=======================================
เป้อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวตัวเล็ก สวมทับด้วยเสื้อเชิตลายสก็อตสีเขียวยี่ห้อยูนิโคล่แบบไม่กลัดกระดุม ข้างล่างเป็นกางเกงยีนส์ผ้าหนาสั้นขึ้นมาเหนือเข่าประมาณคืบนึง จังหวะที่เธอเอื้อมตัวเพื่อหมายจะเล็งยิงเป้าให้ใกล้ที่สุด จึงทำให้เสื้อกล้ามที่ความยาวแค่พอดีพุง เผยอเปิดอ้าขึ้นมา จนเผยให้เห็นหน้าท้องขาวนวลของเธอ ขนาดว่าผมเป็นสามีเธอยังอดมองไม่ได้ แล้วไอ้โจ้เองจะเหลือเหรอครับ ไอ้โจ้แม่งยืนมองตาเป็นมันด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มแบบไม่เก็บอาการ จนพอเป้สังเกตเห็นสายตามันจึงออกอาการเขินอายสุดๆ ตีแขนด่ามันยกใหญ่ พอเดินมาถึงตรงบริเวณหน้าบ้านผีสิง เป้เห็นเข้าก็อยากเล่นทันที ด้วยความที่เธอไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้มานานแล้ว ผมเองจึงรีบเอ่ยปากให้ไอ้โจ้เข้าไปเป็นเพื่อน เผื่อว่าเกิดสะดุดหกล้มในที่มืดๆ จะได้มีคนช่วยฉุดดึงขึ้นมาได้ ทั้งคู่เข้าไปในบ้านผีสิงขนาดประมาณสองคูหา คะเนด้วยสายตาแล้วความยาวของทางเดินน่าจะไม่เกินสิบเมตร ก็ไม่ยาวมากนัก
ผ่านไปแป๊บนึง ผมก็ได้ยินเสียงเป้ร้องกรี๊ดๆ เสียงดังด้วยความตกใจเป็นพักๆ รออีกแค่อึดใจนึง ทั้งคู่ก็โผล่พ้นประตูทางออกมาพร้อมกับหนุ่มสาวที่เดินตามเข้าไปติดๆ ในหัวผมก็แอบคิดเล่นๆ ว่าช่วงที่ทั้งสองคนเดินในช่องแคบๆ มืดๆ นั้น จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ อย่างน้อยเนื้อตัวหรือแขนก็ต้องมีกระทบกันบ้างล่ะ เผลอๆ อาจจะมีการจับไม้จับมือจูงกันเดินก็เป็นได้ และยิ่งจังหวะที่เป้ร้องกรี๊ดออกมานี่ เธออาจะสะดุ้งเผลอกอดเข้ากับไอ้โจ้ที่เดินมาด้วยกันก็ได้ ใครจะไปรู้ แค่คิดผมก็อดควยแข็งไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็ยังคงผ่านไปด้วยดีโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ยิ่งนานวันเข้า ไอ้โจ้ก็มักจะมีเรื่องเล่าเด็ดๆ มาบอกให้ผมได้ตื่นเต้นตลอด ยิ่งช่วงนี้เป้ต้องแวะเวียนไปคุยธุระเรื่องคอนโดมันด้วย ก็ยิ่งเป็นโอกาสอันดีที่ไอ้โจ้จะไล่ยั่วยวนภรรยาผมให้หลงสเน่ห์มันง่ายขึ้นไปอีก มันเริ่มนัดเป้มาคุยเรื่องคอนโดถี่ขึ้นเรื่อยๆ บางทีก็มื้อเที่ยงบ้าง ตามร้านกาแฟบ้าง ซึ่งโจ้มักจะเลือกสถานที่ให้ใกล้ๆ กับที่ทำงานของเป้ หรือใกล้บ้านผมเสมอ เพื่อที่ว่าเธอจะได้ปฏิเสธลำบาก แม้ว่าเธอจะยังไม่ยอมเข้าไปคอนโดมันแบบสองต่อสองอีกแล้วก็ตาม และทุกครั้งที่จะไปเจอมันเป้ก็จะโทรหรือไลน์มาชวนผมไปด้วยเสมอ ซึ่งหลังๆ ผมก็มักจะอ้างว่าติดงานไปตลอด บันทึกแชทของทั้งคู่ช่วงหลังๆ ก็ยิ่งคล้ายคนจีบกันเข้าไปทุกที
