วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ด้วยรักและผูกพันธ์ ตอนคุณแม่พาเที่ยว ep.14

 

 
 

"วันนี้แม่นงค์..ว่างหรือเปล่า.." ผมรวบช้อนเข้าหากันเพื่อแสดงว่าทานข้าวอิ่มแล้ว ก็เงยหน้าร้องถามแม่นงค์ เม่นงค์มองกลับมาเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

"ว่างจ๊ะ..วันหยุดนี้ แม่ไม่ได้นัดพบลูกค้า...ทำประกัน..ลูกรามถามทำไมจ๊ะ" แม่นงค์ตอบยิ้มๆ ด้วยสีหน้าปราณี แล้วย้อนถามกลับ

"เอ้อ..ผมอยากให้แม่นงค์พาเที่ยวนะครับ..ถ้า..แม่ว่าง" ผมตอบอ้อนๆ ด้วยความเกรงใจที่ไปรบกวนเวลาพักผ่อนของแม่นงค์

"ได้สิจ๊ะ..งั้นรามเก็บถ้วยจานไปวางที่ซิ้งก่อน..เดี๋ยวแม่ล่างเสร็จแล้ว..เราค่อยไปกัน..ว่าแต่รามอยากให้แม่พาไปไหนจ๊ะ..." แม่ย้อนถามกลับ ผมก็อ้ำอึ้งพูดไม่ออก รู้แต่ว่าอยากให้แม่นงค์พาไปเที่ยว เพราะนานนักหนาแล้วที่แม่นงค์ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาพาผมไปไหน แต่พอแม่นงค์ถามผมก็นึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี

"ไปเดินห้าง แล้วดูหนัง ก่อนจะหาข้าวเย็นในห้างทานกันดีมั๊ยลูก..." แม่นงค์เห็นผมอ้ำอึ้ง เลยเสนอโปรแกรมเที่ยวขึ้นมาเอง

"วันหยุด..ห้างคนเยอะนี่ครับแม่..รามไม่ชอบคนเยอะๆเลย.." แม่นงค์ได้ยินคำตอบจากผม คงแปลกใจจึงเลิกคิ้วมองจ้องเหมือนจะเอ่ยปากถามว่าทำไมผมจึงไม่อยากเที่ยวห้างดูหนังกับแม่

"พาผมไปเที่ยวสวนลุมได้มั๊ยครับ..เมื่อวานเดินผ่าน รู้สึกร่มรื่นดี..นะครับแม่..." ที่สุดผมก็นึกออก เพราะเมื่อวานเพิ่งเดินผ่านรั้วรอบของสวนลุมพินี เพื่อไปส่งดุจเดือนที่บ้าน

"ก็ได้จ๊ะ..รอแม่ทำความสะอาดถ้วยจานพวกนั้นก่อนนะจ๊ะ..." แม่นงค์ตอบรับพร้อมขยับตัวลุกเดินไปที่หน้าซิ้งล้างจาน ผมมองตามก้นอวบผายของแม่ที่ยืนประจำที่เรียบร้อยแล้ว มือสองข้างกำลังทำงานอย่างขมักเขม้น

"แม่ครับ..ให้รามล้างจานเองดีกว่า..แม่นงค์ไปแต่งตัวสวยๆนะครับ.." ผมเดินไปหยุดที่เบื้องหลังแม่นงค์ แล้วร้องบอก แต่แม่นงค์ก็ยังเฉย มือสองข้างยังคงล้างจานอยู่ต่อไป จนผมต้องเข้าไปแย่งจานชามที่แม่นงค์กำลังลงน้ำยาล้างจานจนเป็นฟองลื่นๆ เพื่อมาทำเสียเอง

"อย่าเลยลูก..เดี๋ยวทำจานชามแม่ตกแตก.." แม่นงค์ให้เหตุผล พร้อมแย่งจานชามออกไปจากมือผม

