'ยา' ที่ผมพูดถึงเมื่อช่วงท้ายของตอนที่แล้ว หลายๆ คนคงพอจะรู้กันดีว่ามันคือยาอะไร แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่เก็ต ผมจะขออธิบายง่ายๆ ว่ามันก็คือ 'ยาปลุกเซ็กส์' ที่เราเคยได้ยินกันมานั่นแหละ ลักษณะของมันจะเป็นเกล็ดใสๆ ดูคล้ายกับผงชูรส แต่มีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย เนื้อละเอียดกว่า ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีรส เมื่อผสมเข้ากับของเหลวก็จะละลายกลายเป็นน้ำทันที ซึ่งเมื่อก่อนนั้น... ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าไอ้ยาพวกนี้มันจะมีอยู่จริง จนกระทั่งไอ้แมนมันไปได้เจ้ายาตัวนี้มาจากพี่อ๊อดรุ่นพี่ของมันนั่นแหละ ก็เลยรีบเอามาอวดอ้างสรรพคุณให้ผมฟังอีกทีหนึ่ง
“ควาย... กูว่ามึงโดนพี่อ๊อดหลอกแดกตังค์แล้วล่ะ ป่านนี้แม่งเอาไปตีกะหรี่สบายใจเฉิบแล้วมั้งเนี่ย” ผมเปิดหัวด่ามันไปในตอนนั้น
“สัด! พี่เค้าไม่ได้ขายโว้ย นี่เค้าให้กูเอามาลองใช้ก่อนฟรีๆ นิดๆ หน่อยๆ ถ้าเกิดถูกใจแล้วค่อยกลับไปซื้อกับเค้าอีกที แล้วแบบนี้เค้าจะหลอกกูได้ไงวะ มึงแม่งก็คิดแง่ลบตลอด” ไอ้แมนทำเสียงบ่นๆ ไม่พอใจ
“ตามใจมึงดิ อยากเสี่ยงก็ลองดู เอาไปลองกับน้องฟ้าที่มึงจีบดูดิ เห็นว่าเล่นตัวนักหนาไม่ใช่รึไง ”
“กูก็จะเอาไปลองอยู่นี่ไง ไอ้ห่า ถ้าเกิดได้ผลขึ้นมา มึงอย่ามาร้องขอยืมจากกูก็แล้วกัน” มันพูดงอนๆ
“กูจะได้ร้องว่า สมน้ำหน้า อ่ะดิ” ก็แหม น้องฟ้าที่ว่าน่ะ เป็นทั้งคุณหนูไฮโซบ้านรวย ขับรถ BMW คันโตตั้งแต่เรียนปี 1 แถมยังมีข่าวว่ากำลังคั่วๆ อยู่กับนายแบบหนุ่มลูกครึ่งหน้าหล่อพ่อรวยซะด้วย แล้วแบบนี้คิดเหรอครับว่าน้องเค้าจะมายอมเล่นกับไอ้แมน ไม่มีทางซะล่ะ...
แต่แม่งมีทางจริงๆ ด้วยครับท่าน! ผ่านไปยังไม่ทันถึงสองอาทิตย์ ไอ้แมนก็รีบแจ้นเอาคลิปเสียวระหว่างมันกับน้องฟ้ามาให้ผมดูแบบเต็มสองตา แถมตอนที่มันกดอัดวิดีโอจากกล้องมือถืออยู่นั้น น้องฟ้าเองก็ดูจะไม่มีท่าทีต่อต้านขัดขืน หรือแสดงอาการเขินอายใดๆ ทั้งสิ้น กลับก้มหน้าก้มตาโม้กควยให้ไอ้แมนอย่างหื่นกระหาย จนมันถึงขั้นน้ำแตกคาปาก น้ำเงี่ยนไหลเยิ้มออกมาเป็นสาย พอเห็นแบบนี้แล้วผมก็เลยต้องยอมกลืนน้ำลาย ยกนิ้วซูฮกให้กับยาของมันไปแบบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
ที่ผ่านมาผมก็เคยลองใช้ยาตัวนี้กับสาวๆ ที่เคยคั่วอยู่บ้าง ครั้งสองครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่ลองใช้ก็เห็นผลดีทุกราย เล่นเอาสาวๆ เยิ้มแล้วเยิ้มอีก ปล่อยตัวปล่อยใจให้ผมเสพสมตามใจชอบ ทุกท่า ทุกทาง และทุกรู.... แต่ผมเองก็ไม่ได้นึกติดใจอะไรมากมายหรอกนะครับ เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่ค่อยจะมีปัญหาในการตะล่อมจีบหญิงซักเท่าไหร่ เรียกว่าแทบจะปิดเกมได้ทุกคนที่ตัวเองตั้งใจจีบเลยก็ว่าได้ จะมีก็แต่คุณหมอแจนคนสวยคนนี้แหละครับ ที่ไม่ยอมใจอ่อนเปิดช่องให้ผมได้รุกเข้าไปซักที ไม่เป็นไรครับ... ในเมื่อเธอไม่ยอมเปิด เดี๋ยวผมหารูมุดเข้าไปเองก็ได้ ตอบแทนที่เธอเคยให้ยารักษาผมมาหลายชนิดจนอาการป่วยมันหายขาด คราวนี้ผมขอคืนให้เธอบ้าง แค่เม็ดเดียวก็พอ....
