วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2566

ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว 7



“น่านน ผมว่าแล้ว ว่าพี่แม่งต้องชอบแนวนี้จริงๆ ด้วย” ไอ้โจ้ทำท่าทางแปลกใจ แต่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงเริงร่าอยู่ในที
“อ้าว ไอ้ห่า! ก็มึงนั่นแหละเป็นคนยุให้กูหาคนมาจีบเมียตัวเองไม่ใช่เหรอ”
“เฮ้ย ที่ผมบอกตอนแรกน่ะ คือบอกให้พี่กลับไปจีบเมียพี่เองเหมือนตอนคบกันใหม่ๆ ต่างหาก ไอ้ที่บอกว่าให้คนอื่นจีบแทนน่ะ ผมก็พูดเล่นไปงั้นแหละ ใครจะไปคิดว่าพี่จะทำจริงๆ เล่า”
“มึงนี่กวนส้นตีนชิบ แล้วทีนี้เป็นไงล่ะ กูเลยต้องมานั่งปวดใจปวดกบาลอยู่ตรงเนี้ย” ผมบ่นอุบอิบอย่างเซ็งๆ ซึ่งไอ้โจ้ที่ได้ฟังก็เขยิบเข้ามานั่งตบบ่าปลอบใจผมข้างๆ พลางแงะฝาลีโอกระป๋องใหม่ยื่นให้ผม

“เอาน่าพี่ ในเมื่อเรื่องมันก้าวมาถึงขนาดนี้ พี่ก็อย่าไปมองให้เป็นเรื่องกลุ้มใจดิ ในเมื่อพี่เองยังเป็นคนคอยเชียร์ให้พี่เป้เค้ากล้าเดินหน้ามาเองเลย แล้วตัวพี่เองก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ชอบอะไรแนวนี้ แทนที่จะมานั่งเครียด ผมว่าพี่กลับไปเตรียมตัวเตรียมใจรอรับพี่เป้ดีกว่า เชื่อผมเหอะว่าแม่งจะเป็นความรู้สึกที่พี่ลืมไม่ลงแน่ๆ เวลาที่พี่เห็นพี่เป้เปิดประตูเดินเข้าบ้านมาคืนนี้”

ผมกลับมาถึงบ้านประมาณ 5 โมงเย็น พยายามทำตัวเป็นปกติ นั่งกินข้าวเย็นร่วมกับแม่ยายและลูกชายตัวน้อยเหมือนทุกที นั่งดูการ์ตูนเป็นเพื่อนลูกบนห้องนอน ก่อนจะพาเค้าไปนอนกับคุณยายตอนสามทุ่มกว่า แล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่า นั่งเล่นคอมเพื่อรอเป้กลับมาด้วยใจหวิวๆ กดเข้าไปดูเฟสบุ๊คของเป้ เห็นมีรูปที่ถูกแท็กกันมา เป็นภาพเธอกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน กำลังนั่งกินเลี้ยงกันอยู่ในห้องคาราโอเกะที่ร้านอินดี้ซีบาร์อย่างที่เธอบอกไว้ ดูท่าทางกำลังกรึ่มๆ สนุกได้ใจกันเลยทีเดียว กดดูภาพไปเรื่อยๆ แอบเห็นบางจังหวะที่เป้กับต้นนั่งร้องเพลงตัวติดกัน ทำให้ใจผมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เวลาผ่านไปราวๆ เกือบ 2 ชั่วโมง เป้ก็โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้นิดๆ แต่ยังพอจะมีสติอยู่

“บอยเค้ากำลังจะกลับแล้วนะ”
“เหรอ แล้วกลับไงอ่ะ ขับไหวเหรอ?”
“อ๋อ เนี่ย เดี๋ยวต้นเค้าขับไปส่งให้ แล้วเดี๋ยวเค้านั่งแท็กซี่กลับ” ผมได้ยินแล้วหูผึ่งเลยครับ
“เหรอออ แล้วจะถึงบ้านกี่โมงอ่ะเนี่ย?” ผมรีบถามยั่วเธอ
 “แน่ะ เดี๋ยวก็ถึงแล้วย่ะ มียัยเมย์ติดรถไปลงด้วยอีกคน แหม คิดอะไรๆ” เสียงเธอแซวกลับมาแบบรู้ทัน
“เอ๊าะเหรอ แต่เดี๋ยวเมย์ก็ต้องลงกลางทางนี่นา ตอนนั้นก็เหลือกันแค่สองคนแล้วนี่ ใช่ป่าววว”
“โอ๊ยย บอยงี่เง่าอ่าา แค่นี้นะ เค้าจะจ่ายเงินกันแล้ว นี่ออกมาคุยอยู่ข้างนอก บายๆ”

