วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

หอมกลิ่นโลกีย์ ตอนที่ 18




          หนึ่งเสียใจมากที่แม่กับตั้มทําอย่างนั้น หล่อนร้องไห้จนตาบวม ...เช้าไม่อยากไปทํางานเลย แต่ก็แข็งใจไป เจอหน้าตั้มหล่อนก็เฉยๆไม่จําเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว หล่อนเห็นหมดทุกอย่าง
          เขาทําเป็นล้อเล่นหนึ่งก็ไม่สน เขาก็คิดว่าหล่อนคงงอนเรื่องที่เขาไม่ค่อยไปส่งหล่อนที่บ้าน หรือไม่ให้เวลาแก่หล่อนบ้างตั้มคิดว่าไม่เป็นไร หนึ่งต้องรักเขา และหล่อนต้องเข้าใจว่าเขาติดธุระ เขาพาหล่อนไปกราบพ่อแม่แล้ว ก็เท่ากับเป็นการยืนยันให้หนึ่งมั่นใจว่าเขาเลือกหล่อนแน่นอน
          นอกจากเกลียดตั้มแล้ว หนึ่งยังหมดความนับถือแม่ด้วย แม่ทําไมต้องทําอย่างนี้ด้วย ผู้ชายอื่นมีอีกทั้งโลก ทําไมไม่ไปยุ่งเกี่ยว มายุ่งกับผู้ชายของหล่อนทําไม ทําไมต้องมายุ่งกับแฟนของลูกสาว แม่เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้

          หนึ่งกลายเป็นคนเงียบขรึมแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะตามธรรมดาแล้วหล่อนก็มีนิสัยเฉยๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าแม่ ไม่ว่าตั้ม ต่างก็มัวแต่สนใจเรื่องของตน จะมีก็แต่นุชน้องสาวเท่านั้นที่เห็นพี่สาวแปลกไป
          เด็กสาวถามพี่สาวของตัว แต่หนึ่งก็ส่ายหน้า ฝืนยิ้ม บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็มักจะปลีกตัวไปเสีย บางครั้งนุชถามถึงตั้ม หนึ่งก็ส่ายหน้า ทําให้นุชเข้าใจว่าพี่สาวคงจะมีปัญหากับตั้ม ไม่แคล้วเรื่องงอนง้อกันเหมือนพระเอกกับนางเอกในหนังไทย อย่างที่หล่อนเคยดูทีวี อีกไม่ช้าไม่นานทุกอย่างก็จะคลี่คลายดีไปเอง สุดท้ายพระเอกกับนางเอกก็จะต้องแต่งงานครองคู่กัน
          นุชคิดแล้วยิ้มกับตัวเอง นึกอยากหยอกเย้าพี่หนึ่ง แต่ก็ยั้งใจไว้ อาจทําให้พี่สาวรําคาญ ไม่อยากเซ้าซี้หรอก และไม่อยากให้พี่สาวหงุดหงิดด้วย
          นุชไม่รู้หรอกว่าหนึ่งคิดอะไรอยู่ หล่อนเสียใจอยู่หลายวัน ความเสียใจเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บแค้น อยากจะทําอะไรสักอย่าง ให้แม่กับตั้มได้รู้สึกบ้าง
          อาแปะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาน่าจะรู้เอาไว้ ถือได้ว่าช่วงนี้เขาเป็นเจ้าของแม่ แม่เป็นของเขา ต่างมีใจต่อกัน แต่แม่นอกใจเขา เขาน่าจะรู้ความเป็นไปลับๆของแม่ เขารู้แล้วคงไม่นิ่งดูดาย เขาจะต้องทําอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการระบายความรู้สึกไม่พอใจ
          ไม่ว่าหญิง ไม่ว่าชาย ก็ต้องหวงแหนคนที่ตนรักทั้งนั้น อาแปะก็เช่นกัน ...ถ้าเขารักแม่เขาต้องโกรธแม่อย่างหนัก และเขาจะต้องโต้ตอบการกระทําของแม่และตั้ม หล่อนจะส่งข่าวให้อาแปะรู้ทางโทรศัพท์ หรือไปด้วยตัวเอง หล่อนยังคิดไตร่ตรองอยู่ว่าการกระทําอย่างไหนจะดีกว่ากัน

