่เหงาแย่เลย” หนุ่มโจ้พูดพร้อมกับตีสีหน้าซึมๆ เศร้าๆ
“โอ๋ๆ อย่าพึ่งเหงานะคนดี เดี๋ยวจะรีบกลับมาหาเลย” สาวกุ๊กพูดปลอบใจพร้อมกับขยับเข้าไปหอมแก้มสามีฟอดใหญ่
เมื่อได้รู้ว่าภรรยาตัวเองจะไม่อยู่หลายวัน หนุ่มโจ้ก็อดระริกระรี้ตีปีกไม่ได้ พอช่วงเช้าวันศุกร์ก็รีบขับรถไปส่งสองสาวที่สนามบิน แล้วบึ่งรถกลับเข้ามาเตรียมพรีเซนท์เทชั่น พร้อมกับรีบโทรนัดแนะหนุ่มบอยเพื่อนัดประชุมแผนการทันที
“ฮัลโหล พี่บอยฮะ คุยได้มั้ยพี่?” โจ้เอ่ยทักทายเปิดหัวไปตามเรื่องตามราว
“เออ ว่าไงมึง? โทรมาแต่หัววันเลย” บอยตอบกลับมาแบบเนือยๆ
“เย็นนี้พี่ว่างรึเปล่า? แวะมากินข้าวเย็นกันมั้ย? ผมอยากคุยด้วย...” ชายหนุ่มรุ่นน้องเอ่ยเป็นนัยๆ อย่างรู้กัน
“อ้าว... แล้วกุ๊กเค้าไม่ได้มาด้วยเหรอวะ? มันจะสะดวกเหรอ?” บอยเอ่ยถามถึงภรรยาสาวของอีกฝ่ายด้วยความคาใจ
“เค้าไม่อยู่พี่ กลับไปทำธุระที่น่านกับพี่สาวเค้าอ่ะ กว่าจะกลับมานี่ก็อีกตั้งวันจันทร์นู่นแน่ะ ผมพึ่งไปส่งขึ้นเครื่องเมื่อเช้านี่เอง”
“แหม ไอ้ห่า... เมียเผลอแป๊บเดียว มึงก็ออกลายเลยนะครับ” หนุ่มรุ่นพี่พอได้ยินแบบนี้จึงแกล้งแซวหยอกเย้าไปอย่างหมั่นไส้
“เอ้า ก็พี่นั่นแหละมาชวนให้ลายผมออก ฮ่าๆๆ” หนุ่มรุ่นน้องก็รับลูกกลับไปอย่างอารมณ์ดี
“ตกลงมานะพี่ ร้านอยู่ตรงเซ็นทรัลลาดพร้าวนี่เอง ใกล้ๆ” ชายหนุ่มยังพยายามพรีเซนท์เชิญชวนไม่หยุด
“ใกล้คอนโดมึงอ่ะดิไอ้ห่า... ร้านไหนอีกวะ?” หนุ่มบอยตอกกลับไปเบาๆ
“บลูสกายอ่ะ พี่เคยมากินยัง? อยู่ในโรงแรมเซ็นทาราเลย อาหารมันอร่อยดีนะ บรรยากาศดีด้วย”
“เออๆ เดี๋ยวดูก่อนแล้วกัน ว่าแต่จะให้กูโทรไปถามเป้เค้าด้วยมั้ยล่ะ เผื่อเค้าว่าง จะได้แวะไปนั่งกินอะไรกันสามคนเลย”
“อ๋อ... พี่เป้เค้าว่างแหละครับพี่ ผมโทรไปชวนเค้าเรียบร้อยแล้ว ก็เลยพึ่งโทรมาชวนพี่อีกคนนี่แหละ”
“เอ๊า! ไอ้เชี่ยโจ้.... นอกจากมึงจะแอบนอกลู่นอกทางตอนที่เมียตัวเองเผลอแล้ว นี่มึงยังแอบดอดมาตีท้ายครัวเมียกูตอนเผลออีกคนเหรอเนี่ย ไอ้ชิบหาย!” หนุ่มบอยแกล้งโวยออกไปเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจดังลั่นกลับมาจากคู่สนทนา
หนุ่มโจ้มาถึงก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย นั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลารออีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่ใบหน้าหมวยๆ ใต้กรอบแว่นตาของสาวเป้จะโผล่หน้ามาทักทายเป็นคนแรก สาวรุ่นพี่วันนี้อยู่ในชุดทำงาน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับศอกสีเขียวเข้ม ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงสแล็คเข้ารูปสีน้ำตาลอ่อนๆ ดูเข้าชุดกันเป็นอย่างดี ทรงผมที่มัดรวบเป็นทรงไว้ด้านหลังทำให้เธอดูทะมัดทะแมงมากขึ้นไปอีก
“โทษที รถมันติดอ่ะ รอนานป่าวโจ้?” หญิงสาวเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าสำนึกผิดอยู่ในที
“อ๋อไม่นานหรอกครับพี่ นี่ผมก็เช็คบิลไปรอบนึงแล้วแหละ” ชายหนุ่มแกล้งพูดประชดยั่วเย้า
“กวนประสาทอีก พี่ว่าเผลอๆ แกก็พึ่งจะมาถึงเหมือนกันนั่นแหละ แล้วมาเนียนทำเป็นนั่งรอ”
“โอ๊ย ผมเป็นคนตรงต่อเวลาครับพี่ นัดแล้วต้องเป็นนัด” หนุ่มโจ้ยังคงพูดกวนประสาทสาวเป้ต่อไปไม่ยอมหยุด
“เออย่ะ! ชั้นมันชั่ว ชั้นมันเลว ชั้นมันไอ้คนไม่รักษาเวลา... ไปๆ เข้าไปข้างในกันเหอะ พี่หิวแล้วเนี่ย” สาวเป้บ่นอุบ พร้อมกับดึงแขนหนุ่มรุ่นน้องให้เดินเข้าไปในตัวโรงแรมด้วยกัน
สัมผัสจากฝ่ามือนุ่มๆ ที่คุ้นเคย ทำเอาชายหนุ่มอดรู้สึกใจเต้นระรัวขึ้นมาไม่ได้ มันผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหนแล้วนะ ที่ทั้งคู่ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม และถูกเนื้อต้องตัวกันได้แบบนี้ แถมที่สำคัญ มันยังเป็นการเดินเข้าโรงแรมสองต่อสองพร้อมกันอีกด้วย... แม้ว่าจะเป็นการเข้ามาใช้บริการในส่วนของร้านอาหารที่ชั้นบนก็เถอะ
“อ้าว แล้วไม่รอพี่บอยก่อนเหรอครับ?” โจ้เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“บอยเค้าบอกว่ายังประชุมไม่เสร็จเลย ไม่ต้องรอหรอก เรากินก่อนเลย ปะๆ” เป้พูดจบก็เดินนำหน้าเข้าประตูไป
ร้านบลูสกายที่หนุ่มโจ้แนะนำมานั้น เป็นร้านอาหารสไตล์บิสโทรสุดหรูหรา ที่ตั้งอยู่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว ด้วยบรรยากาศของตัวร้านที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามอลังการในโทนสีน้ำเงิน-ฟ้า ไหนจะภาพวิวทิวทัศน์อันโดดเด่นของตึกสูงระฟ้าที่ชั้น 24 บวกกับเสียงเพลงขับกล่อมในทำนอง Jazz อันลื่นละมุนหูจึงเหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ดินเนอร์ผ่อนคลายสำหรับคู่รักหนุ่มสาวในย่านลาดพร้าวอยู่พอสมควร
ทั้งคู่เลือกที่นั่งในโซนกลางแจ้ง ด้วยเหตุผลในเรื่องของความเป็นส่วนตัว เนื่องจากแต่ละโต๊ะนั้นถูกจัดแบ่งเอาไว้เป็นสัดส่วนห่างจากกันอยู่พอสมควร รวมถึงยังได้ซึมซับและดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศทิวทัศน์สวยๆ ของกรุงเทพฯในยามค่ำคืน เป็นอาหารตาอีกด้วย
ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนคุ้นเคย สลับกับการช่วยกันจัดการอาหารตรงหน้า ทั้งซีซาร์สลัดแซลมอนรมควันราดชีสพาเมซาน ปลาหิมะอบเสิร์ฟพร้อมผักย่างและไส้กรอก รวมไปถึงอาหารจานหลักอย่างซี่โครงแกะหมักเครื่องเทศ ที่แม้ตอนแรกจะดูเยอะจนเหมือนจะทานไม่หมด แต่พอได้ทานคู่กับค็อกเทลรสนุ่มชุ่มคอ สุดท้ายแล้วอาหารทั้งหมดที่สั่งมา จึงถูกทั้งคู่สวาปามลงท้องจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือ
“โห ผมเชื่อแล้วว่าพี่เป้หิวจริง เล่นกินไม่รอพี่บอยแบบนี้” หนุ่มโจ้เอ่ยปากแซวพร้อมกับกระดกเครื่องดื่มน้ำเมาเข้าปาก
“ตัวเองก็เหมือนกันแหละย่ะ ไม่ต้องมาพูดเลย กินมากกว่าพี่อีก” สาวรุ่นพี่ตอกกลับมาอย่างไม่ยอมความ
“นี่ก็ชั่วโมงกว่าแล้วนะครับ ตกลงพี่บอยยังประชุมไม่เสร็จอีกเหรอเนี่ย?”
