วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566

ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว เสียวคูณสอง #6


 

3 ปีหลังจากเหตุการณ์วุ่นๆ ได้ผ่านพ้นไป...

หนุ่มบอยกับสาวเป้ ก็ยังคงพยายามทะนุถนอมดูแลความรักที่พวกเค้ามีให้แก่กันอย่างดีที่สุด แม้ว่าในบางครั้งมันอาจจะมีผิดพลั้ง หรือทะเลาะกันบ้างในบางเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ยังสามารถเดินหน้าปรับความเข้าใจเข้าหากันได้อยู่เสมอ...

ก่อนที่พายุไต้ฝุ่น จะพัดหวนคืนกลับมายังชีวิตคู่ของพวกเค้าอีกครั้ง... เมื่อหญิงสาวได้มีโอกาสปะหน้าเข้ากับโจทย์เก่า ด้วยความบังเอิญ...

มันเป็นช่วงวันเสาร์สุดท้ายของเดือน ซึ่งผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างพากันมาจับจ่ายใช้สอยกันที่ห้างดังย่านกลางเมืองจนเนืองแน่น ด้วยความที่หนุ่มบอยนั้นมีนัดต้องเข้ามาทำธุระใกล้ๆ โซนนี้พอดี พอหลังจากจัดการธุระปะปังเสร็จสิ้นดีแล้ว คู่สามีภรรยาจึงตัดสินใจพาลูกๆแวะเข้ามาหาอะไรกินที่ห้างใกล้ๆ นี้ไปด้วยเลย

สามคนพ่อแม่ลูก จัดการกับราเม็งตรงหน้าจนเสร็จสรรพ ส่วนน้องเอมลูกสาวตัวน้อยวัยไม่ถึงขวบนั้น ก็ซัดแพนเค้กที่คุณแม่เตรียมมาให้จากบ้านจนอิ่มแปล้ ก่อนที่หนุ่มบอยจะขอแยกตัวออกมาชั่วคราวเพื่อไปชำระบิลต่างๆ ที่ธนาคาร ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินเล่นเรื่อยเปื่อยรอสามีอยู่ในโซนเครื่องเขียนพร้อมกับลูกๆ ทั้งสองนั้น... จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงของใครคนนึงที่คุ้นเคย เอ่ยเรียกชื่อเธอออกมาดังๆ จากทางด้านหลัง หญิงสาวจึงรีบหันซ้ายหันขวา มองหาต้นตอที่มาของเสียงเรียกแบบทันควัน

ทันทีที่สายตาของเธอพลันสะดุดหยุดกึกเข้ากับใบหน้าของเจ้าของเสียง หัวใจของสาวเป้ก็เผลอร่วงหล่นลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มโดยไม่รู้ตัว... เพราะใบหน้าของผู้ชายคนที่ร้องเรียกเธอนั้น ก็คือนายโจ้ ชายหนุ่มรุ่นน้องที่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกับเธออย่างลึกซึ้งนั่นเอง...

นับนิ้วดูก็เกือบจะ 3 ปีเต็มแล้ว... ที่คนทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้ติดต่อพูดคุยใดๆ กันอีกเลย นับแต่เกิดเรื่องในครั้งนั้น...

แม้ว่าทางฝั่งของบอยเองนั้นจะมีแชททักทายไปบ้างนานๆ ครั้ง แต่ก็เป็นเพียงแค่การพูดคุยเล่นๆ ให้พอหายคิดถึงเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่จะไปนัดเจอหน้ากันต่อ หรือชวนมานั่งเล่นพูดคุยที่บ้านเหมือนสมัยก่อนนั้นก็แทบจะลืมไปได้เลย เนื่องจากสามีหนุ่มไม่อยากทำให้ภรรยาสาวเกิดรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมานั่นเอง

แต่ในส่วนของภรรยาสาวนั้น เธอได้ตัดสินใจตัดขาดการติดต่อกับชายหนุ่มรุ่นน้องไปอย่างเด็ดขาด ทั้งบล็อคเบอร์ บล็อคเฟส และช่องทางในการสื่อสารกับหนุ่มโจ้จนหมดสิ้น เธอเองตั้งใจอย่างแรงกล้า ว่านับจากวินาทีนั้น ชีวิตของเธอจะต้องเดินหน้าต่อไป โดยที่ไม่มีวันยอมให้ผู้ชายคนนี้... ได้มีโอกาสเข้ามาสร้างความวุ่นวายในชีวิตอีกแล้ว

การที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่ได้คุยกันนานๆ ก็ดูเหมือนจะช่วยทำให้เธอลืมเลือนเรื่องราวของชายหนุ่มลงไปได้บ้าง แม้ว่าความทรงจำต่างๆ จะยังไม่ถูกกลบฝังลงไปแบบสนิท แต่อย่างน้อยๆ มันก็ยังพอทำให้เธอพบกับช่วงเวลาที่สงบสุขสำหรับชีวิตครอบครัวอันเรียบง่ายกับหนุ่มบอยอีกครั้ง....

จวบจนกระทั่งวินาทีที่เธอได้พบหน้าชายหนุ่มอดีตชู้รักอีกครั้งในวันนี้นี่เอง....

“อ้าว...! โจ้...? มาเดินเล่นเหรอ?” เป้หลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจ มันเป็นอาการของคนที่ไม่ทันได้คิดเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนแล้วต้องมาเผชิญหน้าเข้ากับสถานการณ์ที่ตัวเองนั้นก็ไม่รู้จะหาทางรับมือกับมันยังไง ชายหนุ่มคนที่เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมเจอหน้าพูดคุยด้วยอีก ตอนนี้กลับยืนจังก้ายิ้มร่าอย่างดีใจอยู่ตรงหน้าตัวเอง ขนาดที่ว่าจะก้าวหนีก็ยังทำไม่ได้

“อ๋อ...! ผมมาเดินดูของกับน้องที่ทำงานครับ” โจ้ตอบพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือแนะนำหญิงสาวรุ่นน้องรูปร่างจ้ำม่ำ ที่กำลังยืนยกมือไหว้เขินๆ อยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม เป้จ้องสำรวจหญิงรุ่นน้องตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ ใบหน้าหวานๆ จิ้มลิ้มของเธอนั้นดูไปดูมาก็น่ารักดีไม่หยอก ปากนิด จมูกน้อย อีกทั้งผิวกายที่ขาวเนียนนุ่มน่าสัมผัส เมื่อรวมกับรูปร่างที่ดูเจ้าเนื้อแล้วก็ยิ่งดูน่ารักน่ากอดเข้าไปอีก ไม่รู้ว่าเธอนั้นจ้องสำรวจโจ่งแจ้งเกินไปรึเปล่า สาวน้อยตรงหน้าจึงออกอาการเขินๆ แล้วรีบขอตัวแยกไปดูของข้างหน้าตามลำพัง

สาวเป้แอบนึกสงสัยอยู่ในใจเล่นๆ ว่าเจ้าหนุ่มรุ่นน้องจอมเจ้าชู้นั้น จะเคยฉวยโอกาสลวนลามล่วงเกินสาวน้อยร่างท้วมคนนี้ไปบ้างรึไม่ แม้ว่ารูปร่างของหญิงสาวดูจะห่างไกลจากสเป็คสาวๆ ของนายโจ้ไปไกลโขเลยก็ตาม แต่เธอเองก็รู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นพกพาความหื่นเกินพิกัดติดตัวไว้ตลอด

“แล้วนี่ พี่บอยมาด้วยมั้ยครับเนี่ย?” หนุ่มโจ้เอ่ยถามถึงสามีเธอขึ้นมาแบบกะทันหัน
“บอยเค้าไปจ่ายบิลที่แบงค์น่ะจ้ะ พี่ก็กำลังจะไปหาเค้าเนี่ย” เธอรีบชิงพูดออกตัวทันที เพื่อพยายามหาช่องตัดบทชิ่งหนี แต่ชายหนุ่มกลับยื้อชวนคุยไว้อย่างรู้ทัน

“อ๋อ ครับๆ แล้วนี่น้องโอมกี่ขวบแล้วครับเนี่ย โหโตขึ้นเยอะเลย”
“กี่ขวบแล้วครับ? ไหน แปดขวบแล้วใช่มั้ยเอ่ย เก่งมาก” พอหนุ่มโจ้เอ่ยปากชมไปถึงลูกชาย สาวเป้ก็พลันดีใจตามประสาคนเป็นแม่ จนลืมเรื่องที่ตัวเองกำลังนึกกังวลระแวงชายหนุ่มอยู่จนหมดสิ้น พลางออกปากเชียร์ช่วยลูกชายตอบคำถามกลับไปอย่างกระตือรือร้น

“น้องเอมก็น่ารักเหมือนแม่เลยนะครับ” หนุ่มโจ้หันมาพูดชมลูกสาวตัวน้อยในรถเข็นบ้าง แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่คำชมที่ชายหนุ่มอ้างอิงมาถึงเธอนั้น ก็ทำให้สาวเป้เกิดความรู้สึกหวิวๆ หวั่นๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ในหัวของเธอก็พลันนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มเคยกุมมือสบตา เอ่ยเอื้อนถ้อยคำหวานๆ แสดงความหลงใหลชื่นชมจนเธอหลงเคลิบเคลิ้มตัวลอย ภาพความทรงจำเก่าๆ ที่เธอพยายามกลบฝังมันเอาไว้ ตอนนี้กำลังค่อยๆ ผุดกลับคืนมาทีละนิดๆ จนเธอเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กๆ

มันมีทั้งห้วงความทรงจำที่แสนหวานละมุน ผสมปนเปกับห้วงเวลาแห่งความอึดอัดและเจ็บช้ำทรมาน... มันเป็นความรู้สึกที่สับสนและขมขื่น ใจนึงนั้นก็ยังคงรู้สึกผูกพัน และยังรู้สึกดีๆ กับชายหนุ่มรุ่นน้องอยู่ไม่เสื่อมคลาย... แต่อีกใจนึงนั้นก็พยายามย้ำเตือนกับตัวเองเอาไว้ ถึงความเสียใจและผิดหวัง ที่ชายหนุ่มเคยมอบให้กับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ชายหนุ่มคู่สนทนาเองนั้นก็เหมือนจะจับความรู้สึกอึดอัดนี้ได้เช่นกัน จึงชิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอตัวแยกกลับไปหาเพื่อนรุ่นน้องของตัวเองก่อน แม้ว่าในใจนั้นจะเต็มไปด้วยความรู้สึกคิดถึงคำนึงหา และยังอยากที่จะพูดคุยกับเธอให้นานกว่านี้ก็ตาม...

สาวเป้บอกลาพร้อมกับพาลูกๆ เดินดุ่มๆ ออกมาจากบริเวณนั้น โดยที่ไม่กล้าหันกลับไปมองอีกแม้แต่ครั้งเดียว เธอกลัวว่าถ้าเกิดหันหลังกลับไปมองแล้วอีกฝ่ายยังคงจับจ้องมาที่เธออยู่ สายตาของทั้งคู่ก็คงไม่พ้นต้องสบเข้าหากัน และความรู้สึกปั่นป่วนลึกๆ ในจิตใจของเธอนั้น ก็อาจจะหวนคืนกลับมาอีก...

หญิงสาวตัดสินใจเล่าเรื่องที่ได้เจอกับหนุ่มรุ่นน้องให้สามีฟัง ขณะที่ทั้งคู่กำลังเตรียมตัวจะเข้านอน หลังจากพึ่งกล่อมลูกสาวตัวน้อยให้นอนหลับปุ๋ยอยู่ที่เตียงเด็กข้างๆ ไปก่อนหน้านี้แล้ว

“บอย... เมื่อตอนเย็น เป้เจอกับโจ้ที่ห้างด้วยแหละ”
“เห... จริงดิ ตอนไหนอ่ะ? ตอนที่เราไปธนาคารอ่ะนะ?”
“อืม ก็ช่วงนั้นแหละ โจ้มันเห็นเป้ก่อน ก็เลยเข้ามาทัก รู้สึกว่าจะมาซื้อของกับน้องที่ทำงานอีกคนมั้ง”

“เหรอๆ แล้วได้คุยอะไรกันมั่งมั้ยล่ะ ไม่ได้เจอหน้ามันตั้งนานแล้วนี่”
“ก็ ไม่ได้คุยอะไรกันมากหรอก น้องมันก็คงยุ่งๆ มั้ง เป้เองก็ไม่รู้จะคุยอะไรดี พอคุยกันแป๊บเดียวมันก็เดินกลับไปหารุ่นน้องแล้วอ่ะ”
“ว้า... นึกว่าถ่านไฟเก่าจะร้อนรอวันรื้อฟื้น...นนน” สามีหนุ่มพูดแซวอย่างอารมณ์ดี

“ตลกแระ... เออ ตอนนั้นเป้ก็แอบคิดนะ ว่าที่โจ้มันโผล่มาเนี่ย จริงๆ แล้วมันเตี๊ยมกับบอยมาก่อนรึเปล่า เพราะเล่นเข้ามาได้จังหวะที่บอยหายต๋อมไปพอดี” ภรรยาสาวกล่าวอย่างกังขา
“บ้า...! เตี๊ยมที่ไหนเล่า เราก็พึ่งรู้จากเป้นี่แหละ... ถ้าเราเตี๊ยมจริงนะ ป่านนี้เป้อาจจะไม่ได้กลับมาบ้านพร้อมเราก็ได้ม้าง” บอยรีบยืนยันพร้อมกล่าวติดตลก

“แหวะ! คิดอุบาทว์อีกแล้ว พูดแบบนี้อยากดราม่าอีกใช่มะ?” สาวเป้พูดตอกกลับไปดุๆ
“ง่ะ ไม่เอาแล้วครับ อย่าโกรธเค้านะตัวเอง เค้าแค่ล้อเล่น” ชายหนุ่มรีบขยับเข้ามากอดออดอ้อนภรรยาด้วยน้ำเสียงแอ๊บแบ๊ว
“อืม ดีแล้ว อย่าให้รู้แล้วกัน ว่าไปแอบวางแผนอะไรแปลกๆ กับน้องมันลับหลังเราอีกอ่ะ... คราวนี้ไม่มีคนช่วยแล้วนา บอกไว้ก่อน....” หญิงสาวเอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็พลันเงียบไป ในใจก็นึกไปถึงภาพใบหน้าอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

“คิดถึงแม่เนาะ...” หนุ่มบอยพูดปลอบโยนอย่างรู้ใจ
“อื้อ...” เป้ครางตอบ พร้อมกับเอนหัวเข้าไปซบไหล่สามีอย่างออดอ้อน
“นอนเถอะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก”
“จ้ะ” หญิงสาวตอบก่อนจะชะโงกหน้าไปหอมแก้มหนุ่มบอยหนึ่งฟอดใหญ่ ก่อนจะขยับพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้สามีแล้วหลับไป

ขณะที่ชายหนุ่มเองกลับนอนไม่หลับ... สายตาของเขาจับจ้องอย่างเหม่อลอยไปที่เพดานภายใต้ความมืดสนิท ในหัวก็พลันคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตขึ้นมาอย่างไม่สามารถห้ามใจได้...

ภาพเมื่อครั้งที่ภรรยาสาวสุดที่รัก ได้ร่วมแบ่งปันความสุขกับรุ่นน้องคนสนิทของตัวเองแบบถึงพริกถึงขิง ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการแอบมองผ่านจอคอมพิวเตอร์จากในห้องข้างๆ แต่ก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำของหนุ่มบอย โดยไม่จางหายไปไหน

ตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าหนุ่มบอยเองจะพยายามปลุกปล้ำภรรยาสาวอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่อารมณ์ความมั่นใจที่ตัวเองเคยมีนั้น กลับเหือดแห้งหายไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับคืนมาได้อีก ชายหนุ่มนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก กว่าที่จะสามารถส่งภรรยาสาวให้สุขเสียวขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดไปได้ในแต่ละครั้ง

หนำซ้ำช่วงหลังๆ ยังดูจะยากเย็นยิ่งกว่าช่วงก่อนที่เธอจะได้ลองไปกิ๊กกั๊กกับหนุ่มๆ รุ่นน้องดูเสียอีก และบางทีชายหนุ่มเองก็เผลอทะยานถึงจุดสุดยอดไปเพียงลำพัง ไม่สามารถพาเธอให้เสร็จสมอารมณ์หมายได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้...

ซึ่งสาวเป้เองก็ไม่ได้แสดงอาการขุ่นเคืองใดๆ ออกมาให้เห็น เนื่องจากทั้งคู่นั้นได้จูงมือกันก้าวข้ามผ่านปัญหาในจุดนั้นมาได้ ไกลพอสมควร... สิ่งที่เธอทำก็เพียงแค่เอื้อมมือไปโอบกอดร่างของสามีตัวเองไว้แนบแน่น พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำให้กำลังใจ บอกให้อีกฝ่ายค่อยลองกลับมาแก้ตัวกันใหม่ในคราวหลัง และทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกซาบซึ้งในความอ่อนโยนของเธอไม่ได้

หนุ่มบอยเองนั้นพอจะเข้าใจอารมณ์ของภรรยาตัวเองได้เป็นอย่างดี มันเหมือนกับคนที่เคยทานอาหารรสเลิศจากฝีมือของเชฟมิชลินระดับ 3 ดาวอยู่เป็นประจำ พอต้องฝืนกลับมาทานอาหารรสชาติบ้านๆ แทนทุกวันๆ ซึ่งบางครั้งรสชาติมันก็ไม่ได้ถูกปากเธอซักเท่าไหร่ ก็เลยส่งผลให้สาวเป้ต้องเกิดอารมณ์ค้าง และไม่ค่อยจะถึงจุดสุดยอดได้เหมือนที่ผ่านๆ มานั่นเอง

ซึ่งหลังจากที่ลองผิดลองถูกกันมาพักใหญ่ๆ บอยเองก็เริ่มพอที่จะจับทางได้แล้วว่า เวลาที่สาวเป้เสร็จกิจถึงสวรรค์ในแต่ละครั้งนั้น ทุกครั้งก็เป็นเพราะว่าเธอแอบนึกจินตนาการไปว่าตัวเองกำลังถูกหนุ่มโจ้กระทุ้งกระแทกแทนเขาอยู่นั่นเอง หญิงสาวนั้นแสนจะโหยหาลีลาร่วมรักอันร้อนแรงของชายหนุ่มรุ่นน้อง ซึ่งแม้ว่าเธอเองจะกระดากปาก ไม่กล้าเอ่ยมันออกมาตรงๆ แต่สามีหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเกือบครึ่งค่อนชีวิต ก็ย่อมสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกลึกๆ ในใจของเธอได้

ฝ่ายบอยนั้นแบกความรู้สึกผิดหวังเอาไว้กับตัวมาโดยตลอด ชีวิตคู่ของพวกเค้านั้น เกือบที่จะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ขาดไปก็เพียงแค่เรื่องเดียว... เรื่องเดียวจริงๆ... มันเหมือนเป็นรอยด่างดำเล็กๆ ติดค้างอยู่ในใจ ที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถสลัดความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัวได้ซักที

เขายังคงเฝ้าเอาแต่คิดวกวนไปวนมาว่า ถ้าหากลองให้โจ้กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ทุกอย่าง ก็คงจะดำเนินไปได้ด้วยดีกว่านี้...