          อาแปะกําลังจะออกไปข้างนอก เย็นนี้มีนัดกับลูกหนี้ จะต้องเคลียร์กันให้เรียบร้อย เรื่องดอกเบี้ยที่ขาดส่ง
          เขาแต่งตัวเรียบร้อย ดูภูมิฐานในแบบของเขา รถยนต์ส่วนตัวก็พร้อมอยู่แล้ว พอดีใครคนหนึ่งมากดกริ่ง อาแปะชะโงกมอง ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ นั่นลูกสาวคนโตของอนงค์มาทําไม มีอะไรหรือ ดูเหมือนหล่อนยังอยู่ในชุดทํางาน
          อาแปะกุลีกุจอออกไปเปิดประตูรั้วรับ เขานึกว่าอนงค์สั่งให้ลูกสาวมาหา ด้วยธุระอันหนึ่งอันใด
          “มีอะไรหรือจ๊ะหนึ่ง”   
          เขาอ่อนหวานไว้ก่อน เชื้อเชิญให้เข้าในบ้าน และสังเกตเห็นสีหน้าหม่นหมองของหญิงสาว
          “หนึ่งมีเรื่องจะคุยกับอาแปะจ้ะ”
          “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร กินน้ำกินท่าก่อน นี่เพิ่งกลับจากทํางานล่ะซี”

          เขารินน้ำเย็นใส่แก้วมาให้ แต่หนึ่งไม่สนใจมัน หล่อนนั่งที่เก้าอี้รับแขกแล้วสูดลมหายใจลึกๆ อาแปะก็นั่งลงตรงข้าม ได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างใหญ่ของเขา เขากําลังมองหล่อนอยู่ไม่วางตา ตามนิสัยของเขา หนึ่งรู้ดีเขาชอบมองหล่อนเสมอๆ ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่ แต่เดาเอาว่า เขามองตามประสาผู้ชายที่มองผู้หญิงสาวสวยด้วยความสนใจ
          “มีอะไรก็ว่ามาเลย แม่ใช้มาใช่ไหมล่ะจ๊ะ”
          หนึ่งส่ายหน้าช้าๆ หล่อนตัดสินใจมาแล้ว จะต้องพูด จะไม่มีอ้ำอึ้งเป็นอันขาด และจะพูดอย่างตรงๆ เข้าประเด็นสําคัญเลยทีเดียว แต่พอจะเอ่ยปากเข้าจริงๆ ก็ต้องเปลี่ยนใจเลือกเอาวิธีเริ่มมันอย่างช้าๆ
          หล่อนเงยหน้าขึ้นนิดหนึ่ง มองอาแปะไม่เต็มตา และมองอย่างผาดๆ
          “อาแปะรักแม่ของหนึ่งหรือ เปล่าจ๊ะ”
          คําถามอย่างนี้ อาแปะขมวดคิ้ว แต่ปากก็ไว ตอบไปว่า  “รักซีจ๊ะ ทําไมจะไม่รัก”  และไม่วายนึกขำในใจ หนึ่งมาถามทําไม
          “ถ้าอาแปะรักแม่ แล้วถ้าแม่ของหนึ่งไปยุ่งกับคนอื่น อาแปะจะว่ายังไง อาแปะจะโกรธหรือเปล่า”
          “…แน่นอนละ ถ้าเป็นยังงั้นจริงๆ ก็ต้องโกรธ โกรธมากเสียด้วย ว่าแต่ที่หนึ่งพูดนี่มันเป็นเรื่องสมมุติใช่ไหมล่ะจ๊ะ คงไม่มีอะไรที่เป็นความจริงหรอก จริงไหม”

