วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566

จุดจบยอดนักเย็ด #8

 
==================

ผมเว้นจังหวะ รอให้เธอพักหายใจหายคอ รวมไปถึงหายเหนื่อยจากอาการถึงจุดสุดยอดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบถุงยางมาสวมควย จับเธอนอนตะแคงข้าง ยกขาเธอข้างนึงชี้อ้าขึ้นไปบนอากาศ แล้วออกแรงกดควยมุดเข้าหีเธอทันที

“อ๋าาาาาา........อ๋าาาาาาาา......อาาาาห์” เสียงน้องมิ้นท์ร้องครางฮือๆ ดังแข่งกับเสียงท่อนเนื้อที่กระทบเข้ากับบั้นท้ายเธอปั้บ ปั้บ ปั้บ ท่อนควยลำเขื่องของผมสอดเข้าสอดออกครูดกับติ่งหีของเธอเป็นจังหวะ กลีบแคมเธอยู่ยับตามแรงกระแทก ยิ่งมองมุมนี้ยิ่งเห็นชัดเลยว่ามันโย้ไปมาอย่างน่าดูชม เนื้อตัวเธอเล่าตอนนี้มีรอยแดงเป็นจ้ำๆ อันเป็นผลมาจากการประกบดูดเน้นๆ จากผม เธอส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวสะท้าน ผมเพ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง จนแทบจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกับสาวสวยเซ็กซี่ที่พึ่งเจอกันมาเมื่อช่วงหัวค่ำนี้

“อือออออออ..... โอ๊ยพี่.....โอ๊ยยยย... มิ้นท์เสียวหี...” เธอครางพ่นคำหยาบออกมาตรงๆ ยิ่งช่วยกระตุ้นความเงี่ยนให้ผมมากขึ้นไปอีก
“อูยยยย พี่ก็เสียวควยเหมือนกัน.... หีมิ้นท์ตอดควยพี่จังเลยครับ”
“ฮือออ... ควยพี่.... ใหญ่มากเลย...... มิ้นท์จุกไปหมด.... อึ่กกก” ผมได้ฟังก็ยิ่งเร่งกระเด้าเธอด้วยความคะนองใจ
“ควยพี่.... เย็ดมันมั้ยครับ....? อร่อยหีดีมั้ยครับ..?”
“อื๊อออ.....ดี.....ดีค่ะ... อือออ.... พี่โจ้... เย็ดมันที่สุดเลยค่ะ.. โอ๊ยยย” เธอครวญครางตอบอย่างสะใจ ขณะที่โดนผมจับโก่งโค้งคว่ำไปกับเตียงแล้วกระเด้าเย็ดในท่าหมา กลีบหีปลิ้นไปมา รูก้นเธอหุบเข้าหุบออกเหมือนกับพยายามจะสูดเอาอากาศเข้าไปอีกทาง เราเย็ดกันในท่านี้อีกเกือบๆ 15 นาที น้องมิ้นท์ก็เริ่มที่จะมีอาการออกมาอีกรอบ

“โอ๊ยยยย....! พี่!.... มิ้นท์จะแตก.... อีกแล้วนะ ฮืออออ” ได้ยินแบบนั้นผมก็ไม่รอช้าครับ ยิ่งสาวควยออกมาหนักๆ แล้วกระแทกเย็ดกลับไปอย่างแรง สลับกับบดโม่ควยเน้นๆ เป็นวงกลม จนเริ่มที่จะทนเสียวหัวควยไม่ไหวเหมือนกัน
“อืมมมมมมมม มิ้นท์จ๋า.... พี่ก็จะแตกแล้วเหมือนกัน.... มิ้นท์แตกกับพี่นะ”
“ค่ะ....ค่ะะะ... อาาาาาาาห์... โอ๊ยพี่.... เย็ดแรงๆ เลย!” เสียงเนื้อเราสองคนกระทบกันถี่ยิบดังสนั่นลั่นห้องดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! สองมือผมเกาะกุมบั้นท้ายของเธอเร่งกระแทกเนื้อยิกๆๆๆ
“อ๊ะ... อาาาา......ห์  อ๊าาาาาา......! อ๋าาาาาาาาา!” เธอร้องโหยหวนเมื่อร่างกายทะลุถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง ขณะที่ผมเองก็ตามไปติดๆ กระแทกควยอัดปั้บๆๆๆ ก่อนที่จะพ่นน้ำรักออกมาเต็มถุง ต้องสารภาพตรงนี้เลยว่าตอนแรกนั้นผมเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่ต้องแอบนอกใจกุ๊กมาขลุกอยู่กับเธอ แต่ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าเมื่อแลกกับลีลาสรสรักที่ได้ลิ้มลองจริงๆ ครับ เธอเป็นผู้หญิงอารมณ์สูงที่พร้อมรับศึกหนักได้แบบตลอดทั้งคืนจริงๆ แค่เริ่มต้นมิ้นท์ก็เสร็จไปสองทีติดๆ กันแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าอยู่ด้วยกันทั้งคืน เธอจะเสียวซ่านได้ถึงเพียงไหน และจะรีดน้ำออกจากตัวเธอผมไปมากน้อยเพียงใด ตอบไม่ได้จริงๆ