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่ลองไปโทรหาเค้าดูก่อนแล้วกันเนาะ” หญิงสาวพูดก่อนจะแยกตัวออกมาโทรศัพท์หาสามี
“ฮัลโหลบอย อยู่ไหนแล้วเนี่ย?” เป้เอ่ยถามหาบอยในโทรศัพท์
“อืม เราว่าเราจะขับรถเข้าบ้านเลยแหละเป้ นี่อยู่แถวหน้าปากซอยแล้ว” บอยตอบกลับมาหน้าตาเฉย
“อ้าว... ทำไมอ้ะ?” คำตอบของสามีทำเอาสาวเป้อดประหลาดใจไม่ได้
“ก็ตะกี้เราโทรหาป้าณี แล้วเหมือนแกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ก็เลยว่าจะรีบกลับมาดูลูกแทนแหละ สงสารแก แกจะได้กลับไปพักผ่อนไวๆ” หนุ่มบอยร่ายเหตุผลออกมาให้เธอฟัง สาวเป้ฟังแล้วก็นิ่งเงียบไปครู่นึง ในใจก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แน่ใจนะว่าสงสารป้าณี... ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะให้เป้อยู่กับน้องมันสองคนอ่ะ?” คำพูดของเธอแทงใจดำสามีเต็มๆ จนชายหนุ่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ทุเรศ... กะแล้วว่าต้องมามุกเดิมๆ... ตกลงนี่ไม่มาแล้วใช่มั้ย?” เป้บ่นอุบอิบด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“อืม ก็คงกลับไปดูลูกแหละ เป้ก็กินข้าวกับน้องมันตามสบายเลยนะ” บอยตอบแบบเปิดโอกาสให้ภรรยาแบบเต็มที่
“กินกันจนอิ่มแล้วย่ะตาบ้า” สาวเป้โวยกลับไปแบบเคืองๆ
“อ่อ แฮะๆ แล้วนี่จะกลับกันเมื่อไหร่อ่ะ หรือว่า... คืนนี้ไม่กลับ” ชายหนุ่มแกล้งแซวภรรยาตัวเองอย่างอารมณ์ดี
“เพ้อเจ้อๆ แค่นี้นะ เดี๋ยวจะกลับแล้วโทรบอกอีกที บาย” หญิงสาวพูดตัดบทเรียบๆ เตรียมจะกดตัดสาย
“อ่ะ บายๆๆ ไว้คุยกั...” บอยยังพูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็กดตัดสายไปเสียก่อน
หญิงสาวเดินหน้ามุ่ยกลับมานั่งที่โต๊ะแบบเซ็งๆ จนหนุ่มรุ่นน้องแอบสังเกตอาการของเธอได้
“ทำหน้าแบบนี้... แสดงว่าพี่บอยเบี้ยวอีกแล้วดิ” โจ้เอ่ยถามยิ้มๆ
“เออสิยะ นี่อย่าบอกนะว่าแอบไปเตี๊ยมกันมาอยู่แล้วน่ะ” เป้ถามออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ
“เฮ้ย บ้า ไม่ได้เตี๊ยม นี่ผมก็พึ่งรู้จากพี่นี่แหละ พี่บอยเค้าเบี้ยวของเค้าเองนา แล้วนี่เค้าทำอะไรอยู่อ่ะ ยังประชุมไม่เสร็จเหรอ?”
“เปล่า พี่เลี้ยงไม่สบาย เค้าเลยจะรีบกลับไปดูลูกอ่ะ”
“อ๋อ... อืม แล้วพี่จะรีบกลับด้วยมั้ยอ่ะ จะได้สั่งเช็คบิลกันเลย” หนุ่มโจ้เอ่ยปากเสนอแนะ
“ไม่ต้องหรอก ช่างเค้า เค้าไม่มาก็ไม่เป็นไร เรานั่งกินกันต่อสองคนก็ได้” หญิงสาวพูดพร้อมกับจิบเครื่องดื่มในมือจนหมดแก้ว
“งั้นผมสั่งค็อกเทลมาเพิ่มคนละแก้วแล้วกันเนาะ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับกวักมือเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเติม
“ถามจริงเหอะ คิดยังไง ถึงอยากดึงกุ๊กเข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องนี้เนี่ย?” สาวเป้เอ่ยถามขึ้นมาถึงเรื่องที่ชายหนุ่มตั้งใจจะให้ภรรยาสาวเข้ามาร่วมสวิงกับครอบครัวของเธอด้วย
“อ้าว... ไหงจู่ๆ ถามแบบนั้นล่ะ” โจ้ออกอาการตามไม่ทัน
“ก็... ไม่รู้ดิ แกไม่รู้สึกหวงเค้าบ้างเหรอโจ้ กุ๊กเค้าทั้งสาวทั้งสวย น่ารักขนาดนั้น” เป้พยายามอธิบาย
“โอ๊ย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ พี่ก็อวยเค้าเกินไป๊” ชายหนุ่มว่าพลางหยิบกับแกล้มเข้าปาก
“เอาจริงจังดิ โจ้ไม่กลัวว่ากุ๊กเค้าจะเกิดเฟลเหมือนคราวของพี่บ้างเลยเหรอ?”
“อืมมม... เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์นะฮะ แต่ผมคิดว่าเค้าน่าจะรับได้และก็พร้อมที่จะลองแหละ ถ้าหากว่าคุยกันตรงๆ พูดกันด้วยเหตุผลดีๆ แล้วอีกอย่าง พี่บอยกับพี่เป้เองก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ไว้ใจได้ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมาหรอก”
“อือ พี่ก็เป็นห่วงความรู้สึกของเค้าคนเดียวนี่แหละ ไม่อยากให้เค้าต้องมาเจ็บซ้ำแบบเดียวกับพี่ ถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้วเค้าไม่อยากทำจริงๆ โจ้ก็ไม่ต้องไปฝืนเค้าหรอกนะ” สาวรุ่นพี่กล่าวเป็นเชิงเตือนสติ
“อ้าว... แล้วพี่ไม่นึกห่วงความรู้สึกของผมบ้างเหรอ? ไหงไปห่วงแต่กุ๊กล่ะ” หนุ่มโจ้แกล้งครวญเสียงอ่อย
“โอ๊ย จะไปห่วงอะไร๊ อย่างโจ้ก็รู้สึกอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ รู้สึกหื่นไง!” สาวเป้พูดกระแทกเสียงอย่างชอบใจ ก่อนจะหัวเราะร่า
ทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันเป็นชั่วโมงๆ โดยที่ไม่รู้เบื่อ ต่างฝ่ายต่างก็ขุดเอามุกเจ็บๆ ขึ้นมาแซวอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมใคร
ด้วยบรรยากาศที่เป็นใจ ทั้งวิวทิวทัศน์และเสียงดนตรีที่ขับกล่อม บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่ม ช่วยพาให้อารมณ์ของสองหนุ่มสาวลอยละล่องเข้าสู่ห้วงบรรยากาศของความโรแมนติกโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง
สายตาของคนทั้งคู่จ้องสบตากันเนิ่นนานอย่างลืมตัว ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างฝ่ายต่างนึกย้อนกลับไปถึงห้วงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยผ่านมาร่วมกัน ทั้งห้วงเวลาแห่งความสุข ความอบอุ่นที่เคยได้รับ ทั้งวันเวลาแห่งความปวดร้าวที่ทำให้ทั้งคู่ต้องตัดขาดห่างกันไปเป็นปีๆ ความทรงจำต่างๆ ถูกส่งผ่านสะท้อนออกมาจากแววตาของกันและกัน
ก่อนที่หนุ่มโจ้จะเป้นฝ่ายเปิดปากทำลายความเงียบขึ้นมา...
“พี่เป้ครับ ผมมีเรื่องนึงที่อยากจะพูด... อยากจะบอกกับพี่มาตั้งนานแล้ว...” ชายหนุ่มเกริ่นแล้วเว้นช่วงไว้ รอจนหญิงสาวพยักหน้าตอบรับแล้วจึงพูดต่อ
“ตั้งแต่วันที่มันเกิดเรื่องของแมนขึ้นมา วันที่ทำให้พี่กับผมต้องห่างๆ กันไป ผมก็เฝ้าทบทวนถึงความรู้สึกของตัวเองมาตลอด เรื่องของพี่มันเป็นเหมือนความรู้สึกติดค้างบางอย่างอยู่ในใจของผมมาตลอด ไม่ว่าจะผ่านไปเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี อยากจะพูดขอโทษพี่ออกไปเป็นพันๆ ครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้พูดมันออกไปเสียที ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่กับพี่บอยจะกลับมาดีกันตั้งนานแล้ว แต่ผมเองกลับหยุดคิดถึงเรื่องที่เคยทำผิดพลาดกับพี่ไว้ไม่ได้เลยแม้แต่คืนเดียว
ผมอยากจะขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา ที่ทำเหมือนตั้งใจไปล้อเล่นกับความรู้สึกของพี่ ทั้งเรื่องที่แอบไปวางแผนลับหลังร่วมกับพี่บอย รวมถึงเรื่องที่เป็นคนไปชวนไอ้แมนให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย... ผมไม่รู้นะว่าจนถึงตอนนี้ ลึกๆ แล้วพี่จะยังนึกโกรธหรือเกลียดผมอยู่ในใจอีกรึเปล่า หรือจริงๆ พี่เองอาจจะหายโกรธผมตั้งนานแล้ว มีแต่ผมที่นึกกังวลบ้าบออยู่คนเดียว แต่ผมแค่อยากจะพูดขอโทษพี่ตรงนี้อีกครั้ง
ตอนแรกผมเองก็คิดว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกสำนึกผิด ที่ไปทำให้ชีวิตคู่ของพี่สองคนต้องสั่นคลอน แต่พอลองมองย้อนกลับไปดูดีๆ ลึกๆ แล้วมันยังมีอะไรบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่มากกว่านั้น ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เราได้เริ่มสนิทสนมใกล้ชิดกัน ค่อยๆ ผูกพันกันทีละเล็กทีละน้อย จนถึงวันที่พี่บอยเอ่ยปากบอกให้ผมเข้าไปจีบพี่...