          แต่คําตอบที่หนึ่งให้อาแปะ คือหล่อนส่ายหน้าไปมาช้าๆ คราวนี้เองที่หล่อนกล้ามองสบตากับอาแปะอย่างตรงๆ และบอกให้เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร
          “แม่มีแฟนใหม่แล้ว”
          อาแปะเลิกคิ้วสูง ขยับตัวอย่างไม่เชื่อ อนงค์น่ะหรือจะมีแฟนใหม่ เป็นไปไม่ได้หล่อนหลงเขายังกะอะไร
          “เป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะหนึ่ง ล้อเล่นใช่หรือเปล่า”
          “ไม่หรอกค่ะ หนึ่งไม่ล้อเล่น มันเป็นความจริง ถ้าอาแปะไม่เชื่อ อาแปะก็ต้องไปค้นหาความจริงเอาเอง หมู่นี้แม่กลับบ้านดึกทุกคืนเลย ออกจากที่ทํางานตอนเย็นๆ แล้วแม่ ก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านเลย แต่แม่ไปแวะที่อื่นก่อน มีคนไปรับแม่หน้าที่ทํางาน แล้วก็ไปด้วยกัน”

          ข่าวนี้ทําให้อาแปะเลือดลมฉีดแรง หน้าแดงก่ำ จมูกมีขนาดโตของเขายิ่งแดงมากกว่าส่วนอื่นของใบหน้า
          เขายืนขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปเดินมา หันมาหาหนึ่ง
          “...นี่มันเป็นความจริงหรือเปล่า มาล้อกันเล่นใช่ไหม”
          “หนึ่งไม่ได้ล้อเล่นหรอกค่ะ แต่ถ้าอาแปะไม่เชื่อ หนึ่งก็ช่วยอะไรไม่ได้”
          “งั้นแปะก็จะไปดูให้เห็นกับตาเดี๋ยวนี้แหละ”
          อาแปะทําท่าจะออกจากบ้าน หนึ่งก็ค้านเอาไว้ มันเลยเวลาเลิกงานไปตั้งนาน ป่านนี้แม่ของหล่อนกับตั้มคงกําลังอยู่กันในโรงแรม
          “เลิกงานตั้งนาน ป่านนี้แม่ไม่อยู่แล้ว”
          “งั้นพรุ่งนี้ พรุ่งนี้แปะจะไปดูให้รู้ความจริง ขอบใจหนูมากนะหนึ่งที่มาบอกแปะ เออ...ว่าแต่ว่า หนูไม่กลัวแม่รู้หรือ มาบอกกับแปะยังงี้น่ะ”
          หนึ่งส่ายหน้าฝืนยิ้ม แล้วขอตัวกลับ ทิ้งให้อาแปะเดินไปเดินมาวนเวียนอยู่ในห้องรับแขก ครุ่นคิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ ....คนอย่างอนงค์จะทําเชียวหรือ แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน อนงค์อาจจะเบื่อรสชาติของเขาแล้ว และอยากเปลี่ยนรสสวาทบ้าง ก็จึงไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่น
          อีกอย่างหมู่นี้เขาก็ขาดการติดต่อกับหล่อนไป หล่อนอาจจะอยาก เหงา หงี่ ก็เลยคว้าใครอีกคนมาแก้อยากไปพลางๆ
          ...แต่ถ้าพูดถึงหล่อนอยากจริงๆ หล่อนก็สามารถมาหาเขาได้ มันไม่ยาก ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่อยากมา ไม่ยังงั้นก็โทรศัพท์เรียกให้เขาไปหา มันไม่ยาก แล้วทําไมหล่อนจะต้องหาคนใหม่ด้วย ในเมื่อเขาเองก็ให้ความสุขอย่างล้นเหลืออยู่แล้ว
          คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก แต่คนอย่างเขาสามารถที่จะระงับความกังวลใจเอาไว้ได้ เขามันผ่านสิ่งเลวร้ายมาแล้ว ...คราวที่ต้องเสียอาเหลี่ยนไป ไม่ยิ่งกว่านี้อีกหรือ นั่นเมียจริงๆ นี่มันเมียเล่นๆ