มันไม่ใช่ความคิดเห็นแก่ตัวเหมือนสมัยก่อน ที่อยากลองเห็นภรรยาถูกหนุ่มอื่นตะบี้ตะบันเย็ดหี เพื่อปลุกเร้าความสุขส่วนตัวของตัวเอง แต่เป็นเพราะว่ามันคือหนทางเดียว... ที่เขาจะสามารถส่งมอบความสุขสุดยอดให้แก่ภรรยาสาวได้เสียวซ่านถึงใจอีกครั้งหนึ่ง แม้จะต้องยืมมือของชายอื่นมาช่วยก็ตาม...

หนุ่มบอยพยายามเก็บกดกักความคิดต้องห้ามนี้เอาไว้ในใจลึกๆ เนื่องเพราะตัวเองนั้นเคยได้สัญญากับสาวเป้เอาไว้แล้วว่า ทั้งคู่จะช่วยกันประคองก้าวข้ามผ่านปัญหาเรื่องเซ็กส์นี้ไปด้วยกันสองคน แต่พอหญิงสาวเล่าให้ฟังว่าเธอนั้นบังเอิญได้เจอเข้ากับชายหนุ่มรุ่นน้องที่ห้าง โดยที่ตัวเค้าเองก็ไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้น...

ความรู้สึกงุ่นง่านงุดเงี้ยวในจิตใจของหนุ่มบอย ก็ถูกปลุกให้ลุกโหมกระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไม่ทันตั้งตัว....

ชายหนุ่มอดคิดจินตนาการฟุ้งซ่านไม่ได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ทั้งคู่ได้เจอหน้าพูดคุยกันนั้น ทั้งสองคนจะคุยอะไรกันไปบ้าง ความห่างเหินตลอดระยะเวลาเกือบๆ 3 ปี จะทำให้ทั้งคู่เกิดสปาร์คจุดติดพิศวาสกันขึ้นมาอีกครั้งรึเปล่า? หรือทั้งสองคนจะแอบทำอะไรกันไปแล้ว??

ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลให้บอยฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ... เกิดอารมณ์หื่นหึงจนท่อนเนื้อกลางตัวมันแข็งโด่เด่คับตุงเป้ากางเกงนอนไปหมด พยายามข่มตานอนยังไงก็ไม่สามารถระงับดับความเงี่ยนง่านที่ก่อตัวขึ้นมาได้ สุดท้ายแล้วชายหนุ่มจึงค่อยๆ เอื้อมมือของตัวเอง สอดเข้าไปลูบไล้สัมผัสกับหน้าอกของภรรยาจากทางด้านหลัง...

ปลายนิ้วของบอย ค่อยๆ แผ่คลึงเคล้าทรวงเต้าอวบหยุ่นอย่างเบามือ สัมผัสที่ได้รับทั้งนุ่มหยุ่น และเนียนแน่นเต็มไม้เต็มมือสะใจ หนุ่มบอยแอบนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ยังคบหาเป้เป็นแฟนกันธรรมดาๆ ตอนนั้นหนุ่มบอยเองยังเผลอวิจารณ์หน้าอกของแฟนสาวไปว่ามันช่างดูราบเรียบและเล็กจ้อย ไม่สาแก่ใจของชายหนุ่มเลยซักนิด จนเธอถึงกับแอบงอนค้อนอยู่หลายครั้งหลายครา

แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อทั้งคู่เริ่มมีอะไรกัน เจ้าก้อนไขมันตรงอกนั้นก็ถูกฝ่ามือของชายหนุ่ม บีบคลึงนวดเคล้นมันอยู่ซ้ำๆ ผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนรู้ตัวอีกทีมันก็เริ่มที่จะขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างสังเกตได้ และยิ่งพอเธอท้องลูกชายคนแรกออกมา หน้าอกของสาวเป้ก็พุ่งทะลุขึ้นไปถึงคัพซีจนได้ คราวนี้แหละ หนุ่มบอยจึงได้บีบขยำมันแบบเต็มไม้เต็มมือ สะใจเป็นที่สุด...

“อือออ...อออ” สาวเป้ครางฮือออกมาเบาๆ เหมือนคนละเมอ เมื่อถูกปลายนิ้วของสามีบีบคลึงก้อนเนื้อตรงอกซ้ำๆ มือขวาของหนุ่มบอยตอนนี้เลาะเลื้อยเข้าไปเขี่ยคลึงบริเวณหัวนมของเธอข้างในเสื้อโดยตรง ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบี้ถูมันอย่างสนุกมือ สลับกับการเขี่ยวนไปมาเพื่อปลุกอารมณ์... อารมณ์ยังไม่ตื่น แต่กลายเป็นหญิงสาวที่เกิดตื่นขึ้นมาแทน...

“ฮื่อ... บอยทำอาราย...?” สาวเป้เอ่ยออกมายานๆ ด้วยความง่วง อาการคันยุบยิบๆ ที่บริเวณทรวงอกโดยไม่รู้สาเหตุ ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ฝันหวานแบบกะทันหัน รู้สึกทั้งง่วง ทั้งหงุดหงิด ที่มีใครมาแกล้งกวนใจเธอในเวลานี้

บอยเองไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป ค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงต่ำ ก่อนจะมุดสอดเข้าไปสำรวจเนินเนื้อหน้าขาของเธอภายใต้กางเกงนอนผ้าลื่นขาสั้นสีครีม ลูบผ่านพงหมอยดกดำที่ขึ้นคลุมอยู่บริเวณโหนกเนื้อด้านบน ท่วงท่าของหญิงสาวที่กำลังนอนตะแคงข้าง ทำให้ปลายนิ้วของชายหนุ่มไม่สามารถสอดลึกเข้าไปสำรวจบริเวณกลีบร่องด้านล่างของเธอได้ สามีหนุ่มจึงพยายามออกแรงแซะนิ้วสอดมุดเข้าไป พร้อมๆ กับใช้ฝ่ามือรั้งแยกหน้าขาของเธอให้แหกอ้าออกจากกันช้าๆ

“บอย...อย่ากวนได้มั้ย...? เป้ง่วง...งงง” เป้ร้องห้ามด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ โดยที่ยังคงนอนหลับตาอยู่อย่างนั้น
“บอยรักเป้ที่สุดเลยรู้มั้ย?” หนุ่มบอยขยับเข้าไปกระซิบบอกข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน พร้อมกับใช้นิ้วเขี่ยเข้าไปที่ปุ่มกระสัน
“อืออออ....อออ” ภรรยาสาวเพียงครางตอบงึมงำเบาๆ กลับมา

สามีหนุ่มเลิกชายเสื้อด้านหลังของภรรยาขึ้นมากองเอาไว้เหนือเอว พร้อมกับประทับจูบลงไปบนแผ่นหลังของเธออย่างนุ่มนวล ค่อยๆ เลื่อนหน้าคลอเคลียไปมา ไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะใช้ปากงับแก้มก้นกลมแน่นของเธอเล่นอย่างมันเขี้ยว มือก็ค่อยๆ รูดดึงกางเกงนอนของเธอถอดออกมาทางหน้าขา สาวเป้ออกอาการครางฮือๆ เหมือนคนงอแง แต่ก็ไม่ได้ร้องห้ามปรามอะไรออกมา ปล่อยให้หนุ่มบอยเขี่ยคลึงง่ามขาของเธอจนมันเริ่มที่จะเปียกเยิ้มนิดๆ

“อืม... ของเป้เปียกแล้วนี่นา... เป้หื่นแล้วเหรอ?” บอยแกล้งพูดกระซิบข้างหูเธอ
“โอ๊ย... บอยยยย.... มันจั๊กจี้ พอได้แล้ววว” เป้แกล้งร้องกลบเกลื่อนเหมือนรำคาญเต็มทน ทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกร้อนๆ วูบๆ ที่บริเวณหน้าขาอยู่พอสมควร สติสตังของเธอก็เริ่มที่จะคืนกลับมาทีละน้อยๆ จนใกล้ที่จะฟื้นคืนเต็มที

บอยค่อยๆ รูดกางเกงนอนของตัวเองจนหลุดออก จับดุ้นเนื้อที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ จ่อถูไถเข้ากับปากทางเข้าซึ่งมีคราบน้ำหล่อลื่นไหลซึมอยู่เป็นทาง ชายหนุ่มขยับแดะเอวอยู่ 2-3 ที ก่อนจะค่อยๆ ออกแรงกดลำควย มุดเสียบเข้าไปในโพรงหีช้าๆ ในท่าตะแคงประกบจากทางด้านหลัง แม้ว่าสภาพร่องสาวของเธอนั้นจะไม่ได้ฟิตเปรี๊ยะแน่นสนิทเหมือนเมื่อครั้งที่ทั้งคู่พึ่งจะเคยมีอะไรกันใหม่ๆ แต่ชายหนุ่มเองก็ยังคงรู้สึกเสียวซ่านทุกครั้ง เวลาที่ได้สัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนนุ่มของโพรงเนื้อ ซึ่งกำลังโอบรัดท่อนเอ็นของตัวเองอยู่ในขณะนี้

“อึ๊...! อืมมม...มมม” เป้หลุดปากร้องครางออกมาเบาๆ เมื่อท่อนเนื้อของสามี มุดทิ่มเข้ามาเกือบสุดลำ ขนาดของมันกำลังพอดีๆ จึงไม่ทำให้เธอรู้สึกจุกหรือเจ็บอะไรมากมายนัก หนุ่มบอยค่อยๆ สาวเอว ส่งท่อนลำมุดเข้าออกแบบเนิบๆ ช้าๆ เพื่อปรับจังหวะให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่จะค่อยๆ ออกตัว เริ่มต้นกระแทกบดหน้าขาเข้าหาเรือนร่างของภรรยาสุดที่รักอย่างไม่รอช้า

เสียงผิวกายของทั้งคู่กระทบกระแทกกันดัง ปั้บ...! ปั้บบ...! บบบ ปั้บบบบ!... ปั้บบบบ...บบบ! หนุ่มบอยใช้สองแขนยันค้ำคร่อมร่างของภรรยาสาวจากทางด้านบน เร่งตะบันสาวบั้นเด้าเข้าออกแบบต่อเนื่องยิกๆ จนสาวเป้ถึงกับตาสว่าง หลุดปากร้องครางซี้ดซ้าดออกมาตามจังหวะการกระแทก ใบหน้าหมวยๆ ง่วงๆ ของเธอเริ่มที่จะออกอาการบิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

“อ๊ะ..! อ๋าาาา... อ๊างสส..สสส ซี้ดดดดส์ โอ๊ยยย... บอยยยย” หญิงสาวปล่อยเสียงครางออกมาตามอารมณ์วาบหวิว ใช้สองมือขยุ้มลงไปบนผ้าปูที่นอนแรงๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายความเสียวที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เป้เราใกล้แล้วนะ อืมม....มมม” ชายหนุ่มครางบอกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกระเส่า
“โอ๊ย! บอย ยะ... อย่าพึ่งงงง อ๊ะ! อาาาาห์....”

ข้างฝ่ายหนุ่มบอยเองนั้น จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะพาภรรยาสาวขึ้นสวรรค์ไปด้วยกัน แต่ทำไปทำมา ความบีบรัดจากร่องรูเนื้อสาวภายใน กลับยิ่งเร่งเร้าให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียวจี๊ดๆ ขึ้นมาที่บริเวณปลายหัวควย จนยากที่เขาจะทนฝืนกลั้นความรู้สึกต่อไปได้อีก ชายหนุ่มใช้มือยึดจับสะโพกหญิงสาว เร่งกระเด้าควยต่อเนื่องได้อีกไม่ถึงนาที ก็น้ำแตกกระฉูดพุ่งเลอะเข้าไปเต็มโพรงหีเป้

“อู๊ยยย... เป้... เรา... เราเสร็จแล้ว.... อ๊ะ...! อาาาห์...” บอยขมิบก้นเกร็งบั้นเด้ายิกๆ อีก 2-3 ที ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนลำควยที่อ่อนปวกเปียกออกมาจากร่องเนื้อสาวของภรรยา มองเห็นคราบน้ำรักขาวขุ่นที่เยิ้มติดกับปลายหัวควย ยาวยืดเป็นสายไหลนองออกมาจากร่องหี

เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มออกอาการนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ... ปล่อยให้ภรรยาสาวต้องอารมณ์ค้างจากกิจกามที่ถูกบิวท์กันมาอย่างต่อเนื่อง ไอ้ตอนที่กำลังทำอยู่น่ะ ชายหนุ่มก็ยังไม่ทันได้คิดอะไร นอกจากปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความเสียวที่กำลังเกิดขึ้น แต่พออารมณ์มันเริ่มที่จะสงบลง... ความรู้สึกผิดหวังและห่อเหี่ยว จึงค่อยๆ ปรากฏออกมาแทนที่

“เป้... เราขอโทษนะที่เผลอเสร็จก่อนอีกแล้ว” หนุ่มบอยออดอ้อนขอโทษอย่างรู้สึกผิด พลางใช้มือโอบกอดร่างของภรรยาเอาไว้แน่น
“อืม ไม่เป็นไร... ที่จริงเค้าก็ไม่ได้ว้อนท์อะไรเท่าไหร่หรอก มันง่วงจนตาจะปิด” สาวเป้ตอบโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้สามีรู้สึกแย่ไปกว่านี้ ทั้งๆ ที่เลือดลมในกายของเธอนั้นกำลังสูบฉีดพลุ่งพล่าน หว่างขาร้อนผ่าวๆ วูบวาบ จนน้ำหล่อลื่นเปียกเยิ้มนองไปหมด บอยเองก็พอจะอ่านความคิดของภรรยาตัวเองออก จึงรีบเสนอทางเลือกอื่นให้เป็นการปลอบใจ

“ให้เราใช้ปากช่วยให้เสร็จมั้ย? จะได้สบายตัวก่อนนอน”
“อืมมมม....มมม ไม่เป็นไรอ่ะบอย ดึกแล้ว เค้าอยากนอนมากกว่า” เป้พยายามตัดบท ทำให้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมเดินตามเธอเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานอนกอดกันจนหลับไป ด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาใจกันอยู่คนละแบบ...

ความล้มเหลวครั้งล่าสุดบนเตียง... กลับกลายเป็นตัวเร่งให้หนุ่มบอยยิ่งหมกมุ่นถึงความสัมพันธ์ในอดีต ระหว่างภรรยาสาวกับชายหนุ่มรุ่นน้องมากขึ้นเรื่อยๆ...

ภาพความทรงจำสุดเสียวที่ทั้งคู่เคยมีร่วมกัน เป็นเสมือนยาชูกำลังชั้นดี ที่นึกถึงทีไร ก็มีแต่จะทำให้ชายหนุ่มแอบรู้สึกคึกคักและตื่นเต้นขึ้นมาทุกรอบ ในหัวก็เฝ้าคิดแต่จะหาวิธีเอ่ยปากชวนภรรยาแบบไม่ให้ดูน่าเกลียด และไม่โดนเธอด่าเปิงกลับมา... แต่จนแล้วจนรอด... หนุ่มบอยก็ไม่สามารถเปิดปากพูดเรื่องนี้กับเธอได้เสียที เพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วมันอาจจะไปกระทบกระเทือนกับความรู้สึกของภรรยาตัวเองให้ต้องขุ่นมัวขึ้นมาอีกครั้ง

ชายหนุ่มต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกสับสนและว้าวุ่นที่ถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน ใจนึงก็อยากลองให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจนึงก็คอยย้ำเตือนตัวเองไม่ให้หลงทำผิดพลาดซ้ำสอง แต่ถ้าเกิดปล่อยไว้แบบนี้แล้ว... ชีวิตเซ็กส์ของทั้งคู่จะไม่เหี่ยวเฉาจนยากที่จะฟื้นฟูให้กลับคืนมาได้หรือ...?

ซึ่งหลังจากที่คิดทบทวนและเฝ้าหมกมุ่นอยู่กับความคิดนี้อยู่นานหลายเดือน ชายหนุ่มก็ได้ค้นพบความจริงที่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว... ความเงี่ยน... ก็ยังคงอยู่เหนือเหตุผลและตรรกะใดๆ ทั้งสิ้น....

และทำให้หนุ่มบอยตัดสินใจที่จะกลับไปสานสัมพันธ์กับรุ่นน้องอย่างโจ้อีกครั้ง... โดยไม่คิดที่จะรอขอความเห็นชอบจากภรรยาของตัวเองอีกต่อไป...

“เฮ้ยโจ้  คุยได้ป่าววะ?” บอยเปิดฉากโทรหาโจ้ทันที หลังจากที่ช่วงหลังๆ นั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์มาพักใหญ่ๆ แล้ว
“ครับพี่” โจ้ตอบกลับมาสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเนือยๆ จนบอยรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ บางอย่าง
“เป็นไรวะ? เครียดอยู่เหรอ สะดวกคุยป่าวเนี่ย?”