ผมตั้งตารอวันที่จะได้เผด็จศึกหมอแจนอย่างใจจดใจจ่อ พอถึงตอนเลิกงานวันศุกร์ ก็รีบเก็บกระเป๋า ตรวจทานอุปกรณ์เสริมหลักสูตรที่เตรียมมาจากที่ห้อง ทั้งถุงยาง.. ยาปลุก.. ไข่สั่น... และสเปรย์เพิ่มความอึด ให้แน่ใจว่าไม่ได้ลืมอะไรทิ้งไว้ เสร็จแล้วก็รีบบึ่งรถไปรับหมอแจนที่โรงพยาบาลทันที ผมมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย พอจอดรถอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เลยแชทไปหาเธอ
“คุณแจนครับ ผมมาถึงหน้าโรงบาลแล้วนะครับ รออยู่ที่ลานจอดรถประตู 2” ผมส่งข้อความไปทักทาย ไม่นานเธอก็ตอบกลับมา
“ได้ค่ะ เดี๋ยวรอแป๊บนะคะ แจนใกล้จะเลิกแล้ว ขอ 10 นาที” ผมอ่านแล้วก็โอเค นั่งเล่นเกมมือถือรอฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ หมอแจนก็ส่งข้อความมาอีก
“แจนลงมาหน้าอาคารแล้วค่ะ รถคุณโจ้คันไหนเหรอ” ผมเลยเปิดประตูรถออกไปยืนรอเธอ ซักพักก็เห็นร่างเพรียวบางหุ่นกระทัดรัดของคุณหมอ เดินก้าวฉับๆ ออกมาจากบริเวณทางเดิน ก่อนจะตรงเข้ามาที่รถ
“สวัสดีค่ะคุณโจ้ ขอโทษนะที่ให้รอนิดนึง” เธอยิ้มแหะๆ เขินๆ หมอแจนวันนี้อยู่ในชุดเดรสกระโปรงบานคลุมเข่าสีฟ้าอ่อน ตกแต่งลวดลายด้วยกลีบดอกไม้หลากสีสัน มีสายคาดรัดที่ช่วงเอว เนื้อผ้าบริเวณไหล่ทำเป็นระบายฟูฟ่อง ดูน่ารักแบบหวานๆ ผมยาวลอนของเธอถูกมัดรวบตึงไว้ด้านหลัง
“ไม่นานหรอกครับ นี่ผมก็พึ่งมาถึงเมื่อ 10 นาทีที่แล้วนี่เอง คุณแจนหิวรึยังครับ ไปกันเลยมั้ย?” ผมเปิดประเด็นพาไปที่ร้านทันที
“นิดหน่อยค่ะ ไปกันเลยก็ได้ แจนว่าคุณโจ้ต่างหากที่รอแจนจนท้องร้องแล้วเนี่ย” พอขึ้นรถแล้วผมก็พาเธอมุ่งหน้าไปทางเส้นสุขุมวิททันที ช่วงวันศุกร์ตอนเย็นๆ แบบนี้ ก็ติดกันแทบทุกเส้นทุกสายล่ะครับ ใช้เวลาเกือบๆ ชั่วโมงกว่า เราก็มาถึงที่ร้านจนได้
ผมเดินไปแจ้งชื่อกับพนักงานสาวในชุดเมดที่ยืนอยู่หน้าร้าน เธอโบกไม้โบกมือเรียกบริกรชายให้มาพาเราไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด ซึ่งค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควร ผมสั่งพวกอาหารพื้นๆ สำหรับการเดทอย่างพวกสปาเก็ตตี้ครีมซอสไข่กุ้ง, ซีซาร์สลัด และของทอดนิดๆ หน่อย เพราะคิดว่าถ้าเกิดไปสั่งอาหารรสจัดเข้า เวลาทานคงได้ร้องซี้ดซ้าดกันน้ำหูน้ำตาไหล หรืออย่างแย่สุดๆ ก็อาจมีใครคนใดคนหนึ่งปวดท้องร้องหาห้องน้ำขึ้นมาก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นคงหมดความโรแมนติกไปอักโขเลยล่ะครับ แต่ที่ไหนได้ คุณหมอแจนดันเป็นฝ่ายสั่งฉู่ฉี่ปลาแซลมอน กับยำผักหวานกุ้งสดมาทานเองซะอย่างงั้น
“พอดีแจนชอบทานพวกยำรสจัดๆ น่ะค่ะ คุณโจ้ทานได้ใช่มั้ยคะ?”
“อ๋อได้ครับ ไม่มีปัญหาเลย” ผมตอบเธอไปยิ้มๆ ไม่นานบริกรก็ยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ผมสั่งเบียร์ไฮเนเก้นมาขวดหนึ่ง ขณะที่หมอแจนสั่งค็อกเทลผลไม้สีสันสดใสมาดื่ม เธอใช้หลอดดูดเข้าไปจ๊วบใหญ่พลางทำหน้าสดชื่นถูกใจ
“ปกติแล้วคุณแจนดื่มบ่อยรึเปล่าครับ?” ผมยิงคำถามเปิดการสนทนา
“ก็ไม่ค่อยบ่อยหรอกค่ะ แจนดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เวลาไปนั่งกับเพื่อนๆ ก็เลยดื่มแค่แก้วสองแก้วนั่นแหละ ไม่กล้าทานมาก กลัวเมาแล้วจะเป็นภาระคนอื่นเค้า” เธอพูดแล้วก็หัวเราะร่วน
“แหม ถ้าคุณแจนอยากดื่มก็ไม่ต้องกังวลนะครับ ถ้าเมาแล้วเดี๋ยวผมคอยดูแลให้เอง ไม่เป็นภาระแน่นอน”
“หวายย ไม่เอาหรอกค่ะ เกรงใจคุณโจ้แย่เลย เดี๋ยวภาพลักษ์ดีๆ ของแจนในสายตาคุณโจ้จะมาเสียเอาก็วันนี้แหละ” ผมฟังแล้วก็ร่วมขำไปกับเธอ
ไม่นานอาหารชุดใหญ่ก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ เราสองคนนั่งดื่มนั่งทานกันอยู่พักใหญ่ๆ แต่ผมก็ยังหาโอกาสแอบผสมยาลงในเครื่องดื่มเธอไม่ได้ซักที แถมค็อกเทลของเธอตอนนี้ก็แทบจะหมดแก้วอยู่แล้ว เผลอๆ เธอจะไม่ดื่มต่อแล้วมั้งเนี่ย ผมนั่งคิดอยู่ในหัวเงียบๆ ว่าจะเอายังไงดี คิดยังไงก็คิดไม่ออก จนแล้วจนรอดก็เลยได้แค่ชวนเธอพูดคุยฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง
“แล้วคุณแจนออกมาทานข้าวกับผมแบบนี้ แฟนไม่หึงแย่เหรอครับ?” ผมถามเปิดประเด็นเพื่อซื้อเวลาให้ตัวเอง พยายามเลียบๆ เคียงๆ ถึงสถานะความสัมพันธ์ของเธอไปด้วยอีกทางหนึ่ง
“พูดตรงๆ นะคะ จริงๆ ที่มาวันนี้ แจนก็ไม่ได้บอกเค้าหรอก... ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ... เราสองคนก็ไม่ได้คุยกันมาเกือบๆ อาทิตย์นึงแล้ว” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยสบายใจที่จะพูดถึงเท่าไหร่ แล้วก็เงียบไปพักใหญ่ๆ... ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะดันไปถามจี้ใจดำเธอซะได้
“ผู้ชายเนี่ย... เจ้าชู้เหมือนกันทุกคนมั้ยคะ?” จู่ๆ เธอก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมา เล่นเอาผมเกือบตั้งหลักไม่ทัน
“ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ล่ะครับ?” ผมถามย้อนเธอกลับไปเพราะไม่แน่ใจว่าเธอหมายถึงผมรึว่าแฟนเธอกันแน่
“คือ... แจนพึ่งทะเลาะกับแฟนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เองค่ะ เพราะว่าพี่ต่อแฟนแจนน่ะ เค้าแอบไปกิ๊กกับรุ่นน้องที่บริษัท” หมอแจนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ สายตาเธอดูเจ็บปวดไม่น้อย หลังจากที่พึ่งจะถูกแฟนตัวเองนอกใจมาหมาดๆ
“เพราะแบบนี้คุณแจนก็เลยยอมมาทานมื้อเย็นกับผมสินะครับ...?” ผมเอ่ยถาม ขณะที่เธอนั่งก้มหน้ามองโต๊ะเงียบๆ
“คุณโจ้โกรธแจนรึเปล่า? แจนไม่อยากให้คุณโจ้เข้าใจผิด คิดว่าที่แจนมาด้วยคืนนี้เพียงเพราะว่าอยากจะเอาคืนแฟนนะคะ.... แจนเห็นว่าคุณโจ้เองก็มีน้ำใจเคยชวนมาดินเนอร์กันหลายครั้งแล้ว แต่แจนก็ปฏิเสธมาตลอด ก็เลย... ”
“ก็เลยทำให้ผมกลายเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในคืนนี้... ที่ได้มาทานอาหารอร่อยๆ กับผู้หญิงน่ารักๆ อย่างคุณแจนไงครับ” ผมตอบเธอแล้วยิ้มกว้าง หมอแจนได้ยินแบบนี้ก็พอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง และเริ่มที่จะพูดคุยเล่นกันได้สนิทใจมากกว่าเดิม ซึ่งการที่เธอกำลังอึนๆ กับแฟนอยู่แบบนี้ ก็ยิ่งเข้าทางและทำให้ผมหาโอกาสจัดการเธอได้ง่ายดายกว่าเดิมซะอีก
“แต่ยังไงแจนก็คงให้คุณโจ้ได้แค่ความเป็นเพื่อนแบบนี้นะคะ คงไม่สามารถเกินเลยไปมากกว่านี้แล้ว เพราะแจนก็ไม่อยากทำผิดซ้ำรอยแบบเดียวกับพี่ต่อ แล้วก็ไม่อยากทำผิดซ้ำสองเพราะไปทำร้ายความรู้สึกของคุณโจ้ด้วย... คุณโจ้พอจะเข้าใจใช่มั้ยคะ?” เธอออกตัวล่วงหน้าทันที คงอยากจะเตือนไม่ให้ผมเผลอตั้งความหวังไว้มากเกินไป ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มๆ ตอบเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ คุณแจนไม่ต้องคิดมากนะ” ผมพูดแล้วก็ยื่นมือออกไปแตะๆ ที่หลังมือเธอเบาๆ เหมือนปลอบใจ แล้วก็รีบถอนมือกลับ เพราะไม่อยากให้ดูเป็นการละลาบละล้วงเกินไป
“คุณแจนเนี่ย นอกจากจะทั้งสวยทั้งเก่งแล้ว ยังเป็นแฟนที่ใจดีอีกนะครับ... ผมล่ะอิจฉาแฟนคุณแจนสุดๆ ไปเลย” ผมกล่าวชมเธอด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“แหม ก็ไม่แน่หรอกค่ะ... ถ้าเกิดว่าเจอแฟนเจ้าชู้มากๆ บางทีแจนอาจจะต้องกลายร่างเป็นนางยักษ์โดยไม่รู้ตัวก็ได้ ยิ่งพวกเจ้าชู้ปากหวานอย่างคุณโจ้เนี่ย ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ... อย่าไปพลาดมีแฟนเป็นหมอผู้หญิงเด็ดขาดเลยนะคะ”
“ทำไมล่ะครับ?” ผมถามเสียงใส
“ก็เพราะว่าเวลาพวกหมอเค้าหึงโหดขึ้นมาเนี่ย... วิธีทำลายหลักฐานมันมีเยอะแยะจนนับไม่ถ้วนเลยน่ะสิคะ” เธอตอบยิ้มๆ กลับมาอย่างท้าทาย ฤทธิ์แอลกอฮอล์คงจะทำให้เธอกล้าพูดกล้าแสดงออกมากขึ้น... ยิ่งคุยผมก็ยิ่งรู้สึกถูกใจหมอแจนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเก่งครบเครื่องไปหมด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ฉลาด มั่นใจ และไม่กลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ ในชีวิต (แหม ทำไมไม่ยอมลงกิ๊กกับผมดูซักทีน้า...?)