“เมื่อไหร่จะได้เจอพี่เป้คนสวยอีกน้าาา คิดถึงจังเลยยยย” (สติกเกอร์ตัวการ์ตูนส่งจุ๊บ)
“อีบ้า ทะลึ่งแระ คอยดูนะ ชั้นจะฟ้องพี่บอย”
“ว้ากกกกกก ใจร้าย”
มันคงนึกในใจว่าฟ้องไปเล๊ย ก็ผัวพี่นี่แหละที่ยุให้ผมมาจีบน่ะ
“5555”
“ก็ผมคิดถึงพี่จริงๆ นี่นา พี่ไม่คิดถึงผมบ้างเหรอออ”
“ทำไม คิดถึงแกก็มาเยี่ยมหลานสิยะ
ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ อย่าสะเหร่อมาตัวเปล่า ไม่งั้นให้พี่บอยเตะออกจากบ้าน 555+”
จนมาวันนึงมันก็แชทมาบอกผมว่าเย็นนี้จะนัดเป้ไปกินข้าวอีกนะ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรไป และคิดว่าเดี๋ยวเป้ก็คงโทรมาชวนผมไปด้วยเหมือนเดิม แต่ผิดคาดครับ ตลอดบ่ายวันนั้นกลับไม่มีโทรศัพท์จากเป้โทรมาหาผมเลยด้วยซ้ำ จนช่วงเกือบ 4 โมงเย็น เธอจึงส่งไลน์มาบอกว่าคืนนี้อาจจะกลับช้านะ แวะกินข้าวกับพวกสาวๆ เพื่อนเก่าในเมือง พอผมอ่านแล้วก็แปลกใจว่าอ้าว ตกลงเธอไม่ได้นัดไปกับไอ้โจ้เหรอ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยตอบเออออไป แต่พอไปไลน์ถามไอ้โจ้นี่สิครับ มันดับบอกว่านัดเจอกับเธอได้แล้วตอนเย็นนี้!? อ้าว! แบบนี้เป้ก็โกหกผมนี่นา??
ตั้งแต่คบกันมาตลอดระยะเวลา 13 ปี เธอไม่เคยโกหกผมเลยสักครั้ง เต็มที่ก็มีแค่แกล้งพูดหลอกในเรื่องไม่เป็นเรื่องบ้างนานๆ ที แต่นี่คือการโกหกครั้งแรกแบบโจ่งแจ้ง และที่สำคัญมันคือการโกหกเพื่อไปพบหาผู้ชายคนอื่นอีกด้วย พอผมรู้แล้วก็รู้สึกเจ็บแปร๊บขึ้นมาทันที แต่ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกหวิวๆ กับการได้เห็นเธอทำตัวมีความลับไม่ได้ มันเหมือนเด็กเรียนแสนเรียบร้อยที่กำลังพยายามหัดโกหกคุณครูประจำชั้นเพื่อแอบหนีเที่ยว คิดๆ ดูแล้วก็อดทำให้อารมณ์พุ่งพล่านไม่ได้จริงๆ ผมเลยนัดแนะกับโจ้ว่าผมจะแอบไปดูที่ร้านด้วย กะว่าจะหาที่นั่งไกลๆ ไว้คอยสังเกตการณ์ท่าทีของทั้งคู่อยู่แบบห่างๆ พอรู้พิกัดร้านแถวเส้นประชาชื่นแล้ว ผมก็เลยโทรบอกแม่ยายว่าอาจจะติดงานกลับช้านิดนึง ส่วนเป้ก็นัดเพื่อนกินข้าวด้วย ให้แกกินข้าวกับหลานก่อนได้เลย แล้วก็รีบบึ่งรถไปถึงที่ร้านตอนหกโมง เพื่อหาทำเลจับจองก่อนที่ทั้งสองคนจะมาถึง