ผมใช้เวลานอนเล่นขลุกอยู่กับเธออีกประมาณ 2 ชั่วโมงก็ต้องขอตัวกลับมาก่อน เพราะติดว่าพรุ่งนี้มีงานตอนเช้า เธอเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังจูบปากแลกลิ้นกับผมอย่างดูดดื่มเป็นการบอกลาอย่างมีความหมายอีกด้วย เฮ้อ ผมชักจะหลงใหลในรสชาติหีของเธอจริงๆ ซะแล้วสิเนี่ย พอเปิดมือถือดูถึงได้เห็นมิสคอลกับข้อความที่กุ๊กแชทมาเต็มไปหมด เลยต้องรีบขอโทษขอโพย อ้างว่าติดธุระวุ่นอยู่กับเพื่อนจนลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ แม้ว่าเธอจะแอบงอนนิดๆ แต่ก็ดูจะไม่ได้ติดใจเอาความอะไรนัก เพราะเธอค่อนข้างเชื่อใจผมมากนั่นเอง

=======================================

หลังจากที่ผมได้มีอะไรกับน้องมิ้นท์ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน มันกลับกลายเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณดิบที่ถูกข่มกดในตัวผมให้ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ความเงี่ยนที่พร้อมจะเย็ดกับสาวๆ ไม่เลือกหน้า โดยไม่ถูกผูกมัดไว้กับผู้หญิงเพียงคนเดียวคนเดิม ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ผมแอบหาโอกาสสับรางไปเจอกับน้องมิ้นท์อีกเป็นครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3, 4, 5, 6 ซึ่งทุกครั้งก็ประสบความสำเร็จโดยดี ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น โดยไม่เคยมีปัญหาอะไรตามมา จนกระทั่งเพราะความชะล่าใจในความเนียนของตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้สุดท้ายแล้วความก็แตกแบบง่ายๆ เพียงเพราะผมดันเผลอลืมกดล็อคไลน์ในมือถือแค่นั้นจริงๆ ขณะที่กำลังนอนเล่นคลอเคลียร์อยู่กับกุ๊กบนเตียงสองคน จู่ๆ น้องมิ้นท์ก็ส่งข้อความออดอ้อนคิดถึงมาหาโดยไม่ทันตั้งตัว เสียงเตือนดังพอที่จะดึงความสนใจของเราออกจากกัน

ชิบหาย! ผมดันวางมือถือตัวเองไว้บนโต๊ะข้างๆ ตัวกุ๊กซะด้วย ไวเท่าความคิด เธอหยิบเอามือถือผมขึ้นมาอ่านทันที ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเธอไม่ใคร่จะสนใจยุ่งเรื่องส่วนตัวหรือคอยเช็คโปรแกรมโซเชี่ยลของผมเท่าไหร่นัก กุ๊กยืนนิ่งอ่านไลน์แชทระหว่างผมกับมิ้นท์อยู่นานพอสมควร ไม่รู้ว่าเธอเลื่อนอ่านไปถึงไหนต่อไหนบ้างแล้ว มันเงียบจนผมเองไม่กล้าจะกระดุกกระดิกพูดอะไรขึ้นมา