ผมเลยต้องถอยออกมายืนมองแม่ทางเบื้องหลังตามเดิม ก้นอวบผายของแม่นงค์ส่ายเล็กน้อยในขณะที่กำลังล้างจานชามทำให้ผมมองเพลิน พร้อมขยับตัวสืบเท้าก้าวไปอีกครึ่งก้าว ตัวของผมก็แนบกับเบื้องหลังของแม่นงค์จนสนิท

"รามขึ้นไปแต่งตัวสิจ๊ะ..เดี๋ยวแม่ก็เสร็จ..." แม่นงค์พูดโดยไม่ได้หันหน้ากลับมามองผม แม้กระทั่งผมเบียดกลางลำตัวเข้าไปจนชิดติดก้นแม่นงค์แล้ว

"ก้นแม่สวยจังครับ..." ผมไม่รีบขึ้นไปแต่งตัวตามที่แม่บอก แต่กลับกล่าวชมก้นอวบงอนผายกว้างของแม่เสียแทน

"อื้อ...อย่าซนสิจ๊ะ.." แม่นงค์พูดออกมาเบาๆเมื่อผมเบียดก้นแม่แน่นขึ้น จนแม่เอนตัวประทะกับขอบอ่างล้างจานแล้วร้องอุ๊ยเมื่อแม่นงค์คงรู้สึกแล้วว่าก้นของแม่ที่โดนเบียดนั้น มีท่อนลำน่วมๆของผมซุกอยู่ตรงกลางร่องก้นพอดิบพอดี

"อื้ออ..ลูก..อย่าซนสิจ๊ะ...เบียดแม่แบบนี้..ดะ.เดี๋ยวแม่ก็ล้างจานไม่เสร็จเสียที..." แม่นงค์เอี้ยวหน้าหันมาดุใส่ผมตาวาวๆ เมื่อเห็นว่านอกจากผมจะบดเบียดท่อนลำใส่ร่องก้นแม่แล้ว ผมยังสอดมืออ้อมไปโอบที่อกอวบหยุนอีกด้วย

"ก้นแม่นงค์สวยนี่ครับ.." ผมยังคงบดเบียดท่อนลำใส่ มือไม้ก็ป้วนเปี้ยนอยู่ที่ด้านหน้า แม้โดนแม่นงค์จับมือผมปลดออกจากอกอวบ
หยุน ผมก็เลื่อมือลงมาที่ท้องน้อย พอโดนแม่จับออกจากท้องน้อย คราวนี้ผมแยกมือสองข้างออกจากกัน มือซ้ายขึ้นไปจับอกอวบหยุ่นของแม่นงค์บีบเล่นอีกครั้ง ส่วนมือขวาล้วงต่ำลงมาจนสัมผัสเนินเนื้ออูมๆของจิมิ๊แม่นงค์ทันที จนแม่นงค์สะดุ้ง โก่งก้นมาเบื้องหลังก็ประทะกับท่อนลำของผมที่ตอนนี้มันแข็งโด่เต็มที่แล้ว

"รามจ๊ะ..ลืมสัญญาของแม่แล้วหรือว่า..อย่าหมกมุ่นเรื่องนี้..." แม่นงค์วางมือที่กำลังล้างจานอยู่ แล้วหันกลับมายืนเผชิญหน้ากับผม แล้วทำสีหน้าเคร่งขรึมดุอย่างจริงจัง จนใจผมฝ่อ หน้าเสีย รีบขยับตัวถอยออกมาครึ่งก้าว แล้วก้มหน้าสำนึกผิด

"เซ็กส์จัดเหมือนพ่อไม่ผิดเลย...." พอแม่นงค์เห็นท่าทางสำนึกผิดของผม แม่ก็อ่อนเสียงลงพูดเหมือนรำพึงกับตัวเองเบาๆ

"แม่ไม่ชอบพ่อหรือครับ..." ผมพูดทั้งๆที่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา

"เอ้อ....ชอบสิจ๊ะ..ถ้าพ่อเซ็กส์จัดกับแม่คนเดียว..นี่เล่นเซ็กส์จัดไปทั่ว ไม่ว่าลูกเขาเมียใคร...เห้อ..จนแม่ทนไม่ไหว ต้องพาลูกหนีมาอยู่กันสองคน.." แม่นงค์เริ่มเผลอตัวพูดเรื่องที่ผมไม่เคยทราบมาก่อน

"ทำไมแม่ไม่เอาพี่ลักษณ์มาด้วยล่ะครับ..." ผมถามด้วยความอยากรู้ เพราะบางครั้งที่สุขสบายกับชีวิตในกรุงเทพกับแม่ ผมมักนึกไปถึงพี่ลักษณเสมอๆ อยากให้แม่นงค์พาพี่มาอยู่ด้วย

"เอ้อ...ตอนแรกที่แม่พารามมาสองคน แม่ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเอาตัวรอด ใช้ชีวิตยังไง..ขืนเอาพี่ลักษณ์มาด้วย..แม่คงลำบากมากวว่านี้จ๊ะ..." ก็จริงที่แม่นงค์พูด เพราะจำได้ว่าก่อนที่เราจะมีบ้านสวยๆอยู่แบบนี้ แม่งนงค์ต้องเช่าบ้านหลังเล็กๆอยู่ก่อนด้วยซ้ำไป

"แต่ตอนนี้..เรามีบ้านสวยๆอยู่แล้วนี่ครับแม่..ไปพาพี่ลักษณ์มาอยู่ด้วยกันเหอะ..." ผมพูดและคิดไปตามประสาเด็ก คิดว่าครอบครัวเราสุขสบายแล้ว แม่น่าจะพาพี่ลักษณ์มาอยู่ด้วย แต่พอแม่นงค์ฟังจบ แม่ก็ถอนหายใจพรืด ก่อนพูดเสียงสั่นเครือด้วยความเสียใจออกมา

"แม่เคยแอบไปหาพี่เค้าแล้วลูก..แต่พี่ลักษณ์ของลูกไม่ยอมมากับแม่..." เสียงแม่นงค์สั่นเครือ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าแม่นงค์กำลังร้องไห้ จนน้ำตาไหลลงมาตามร่องแก้มด้วยความเศร้าเสียใจ จนผมไม่กล้าซักถามอีกว่าเป็นเพราะเหตุใดที่พี่ลักษณ์ไม่ยอมมา
รีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้แม่นงค์อย่างรีบร้อน พร้อมกอดรัดซบหน้าลงไปที่อกอวบหยุ่นของแม่นงค์อีกครั้ง

"โอ๋ๆๆๆ..อย่าร้องไห้ครับแม่..รามไม่ถามเรื่องพ่อกับพี่ลักษณ์อีกแล้ว..." ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ ที่ทำให้แม่นงค์เสียใจจนร้องไห้ และผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พูดถึงมันอีก จนนานวันเข้า ผมก็แทบลืมไปเลยว่ายังมีพี่สาวอยู่อีกคนหนึ่ง

"ไปแต่งตัวเถอะลูก..จะได้ออกไปเที่ยวกัน.." สักครู่แม่นงค์ก็หันกลับไปจัดการกับงานที่เหลือจนเรียบร้อย จึงหันกลับมาบอกผม ผมจึงเดินกลับขึ้นไปชั้นบที่ห้องนอนและห้องแต่งตัวของตนเอง ทั้งอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่จนเรียบร้อยจึงเดินออกจากห้อง ผ่านห้องแม่นงค์ที่ประตูไม่ปิดสนิท ผมจึงเปิดแง้มออก พร้อมชธงกหัวเข้าไปดู เห็นแม่นงค์กำลังแต่งหน้าทาปากอยู่พอดี แม่นงค์ไม่ได้หันมามอง แต่คงเห็นเงาสะท้อนตัวผมจากกระจกเงาหน้าโต๊ะเครื่องแป้งจึงร้องบอกให้ผมเข้าไปหา