บางทีพี่อาจจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันเป็นเพียงความสัมพันธ์ปลอมๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนองตอบให้กับเรื่องบนเตียงเท่านั้น ซึ่งผมก็ยอมรับนะ ว่าตอนแรกน่ะมันก็เริ่มต้นขึ้นมาด้วยเรื่องของเซ็กส์แบบเพียวๆ เลย ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งไปมากกว่านั้น พี่บอยอยากเห็นพี่มีอะไรกับคนอื่น ส่วนผมเองก็อยากลองมีอะไรกับพี่ดู ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหี้ย แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมต้องยอมรับ”
โจ้ร่ายยาวออกมาก่อนที่จะหยุดพักเพื่อสังเกตอาการของผู้ฟัง ซึ่งหญิงสาวเองก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เบาๆ เป็นเชิงให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“แต่พอผมได้ใกล้ชิดกับพี่มากขึ้น ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันบ่อยๆ มันก็ทำให้ผมเกิดความรู้สึกแปลกๆ กับพี่ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ใจนึงมันก็รู้แหละว่าสุดท้ายแล้วเรื่องระหว่างเรามันก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาลึกซึ้งไปกว่านั้นได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่พี่เองก็พูดออกมาชัดถ้อยชัดคำแล้วว่า เรื่องของเราสองคนนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น... แต่ก็... ไม่รู้ดิ ผมว่าผมอาจจะรักพี่ขึ้นมาจริงๆ ก็ได้นะตอนนั้น...”
คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวถึงกับตกตะลึงอ้ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งหน้าเหวออยู่แบบนั้นเหมือนกับไม่เชื่อหูตัวเอง
“แต่ว่า... ตอนนี้โจ้ก็มีกุ๊กอยู่แล้วนี่นา” สาวเป้หลุดปากพูดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่โดยไม่รู้ตัว
“ก็ใช่ครับว่าในใจของผมตอนนี้ อาจจะมีแค่กุ๊กเพียงคนเดียว... ที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ารักเค้าอยู่ แต่ว่า... มันก็ยังไม่ใช่ความรักในแบบเดียวกับที่ผมเคยรักพี่มาก่อน มันเป็นความรักในแบบที่ผมอยากดูแลเทคแคร์เค้า อยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเค้า เป็นเพื่อนคู่คิดกันไปตลอด
แต่ว่าเวลาอยู่กับพี่แล้ว มันเหมือนผมได้เจอกับตัวเองอีกคน คนที่เข้ากันได้ทุกอย่าง ทั้งความคิด ความชอบ แล้วก็เรื่องอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง มันเหมือนพี่มาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ตัวผมเองก็ไม่เคยรู้ว่ามันขาดหายไป ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง...”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาถึงตรงนี้ก่อนที่จะนิ่งเงียบไป หลงเหลือเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลมแผ่วๆ บนดาดฟ้าชั้น 24 ดังสลับกับเสียงครวญของท่วงทำนองเพลงในร้านอาหารเท่านั้น
หญิงสาวนั่งฟังอีกฝ่ายระบายถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอย่างหมดเปลือก นิ่งคิดทบทวนถึงความรู้สึกตัวเองที่มีต่อถ้อยคำของชายหนุ่มอย่างถี่ถ้วน ก่อนที่เธอจะยอมเป็นฝ่ายเปิดปากพูดออกมาบ้าง
“ขอบคุณนะโจ้... ที่โจ้ยังนึกถึงความรู้สึกของพี่อยู่ อันที่จริงพี่เองก็ไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไรมากมายอย่างที่โจ้คิดเอาไว้หรอก เพียงแต่... พี่แค่รู้สึกเสียดาย กับเสียใจ ที่สุดท้ายแล้วเรื่องของเราสองคน ไม่สิ... เรื่องของเราสามคน มันจะดำเนินไปแบบนั้น พี่เองก็ต้องยอมรับว่าตัวเองก็มีส่วนที่ทำให้เรื่องมันเตลิดลุกลามออกไป จนสุดท้ายตัวเองก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย
แต่ว่า... ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่มันจะมีเรื่องของแมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พี่เองก็รู้ตัวนะ ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันผิด ที่แอบไปใช้เวลาใกล้ชิดอยู่กับโจ้แบบนั้น ทั้งที่มีพี่บอยอยู่แล้วทั้งคน ซึ่งถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นความต้องการของตัวพี่บอยเองมาตั้งแต่แรก... แต่พี่ก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี...
ผิดที่ตัวพี่เอง ดันไปรู้สึกลึกซึ้งกับโจ้ขึ้นมาซะได้...” คำพูดของเป้ ทำเอาหนุ่มโจ้ถึงกับออกอาการงุนงงไม่แพ้กัน
“ที่ผ่านมา พี่เองอาจจะเคยยืนกรานบอกกับโจ้ไปก่อนหน้านี้ ว่าเรื่องของเราสองคนนั้น มันไม่มีอะไรมากมายไปกว่าเรื่องของเซ็กส์เพียงอย่างเดียว... แต่ว่าที่พี่ต้องทำแบบนั้น... ส่วนนึงก็เป็นเพราะว่าพี่เองเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าถ้าหากพี่ยอมรับความจริงว่าตัวเองรู้สึกลึกซึ้งกับโจ้ยังไง แล้วสุดท้ายความจริงที่ว่านี้... มันจะย้อนกลับมาทำให้ความสัมพันธ์ของพี่กับพี่บอยต้องมีปัญหาเกิดขึ้น...
โจ้รู้ตัวมั้ย... ว่าโจ้เป็นผู้ชายคนที่สองในชีวิต ที่พี่ยอมให้ก้าวเข้ามาในหัวใจ อย่างที่โจ้บอกไว้นั่นแหละ ว่าเราสองคนเหมือนกันในหลายๆ ด้าน จนบางครั้งพี่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมเราถึงพึ่งมาใกล้ชิดผูกพันกันเอาเมื่อตอนที่มีครอบครัวแล้ว ยิ่งคิดแบบนี้พี่ก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อพี่บอย รู้สึกผิดต่อตัวเองกับลูกๆ เลยได้แต่พยายามวิ่งหนีความรู้สึกลึกๆ ในใจของตัวเอง พยายามต่อต้านมัน และคอยแสดงออกว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับโจ้เลยแม้แต่น้อย... แต่สุดท้ายแล้วพี่ก็ทำไม่ได้...”
สีหน้าของหญิงสาวตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ มากมายอัดแน่นอยู่ภายใน ไม่ต่างอะไรจากภาพที่สะท้อนออกมาจากแววตาของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
“แต่หลังจากเรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากที่พี่พยายามตัดขาดกับโจ้ไปเป็นปีๆ จู่ๆ เราสองคนก็ได้กลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกันอีกครั้ง มันอาจจะเหมือนกับเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตานำพามานะ แต่ส่วนนึงก็คงเป็นเพราะว่าพี่บอยเค้าแอบไปคุยกับโจ้มาก่อนนั่นแหละ ใช่มั้ย?” หญิงสาวโยนคำถามไปให้ ซึ่งชายหนุ่มเองก็พยักหน้ารับอย่างง่ายดาย
“พี่เองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ต่างๆ มันกลับไปซ้ำรอยเดิมอีก ก็เลยตัดสินใจเปิดอกคุยกับพี่บอยไปเลยตรงๆ บอกความรู้สึกลึกๆ ในใจออกไปให้เค้าฟังตรงๆ ซึ่งมันก็รวมไปถึงความรู้สึกที่พี่มีต่อโจ้ด้วย...” เป้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ให้ฟัง
“แล้ว... พี่บอยเค้าว่ายังไงครับพี่?” โจ้เอ่ยถามขึ้นมาทันควัน
“เค้าเองก็อึ้งๆ ไปนะ แต่สุดท้ายแล้วเค้าก็ยอมเข้าใจแหละ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ไม่เข้าใครออกใคร แต่พี่เองก็ยืนยันให้เค้าแน่ใจแล้วว่า ตัวพี่น่ะไม่ได้ต้องการที่จะไปครอบครอง หรือเข้าไปยุ่มย่ามวุ่นวายอะไรกับชีวิตคู่ของโจ้กับกุ๊กหรอกนะ เรื่องนั้นโจ้สบายใจได้เลย... เราต่างคนต่างก็มีครอบครัวกันหมดแล้ว ก็ต้องคอยดูแลประคับประคองครอบครัวของตัวเองให้มั่นคงหนักและแน่นเหมือนเดิม เรื่องทั้งหมดมันก็แค่.... พี่แค่อยากจะจริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง อยากมีเวลาดีๆ อยู่กับโจ้... ให้พอจะหายคิดถึง ก็เท่านั้นเอง...”
หนุ่มโจ้พยักหน้ารับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนที่จะยื่นมือไปกุมมือของสาวรุ่นพี่ไว้ด้วยความรักใคร่
“ผมเข้าใจครับพี่เป้ ขอบคุณนะครับที่ช่วยพูดกับผมตรงๆ” โจ้เอ่ยปากขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
“อืม พี่ก็ขอบคุณโจ้เหมือนกันนะ” หญิงสาวเองก็ตื้นตันไม่แพ้กัน
“ถ้างั้น... ผมขออนุญาตโทรหาพี่บอยก่อนนะครับ” ชายหนุ่มว่าจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดตรงหน้าสาวรุ่นพี่
“ฮัลโหลครับพี่บอย” โจ้เริ่มต้นบทสนทนาผ่านโทรศัพท์
“เออ ว่าไงโจ้ กลับกันแล้วเหรอ?” บอยทักทายกลับมาตามสาย
“ยังฮะพี่ คือ... ผมจะโทรมาเรื่องนี้แหละฮะ ถ้าพี่บอยไม่ว่าอะไร คืนนี้ผมขอใช้เวลาอยู่กับพี่เป้เพิ่มขึ้นอีกนิดนึงได้มั้ยพี่?”