“พี่โจ้.... นี่พี่ยังคุยกับมิ้นท์อยู่อีกเหรอ?” เธอถามน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ข้างในแฝงไว้ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“เอ่อ.... อืม ก็นานๆ ทีน่ะ” ผมโกหกไปหน้าด้านๆ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าข้อความในแชททั้งหมดนั้น กำลังสารภาพความจริงให้เธอรู้จนหมดสิ้น
“พี่แอบคบกับมิ้นท์อยู่เหรอ?” คำถามพิฆาตหลุดออกจากปากเธอ น้ำเสียงเธอสั่นจนเก็บอาการแทบไม่ไหวแล้ว
“เปล่านะกุ๊ก พี่แค่คุยกันเฉยๆ จริงๆ”
“โกหก!” เธอตวาดเสียงดัง น้ำใสๆ เริ่มหยดแหมะออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง แล้วเขวี้ยงมือถือใส่ตัวผมกระเด็นหล่นลงไปบนเตียง ชั่วขณะนั้นผมแอบอดดีใจโง่ๆ ไม่ได้ที่มันไม่ได้ตกกระแทกพื้นจนพังแบบในละครน้ำเน่า ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน ทันทีที่เหลือบไปเห็นภาพบนจอ แสดงรูปภาพเสียวสยิวที่ผมเคยส่งแลกกันดูกับมิ้นท์ขึ้นหราอยู่
“กุ๊ก... พี่ขอโทษ...” ผมหลุดปากขอโทษออกไปเร็วเท่าที่ใจคิด แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งตอกย้ำให้เธอร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

“พี่มีอะไรกันแล้วใช่มั้ย?” เธอถามเสียงโหยหวน น้ำหูน้ำตาไหลเลอะเหมือนเด็กๆ ทำเอาผมสงสารเธอจับใจ
“ไม่เอาน่ากุ๊ก... กุ๊กอย่าถามแบบนั้นเลยนะ...”
“อึ่ก.... ฮึกก... .พี่ตอบกุ๊กมาเถอะ... อย่าให้กุ๊กต้องรู้คำตอบด้วยตัวเองทีหลังเลย อึ่ก... กุ๊กกลัวตัวเองจะเกลียดพี่มากกว่านี้ ฮือๆๆๆ” ผมฟังแล้วก็จนใจ ได้แต่ยอมรับกับเธอไปตรงๆ
“อืม.... ”
“ระหว่างที่คบกับกุ๊กเหรอ...?”
“อืม”
“ที่นี่ด้วยเหรอ?” เธอพูดพลางชี้มือไปรอบๆ ห้อง
“ใช่...” สิ้นคำเธอก็ปล่อยโฮออกมาหนักๆ ผมพยายามเข้าไปกอด พยายามจะปลอบขวัญเธอ แต่โดนผลักออกมา

“พี่โจ้.... ถือว่ากุ๊กขอเถอะนะ... ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วกันไป... กุ๊กเองก็เคยคิดเอาไว้ว่าสุดท้ายแล้วเราอาจต้องเลิกกัน... แต่พอคบกันนานๆ มันกลับทำให้กุ๊กเริ่มที่จะเชื่อ เชื่อว่าพี่จะจริงใจกับกุ๊ก และรักกุ๊กคนเดียว... แต่พอมารู้แบบนี้แล้ว.... แม่ง.... ฮึก... เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหอะ ถือว่ากุ๊กขอนะพี่... อึ่ก... อึ่ก.... ฮือออ” เธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร ความรู้สึกผิดยิ่งก่อตัวขึ้นบนไหล่ของผมจนแทบจะล้มทั้งยืน มันอึดอัดกับการที่เห็นคนที่เรารัก ต้องมาเจ็บปวดทรมานเพราะการกระทำของตัวเอง

“กุ๊กอย่าพึ่งใช้อารมณ์สิ ให้โอกาสพี่แก้ตัวหน่อยนะกุ๊ก พี่รับรองว่าจะไม่ทำให้กุ๊กเสียใจอีก นะ” ผมพยายามกอดยึดเธอเอาไว้ กุ๊กเองก็เหมือนจะอ่อนลงไปนิดนึงจนเหมือนว่าอะไรๆ มันกำลังจะนิ่งๆ ก็ดันมีเสียงแชทไลน์ร้องดังขึ้นมาพอดี ตื่อดึ๊ง!! ตื่อดึ๊ง!! แม่ง เสียงสวรรค์มาเป็นชุด พาให้บรรยากาศมาคุลงไปอีก กุ๊กดิ้นสะบัดตัวจนหลุดออกจากมือผมแล้วคว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้องไป ผมมัวแต่ตะลึงกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น จนไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวขาวิ่งไปยื้อเธอไว้ ได้แต่ล้มตัวลงนั่งกับเตียงอย่างหมดแรง เหมือนภาพในหัวมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กับความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต สิ่งที่ใครบางคนเรียกมันว่า 'การอกหัก'

