วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2567

ฟาร์มฮัก ตอนที่ 5

 

 

   "พี่ไหม ม่ายเสน่ห์"

   บ้านผมอยู่ในตัวอำเภออำเภอหนึ่งที่ติดกับแม่น้ำโขง พ่อมีฟาร์มเลี้ยงโคขุนอยู่ห่างจากตัวอำเภอออกไปกว่า 10 กม. ผมเลยต้องไปนอนเฝ้าที่ฟาร์มมีบ้านน็อคดาวน์หลังเล็กๆ ที่มีพร้อมทุกอย่างเป็นวิมานส่วนตัว ส่วนมากก็ไม่มีอะไรเพราะงานในฟาร์มผมก็มอบให้หัวหน้าคนงานคอยดูแลเรื่องงานและคนงานประจำที่มีอยู่อีก 9 คน อีกทั้งบริเวณฟาร์มที่เนื้อที่กว่า 100 ไร่ ก็มีรั้วรอบขอบชิดจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก
   สวัสดิการอย่างหนึ่งของฟาร์มที่ผมเริ่มทำคืออาหารกลางวันสำหรับคนงานในวันทำงานปกติ ห้องครัวของเราเองก็จะมีเครื่องครัวอยู่ครบครันอยู่แล้วใครอยากกินอะไรก็แค่เตรียมของมาแล้วประกอบอาหารกินข้าวเที่ยงกัน เพียงแต่ว่าค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานานผมจึงสั่งกับข้าววันละ 2 อย่างให้มาส่ง เที่ยงวันไหนอาหารไม่หมดก็ให้คนงานนำกลับไปกินที่บ้านได้ด้วย ส่วนส้มตำที่คนงานขาดไม่ได้ในมื้อเที่ยงก็ให้ตำกินกันเองได้เลย ร้านทำอาหารให้กับฟาร์มผมก็คือร้านในหมู่บ้านที่ผมชอบไปกินเสมอๆ เมื่อมีโอกาสหรือเลี้ยงข้าวกับคนอื่นๆ
   "พี่ไหม" คือเจ้าของร้านนั้น
   พี่ไหมสาวใหญ่วัย 40 ต้นๆ เป็นคนรูปร่างสูงอวบผิวขาวเพราะมีเชื้อชาวภูไท ใบหน้าสวยหวานมีลักยิ้มบุ๋มอยู่แก้มซ้ายเพิ่มเสน่ห์ของเธอเข้าไปอีก พี่ไหมเปิดร้านอาหารกับสามีและน้องสาวน้องเขยมานานก่อนผมจะมารับฟาร์มต่อจากพ่อ แต่ไม่กี่ปีมานี้สามีเธอล้มป่วยด้วยโรคร้ายก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้เธอเป็นม่ายพร้อมกับเริ่มมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตามจีบเธอ ผมเองแม้จะรู้จักกันดีแต่ก็มีหยอดคำหวานบ้างในบางที พูดทีเล่นทีจริงบ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
   จนเมื่อปีที่แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อน้องเขยถูกรถชนจนต้องนอนโรงพยาบาลเดือนกว่าแล้วออกมาพักฟื้นที่บ้านอยู่หลายเดือน เงินที่เก็บก็ร่อยหรอเพราะใช้ในการรักษาน้องเขยและส่งให้ลูกน้องเขยที่เธอรับเลี้ยงเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ รวมทั้งร้านขาดลูกมือจนต้องบอกปัดการทำข้าวกล่องไปเปิดขายหน้าร้านอย่างเดียวจึงทำให้ขาดรายได้ไปมาก แล้วพี่ไหมก็เริ่มยืมเงินผม
   ด้วยความไว้ใจกันผมก็ให้หยิบยืมทุกครั้งที่ขอมาซึ่งผมก็ให้ทุกครั้งแต่พี่ไหมก็ไม่เคยจะส่งคืนเลยสักครั้ง นั่นคือการที่ผมให้เธอทำอาหารมาเลี้ยงคนงานของผมเป็นการจ่ายหนี้ในตัวด้วย แม้ค่าอาหารแต่ละมื้อจะไม่มากเท่าไหร่แต่เมื่อทำเกือบทุกวันในแต่ละเดือนก็สามารถลดหนี้ได้มากโข
   "วันนี้มีเมนูอะไรครับพี่ไหม?"