ผมลงมานั่งดูทีวีรอเธออย่างใจจดใจจ่อ ปกติแล้วระยะทางจากที่ทำงานเธอมาบ้าน เวลาแบบนี้ที่รถไม่ค่อยติดแล้ว เต็มที่ก็ไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมน้อ นี่ก็นั่งรอมาเกือบ 50 นาทีแล้วทำไมยังไม่ถึงบ้านซักที พาลให้ในหัวผมนี่เตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน จนกระทั่งได้ยินเสียงรถโตโยต้าวีออสที่คุ้นเคยขับมาจอดอยู่หน้าบ้าน สองขารีบพุ่งขึ้นไปหยุดอยู่ที่กระจกหน้าต่างริมบันไดชั้นสองซึ่งปิดไฟมืดเอาไว้เพื่อสังเกตุการณ์ มองออกไปเห็นชายหนุ่มหน้าตี๋ในชุดเสื้อโปโลกางเกงยีนส์กำลังยืนรออยู่ข้างประตูคนขับ ส่วนเป้ภรรยาผมนั้นกำลังเปิดประตูหน้าบ้านเดินเข้ามา ผมเลยรีบเดินออกไปรับ

“อ้าวบอย! ออกมาพอดีเลย ยังไงเดี๋ยวช่วยขับไปส่งน้องเค้าขึ้นแท็กซี่ปากซอยหน่อยดิ เป้มึนๆ ขับไม่ไหว” เป้ทักขึ้นมาน้ำเสียงตื่นๆ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ ตาเยิ้มหวาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไป หรือเพราะเกิดจากอะไรอย่างอื่นกันแน่
“อ้าว ไม่ให้น้องเค้ากินน้ำกินท่าหน่อยเหรอ อุตส่าห์ขับมาส่ง” ผมพูดยิ้มๆ
“อ๋อไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวผมกลับเลยก็ได้ครับ เกรงใจพวกพี่เปล่าๆ ดึกแล้วด้วย”
“อ่ะ โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่ขับไปส่ง”

ตอนแรกผมก็นึกว่าเป้จะให้ผมไปกับน้องต้นสองคน แต่ที่ไหนได้เธอดันเดินขึ้นมานั่งเบาะหน้าข้างคนขับด้วยซะงั้น สงสัยคงกลัวว่าผมจะหลุดปากพูดอะไรไม่ดีไม่งามออกไปล่ะมั้งเนี่ย พอเรารอจนส่งน้องต้นขึ้นแท็กซี่เรียบร้อยแล้วก็ขับรถกลับเข้ามาในบ้านด้วยกัน พอล็อคบ้านขึ้นห้องกันเรียบร้อยแล้วผมก็รีบยิงคำถามที่ค้างคาใจออกไปทันที

“ว่าไงๆ เล่ามาเลย”
“เล่าอะไรอ่ะ หื้มม?” เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ น้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นไว้ข้างใน
“ก็ที่นั่งรถมากับต้นตะกี้อ่ะ ทำไมถึงบ้านช้าจังเลย”
“ก็รถมันติดดด” เธอตอบเสียงยานๆ ฟังแล้วยิ่งชวนให้เงี่ยนเข้าไปใหญ่
“พอเลย ไม่ต้องลีลาเลย เล่ามาเร็วๆ บอยใจจะขาดแล้วเนี่ย” ผมเร่งเร้าเธอ
“โห เว่อร์ๆ อะไรจะขนาดนั้น เล่าก็ได้ แต่ฉี่แป๊บนึงได้ป่ะล่ะ” เธอตอบแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พักนึงก็ออกมานั่งข้างๆ ผมที่รออยู่บนเตียง เป้จ้องหน้าผมเขินๆ เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูดซักที สงสัยคงจะอาย