ยิ่งเมื่อเธอเผยความลับให้ผมฟังว่าจริงๆ แล้วคุณหมอสวยๆ อย่างเธอน่ะ ไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรหรอกครับ เวลาอยู่กับกลุ่มแก๊งเพื่อนสนิท เธอก็มักจะชอบทำอะไรบ้าๆ บอๆ แถมยังติดนิสัยชอบสบถคำหยาบคายออกมาโดยไม่รู้ตัว จนมักจะโดนเพื่อนๆ แซวอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นหมอภาษาอะไร... พูดจาอย่างกับแม่ค้าปากตลาด และที่แสบที่สุดก็คือ... เธอยังชอบปล่อยมุกประชดประชันแบบเผ็ดร้อน จนคนที่โดนเข้าต้องรู้สึกแสบๆ คันๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับใบหน้าสวยหวานของเธอเลย พอเห็นแบบนี้แล้วผมก็ยิ่งอยากลองลิ้มชิมรสเสียวของเธอเข้าไปอีก
แม้ว่าบรรยากาศระหว่างเราสองคนในตอนนี้จะดูเหมือนเป็นใจ และน่าจะทำให้อะไรหลายๆ อย่าง เดินหน้าต่อได้ไม่ยาก... แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ก็พอจะทำให้ประเมินสถานการณ์ออกว่าคุณหมอแจนเอง คงไม่ยอมเปิดทางให้ผมได้รุกเข้าไปมากกว่านี้อยู่ดี... ทั้งด้วยภาษากายที่แสดงออกมา ซึ่งดูจะคอยปฏิเสธผมอยู่ลึกๆ รวมไปถึงคำพูดและแววตาเวลาเอ่ยถึงชื่อพี่ต่อ ซึ่งบ่งบอกได้ถึงความรู้สึกผูกพันธ์อันหนักแน่น ที่เธอมีให้กับแฟนหนุ่มรุ่นพี่ไม่มีเปลี่ยนแปลง... ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ดูท่าว่าผมคงจะต้องจำใจ ยอมปิดเกมเธอด้วยวิธีสกปรกจริงๆ ซะแล้วสิเนี่ย....
หลังจากผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง หมอแจนก็เอ่ยปากขอตัวไปเข้าห้องน้ำขึ้นมา เปิดโอกาสให้ผมได้เริ่มลงมือตามแผนที่วางเอาไว้เสียที ผมตัดสินใจผสมยาปลุกที่เตรียมเอาไว้ เทใส่ลงไปในแก้วค็อกเทลของตัวเอง ซึ่งสั่งมาเพิ่มตอนหลัง ในเมื่อใส่แก้วเธอไม่ได้ ก็เทมันลงแก้วตัวเองนี่แหละวะ... ผมเทยาลงไปมากกว่าปกตินิดหน่อย น้ำในแก้วยังมีเหลืออยู่เกือบเต็ม ใช้หลอดคนวนไปวนมาจนตัวยาละลายกลายเป็นน้ำมองไม่ออก เสร็จแล้วก็นั่งคอยให้เธอเดินกลับออกมา แล้วก็ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้ พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเธอต่อโดยไม่ยอมแตะต้องเครื่องดื่มของตัวเองเร็วเกินไป พอได้จังหวะเหมาะๆ ผมก็ทำท่ายกแก้วค็อกเทลขึ้นมาดูดไปอึกหนึ่ง
“คุณแจนครับ ถ้ายังไง คุณแจนช่วยผมทานแก้วนี้หน่อยได้มั้ยครับ ผมกลัวว่าดื่มมากๆ เดี๋ยวจะไปเมาตอนขับรถกลับ” ผมพูดออกไปแบบซื่อๆ โดยที่ในมือยังถือหลอดดูดค้างไว้ หมอแจนฟังแล้วก็นิ่งไปครู่นึง ก่อนจะตอบตกลง เธอเอ่ยปากขอหลอดอันใหม่จากน้องบริกร เสียบลงไปที่แก้วแล้วก็ดื่มไปนิดหน่อย เธอคงไม่ทันคิดหรอกครับว่าผมจะกล้าวางยาใส่แก้วที่ตัวเองดื่มไปด้วย เพราะถ้าเกิดมันเป็นยานอนหลับขึ้นมา เผลอๆ ผมนี่แหละที่จะหลับคาโต๊ะไปก่อนเป็นคนแรก... แต่ในเมื่อนี่มันเป็นยาปลุกเซ็กส์ ซึ่งจุดหมายปลายทางของมันก็คือเป้าหมายเดียวกับที่ผมตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าหากว่าผมจะโดนฤทธิ์ยาของตัวเอง ผลลัพธ์ก็คงจะออกมาไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ
เราผลัดกันดื่มค็อกเทลแก้วนี้คนละอึกสองอึกจนหมดแก้ว ผมรู้ดีว่าไอ้ยาตัวนี้น่ะมันออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็ว พอเราจัดการอาหารและเครื่องดื่มบนโต๊ะกันเรียบร้อยแล้ว จึงตัดสินใจเอ่ยปากชวนเธอเช็คบิลกลับทันที ซึ่งเธอก็ตอบตกลงอย่างว่าง่ายอีกครั้ง ผมเดินนำหมอแจนขึ้นรถเพื่อขับไปส่งเธอที่บ้าน ชวนเธอคุยเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางที่รถผ่าน
“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับมื้อค่ำนะคะคุณโจ้ อาหารอร่อยทุกอย่างอย่างที่คุณโจ้ว่าเลย ไว้วันหลังแจนลองพาเพื่อนมาทานที่นี่บ้างดีกว่า รับรองว่าต้องชอบกันทุกคนแน่ๆ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง พวงแก้มเป็นสีแดงระเรื่อนิดๆ