   ผมส่งเสียงทักทายไปก่อนเมื่อเห็นพี่ไหมง่วนอยู่กับการเตรียมอาหาร เธอหันมายิ้มแก้มบุ๋มทำเอาใจผมแทบละลาย
   "วันนี้พี่ทำลาบหมู ส่วนต้มยำปลาเป็นฝีมือของ..." เธอเอ่ยชื่อน้องสาว
   "ลาภปากผมละ อยากกินมานานล่ะ" ผมนั่งลงที่โต๊ะแล้วพี่ไหมก็ตักอาหารมาให้ "กินข้าวด้วยกันครับพี่"
   "ไม่ล่ะ เบื่อฝีมือตัวเอง พี่รอส้มตำดีกว่า"
   เราสองคนคุยกันไปกินข้าวกันไปซึ่งรอบๆ ข้างก็เป็นคนงานที่กำลังกินข้าวกันอยู่อย่างเอร็ดอร่อย ผมเห็นพี่ไหมเขี่ยจานส้มตำไปมานานๆ ทีถึงจะตักเข้าปากมองดูสีหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ เอาล่ะ จะเป็นเรื่องเงินหรือเปล่า? แต่ดูๆ ช่วงนี้การเงินของเธอก็ดูมั่นคงขึ้นเพราะน้องเขยหายป่วยกลับมาช่วยงานได้หลายเดือนแล้ว
   "มีอะไรหรือเปล่าครับพี่?" ผมอดถามไม่ได้
   "เอ่อ...ไม่มีอะไร ว่างไหมเย็นวันนี้?"
   ผมตอบว่า ว่าง พี่ไหมเลยชวนผมไปกินข้าวที่ร้านบอกว่า เธอเลี้ยง ผมทำหน้าสงสัย เธอก็ยิ้มกว้างกระซิบบอกผมว่า ถูกหวยพอได้อยู่ ผิดคาดไปจากที่ผมคิดแฮะ
   ผมออกกำลังกายแล้วอาบน้ำแต่งตัวไปที่ร้านพี่ไหมเกือบๆ สองทุ่มซึ่งเป็นเวลาปิดร้าน ก็เห็นเธอกับน้องสาวและน้องเขยที่กลับมาแข็งแรงและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอีกครั้งกำลังนั่งดื่มกันอยู่ ผมกล่าวทักทายแล้วนั่งลงร่วมวง
   ร้านอาหารของพี่ไหมเป็นร้านเล็กๆ ที่เปิดเป็นเพิงถาวรข้างๆ บ้านของเธอโดยมีซุ้มม้านั่งไม้ไผ่มุงหญ้าคาอยู่หกซุ้ม บ้านพี่ไหมอยู่ห่างจากหมู่บ้านออกมาหน่อยพอดีว่าอยู่ติดกับถนนทางหลวงสายหลักเข้าตัวอำเภอจึงมีลูกค้าแวะเวียนมาไม่ขาดส่วนบ้านของน้องสาวอยู่ในหมู่บ้าน
   สามทุ่มกว่าๆ น้องสาวกับน้องเขยพี่ไหมก็ขอตัวกลับ ท่ามกลางแสงสลัวในซุ้มไม้และแสงไฟจากรถยนต์บนถนนสาดส่องให้เห็นแก้มแดงๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ของพี่ไหมดูน่ามองยิ่งนัก ผมยิ้มให้กับท่างทางมึนๆ เบียร์ของพี่ไหม
   "ยิ้มอะไร? ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง" เสียงอ้อแอ้ลอดออกมาพร้อมยิ้มแก้มบุ๋มที่ทำให้ตาหวานเยิ้ม
   "ก็...ไม่เคยเห็นใครสวยเท่าพี่สักคน" พี่ไหมหัวเราะคิกๆ ยิ้มหวานเมื่อเจอคำยอ "เออ...พี่ อยากเห็นบัตรประชาชนพี่จัง"
   "วุ๊ย...ไม่เอา อายรูป อยากเห็นไปทำไมล่ะ?"