“โอเค ไม่เล่าก็ไม่เล่า งั้นนอนละ” ผมพูดเสียงประชด
“เฮ้ย อย่างอนดิ เล่าแล้วๆๆ ก็ต้นเค้าก็ขับรถมาส่งไง” เป้รีบเข้ามาอ้อน มุดเข้ามานอนหนุนที่ตักผม
“แล้ว?”
“แล้วพอลงทางด่วน ต้นเค้าก็แวะเข้าไปจอดที่โลตัส”
“ห๊ะ? ไปจอดทำไมวะ”
“ก็... ก็ที่ลานจอดรถอ่ะ มันมืดๆ ไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่ เค้าบอกว่ามีอะไรจะบอก”
“อืมมม” ผมครางตอบเบาๆ เอามือข้างนึงลูบผมเป้เบาๆ
“น้องเค้าดึงมือเป้ไปกุมไว้ บอกว่าเค้าชอบเป้จริงๆ นะ แต่เค้าก็รู้ว่าเป้มีครอบครัวแล้ว ไม่อยากเข้ามาไปยุ่มย่ามในชีวิตเป้ แต่เค้าห้ามใจไม่ไหว ยิ่งสนิทกัน เค้าก็ยิ่งอยากคบกับเป้มากขึ้นเรื่อยๆ พอช่วงหลังๆ ที่พ่อเค้าป่วย เค้าเลยคุยกับทางบ้าน แล้วตัดสินใจว่าจะย้ายกลับไปอยู่ภูเก็ต ส่วนนึงคือได้ช่วยดูแลกิจการกับคุณพ่อ อีกส่วนนึงคือจะได้ตัดใจจากเป้ได้เร็วๆ”

“อ่อ สรุปว่าแค่นั่งคุยกันที่โลตัส ก็เลยกลับมาช้าใช่มะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงบอกชัดว่าไม่เชื่อเธอซักกะนิด
“ยังดิ ฟังก่อน พอเค้าบอกมาแบบนี้ เป้ก็ใจอ่อนอ่ะ หน้าต้นเหมือนจะร้องไห้ พาลเป้จะร้องตาม ไม่รู้จะทำยังไงเลยเผลอกอดน้องเค้าไป”
“อืมมมมม” มือผมยังคงลูบหัวเธออยู่ แต่เริ่มออกอาการสั่นเล็กๆ
“น้องเค้าก็กอดเป้ตอบนะ กอดแน่นด้วยอ่ะ แล้วเค้าก็บอกเป้มาคำนึงว่า 'ผมขอจูบพี่เป้ได้มั้ยครับ' แบบ... เป้เหวอไปเลยอ่ะบอย ไม่นึกว่าน้องเค้าจะกล้า แต่น้องเค้าก็ยังขอซ้ำนะ บอกว่าแค่อยากจูบเป้ครั้งเดียวก่อนจะไม่ได้เจอกัน คือแบบ... มันจี๊ดอ่ะบอย คือน้องเค้าอ้อนเป้จนเผลอซึ้งไปด้วย บอยเข้าใจเป้ใช่มั้ย”
“อืม เข้าใจ”
“ก็นั่นแหละ เป้เลยสงสาร เลยยอมให้เค้าจุ๊บปากในรถ ก็... ก็แค่นั้นแหละ แล้วก็กลับบ้าน”

“เฮ้ยๆๆ! เล่าให้หมดดิ! อย่ากั๊ก” ผมลืมตัวดุเธอเสียงดัง
“อ่ะ... ฮื๊ออออ เดี๋ยวบอยโกรธเป้อ้ะ” เสียงเธอออดอ้อนดูน่าสงสาร แต่เวลานั้นผมไม่สนใจแล้วครับ
“น่าๆ เล่ามาๆ ไม่โกรธหรอก สัญญา”
“ก็... พอน้องเค้าจูบปากใช่ป่าว มือเค้าก็...แบบ... ซนอ่า ยุกยิกๆ จับโน่นจับนี่”
“จับนม?”
“อือออ แต่เป้ก็พยายามห้ามแล้วนะ แต่ว่า.... พอจูบกันนานๆ มันก็เคลิ้มอ่ะ แฮะๆ...” หน้าเธอตอนเล่านี้แดงแป๊ดไปถึงใบหูเลยครับ ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าฝืนยิ้มแห้งๆ เป็นกำลังใจให้เธอเล่าต่อ

“ต้นเค้าก็พยายามปลดกระดุมเสื้อเป้นะ แต่ในรถมันมืดๆ เลยไม่ถนัด เค้าก็จับๆ แตะๆ อยู่นอกผ้านั่นแหละ แล้วพอจูบกันได้พักนึง เหมือนรถมันเริ่มจะเยอะอะ เป้เลยบอกน้องเค้าว่าหยุดก่อนดีกว่า แล้วหลังจากนั้นก็ตรงกลับมาที่บ้านเรานี่แหละ จริงๆ นะ ไม่มีอะไรมากกว่านี้” เธอพูดแล้วทำหน้ายืนยันหนักแน่น โดยไม่มีท่าทีว่ากำลังปิดบังอะไรผมอยู่ ผมเองก็ไม่อยากไปทำตัวเหมือนจ้องจับผิดเธอ เพราะที่ผ่านมาเราก็ซื่อสัตย์ต่อกันมาตลอด และคุยกันตรงๆ ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่น้องต้นเข้ามาจีบเธอแบบนี้ ผมจึงค่อนข้างเชื่อคำพูดเธอ แม้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะอดเสียดายไม่ได้ที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สานสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างที่ผมแอบหวังเอาไว้ แล้วตอนนี้ผมเองก็เงี่ยนจนปวดควยไปหมดแล้วด้วย เลยตัดสินใจจู่โจมน้องเป้ภรรยาสุดที่รักทันที