สาวเป้ที่ได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนั้นก็ถึงกับออกอาการตาโตเป็นไข่ห่าน ส่วนหนุ่มบอยเองก็ดูจะตกตะลึงไม่แพ้กัน
“มึงหมายถึง... ให้เป้ค้างคืนกับมึงน่ะเหรอ?” หนุ่มรุ่นพี่ถามย้ำไปเพื่อความแน่ใจ
“แฮะๆ ใช่ครับ” หนุ่มโจ้ยอมรับออกไปตรงๆ ทำเอาหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับเงียบไปพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะยอมตอบกลับมา
“เออ... ก็ถ้าเป้เค้าไม่ว่าอะไร กูก็ไม่มีปัญหาหรอก...” คำตอบของบอยทำให้โจ้ถึงกับหน้าชื่นตาบานจนลืมเก็บอาการ ซึ่งสาวเป้ที่นั่งนิ่งอยู่ตรงข้ามก็พอจะจับทางบทสนทนาของทั้งคู่ได้ถูก
“ขอพี่คุยกับพี่บอยหน่อยสิ” เป้กระซิบกระซาบกับโจ้เบาๆ พร้อมกับยื่นมือมารอ
“เดี๋ยวพี่บอยคุยกับพี่เป้ต่อแล้วกันนะครับ” โจ้เอ่ยทิ้งท้ายก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นส่งโทรศัพท์มือถือให้เธอ
“ฮัลโหลบอย เป็นไงมั่ง เอมกับโอมกินข้าวรึยัง?” ภรรยาสาวเปิดฉากถามถึงลูกๆ ก่อนเป็นลำดับแรก
“อื้อ เรียบร้อยแล้ว นี่เราพึ่งกล่อมเด็กๆ เข้านอนไปเมื่อกี้นี้เอง แล้วทางเป้เป็นไงมั่ง เมารึยังเนี่ย เสียงป้อแป้เลยนะ” บอยตอบกลับมา
“ยางง.... สบายมาก แค่ดื่มไปนิดหน่อยพอกรึ่มๆ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“เหรอออ... แล้วคืนนี้ยังไงอ่ะ... จะไปต่อกับน้องมันรึเปล่า?” ชายหนุ่มดึงเข้าประเด็นทันที
“อืม... แล้วบอยจะว่าอะไรมั้ยอ่ะ?” หญิงสาวถามกลับไปอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่หรอก... ก็เคยคุยกันแล้วไง เป้ก็ไปเถอะไม่ต้องคิดมาก ส่วนทางนี้เราดูแลลูกๆ ให้เอง”
“อืมมม... ขอบคุณนะบอย เป้ขอเวลาแค่คืนเดียวแล้วกันเนาะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบกลับบ้าน” สาวเป้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแตกพร่า รู้สึกได้ถึงก้อนความรู้สึกบางอย่างที่ขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ เธอนั้นทั้งซาบซึ้งและนึกขอบคุณสามีที่ช่างแสนดี ที่พร้อมจะเข้าอกเข้าใจและยอมรับในความต้องการส่วนลึกของเธอได้
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะเป้” บอยเอ่ยทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อื้อ...” เป้ตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนที่จะกดวางสาย
นาฬิกาข้อมือชี้บอกเวลาเกือบ 4 ทุ่ม ท้องฟ้าด้านนอกดำสนิทมองไม่เห็นแสงดาวใดๆ ลูกค้าในร้านตอนนี้ก็ดูจะเงียบเหงาบางตาลงไปพอสมควร หนุ่มโจ้จึงตัดสินใจชวนสาวเป้เช็คบิลออกจากร้าน
“แล้ว... เราจะไปไหนกันต่อดี?” สาวเป้เอ่ยถามขึ้นมาขณะที่กำลังลงลิฟท์
“อืม... พี่เป้เมามั้ย?”
“ก็นิดหน่อย... โจ้ล่ะ?”
“ผมก็มึนหัวเหมือนกัน ถ้างั้น... เราเปิดห้องที่นี่เลยดีมั้ย จะได้ไม่ต้องฝืนขับรถไปต่อ”
หญิงสาวฟังแล้วก็อมยิ้มเขินๆ พร้อมกับพยักหน้า ทั้งคู่จึงลงไปจองห้องพักแบบดีลักซ์สวีทร่วมกัน แม้ว่าราคาห้องพักจะค่อนข้างแพงอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับหนุ่มโจ้แล้ว ไม่ว่าจะราคาไหนๆ ก็เทียบไม่ได้กับเวลาที่เขาจะได้ใช้แบ่งปันความสุขร่วมกับผู้หญิงคนที่เค้ารักเลยแม้แต่น้อย...
จังหวะที่พนักงานโรงแรมเดินนำทั้งคู่ขึ้นมาที่ห้องนั้น ในหัวของเป้ก็อดคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่ได้ หญิงสาวหวนนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ต่างๆ ระหว่างเธอกับชายหนุ่มที่ผ่านๆ มา ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ได้รู้จักกันมา ทั้งประสบการณ์ดีๆ และเลวร้ายที่ทั้งคู่เคยมีร่วมกัน จนมาถึงในค่ำคืนนี้ ณ เวลานี้ เวลาที่ทั้งคู่ต่างเปิดใจ เผยความรู้สึกให้กันและกันจนทะลุปรุโปร่ง
อีกแค่ไม่กี่อึดใจข้างหน้าแล้ว ที่เธอและเขา จะได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง... พอนึกแบบนี้แล้วสาวเป้ก็แอบรู้สึกตื่นเต้นจนร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมา ชายหนุ่มที่แอบสังเกตเห็นอาการของเธอจึงยื่นมือไปกุมมือเธอไว้แน่น หันไปสบตายิ้มๆ ให้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับบีบมือเธอเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ ซึ่งหญิงสาวเองก็อมยิ้มตอบกลับมาเช่นเดียวกัน
พอปิดประตูเข้าห้องปั๊บหนุ่มโจ้ก็ไม่รอช้า เข้ามากอด เข้ามาหอมเธอให้สมกับความคิดถึงทันที
“โธ่เอ๊ย... อย่าพึ่งใจร้อนซี่ ให้พี่อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนได้มั้ย?” สาวเป้แสร้งออกอาการเอียงอาย ก่อนจะใช้สองมือดันร่างชายหนุ่มออก พร้อมกับร้องขอเวลานอก ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมเออออตามง่ายๆ
หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดสะอ้านนานเกือบ 20 นาที ก่อนที่จะสวมชุดคลุมอาบน้ำออกมานั่งเช็ดผมบนเตียง พร้อมกับบุ้ยใบ้ให้ชายหนุ่มเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวเช่นเดียวกัน โจ้ใช้เวลาในห้องน้ำแค่เพียงไม่ถึง 10 นาที ก็เดินดุ่มๆ ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่ห่มคลุมท่อนล่างเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ เอนกายนั่งลงข้างๆ ร่างของสาวรุ่นพี่อย่างสบายใจ
“เฮ้ออออ... คิดถึงสมัยก่อนเลยเนาะ ที่เราสองคนได้นอนเล่นข้างๆ กันบ่อยๆ” ชายหนุ่มเอ่ยฟื้นความหลัง ซึ่งหญิงสาวเองก็พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงเห็นด้วย
“อืม พี่ก็จำไม่ได้แล้วนะ ว่าครั้งสุดท้ายมันตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“เกือบ 5 ปีแล้วมั้ง...” โจ้พยายามบวกลบวันเวลาที่เหินห่าง
“โห... นานเนาะ” สาวเป้อุทานออกมาเบาๆ
“อืม แต่ว่าสำหรับผมแล้ว ทุกอย่างมันก็ยังเหมือนพึ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เองนะ ผมยังจำความรู้สึกที่เคยได้กอด ได้หอมพี่ได้เป็นอย่างดีเลย” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปกระชับร่างของสาวรุ่นพี่เข้ามาใกล้ๆ หญิงสาวเอียงหน้าหลบเล็กน้อยเพราะความเขิน
“ถ้างั้น... คืนนี้พี่อยู่กับผมซักคืนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขออนุญาตอย่างสุภาพ เล่นเอาสาวเป้ยิ่งอายม้วนเข้าไปอีก ได้แต่หลับตาปี๋ พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงตกลง ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ โน้มศีรษะเข้าไป แล้วประกบปากจุมพิตเธออย่างแผ่วเบา...