   "ก็แค่...อยากรู้คำนำหน้าน่ะ ว่าจะเป็นนางสาวหรือนางฟ้ากันแน่"
   พี่ไหมยิ้มแก้มบุ๋มตาเยิ้มทำท่าเขินอายเมื่อเจอมุกเสี่ยวๆ เข้าให้ เธอเอามือมาทุบอกผมพร้อมร้องบอกว่า บ้า ผมคว้ามือเธอมากุมแล้วยิ้มจ้องตาก่อนจะยกขึ้นจูบที่หลังมือแล้วบอกว่า สงสัยจะเป็นเป็นนางฟ้าแน่ๆ
   สี่ทุ่มกว่าๆ พวกเราก็เลิก ผมเดินประคองพี่ไหมที่ดูจะเมามาส่งที่หน้าบ้านพร้อมกล่าวลา ผมก้มหน้าลงจูบแก้มเธออย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยว่า ขอบคุณครับพี่ไหมคนสวย พี่ไหมหันมายิ้มตาหวานก่อนจะก้มหน้างุดด้วยความขวยอายและทำท่าทางไม่ถูกว่าจะทำอะไรต่อ ผมยืนยิ้มรอให้เธอตัดสินใจเองว่าจะเอายังไงต่อไป สักครู่พี่ไหมก็เปิดประตูเดินเข้าไปแล้วหันหน้ามากล่าวลาผม
   วันหนึ่งมีงานบุญอยู่ที่วัดในหมู่บ้านพี่ไหม ผมเลยลองชวนเธอดูว่า อยากจะไปเที่ยวงานไหม? ปรากฏว่าเธอตอบรับ ผมจึงออกไปรับเธอที่ร้านตอนสองทุ่มแล้วไปรวมตัวที่บ้านน้องสาวที่อยู่ติดๆ กับวัดก่อนที่จะพากันเดินเข้าวัดไปเที่ยวงาน จากสารพัดการออกร้านทั้งเครื่องเล่นและเกมส์ต่างๆ ผมมองเห็นพี่ไหมยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีกับการละเล่นอยู่ตลอดเวลา รอยยิ้มหวานใบหน้าสะสวยของสาวสูงวัยกลับทำให้ผมตวัดภาพเป็นสาววัยรุ่นที่กำลังสนุกสนานกับการละเล่นไปซะอย่างนั้น
   เมื่อถึงสามทุ่มมหรสพสมโภชน์อย่างหมอลำซิ่งก็เริ่มแสดง แต่ผมกับพี่ไหมก็เหนื่อยเกินไปที่จะไปดูเลยพากันมานั่งหลบมุมที่ม้าหินอ่อนห่างๆ พร้อมเบียร์คนละสามกระป๋อง เราฟังเสียงหมอลำไปก็พูดคุยกันไป ช่วงหนึ่งที่พี่ไหมเอ่ยขอบคุณผมขึ้นมา
   "ขอบคุณเรื่องอะไรครับพี่?"