“อุ๊ย! บอย ใจเย็น! เป้ ยังไม่ได้อาบน้ำ”
“ไม่เป็นไรหรอกเป้ ตัวเป้มีกลิ่นตัวนิดๆ แบบนี้แหละ บอยชอบ” ผมซุกไซร้หน้าไปตามลำคอและทรวงอกของเธอผ่านเนื้อผ้าบางๆ ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ติดตามตัวเธอนิดๆ ดูท่าคงดื่มมาพอสมควรจริงๆ
“ให้เป้อาบ้นำก่อนนะ ขออาบน้ำก่อน ว๊ายยย!” เธอร้องเสียงหลงเมื่อผมงับเข้าไปที่หัวนมเธอทั้งๆ ที่ยังมีเสื้อนอกกับยกทรงขวางอยู่ มือซ้ายก็สอดเข้าไปใต้เสื้อเธอ ลูบไล้ไปตามหน้าท้องเนียนนุ่ม ไต่ขึ้นไปเกาะกุมฐานนมอวบหยุ่น ไม่นานเป้ก็อยู่ในสภาพชีเปลือย เหลือเพียงกางเกงในผ้าลื่นสีครีม ที่ผมแอบสังเกตเห็นว่าตอนนี้มันเปียกเยิ้มเป็นคราบเหนียวอยู่ตรงเป้า
“โอ้โห แฉะมาเลย มิน่าต้องหนีเข้าไปล้างก่อนหน้านี้”
“แหะๆๆ” เป้ได้แต่ยิ้มรับสภาพเขินๆ สองมือปิดหน้าด้วยความอาย ผมเลยมุดหน้าลงไป หมายเล่นงานจุดเสียวของเธอด้วยรสชิวหา

“ว้ายบอยย! ไม่เอานะ มันสกปรก!” ไม่ทันละครับ ลิ้นผมลากหนักๆ ผ่านเนื้อผ้ากางเกงใน แตะโดนเข้ากับปลายติ่งเม็ดเสียวของเธอจังๆ เป้ได้แต่ดิ้นพล่านๆ ทั้งอาย ทั้งเสียว แต่ก็โดนสองมือผมล็อคขาเอาไว้อยู่ พอผมเลียจนหนำใจแล้วก็ค่อยๆ รูดกางเกงในของเธอออกมา ถอดกางเกงขาสั้นตัวเองออก แล้วจรดท่อนควยอวบสั้นของตัวเองเข้ากับปากร่องหีเธอ
“เป้จ๋า คืนนี้บอยยอมให้ต้นทำหน้าที่แทนบอยได้เต็มที่เลย เป้ปล่อยเต็มที่เลยนะ ไม่ต้องยั้ง” ผมกระซิบบอกรหัสลับของเราสองคนออกมา หมายถึงให้เธอจินตนาการว่ากำลังเย็ดกับต้นอยู่แทนที่ผมนั่นเอง

ซึ่งที่ผ่านมาแม้เธอจะยอมเล่นเกมนี้ด้วยกันมาตลอด แต่เป้ก็ยังดูมีท่าทีเขินอาย และไม่ได้ปล่อยอารมณ์จินตนาการถึงหนุ่มรุ่นน้องอย่างเต็มที่นัก อาจเพราะด้วยกรอบศีลธรรมที่ถูกพร่ำสอนมาตั้งแต่ยังเด็ก หรืออาจเพราะอายผมที่เป็นสามีเธอเอง เธอจึงพยายามยับยั้งอารมณ์ข่มใจลึกๆ ผิดกับครั้งนี้ ที่ถือเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งสองคนจะได้เจอกันในที่ทำงาน ไหนจะการเล้าโลมจูบปากกันเป็นครั้งแรกและอาจจะครั้งสุดท้าย รวมไปถึงฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ช่วยกระตุ้นความเงี่ยนในตัว จึงทำให้เธอพร้อมที่จะเตลิดเปิดเปิง ยอมเย็ดกับต้นในจินตนาการแบบสะใจสุดๆ เป็นการสั่งลา พอเป้พยักหน้าหงึกๆ ผมจึงกดควยเข้าไปแบบปรู๊ดเดียวจนเกือบสุด