นี่ผมกำลังอกหักจริงๆ เหรอ? อกหักเพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่หน้าตาก็ไม่ได้สะสวยไปกว่าสาวๆ ที่ผมเคยฟันแล้วทิ้งมาตลอดเนี่ยนะ? ผมพึ่งรู้วันนี้นี่แหละ ว่าเมื่อใดที่เรายอมเอาใจของตัวเองไปผูกไว้กับใครคนอื่น ยอมให้ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเข้ามาเกาะกุมในหัวใจแล้ว มันก็คือการเปิดโอกาสให้ตัวเราได้พบเจอกับความรู้สึกผิดหวัง และเสียใจ เมื่อต้องสูญเสียใครซักคนออกไปจากชีวิต แบบที่ผมกำลังพบเจออยู่นี่เอง ผมพยายามกดโทรออกหากุ๊กเป็นสิบๆ ครั้ง แต่เธอก็ช่างใจแข็งไม่ยอมกดรับสายแม้แต่ครั้งเดียว ผมลองขับรถไปหาเธอที่คอนโดของแก้ว โทรเข้าเครื่องพี่สาวเธอเพื่อหวังให้เธอช่วยอีกทาง

“ฮัลโหล แก้วเหรอ แก้วอยู่กับกุ๊กรึเปล่าครับ?” ผมเอ่ยออกไปด้วยความร้อนรน
“อยู่ค่ะ พี่โจ้มีอะไรรึเปล่าคะ ไหงไม่โทรหากุ๊กมันล่ะ?” น้ำเสียงเธอตอบนิ่งๆ เย็นๆ ผมเลยยังพอจะอุ่นใจว่ากุ๊กยังไม่ได้เล่าให้เธอฟังแน่ๆ
“ขอพี่คุยสายกับกุ๊กหน่อยได้มั้ยครับ พอดีเรางอนกันนิดหน่อย เค้าไม่ยอมรับสายพี่เลย” เสียงปลายสายเงียบไปครู่นึง ผมคล้ายจะได้ยินเสียงกุ๊กสะอื้นเบาๆ ลอดออกมาจากในสาย แล้วแก้วก็ตอบกลับมา
“ขอโทษนะคะพี่โจ้ กุ๊กเค้าไม่ยอมคุยจริงๆ หนีเข้าห้องนอนไปแล้วค่ะ พี่จะฝากหนูบอกอะไรเค้ามั้ย?”
“เอ่อ... งั้นไม่เป็นไรครับ ถ้าเค้าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ยังไงก็ฝากบอกให้เค้าโทรกลับหาพี่หน่อยนะ ขอบคุณครับแก้ว”
“ค่ะพี่ บ๊ายบายค่ะ” ผมวางสายโดยพยายามเก็บอาการไม่ให้หลุดลอดออกไปในน้ำเสียง ทั้งที่ในใจกระวนกระวายจนปวดกระเพาะไปหมด

พอวันรุ่งขึ้น ผมรีบไปถึงที่ทำงานเพื่อรอเจอหน้ากุ๊กตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งทั้งไลน์ ทั้งแชทข้อความเฟสบุ๊คไปหา รวมถึงกระหน่ำโทรเข้าเครื่องเธอ แต่ผลลัพธ์ของมันก็เหมือนๆ กันหมด นั่นคือไม่มีเสียงสะท้อนตอบกลับมา แม้ว่าจะเห็นอยู่ทนโท่ว่าเธอเปิดอ่านข้อความแล้วก็ตาม รอจนสายก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเธอจะมา ลองถามไอ้เบสดูมันก็ไม่รู้เหมือนกัน
“อ๋อ ไอ้กุ๊กเหรอ มันลาป่วยน่ะ เห็นว่าไม่ค่อยสบาย ปวดหัว อ้าว นี่มันไม่ได้บอกมึงเหรอวะโจ้ คนเป็นแฟนกันแท้ๆ”   พี่จ๋องตอบขณะกำลังก้มเก็บกระเป๋าให้เข้าที่ คำถามของแกทำให้ผมสะอึกเล็กๆ
“อ๋อ... วันก่อนมีงอนๆ กันนิดหน่อยน่ะพี่ เลยยังไม่ได้คุยกันอีกทีเลย ก็ว่าจะมาง้อกุ๊กวันนี้เนี่ย”
“เออๆ ช่วงพักเที่ยงมึงก็แวะไปดูมันหน่อยแล้วกัน คอนโดแม่งก็อยู่ใกล้ๆ นี่”
“ครับๆ” ผมรับคำแบบลวกๆ เพราะรู้ดีว่าถึงจะถ่อไปที่นั่น เธอก็คงไม่ยอมรับโทรศัพท์จากผมอยู่ดี