“ไม่มีปัญหาครับ ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอบคุณ ที่คุณแจนอุตส่าห์ยอมมาทานมื้อค่ำกับผมแบบนี้ พูดตรงๆ เลยนะครับว่ามื้อนี้น่ะ อร่อยกว่าครั้งก่อนที่มาทานซะอีก คงเพราะว่ามีเพื่อนร่วมโต๊ะน่ารักๆ แบบคุณแจนนั่นแหละ” ผมกล่าวชมไปตรงๆ จนเธอเขินหน้าแดง
“แหม ปากหวานอีกแล้ว นี่ถ้าเกิดแจนยังโสดอยู่นะ ป่านนี้คงได้หลงคุณโจ้หัวปักหัวปำเลยเนี่ย...” คำตอบของเธอเหมือนหลุดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ อาจจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทำให้เธอกล้าพูดแสดงความรู้สึกลึกๆ ในใจออกมามากขึ้น ผมฟังแล้วก็ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เลยกระเซ้าแหย่เธออีก
“อ้าว ผมพูดจริงๆ นะครับ แฟนคุณแจนเนี่ยโชคดีมากเลยรู้มั้ย ที่ได้ผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งฉลาด แถมยังนิสัยดีอย่างคุณแจนมาเป็นแฟน ถ้าเป็นผมนะครับ ผมไม่ยอมให้คุณแจนมานั่งดินเนอร์กับใครสองต่อสองแบบนี้หรอก”
“แหม... ก็ถ้าพี่ต่อเค้าทำแบบนั้นบ้าง แจนก็คงไม่ได้มานั่งทานมื้อค่ำอร่อยๆ อยู่กับคุณโจ้หรอกค่ะ ฮิฮิ” เธอต่อปากต่อคำกับผมอย่างนึกสนุก เรานั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่ผมพาเธอขับรถอ้อมไปในเส้นทางที่ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งเสียงพูดคุยของเราสองคน ดูจะค่อยๆ เริ่มเว้นช่วงห่าง ก่อนจะกลายเป็นเงียบสนิทลงอย่างน่าประหลาด
เข็มนาฬิกาบนข้อมือชี้บอกเวลาว่าเกือบ 4 ทุ่มครึ่งแล้ว และงานเลี้ยงของเราก็คงถึงเวลาต้องเลิกรากันไป... ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสารเคมีแปลกปลอมบางอย่างซึ่งติดไปกับเครื่องดื่มเมื่อตอนค่ำ จะแอบเข้าไปทำปฏิกิริยาแปลกๆ ในร่างกายของเธอเสียก่อน... ผมแอบชำเลืองด้วยหางตาเพื่อสังเกตอาการของเพื่อนร่วมทาง หมอแจนตอนนี้กำลังนั่งบิดตัวไปมาเหมือนคนไม่สบายตัวอยู่บนเบาะข้างๆ สองขาของเธอหนีบกันแน่น สายตาเหม่อมองออกไปนอกกระจก สูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ เป็นจังหวะ คล้ายกับกำลังพยายามอดกลั้นต่ออะไรบางอย่างอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเป็นสีเดียวกับเนื้อแตงโมหวานฉ่ำ ไม่รู้ว่าผิวกายของเธอในตอนนี้มันจะมีอาการแฉะชื้นเหมือนอย่างเนื้อแตงโมด้วยรึไม่...
“คุณแจนครับ... คุณแจนเป็นอะไรรึเปล่า?” ผมแสร้งถามออกไปด้วยอาการเป็นห่วง ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะร่างกายของผมตอนนี้ก็ดูจะมีอาการไม่ต่างกัน เริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ เนื้อตัวร้อนผ่าวๆ ในหัวคิดแต่เรื่องทะลึ่งตึงตังที่อยากจะทำกับเธอ รู้สึกได้ถึงเส้นเลือดที่สูบฉีดลงไปหล่อเลี้ยงท่อนควย จนมันผงาดแข็งตัวในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เบียดเสียดเป้ากางเกงจนคับแน่นตึงไปหมด
“คะ?” เสียงคุณแจนตอบกลับมาเหมือนคนเหม่อๆ ไม่ได้ตั้งใจฟัง
“คุณแจน... สบายดีนะครับ?” ผมถามทวนซ้ำ เสียงของเราสองคนแหบพร่าพอกัน
“ค่ะ... สบายดีค่ะ” เธอตอบสั้นๆ
“ผมเห็นคุณแจนเงียบๆ ไป... นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”
“คือมัน... ง่วงๆ นิดหน่อย สงสัยจะเมาน่ะค่ะ... อีกเดี๋ยวก็คงดีขึ้น” ผมรู้ทันทีว่าเธอพูดโกหก ที่จริงแล้วเธอไม่ได้กำลังง่วงหรอกครับ แต่เธอกำลังเงี่ยนต่างหาก! ซึ่งไม่มีทางที่เธอจะกล้าตอบผมมาตรงๆ แบบนั้นแน่
“งั้นผมแวะจอดให้คุณแจนนอนพักก่อนมั้ยครับ? จะได้หลับสบายๆ” ผมแกล้งพูดขึ้นมา แล้วขับเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันข้างๆ
“อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะคุณโจ้ ขับต่อเถอะ.... เดี๋ยวแจนค่อยกลับไปนอนที่บ้านก็ได้...” เธอรีบร้องปฏิเสธอย่างเกรงใจ
“อืมม เอางั้นเหรอครับ... ก็ได้ครับ งั้นผมขอแวะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาแป๊บนึงนะครับ ผมเองก็มึนๆ เหมือนกัน”