          เขาออกจากบ้าน ใส่กุญแจ เปิดประตูรั้วให้กว้าง ขับรถออกจากบ้านแล้วลงจากรถมาปิดประตูรั้ว แล้วจึงขับรถไปรับลูกหนี้ ที่รอให้เขาพาไปคิดดอกเบี้ยอยู่อย่างกระวนกระวาย ตรงหน้าหมู่บ้าน
          รายนี้เป็นแม่บ้าน ยังไม่เคยมีลูก ผัวไม่ค่อยเอาใจใส่ เพราะมัวแต่ดื่มเหล้ากลับดึก ปล่อยให้เมียเหงาอยู่คนเดียว หล่อนจึงว้าเหว่เปล่าเปลี่ยว แกล้งกู้เงินอาแปะแล้วไม่ส่งดอก เพื่อให้เขาพาไปขัดดอก ด้วยรู้กิตติศัพท์ของอาแปะว่าสะเด็ด สะเด่าขนาดไหน
          หล่อนก็ทําเหมือนกับผู้หญิงอีกหลายคน ...ที่ผัวไม่อาจช่วยแก้อยากให้สะใจได้ จึงต้องใช้วิธีนี้ แล้วก็ได้รับความสําราญหายอยากไปพักหนึ่ง แต่แล้วก็กลับอยากมากยิ่งกว่าเก่า ...เพราะอาแปะปรนเปรอไว้ถึงลูกถึงคน แต่พอกลับบ้านเจอสามีงี่เง่า เกาไม่ทันหายคัน ก็ไปเสียแล้ว เจ้าหล่อนจึงง่านเช้าง่านเย็น ไม่ช้าไม่นานก็ต้องพึ่งพาบริการของอาแปะอีก แล้วก็ได้รับความสุขท่วมท้นกลับบ้านอย่างสมอยาก

          ลูกหนี้คนนี้ชื่อแดง ชื่อจริงอาแปะไม่อยากจํา หล่อนยืนรอเขาอยู่ หลบๆกับเสาสะพานลอย เขาจอดรถรับ หล่อนขึ้นมานั่ง ท่าทางตื่นๆ เป็นครั้งแรกที่ริทําอย่างนี้ ถ้าไม่อยากจนทนไม่ไหวก็คงจะไม่พึ่งอาแปะ
          “แต่งตัวสวยจัง”
          อาแปะชม และหล่อนก็สวยจริงๆ ประเภทสามสิบยังแจ๋ว อะร้าอร่าม ขาวเนียนไปทั้งตัว ไม่ได้ทํางานอะไร อยู่แต่บ้าน ทํางานก็เฉพาะในบ้านเท่านั้น อีกทั้งเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว ยิ่งไม่ค่อยได้โดนแสงแดด ก็จึงนวลเนียนไปหมด
          “…แปะไม่ต้องมาแกล้งชมหรอก”
          หล่อนพูดหน้าแดงๆ เลือดลมกําลังฉีดร้อนผ่าวไปทั้งเนื้อทั้งตัว เหลือบมองเป้ากางเกงของอาแปะ รู้สึกว่าเขาได้เก็บซ่อนอะไรเอาไว้ตุงทีเดียว เจ้าสิ่งนั้นของเขามันคงจะไม่ใช่เล็กๆ มันจะต้องมหึมาน่ากลัวยิ่งกว่าของผัว คิดว่าอย่างนั้นแหละ ...เพราะเขาพูดกันจังว่าเหมือนของม้า
          เกิดมายังไม่เคยเห็นของม้าสักที ก็เลยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันขนาดไหน แต่คะเนว่าต้องใหญ่ก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ต้องเขื่องกว่าของที่เคยใช้อยู่ที่บ้าน