ผมนั่งทำพรีเซนท์งานไปเรื่อยๆ ด้วยสมองที่ว่างเปล่า ได้แต่ใส่สไลด์รูปภาพไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลา กดเปิดเฟสบุ๊คตัวเองขึ้นมาดู ที่หน้าโปรไฟล์ยังมีลิงค์เพลง How Long Will I love You ของ Ellie Gooding ที่กุ๊กโพสต์ให้ผมเมื่อไม่กี่วันก่อนขึ้นค้างอยู่เลย.... มันเป็นเพลงจากหนังเรื่อง About Time หนังรักเล็กๆ ที่เราสองคนชอบมาก

How long will I love you?
As long as stars are above you
And longer, if I can.

How long will I need you?
As long as the seasons need to
Follow their plan.

How long will I be with you?
As long as the sea is bound to
Wash upon the sand.

บทเพลงที่เคยทำให้เราอมยิ้มเมื่อตอนที่ฟังร่วมกัน วันนี้มันกลับทำให้หัวใจของผมต้องปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม เมื่อได้มานั่งฟังมันอยู่เพียงลำพัง นึกอยากมีพลังพิเศษที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดเหมือนกับพระเอกในเรื่อง พอปิดงานเสร็จเกือบทุ่ม ผมจึงตัดสินใจตรงไปที่คอนโดของกุ๊กทันที พอถึงหน้าตึกก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรเข้าเบอร์กุ๊ก... ไม่รับสาย ลองโทรไปใหม่..... เหมือนเดิม อืม ผมลองโทรเข้าไปที่เครื่องแก้วแทน

“ฮัลโหลครับ แก้วเหรอ แก้วอยู่ที่คอนโดรึเปล่าครับ?”
“อยู่ค่ะ พี่โจ้มีธุระอะไรรึเปล่าคะ?” น้ำเสียงของแก้วยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม แต่เล่นเอาผมเสียวสันหลังวาบๆ เพราะแม้ว่ามันจะเป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่มันกลับฟังดูแตกต่างจากเมื่อคืนเหลือเกิน มันเป็นเสียงที่พยายามข่มความขุ่นเคืองเอาไว้ และรับรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอไม่ใคร่จะสนทนากับผมซักเท่าไหร่
“คือ... กุ๊กอยู่ด้วยรึเปล่าครับ พี่มีธุระจะคุยกับกุ๊กนิดหน่อย พอดีพี่มารออยู่หน้าคอนโดแล้ว แก้วลงมาเปิดประตูให้พี่หน่อยได้มั้ย?”
“พี่โจ้คะ กุ๊กเค้าเล่าให้แก้วฟังหมดแล้ว แก้วว่าพี่โจ้กลับไปก่อนเถอะค่ะ อย่าทำให้อะไรมันบานปลายไปมากกว่านี้ดีกว่า”

“เดี๋ยวก่อนสิแก้ว ขอให้พี่อธิบายให้กุ๊กฟังก่อนได้มั้ย อย่างน้อยขอโอกาสให้พี่ได้พูดความจริงให้ฟังก่อน แล้วกุ๊กกับแก้วจะตัดสินใจยังไง จะเชื่อไม่เชื่อพี่ก็ยอมรับได้” ผมพร่ำบอกออกไปเพื่อหวังจะขอโอกาสสุดท้าย ทั้งๆ ที่รู้ว่าความจริงที่พูดมาน่ะ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเรื่องราวที่ทั้งคู่ได้รับรู้อยู่แล้ว นั่นคือเรื่องที่ผมมันเป็นพวกมักมาก เย็ดเค้าไปทั่วโดยไม่รู้จักใช้หัวคิด ไม่เคยนึกถึงหัวอกของคนที่อยู่เคียงข้างเรา จนมารู้ตัวอีกทีก็สายเกินไปเสียแล้ว
“แค่นี้นะคะพี่โจ้ แก้วขอตัวค่ะ” เธอพูดตัดบทแล้วกดวางสายทันที ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไรต่อ แม้ว่าผมจะพยายามโทรเข้าไปใหม่ก็กลายเป็นว่าไม่มีใครยอมรับสายผมเลยทั้งสองคน สุดท้ายก็เลยต้องยอมแพ้ แล้วขับรถกลับคอนโดตัวเองแบบเซ็งๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น