หญิงสาวเผยอเปิดปากอ้ารับริมฝีปากของหนุ่มรุ่นน้องด้วยความเต็มใจ สัมผัสที่อบอุ่นและนุ่มนวล ชวนให้เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้มและล่องลอย ร่างของเธอสั่นระริกหวิวๆ เมื่อถูกลิ้นของชายหนุ่มสอดเข้ามาพัวพัน พร้อมกับบดปากจูบแบบเน้นๆ ซึ่งเธอเองก็พยายามแลกลิ้นสู้กลับไปอย่างดูดดื่ม
หนุ่มหล่อใช้สองมือประคองร่างสาวรุ่นพี่ให้เอนลงไปนอนหงายบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะใช้มือซ้ายค่อยๆแง้มเปิดเสื้อคลุมอาบน้ำของเธอออกทางด้านข้าง เผยให้เห็นทรวงเต้าขาวเนียนอวบหยุ่น เด้งดึ๋งดั๋งท้าทายสายตาอย่างชัดเจน แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่ทรวงอกของสาวเป้ก็ยังคงสวยงามน่าจูบเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
โจ้ค่อยๆ ซุกหน้าลงไป ถูไถใบหน้าซุกไซร้อยู่กับสองเต้าอวบเหมือนเด็กน้อยที่เจอของเล่นถูกใจ สูดดมกลิ่นกายหอมๆ ของสาวรุ่นพี่เข้าไปเต็มปอด ก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นแลบเลียเข้าไปเบาๆ ตรงปลายยอดปทุมถัน เรือนร่างของเป้บิดส่ายไปมาด้วยความรัญจวนใจ ปล่อยให้หนุ่มรุ่นน้องได้เล้าโลมลวนลามสองเต้าของเธออย่างเต็มที่ สองมือของโจ้ก็คอยคลึงเคล้นเล่นกับก้อนเนื้ออวบอิ่มทั้งสองข้างอย่างเพลิดเพลิน สลับกับการใช้ปากดูดทึ้งเต้านมของเธอ เสียงดังจ๊วบจ๊าบสะใจ
ลีลาปลุกเร้าอันน่าตื่นตาตื่นใจของชายหนุ่ม ช่างเป็นรสสัมผัสที่หญิงสาวเฝ้าโหยหามาเป็นเวลานานแสนนาน
“อืมมม...มมมม์ โอ๊ย... โจ้...” สาวเป้หลุดครางออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า แอ่นหน้าอกบดอัดกับใบหน้าของหนุ่มโจ้อย่างถึงอกถึงใจ
“แผล่บ...อืมมม กลิ่นตัวพี่เป้เนี่ย... ยังหอมเหมือนเดิมเลยนะครับ แผล่บ... แผล่บ...บบบ” ชายหนุ่มพร่ำเพ้อพร้อมกับใช้ปลายลิ้นตวัดเลียเลียระรัวไปที่ยอดถันสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้างของเธออย่างหื่นกระหาย
ทรวงอกอวบขาวผ่อง ล้นทะลักออกมาแผ่หลาผ่านช่องว่างตรงกลางระหว่างเสื้อคลุม ก้อนเนื้อกลมกลึงส่ายสะบัดไปมาตามแรงสัมผัส หนุ่มโจ้นั้นทั้งดูดทั้งเลีย ชิมรสหอมหวานที่เคยเฝ้าฝันถึงมาเนิ่นนาน หญิงสาวถึงกับบิดตัวดิ้นพล่านๆ สูดปากร้องครางซี้ดซ้าดออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ รู้สึกได้ถึงอาการร้อนวูบวาบหวิวๆ ตรงกลางหว่างขา ซึ่งตอนนี้กำลังเปียกเยิ้มได้ที่
คราบน้ำสวาทค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากปากร่องรูสาวของเธออย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามีใครเผลอลืมปิดก๊อกน้ำด้านใน จนมันล้นทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน ก่อนที่เจ้าหนุ่มโจ้จะแอบสังเกตได้ถึงอาการแฉะชื้นที่กลางตัวเธอ จึงค่อยๆ เลื่อนใบหน้า สูดดมกลิ่นกายของสาวรุ่นพี่ผ่านหน้าท้องขาวจั๊วะ ลงไปหยุดค้างอยู่ที่หน้าขาซึ่งยังคงมีเนื้อผ้าของชุดคลุมปิดปกคลุมอยู่
หญิงสาวพยายามหนีบสองขาเข้าหากันด้วยความเขินอาย แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงหื่นกระหายของชายหนุ่ม ที่ใช้สองมือจับแบะสองขาของเธออ้าออกได้ในท้ายที่สุด เธอจึงทำได้เพียงใช้สองมือปกปิดใบหน้าตัวเองเอาไว้ เพราะไม่กล้าสู้หน้าหนุ่มรุ่นน้องเท่านั้นเอง สายตาของโจ้จ้องเขม็งอยู่ที่เนินเนื้อสาวอันคุ้นเคย กาลเวลาที่ผ่านเลยไป ไม่อาจลบเลือนความอวบอูมและโหนกนูนของมันไปได้แม้แต่น้อย พงหมอยดกดำด้านบนถูกตัดแต่งเอาไว้แบบง่ายๆ แต่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเคย
ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างสวยงามจนชายหนุ่มถึงกับไม่อาจละสายตาออกไปได้เลย ค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วกรีดเขี่ยลงไปเบาๆ ที่กลางร่อง จนร่างของสาวรุ่นพี่สั่นสะท้านออกอาการเสียวซ่านเหมือนถูกไฟช็อต
“อุ๊ย!... โจ้...อืออออ” สาวเป้ร้องครางออกมาด้วยอารามตกใจ แต่เจ้าหนุ่มรุ่นน้องกลับหาได้สนใจไม่ เพ่งสมาธิอยู่กับการเขี่ยคลึงปากทางเข้าที่ชุ่มฉ่ำจนปลายนิ้วกลางกับปลายนิ้วชี้เปียกเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่น
“อุ๊! ซี้ดดดด.... ดดดดส์” หญิงสาวเผลอสูดปากออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปลายนิ้วลื่นๆ ของชายหนุ่มกดมุดเข้าไปสำรวจภายในร่างกายของเธอนิดนึง
หนุ่มโจ้ค่อยๆ สอดแยงนิ้วกลางทิ่มลึกเข้าไปด้านใน ใช้ปลายนิ้วค่อยๆ บรรจง เขี่ยสะกิดไปมาที่โพรงเนื้อสาวอันอ่อนนุ่มภายในของเธอ
พยายามใช้นิ้วกดบี้คลึงลงไปเน้นๆ ที่บริเวณปุ่มเนื้อขรุขระตรงจุดจีสปอต จนหญิงสาวถึงกับออกอาการดิ้นพล่านๆ สองขาแหกอ้าออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับแอ่นโคกหีให้เจ้าหนุ่มรุ่นน้องได้ล้วงคว้านอย่างถนัดมือ
“อู๊ยย โจ้ เบาๆ นะ พี่เสียววว...ววว” เป้ละล่ำละลักออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรง เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกเมื่อถูกฤทธิ์ดัชนีของชายหนุ่มเล่นงานที่จุดเสียวกระสันตรงๆ ในขณะที่โจ้เองก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้กับเนินสาวของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
หญิงสาวนั้นเข้าใจไปว่าชายหนุ่มกำลังจะก้มลงไปใช้ปากกับส่วนลับของเธอ จึงพยายามรวบรวมกำลัง เกร็งหน้าขารอรับความเสียวที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่หนุ่มโจ้นั้นยังใจเย็น ค่อยๆ ขยับตัวเลื่อนใบหน้าลงมา ใช้สองมือประคองท่อนขาคู่งามของเธอขึ้นค้างไว้กลางอากาศ ก่อนที่จะใช้ริมฝีปากระดมพรมจูบลงไป ไล่ตั้งแต่ปลายนิ้ว ไต่สูงขึ้นมาที่ข้อเท้ากลมกลึง ก่อนจะลากลิ้นเลียผ่านน่องขาขาวอวบอิ่ม มาหยุดตรงที่เนื้อขาอ่อนด้านในของเธอ
สาวเป้โดนลีลาจู่โจมอันสุดจะวาบหวามดอกนี้เข้าไปก็ถึงกับตัวสั่นเกร็งกระตุก ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มคู่ขาจะกล้าลงทุน ไล่จุมพิตเรือนร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าขนาดนี้ ซึ่งส่วนเดียวที่ยังคงรอดพ้นจากลีลาชิวหาของชายหนุ่ม ก็เห็นจะมีเพียงแค่เนินเนื้อสาวอันอ่อนนุ่มตรงกลางลำตัวเท่านั้นเอง
โจ้ค่อยๆ ปาดลิ้นเลียเข้าไปที่ขาอ่อนด้านในของเป้ พร้อมๆ กับใช้ปลายนิ้วแบะอ้ากลีบเนื้อสาวของเธอให้ถ่างแยกออกจากกันช้าๆ มองเข้าไปเห็นโพรงเนื้อสีชมพูอมแดงด้านใน ที่แม้ว่าสภาพของมันอาจจะไม่ได้สาวสด เหมือนเมื่อครั้งที่ชายหนุ่มได้ลิ้มลองเป็นครั้งแรก กลีบเนื้อด้านนอกก็ไม่ได้แนบสนิทชิดกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ถึงกระนั้นแล้ว สภาพร่องหีของเธอก็ยังถือเป็นภาพที่สวยงามที่สุดอีกภาพนึงในสายตาของชายหนุ่ม