“คุยได้พี่ ไม่มีไรหรอก พี่สบายดีนะ?” หนุ่มโจ้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอึดอัดเช่นเดิม
“เฮ้ย เอาดีๆ ถามจริง มึงเป็นไรเปล่าเนี่ย?” บอยยังคงคาดคั้นไม่ยอมหยุด
“ก็แล้วตกลงพี่มีอะไรอ่ะ ที่โทรมาเนี่ย”

“ไอ้ห่า... ถ้ามึงยังไม่ยอมบอก กูจะวางหูจริงๆ แล้วนะ” หนุ่มรุ่นพี่ชักเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมา

“เฮ้ย! เดี๋ยวดิพี่ ใจเย็น... จะหงุดหงิดทำไมเนี่ย? คือ... ผมทะเลาะกับแฟนว่ะพี่” คำตอบของโจ้ทำเอาบอยอดตะลึงไม่ได้
“อ้าว! นี่มึงมีแฟนแล้วเหรอวะ?”
“อือ... ก็เหมือนจะมีอ่ะพี่ แต่ตอนนี้ไม่รู้จะเรียกว่าแฟนได้อยู่รึเปล่า เพราะเค้าก็งอนๆ ตีตัวออกห่างผมไปเป็นเดือนๆ แล้ว นี่ผมก็ตามง้อจนเริ่มจะท้อแล้วเนี่ย” หลังจากยอมเปิดปากเล่า หนุ่มโจ้ก็เริ่มต้นพรั่งพรูความอึดอัดในใจออกมาอย่างต่อเนื่อง

“โห... ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ” หนุ่มบอยครางออกมาเบาๆ ด้วยความประหลาดใจ แอบรู้สึกผิดหวังนิดๆ เพราะกลัวว่าแผนการที่ตั้งใจจะพังลงมาไม่เป็นท่า เนื่องจากเจ้าหนุ่มรุ่นน้องนั้นมีคู่คบหาเป็นตัวเป็นตนแบบนี้
“ผมก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันพี่ ไอ้เราก็พึ่งจะเคยได้รู้จักกับคำว่าอกหักจริงๆ จังๆ กับเค้าเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ...”

“แล้วนี่... มึงไปเจอ ไปจีบเค้ามาจากไหนวะ? ไม่เห็นเคยเล่าให้กูฟังบ้าง” ฝ่ายบอยเอ่ยถามต่อ
“เอ้า... ก็พี่ไม่เคยถามนี่ฮะ” หนุ่มรุ่นน้องตอบกลับมาหน้าตาย
“เออ ขอบใจ! ก็กูจะไปรู้มั้ยล่ะ?” หนุ่มรุ่นพี่เลยด่ากลับไปเบาๆ

“ก็... นี่แหละพี่ เรื่องที่ผมเครียดอยู่ พูดแล้วแม่งก็ท้อใจนะ พอเราเจอคนที่คิดว่าใช่จริงๆ ตัดสินใจที่จะหยุดแล้ว แต่ความเหี้ยของเราแม่งก็ทำให้เค้าเลือกที่จะถอยห่างออกไปว่ะ ผมแม่งก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ในใจก็ไม่อยากปล่อยให้เค้าหลุดมือไปนะ แต่ทำยังไงเค้าก็ไม่ยอมกลับมาคืนดีกับผมเลยว่ะ...” โจ้ระบายออกมาแบบยาวเหยียด

หนุ่มบอยที่ได้ฟังก็เผลอนึกย้อนกลับไปถึงช่วงที่ตัวเองเคยทะเลาะกับภรรยาจนเข้าหน้ากันไม่ติด และพาให้ชีวิตคู่ หมื่นเหม่ที่จะดิ่งลงเหวอยู่รอมร่อ โชคดีที่ครั้งนั้น ทั้งคู่ยังพยายามที่จะปรับความเข้าใจ เปิดอกพูดคุยเข้าหากันจนสามารถกลับมามีชีวิตรักที่หวานชื่นได้อีกครั้ง พอเห็นว่าเจ้าหนุ่มรุ่นน้องเองต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ก็เลยอดนึกสงสารขึ้นมาไม่ได้

“แล้วตกลงคือ มึงแน่ใจใช่มั้ยว่าคนนี้คือคนที่ใช่สำหรับมึงจริงๆ” หนุ่มบอยเอ่ยถามย้ำคำ
“ผมว่าผมมั่นใจนะพี่” ฝ่ายโจ้ก็ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“ถ้ามึงแน่ใจ... กูก็อยากแนะนำให้มึงลองอดทนง้อเค้าไปอีกซักหน่อยแล้วกัน ถ้าเค้าคือคนที่ใช่จริงๆ จะต้องรอต่อไปอีกเดือน หรืออีกปี กูว่ามันก็น่าจะดีกว่าที่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังป่ะ” บอยพูดออกไปตามที่คิด

“อืม... ถ้าพี่ว่าแบบงั้น ผมก็คงต้องขอลองพยายามดูอีกซักครั้งล่ะมั้ง” โจ้เอ่ยกลับมา หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“เออ ดีแล้ว สู้ๆ นะมึง ลองดูก่อน อย่าพึ่งรีบตัดใจ”

“ครับพี่ ขอบคุณมากครับ... แล้วตกลงนี่พี่โทรมาหาผมทำไมนะ?”
“อ๋อ... เออ ไม่มีอะไรหรอก โทรมาหาเฉยๆ... งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ ไว้วันหลังกูค่อยโทรไปหาใหม่” บอยรีบชิงตัดบทวางสายดื้อๆ เพราะเห็นว่าหนุ่มรุ่นน้องเองดูจะกำลังเครียดๆ และคงไม่เหมาะที่จะพูดคุยถึงเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ซักเท่าไหร่ จนทำให้สามีหนุ่มต้องกลับมาอยู่ในสภาพเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งอีกครั้ง...

หนุ่มบอยได้แต่พยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านหมกมุ่นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น พยายามประคับประคองชีวิตคู่ของตัวเองให้เดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะต้องพบกับความรู้สึกอึดอัดและละอายใจทุกครั้งเวลาที่ได้ร่วมรักกับภรรยา ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว... ชายหนุ่มจึงเริ่มที่จะรู้ตัวแล้วว่า เหตุการณ์ต่างๆ... กำลังค่อยๆ วนกลับไปสู่ลูปเดิมๆ อีกครั้ง...

จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกเกือบปี บอยจึงตัดสินใจที่จะลองโทรกลับไปหาโจ้ดูอีกครั้ง เพื่อหวังที่จะหาทางออกจากวงจรปัญหานี้ให้ได้ซักที...

=======================================

“ฮัลโหลพี่บอย ว่าไงพี่?” โจ้ส่งเสียงทักทายกลับมาผ่านโทรศัพท์อย่างร่าเริง เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของหนุ่มรุ่นพี่คนสนิทโทรเข้ามากลางดึก หนุ่มโจ้นั้นแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่รุ่นพี่โทรเข้ามานั้น มันผ่านมานานกี่เดือน... หรือกี่ปีแล้วกันแน่?

“เออ นอนยังวะมึง?” บอยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ชายหนุ่มรอจนภรรยาสาวขึ้นห้องหลับสนิทดีแล้ว จึงค่อยหาจังหวะแอบโทรหาหนุ่มรุ่นน้องของตัวเอง เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกันไปนานแล้วให้กลับคืนมาอีก
“อ๋อ ยังพี่ยัง คุยได้ๆ” โจ้พูดโกหกออกไปดื้อๆ ทั้งที่พึ่งจะตื่นขึ้นมาเพราะถูกปลุกโดยเสียงโทรศัพท์ แต่กลัวว่าหนุ่มรุ่นพี่จะเกิดเกรงใจแล้วรีบวางหูเสียก่อน

“เออ... กูแค่คิดถึงมึงขึ้นมา ไหนๆ ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว พรุ่งนี้ว่างมั้ย ว่าจะชวนไปนั่งดื่มเล่นๆ ขำๆ” หนุ่มบอยพยายามเอ่ยตะล่อมแบบเนียนๆ ซึ่งเจ้าหนุ่มรุ่นน้องเองก็ไม่ได้นึกตะขิดตะขวงอะไรในใจอยู่แล้ว รีบตอบรับไปในทันที
“ได้เลยพี่ ที่ไหนดี ร้านเดิมตรงเกษตรฯมั้ย?”

“เออก็ได้ แต่ไม่รู้แม่งปิดไปยังนะ ไม่ได้แวะไปนานแล้ว”
“เปิดพี่ วันก่อนผมยังพึ่งไปนั่งกินข้าวกับแฟนมาอยู่เลย ร้านแม่งขยายเพิ่มขึ้นด้วย” โจ้ตอบกลับมาทันควัน
“บ๊ะ! กินกับฟงกินกับแฟน... นึกว่ามึงโดนเค้าทิ้งไปแล้วซะอีก หรือว่าคนละคนวะ” บอยพูดแซวแบบติดตลก
“เอ่อ... แฮะๆ... คนเดิมครับพี่” โจ้พูดยอมรับเสียงอ่อยเหมือนเขินๆ

“เออ ดีกันก็ดีแล้ว กูดีใจด้วย งั้นเอาเป็นร้านนั้นนั่นแหละ สะดวกดี” บอยตอบกลับไปพลางนึกยินดีไปกับโจ้ด้วย
“ได้ฮะ งั้นตกลงพรุ่งนี้ เลิกงานเจอกันที่นั่นเหมือนเดิมนะพี่ เดี๋ยวผมขอไปนอนแระ เริ่มง่วงแล้วว่ะ” โจ้รีบเอ่ยทวนเพื่อยืนยัน
“อ่ะ... เออๆ พรุ่งนี้ 6โมง บายๆ” บอยยืนยันเวลากลับไปพร้อมกับกดวางสาย ก่อนจะต้องใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อคอยข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวแบบเงียบๆ

ชายหนุ่มจ้องมองภาพใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ กาย มันไม่ใช่ใบหน้าของผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เขาเคยเห็นมาก่อน แต่มันคือใบหน้าของผู้หญิงคนที่เปรียบเสมือนอีกครึ่งนึงของชีวิต เป็นคู่ชีวิตที่คอยดูแลเกื้อหนุน และพอดีกับตัวเองที่สุดแล้ว... ซึ่งบอยเองก็จินตนาการไม่ออกเหมือนกัน ว่าหากวันพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีเป้นอนอยู่เคียงข้าง ชีวิตของเขามันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือเลวร้ายลงซักแค่ไหน...

และสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มปรารถนา ก็เพียงแค่ต้องการที่จะทำให้เธอได้มีความสุขที่สุดเท่านั้นเอง...

=======================================

“ว่าไงพี่ ไปไงมาไงถึงได้แว้บมาเจอหน้าผมได้เนี่ย?” โจ้เอ่ยทักทันทีที่ทั้งคู่ได้เจอหน้ากันที่ร้านอาหาร
“อ้าว ไอ้ห่า... นานๆ ที กูจะขอเจอหน้ารุ่นน้องบ้างไม่ได้รึไงวะ?” บอยบ่นเชิงตัดพ้อ
“แหมพี่... ไอ้ผมน่ะไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่พี่เองเหอะ... มาเจอผมแบบนี้แล้วพี่เป้เค้าไม่เคืองเอาเหรอ...?”

“ก็ถ้าเค้าไม่รู้ แม่งก็ไม่มีปัญหาป่าววะ?” บอยพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“แน่ะๆ พ่อบ้านใจกล้า.... เดี๋ยวถ้าทะเลาะกันขึ้นมา ห้ามมาโทษผมนา” โจ้เองก็อมยิ้มรับลูกอย่างรู้กัน
“เออน่า เรื่องของกูเหอะ ว่าแต่มึงอ่ะ ไม่เจอกันพักเดียว กระแดะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยนะครับ หืม?” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยกระเซ้าถาม
“แฮะๆ พี่ก็... มันก็เรื่องปกติป่าววะพี่ ใครๆ เค้าก็มีกันทั้งนั้น” หนุ่มรุ่นน้องก็ตอบกลับมาเสียงอ่อย

“สำหรับตัวพ่ออย่างมึงเนี่ย เค้าไม่เรียกว่าปกติแล้วเว้ย ตกลงใครวะ กูรู้จักมั้ย?” บอยเอ่ยถามต่อไปอีก
“ก็... รุ่นน้องอ่ะพี่ ก็ที่ทำงานเดียวกันนั่นแหละ”
“อ๋อ... สวยป่ะวะ ขอดูหน้าหน่อยดิ” หนุ่มบอยรบเร้าจนเจ้าหนุ่มรุ่นน้องต้องกดโทรศัพท์มือถือยื่นส่งให้ดู

หนุ่มบอยจ้องมองภาพหญิงสาวในโทรศัพท์ ที่กำลังส่งยิ้มหวานกลับมาให้ด้วยความร่าเริง ใบหน้าหมวยๆ ของเธอดูน่ารักสดใส ดูไปดูมานึกว่าสาวญี่ปุ่นเสียอีก ดวงตากลมโตของเธอแฝงแววซุกซนเอาไว้ข้างใน ทรงผมซอยสั้นของเธอยิ่งทำให้หญิงสาวในรูปดูเด็กพอสมควร

“เออ น่ารักดีนี่หว่า ชื่อไรวะ?” หนุ่มบอยกล่าวชมพร้อมกับส่งโทรศัพท์ยื่นคืนกลับไป
“ชื่อกุ๊กพี่ กุ๊กแบบกุ๊กไก่อ่ะ” โจ้รับโทรศัพท์กลับมาพร้อมกับจิ้มกับแกล้มเข้าปากไปด้วย
“อายุเท่าไหร่วะ?”
“29” ชายหนุ่มรุ่นน้องตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากจาน

“เออๆ น่ารักดี หมวยๆ ใสๆ ว่าแต่... ไม่เห็นมึงเคยโพสต์รูปเค้าลงเฟสหรือในไลน์เลยวะ?” บอยเอ่ยถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจ
“เอ้า... ถ้าเกิดผมโพสต์ลงไป แล้วสาวๆ ในไลน์ผมไม่รู้กันหมดเหรอพี่?”
“ไอ้ห่า มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังจะห่วงอะไรอีกเหรอวะมึงนี่ แม่งงง” หนุ่มรุ่นพี่ได้ยินแบบนั้นก็หลุดปากด่าออกมาทันควัน

“น่าๆ พี่ก็รู้ โจทย์ผมเยอะจะตาย ขืนรีบประกาศตัว มีหวังพวกคุณเธอได้ถอยห่างกันไปหมด ส่วนรูปคู่ในเฟสผมก็ลงนะ แต่ผมก็ตั้งค่าให้ภาพมันโชว์แค่เฉพาะกับแฟน... พวกกลุ่มพี่ๆ เพื่อนๆ เค้า... แล้วก็เพื่อนๆ ที่ทำงานเท่านั้นแหละ 555” โจ้รีบกล่าวแก้ตัว
“น่ะ ก็เป็นซะแบบนี้ไง น้องเค้าถึงได้จะทิ้งมึงไปน่ะ” บอยสับเข้าให้อีกดอกหนึ่ง พร้อมกับกระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่

“โธ่ พี่ก็... แต่หลังๆ ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับใครแล้วนะคร้าบ แถมล่าสุด... ผมพึ่งขอกุ๊กแต่งงานไปด้วยว่ะ” โจ้กล่าวออกมาเขินๆ
“เฮ้ย! จริงดิ!?” คำพูดของโจ้ทำเอาหนุ่มบอยถึงกับตกตะลึงจนแทบสำลักเบียร์ออกมา
“ก็จริงอ่ะดิพี่ แถมกุ๊กเค้าดันตอบตกลงด้วยนี่ดิ ซวยเลย 555”

“เอ้า ไอ้ห่า... มึงนี่ก็ทำเป็นเรื่องเล่นๆ ไปได้ ขอแต่งงานนะโว้ย ไม่ใช่ขอเบอร์สาว ถ้าเค้าตอบตกลงแล้วมึงดันใจฝ่อขึ้นมา เค้าก็ได้เกลียดขี้หน้าไม่เผาผีกันพอดี” หนุ่มบอยบ่นสั่งสอนรุ่นน้อง จนโจ้ต้องรีบพูดแก้ต่างให้ตัวเอง
“แหม ผมก็พูดเล่นไปงั้นแหละพี่ จริงๆ ก็ดีใจแหละ ที่เค้าไม่ตอบปฏิเสธเอา เพราะเราก็ทำเหี้ยๆ กับเค้าไว้เยอะ”

“เออ รู้ตัวก็ดีแล้ว วันหลังก็ทำตัวดีๆ จะได้ไม่ต้องไปกราบขอขมาง้อเค้าอีก”
“แหะๆ ว่าแต่พี่เหอะ... ตกลงวันนี้ที่นัดผมมาคุยเนี่ย... แค่คิดถึงจริงหราาา?” โจ้แกล้งแซวพลางกระดกเบียร์เข้าปากบ้าง
“สัด... ไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดีเลยมึง” บอยหลุดด่าออกไปแบบเขินๆ ที่โดนรู้ทัน

“ถามจริง... อาการเดิมอีกแล้วเหรอพี่?” คราวนี้เจ้าหนุ่มรุ่นน้องเริ่มเข้าโหมดซีเรียสขึ้นมาแบบกะทันหัน จนหนุ่มบอยเองก็ต้องกลับมาพูดคุยจริงๆ จังๆ ไปด้วยอีกคน
“เออ... กูก็ไม่รู้จะทำไงดีว่ะ เลยว่าจะลองมาปรึกษามึงเนี่ย”

“เฮ้อ... ผมก็ปวดหัวแทนพี่เลยว่ะ... อาการของพี่แม่ง จะว่าทางกายก็ไม่น่าใช่ หรือว่าจะเป็นปัญหาทางใจ พี่สองคนก็ดูจะแฮปปี้ดีออกแท้ๆ” โจ้กล่าวแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมาอย่างจริงใจ

“ไอ้เรื่องปัญหาที่ตัวกูอ่ะ มันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอกเว่ย แต่ที่กูอยากมาคุยกับมึงจริงๆ ก็คือ กูอยากให้มึงกลับไปลองคุยๆ สานต่อกับเป้เค้าเหมือนเดิมดูว่ะ กูคิดว่า... ถ้าเค้าได้อยู่กับมึงอีก... เค้าน่าจะมีความสุขกับเรื่องพวกนั้นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้” บอยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง และแฝงเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดลึกๆ

“เฮ้ยพี่... แต่ผมกำลังจะแต่งงานอยู่แล้วนา... มันจะไม่ได้สะดวกเหมือนเมื่อก่อนแล้วอ่ะดิ” ในที่สุดโจ้ก็เอ่ยถึงสิ่งที่บอยเคยแอบกังวลเอาไว้ ออกมาจนได้
“เฮ้ออออ.... เรื่องนั้นกูก็พอเข้าใจว่ะ กูเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามทำให้ความสัมพันธ์ของมึงวุ่นวายหรอกนะไอ้โจ้... แต่กูแม่ง... ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดีว่ะ ไอ้ที่นึกออกก็มีแค่มึงคนเดียว ที่คิดว่าเป้เค้าน่าจะโอเคที่สุดแล้ว...” บอยตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

“อืม แล้วแบบนี้ พี่จะเอาไงอะ?” โจ้ถามด้วยน้ำเสียงลังเลอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะไปต่อยังไง
“ถือว่ากูขอได้มั้ยวะโจ้... คิดซะว่าช่วยกูอีกซักครั้ง นะ...” ชายหนุ่มเอ่ยปากขอร้องออกมาแบบตรงๆ เล่นเอาหนุ่มรุ่นน้องเองก็ไปต่อไม่ถูก ในใจนั้นก็แอบรู้สึกเกรงใจที่รุ่นพี่ถึงกับเป็นฝ่ายบากหน้ามาขอความช่วยเหลือกับเขาแบบนี้

ซ้ำแล้วในใจลึกๆ ของโจ้นั้น ก็ยังไม่สามารถลบเลือนภาพความทรงจำที่เคยมีร่วมกับภรรยาสาวของรุ่นพี่ออกไปได้อย่างหมดจดถาวร ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นจากอารมณ์ปรารถนาและความใคร่ใน ก่อนที่จะค่อยๆ ตกตะกอนกลายเป็นความรู้สึกห่วงหาและผูกพันกันในภายหลัง ซึ่งแม้จนถึงทุกวันนี้แล้วก็ยังอดคิดคำนึงถึงเธออยู่ไม่ได้...