ผมเลือกแถวที่นั่งใกล้ๆ ระเบียงบนชั้นสอง แล้วแชทบอกตำแหน่งกับโจ้ เพื่อที่ว่าพอมันมาถึงผมจะได้คอยแอบมองได้สะดวกหน่อย คนเริ่มเดินทางมาถึงพอสมควร ไอ้โจ้มาถึงก่อนตอนเกือบๆ หกโมงครึ่ง ส่วนเป้นั้นก็ตามมาสมทบไม่ห่างกันเกิน 20 นาที ทั้งคู่เลือกที่นั่งด้านในสุด โจ้นั่งลงด้านใน ส่วนเป้นั่งตรงข้ามกันหันหน้าเข้าหากำแพง ซึ่งทั้งสองคนนั้นก็นั่งอยู่เยื้องๆ กับตำแหน่งของผมพอดี ทำให้ผมสามารถมองลงไปเห็นการกระทำของพวกเขาได้แบบชัดเจนพอสมควร ขณะที่มุมของเป้นั้นถูกบังด้วยแนวของระเบียงไม้ ไม่สามารถมองเห็นที่นั่งของผมได้สะดวกนัก ยิ่งเธอนั่งหันหน้าเข้าหากำแพงด้วยยิ่งยากเข้าไปใหญ่
โจ้สั่งเมนูของทานเล่นกับเบียร์ไฮเนเก้นมาสองขวด เพราะรู้ว่าเป้เองก็ไม่ใช่คนที่ดื่มเก่งอะไรมากมาย การดื่มเบียร์รสชาติอ่อนๆ ยังพอให้เธอสามารถขับรถกลับไปเองได้ไม่ลำบากนัก ซึ่งผมก็แอบห่วงเหมือนกันว่าถ้าเกิดเธอเมาจนขับไม่ไหวจริงๆ จะทำยังไง ในเมื่อต่างขับรถมาด้วยกันทั้งคู่ ไอ้ครั้นจะให้ไอ้โจ้ขับไปส่งก็ดูจะประหลาดเกิดไปรึเปล่า ในเมื่อเธอบอกว่าออกมากินกับเพื่อนๆ นี่นา แต่ก็ไม่ทันคิดอะไรมากมาย เพราะภาพตรงหน้านั้นกำลังดึงความสนใจของผมกลับไปอีกครั้ง ไอ้โจ้แอบยื่นมือไปเกาะกุมมือของเป้เล่นบนโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งคู่กำลังคุยหยอกเอินกันอย่างสนุกสนานเต็มที่ เป้หัวเราะชอบใจกับมุกตลกของไอ้โจ้ ทั้งสองคนถูมือกันไปมาเบาๆ ผมเห็นสายตาที่เป้มองโจ้แล้วแอบใจสั่นนิดๆ เธอเคาะมือโจ้เบาๆ แล้วขอตัวลุกไปเข้าห้องน้ำ พอเธอเดินหายไป ไอ้โจ้จึงรีบแหงนหน้าขึ้นมามองหาผม
ผมยกนิ้วให้มันแล้วพิมพ์ไลน์ด่ามันเล่น ส่วนมันเองก็พิมพ์ตอบมาอย่างเริงร่า พลางบอกว่าจะให้ผมดูอะไรดีๆ แล้วมันก็ชูซองสีขาวเล็กๆ ขึ้นมาให้ผมดูแว้บนึง แล้วเทผงจากซองนั้นลงไปในแก้วเหล้าของเป้ 'ยาปลุกเซ็กส์' ผมนึกถึงเรื่องที่มันเคยเล่าให้ฟังว่าเคยมอมยาหมอแจนก่อนจะพาไปเย็ดจนฟ้าสาง พอเห็นภาพมันกำลังวางยาภรรยาตัวเองตรงหน้าแล้วในใจก็นึกสับสนขึ้นมาทันที นี่มันกำลังจะเย็ดเป้วันนี้เลยเหรอ แล้วถ้าทั้งคู่จะเย็ดกันจริงๆ ผมจะต้องทำยังไงดี