“ค่ะ..... งั้นแจนรอในรถนะ”
“ครับๆ เดี๋ยวผมมานะครับ” ผมพูดแล้วก็เปิดประตูเดินออกไป แกล้งเดินเตะถ่วงช้าๆ เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์กับร่างกายเธอมากกว่านี้อีก... ผมยืนล้างหน้าล้างตาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ เดินกลับไปที่รถช้าๆ เปิดประตูเข้าไป สภาพหมอแจนตอนนี้ดูจะเริ่มทุรนทุรายมากขึ้นทุกที เธอนอนหลับตาเอนหัวพิงกับกระจก หายใจถี่ๆ คิ้วขมวดยับยู่ยี่ ใบหน้ามีสีแดงจัดจนสังเกตได้ชัด ผมจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปจับไหล่เธอให้รู้สึกตัว เธอสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อมือผมสัมผัสเข้ากับหัวไหล่เธอผ่านเนื้อผ้าพองฟู เราสองคนจ้องตากันนิ่งโดยไม่มีใครพูดอะไร ชั่วขณะนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมสบตาเธอ.. เธอก็สบตาผมตอบ... ก่อนที่ผมจะตัดสินใจโน้มหน้าเข้าไปจูบปากเธอแบบกะทันหัน
หมอแจนเหมือนจะรู้สึกตัว พยายามดิ้นเร่าๆ สองมือขยุกขยิกพยายามจะสะบัดตัวออก แต่ผมไม่ปล่อยให้หลุดหรอกครับ ใช้สองมือจับยึดต้นแขนเธอไว้แน่น ออกแรงบดปากสอดลิ้นแหย่เข้าไปในปากเธอลึกขึ้นๆ หมอแจนร้องอู้อี้ๆๆ ตาเบิกโพรงด้วยความตกใจ ผมดูดดุนลิ้นไปมาจนทั่ว สลับกับการบดอัดริมฝีปากเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนและรุนแรง น้ำลายเหนียวๆ ของเราสองคนเปรอะปนกัน แยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร มือไม้ของเธอตอนนี้อ่อนแรงจนมันร่วงลงไปกองอยู่ที่หน้าขา
ผมเห็นเธอกำลังเหม่อๆ จึงใช้มือขวาตะปบลงไปบนหน้าอกเธอ ลูบไล้มันผ่านเนื้อผ้าบางเบา กระตุ้นให้เธอต้องส่งเสียงครางอือๆๆ เป็นเชิงห้ามปราม แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการปัดป้องใดๆ ออกมา ผมขยำขยี้เล่นมันจนพอใจ พร้อมกับถอนริมฝีปากออกจากปากเธอช้าๆ... ใบหน้าของเธอดูเหม่อลอยเหมือนคนไม่มีสติ มีคราบน้ำลายเกาะติดอยู่ที่ริมฝีปาก แก้มแดงเรื่อๆ สายตาที่จ้องมองผมอยู่นั้นคล้ายกับกำลังส่งความนัยอะไรบางอย่าง ซึ่งมันก็คงไม่ต่างไปจากสีหน้าของผมในตอนนี้หรอกครับ... ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาหลังจากนั้น ผมเพียงแต่สตาร์ทรถและขับออกไปเงียบๆ เลี้ยวรถไปตามเส้นทางที่ไกลจากบ้านเธอออกไปทุกที... โดยที่หมอแจนเองก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจใดๆ ออกมา ยังคงนอนหลับตาหายใจเหนื่อยๆ ปล่อยให้ผมใช้มือข้างที่กำลังว่าง ลูบไล้หน้าขาของเธอเล่นไปตลอดทาง กว่าที่เราจะถึงที่หมาย ร่องหลืบของเธอก็เปียกเยิ้มไปหมดแล้วล่ะครับ
ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่โรงแรมม่านรูดเล็กๆ ที่เคยมาใช้บริการอยู่บ่อยๆ ด้วยความที่เจ้าของที่นี่เป็นพี่ชายของเพื่อนผมอีกที ซึ่งจากที่เคยคุยๆ สนิทสนมกับพี่แกอยู่พอสมควร ก็เลยทำให้พอจะมั่นใจได้ว่าที่นี่ไม่มีกล้องแอบถ่ายติดไว้แน่ๆ... ผมจ่ายเงินให้บ๋อยมันแล้วก็รับผ้าห่มติดมือกลับมา เดินประคองโอบไหล่หมอแจนเข้าห้องด้านใน ใช้มือนึงรูดม่านปิด คล้องเชือกรัดให้เรียบร้อย ขณะที่หมอแจนยืนมองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างงงๆ พอรู้ตัวว่าที่นี่คือที่ไหนเธอก็เหมือนจะได้สติ พยายามออกอาการขัดขืนเล็กๆ ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของผม ซึ่งก็ไม่มีทางเลยที่สาวสวยร่างบางอย่างเธอจะดิ้นหนีผมไปไหนได้ โดยเฉพาะเมื่อเธอเมายาอยู่แบบนี้... ผมคว้าเธอมากอดไว้แน่นแล้วบดปากจูบลงไปอีกรอบเพื่อทำให้เธออ่อนแรง พอเธอโดนดูดปากหนักๆ แบบนี้ก็เลยได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ และยอมให้ผมจูงมือเธอตรงไปที่เตียงในที่สุด...