          อาแปะยิ้ม เขาไม่ได้แกล้งชมหล่อนเลย หล่อนสวยจริงๆ แม้ไม่แต่งก็คงสวยเปล่าเปลือยยิ่งงาม
          “แปะยิ้มทําไมเหรอ แกล้งชมแล้วยิ้มเยาะหนูล่ะซี”
          หล่อนเรียกแทนตัวเองว่าหนูจนเคยปาก
          “ไม่หรอกหนู  ...แปะจะยิ้มเยาะทําไม”
          “ยิ้มเยาะเหมือนคนที่บ้านหนูไงล่ะ”
          “คนละคนกันนะจ๊ะ แดงทําไมคิดยังงั้น แดงน่ะสวยจริงๆ ไม่ใช่แกล้งพูด นี่นะถ้ายิ่งไม่สวมอะไรเลย คงจะงามยิ่งกว่านี้ร้อยเท่าพันเท่า คงจะขาวไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว แล้วก็คงจะอูมมากๆ เลยเชียว”
          แดงเหลือบมองหน้าอาแปะ  “อะไรอูม”
          “อ้าว...ก็ตรงที่มันควรจะอูมน่ะซี ที่ไหนควรจะอูมก็คงอูม ที่ไหนควรจะอวบก็คงอวบใหญ่ แปะคิดว่าดูไม่ผิดหรอกจ้ะ อย่างหนูนี่นะ ไม่ใช่เล็กๆ”

          ...หล่อนอายจนใบหน้าแดง ร้อนผะผ่าว อาแปะพูดตรงๆจัง แต่ก็ดี ช่วยให้เลือดลมมันวิ่งพล่าน ผัวยังไม่พูดยังงี้ แต่อาแปะกลับพูด ดูเขาจะชอบหล่อนเอามากๆ ดีแล้วที่เขาชอบ ก็อยากให้เขาชอบอยู่แล้ว และอยากให้เขาง่านมากมายอีกด้วย เขาจะได้ปรนเปรอบําเรอความสุข ให้แก่หล่อนอย่างถึงพริกถึงขิง
          หล่อนเองก็ชอบ ที่พูดกัน อย่างนี้ มันทําให้หล่อนมีอารมณ์ ร้อนแรง
          “แปะน่ะพูดจาหยาบคายนะ”
          “หยาบคายที่ไหน ไม่หยาบสักหน่อย แปะพูดความจริงทั้งนั้น แปะน่ะชอบใหญ่ๆ อยู่แล้ว ใหญ่ๆแล้วอูมๆด้วย แปะยิ่งชอบ แปะอยากกินจัง ถ้าเห็นใหญ่ๆอูมๆนะ แปะทนไม่ไหวหรอก ...ต้องกินให้อร่อยลิ้นทุกที”
          พูดแล้วยังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเสียอีก ทําเอาแดงสะดุ้งเสียวแปล๊บๆที่ร่องเนื้อ นึกว่าไปโดนลิ้นของเขาเลีย
          ข่าวว่าอาแปะเลียเก่งจัง ถ้าเจอเข้าจะเป็นยังไง เกิดมาก็ยังไม่เคยโดนผัวตวัดลิ้นแม้สักครั้งเดียว แต่คาดว่าคงจะเสียวดี
          “อะไรก็จะกิน จะกินเข้าไปได้ยังไงจ๊ะ มันน่าเกลียดจะตาย”
          “ใครบอกล่ะจ๊ะว่าน่าเกลียด ของดีทั้งนั้นแหละนั่นน่ะ ยิ่งกินยิ่งอร่อยลิ้น”
          “ผัวหนูไม่เห็นพูดอย่างแปะเลย ไม่เห็นอยากกินสักทีเดียว”
          อาแปะหัวเราะหึๆ
          “เขาไม่รู้น่ะซีว่านั่นน่ะมันของดี ลิ้นน่ะวิเศษ หนูพูดยังงี้ก็แสดงว่ายังไม่เคยโดนลิ้นล่ะซีจ๊ะ”
          “ยัง”
          ตอบแค่นี้แหละ มันชัดอยู่แล้ว อาแปะตื่นติดหมัดขึ้นมา ยังไม่เคยโดนลิ้น โดนเข้าทีเดียวก็ติดใจ แต่อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวพาไปดื่มกันสักหน่อย แล้วค่อยเข้าไปในวิมานม่านรูด ความสุขไม่หนีไปไหน