ผมควรปล่อยให้พวกเค้าสองคนทำตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นมั้ย นี่ถือว่าเป้เต็มใจที่จะมีอะไรกับมันเองรึเปล่า หรือเธอถูกมันบังคับขืนใจทางอ้อม ในหัวยังตีกันไม่เสร็จดี เป้ก็เดินกลับมานั่งที่ซะก่อน ก่อนที่เธอจะหยิบแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นมาซดเข้าไปอึกๆๆ โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
“ตามสบายเลยมึง” ผมพิมพ์ไลน์ส่งไปหามันเป็นข้อความสุดท้ายก่อนจะเก็บมือถือลง และหันมาสนใจกับภาพตรงหน้า ผ่านไปเกือบชั่วโมง สภาพเป้ตอนนี้เริ่มออกอาการป้อแป้แล้ว ใบหน้าเธอแดงซ่านทั้งด้วยแอลกอฮอล์ในเลือด และฤทธิ์ของยาที่ไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจออกมา ผมเห็นเธอนั่งบิดขาไปมาเพื่อเปลี่ยนท่า คล้ายๆ คนนอนหลับไม่สบายตัวที่ต้องคอยพลิกตะแคงไปมาเพื่อแก้รำคาญ ไอ้โจ้เห็นเธอมีอาการออกมาก็เลยชวนเธอไปนั่งข้างๆ มัน ซึ่งเป้ก็ยินยอมไปนั่งแต่โดยดี ทั้งสองคนนั่งเอนพิงไหล่กันไปมา ขณะที่วงดนตรีในร้านก็เริ่มเล่นเพลงรักจังหวะช้าๆ ซึ้งๆ มาพักหนึ่งแล้ว
ไม่นานไอ้โจ้ก็เริ่มมืออยู่ไม่สุข มันใช้มือขวาประคองโอบไหล่เป้ให้เข้ามาแนบกับตัวมันชิดขึ้น จนเป้เองต้องยกมือขึ้นมาดันมันออกนิดนึง เพราะโอบแน่นเกินไป เป้เงยหน้าขึ้นมองมันด้วยสายตาอ่อนระทวย ไอ้โจ้เองก็ก้มลงมาสบตากับเธอ ก่อนที่มันจะเริ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเธอเรื่อยๆ และแล้ววินาทีที่ผมอยากเห็นก็มาถึง เป้หลับตาและยอมให้มันประกบปากจูบเข้าจนได้ โจ้ค่อยๆ บดปากประกบริมฝีปากทั้งคู่เข้าด้วยกันแบบช้าๆ ขณะที่มือซ้ายก็คอยประคองกอดเธอไว้ไม่ให้ขยับตัวหนี บรรยากาศในร้านตอนนี้ก็ยิ่งเป็นใจแบบสุดๆ ลูกค้าคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจคู่ของเธอมากนัก เพราะกำลังกรี๊ดกร๊าดและร้องตามไปกับเพลง 'ลูกอม' ที่กำลังดังกระหึ่มลำโพงอยู่ในตอนนี้ และยิ่งด้วยโต๊ะของทั้งคู่เลี้ยวเข้าไปในมุมอับด้วยแล้ว ถ้าไม่ได้ตั้งใจมองเพ่งจากมุมด้านบนอย่างผม ก็คงไม่ทันสังเกตเห็นแน่ๆ