"เข้ามาก่อนสิจ๊ะ..ลูกแม่...รอแม่อีกแป๊บเดียวค่ะ..." ผมเดินไปชะโงกหน้าดูแม่ที่คงแต่งหน้าแต่งตาเรียบร้อยแล้ว ก็พบว่าแม่นงค์ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยสง่าเป็นที่สุด จนอดยิ้มด้วยความภาคภูมิออกมาไม่ได้

"แม่นงค์ของรามสวยจังเลยครับ.." ผมกล่าวชื่นชมแม่ตัวเองออกมาด้วยความรุ้สึกเยี่ยงนั้นจริงๆ

"ไม่ต้องมาปากหวานหรอกจ๊ะ..แค่นี้แม่ก็ปลื้มจนตัวลอยแล้ว....อิอิ" แม่นงค์ตอบมาอายๆ แล้วดึงหัวผมเข้าไปกอดรัดด้วยความรัก พร้อมหัวเราะเสียงสดใสร่าเริง จนผมคาดคิดว่าแม่คงลืมความเศร้าหมองเมื่อครู่ไปหมดแล้ว

ผมเดินผละไปนั่งรอแม่นงค์เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่หลังจากที่แต่งหน้าทาปากเรียบร้อยแล้ว แม่นงค์หยิบกางเกงยีส์รัดรูปขึ้นมาสวมใส่ พร้อมเสื้อลายสวยหวานๆ ทำให้กระชากวัยจนมองดุแล้วไม่เหมือนผู้เป็นแม่คนเลยแม้สักนิด ถ้าผมบอกว่าแม่นงค์เป็นพี่สาว รับรองว่าต้องไม่มีใครสงสัยเป็นแน่

หลังจากที่แม่นงค์แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสองคนแม่ลูกก็เดินควงแขนเหมือนคู่รักกันลงมาจากห้อง แล้วพากันขึ้นไปรถ ที่แม่นงค์ขับบ่ายหน้าไปยังจุดหมายปลายทางคือสวนลุมพินี  พอไปถึงแม่นงค์จอดรถไว้ข้างถนนที่ผมเดินผ่านเมื่อวาน แล้วข้ามฟากไปยังประตูด้านข้างใกล้ๆร้านอาหารภายในสวนลุมพินี

"อยากทานไอศรีมก่อนมั๊ยลูก..." แม่นงค์ร้องถามผม เมื่อเราสองคนเนผ่านร้านอาหารดังกล่าว แต่เห้นมีเค้าเตอร์ขายไอศรีมอยู่ชิดติดร้าน แม่นงค์จึงถามความเห็นจากผม

"ก็ได้ครับ...ตามใจแม่" ผมตอบสั้นๆ แม่นงค์ก็จูงมือผมเข้าไปหาที่นั่งทันที

เราสองคนสั่งไอศรีมบาบาน่าสปริทกันมาเพียงถ้วยใหญ่ๆถ้วยเดียวแล้วแบ่งกันทาน อย่างเอร็ดอร่อย สองตาผมไม่ได้มองออกไปนอกร้านเลยแม้แต่นิด เพราะมัวแต่จับจ้องมองปากรูปกระจับเต็มอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสิคสีแดงของแม่นงค์อย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งมีเสียงเล็กๆหวานๆ ขัดขึ้นมากลางคัน

"คุณน้ารับพวงมาลัยดอกไม้มั๊ยคะ.." เสียงช่างคุ้นหูผม จนต้องละสายตาจากปากรูปกระจับของแม่นงค์ หันไปมองยังต้นเสียง แล้วอันดับแรกในความรุ้สึกของผมคือตกใจ ก่อนจะตามมาด้วยความดีใจ ที่บังเอิญเจ้าของเสียงเล็กๆหวานๆผู้นั้น คือเด็กสาววัยคราวเดียวกับผม และที่สำคัญเธอคือคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี ใช่แล้วดุจเดือนนั่นเองแหละ ที่เป็นเด็กสาวที่เข้ามาร้องขายพวงมาลัยดอกไม้ให้
แม่นงค์




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น