บริเวณรอบๆ ห้องและเพดานด้านบนมีกระจกติดอยู่รอบๆ ทำให้มองเห็นภาพสะท้อนจากกิจกรรมของเราได้แบบทั่วทุกมุมมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือภาพของคุณหมอคนสวยในชุดเดรสน่ารัก กำลังยืนตัวสั่นสะท้านอยู่กลางห้องม่านรูดราคาถูกกับผมแบบสองต่อสอง... ผมใช้สองมือดันไหล่เธอให้ลงไปนั่งที่ปลายเตียง เสียงเตียงสปริงเด้งเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อย ก่อนจะตามลงไปนั่งประกบเธอข้างๆ ใช้สองมือจับประคองใบหน้าเธอให้เงยขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปบดปากจูบเธอช้าๆ คราวนี้ทำไปด้วยความนุ่มนวลและแผ่วเบากว่าเมื่อทีแรก ซึ่งเธอเองก็ดูจะเริ่มมีอาการตอบสนอง และบดริมฝีปากสู้กับผมบ้างเหมือนกัน แม้จะยังมีอาการขืนๆ เขินๆ บ้างเล็กน้อย
“อือออ..... คุณโจ้คะ... จ๊วบบบ.... อย่าค่ะ.... แจนมะ... อุ๊บ.. แจนมีแฟนแล้ว.... ฮือออ” หมอแจนพยายามร้องห้ามอย่างยากลำบาก เพราะโดนผมคอยประกบดูดปากอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ.... จุ๊บ...บบ คิดซะว่าจะได้เอาคืน.... จ๊วบบบ...บบ ที่แฟนคุณแจนแอบหนีไปมีคนอื่นไง จะได้หายติดค้างกันไปเลย” ผมพูดกล่อมเธอ พร้อมกับปูพรมถล่มจูบเธอไปด้วย มือซ้ายก็เลื่อนลงไปบีบคลึงเต้านมอวบหยุ่น เลื้อยลงไปลูบไล้หน้าขานุ่มๆ ของเธอใต้ชายกระโปรงชุดเดรส
“ม... ไม่เอานะ... แจนไม่อยากทำ... อย่าซี่...” เธอพยายามใช้มือดันอกผมออกอย่างสิ้นหวัง
“คุณแจนบอกว่าไม่อยาก... แต่ด้านล่างตอนนี้มันเปียกไปหมดแล้วนะครับ...” ผมยกมือซ้ายที่พึ่งลูบไล้ง่ามขาเธอขึ้นมายั่วที่ใบหน้าเธอ หมอแจนจ้องมองคราบน้ำรักใสๆ ที่เกาะอยู่ตามง่ามนิ้วของผมอย่างเงียบๆ เหมือนไม่รู้จะแก้ตัวยังไงต่อ
พอเห็นว่าเธอไม่ตอบโต้อะไรแล้ว ผมจึงค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปคุกเข่าที่ปลายเตียง จับถลกชายกระโปรงเดรสของเธอให้เปิดขึ้นไปเกือบถึงหน้าขา แล้วก็ซุกหน้าเข้าไปดอมดมมันอย่างชื่นใจดัง ซื๊ดดดดดดด.... หมอแจนตัวสั่นสะดุ้ง พยายามใช้สองมือผลักดันใบหน้าผมออก ขณะที่สองมือของผมก็จับยึดสะโพกเธอไว้แน่นเพื่อต้านแรงเธอ... ปลายลิ้นผมทั้งปาดทั้งเลียไปทั่วพื้นผิวบริเวณเป้ากางเกงในผ้าฝ้ายสีขาวของเธอ ซึ่งมันเปียกเยิ้มจนมองเห็นเป็นรอยคราบดวงใหญ่ จนหมอแจนถึงกับตัวแอ่น ต้องรีบยกมืออุดปากเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเองไม่ให้หลุดออกมา ผมใช้มือข้างนึงแหวกขอบกางเกงในเธอออก ก่อนจะจ่อลิ้นเข้าไปจี้ที่ปากรูเธอแบบเต็มๆ กวาดลิ้นเลียไปรอบๆ รอยแยกบริเวณง่ามหี แล้วเม้มดูดที่เม็ดเสียวของเธอดังจ๊วบจ๊าบสะใจ หมอแจนโดนดอกนี้เข้าไปก็ถึงกับลืมตัว เผลอปล่อยมือที่กำลังอุดปากตัวเองอยู่ เอามาจิกกำเส้นผมของผมไว้แน่น พร้อมกับแหกปากร้องครางอ๋อยๆๆ เสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้
ผมขยับลุกขึ้นยืน ออกแรงจับตัวเธอนอนพลิกคว่ำ ดึงสะโพกเธอให้ลอยเด่นขึ้นมา แล้วก็ถลกชุดเดรสขึ้นไปกองไว้ที่เอว บั้นท้ายสวยๆ ของเธอที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อผ้ากางเกงในจึงปรากฏออกมา ผมจับรูดกางเกงในของเธอออกมาอย่างง่ายดาย ก้มหน้าลงไปแนบสำรวจเนื้อสาวของเธออย่างละเอียด เวลาผู้หญิงสวยๆ มานอนโก่งโค้งอยู่ข้างหน้าเราแบบนี้นี่แม่งโคตรจะเร้าอารมณ์เลยนะครับ คุณว่ามั้ย? กลีบแคมของคุณหมอประกบเข้าหากันเป็นเนินโค้งสวยดูน่าจูบ เหนือขึ้นไปด้านบนเป็นหลืบร่องประตูหลังสีชมพูสวย ปากรูของมันขมิบเข้าออกไปมา เวลาที่โดนฝ่ามือของผมลูบไล้ง่ามขา
ความสวยงามตรงหน้าทำให้ผมอดใจไม่ไหว ต้องก้มลงไปประกบจูบร่องหีของเธอเสียงดังซ้วบบบบบ.... หมอแจนแอ่นก้นตัวลอยร้องซี้ดดดด... ซี้ดดดด....ส์ ผมตวัดลิ้นไปมาอย่างตะกละตะกลาม น้ำเงี่ยนของเธอทะลักทลายออกมาจนเยิ้มไปทั่ว ผมเลียได้แป๊บเดียวก็ทนไม่ไหว ปลดกางเกงตัวเองลง แล้วควักลำควยแข็งอวบสีแดงสดออกมารูดเล่นๆ 2-3ที ก่อนจะจับมันถูไถไปตามร่องแคมอวบโค้งของคุณหมอ เตรียมที่จะเย็ดเธอจากด้านหลัง...