“อึ่กกก... อึ๋ยยยย...” สองมือเธอจิกลงมาบนหลังผม ขณะที่สองขาก็พยายามวาดเกี่ยวกระหวัด ผมเองรู้ดีว่าตัวเองนั้นเงี่ยนเต็มที่มาตั้งแต่ฟังเธอเล่าแล้ว ถ้าเย็ดเร็วๆ รับรองแตกไวแน่นอน จึงพยายามบดเอวเป็นวงกลมแบบเนิบๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์เป้ให้ขึ้นสูงไปพร้อมๆ กัน ปากก็ก้มลงดูดนมเธอไปด้วย สลับกับโน้มขึ้นไปจูบปาก แล้วใช้มือที่ว่างบี้คลึงหัวนมเธอแทน ไม่นานเป้ก็เริ่มมีอาการเงี่ยนง่าน เธอเริ่มครวญครางเรียกชื่อของคู่นอนเหมือนอย่างทุกที ซึ่งมันย่อมไม่ใช่ชื่อของผมแน่ในคืนนี้

“โอ๊ยยย... ต้น..... เค้าเสียว...วว..” เอาล่ะครับ ทำนองที่คุ้นเคยบ่งบอกให้รู้ว่าเธอใกล้ไคลแม็กซ์เข้าไปทุกทีแล้ว ผมยิ่งบดอัดท่อนเนื้อเข้ากับหน้าขาเธอหนักๆ พยายามให้ครูดโดนเม็ดแตดของเธอให้เยอะที่สุด
“อื๋ออออ.....ต้น..นน...เค้าจะไม่ไหว...แล้วนะ...” แววตาที่เป้มองผมตอนนี้มันหยาดเยิ้มไปด้วยความเงี่ยนสุดๆ จริงๆ
“เป้เสียวหีมั้ย ต้นเย็ดมันมั้ยย?” ผมลองแย๊บคำหยาบออกไปอีก
“เสียวววว.... เค้าเสียววว..กระแทก..เลย.......อย่างนั้น...น..น แรงๆ...” เธอไม่ได้เออออ แต่ก็ไม่ได้บ่นเหมือนทุกที ผมเลยถือว่านั่นคือคำตอบรับ และยิ่งพรั่งพรูคำหยาบหลุดออกมาอีก
“เป้จ๋า... ต้นเสียวควยจัง... อือออ... หีเป้ฟิตจังเลยยย... อูยยย”
“ฮือออ....”
“เป้แตกกับต้นนะ... น้ำแตกพร้อมต้นนะ.... อึ๊บ....”
“โอ๊ยย ต้น..... โอ๊ยยยย...... แต..กก...เค้าแตกแล้ว... อื้มมมมมมมมมมม........”

สำเร็จครับ ปกติแล้วเวลาเสร็จเป้มักจะใช้คำว่า 'ถึงแล้ว' 'เสร็จแล้ว' แทนที่จะใช้คำว่าน้ำแตก เพราะรู้สึกว่ามันฟังดูจั๊กกะเดี๋ยม และทะลึ่งพิลึก แต่คราวนี้อาจเพราะความเงี่ยนถึงจุดจริงๆ เธอจึงยอมพูดคำนี้ด้วยกันกับผม ถึงจะหลุดออกมาแค่คำว่าแตกก็ตาม แต่มันก็เป็นความก้าวหน้าเล็กๆ ที่ทำให้ภรรยาคนสวยของผมเริ่มร้อนร่านขึ้นมาได้บ้าง ผมเองก็เกินฝืนแล้ว เร่งกระแทกเนื้อดังสนั่น ปั้บ ปั้บ ปั้บ ปั้บ ในจังหวะสุดท้ายที่เธอครวญครางชื่อรุ่นน้องออกมา น้ำรักพุ่งกระฉูดเข้าไปในมดลูกเธออย่างสุดกลั้น ชิบหาย ผมเผลอแตกในเธออีกแล้ว แต่ช่างมันเหอะ อารมณ์ตอนนี้ผมว่าเธอก็ยังนึกไม่ทันเหมือนกัน เรานอนกอดกันอย่างอ่อนแรงอยู่พักนึง ก่อนจะลุกไปอาบน้ำล้างตัวพร้อมๆ กัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น