หนุ่มโจ้จ้องสำรวจร่องรูภายในของสาวรุ่นพี่จนหนำใจ ก่อนที่จะค่อยๆ ห่อลิ้น บรรจงแตะเข้าไปที่ติ่งเสียวเม็ดกลมกลึง จนเธอถึงกับสะดุ้งเฮือกๆ แอ่นกระตุก ยกสะโพกเด้งขึ้นลงอย่างลืมตัว ขยุ้มสองมือลงไปบนเส้นผมของชายหนุ่ม พร้อมกับหลุดครางออกมา
“อุ๊... ซี้ดดดส์ อย่าเลียตรงนั้น อ่ะ.. อ๋อยยสสส ซี้ดดดส์ มันเสียวววว”
โจ้นั้นช่างอดทนอดกลั้นได้เป็นเลิศ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลากลิ้นสำรวจกลีบแคมปากร่องของเป้ต่อไปอย่างใจเย็น ดูดชิมรสชาติความสาวอันหอมหวานของเธอที่ไหลซึมออกมาอย่างเต็มคราบ ความหวานของมันช่างชุ่มช่ำจนเขาไม่อาจถอนปากออกไปได้ง่ายๆ เล่นเอาสาวเป้ถึงกับออกอาการเงี่ยนง่าน ร้องครวญครางออกมาอย่างไม่อายใคร ใช้มือกดศีรษะชายหนุ่มให้แนบเข้ากับเนินหีเธอแน่นขึ้นๆ จนชายหนุ่มแทบจะหายใจไม่ออก
แต่เจ้าหนุ่มรุ่นน้องเหมือนจะไม่สนใจ เร่งออกแรงทั้งดูดทั้งคว้านมุดเข้าไปในรูหีของเธอรัวๆ สลับกับการเม้มดูดที่ยอดเม็ดทับทิมบวมเป่งสีแดงด้านนอกแรงๆ จนสาวเป้นั้นถึงกับสุดกลั้น ต้องยอมพ่ายแพ้แก่อารมณ์ใคร่ที่ล้นทะลักออกมาจากภายใน
“โอ๊ะ...! โอ๊ยยย... ยยยย โจ้...! พี่ มะ... ไม่ไหวแล้ววว....ววววววสสสส ซี้ดดดดดดส์ ” หญิงสาวแหกปากหวีดร้องออกมา แอ่นหน้าขากระตุกเฮือกๆ สองมือจิกขยุ้มลงไปบนศีรษะของอีกฝ่ายแรงๆ ปล่อยน้ำเงี่ยนพุ่งกระฉอกปรี๊ดๆ น้ำแตกคาปากของเจ้าหนุ่มน้องรักไปแบบไม่ทันตั้งตัว
หญิงสาวนอนหอบหายใจอย่างคนไม่มีเรี่ยวแรง หน้าอกหน้าใจสั่นกระเพื่อมไปมาตามจังหวะการหายใจ น้ำเงี่ยนไหลนองออกมาจนล้น เปียกซึมไปถึงร่องก้น สายตาของเธอนั้นดูเคลิบเคลิ้มแต่แฝงเอาไว้ซึ่งความพึงพอใจอยู่ลึกๆ
“พี่เป้อ่ะ... รีบไปไม่รอผมเลยนะ ใจร้ายที่สุดเลย” เจ้าหนุ่มแสบแกล้งพูดกระเซ้าอย่างอารมณ์ดี จนสาวรุ่นพี่ออกอาการเขินๆ พร้อมกับรีบออกปากพูดแก้ตัวทันควัน
“อะไรเล่า... ก็ตัวเองไม่ใช่รึไง ที่เอาแต่แกล้งบิวท์ไม่ยอมเลิก แล้วจะมาโทษพี่ได้ไงเล่า”
“ไม่รู้ล่ะ พี่เสร็จแล้วแต่ผมยังไม่เสร็จนี่นา ดูสิ ของผมมันยังแข็งโป๊กอยู่เลยเนี่ย เห็นป่าว?” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เป้ากลางลำตัว ซึ่งตอนนี้มีท่อนเนื้อแข็งแกร่ง เบียดแอ่นทะลุเนื้อผ้าขนหนู จนมองเห็นเป็นแท่งลำโป่งพองออกมาอย่างชัดเจน
“อุ๊ย..! โจ้อ่ะ ทำตัวทุเรศอีกแล้ว คนอะไรหน้าไม่อายจริงๆ” สาวเป้พูดเขินๆ พร้อมกับหันหน้าหลบเพราะไม่กล้ามองตรงๆ
“โธ่พี่เป้ครับ ก็ผมคิดถึงพี่เป้นี่นา ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมพี่เป้ตั้งเป็นปีๆ แล้ว พอได้มาอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้มันก็ต้องมีอารมณ์เป็นธรรมดานั่นแหละ” โจ้ว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือเป้ ออกแรงดึงมือเธอมาวางแหมะลงไปที่ดุ้นเนื้อกลางลำตัว
“พี่เป้ลองจับมันดูสิครับ จะได้รู้ว่าผมคิดถึงพี่มากแค่ไหน” ชายหนุ่มพูดออดอ้อน
หญิงสาวค่อยๆ กำมือสำรวจอาวุธประจำกายของชายหนุ่มยังตั้งใจ เป็นเวลาเนิ่นนานหลายปีแล้วที่เธอไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับเจ้าท่อนเนื้ออวบใหญ่อันแสนจะคุ้นเคยนี้ ท่อนลำที่ครั้งหนึ่งนั้นเคยมุดคว้านเข้าไปในร่างกายของเธอ... มอบประสบการณ์เสียวซ่านไม่รู้ลืมให้กับเธอ... ซึ่งก็คือท่อนลำอันเดียวกับที่กำลังเต้นหงึกๆ สู้มือเธออยู่ในตอนนี้ พอคิดแบบนี้แล้ว หญิงสาวก็เผลอเกร็งขมิบร่องหลืบของตัวเองถี่ๆ อย่างลืมตัว...
เป้ค่อยๆ เร่งจังหวะการรูดท่อนลำให้เร็วขึ้น แรงขึ้น พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงลงไปที่ปลายท่อด้านบนเป็นจังหวะ เรียกเสียงครางสูดปากออกมาจากเจ้าของท่อนเนื้อได้ชุดใหญ่
“อูยย... พี่เป้ครับ... แบบนั้นแหละครับ แรงๆ เลย... ซี้ดส์”
เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากของหนุ่มคู่ขา ยิ่งทำให้สาวเป้เกิดคึกคะนองขึ้นมา ค่อยๆ โน้มตัวก้มใบหน้าต่ำลง ต่ำลง จนไปหยุดอยู่ห่างจากหน้าขาของชายหนุ่มแค่ไม่ถึงคืบ ก่อนที่จะค่อยๆ อ้าปาก แลบลิ้นแตะลงไปที่ปลายหัวมนเบาๆ
“อุ๊... ซี้ดดดดดส์.... พี่เป้... อู๊ยยยย สุดยอดครับ” เจ้าหนุ่มละล่ำละลักร้องออกมาอย่างสาแก่ใจ เมื่อถูกอุ้งมือของสาวรุ่นพี่ ทั้งรูดทั้งถอก สลับกับใช้ปากดูดเลียดอกเห็ดหัวบานเขื่อง ราวกับกำลังเพลิดเพลินอยู่กับรสชาติของอมยิ้มแท่งโปรดในมือ
ปลายลิ้นของเป้ลากเลียไปรอบๆ ท่อนลำ ไล่ต่ำลงมาถึงพวงไข่นุ่มๆ ทั้งสองข้าง ก่อนจะตวัดลากสูงกลับขึ้นมาถึงด้านบน จ่อลิ้นกดลงไปหนักๆ ที่ร่องบากที่ปลายหัว เล่นเอาหนุ่มโจ้ถึงกับเสียวจี๊ดไปถึงท้องน้อย ได้แต่หลับตาปี๋ทำหน้าเหยเก ก่อนที่เจ้าท่อนเนื้ออวบอ้วนและยาวใหญ่ของชายหนุ่มนั้น จะถูกริมฝีปากบางๆ ของหญิงสาวอ้าอมเข้าไปจนเกือบสุดลำ
ทันทีที่ท่อนเนื้อของชายหนุ่มมุดแทรกผ่านเข้าไปในโพรงปาก ภาพความทรงจำที่เคยผ่านมาเมื่อครั้งอดีตก็หวนย้อนคืนมาใหม่ รสสัมผัสจากท่อนเนื้อในวันนี้ แทบไม่ต่างอะไรจากเมื่อครั้งที่เธอเคยยอมใช้ปากให้ชายหนุ่มเป็นครั้งแรก หลังจากที่อีกฝ่ายพยายามอ้อนวอนร้องขอกับเธออยู่นานสองนาน แตกต่างกันที่ครั้งนี้ เธอเองนั่นแหละ ที่เป็นฝ่ายเต็มใจมอบความสุขให้กับเขาแบบยินยอมพร้อมใจ
เป้ทั้งดูด ทั้งรูด ทั้งเลียมันด้วยความหิวกระหาย รสชาติเค็มๆ ปะแล่มที่ได้รับ ดูจะแตกต่างจากท่อนลำของสามีเธออยู่ไม่น้อย และมันยิ่งกระตุ้นอารมณ์หื่นในตัวเธอให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามใจ ขนาดที่ใหญ่โตคับปากของมันยิ่งท้าทายให้เป้พยายามดูดกลืนมันเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับว่าเธอนั้นกำลังต้องการจะดูดกลืนร่างของชายหนุ่มเข้าไปให้หมดทั้งตัว
หลังจากพยายามเร่งเร้าปลุกอารมณ์ให้ชายหนุ่มอยู่พักใหญ่ๆ หญิงสาวเองก็ชักจะเริ่มเกิดอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน กลีบเนื้อสาวของเธอตอนนี้เริ่มที่จะเปียกชื้น จนเธอเองยังรู้สึกได้ถึงอาการเหนียวเหนอะหนะที่กำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาตรงกลางลำตัว ยิ่งเงี่ยนก็ยิ่งคึก เธอจึงเร่งออกแรงห่อปากดูดเน้นๆ ลงไปที่บริเวณปลายหัวควยแบบแรงๆ พร้อมกับใช้มือข้างที่ว่าง คอยคลึงเคล้นพวงไข่ให้ชายหนุ่มไปด้วยพร้อมๆ กัน
หนุ่มโจ้เองโดนเข้าไปแบบนี้ก็ชักจะเริ่มเสียวๆ ขึ้นมาเหมือนกัน หากว่ายังปล่อยให้หญิงสาวใช้ปากให้เขาอยู่แบบนี้ เห็นทีว่าเขานั้นคงจะเกิดอาการน้ำแตกขึ้นมาซะก่อนที่จะทันได้ร่วมรักกับเธอเป็นแน่ ชายหนุ่มจึงพยายามใช้สองมือดันศีรษะของเธอออกอย่างนุ่มนวล
“อืมมม... พอก่อนนะครับพี่เป้... พอก่อนนะ” สาวเป้ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ รูดริมฝีปากให้ครูดกับท่อนลำออกมาช้าๆ จนมันหลุดออก เกิดเป็นเสียงดังโบ๊ะ! ฟังแล้วสะใจเธอยิ่งนัก
ชายหนุ่มพยายามควานหาซองถุงยางที่เคยพกติดกระเป๋าสตางค์ไว้ตลอด ก่อนที่จะพบว่า... ให้ตายเหอะ! เขาลืมซื้อติดกระเป๋ามาตั้งนานแล้ว!