   "ก็ทุกๆ อย่าง เรื่องเงินที่ช่วยเหลือ และ...ช่วงนี้ที่ทำให้พี่ไม่ฟุ้งซ่าน" พี่ไหมพูดยิ้มๆ จ้องตาผมในความสลัวนิ่ง
   "พี่ไหม เหงามากไหมครับ?" ผมเอ่ยถามจี้จุดทันที
   พี่ไหมก้มหน้างุดไม่มองหน้าผมแล้วก็เสยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกๆ จนหมดแล้วก็ลุกขึ้นเอ่ยชวนผมกลับ
   ผมยืนอยู่หน้าบ้านพี่ไหมพร้อมกับเอ่ยลา พี่ไหมเก้ๆ กังๆ เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปประชิดตัวและเธอเงยหน้ามามองผมก็จู่โจมด้วยการก้มหน้าลงประกบจูบปากทันที พี่ไหมไม่ทันตั้งตัวเธอยืนตัวแข็งทื่อในตอนแรกแต่เมื่อลิ้นผมสอดตวัดเธอก็โอนอ่อนผ่อนตามตวัดลิ้นเล่นกับลิ้นผมทันใด เสียงดูดปากของเราดังจ๊วบๆ ก่อนที่พี่ไหมจะถอนปากแล้วก้มหน้าอายๆ นิ่งอยู่ครูหนึ่งก่อนจะกล่าวอำลาผมแล้วรีบเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
   วันศุกร์เป็นวันที่ผมไม่ออกกำลังกายเพราะต้องสังสรรค์กับคนงานในตอนเย็นเพื่อพูดคุยเรื่องงานเรื่องครอบครัวร่วมกัน พอเสร็จแล้วผมก็ขึ้นห้องทำอาบน้ำแต่งตัวจะออกไปดื่มกับเพื่อนต่อในตัวอำเภอ แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่ไหมโทรมาหาผมถามว่า ว่างไหม? ผมก็ตอบไปว่า สำหรับพี่ไหมผมว่างเสมอ
   "พี่เหงา" เสียงเบาๆ ลอดมาตามสายจนผมรู้สึกถึงอารมณ์นั้นได้
   "จะให้ผมไปหาไหม?" ผมถามหยั่งเชิง
   พี่ไหมตอบกลับมาว่า ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปหาเอง แล้วเธอก็วางสายไป ผมจึงหันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดสบายๆ เป็นเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นรอพี่ไหมพร้อมกับจิบเบียร์ที่เหลือแล้วก็นั่งรอ
   พี่ไหมมาถึงพร้อมกับกลิ่นเบียร์ที่ผมรู้สึกได้ ผมร้องแซวถามว่า เจอมามากแล้วใช่ไหมนี่? เธอยิ้มหวานบอกว่า นิดหน่อยน่า ผมจึงรินเบียร์ใส่แก้วก่อนที่เธอจะดื่มอึกๆ ทีเดียวเกลี้ยงแก้ว ผมร้องแซวว่า โห...เดี๋ยวก็เมากันพอดี 
   เรานั่งดื่มพร้อมพูดคุยสัพเพเหระกันกันทั่วไปแล้วจู่ๆ เราก็นั่งนิ่งมองหน้ากันไปมา
   "พี่เหงามากไหม?" ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับขยับตัวเข้าหา
   "ยังไม่รู้อีกหรือ?" พี่ไหมจ้องตาผมตอบมาแผ่วๆ