          อาแปะพาลูกหนี้สามสิบยังแจ๋วเข้าร้านอาหาร เขาสั่งอาหารและเบียร์มา แดงเห็นเบียร์นึกอยากจิบ ...อยู่บ้านเคยลองบ้างเหมือนกัน ก็ทําให้ครื้มใจดี แต่เมาหน้าตึงๆเข้าไป มันมักทําให้เกิดอารมณ์อยาก ทําไมมันเป็นยังงั้น หล่อนก็ไม่เข้าใจ
          หล่อนจิบเบียร์กับอาแปะอย่างมีความสุข เมาเมื่อไรแทบไม่รู้ตัว จนอาแปะต้องประคองออกจากร้าน ขึ้นรถขับพาไปหาความสุขกันที่โรงแรม
          แดงรู้ว่าเข้าโรงแรมแล้ว และอาแปะก็อยู่ใกล้ๆ เขาทรุดลงข้างๆตัว หล่อนนอนเหยียดยาว เมาจนง่านจัด มือเอื้อมไปตะปบเป้ากางเกงอาแปะ อาแปะยิ้ม อย่างนี้แหละสนุก คงอยากมากแล้วซี ขนาดยังไม่ได้ทําอะไรเลย
          อาแปะเมาแต่ก็ไม่ใช่เมาไม่รู้เรื่อง เขาเรียกว่าเมากําลังดี เมากําลังอยากปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างของลูกหนี้สาวในส่วนบนก่อน เพื่อจะได้เห็นความอวบอร่ามของทรวงอก

          จริงด้วย อย่างที่คาดไว้ เสื้อตัวนอกหลุดไป ก็มองเห็นเสื้อในปกปิดสองเต้าอยู่ แต่มันก็ล้นหลามเห็นชัด ขาวเนียนไปหมด จึงปลดตะขอ พอยกทรงหลุดผัวะก็ทําให้อาแปะตะลึง แต่ไม่วายกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ มันติดขัด แต่กลืนลงจนได้
          อวบอิ่มตึงเต่ง หัวนมกลางเต้าเร้าใจนัก ชันตัวขึ้นมาก้มหน้าลงไป เอาลิ้นแตะๆ เลียๆก็ทําให้แดงซี้ดปาก ทรวงอกไหวสะท้าน แอ่นส่ายอย่างเร่าร้อน นอนนิ่งอยู่ไม่ได้ ตาสองข้างหลับปี๋ แต่ริมฝีปากสั่นระริก เนื้อกายก็สั่นด้วย
          อาแปะลูบไล้เคล้าคลึงสองเต้า ปากและลิ้นของเขานัวเนียฟัดฟอนมันอย่างคลั่งไคล้ มันอวบและใหญ่อย่างนี้ อาแปะชอบนัก ง่วนอยู่ที่นมใหญ่ตั้งนานกว่าจะหันไปสนใจช่วงล่าง
          ล่างก็ดียิ่งกว่าที่คิดเอาไว้ อูมอิ่มนูนโหนกเป็นโคกใหญ่ เปลื้องสิ่งที่ปกปิดอยู่เลื่อนหลุดไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรปิดบังอําพราง เขาต้องครางในลําคอ ตาเบิกกว้างเกือบร้องอู้ฮู ก็มันประทับตาประทับใจนัก
          เนินสามเหลี่ยนเนื้อหนั่นนูนขึ้นมาเร้าใจที่สุด ...ร่องเนื้อผ่าผ่านตรงกลางลากต่ำลงไปจรดปลายสามเหลี่ยม ทางตอนบนของร่องเนื้อมีแง่หินโผล่อยู่ต้นลําธาร กลีบเนื้อที่แย้มแยกออกก็เหมือนสองฝั่งของธารน้อย มีเยิ้มหยาดหล่อเลี้ยงชื้นแฉะ ต้นหญ้าขึ้นประปรายตามสองฟากฝั่ง