แต่อีกใจนึงก็แอบกังวลไปว่า หากตัวเองเกิดตอบตกลงยอมไปช่วยรุ่นพี่อย่างบอยแล้ว ความสัมพันธ์ของตัวเองกับแฟนสาวที่พึ่งจะกลับมาคืนดีกันได้ไม่ถึงปีดีนั้น ก็อาจสั่นคลอนและเกิดแตกร้าวขึ้นมาอีกก็เป็นได้...

“เฮ้ย... มึงยังไม่ต้องรีบตัดสินใจตอนนี้ก็ได้ ไว้วันหลังค่อยให้คำตอบกับกูก็ยังไม่สาย” บอยซึ่งแอบจับสังเกตได้ถึงความว้าวุ่นของหนุ่มรุ่นน้อง จึงรีบชิงบอกให้โจ้สบายใจ
“ครับพี่... ไว้ผมขอกลับไปคิดก่อนแล้วกันนะ ขอโทษที” หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย

“เออๆ ไม่ต้องเครียดมากนะ ไม่รีบๆ ไว้ยังไงวันหลังก็พาแฟนมาแนะนำให้กูกับเป้รู้จักบ้างนะ จะได้สนิทๆ กันไว้” บอยรีบชวนเปลี่ยนเรื่อง เพื่อหวังจะปรับอารมณ์ของคู่สนทนาไม่ให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“อืม ได้พี่ ไว้เดี๋ยวไว้ว่างๆ จะพาไปเปิดตัว ว่าแต่พี่เป้แกจะยอมให้ผมเข้าไปเหยียบบ้านพี่อีกเร้อ” โจ้เอ่ยหยั่งเชิงถึงรุ่นพี่สาวขึ้นมาบ้าง

“แหม เค้าก็คงไม่ได้มองเห็นมึงเป็นตัวเชื้อโรคอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง” บอยตอบกลับไปอย่างยียวน จนอีกฝ่ายหลุดโวยออกมาเบาๆ
“โห พี่ก็เรียกซะเหี้ยเลย”
“555+”

สองหนุ่มต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบกันอยู่ร่วมๆ 2 ชั่วโมง ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นเวลานาน ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันกลับ โดยที่หนุ่มบอยเองนั้น แอบหอบหิ้วเอาความหวังก้อนโตติดไม้ติดมือกลับบ้านมาด้วย...

ซึ่งหนุ่มโจ้เองก็ไม่ทำให้บอยต้องผิดหวัง เพราะหลังจากนั้นอีกไม่ถึงอาทิตย์ เจ้าหนุ่มรูปหล่อก็โผล่หน้ามาเยี่ยมเยียนถึงหน้าบ้านหลังเดิมอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายกันไปยาวนานกว่า 4 ปี และทันทีที่สาวเป้ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของชายหนุ่ม เธอก็ถึงกับตกตะลึงจนแทบจะเผลอร้องอุทานออกมาดังๆ

หญิงสาวพยายามรักษาท่าทีเก็บอาการ เอ่ยปากทักทายชายหนุ่มแบบอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนที่จะรีบหลบฉากไปนั่งเล่นกับลูกๆ และพี่เลี้ยง ที่ม้านั่งข้างนอกบ้านด้วยความเขิน ในขณะที่บอยกับโจ้ก็ไปนั่งกระซิบกระซาบปรึกษากันอยู่เงียบๆ ที่โต๊ะกินข้าว

“ตกลงมึงตัดสินใจว่าไง?” บอยเปิดฉากเข้าเรื่องทันที
“แหมะ พี่นี่ก็ใจร้อนจัง ไม่คิดจะเสิร์ฟน้งเสิร์ฟน้ำให้แขกก่อนเลยเหรอ?”
“อยากกินก็เดินไปหยิบเองดิไอ้ห่า ทำเหมือนไม่เคยมาบ้านกู ตกลงยังไงเนี่ย เร็วๆ เดี๋ยวเป้เข้ามาก่อน”

“อืม... เอาจริงๆ ผมก็ยังตัดสินใจไม่ขาดอ่ะพี่ คือมันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปคิดเองเออเองได้ไง มันยังมีเรื่องของพี่เป้เค้าด้วยอ่ะ พี่เข้าใจใช่ป่ะ?” โจ้อธิบายความรู้สึกลึกๆ ออกไป
“เออ กูเข้าใจ แล้วคือยังไง จะให้กูไปคุยกับเค้าตรงๆ เลยอ่ะนะ?” บอยเอ่ยถาม
“ไม่ๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้น พี่ก็แค่ลองสังเกตอาการพี่เค้าดูก่อนดิ อย่างวันเนี้ย เดี๋ยวพอผมกลับไป พี่ลองแย็บๆ ดูก็ได้ ถ้าเกิดว่าเค้าแสดงท่าทีอึดอัดหรือออกอาการไม่พอใจที่เจอหน้าผมแล้ว ผมว่าเราก็ใส่เกียร์ถอยหลังดีกว่า... แต่ถ้าเกิดว่าพี่เค้ายังพอมีเยื่อใยอยู่บ้าง ผมว่าพี่เองก็น่าจะพอดูอาการเค้าออกนั่นแหละ... แล้วถ้าเกิดเป็นอย่างหลัง เราค่อยมาลองหาทางอีกทีดูก็ได้” โจ้ร่ายยาว ในขณะที่บอยเองก็ตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ พร้อมกับพยักหน้ารับ

“อืม ที่มึงพูดมาก็มีเหตุผล แล้วนี่... แปลว่าถ้าเกิดเป้เค้าโอเค มึงก็โอเคด้วยเหรอ? แล้วแฟนมึงจะทำไงอ่ะ โกหกเค้าแบบนี้แล้วจะลำบากใจรึเปล่า?” บอยถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจมาพักใหญ่ๆ

“คือ... พี่จะด่าว่าผมงี่เง่าก็ได้นะ แต่ว่าไม่รู้ดิ ตั้งแต่ช่วงที่ห่างๆ กันไปคราวก่อน แล้วกุ๊กเค้าบังเอิญไปมีหนุ่มอื่นมาติดพันด้วย แล้วก็เหมือนแบบ... โดนไอ้นั่นฟันแล้วก็ชิ่งอ่ะ...” หนุ่มโจ้เริ่มเล่าถึงเรื่องราวของตัวเองบ้าง
“อาฮะ...?” บอยพยักหน้ารับเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเล่าต่อไป

“คือพอกุ๊กมาเล่าให้ผมฟังแบบนี้อ่ะพี่ ไอ้ผมแม่งก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาว่ะ คือแทนที่จะหึงนะ ผมแม่งดันกลับมีอารมณ์ขึ้นมาเฉยเลยว่ะพี่... ผมแม่งเกิดสงสัยคาใจขึ้นมา อยากรู้ว่าเวลาที่เค้ามีอะไรกัน มันจะแตกต่างจากตอนที่มีกับเราแค่ไหน ไอ้หมอนั่นมันจะลีลาเป็นยังไง แล้วแฟนเราจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันถึงขั้นไหน...? ในหัวก็เอาแต่คอยหมกมุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้ พี่ว่าผมเพี้ยนป่ะล่ะ?”

“เหอะๆ นี่จะบอกว่ามึงติดเชื้อกูไปอีกคนแล้วรึไง?” บอยเอ่ยปากแซวขำๆ
“เออดิ เนี่ย! ใช่ป่ะพี่? ผมก็ว่าแม่งเป็นเวรเป็นกรรมที่คอยไปเอาเมียชาวบ้านเค้ารึเปล่าวะ สุดท้ายแล้วตัวเองถึงเกิดอยากเห็นคนอื่นมาจิ้มแฟนตัวเองซะงั้น”

“ก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่หว่า ก็ในเมื่อก่อนหน้านี้ มึงเองไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เลยไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเหมือนคนอื่นๆ เขา ทีนี้พอตัวเองมีกับเค้าบ้าง แล้วเกิดโดนคนอื่นเล่นตีท้ายครัวขึ้นมา คราวนี้เลยเกิดต่อมเงี่ยนแตก จนต้องมาเข้าชมรมคนโรคจิตเหมือนกูนี่ไง 555” หนุ่มบอยสาธยายเสร็จสรรพ

“เออ ก็นั่นแหละ ผมเลยจะมาลองคุยกับพี่ว่า... ถ้าผมชวนกุ๊กมาให้สวิงกับพี่... พี่จะโอเคมั้ย?” โจ้เอ่ยข้อเสนอสุดเพี้ยนออกมา
“เฮ้ย!? มึงจะบ้าอ่อ จู่ๆ จะให้กูไปเอากับแฟนมึงเนี่ยนะ?” หนุ่มบอยที่ได้ฟังก็ถึงกับหลุดปากอุทานออกมา เนื่องจากตั้งตัวไม่ติด
“โธ่พี่... พี่จะแปลกใจทำไม ในเมื่อเรื่องมันก็เดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ในเมื่อผมเคยมีอะไรกับเมียพี่ได้ แล้วทำไมพี่เองจะมาลองมีอะไรกับว่าที่เมียผมดูบ้างไม่ได้เล่า...” โจ้กล่าวต่อไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“เฮ้ย มึงก็พูดเป็นเล่น แล้วกุ๊กเค้าจะมายอมเออออห่อหมกกับมึงได้ยังไง?” บอยยังคงพยายามออกปากแย้ง แม้ว่าในหัวของชายหนุ่มตอนนี้จะกำลังนึกย้อนไปถึงภาพใบหน้าของหญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ที่เคยเห็นในโทรศัพท์คนนั้นอยู่แบบเงียบๆ ก็ตาม

“กุ๊กเค้าจะยอมรึเปล่าผมก็ยังไม่รู้หรอก ยังไม่ได้ลองไปกล่อมเลย แต่เอาจริงๆ ผมคิดว่าไม่น่าจะยากหรอกนะ ขานั้นเค้าเป็นพวกกล้าลุยกล้าลองอยู่แล้ว ถึงแรกๆ จะเขินๆ แต่ถ้าตะล่อมกล่อมกันดีๆ ผมว่ายังไงกุ๊กก็ยอม” โจ้รีบตะล่อมอย่างต่อเนื่อง
“มึงแม่งก็พูดง่ายชิบหาย...” หนุ่มบอยที่เป็นตัวตั้งตัวตีในทีแรก ตอนนี้กลับตกอยู่ในภวังค์แห่งความสับสน จับต้นชนปลายเรื่องราวต่างๆ ไม่ทัน

“เฮ้ย นี่ผมตั้งใจจะช่วยพี่เลยนะ พี่รู้เปล่า ยัยกุ๊กเนี่ย ลีลาไม่ธรรมดานะครับ ถ้าเกิดพี่ได้ลองซะบะละเฮ่ดูซักครั้ง รับรองหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ” โจ้นำเสนออย่างต่อเนื่อง จังหวะและลีลาแทบไม่ต่างอะไรจากตอนที่ต้องเสนอขายงานให้ลูกค้าเลยแม้แต่น้อย
“ห่า... กูไม่ได้หวังจะไปมีอะไรกับใครเค้าไปทั่วแบบมึงนี่หว่า แถมมึงก็รู้ว่าไอ้หนูกูน่ะมันทั้งป้อแป้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เกิดไปนัวๆ กับเค้าอยู่แล้วแม่งเหี่ยวขึ้นมา กูไม่อายเค้าตายเลยเหรอวะ?”

“เออ เรื่องนั้นอ่ะ ผมว่าจริงๆ แล้วมันแก้ได้นะพี่ ผมลองกลับไปนั่งนึกทบทวนดูแล้ว ผมว่ามันอยู่ที่ความมั่นใจของพี่มากกว่า พอพี่ไปกังวลกับมัน มันก็เลยพาลหมดอารมณ์ดื้อๆ ตลอด พี่ต้องเลิกไปโฟกัสอยู่กับเรื่องนั้นดิ หันมาใส่ใจปล่อยอารมณ์ไปกับความรู้สึกตรงหน้า ใส่ใจกับเรือนร่างของคู่ขาเรา มากกว่าที่จะไปห่วงว่าควยเราจะแข็งหรือจะนิ่มมั้ย ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติอ่ะพี่
“อืม..มมมม” หนุ่มบอยครางตอบเบาๆ ปล่อยให้โจ้ร่ายยาวต่อไป
 
“ส่วนเรื่องเทคนิคลีลา เรื่องความอึดความทนเดี๋ยวผมจะช่วยแนะนำพี่อีกทีนึงแล้วกัน ถ้าลีลาพี่ดีขึ้น มันอาจจะทำให้ความมั่นใจของพี่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แล้วทีนี้ปัญหาที่มันเคยเรื้อรัง ก็จะได้หายๆ ขาดไปซักที แบบนี้พี่ว่าโอเคมั้ยล่ะ เชื่อผมดิลองฝึกกับกุ๊กดู รับรองแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่ก็เชี่ยวแบบผมแล้ว”

“หึหึ... สรุปง่ายๆ คือมึงก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยชิมิ ได้เย็ดเมียกูด้วย แถมได้ดูเมียตัวเองโดนเย็ดด้วย สมใจแท้ๆ” หนุ่มบอยที่นิ่งเงียบฟังจนจบกล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

“โหยพี่อย่ามองแบบน้านนน เค้าเรียกวิน-วินต่างหาก พี่เป้ก็ฟิน พี่เองก็ฟิน ผมกับกุ๊กเองก็ฟินไปด้วย มีแต่ได้กับได้ ไม่มีเสียเลยไง”
“มึงนี่แม่งมองข้ามช็อตไปนู่น เอาแค่ตอนนี้ก่อนดีกว่า ถ้าเกิดว่าเป้เค้าไม่เล่นด้วยนี่ก็จบเห่กันตั้งแต่ต้นเลยนะ”
“เฮ้ย... พี่ก็อย่าพึ่งรีบดับความหวังผมเร็วดิ” หนุ่มโจ้รับมุกพร้อมกับหัวเราะออกมาพร้อมกัน

สาวเป้ปล่อยให้สองหนุ่มได้นั่งดื่มพูดคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะยอมเฉียดกรายเข้ามาในบริเวณใกล้ๆ เพื่อคุยกับสามีตัวเอง

“บอย โอมบ่นหิวแล้วอ่ะ บอยกับโจ้จะกินด้วยกันเลยมั้ย? เป้จะได้หุงข้าวเผื่อทีเดียว” เป้เอ่ยถามสามีโดยที่ไม่กล้าหันไปสบตากับโจ้
“อ๋อ... ไม่เป็นไรฮะพี่ เดี๋ยวผมกลับก่อนดีกว่า จะได้ไม่รบกวนเวลาพี่ๆ” หนุ่มโจ้รีบปฏิเสธทันควันด้วยความสุภาพ พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ซึ่งแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้หันไปมองตรงๆ แต่ก็ยังแอบรู้สึกได้ว่ามีสายตาจับจ้องมองเธออยู่

“เออๆ ตามใจ งั้นเดี๋ยวกูเดินไปส่ง” บอยว่าแล้วทำท่าลุกเดินพาโจ้ออกไป โดยมีสาวเป้แอบยืนมองออกมาจากทางหน้าต่างห้องครัวด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกบางอย่าง ในขณะที่มือก็คอยล้างผักไปด้วย ซึ่งพอสามีตัวแสบเดินกลับเข้ามาข้างใน ภรรยาสาวก็เลยเปิดฉากจู่โจมด้วยความคับข้องใจทันที

“โจ้มันมาทำไมอ่ะบอย?”
“อ๋อ... ไม่มีอะไรหรอก มันแค่แวะมาคุยเล่นนิดๆ หน่อยๆ น่ะ” บอยเอ่ยไปตามเรื่อง
“โห... หายต๋อมไปตั้งนาน อยู่ๆ ก็โผล่หน้ามาแบบไม่บอกกล่าวเนาะ” หญิงสาวพูดในทำนองประชดประชัน ฝ่ายสามีหนุ่มเองที่คอยสังเกตอาการและท่าทีของเธออยู่ จึงลองเอ่ยปากหยั่งเชิงถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อคู่ขาเก่าดูเล่นๆ

“แล้วนี่... เขินน้องมันเหรอ เห็นหลบไปนั่งซะไกลเลย” บอยถามด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
“บ้า! เค้าก็นั่งกับลูกอยู่แล้วป่ะวะ ทำไมจะต้องหลบหน้ามันด้วย?” เป้รีบแก้ตัวกลับมา
“เอ้า ก็เห็นกิ๊กเก่ามาเยี่ยมถึงบ้าน... ก็นึกว่าจะเกิดสปาร์คกันขึ้นมาอีก”
“วุ้ย! มีแต่ผัวมันนี่แหละที่สปาร์คอยู่คนเดียว รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ ไม่ต้องเลย ไอ้ลามก” หญิงสาวออกอาการเคืองๆ นิดๆ

“คิดอะไรที่ไหนเล่า เป้นี่ก็นะ ยัดข้อหาให้เราตลอด”
“ก็มันน่ายัดมั้ยเล่า ตกลงโจ้มันมาคุยเรื่องอะไร? บอกมาเลยนะ”
“อืม ก็ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เล่าๆ เรื่องแฟนมันให้ฟัง ก็แค่นั้นแหละ...” หนุ่มบอยพยายามเล่าด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด

“ห๊ะ!? ไอ้โจ้เนี่ยนะมีแฟนแล้ว??” สาวเป้ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าหนุ่มรุ่นน้องจอมกะล่อนที่เคยผูกสัมพันธ์กับเธอคนนั้น จะซุ่มเงียบหนีไปมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบนี้

“อือ เราเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่คิดว่ามันคงรักจริงแหละคนนี้ เพราะเห็นว่าพึ่งจะขอเค้าแต่งงานไปด้วยเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยปากเล่าต่อไป แอบสังเกตสีหน้าของภรรยาที่กำลังตกตะลึงติดๆ กันแบบซ้ำสอง
“โห... ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ...” เป้ครางออกมาเบาๆ
“เออ เป้พูดเหมือนเราเดี๊ยะๆ เลยเนี่ย” บอยพูดแล้วอมยิ้มกับท่าทีของคู่สนทนา

“เหรอ แล้วน้องเค้าเป็นใครอ่ะ สวยมะๆ? บอยรู้จักป่าว?” หญิงสาวรีบซักไซ้ถามต่อไป
“ก็เห็นว่าเป็นรุ่นน้องที่ทำงานมันนั่นแหละ ที่เคยเห็นรูปก็น่ารักดีนะ” พอบอยพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็แอบลอบจับสังเกตสีหน้าและท่าทีของภรรยาอีก แม้ว่าใบหน้าของเธอจะยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตาของเธอนั้นกลับฉายภาพของความรู้สึกอะไรบางอย่าง ที่ปะทุขึ้นมาพร้อมๆ กัน ทั้งประหลาดใจ... ทั้งขุ่นเคืองใจ... ทั้งอิจฉา... แต่ก็เคลือบเอาไว้ด้วยความรู้สึกโล่งใจเล็กๆ...