   สายตาที่จ้องมามีทั้งความเศร้าและเร่าร้อนอยู่ในที ผมโน้มหน้าลงไปประกบปากพี่ไหมที่เผยอรับรอท่าและลิ้นนุ่มของเธอก็ตวัดรัดเล่นกับลิ้นผมทันควัน สองแขนผมตระกองกอดร่างอวบของสาวรุ่นพี่หลวมๆ ซึ่งร่างนั้นอ่อนระทวยไปตั้งแต่เราประกบปากกันแล้ว
   จูบที่เร้าร้อนทำเอาร่างกายของเราพลอยร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงแห่งกามารมณ์ ผมดันร่างพี่ไหมลุกขึ้นแล้วดุนหลังไปที่เตียงขณะที่มือก็แกะเสื้อเชิร์ตและกระโปรงยาวออกไปด้วย เมื่อเธอเอนหลังนอนหงายขาพาดขอบเตียงก็เหลือแต่ยกทรงลูกไม้สีดำและกางเกงในตัวน้อยเท่านั้น ผมไล้จมูกลงที่ซอกคอขาวผ่องไซ้เรียวหนวดที่เขียวครึ้มถูไถไปมาจนรู้สึกได้ว่าพี่ไหมขนลุกด้วยความสยิว
   เมื่อละซอกคอลงมาก็เจอกับบราสีดำที่ห่อหุ้มทรวงอกอวบเอาไว้ ผมแกะตะขอด้านหน้าออกแล้วอกอวบขาวผ่องก็ต้องตาผม ป้านวงสีแดงเล็กมีเม็ดบัวเล็กๆ สีแดงวางอยู่ตรงกลางวงดูน่าดูดดุน ผมไม่รอช้าก้มหน้างุดแลบลิ้นเลียพร้อมดูดอมอย่างพึงพอใจขณะที่พี่ไหมนอนบิดตัวแอ่นอกให้ผมลงลิ้นด้วยความเสียว สองมือผมตะโบมบีบคลึงด้วยความเสน่หากับนมอวบๆ แม้จะหย่อนคล้อยไปบ้างตามอายุแต่ความนุ่มนิ่มน่าบีบเคล้นก็ยังมีอยู่
   ผมเลื่อนปากจากยอดอกอวบไต่ลงตามร่องท้องที่มีไขมันตามวัย หน้าท้องเนียนเรียบปราศจากริ้วรอยน่าโลมเลียเสียนี่กระไร ผมนั่งยองๆ ที่ขอบเตียงแล้วค่อยๆ รูดชั้นในชิ้นสุดท้ายออกแล้วเนินเนื้ออวบใหญ่ที่ปกคลุมด้วยแพรไหมสีดำขลับก็ปรากฏต่อหน้า ผมเอื้อมมือไปลูบไล้ก่อนจะซุกหน้าลงไปละเลงลิ้น พี่ไหมส่ายเอวบิดสะโพกเมื่อลิ้นผมทะลวงเข้าไปตวัดฉับๆ ในร่องรู เม็ดเสียวของเธอเล็กจนแทบจะหาไม่เจอถูกลิ้นผมเกี่ยวไปมา คางเคราที่ตัดสั้นถูกขยี้ลงในเนื้ออ่อนจนพี่ไหมครางกระเส่า
   "อูย...สะ เสียวจัง โอว..."
   ผมจับสองขาพี่ไหมเหยียบบนสองบ่าแล้วลงลิ้นหนักๆ เธอเด้งสะโพกลอยส่ายไปมาสู้กับลิ้นผมที่ตวัดไม่หยุด นิ้วโป้งซ้ายบดบี้เม็ดเสียวสองนิ้วขวาแยงรูสวาทเข้าออกจนเรียกน้ำเสียวของพี่ไหมไหลหลั่งนองรู
   "โอว...ไม่ไหวแล้ว ซี๊ด...แตกๆๆๆๆ"
   พี่ไหวครางกระเส่าพร้อมสะโพกที่พริ้มไหว ผมระรัวลิ้นและขยับนิ้วเร็วๆ สักครู่เธอก็ร้องเสียงหลงก่อนจะทิ้งสะโพกเกร็งร่างกระตุกหายใจหอบแรง ผมเงยหน้าที่เปียกชุ่มขึ้นไปมองก็เห็นเธอหลับตาหายใจสะท้อนจนอกใหญ่กระเพื่อม ผมลุกขึ้นถอดเสื้อกับกางเกงแล้วปีนขึ้นเตียงดึงร่างอวบเข้ากลางเตียง