ด้วยความที่ช่วงหลังๆ นั้น หนุ่มโจ้เองก็พยายามที่จะทำตัวเป็นแฟนหนุ่มที่แสนดีของสาวกุ๊ก ไม่คิดซุกซนนอกลู่นอกทาง หาเศษหาเลยกับสาวคนไหนอีก และยอมหยุดตัวเอง เลือกที่จะมีเซ็กส์เฉพาะกับแฟนสาวของตัวเองเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งด้วยความที่ปกติแล้ว สาวกุ๊กเองก็มักจะทานยาคุมป้องกันไว้เป็นประจำ ทำให้ชายหนุ่มเองก็มักจะติดนิสัยเสียบสด เนื้อๆ เน้นๆ รวมถึงแตกในตลอด โดยไม่จำเป็นต้องหาถุงยางมาใส่ให้วุ่นวาย
พอถึงเวลาต้องเปลี่ยนคู่นอนจริงๆ จังๆ ชายหนุ่มจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท!
“ชิบหายแล้ว...” โจ้เผลอครางออกมาอย่างลืมตัว
“เป็นไรเหรอโจ้?” สาวรุ่นพี่ถามด้วยอารามตกใจ ซึ่งชายหนุ่มรุ่นน้องก็ได้แต่หันหน้ามายิ้มแบบเจื่อนๆ
“พี่เป้ครับ... ผมลืมพกถุงยางมา” คำตอบของโจ้ทำเอาเป้เกิดอาการหน้าเสียไปเหมือนกัน
“ตายจริง... แล้วแบบนี้เอาไงดีอ่ะ ทางพี่ก็ไม่ได้ทานยาคุมด้วย” หญิงสาวออกอาการร้อนรน
“อืมม... ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อที่เซเว่นก็ได้” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับเตรียมจะลุกขึ้นจากเตียง
“เดี๋ยวโจ้ อย่าพึ่งไป” เป้ร้องห้ามพร้อมกับเอื้อมมือไปรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ จนหนุ่มโจ้ต้องหันมาสบตากับเธอแบบงงๆ
“คือ... โจ้จะทำต่อเลยก็ได้นะ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะยอมเอาออกมาเสร็จข้างนอก” สาวเป้กลั้นใจพูดออกไปอย่างหมดอาย อารมณ์หื่นที่กำลังไต่ขึ้นสูงได้ที่ ทำให้เธอยินดีพร้อมที่จะยอมเสี่ยง หากว่าสุดท้ายแล้วมันจะนำมาซึ่งความเสียวซ่านให้กับเธอ
หนุ่มโจ้ได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มร่ารับคำทันที ประคองดันร่างของหญิงสาวรุ่นพี่ให้เอนตัวลงนอนหงายลงไปบนเตียง จับท่อนขาของเธอให้ถ่างอ้าออก จับจ่อท่อนควยที่กำลังเบ่งบวมแบบสุดๆ ถูไถเขี่ยเข้าที่ปากร่องรูเพื่อให้เธอพร้อมแบบสุดๆ จ้องสบตากับเธออย่างหวานซึ้ง ก่อนที่จะเอ่ยถ้อยคำจากก้นบึ้งของความรู้สึกตัวเองออกมา
“ผมรักพี่เป้นะครับ” โจ้พูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ สาวเป้ที่ได้ฟังแบบนั้นก็บ่อน้ำตาแตก หยาดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลรินออกมาจากเบ้าตาของเธอช้าๆ จนหยดลงมาเป็นสาย ก่อนที่จะเอ่ยรับคำพร้อมกับคราบน้ำตา
“พี่ก็รักโจ้เหมือนกัน”
หลังจากสารภาพความในใจออกมาจนหมดเปลือกแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่รอช้า ค่อยๆ ออกแรงดันท่อนเอ็นให้มุดทิ่มเข้าไปเบาๆ ความเปียกชื้นทำให้มันผลุบหายเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำให้หญิงสาวออกอาการจุกเสียดด้านในอยู่ดี
“อึ๊... อือออ เบาๆ นะโจ้.... พี่ยังไม่ชิน” สาวเป้ครางออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกหวั่นๆ
“ครับพี่... ไม่ต้องเกร็งนะ ผมจะทำเบาๆ” ชายหนุ่มรับคำอย่างนุ่มนวล ค่อยๆ กระดกบั้นเอวดันท่อนเนื้อเข้าไปอย่างนิ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ สองมือก็คอยลูบไล้ ซุกไซร้สองเต้าของเธอไปด้วย เพื่อช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวด
โจ้ค่อยๆ ออกแรงกดทิ่มลงไป... ลึกเข้าไป... ในขณะที่หญิงสาวเองก็พยายามเกร็งร่างรับ สองมือปะป่ายไปตามลำตัวของชายหนุ่มอย่างลืมตัว ก่อนที่สุดท้ายแล้วท่อนเนื้อใหญ่ยักษ์ จะทิ่มปักเข้าไปในตัวเธอได้เกือบจะมิดด้าม ภาพกลีบแคมสองข้างที่ยับยู่ยี่ปลิ้นล้นออกมา ในขณะที่กำลังถูกท่อนเนื้อเปลือยเปล่ากดมุดเข้ามุดออกจนน้ำกระฉอก มันช่างเป็นภาพที่งดงามน่าดูชมในสายตาของเจ้าหนุ่มคนนี้เหลือเกิน
และแล้ว... หลังจากที่ต้องพลัดพรากจากกันไปเป็นระยะเวลาเนิ่นนานหลายปี ในที่สุด... ร่างของพวกเขาทั้งสองคนนั้น ก็ได้หวนกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง ในแบบที่เรียกได้ว่า 'เนื้อแนบเนื้อ' อย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีอะไรขวางกั้นอีก
สาวเป้นั้นถูกความใหญ่โตอลังการของชายหนุ่ม ทิ่มคว้านเข้าไปในร่างกายของเธอจนถึงกับตาปรือ สติสตังหลุดหลงล่องลอยไปถึงไหนต่อไหน ออกอาการขมิบตอดโพรงหี บีบอัดเข้าหาท่อนลำของชายหนุ่มที่กำลังกดมุดเข้ามาอย่างลืมตัว
มันเป็นความรู้สึกคับแน่น จุกตึงภายในร่างกาย ผสมผสานกับความรู้สึกเสียวกระสันที่ค่อยๆ สะสมก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เป็นรสสัมผัสที่หญิงสาวแอบเฝ้าโหยหาใฝ่ฝันถึงมันมานานแสนนาน มันช่างเต็มอิ่ม สะใจ และอร่อยรูหี แตกต่างจากลีลาร่วมรักของหนุ่มบอยผู้เป็นสามีแบบคนละโลก แม้ว่าเธอนั้นจะรักบอยมากกว่าโจ้เพียงใดก็ตาม แต่นั่นก็เป็นความจริงที่หญิงสาวไม่สามารถปฏิเสธได้อยู่ดีว่า...
หากต้องเลือกใครคนใดคนนึงให้มาทำหน้าที่เป็นคู่ขาร่วมกันบนเตียงแล้วล่ะก็... คำตอบของเธอก็คงจะต้องเอนเอียงไปทางเจ้าหนุ่มรุ่นน้องโดยไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว...