“ทำไมอ่ะ หึงน้องมันเหรอ?” บอยแกล้งเอ่ยถามจี้ใจดำขึ้นมาตรงๆ
“ไม่ใช่แระ... ก็แค่แปลกใจเฉยๆ ย่ะ ที่มีสาวมาหลงผิดติดกับมันได้เนี่ย”
“ตรงหน้าเรานี่ก็มีอยู่คนนึงนะ” สามีหนุ่มแกล้งพูดพึมพำเบาๆ คนเดียวไม่ให้เธอได้ยิน
“อะไร!? บ่นอะไร?” เป้ร้องแว้ดๆ ขึ้นมาทันควัน

“เปล๊าาา... เออ แต่น้องมันก็แอบถามถึงเป้เหมือนกันนะ” หนุ่มบอยแกล้งพูดถึงชื่อเธอขึ้นมาเพื่อหยั่งเชิง
“หืม? ถามอะไรอ่ะ?” น้ำเสียงเธอกลับกลายเป็นความตื่นเต้นขึ้นมาแบบกะทันหัน แต่ยังไม่ทันที่หนุ่มบอยจะได้ตอบอะไร ก็เกิดถูกขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

“หม่าม้า โอมหิวข้าว” เสียงโอดครวญของลูกชาย ทำให้ทั้งคู่ต้องหันกลับไปมองยังที่มาพร้อมๆ กัน เจ้าหนูโอมวัย 11 ขวบ กำลังยืนจับมืออยู่กับน้องเอม ลูกสาวตัวน้อยวัย 2 ขวบนิดๆ ด้วยสายตาละห้อย บ่งบอกว่าทั้งคู่กำลังท้องหิวได้ที่
“โอ๋ๆ รอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวหม่าม้ารีบทำให้นะ โอมกับเอมไปนั่งรอกับป่าป๊าก่อนนะครับ” สาวเป้บุ้ยใบ้ให้สามีรับช่วงต่อแทน
“อ่ะๆ ป่ะๆ ไปนั่งดูการ์ตูนกับป๊ากันดีกว่าเนาะ” หนุ่มบอยเออออตามพร้อมกับจูงมือลูกเดินไปนั่งรอที่โซฟา

ถ้อยคำที่หนุ่มบอยเกริ่นทิ้งท้ายเอาไว้... ดูจะได้ผลอยู่ไม่น้อย เพราะแม้กระทั่งตอนที่ทั้งคู่กำลังจะเข้านอนนั้น สาวเป้ก็ยังอดที่จะถามไถ่ถึงเรื่องที่หนุ่มโจ้แวะมาเยี่ยมบ้านไม่ได้
 
“นี่ ตกลงโจ้มันถามอะไรเรื่องเค้าเหรอ?” เป้เอ่ยปากถามสามีที่พึ่งจะสวดมนต์เสร็จหมาดๆ
“โห ยังไม่เลิกสงสัยอีกเรอะ?”
“เอ้า... ก็บอยยังเล่าไม่จบอ้ะ เล่าต่อดิ้ นะๆ” หญิงสาวเอ่ยปากออดอ้อนอย่างน่ารัก ส่วนชายหนุ่มก็ได้แต่อมยิ้มเพราะปฏิเสธเธอไม่ลง

“มันอยากรู้ว่า เป้อ่ะ หายโกรธมันรึยัง?” บอยเฉลยออกไปเพื่อหวังให้เธอเลิกคาใจเสียที
“อ๋อ...” สาวเป้ฟังแล้วก็พยักหน้าเบาๆ
“ก็แค่นั้นแหละ มันไม่รู้ว่าเป้มองมันตอนนี้ยังไง ก็เลยไม่กล้าเข้าไปคุยอะไรด้วยเท่าไหร่”

“โธ่เอ๊ย... คิดมากไปเปล่า? จริงๆ เค้าก็ไม่ได้โกรธอะไรมันมากมายซะหน่อย... เพราะคนที่เค้าโกรธจริงๆ น่ะ คือบอยต่างหาก” ภรรยาสาวพูดพร้อมกับหยิกลงไปที่แขนของสามีเบาๆ
“อ้าว!? ปั้ดโธ่ ไหงมาลงที่เราได้เล่า” ชายหนุ่มแกล้งทำท่าโอดโอยเบาๆ
“ก็จริงนี่นา คนบ้าอะไร วางแผนให้คนอื่นมามีอะไรกับเมียตัวเองแบบนี้”

“เอ้า ก็เห็นคุณเมียเองก็ดูมีความสุขดีนี่นา แถมช่วงหลังๆ นะ ยังชอบมาหลอกผัว หาเวลาหนีไปอยู่กับกิ๊กอีกต่างหาก” บอยแกล้งพูดล้อเลียนจนสาวเป้ออกอาการเขินอาย เผลอหยิกหมับเข้าไปที่แก้มสามีแบบแรงๆ
“ไอ้พี่บอยบ้า! พูดจาน่าเกลียดอีกแล้ว” หญิงสาวร้องแว้ดออกไปเพราะความเขิน

“เออ นี่เราถามจริงๆ นะเป้ แล้วถ้าเกิดว่าโจ้มันยังไม่ลืมเป้ แล้วยังแอบชอบเป้อยู่เนี่ย.. เป้จะว่ายังไง?” บอยพาวกกลับเข้าประเด็นอีก ทำเอาภรรยาสาวถึงกับออกอาการสะอึก อ้ำอึ้ง พลันเกิดความรู้สึกหวั่นไหวและตกใจไปพร้อมๆ กันเมื่อได้ฟัง

“เฮ้ย... ไม่หรอกมั้ง ก็ไหนบอยว่าโจ้มันมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ แถมกำลังจะแต่งงานกับเค้าอีก แล้วมันจะยังมาอะไรกับเป้อีกเล่า?”
“อืม ไม่รู้ดิ... เราว่าเราพอจะจับความรู้สึกมันได้ว่ะ ตอนที่ไอ้โจ้พูดถึงเป้นะ สายตามันฟ้องเลยอ่ะว่ามันยังลืมเป้ไม่ได้” บอยแกล้งพูดหยั่งเชิงออกไปตรงๆ เล่นเอาเป้ถึงกับออกอาการเขินๆ ก้มหน้างุดๆ หลบสายตาโดยไม่รู้ตัว

คำพูดของบอยทำให้หญิงสาวเกิดอาการหัวใจพองโตขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว มันเป็นความรู้สึกปลาบปลื้มยินดีแบบผิดที่ผิดทาง ซึ่งเธอเองก็พยายามที่จะระงับข่มซ่อนมันเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อได้รับรู้ว่าชายหนุ่มอดีตชู้รัก ยังคงคอยคิดคำนึงหาเธออยู่แม้จวบจนถึงทุกวันนี้... และแม้ว่าตัวเขาเองจะมีหญิงสาวอื่นมาคบหาเป็นคู่ควงแล้วก็ตาม... ซึ่งสามีหนุ่มก็แอบจังสังเกตอาการของเธอได้ครบถ้วน

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง... บอยอย่าไปคิดมากเลยนะ นอนกันเหอะ ดึกแล้ว” เป้พยายามพูดตัดบท และเอ่ยปากชวนสามีเข้านอนแบบกะทันหัน ซึ่งชายหนุ่มเองก็เออออตามแบบง่ายๆ
“จ้ะๆ ฝันดีนะเธอ” ชายหนุ่มว่าพลางเอื้อมมือไปคว้าร่างภรรยาเข้ามากอด ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ งีบหลับไปพร้อมๆ กัน

ซึ่งจากท่าทีของเป้ที่ปรากฏออกมานั้น ก็ทำให้บอยเองเริ่มที่จะแน่ใจแล้วว่า... ภรรยาสาวของตัวเอง ยังคงมีเยื่อใยผูกพันต่อเจ้าหนุ่มรุ่นน้องเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...

=======================================

เมื่อมั่นใจดีแล้ว บอยจึงตัดสินใจเดินหน้าทำตามแผนการที่วางไว้กับโจ้ทันที... โดยที่ชายหนุ่มทั้งสองนั้น จะพยายามหาทางหว่านล้อมพูดกล่อมสาวๆ ของตัวเอง ให้ค่อยๆ คล้อยตามความคิดบ้าๆ บอๆ เรื่องการสลับคู่นี้ไปพร้อมๆ กัน

อาทิตย์ต่อมา... หนุ่มโจ้ก็ยังคงโผล่หน้ามาเยี่ยมชายหนุ่มรุ่นพี่อีกเหมือนเดิม แตกต่างกันตรงที่ครั้งนี้... เจ้าหนุ่มรุ่นน้องนั้นได้ควงแขนแฟนสาวคนสวย ว่าที่ภรรยาของตัวเองมาด้วย ทำให้คู่สามีภรรยาเจ้าของบ้าน ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสต้อนรับแขกรายใหม่เป็นครั้งแรก

โดยเฉพาะสาวเป้ที่ออกอาการอึดอัด เมื่อต้องปะหน้าเข้ากับแฟนสาวของอดีตชู้หนุ่ม แอบนึกระแวงไปว่าสาวกุ๊กนั้นจะเกิดเอะใจสงสัยถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ขึ้นมา จนพาลทำให้เธอไม่กล้าพูดจาต่อปากต่อคำกับหนุ่มโจ้ซักเท่าไหร่ และเลือกที่จะปลีกตัวมานั่งคุยกับหญิงสาวรุ่นน้องเพียงลำพัง ปล่อยให้สองหนุ่มได้จับคู่พูดคุยกันไปเหมือนเดิม

“ผมพึ่งพากุ๊กไปนวดคอร์สเจ้าสาวมาว่ะพี่” หนุ่มโจ้ป้องปากกระซิบกระซาบเบาๆ เหมือนกลัวใครได้ยิน
“เออ ก็ดีแล้วนี่ แพงมั้ยล่ะ นวดดีมะ?” หนุ่มบอยถามกลับไป พลางนึกสงสัยกับท่าทีลับๆ ล่อๆ ของเจ้าหนุ่มรุ่นน้อง
“ก็คงดีอ่ะพี่ เพราะเห็นกุ๊กเค้าบอกว่าโดนหมอนวด ทั้งนวดทั้งคลึงจนขึ้นสวรรค์ไปเลย”

“ห๊ะ? เดี๋ยวนะ... นี่มึงพากุ๊กไป... นวดเสียวมาเหรอ?” หนุ่มรุ่นพี่อุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจ
“อ่าฮะ ค่อยๆ ตะล่อมบิวท์เค้าไง” โจ้ตอบหน้าตาย
“โห ไอ้ห่า... มึงเล่นแรงเกินไปป่าววะ แล้วนี่น้องเค้าไม่ตกใจแย่เหรอ?”

“ไอ้ตกใจมันก็ตกใจอยู่หรอกพี่ แต่ผมดูท่าทีแล้ว กุ๊กเค้าก็ไม่ได้โวยวายอะไรมากนะ มีเขินๆ เคืองๆ นิดหน่อย แต่ก็เห็นแฮปปี้มีความสุขดี แบบนี้ดูท่าจะคุยกันได้ไม่ยากเท่าไหร่ เดี๋ยวค่อยลองกล่อมๆ บิวท์เรื่องสวิงดูอีกรอบ... แล้วของพี่อ่ะ เป็นไงมั่ง คืบหน้าไรมั่งป่าว?” เจ้าหนุ่มรุ่นน้องวกกลับมาถามไถ่ถึงความคืบหน้าของอีกฝ่ายบ้าง

“อืม... ที่ลองแย็บๆ ถามดู กูว่า.. เป้เค้าก็น่าจะยังแอบรู้สึกดีๆ กับมึงอยู่นั่นแหละว่ะ แต่เค้าคงกระดากปาก ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ มั้ง คงจะเกรงใจกูด้วยแหละ เค้าคงไม่อยากให้มันเกิดปัญหาขึ้นมาซ้ำสอง” บอยตอบออกมาตามตรง เล่นเอาเจ้าหนุ่มรุ่นน้องฉีกยิ้มกว้างแทบไม่ทัน

“ถ้าเป็นแบบนั้น... ผมว่าพี่เองก็ต้องเป็นคนเปิดทางช่วยบิวท์ให้เค้าด้วยแหละ ก็ใช้วิธีเดิมอ่ะพี่ คอยกระตุ้น พูดยั่วเค้าเวลาที่มีอะไรกัน ผมว่าแบบนั้นก็น่าจะเร็วที่สุดนะ นี่ผมเองก็พยายามตะล่อมให้กุ๊กเล่าถึงเรื่องที่เคยไปมีอะไรกับคนอื่น ให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ยิ่งเวลาที่เรากำลังเอากันนะพี่ กุ๊กยิ่งเล่า หีก็ยิ่งตอดควยผมไม่หยุดเลย น้ำงี้แฉะไปหมด”

“เออๆ กูเข้าใจแล้ว เห็นภาพแล้ว มึงไม่ต้องละเอียดมากก็ได้... ขอกูค่อยๆ ดูๆ ไปก่อนแล้วกัน ไม่กล้าไปเร่งเค้ามากว่ะ กลัวมันจะทำให้เป้เค้ารู้สึกแย่ขึ้นมาอีก เดี๋ยวจะผิดคิวเสียก่อน” หนุ่มบอยพูดพร้อมกับเหลือบมองไปยังภรรยาตัวเอง ซึ่งกำลังพูดคุยกับหญิงสาวรุ่นน้องกันอยู่อย่างออกรส...