   ผมคร่อมร่างพี่ไหมทาบท่อนเนื้อที่ร่องอกสองมือบีบสองเต้าเข้าชิด เธอสูดปากร้องว๊าวเมื่อเห็นขนาดของมันก่อนจะทำตาเยิ้มและผงกหัวขึ้นมาคอยแลบลิ้นเลียหัวเงี่ยงเมื่อผมซอยเอวไปมาช้าๆ ในร่องนมอวบนุ่ม ผมถูลำแท่งกับร่องนมพอเสียวได้ที่ก็ขยับเอวขึ้นไปจ่อลำแท่งเข้าปากพี่ไหมซึ่งเธอก็รีบคว้าไปดูดอย่างไว
   พลังดูดของสาวรุ่นพี่ทำเอาผมเกร็งตูดรับแรงเสียวก่อนจะหมุนกลับตัวให้อยู่ในท่า 69 แล้วลงลิ้นกับร่องเสียวพี่ไหมอีกครั้ง เสียงการใช้ปากให้กันและกันดังจ๊วบจ๊าบกระทบโสตเพิ่มความเสียวซ่านให้กับเราทั้งสองยิ่งนัก
   "อ๊า...พี่ไม่ไหวแล้ว เย็ดเถอะ อูย...ซี๊ด..." เสียงพี่ไหมกระเส่าอย่างซ่านเสียวดังแผ่วๆ
   เมื่อเรียกร้องมาผมก็สนองกลับ ผมขยับตัวลุกแล้วคลานเข่าเข้าแทรกร่างอวบแล้วปาดลำแท่งที่แข็งเด่ขึ้นลงตามรอยแยก ผมตีหัวเงี่ยงที่เม็ดเสียวดังแปะๆ จนพี่ไหมเด้งเอวรับแล้วร้องอู๊ ผมดันหัวเงี่ยงเข้ารูเสียวช้าๆ โดยมีมือพี่ไหมคอยดันเอาไว้ที่หน้าท้องผมพร้อมร้องว่า เบาๆ นะ พี่ไม่เคยมานานแล้ว ผมขยับเข้าออกช้าๆ ดันท่อนเนื้อค่อยๆ จนพี่ไหมเคลิ้มก็ดันแรงซะทีนึง เธอสะดุ้งดันหน้าท้องผมไว้แทบไม่ทัน
   "อ๊า...เสียวจริงๆ พี่ อูย..."
   "ซี๊ด...พี่ก็เสียวจ๊ะ ดีจริงๆ คับแน่นไปหมดเลย อา..."
    ผมกับพี่ไหมร้องครางประสานกันเมื่อท่อนเนื้อของผมถลำเข้าร่องเสียวจนจมมิด ช่องทางที่ไม่ได้ผ่านการใช้งานมานานตอดรัดบีบกระชับกับท่อนเนื้ออย่างสุดกำลังสร้างความเสียวซ่านให้กับสองเราที่สุด ผมเริ่มขยับเอวช้าๆ ซอยเนิบๆ ไปเรื่อยๆ พี่ไหมใบหน้าเหยเกสูดปากครางอยู่ตลอดเวลา สองมือป่ายเปะปะหาที่ยึดก่อนจะขยุ้มผ้าปูจนยับย่น ผมเร่งเอวเร็วขึ้นจนเสียงเนื้อปะทะกันดังก้องห้องแคบผสมเสียงครางสองเราที่ดังไม่ขาดระยะ
   ผมนอนหงายดึงร่างอวบขึ้นนั่งทาบทับ พี่ไหมร่อนเอวพริ้วไหวบดลำแท่งแนบชิดร่องรูพร้อมสูดปากอยู่ตลอดเวลา ผมเอื้อมมือไปบีบเคล้นสองเต้าอวบที่กระเด้งอยู่ต่อหน้าทำเอาเจ้าของแอ่นอกหราด้วยความเสียว
   ผมจับสะโพกหยุดแล้วหมุนคว้างให้กลับหลังหัน ท่อนเนื้อหมุนควงตามสะโพกบิดจนพี่ไหมสูดปากซี๊ดก่อนที่เธอจะไม่เสียเวลาเมื่อเริ่มบดเอวอีกครั้ง เสียงลำแท่งงัดโพรงแคบดังกึกๆ เมื่อเธอเร่งเอวบดหนอกชนโหนกพร้อมทั้งความเสียวซ่านที่ทะลุปรี๊ดถึงขั้วหัวใจ
   "อ๊า...เสียวจริงๆ อู๊ย...ไม่ไหวแล้ว แตกๆๆๆๆๆๆ"