          อาแปะเปลี่ยนการโจมตีจากช่วงบนลงมาสู่ช่วงล่าง ที่น่าจะทําให้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เขาได้ก้มหน้าลงไป แล้วเขาก็ทําให้สาวสามสิบยังแจ๋ว ครางสุดเสียว แล้วยกเนินแอ่นสะท้านขึ้นมาอย่างคนสะดุ้งผวา
          แดงหลังตาปี๋อยู่ พลันก็ต้องเบิกตากว้าง แล้วหลับลงไปอีก อาแปะทําอะไรกัน ร่องเนื้อฉ่ำของหล่อนทําไมมันเสียว ลิ้นอุ่นๆของเขานั่นเอง ทั้งสากทั้งระคายยิ่งว่ากระดาษทราย ได้สัมผัสแตะต้องตวัดเลีย
          “อู๊ยย์ อาแปะ ทําอะไรหนู อาแปะอย่าทํายังงั้น อาแปะอย่าเลีย นี่หรือเลีย อู๊ยยย์เสียวดีจัง”
          หล่อนพูดอย่างสับสน อาแปะ ยิ้ม ...เพราะรู้ดีว่าความรู้สึกของผู้หญิงที่โดนลิ้นเป็นครั้งแรกในชีวิตเป็นอย่างไร ทีแรกหล่อนมักห้าม แต่พอรู้รสเข้าไปแล้วก็จะส่ายรับ และเรียกร้องให้เลียหนักๆ ลิ้น
          อาแปะเลียเต็มความสามารถ ปาดซ้ายปาดขวา ใช้ลิ้นปลุกความอยากให้กับแดงเต็มเหนี่ยว จนหล่อนทนไม่ไหว ...หันไปควานมือหาลําเนื้อของอาแปะ เขารู้ดีจึงต้องเปลื้องเสื้อกางเกงออก ก็ทําให้อาแปะเห็นว่าลูกหนี้สาวเบิกตาโต เมื่อประจักษ์แก่ตาตนเองว่าขนาดลําเนื้อของเขานั้น มันมหึมานัก
          แดงนึกไม่ถึงที่เขาว่าใหญ่ยาว มันจะน่ากลัวอย่างนี้ ของสามีไม่ได้ครึ่งด้วยซ้ำ ตาเหลือกลานแต่มือกลับเอื้อมไปกํารูดมันอย่างง่านจัด อาแปะรู้ดีคุกเข่าแล้วปลดมือของหล่อนออก เพื่อที่จะเอาหัวบานดอกเห็ดจ่อตรงปากอ่าว

          แดงร้องออกมาให้อาแปะเบาๆ หน่อย กลัวหัวแดงทําเจ็บ แต่หล่อนไม่เจ็บเลย เนื่องจากร่องฉ่ำลื่น อาแปะขะยิกอยู่ไม่นานก็มุดเข้าไป มันยิ่งเสียว...แดงยิ่งครวญคราง แอ่นขึ้นมารับก็จึงเข้าหมดจด คับแน่นอยู่เต็มซอกขา แดงเสียวเกร็ง แล้วอาแปะก็เคลื่อนไหวเนิบนาบ พักใหญ่ๆจึงเร่งจังหวะ จนในที่สุดก็รัวกระหน่ำแล้วทอดทํานองช้าลง จับร่างเปลือยของคู่สวาท พลิกคว่ำทําทางข้างหลัง เล่นรักหนักหน่วงหลายกระบวนท่า แดงร้องว่าทนไม่ไหว หล่อนเสร็จหลายครั้งอาแปะโดนตอดหนักก็ทนไม่ได้ อาแปะเองก็ร้องลั่นด้วยความสุขเช่นกัน!


                                            *****************************************************


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น