“พี่ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมโจ้ถึงได้ยอมเลิกเจ้าชู้ ก็แหม มีแฟนสวยน่ารักแบบนี้ ถ้ายังกะล่อนอีกก็ซื่อบื้อเกินไปแล้ว” เป้เอ่ยชมว่าที่เจ้าสาวคนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเอ็นดู
“หวาย ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะพี่เป้ ก่อนหน้านี้น่ะกุ๊กอ้วนจะตาย อีพี่โจ้มันยังแซวว่าหนูเป็นฮิปโปอยู่เลย” สาวกุ๊กรีบออกตัวปฏิเสธแบบเขินๆ

“แล้วตกลงนี่ ตาโจ้มันได้คุกเข่าขอแต่งงานกุ๊กแบบในหนังรึเปล่าเนี่ย?” เป้เอ่ยปากถามต่อ ซึ่งกุ๊กเองก็รีบส่ายหน้ายิ้มๆ กลับมาทันที
“โหย ไม่มีทางอ่ะค่ะพี่เป้ อีตาพี่โจ้นะ แทบจะเอาเรื่องขอแต่งงานมาเป็นข้ออ้างขอคืนดีกับกุ๊กด้วยซ้ำ” หญิงสาวตอบอย่างร่าเริง

“ตายๆๆ พี่ก็นึกว่าพ่อปลาไหลอย่างมัน จะแอบมีโมเมนท์โรแมนติกกับเขาบ้าง ที่ไหนได้ ยังแสบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” สาวรุ่นพี่ส่ายหัวด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ
“นี่เผลอๆ หนูว่าพี่แกจะแสบกว่าเดิมอีกมั้งเนี่ย?” พอสิ้นคำของสาวกุ๊ก ทั้งสองสาวก็หลุดหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน

ตอนแรกนั้นสาวเป้เองก็แอบรู้สึกหวั่นๆ และนึกเกรงใจสาวกุ๊กอยู่พอสมควร เนื่องจากตัวเองนั้นเคยมีอดีตกับแฟนหนุ่มของเธอมาก่อน ซ้ำยังแอบมีอารมณ์อิจฉาลึกๆ ที่สาวรุ่นน้องสามารถพิชิตใจชายหนุ่มจอมเจ้าชู้อย่างโจ้ได้อย่างราบคาบ

แต่พอได้ลองคุย ได้มารู้จักกันจริงๆ เธอจึงได้พบว่าสาวกุ๊กนั้นก็ถือเป็นหญิงสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูอีกคนหนึ่ง ทั้งด้วยนิสัยใจคอที่ร่าเริง รวมไปถึงบุคลิกและรูปร่างหน้าตา โดยเฉพาะภาพความเป็นสาวหมวยตัวเล็กร่างกะทัดรัดของกุ๊ก(ผู้ซึ่งครั้งนึงเคยถูกแฟนหนุ่มของตัวเองตั้งฉายาให้ว่ายัยฮิปโปน้อย) ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นน้องสาวคนเล็กของบ้าน จึงทำให้สาวเป้นั้นไม่สามารถไปคิดอคติใดๆ กับเธอได้เลย

สองหนุ่มกับสองสาว ต่างจับคู่นินทาหยอกล้อถึงอีกฝั่งอย่างสนุกปาก โดยเฉพาะหนุ่มโจ้ที่ตกเป็นเป้าหลักให้สองสาวได้เม้าท์มอยกันอย่างถึงพริกถึงขิง จนชายหนุ่มถึงกับเผลอจามออกมาไม่ขาด

=======================================

ครอบครัวของบอยและเป้ ค่อยๆ สนิทสนมกับคู่ของโจ้และกุ๊กมากขึ้นเรื่อยๆ ตามวันและเวลาที่เพิ่มขึ้น... สองคู่รักมักจะหาเวลานัดพบปะสังสรรค์พูดคุยกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งพอผ่านไปเรื่อยๆ หนุ่มโจ้กับสาวเป้เองจึงเริ่มที่จะกลับมาสนิทชิดเชื้อ สามารถพูดคุยหยอกล้อเล่นกันได้เป็นปกติอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นก๋ากั่น ด่าพ่อล่อแม่กินหัวกันเหมือนสมัยก่อนก็ตาม

ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมานั้น ทำให้ชายหนุ่มรุ่นน้องเริ่มกล้าที่จะกลับไปแชทคุยเล่นกับหญิงสาวรุ่นพี่แบบสองต่อสองเหมือนเมื่อก่อน หนุ่มโจ้พยายามขุดเอาลีลาออดอ้อนชวนคุยในสไตล์พ่อแง่แม่งอนกลับมาใช้อีกครั้ง และมักจะหาโอกาสพูดจาหมาหยอกไก่กับเธอเหมือนลองหยั่งเชิง บางทีก็มีแกล้งบอกคิดถึงให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ

ขณะที่สาวรุ่นพี่เองก็พอจะรู้ทันความกะล่อนของอีกฝ่าย และมักจะคอยพูดจาดักคอให้ชายหนุ่มต้องสะอึกอยู่ร่ำไป ด้วยความที่เธอเองก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่ ที่จะยอมเปิดช่องให้ชายหนุ่มรุ่นน้องได้เข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเธออีกครั้ง รวมถึงยังไม่อยากเป็นตัวการที่เข้าไปทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโจ้และกุ๊กต้องสั่นคลอนขึ้นมา เหมือนครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอมาก่อน เนื่องจากสาวกุ๊กนั้นก็ถือเป็นน้องรักของเธออีกคนหนึ่ง และงานแต่งงานของทั้งคู่เองก็งวดเข้ามาทุกทีๆ

“พี่เป้เย็นนี้ไปดูหนังกัน” หนุ่มโจ้ส่งข้อความเชิญชวนมาทางไลน์โต้งๆ
“เรื่องไรอ่ะ” สาวรุ่นพี่ตอบกลับไปด้วยคำถาม
“Fast 7 อ่ะพี่”

“อ๋อๆ น่าดูๆ ไปดิ แล้วชวนพี่บอยกับกุ๊กไปยัง” สาวเป้แกล้งเอ่ยถามถึงแฟนสาวของโจ้เพื่อลองหยั่งเชิง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาตั้งใจที่จะชวนเธอไปดูหนังกันแค่สองต่อสองก็ตาม
“กุ๊กเค้าติดงานอ่ะพี่” คำตอบของโจ้ทำเอาเธอแอบขำออกมาคนเดียว ก็ในเมื่อทั้งคู่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน แล้วไหงตาโจ้ถึงจะว่างมาดูคนเดียวได้ล่ะเนี่ย

“อ้าวเหรอ งั้นชวนพี่บอยมะ” สาวเป้ยังแกล้งตะล่อมชายหนุ่มต่อไปอีก
“แหม เราไปดูกันแค่สองคนก็ได้ครับพี่ พี่บอยเค้าไม่ค่อยชอบดูหนังโรงหรอก พี่ก็รู้” หนุ่มโจ้ตอบกลับมาอย่างกะล่อน
“โอ้ยไม่เอาหรอก ให้พี่ไปกับโจ้สองคน เกิดโจ้หื่นขึ้นมาพี่ไม่โดนปล้ำคาโรงหนังรึไง”

“น่านะพี่เป้ เราไม่ได้ดูหนังกันนานแล้วน้าาาา รับรองว่าไม่ถึงขั้นปลุกปล้ำหรอก แค่ลูบๆ เล่นๆ นิดๆ เอง อิอิ” โจ้พิมพ์หยอกเย้า
“ไม่เอาย่ะ ไปชวนแฟนแกนู่นไป๊ อีตาหื่น” เธอตอกกลับไปพร้อมกับส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนทำท่าถีบใส่

การได้กลับมาคุยหยอกเย้าทีเล่นทีจริงกับโจ้แบบนี้อีกครั้งก็ทำให้สาวเป้รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาอีก มันเหมือนว่าทั้งคู่ได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาตอนที่หนุ่มโจ้พึ่งเริ่มเข้ามาจีบเธอใหม่ๆ ได้คุยเล่นด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน หรือแม้แต่ไปดูหนังด้วยกันสองต่อสอง มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสดชื่นที่เธอยังคงไม่ลืมเลือนไปจากหัวใจ

ช่วงเวลาก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ ถลำลึกลงไปสู่วังวนของเซ็กส์อันแสนจะโลดโผนโจนทะยาน และทำให้ชีวิตคู่ของเธอเกือบพังพินาศมาแล้ว ซึ่งเธอจะไม่มีวันยอมให้เหตุการณ์เหล่านั้นกลับมาเกิดขึ้นซ้ำสองอีก...

ซึ่งเวลาที่หนุ่มโจ้คุยหยอดจีบมา เป้ก็มักจะเอาไปเล่าให้สามีฟังอยู่เสมอๆ เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง โดยหวังจะให้อีกฝ่ายคอยพูดห้ามปรามรุ่นน้องหนุ่มไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ศึกภายนอกเท่านั้น ที่หญิงสาวต้องคอยหาทางรับมือ เพราะว่าศึกหนักภายในกับสามีของเธอนั้น ก็ดูจะหนักหน่วงไม่แพ้กันซักเท่าไหร่...

เพราะหลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างเป้กับโจ้ค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง... อารมณ์หื่นอันแสนจะบรรเจิดของบอยเอง ก็ดูจะฟื้นคืนกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน...

หลังจากที่เป้เล่าเรื่องที่โจ้แอบกลับมาจีบเธอให้บอยฟังอีกครั้ง แทนที่ชายหนุ่มจะแสดงท่าทีไม่พอใจ กลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากเห็นดีเห็นงาม พยายามโน้มน้าวให้เธอยอมกลับไปเล่นด้วยและสานสัมพันธ์กันขึ้นมาใหม่เสียอีก...

ซึ่งช่วงหลังๆ ที่ทั้งคู่มีอะไรกันนั้น หนุ่มบอยก็มักจะคอยพูดจายั่วยวน ชวนให้สาวเป้คิดจินตนาการถึงภาพใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นน้องแทนที่อยู่เสมอ โดยอ้างเหตุผลว่าจะได้เป็นการเติมเต็มความสุขที่หญิงสาวเคยขาดหายไปเป็นเวลานาน ซึ่งสาวเป้เองก็มักจะคอยพูดปฏิเสธออกไปทุกครั้ง

แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เธอเผลอตัว ยอมจินตนาการถึงภาพตอนที่ตัวเองกำลังมีเซ็กส์กับหนุ่มโจ้ตามที่สามีขอ แต่เธอก็ยังยอมอ่อนข้อให้แค่เฉพาะในจินตนาการ เวลาที่ทั้งคู่มีอะไรกันเท่านั้น และไม่ยอมเปิดช่องให้มันเกิดขึ้นในชีวิตจริงเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้มันเกิดปัญหาขึ้นมาอีก

แม้ว่าส่วนลึกในใจเธอ... จะยังคงโหยหาความรู้สึกสุขสมที่ว่านั้นอยู่ตลอดมาก็ตาม...

แต่ก็ดูเหมือนว่าบอยนั้นยังคงไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ยิ่งภรรยาเอ่ยปากปฏิเสธมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มเองกลับยิ่งพยายามชักชวนถี่ขึ้น บ่อยขึ้น จนเป้แอบรู้สึกกังวลขึ้นมา และคิดว่าคงจะต้องหาทางพูดจากันให้รู้เรื่องชัดเจนไปเลย เพราะกลัวว่าหากปล่อยทิ้งเอาไว้นานๆ มันอาจกลายมาเป็นช่องว่างที่ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขา ต้องพบเจอกับปัญหาขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้....

ในค่ำคืนหนึ่ง หลังจากที่ทั้งคู่พึ่งกล่อมลูกๆ ทั้งสองคนหลับไปเรียบร้อยแล้ว สาวเป้จึงรีบจูงมือลากบอยออกมาคุยกันที่ห้องรับแขกด้านล่าง เพราะกลัวว่าเสียงคุยของทั้งคู่จะทำให้ลูกตื่นขึ้นมาเสียก่อน

“ว่าไงจ๊ะ? วันนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศเหรอ ถึงชวนออกมาข้างนอกห้องเนี่ย” หนุ่มบอยพูดทะเล้นด้วยน้ำเสียงหื่นๆ
“อย่ามาทำพูดดี... เดี๋ยวก็ท่าดีทีเหลวเหมือนเดิมอีกหรอก” เป้แอบกัดสามีเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ

“บอย เป้มีเรื่องจะต้องคุยกับกับบอยให้เคลียร์ เป้ซีเรียสนะ มันอึดอัดจะตายอยู่แล้ว” เป้พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง
“อืม... เป้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ?” บอยเปลี่ยนท่าทีหันมาตั้งใจฟังเช่นเดียวกัน ในใจก็นึกสงสัยถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอกำลังกลัดกลุ้มใจอยู่ หรือมันจะเป็นเรื่องของชายหนุ่มรุ่นน้องอย่างโจ้กันนะ? นี่เธอกำลังพยายามจะพูดปฏิเสธอย่างเด็ดขาดรึเปล่าเนี่ย?

เป้นิ่งไปอยู่พักหนึ่ง พยายามเรียบเรียงความคิดในหัว ให้ออกมาเป็นคำพูดที่กระจ่างและชัดเจนที่สุด เนื่องจากสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมานั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และอาจส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้อย่างร้ายแรง หากว่าอีกฝ่ายเกิดเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปเพียงนิดเดียว

“บอย... ตั้งใจฟังเป้นะ ฟังเป้พูดให้จบก่อน อย่าพึ่งขัดขึ้นมา...” เป้หยุดคิดนิดนึงแล้วพูดต่อ

“เป้รู้นะว่าบอยน่ะรักเป้... รักมากจนยอมทำให้เป้ได้ทุกอย่าง เป้เข้าใจเรื่องที่บอยอยากให้โจ้เข้ามาช่วยเติมเต็มความสุขในเรื่องเซ็กส์ ทดแทนสิ่งที่มันขาดหายไปจากบอยให้กับเป้ เรื่องนี้เป้เข้าใจดี... แม้กระทั่งเรื่องที่บอยแอบไปติดต่อวางแผนกับโจ้ก่อนหน้านี้ลับหลัง เพราะว่าไม่อยากให้เป้เสียใจ เป้ก็รู้อยู่เต็มอก... เป้ไม่ได้โง่นะบอย เป้คบกับบอยมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้เป้จะไม่รู้?” คำพูดของภรรยาทำเอาหนุ่มบอยถึงกับจุกอก ได้แต่ก้มหน้ารับฟังแบบเงียบๆ

“เป้ขอบคุณที่บอยยังแคร์ความรู้สึกของเป้ แต่เป้อยากบอกให้บอยเข้าใจว่า ความสุขที่เป้ได้รับจากบอยมันไม่ใช่เรื่องแค่เซ็กส์.. ไม่ใช่แค่สัมผัสทางกาย... แต่มันเป็นเรื่องของความรัก... ความเข้าใจ... ความห่วงใยที่บอยมีให้เป้มาตลอดต่างหาก ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นๆ ถ้าเกิดบอยคิดว่าเซ็กส์มันสำคัญกับเป้มากจนขาดมันไม่ได้จริงๆ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา... เป้คงไม่ได้เลือกหยุดอยู่แค่ที่บอยคนเดียว แต่คงแอบกลับไปคบกับโจ้ หรือไม่ก็มีอะไรกับผู้ชายคนอื่นไปตั้งนานแล้วล่ะ...” มาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเธอก็เริ่มที่จะสั่นคลอขึ้นมาเบาๆ

“เป้ยอมรับนะ ว่าเซ็กส์ที่โจ้มอบให้ มันเป็นความสุขในแบบที่เป้ไม่เคยพบเจอมาก่อน มันทำให้เป้รู้สึกเต็มอิ่มและสุขล้น จนอดนึกโหยหาถึงมันไม่ได้... แต่ว่าถ้าเป้ต้องเลือกระหว่างเซ็กส์ดีๆ กับความรักที่บอยมีให้... เป้ขอตอบให้บอยสบายใจไว้ตรงนี้เลยว่าเป้เลือกบอย... ต่อให้บอยจะทำให้เป้มีความสุขบนเตียงไม่ได้ แต่ความสุขทางใจมันก็มากมายเกินที่เป้จะบรรยายออกมาได้หมด” เป้พูดพร้อมกับดึงบอยเข้ามากอดไว้แน่น ซึ่งชายหนุ่มเองก็ใช้มือลูบไปที่แผ่นหลังของเธอเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันในใจ

“แต่ถ้าบอยยังยืนยัน... ยังอยากให้เป้กลับไปคบกับโจ้อีก... ถ้าหากบอยคิดว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เป้มีความสุข หรือมองว่ามันจะช่วยปลุกอารมณ์ตื่นเต้นให้กับบอยก็ตาม... เป้ก็มีอีกเรื่องนึงที่อยากจะบอก อยากจะสารภาพความรู้สึกผิดลึกๆ ซึ่งเป้เก็บซ่อนไว้ในใจคนเดียวมาตลอดหลายปีนี้ ให้บอยได้รับรู้...” เป้พูดแล้วนิ่งไปอีกพักใหญ่ๆ เหมือนกับกำลังรวบรวมความกล้า ก่อนที่จะพูดสิ่งสำคัญในใจออกมา

“ครั้งก่อนที่เป้แอบคบกับโจ้ลับหลังบอย.... บอยอาจจะมองแบบผิวเผินว่ามันเป็นเรื่องของเซ็กส์เท่านั้น แต่มันไม่ใช่เลยบอย สำหรับเป้แล้ว... เรื่องของความรักความผูกพัน มันมาก่อนเซ็กส์ เป้เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเกิดไปรู้สึกแบบนั้นกับโจ้ ทั้งๆ ที่ก็มีบอยอยู่แล้วทั้งคน มันเหมือนว่าเป้รู้สึกได้ถึงความผูกพัน เหมือนถูกเติมเต็มความรู้สึกบางอย่าง ที่ไม่จำเป็นต้องพูดจา แต่แค่มองตากันก็รู้ใจ มันเกินขั้นกิ๊กกั๊กกันธรรมดาๆ ไปแล้ว เป้ถึงได้ยอมปล่อยให้โจ้ชักนำไปถึงไหนต่อไหน...

ถึงเราทั้งคู่จะไม่เคยคุยกันถึงเรื่องนี้แบบจริงจัง แต่คิดว่าโจ้เองก็คงจะรู้สึกไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ แต่คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดลึกๆ ที่เราแอบทำอะไรกันลับหลังบอย เลยทำให้เราทั้งคู่พยายามจำกัดมันให้เป็นเพียงแค่เรื่องเซ็กส์แบบนั้น ไม่กล้าที่จะมองไปถึงเรื่องของความผูกพัน เพราะกลัวว่ามันจะเลยเถิดและถลำลึกไปมากกว่านี้ ไม่แน่นะ... ถ้าเกิดว่าครั้งนั้นบอยไม่ใช่สามีเป้ ไม่ใช่รุ่นพี่ของโจ้ ป่านนี้เป้อาจจะหย่ากับบอยแล้วไปแต่งงานกับโจ้ พาน้องโอมไปอยู่ด้วย มีลูกมีครอบครัวใหม่ไปแล้วก็ได้”

เป้ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาแบบหมดเปลือก ในขณะที่บอยเองพอได้ฟังแบบนี้แล้วเหมือนกับจะช็อกไปชั่วขณะ ได้แต่ตกตะลึงกับความจริงที่ออกมาจากปากของภรรยาสาว ซึ่งช่างแตกต่างออกไปจากสิ่งที่ตัวเองเคยได้เห็นจากในคลิป หรือจากคำบอกเล่าของโจ้ เพราะความรู้สึกลึกๆ ในใจเธอนั้น มันช่างซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เค้าเคยคาดคิดเอาไว้มากมายหลายเท่านัก หญิงสาวมองหน้าสามีที่ดูจะอึ้งๆ ไป ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีก

“ที่เป้ต้องตัดใจถอยห่างออกมาจากโจ้ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกดีด้วย ก็เพราะว่าเป้รู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังทำผิดอยู่กับบอย ที่ไปมีใจให้กับผู้ชายอีกคน เป้ไม่อยากให้มันกลายมาเป็นปัญหาจนไปกระทบกระเทือนความรู้สึกของบอย เป้ถึงได้พยายามที่จะลบเลือนภาพของโจ้ในหัวออกไปให้หมด ซึ่งทุกวันนี้ก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว ถ้าหากว่าบอยไม่ได้ไปสะกิดมันขึ้นมาเสียก่อน

เป้เป็นคนนะบอย มีอารมณ์... มีความรู้สึก... ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะได้เปิด-ปิดสวิชท์ ตั้งโปรแกรมให้มีแต่เซ็กส์อย่างเดียวได้ โดยไม่ต้องมีความรัก ความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ถ้าบอยยังอยากที่จะให้เป้ลองกลับไปคบกับโจ้ดูอีก ก็บอกไว้เลยว่าเป้ไม่มีปัญหากับมัน เพราะเป้เองก็ยังรู้สึกดีๆ กับโจ้อยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เพียงแต่... เป้ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มันถูกเก็บกดเอาไว้มานาน มันจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ เดินหน้าไปได้ไกลถึงเพียงไหน

หญิงสาวเว้นวรรคอีกครู่หนึ่ง ใบหน้าร้อนผ่าวๆ รู้สึกเขินอายที่จะต้องสารภาพความในใจออกไปให้สามีตัวเองฟัง

“บอย... เอ่อ.. บอยจะยอมรับได้มั้ย? ถ้าหากว่าเป้จะเปิดใจรับโจ้เข้ามาอีกคนนึง ไม่ได้หมายถึงว่าเป้จะรักบอยน้อยลงนะ ความรักที่เป้มีให้กับบอยมันไม่มีทางที่จะลดลงได้เลย มีแต่จะมั่นคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่... เป้อาจจะรักโจ้เพิ่มขึ้นมาอีกคนก็เท่านั้นเอง ไม่รู้สิ มันอาจจะเหมือนกับที่เป้รักพ่อ รักแม่ รักพี่ๆ รักน้องโอมกับน้องเอม ในขณะเดียวกันเป้ก็รักบอยไปด้วย มันคงจะเป็นความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้เข้ามาแทนที่ความรักซึ่งเป้มีให้กับบอย ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องเซ็กส์นะ...