หนุ่มโจ้พยายามถอนลำควยเข้าออกร่องรูของเธออย่างช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มความเร็ว ขึ้นมาทีละนิดๆ จนสาวเป้เองแทบจะไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และกว่าที่เธอจะรู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็เริ่มต้นตั้งหน้าตั้งตา ซอยตะบันดุ้นควยเข้าออกในร่องหีเธอเป็นจังหวะต่อเนื่องแบบเร็วระรัวเสียแล้ว เสียงโหนกเนื้อตีกระทบกันหน้าท้องของชายหนุ่มดังต่อเนื่องเป็นจังหวะระรัว
“อ่ะ.. อ๊ะ...! อ๊ะ.... อ๊าาาา.. สสสส... เสียว... โอ๊ย พี่เสียววว...วววว” เป้แหกปากร้องครางออกมาอย่างสุดเหวี่ยง สองขาแหกอ้า แอ่นกายเข้าหาชายหนุ่ม ซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตากดกระแทกโหนกหีของเธออย่างเมามัน ขณะที่สองมือนั้นก็ยังคงคอยบีบคลึงสองเต้าคู่งามไปด้วยไม่ปล่อย ปลายนิ้วคลึงเขี่ยเล่นอยู่ที่ยอดปทุมถันของเธอจนมันแข็งชี้ชูชันขึ้นมา
“อืมมม.... หีพี่เป้นี่... ยังสุดยอดเหมือนเดิมเลยน้าาา.... เย็ดทีไร... ก็ไม่เคยเบื่อเลย” ชายหนุ่มพูดปลุกอารมณ์ของเธอออกไปตรงๆ พร้อมกับใช้มือจับยึดข้อเท้าของเธอให้ลอยค้างไว้กลางอากาศ
“อ๋อย... โอ๊ยยย โจ้... ระ... แรงๆ เลย อ๊ะ... ตรงนั้น... อ่ะ... อ๊าาาา! อ๋าาาาา!” หญิงสาวร้องครางออกมาฟังแทบไม่ได้ศัพท์ สะบัดส่ายหน้าไปมาอย่างร้อนร่าน เด้งก้นเด้งเอว ปล่อยตัวปล่อยใจให้หนุ่มรุ่นน้องได้เร่งตะบันเย็ดหีเธอ จนแคมเนื้อปลิ้นเข้าปลิ้นออกอย่างหมดสภาพ เสียงดัง ปั้บ...บบ ! ปั้บบ.. บบ ปั้บบบ..! สนั่นลั่นห้อง
ใบหน้าหมวยๆ ของสาวเป้ตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเกดูไม่จืด คิ้วขมวดยับยู่ยี่ ขบเม้มริมฝีปากตัวเองด้วยความร้อนรน เหงื่อโซมกาย เมื่อโดนท่อนเนื้อตอกกระแทกเข้าออกอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ที่เคยลดต่ำลงไปหลังจากเสร็จกิจ ก็เกิดหวนไต่ระดับกลับมา จนจวนเจียนใกล้ที่จะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ โพรงหีขมิบตอดถี่ๆ รัวๆ รัดท่อนควยชายหนุ่มจนรู้สึกแน่นไปทั้งลำ
“อ๊ะ.. อ๋าาาา...!! โจ้ อย่าคว้าน... บ.. แบบน้านนนน...นนนน พี่ใจจะขาด” สาวเป้ร้องครวญขอความคิดเห็นใจออกมาแบบสุดเสียง แต่ตัวเองกลับแอ่นกระแทกเนินหีเข้าหาท่อนควยของชายหนุ่มอย่างสุดชีวิตเสียเอง
เจ้าหนุ่มรุ่นน้องเร่งกระเด้าเย็ดร่างสาวรุ่นพี่อยู่อีกพักใหญ่ๆ ก็ชักจะออกอาการเป๋ๆ ไปเหมือนกัน ความเสียวซ่านตรงปลายท่อนลำที่ทนฝืนกลั้นมานานก็ชักจะออกอาการหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อโดนขมิบตอดหนักๆ เข้าแบบนี้ สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ยากที่จะฝืนทนเอาไว้ได้อีกต่อไป ออกแรงดันโล้หน้าขาของเธอจนมันแนบเข้าหาตัว พร้อมกับโถมตัวลงไปทับร่างของเธอจนแนบสนิท ก่อนจะเร่งซอยควยกระทุ้งร่องหีของเธอแบบเน้นๆ หนักๆ พยายามกดสอดท่อนลำเข้าไปในตัวเธอให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อู๊ยยย... พี่เป้ครับ ผมจะแตกแล้ว” ชายหนุ่มร้องครวญออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“อ๊ะ...! โอ๊ยยย... อืมมม... พี่ก็... จะไม่ไหวเหมือนกัน... โอ๊ยยยยย.. สสสส.... ซี้ดดดดส์” หญิงสาวเองก็พยายามแหกปากร้องสู้ สลับกับเสียงเนื้อของทั้งคู่ที่กระแทกกระทบกันเสียงดังสนั่น ปั้บบ... ปั้บบบบ..บบบ ปั้บบ... บบบบ!
“อ๋อยยย... มะ... ไม่ไหวแล้ววว โอ๊ย พี่เสร็จอีกแล้ววว.. วววววว อ๊ายยยยยยยยยยสสสส!” เป้หลุดร้องกรี๊ดออกมายาวๆ พร้อมกับออกอาการกระตุกตอดไปทั่วทั้งร่าง โพรงหีเต้นตุบๆๆ ถี่ๆ แรงๆ บีบรัดท่อนลำของโจ้อย่างหนักหน่วง น้ำรักทะลักทะลวงออกมาแตกชุ่มท่อนเอ็นจนล้น
เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับทนพิษบาดแผลไม่ไหว ต้องรีบชักท่อนลำรวดเดียวหลุดผั้วะออกมาจากตัวเธอ กระฉูดน้ำรักขาวขุ่นพุ่งปรี๊ดลงไปบนหน้าอกของเธอ ซึ่งกำลังสั่นกระเพื่อมไม่หยุดแบบชุดใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหมอบกระแตข้างๆ เธอ
ทั้งคู่นอนหลับตา หอบหายใจหมดเรี่ยวแรงอยู่ข้างๆ กันร่วมๆ นาที โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเปิดปากชวนคุยขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังไม่หายเหนื่อย
“แฮ่กๆ... ฮื่อ... สุดยอดเลยฮะพี่เป้ แฮ่กๆ...” โจ้เอ่ยออกมาสลับกับเสียงหอบแฮ่กๆ
“อืม... โอยย... พี่นึกว่าตัวเองจะขาดใจตายซะแล้ว” เป้ครางออกมาอย่างอ่อนแรง
“ถ้าตายจริงๆ ก็ดีสิ อย่างน้อยพี่ก็ยังได้ตายคาอกผมนะ” ชายหนุ่มแกล้งพูดกระเซ้าอย่างสนุก
“ดีกับผีน่ะสิ อายเค้าตายเลย ได้ลงข่าวหน้าหนึ่งว่าตายเพราะมีเซ็กส์คาโรงแรมเนี่ย” หญิงสาวบ่นอุบอิบ ขณะที่เจ้าหนุ่มรุ่นน้องกลับหัวเราะร่าอย่างชอบใจ
“แฮะๆ ผมมีความสุขจังเลย พี่เป้มีความสุขเหมือนกันมั้ย?” โจ้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ส่งสายตาเป็นประกาย
“อื้อ” สาวรุ่นพี่ตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าเขินๆ ใช้มือซ้ายก่ายลงไปบนแผงอกของชายหนุ่ม พร้อมกับลูบไล้มันเบาๆ
“ดีจังเลยเนาะ ที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันแบบนี้อีก” หญิงสาวสารภาพความรู้สึกในใจออกมาตรงๆ
“อืม ผมอยากกอดพี่แบบนี้ไปตลอดเลย รู้มั้ย?” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“เว่อร์ๆ... แล้วใจคอไม่คิดจะกลับไปกอดกุ๊กเค้ารึไง?” สาวเป้แกล้งแซวหยอกเย้า
“อ๋อ... เดี๋ยวให้พี่บอยเค้าไปกอดแทนก็ได้ครับ เผลอๆ พี่แกจะเกิดติดใจ จนลืมกลับมากอดเมียรึเปล่าก็ไม่รู้เนาะ” หนุ่มโจ้หยอกกลับไป จนหญิงสาวออกอาการงอน ใช้มือหยิกแขนของชายหนุ่มแรงๆ เป็นการตอบโต้
“อีตาบ้า! ปากดีนักนะ ฮึ!”
สองหนุ่มสาวพูดคุยหยอกล้อกันอย่างอารมณ์ดีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพากันเข้าไปชะล้างทำความสะอาดคราบไคลกันในห้องน้ำ แล้วจึงออกมานอนงีบพักผ่อนเอาแรงข้างๆ กันบนเตียง
จนเวลาผ่านไปเกือบๆ 2 ชั่วโมง...
สาวเป้ที่กำลังเคลิบเคลิ้มหลับไหลอยู่ในภวังค์ ก็เกิดสะลึมสะลือตื่นขึ้นมากลางดึก รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังลวนลามเรือนร่างของเธออยู่ พอลืมตามองดูก็เห็นเป็นใบหน้ายิ้มๆ ของหนุ่มโจ้ ซึ่งกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนจ้องมองมาที่เธอ พร้อมกับใช้มือขวาลูบไล้ไปตามลำตัวของเธออย่างแผ่วเบา
“อือ... ยังไม่หลับเหรอโจ้...?” หญิงสาวถามออกไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ
“ผมอยู่กับพี่เป้แล้ว ใจมันเต้นจนนอนไม่หลับเลยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง แต่มือนั้นกลับเลื้อยเลาะลงไปตามหน้าขาของเธอด้วยความซุกซน
“แต่พี่ง่วงแล้วน้า....” หญิงสาวพยายามร้องอ้อนขอความเห็นใจ
“ไม่เป็นไรครับ พี่เป้นอนเฉยๆ ก็พอ เดี๋ยวคราวนี้... ผมจะทำให้พี่เป้มีความสุขเอง” โจ้ว่าพร้อมกับใช้มือลูบลงไปบนกลีบสาวของเป้เบาๆ ปลายนิ้วกรีดเขี่ยลงไปตามรอยแยก เลยไปถึงเม็ดเสียวสีแดงสดใสของเธอ
“อืมมมม.. มมม... อย่าซี่...” หญิงสาวครางฮือออกมาเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังหลับตา ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สะสมในร่างกาย บวกกับความอ่อนล้า ทำให้เธอแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงพอที่จะขัดขืน หรือแม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ
และนั่นทำให้เธอไม่ทันได้สังเกตเลยว่า...
หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของชายหนุ่มนั้น มันกำลังแสดงสถานะโทรออกไปหาสามีของเธออยู่!
วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2566
ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว เสียวคูณสอง #8
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น