   เสียงพี่ไหมร้องกระเส่ากระชั้นถี่พร้อมเอวที่พริ้วสะบัดขณะที่สองมือเธอก็ค้ำยันที่สองขาของผม สะโพกผายส่ายบดระรัวโดยมีสองมือผมคอยประคอง และแล้วเธอก็หยุดกึกเกร็งร่างร้องครางเสียงยาวแล้วฟุบหน้าลงแทบเท้าของผมพร้อมกับเสียงหายใจหอบและร่างขาวงามที่สั่นระริกจนตัวโยน ผมลูบไล้สะโพกขาวเนียนที่ลอยโด่งก่อนจะดึงตัวพี่ไหมเอนหลังลงมานอนทาบทับ
   "หายเหงายังครับพี่?" ผมพรมจูบที่พวงแก้มพร้อมส่ายเอวบดลำแท่งและสองมือที่เคล้นคลึง
   "โอย...พี่ใจจะขาด" พี่ไหมตีมือเบาๆ ที่บั้นเอวผม
   "พี่ทำเองนะนั่น เดี๋ยวต่อไปนี้ตาผมมั่ง"
   ผมพลิกร่างขาวอวบลงนอนหมอบราบแล้วขึ้นนั่งคร่อมบนร่างงาม ผมบดเอวใส่ก้นผายที่นุ่มหยุ่นสองมือก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง พี่ไหมครางอูยๆ เมื่อเอวผมเร่งเร็วขึ้น แก้มก้นนุ่มๆ รองรับการกระแทกของผมได้ดีแลดูเป็นลอนคลื่นยามที่ผมกระแทกใส่
   ผมพลิกร่างอวบนอนตะแคงขวาดันเข่าซ้ายพี่ไหมชิดหน้าอกส่วนผมนั่งยองๆ แล้วก็กระหน่ำท่อนเนื้อเข้าออกรูเสียวชนิดที่ลืมตาย พี่ไหมร้องครางลั่นห้องเมื่อผมสาวเอวใส่ก้นเธอแรงๆ ขณะที่ผมก็ส่งเสียงครางเสียวไปพร้อมกับเหงือที่ซึมออกมาตามร่างกายแข่งกับเครื่องปรับอากาศ
   "โอย...ไม่ไหวแล้ว เสียวเหลือเกิน อูย...ซี๊ด..."
   "พะ พร้อมกันเลยนะพี่ อา..."
   ผมพลิกร่างขาวงามนอนหงายพร้อมกระแทกเอวอย่างต่อเนื่อง ร่างงามสะท้อนตามแรงกระแทกจนอกอวบสั่นไหว พี่ไหมเอื้อมสองมือไปเกาะกุมพร้อมร้องครางอย่างสุดเสียว ผมเอื้อมสองมือไปแย่งจับแล้วกระแทกเอวระรัว
   "อ๊า...พะ พี่ โอ๊ว...แตกๆๆๆๆ"
   พี่ไหมจิกเล็บทั้งสองมือลงที่สองแขนของผมแล้วร้องครางอย่างสุขสม ผมเองก็สุดจะกลั้นต่อไปเมื่อภายในโพรงลึกบีบกระชับ แค่กระแทกแรงๆ อีกไม่กี่ทีผมก็เกร็งร่างสองมือบีบสองเต้าเขม็งพร้อมบดเอวกับหนอกแนบแน่นแล้วก็ทะถั่งสายน้ำที่อดกลั้นไว้มานานกระฉูดเข้าร่องลึกที่ชายทั้งโลกต้องการ
   ผมฟุบหน้าลงที่ยอดอกอวบหายใจหอบแข่งกับพี่ไหม สักพักก็พลิกร่างขาวอวบขึ้นข้างบนทาบทับตัวผม พี่ไหมซุกหน้าลงที่ไหล่หายใจสะอื้นหอบก่อนจะพรมจูบที่แก้มและเคราของผมเบาๆ
   "หายเหงายัง?" ผมยิ้มแล้วเอ่ยเบาๆ
   พี่ไหมไม่ตอบอะไรแต่ทุบมือลงเข้าที่อกผมดังตุบ ผมกอดรัดร่างอวบก่อนจะพลิกเธอลงนอนหงายแล้วซุกหน้าลงที่อกอวบใหญ่เพื่อปลุกเร้าอารมณ์เธออีกครั้ง

จบ "ฟาร์มฮัก" ตอนที่ 5 "พี่ไหม ม่ายเสน่ห์"
   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น