ฟังดูอาจจะแปลกๆ เข้าใจยากเนอะ? เอาเป็นว่าพูดง่ายๆ ก็คือ... ผู้หญิงสองผัวน่ะ บอยจะรับที่เป้เป็นแบบนั้นได้มั้ยล่ะ? ถึงแม้ว่าโจ้จะแต่งงานไปกับน้องกุ๊กแล้ว แต่ถ้าเกิดเป้กลับไปคบกับโจ้อีก เป้ก็คงต้องหาทางทำให้น้องกุ๊กยอมรับ และยอมให้เป้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับโจ้ให้ได้... และถ้าเป้มั่นใจว่าโจ้เองก็ยังรู้สึกดีๆ กับเป้เหมือนเดิม เป้ก็จะบอกความรู้สึกลึกๆ ในใจของเป้ให้โจ้ได้รับรู้ด้วย...”

สาวเป้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ตามแบบฉบับของสาวห้าวที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และกล้าพูดออกมาตรงๆ จนหนุ่มบอยได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ตัวเองได้เคยริเริ่มหว่านเมล็ดเอาไว้ มันจะผลิดอกออกผลใหญ่โตถึงเพียงนี้

“เป้อยากจะคุยเรื่องโจ้กับบอยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ให้มันเคลียร์เข้าใจตรงกันไปเลย เราสองคนจะได้ไม่มีอะไรค้างคาในใจกันอีก... บอยลองไปคิดทบทวนก่อนที่จะตัดสินใจเองแล้วกัน ว่าบอยจะเลือกเปิดหรือปิดตายประตูความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ อยากให้บอยเป็นคนเลือกจากความรู้สึกลึกๆ ข้างใน และยอมรับผลของมันที่จะเกิดขึ้นทีหลัง บอยลองกลับไปคิดดูดีๆ อีกครั้งนึง คิดให้รอบคอบ ไม่ต้องรีบร้อนให้คำตอบกับเป้ในตอนนี้ก็ได้...

แล้วก็อีกเรื่องนึง ถ้าหากว่าบอยเลือกที่จะหยุดความสัมพันธ์ระหว่างเป้กับโจ้ลงตรงนี้ เป้อยากให้บอยมั่นใจได้เลยว่า เป้จะไม่มีวันแอบกลับไปคบกับโจ้ลับหลังบอยอีก ต่อให้เป้จะยังคิดถึงโจ้มากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เป้จะไม่มีวันกลับไปทำร้ายความรู้สึกของบอย และทำให้ครอบครัวของเราต้องมีปัญหาขึ้นมาอีก... เพราะแค่ครั้งเดียวก็เจ็บปวดมากพอแล้ว และขอให้เรื่องของโจ้ที่เราคุยกันทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่เรื่องราวในอดีตก็พอ...”

หลังจากที่ได้ระบายความอึดอัดที่ค้างคาอยู่ในใจทั้งหมดออกมาให้สามีฟัง สีหน้าของสาวเป้ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด แตกต่างกับใบหน้าของหนุ่มบอยที่ดูจะยังงงๆ อ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนยังตามเหตุการณ์ได้ไม่ทัน จนภรรยาสาวต้องปรี่เข้ามากอดร่างของสามีไว้แน่น พร้อมกับกระซิบปลอบใจเบาๆ

“บอยไม่ต้องกังวลอะไรนะ... ยังไงบอยก็ยังเป็นผู้ชายที่เป้รักมากที่สุดในชีวิต เป็นทั้งสามีและเป็นพ่อของลูกที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” สาวเป้พูดพร้อมกับหอมแก้มชายหนุ่มเบาๆ สองมือก็โอบกอดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ไม่มีถ้อยคำใดๆ หลุดออกมาอีก

จนผ่านไปซักพัก หนุ่มบอยเองจึงเริ่มที่จะผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ทั้งคู่จึงชวนกันขึ้นนอน โดยที่สาวเป้นั้นใช้เวลาแค่เพียงไม่นานก็ผลอยหลับไปในอ้อมกอดนุ่มๆ ของสามี แตกต่างจากหนุ่มบอยที่ดูจะยังคงตาสว่าง ฟุ้งซ่านอยู่ในห้วงภวังค์ความคิดที่สับสน

สามีหนุ่มนึกย้อนไปถึงแววตาในตอนที่ภรรยาสาวระบายความในใจออกมา โดยที่ตัวเขาเองสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกๆ ของเธอ ที่ยังคงมีเยื่อใยผูกพันต่อโจ้ ซึ่งต่อให้เขาเลือกที่จะฝืนปิดตายความสัมพันธ์นั้นลง มันก็มีแต่จะทรมานใจกันทั้งสามคนเปล่าๆ และหากว่าการตัดสินใจของเขาจะทำให้ภรรยาต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความจริงนี้ไปอีกนานแสนนานแล้วล่ะก็... ตัวเขาเองก็คงเป็นได้แค่ผู้ชายที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ซึ่งไม่กล้าแม้แต่จะรับผิดชอบกับปัญหา ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ก่อมันขึ้นมาตั้งแต่ต้น...

บอยคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่อีกพักใหญ่ๆ กว่าที่จะสามารถฝืนข่มตาหลับลงได้...

=======================================

ผ่านไปเกือบๆ 2 วันเต็ม ที่ทั้งคู่ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กันอีกเลย จนกระทั่งตกกลางคืน ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเข้านอนกันนั้น บอยจึงเป็นฝ่ายสะกิดเรียกภรรยาสาว เพื่อที่จะให้คำตอบกับเธอ...

“เป้ ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?” บอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความอึดอัดใจบางอย่าง
“อือ...?” เป้ครางเบาๆ แทนคำตอบ ก่อนจะหันหน้ากลับมาสบตากับสามี
“คือเรื่องที่เป้ถามเราเมื่อวันก่อน...” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเท่านี้ก่อนที่จะนิ่งเงียบไป จนภรรยาสาวต้องยื่นมือเข้าไปจับกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับบีบให้กำลังใจเบาๆ

“อืม บอยพูดมาตามที่คิดเถอะ เป้ไม่โกรธบอยหรอก” เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับที่บอยเคยเห็นตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่พึ่งคบกันใหม่ๆ รอยยิ้มที่คอยส่งมอบกำลังใจและความกล้าให้กับเขาอย่างเต็มเปี่ยม และทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะสารภาพความรู้สึกของตัวเองออกไป โดยที่ไม่คิดกังวลว่าอีกฝ่ายจะนึกรังเกียจเขาอีกแล้ว

“ที่เราอยากให้เป้กลับไปคบกับโจ้อีกครั้ง... อยากให้ลองกลับไปมีอะไรกันดูอีก จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่แค่ว่าเราอยากให้เป้ได้มีความสุขกับเซ็กส์ดีๆ แค่เพียงฝ่ายเดียวหรอก... เพราะหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์อะไรหลายๆ อย่างมาก่อนหน้านี้ มันทำให้เราได้ค้นพบความจริงที่ว่า... จริงๆ แล้วตัวเราเองก็มีรสนิยมทางเพศที่ไม่ปกติ... เราอยากเห็นภาพตอนที่เป้มีอะไรกับคนอื่น อยากเห็นเวลาที่เป้ปล่อยตัวปล่อยใจแบบสุดๆ ในตอนที่ไม่ได้ทำกับเรา” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเธอ

“อืม เป้พอจะรู้สึกได้เหมือนกัน” ภรรยาสาวกล่าวรับลูก พร้อมกับถูฝ่ามือลงไปบนต้นแขนของสามีเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายพูดต่อ

“มันอาจจะดูโรคจิตนะ... แต่เราก็ยอมรับนะว่าเราชอบอะไรแบบนั้นจริงๆ มันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ตื่นตัว มีอารมณ์ขึ้นมามากผิดปกติ ใจนึงมันก็หึง แต่อีกใจนึงมันก็เสียวไม่แพ้กัน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ...

ที่ผ่านมาเราได้แต่เฝ้ามองภาพตอนที่เป้มีอะไรกับคนอื่นผ่านทางวิดีโอพร้อมๆ กับช่วยตัวเองไปด้วย ในหัวก็เฝ้าแต่คิดว่ามันจะตื่นเต้นขนาดไหนนะ ถ้าเราได้มีโอกาสไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นๆ แบบใกล้ชิด ได้มีโอกาสแบ่งปันความสุขร่วมกัน ทั้งกับเป้แล้วก็กับโจ้ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่พยายามข่มห้ามใจ เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก ซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรจากที่เป้รู้สึกเหมือนกัน”

บอยพูดจบก็จ้องสบตากับภรรยา ซึ่งเธอเองก็พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงว่าเข้าใจ

“เราพยายามอดทนกับความรู้สึกนี้มานานแล้วล่ะ พยายามหันมาแก้ปัญหาที่ตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วมันก็มีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ต้องกลับไปขอให้โจ้มันเข้ามาช่วยอีก โดยที่ไม่ได้คิดจะปรึกษาอะไรกับเป้ก่อนเลย... เรารู้ว่ามันเห็นแก่ตัวนะ แต่ตอนนั้นเราหน้ามืดตามัวจริงๆ

แต่พอเราได้ฟังสิ่งที่เป้พูดเมื่อวันก่อนนั้น พอได้รู้ว่าเป้อยากเปิดใจรับโจ้เข้ามาเป็นคนรักอีกคน... มันก็ทำให้เราได้เข้าใจ ว่าจริงๆ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้น มันก็ยังเป็นเพราะเราสองคนเอง ไม่กล้าที่จะระบายความรู้สึกอึดอัด หรือความต้องการในใจออกมาให้อีกคนฟังกันอยู่ดี...”

“เราลองกลับไปทบทวนถึงสิ่งที่เป้พูดมาทั้งหมดแล้วนะ และคิดว่าตัวเองก็พอจะเข้าใจถึงความรู้สึกลึกๆ ของเป้ ที่เราไม่เคยได้รู้มาก่อนแล้วด้วย เราคิดว่า... ถ้ามันจะเป็นความสุขของเป้จริงๆ มันก็จะเป็นความสุขของเราด้วยเหมือนกัน” บอยพูดจบก็ส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับภรรยา

สาวเป้ที่ตั้งใจฟังมาถึงตรงนี้ก็เหมือนจะฝืนกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลรินลงมาอาบสองแก้มช้าๆ ขยับตัวเข้าไปกอดร่างของสามีเป็นการขอบคุณ ขอบคุณที่เขาช่างเข้าอกเข้าใจ และทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน ที่เลือกชายหนุ่มคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต

“แต่เป้ห้ามรักไอ้โจ้มันมากกว่าเรานะรู้ป่าว?” ชายหนุ่มเอ่ยกระเซ้าภรรยา พลางใช้มือลูบลงไปบนเส้นผมของเธอเบาๆ
“ฮึ่กๆ... อื้อ... รู้แล้วน่า” หญิงสาวยิ้มตอบพร้อมกับใช้มือปาดคราบน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปจูบปากกับสามีอย่างแผ่วเบา

ริมฝีปากของทั้งคู่ค่อยๆ บดเบียดเข้าหากัน จากนุ่มนวลกลายเป็นความเร่าร้อนรุนแรง ชายหนุ่มสอดลิ้นประกบเข้าไปในปากของภรรยาในขณะที่เธอเองก็ตวัดลิ้นตอบโต้กลับไปตลอด สองมือของหนุ่มบอยค่อยๆ สอดเอื้อมเข้าไปลูบคลึงเต้านมของหญิงสาวเบาๆ บีบคลึงก้อนเนื้ออวบนุ่มที่หยุ่นสู้มือเป็นจังหวะ จนหญิงสาวครางอู้อี้เบาๆ ในลำคอ

สาวเป้บดปากแลกลิ้นกับสามีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ถอนปากออกมา พวงแก้มของเธอในตอนนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศ ลมหายใจติดๆ ขัดๆ แววตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้มไปด้วยอารมณ์กำหนัดที่คุกรุ่น นั่งจ้องมองสามีตัวเองที่กำลังค่อยๆ รูดกางเกงขาสั้นที่สวมอยู่ออกพ้นหน้าขา สายตาของทั้งคู่จับจ้องประสาน ก่อนที่จะเกิดเป็นรอยยิ้มขึ้นมาอย่างรู้กัน

“บอย... คืนนี้เป้ขออะไรอย่างนึงได้มั้ย?” ภรรยาสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ซึ่งฉาบเคลือบไว้ด้วยอาการตื่นเต้น
“อะไรเหรอเป้?” บอยขานรับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เป้จ้องมองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะพูดต่อ
“คืนนี้เป้ขอเรียกบอยว่าโจ้ได้มั้ย?” คำพูดของหญิงสาวทำเอาท่อนลำของชายหนุ่มกระตุกหงึกๆ ด้วยความวาบหวิวทันที

“ดะ.. ได้สิเป้... เป้อยากทำอะไรก็ทำได้เต็มที่เลยนะ ปล่อยอารมณ์ออกมาเลย ไม่ต้องฝืนเก็บไว้” สามีหนุ่มตอบออกไปเสียงสั่น ก่อนจะฝืนกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่
“อื้อ ขอบคุณนะบอย... เอ้ย! โจ้... ฮิฮิ” เป้แกล้งพูดกระเซ้า ก่อนที่จะค่อยๆ รูดกางเกงขาสั้นของตัวเองออกไปบ้าง เหลือไว้แต่เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งที่คอยห่อหุ้มร่างกายเปลือยเปล่าของเธอไว้
 

หนุ่มบอยที่เห็นแบบนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขยับตัวเข้าไปประกบกอดร่างภรรยาสาวเอาไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้มือปลาหมึกลูบไล้น่องขาขาวๆ ของเธอไปทั่ว

“อือ....อออ โจ้อย่าซี่... มันจั๊กจี้น้า...” หญิงสาวแกล้งพูดยั่วด้วยน้ำเสียงซุกซน ยิ่งกระตุ้นปลุกอารมณ์หื่นในตัวของหนุ่มบอยให้ปึ๋งปั๋งขึ้นมาอีก สามีหนุ่มใช้มืออีกข้างจับถลกชายเสื้อยืดของเธอขึ้นไปกองไว้เหนือราวนม ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าก้มลงไปจุมพิตปลายยอดปทุมถันของเธอเสียงดังจ๊วบบ..บบบ ทั้งดูดทั้งเลีย ตวัดลิ้นลากครอบไปทั่วปานนม เล่นเอาร่างของสาวเป้ถึงกับสั่นสะท้านด้วยความกระสันเสียว

“อุ๊ย...! ซี้ดดดดดส์ อืมมม โจ้พี่เสียววว” หญิงสาวร้องครางพร้อมกับป่ายมือสะเปะสะปะไปตามลำตัวของชายหนุ่ม พอควานเจอท่อนเอ็นอุ่นๆ เข้าก็ออกแรงคว้าหมับเข้าไปเต็มลำ ก่อนที่จะค่อยๆ ถอกรูดปลิ้นปลายหัวของมันเล่นอย่างเพลิดเพลิน จนหนุ่มบอยต้องสูดปากร้องอู้ออกมาอย่างสาแก่ใจ

ภรรยาสาวรูดคลึงท่อนลำของบอยอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะใช้สองมือผลักร่างของชายหนุ่มให้เอนหงายลงไปบนเตียง จับสองขาของหนุ่มบอยให้ฉีกอ้าออกกว้าง จนมองเห็นพวงไข่บวมเป่งเต่งตึงอยู่ตรงเบื้องหน้า

“เดี๋ยวพี่จะทำให้โจ้เสียวบ้างนะ”  สาวเป้พูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ก่อนจะค่อยๆ แลบลิ้นออกมาแตะลงไปที่ถุงไข่ด้านซ้ายเบาๆ แล้วลากเลียฉกเข้าไปที่ใต้พวงไข่ บางจังหวะยังตวัดเลียเฉี่ยวไปจนเกือบจะถึงร่องประตูหลังของสามีอยู่รอมร่อ ส่วนมือก็คอยชักรูดท่อนลำไปด้วย สัมผัสที่เกิดขึ้นเรียกเสียงครางซี้ดซ้าดออกมาจากปากของชายหนุ่มได้ชุดใหญ่

“อุ๊... อูยยย ซี้ดดดส์ สุดยอดเลยครับพี่เป้” ลีลาร้อนร่านของสาวเป้ในวันนี้ ทำเอาหนุ่มบอยออกอาการเงี่ยนง่านยิ่งกว่าครั้งไหนๆ  เมื่อได้เห็นว่าภรรยาสาวของตัวเองปลดปล่อยอารมณ์ความต้องการใส่ร่างจำลองของหนุ่มรุ่นน้องแบบเต็มที่ แต่ถึงแม้จะเสียวซ่านเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมเผลอหลุดจากบทบาทที่แสดงอยู่เลยซักนิด