ผมเห็นไอ้โจ้เริ่มใช้มือขวาขยำนมเป้เบาๆ แม้ว่าเธอจะพยายามใช้มือยื้อแขนมันไว้บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ บางจังหวะที่เป้ถอนปากออก ก็ทำให้ผมได้เห็นลิ้นไอ้โจ้ที่ตามพัวพันเข้าประกบกับลิ้นเธอจนน้ำลายยืดเยิ้มไปทั่ว ทั้งคู่ดูดปากกันได้แป๊บเดียว เป้ก็เหมือนจะรู้สึกตัวและเริ่มกลัวคนอื่นเห็นขึ้นมา จึงแสดงท่าทางบอกให้โจ้หยุดอย่างจริงๆ จังๆ ได้ผลครับไอ้โจ้ถอนตัวออก กลับมานั่งพิงกันเหมือนก่อนหน้านี้ ผมเห็นมันซุบซิบอะไรกันพักนึงแล้วก็สั่งเช็คบิล ก่อนจะลุกขึ้นจูงแขนเธอ ชักชวนให้เดินออกไปข้างนอกร้าน จนผมต้องรีบกุลีกุจรเช็คบิลเพื่อตามมันไปให้ทัน แต่ก็ไม่ทันครับ คลาดกันจนได้ ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยตัดสินใจเดินกลับไปขึ้นรถที่จอดไว้ในซอยถัดไปไม่ไกลแล้วพิมพ์ไลน์ถามไอ้โจ้ทันที แต่ก็ไม่มีคำตอบจากมันกลับมาเลย จนผมเริ่มที่จะร้อนใจแล้ว นั่งรออยู่อย่างนั้นเกือบ 20 นาที เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงตัดสินใจขับรถกลับบ้านทั้งๆ ที่ยังโมโหไอ้โจ้อยู่ที่ไม่ยอมตอบกลับผม จนขับรถเกือบจะถึงบ้าน ไอ้โจ้จึงพึ่งจะส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนทำหน้าแฮปปี้ตอบมา
“ไอ้เหี้ย มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“ขับรถกลับห้องอยู่พี่
พี่เป้กำลังกลับไปบ้านนะ
แล้วพี่อยู่ไหนเนี่ย”
“ไอ้ห่ากูก็กำลังกลับบ้านสิวะ
มึงแม่งหายหัวไปไหนเนี่ย ไอ้เวร
แล้วสรุปมึงหายไปไหน ทำอะไรไปแล้ว”
“ใจเย็นพี่ เดี๋ยวผมเล่านะ
ขับรถอยู่ กลัวชน”
มันพิมพ์ตัดบทไปดื้อๆ แม้ว่าผมจะพิมพ์เร่งเร้าให้มันเล่าต่อให้จบก็ไม่มีผล โทรไปแม่งก็ไม่ยอมรับสาย ไอ้ห่าโจ้นี่มันกวนส้นตีนจริงๆ ผมถึงบ้านได้พักใหญ่ๆ ก่อนที่เป้จะตามมาถึงบ้าน ใบหน้าเธอดูลอยๆ เหมือนคนไม่ค่อยมีสติพึ่งตื่นนอน สภาพของเธอดูไม่มีร่องรอยอะไรผิดสังเกตแม้แต่น้อย นอกจากใบหน้าแดงระเรื่อ กับรอยลิปบนปากที่ดูแหว่งหายไปพอสมควร เราทักทายกันแป๊บนึง ผมก็ถามเรื่อยเปื่อยไปว่าเป็นไงบ้าง สนุกมั้ย ใครมาบ้าง เธอก็ทำให้ผมต้องใจสะดุ้งอีกครั้ง ด้วยการพูดโกหกหน้าตายแบบไม่มีอาการซักนิด และรีบตัดบทขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อน เพราะมึนหัวมาก ผมก็ไม่รั้งเธอไว้ เพราะตัวเองก็อยากรีบไปคุยกับไอ้โจ้ต่อเร็วๆ แล้ว พอไอ้โจ้ทักไลน์กลับมา ผมเลยรีบเค้นเอาคำตอบจากมันต่อทันที
=======================================
วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว #10
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น