สาวเป้ค่อยๆ ดูดไล่เลียขึ้นมาตามท่อนลำจนถึงปลายหัวบานอวบ ก่อนที่เธอจะอ้าปากครอบอมท่อนเนื้อเข้าไปเต็มลำ ค่อยๆ ผงกหัวรูดริมฝีปาก ปล่อยให้ท่อนเนื้ออุ่นๆ ไหลลงคอเข้าไปจนมิดด้าม จังหวะที่ริมฝีปากครูดเข้ากับท่อนเอ็นนั้น หญิงสาวเองก็พยายามห่อปากเม้มเอาไว้แน่น เล่นเอาหนุ่มบอยต้องออกอาการเสียวซ่าน จนเผลอใช้สองมือขยุ้มศีรษะของเธอด้วยความเมามัน

ยิ่งเห็นคนรักออกอาการเสียวเกร็งเท่าไหร่ สาวเป้ก็ยิ่งทั้งดูดทั้งรูดจนแก้มตอบมากขึ้นเท่านั้น น้ำลายของเธอเปียกย้อยออกมาที่มุมปาก ไหลย้อยลงไปเลอะตามท่อนลำของชายหนุ่มคนรัก เธอพยายามห่อปากเม้มรูดจนท่อนลำหลุดออกมาจากริมฝีปาก เกิดเป็นเสียงดังโบ๊ะ! สนั่นจับใจ หญิงสาวประกบจูบจุมพิตไปที่ปลายหัวสีแดงโร่ พลางใช้มือซ้ายที่ว่างคลึงเคล้นเล่นพวงไข่ด้านล่างไปพร้อมๆ กัน สายตาก็จับจ้องสบตากับชายหนุ่มอย่างเย้ายวน

ก่อนที่เป้จะค่อยๆ ถอนปากออกมาช้าๆ ปีนขึ้นไปคุกเข่าคร่อมใบหน้าของสามี ส่งยิ้มหวานๆ ที่แฝงไปด้วยความร้อนร่านให้คู่ขาตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ จ่อแอ่นเนินหีตัวเองลงไปจนมันแนบสนิทเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่ม ซึ่งอ้าปากแลบลิ้นรออยู่ก่อนแล้ว

“อ๊ะ...! อืออออ... โจ้ อูยยยย...ยย อะ.. ตะ.. ตรงนั้นแหละ... อาห์”  เธอครวญครางออกมาอย่างฉ่ำใจ พลางบดอัดหน้าขาเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มพรืดๆ อย่างอร่อยรูหี เล่นเอาหนุ่มบอยแทบขาดอากาศหายใจไปเฮือกใหญ่

บอยทั้งตวัด ทั้งปาดลิ้นละเลงระรัว จนซอกขาของหญิงสาวเปียกชุ่มน้ำลายไปทั่ว สองมือของชายหนุ่มจิกบีบลงไปที่บั้นท้ายกลมสวยด้วยความเมามัน พร้อมกับดึงรั้งร่างของภรรยาให้แนบสนิทชิดกับใบหน้าของตัวเองมากยิ่งขึ้น

ลิ้นของบอยปาดชิมคราบน้ำหล่อลื่นอันหอมหวาน ซึ่งกำลังผุดซึมออกมาจากกลีบเนื้อสาวราวกับท่อแตก ก่อนจะใช้ปากประกบดูดเข้าที่เม็ดแตดของสาวเป้อย่างจัง จนร่างของเธอสั่นกระตุกเฮือกๆ ปล่อยเสียงครางระงมหลุดออกมาดังสนั่นลั่นห้อง โชคดีที่ทั้งคู่ได้ปรับปรุงห้องนอนของตัวเองให้สามารถเก็บเสียงได้ตั้งแต่สมัยที่น้องเอมพึ่งจะคลอดใหม่ๆ ทำให้ลูกๆ ทั้งสองคนที่กำลังนอนอยู่ถัดไปอีกชั้นนึง จึงไม่อาจได้ยินเสียงท่วงทำนองจากบทรักที่พ่อแม่กำลังบรรเลงให้กันอย่างถึงใจได้เลย

หนุ่มบอยในคราบของรุ่นน้องกำมะลอ ค่อยๆ แลบลิ้นลากเลียลงไปจนถึงรอยแยกรูปดาวสีชมพูสดใสด้านหลังกลีบแคม ก่อนที่จะจ่อลิ้นกดเข้าไปที่บริเวณปากรูหลังของเธอตรงๆ จนสาวเป้ถึงกับเนื้อตัวสั่นระริก สูดปากร้องครางออกมาอย่างห้ามอกห้ามใจมิได้

“อุ๊...! อื้อออ... โอ๊ยย... โจ้ อย่าเลียตรงนั้น มันหวิวววว... อ๊ายยยสสสส ซี้ดดดดดส์” หญิงสาวร้องครวญพลางสะบัดหน้าไปมา น้ำเงี่ยนหีไหลนองเยิ้มออกมาจนชุ่ม อันเป็นผลมาจากการโดนเล้าโลมช่องประตูหลังอย่างถึงใจ

ครู่เดียวสาวเป้ก็ทนฝืนความต้องการเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ในหัวของเธอตอนนี้หวังเพียงอยากให้ชายหนุ่มคู่ขาตรงหน้า ยัดเยียดท่อนเนื้ออุ่นแข็ง สอดใส่เข้ามาในร่องรักของเธอจนมันอัดแน่นเต็มอิ่มและจุใจ

หญิงสาวขยับตัวถอนสะโพกออกจากใบหน้าของชายหนุ่ม ก่อนจะปีนขึ้นไปคร่อมหน้าขาของหนุ่มบอย พร้อมกับค่อยๆจ่อกดหีเข้าทาบกับปลายควยของสามีด้วยความเร่งรีบ จับปลายหัวบานถูไถเข้าที่ปากร่องอันเปียกเยิ้มของเธอเพื่อสร้างความคุ้นเคย หญิงสาวเกร็งตัวรอรับความเสียวที่จะมาถึง ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปช้าๆ จนกลีบเนื้อสาวอ้าอมท่อนลำเข้าไปจนแก้มตุ่ย

อารมณ์เงี่ยนง่านในใจของเป้ในตอนนี้พุ่งขึ้นถึงขีดสุดแล้ว เธอเร่งออกแรงกดสะโพกให้จมลงไปมากขึ้น มากขึ้น จนสุดท้ายมันก็กลืนท่อนลำเข้าไปได้จนสุดโคน แก้มก้นกลมกลึงของเธอทาบเข้ากับหน้าขาของชายหนุ่มจนแนบสนิท

เป้มองภาพร่องหีของตัวเองที่อ้าอมท่อนลำเข้าไปทั้งแท่ง ก็ให้รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาจนถึงขั้วหัวใจ เธอใช้สองมือดันน่องขาของสามีเอาไว้ ก่อนที่จะเริ่มต้นบดสะโพกขย่มควยของชายหนุ่มโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีเวลาตั้งตัว

หนุ่มบอยนั้นถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อได้เห็นภาพภรรยาสาวสุดที่รัก บรรเลงลีลาร่วมรักอันเร่าร้อนและรุนแรงได้ถึงเพียงนี้...

หญิงสาวทั้งโยก ทั้งขย่ม จนลำตัวของชายหนุ่มแทบจะหักเป็นสองท่อน สองมือของเธอก็คอยบีบคลึงเต้านมของตัวเองไปด้วย ใบหน้าหมวยๆ น่ารักของเป้ตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเกดูไม่ได้ หญิงสาวหลับตาปี๋ กัดปากข่มอารมณ์ความเสียวเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดหลุดออกมา พวงแก้มกลายเป็นสีแดงระเรื่อจากเลือดลมที่กำลังสูบฉีดแบบเต็มที่

“อ๊ะ... อ๋าาาา อ๊ายยย....สส โจ้... พี่เสียว โอ๊ย ของโจ้ใหญ่เหลือเกิน....” เป้แหกปากครวญครางออกมาอย่างสะใจ บดร่อนสะโพกไปมาราวกับจ็อกกี้ผู้ช่ำชอง กำลังควบขี่อาชาทะยานดิ่งเข้าเส้นชัยในลู่วิ่ง
“อือออ... ผมก็เสียวควยเหมือนกันครับพี่เป้ หีพี่... ซี้ดดดส์... ฟิตรัดควยดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มละล่ำละลักตามไปด้วย

หนุ่มบอยปล่อยให้หญิงสาวขย่มคุมจังหวะอยู่พักนึง ก็เริ่มรู้สึกเสียวควยจนใกล้จะทนไม่ไหว ชายหนุ่มจึงใช้สองมือดันร่างของหญิงสาวให้โล้ไปในท่าคลานคุกเข่า โดยที่ยังคงประกบท่อนเนื้อให้เสียบคาไว้ในร่องรูของเธอจากทางด้านหลัง ก่อนที่จะออกแรงตะบันควยเย็ดหีเธอในท่าด็อกกี้สุดโปรด

มันเป็นท่วงท่าที่ชายหนุ่มทุกคนล้วนหลงใหล กับการได้เห็นภาพหญิงสาวคู่ขาของตัวเอง คุกเข่าหมอบคลานสี่ขาอยู่ตรงเบื้องหน้า แอ่นก้นลอยโด่งคอยรับคลื่นความสุขที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สะโพกผายอวบอัด บวกกับบั้นท้ายเต่งตึงและกลมกลึงได้รูปของเป้ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเกิดอาการเงี่ยนง่านมากขึ้นเป็นพิเศษ เร่งซอยบั้นเด้ากระแทกลำควยมุดเข้าร่องหีของเธอ เกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบกันดัง ป้าบ..บบบ ป้าบบ..บบบบ..บบ ป้าบบบบ.บบบบบบบ ยาวเป็นจังหวะ

สาวเป้ในตอนนี้กลับกลายมาเป็นฝ่ายถูกกระทำชำเราดูบ้าง ร่างกายท่อนบนของเธอฟุบคว่ำลงติดกับที่นอน หน้าอกหน้าใจถูกอัดเบียดบี้จนมันล้นทะลักออกมาทางด้านข้าง ในขณะที่บั้นท้ายก็ถูกสามีจับยึดตะบันอยู่จากทางด้านหลังด้วยความเมามัน มองเห็นกลีบแคมปลิ้นทะลักไปมาตามจังหวะการสอดกระแทก จังหวะการโถมอัดของชายหนุ่มรุ่นน้องในจินตนาการ มันช่างหนักหน่วงเต็มอิ่มถึงใจเธอยิ่งนัก

นับเป็นเวลาล่วงเลยเกือบ 10 นาทีเข้าไปแล้ว นับตั้งแต่ที่ท่อนลำของหนุ่มบอยได้สอดประสานเข้ากับเรือนร่างของภรรยาสุดที่รักอย่างแนบสนิท หากเป็นเมื่อก่อน ชายหนุ่มเองคงจะออกอาการนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ และชิงเสร็จกิจไปตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อได้เห็นลีลาเซ็กส์อันเร่าร้อนของภรรยาสาวในค่ำคืนนี้

แต่เป็นเพราะ สมุนไพรบำรุงเลือดลมที่หนุ่มโจ้จัดหามาให้ บวกกับคำแนะนำเรื่องเทคนิคการฝึกขมิบ และการผ่อนลมหายใจอยู่ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ทำให้ความอึดของหนุ่มบอยเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้อึดทนหรือใหญ่ยาว เทียบเท่ากับอาวุธของหนุ่มโจ้ตัวจริง แต่มันก็ยังเพียงพอที่จะสร้างความเสียวซ่านให้กับสาวเป้ จนออกอาการจิกเกร็ง ตัวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง

“อะ..อ๋อย อ๋อยยสส... ซี้ดดดดดส์ โอ๊ย ป... เป้เสร็จแล้วววว..วววว”

หญิงสาวหวีดร้องโหยหวนออกมาเสียงดัง สองมือจิกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มกำมือ เมื่อร่างกายพุ่งพรวดทะยานเข้าสู่จุดสุดยอด ปล่อยน้ำเงี่ยนให้แตกทะลักออกมาอาบชุ่มลำควยของชายหนุ่มจนมันเปียกเยิ้มเป็นมันวาว อาการบีบตอดรัดจากโพรงหีด้านใน ทำให้สามีหนุ่มเองก็ยากที่จะฝืนกลั้นความรู้สึกไว้ได้เช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มเร่งตะบันอัดสะโพกเธอระรัวอีกชุดใหญ่ราวกับปืนกลดัง ปั้บ...ปั้บบ... ปั้บ... ปั้บบบบ... บบบ ก่อนจะกระฉูดน้ำกามขาวข้นเหนียวหนืด พุ่งเข้าไปเลอะเต็มโพรงหีของภรรยาอย่างท่วมท้น ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนทาบทับร่างของเธออย่างหมดแรง

“อูย... พี่เป้เย็ดมันที่สุดเลยฮัฟ” หนุ่มบอยแกล้งพูดกระเซ้าเย้าแหย่ ขณะที่กำลังพลิกตัวลงมานอนพักข้างๆ ร่างภรรยา จนเธอออกอาการเขินอาย ใช้มือหยิกลงไปที่ท่อนแขนของชายหนุ่มเบาๆ
“พอเลย... ไม่ต้องมาแซว จบเกมแล้วย่ะ”

หนุ่มบอยรวบร่างของภรรยาให้มานอนกอดซุกอยู่บนท่อนแขนของตัวเอง พลางใช้มือลูบหัวเธอเล่นด้วยความเอ็นดู ทั้งคู่นอนจ้องหน้ากันด้วยรอยยิ้มเขินๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“เดี๋ยวเป้มานะบอย ขอไปล้างตัวแปบนึง มันเหนอะหนะยังไงไม่รู้” หญิงสาวเอ่ยถึงคราบน้ำรักที่ยังคงตกค้างอยู่ภายในร่างกาย
“มาๆ เดี๋ยวเราช่วย” ชายหนุ่มเอ่ยปากเสนอตัวพร้อมกับผุดลุกขึ้น พร้อมกับยื่นมือมาช่วยฉุดดึงร่างของเธอออกจากเตียง ทั้งคู่จูงมือกันไปล้างเนื้อล้างตัว ก่อนที่จะพากันมานอนคุยเปิดอกกันต่อบนเตียง

“เป้ดีใจนะที่บอยยอมเข้าใจเป้ แต่ว่า... เป้ก็ยังอดกังวลไม่ได้ เวลาที่นึกถึงหน้ากุ๊กขึ้นมา เป้ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว แล้วทำให้น้องมันต้องมาเจ็บปวดเพราะเป้ว่ะ...” สาวเป้ระบายความรู้สึกออกมาบ้าง
“คือเรื่องนั้น...” หนุ่มบอยพูดเกริ่นออกมา ก่อนจะยอมเฉลยแผนการเรื่องการสลับแลกคู่ที่วางเอาไว้ร่วมกับโจ้ให้ภรรยาฟังจนหมดเปลือก

“โหยไม่เอาอ้ะ! เรื่องอะไรที่เป้จะยอมให้บอยไปมีอะไรกับกุ๊กล่ะ?” หญิงสาวรีบร้องแว้ดๆ ขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“อ้าว!? ก็ทีเรายังยอมให้เป้กลับไปคบกับโจ้แบบคนรักได้เลยนี่นา ส่วนของเรานี่มันแค่เรื่องเซ็กส์ล้วนๆ เลยนะ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งแบบเป้เลยด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มร้องครวญออกมาบ้าง

“ไม่เกี่ยวเลย อันนั้นมันคนละเรื่องกันนะ นั่นบอยเป็นคนเริ่มต้นเอง แต่นี่เป้ไม่ได้อนุญาตซักหน่อย ฮึ!” สาวเป้พูดพร้อมกับทำหน้าดุงอนแก้มป่อง
“โห... ใจร้ายว่ะ ทำไมเป้ใจร้ายแบบนี้อ่ะ” บอยตัดพ้อพร้อมกับตะแคงหันหลังหนี จนภรรยาสาวต้องรีบดึงรั้งร่างของอีกฝ่ายให้หันกลับมา

“ล้อเล่นย่ะ แหม... ออกอาการเยอะไปป่าว? นี่อยากมีอะไรกับน้องเค้าขนาดนี้เลยเหรอ คนลามก” เป้โวยเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
“แหะๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น เป้ก็พูดไป” บอยแก้ตัวเขินๆ

“แล้วนี่กุ๊กเค้าจะรับได้เหรอบอย?” สาวเป้เอ่ยถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาใจ
“อืม... เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันอ่ะ แต่เห็นว่าโจ้มันก็เคยคุยๆ กับน้องเค้าเรื่องพวกนี้อยู่นะ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันคุยกันแบบไหน”
“อืมๆ ถ้าเค้าเต็มใจจริงๆ มันก็ยังโอเคนะ ดีกว่าไปหลอกหรือไปปิดบังเค้า แบบนั้นมันจะเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ สงสารน้องเค้าด้วย” หญิงสาวพยักหน้ายอมรับในที่สุด

“แล้วนี่ ตกลงว่าเป้รับได้จริงๆ ใช่มั้ย? ไม่หึงอะไรเราใช่มั้ย?” หนุ่มบอยที่ได้ยินแบบนั้นก็ออกอาการดี๊ด๊าออกมาทันควันอย่างลืมตัว
“พูดตามตรงก็คงหึงนั่นแหละ แต่ในเมื่อบอยเองยังเปิดโอกาสให้เป้มีความสุขได้ แล้วทำไมเป้ถึงจะใจดำอยู่คนเดียวได้ล่ะ? ขอแค่บอยอย่าแอบไปมีอะไรกันลับหลังเป้ก็พอ ขอแค่ให้ทุกอย่างมันอยู่ในสายตาของเราทั้งคู่ แล้วก็... ห้ามเผลอรักน้องเค้าด้วยล่ะ” เป้ดักคอทิ้งท้ายพร้อมกับใช้มือบีบจมูกสามีเบาๆ

“ไม่มีทางอยู่แล้ว บอยรักเป้ที่สุดเลยนะรู้มั้ย? รักมากขึ้นทุกวันเลยด้วย” ชายหนุ่มพูดก่อนจะขยับไปหอมแก้มภรรยาเบาๆ
“เป้ก็รักบอยเหมือนกัน” หญิงสาวยิ้มหวานตอบ พร้อมกับจุ๊บปากสามีกลับไปเช่นกัน

ก่อนที่ทั้งคู่จะหลับไหลไปด้วยกันอย่างมีความสุข... เป็นความสุขที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากเซ็กส์อันหวือหวาเร้าใจเมื่อสักครู่...

แต่มาจากความรักและความเข้าใจ ที่ทั้งคู่มีให้ซึ่งกันและกันนั่นเอง...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น