“สะ... ใส่ถุงก่อนค่ะ” เสียงเธอลอยละล่ำละลักมาจากทางด้านหน้า คำพูดของคุณหมอบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังเงี่ยนจนแทบจะลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง และยินยอมให้ผมสอดใส่ลำควยเย็ดหีเธอแบบเต็มใจ อ้อ! ที่ยังไม่ลืมอยู่เรื่องเดียวก็เห็นจะเป็นเรื่องการป้องกันนั่นแหละครับ... ผมยิ้มน้อยๆ ด้วยความสะใจ เอื้อมมือไปหยิบคุ้ยซองถุงยางจากกระเป๋าสะพายออกมา พร้อมๆ กับสเปรย์ฉีดเพิ่มความอึด จัดแจงฉีดสเปรย์ไปรอบๆ ท่อนลำ ฉีกสวมถุงยางครอบหัวบานเรียบร้อย เสร็จแล้วจึงขยับเข้าไปทาบทับตัวเธอจากทางด้านหลัง มือซ้ายคว้ายึดบั้นเอวเอาไว้ ส่วนมือขวาก็จับท่อนควยจ่อไว้ที่ปากรูดังเดิม
“ผมใส่เลยนะครับคุณแจน” ผมก้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเธอ หมอแจนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ใบหน้าแดงๆ ของเธอนั้น เพียงแค่พยักหน้าหงึกๆ เบาๆ มาแทนคำตอบ... ผมรั้งมือดึงเอวของเธอเข้ามา พร้อมๆ กับโหย่งก้นกดท่อนควยมุดเข้าไปได้นิดนึง ลึกแค่ประมาณหัวเงี่ยงเท่านั้น หมอแจนก็ร้องลั่นซะก่อน
“อ๊ะ...! อ๋าาาา....าาาาง! อ๊าาาา...... เจ็บค่ะ... แจนเจ็บ... โอ๊ยยย!” เธอหวีดร้องพร้อมกับพยายามดิ้นตัวหนีไปด้านหน้า แต่ก็หนีไปไหนไม่รอดเพราะโดนผมรั้งตัวไว้อยู่ จังหวะที่ผมรั้งตัวเธอกลับมาก็กดท่อนควยสวนเข้าไปอีก จนเธอถึงกับจุก ตัวแอ่นแหงนหน้า จะร้องก็ร้องไม่ออก มีแต่เสียงคราง อึ่กๆ... หลุดลอดออกมาจากปากเบาๆ
“ซี้ดดดดดดส์..... หีคุณแจนตอดควยผมยิกๆ เลย เสียวหีใช่มั้ยครับ?” ผมครางออกมาเบาๆ ด้วยคำหยาบตรงๆ
หมอแจนดิ้นส่ายหน้าไปมาเหมือนจะอายเมื่อได้ยินถ้อยคำพวกนั้น โพรงหีเธอคับแน่นเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ไม่ผิด มันบีบรัดควยผมดังตุ้บๆ ทุกครั้งที่ถูกท่อนเอ็นเขื่อง ก้มหน้างุดๆ มุดเข้าไปด้านใน
“โอ๊ะ..! ตอดอีกแล้ว.... อืมมม หีคุณหมอนี่สู้ควยจริงๆ ครับ” ผมพูดพลางเอามือตีก้นเธอเบาๆ ดังเพี้ยะ
“ฮือออออ...... ไม่เอาแล้ว.... โอ๊ย...! แจนเจ็บ” หมอแจนยังคงร้องครางหงิงๆ เนื่องจากท่อนลำของผมยังคงมุดลึกเข้าไปในโพรงหีเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งมันเข้าไปทิ่มคาอยู่จนสุดลำ เธอจึงเริ่มที่จะมีอาการคลายตัวจากการตอดรัดลงบ้าง และเริ่มตั้งหลักรับความเสียวจากบริเวณช่วงล่างได้มากขึ้น... สองมือเธอก็ขยำจิกผ้าปูเอาไว้แน่น กัดฟันกรอดๆ เพื่อข่มอารมณ์ ขณะที่ผมเองก็คุกเข่าเกาะสะโพกเธอตัวลอย รู้สึกได้ถึงความคับแน่นด้านในที่บีบรัดปลายหัวจนตึงๆ ไปหมด
พอเราตั้งหลักได้ปั๊บ ผมก็เริ่มออกแรงโยกบั้นเด้าทันที เสียงท่อนเนื้ออุ่นๆ ค่อยๆ มุดเบียดเสียดสีกับกลีบแคมสองข้างดังซ่วบ... ซ่วบบบ... พร้อมๆ กับคราบน้ำเหนียวที่ทะลักนองออกมาจากร่องหลืบ ผมได้ยินเสียงหมอแจนร้องครางฮือออออๆ ออกมายาวๆ ก้มหน้ามุดอยู่กับผ้าปูเตียง เนื้อตัวสั่นไหวไปมาจากแรงกระแทก ยิ่งท่อนควยผมกระทบกับสะโพกเธอรุนแรงเท่าไหร่ ร่างกายของเธอก็ยิ่งโอนอ่อน และออกอาการเสียวสะท้านรุนแรงขึ้นเท่านั้น ท่อนบนของเธอยังมีเสื้อผ้าปิดอยู่ครบชุด ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจที่จะถอดมันเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่ายังไงคืนนี้ เธอกับผมมีเรื่องที่ต้องทำร่วมกันอีกยาวๆ แน่นอน
ผมเอื้อมมือไปคลึงเคล้นสองเต้าด้านหน้าของเธอผ่านเสื้อ บดกระแทกควยเข้าหีเธอดังปั้บ...! ปั้บบบ....! ปั้บบบบบ....บบบบ! หมอแจนสะบัดหน้าไปมาอย่างเสียวซ่าน ยังคงพยายามข่มกลั้นเสียงครางเอาไว้อย่างยากลำบาก ในขณะที่บั้นเอวของผมก็ยิ่งเร่งจังหวะการกระเด้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ หน้าขาผมตีเข้ากับบั้นท้ายของเธอเสียงดังสนั่นหวั่นไหว... หมอแจนตอนนี้ทำได้เพียงใช้มือซ้ายปิดปากตัวเองเอาไว้ หลับตาปี๋คิ้วขมวดยู่ยี่ ศีรษะเธอโยกคลอนไปด้านหน้าจากแรงกระทุ้งทางด้านหลัง ครู่เดียวเธอก็ออกอาการสะดุ้งเฮือก เนื้อตัวกระตุกตึ้บ...! ตึ้บ...! อย่างรุนแรง มือขวาจิกเกร็งผ้าปูราวกับจะฉีกมันให้ขาดออก กัดฟันกรอดๆ ข่มไล่เสียงครางของตัวเองไว้ โห... ผมล่ะยอมใจเธอเลยครับ ขนาดตอนน้ำแตกถึงจุดสุดยอด เธอก็ยังคงรั้น ไม่ยอมปล่อยใจ แสดงอาการเสียวซ่านออกมาแบบเต็มๆ ซักที
ผมเห็นหมอแจนถึงสวรรค์ไปก่อนแล้วก็รู้สึกเงี่ยนสุดขีด เร่งตะบันเอวสาวควยเข้าออกหีเธอเร็วจี๋เหมือนกับเครื่องจักร ก่อนที่อารมณ์ความเงี่ยนง่านที่ถูกปลุกให้ค้างสูงด้วยฤทธิ์ยา จะพาให้ผมพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด ปล่อยน้ำเชื้อกระฉูด ปื้ด...! ปื้ดดดด..! พุ่งเต็มถุงยางอย่างสุดกลั้น สองมือผมบีบเกร็งลงไปบนบั้นท้ายงอนๆ ของคุณหมอ ร้องครางอู้ๆ อย่างสะใจ
“อู๊ยยยยยย.... คุณแจนครับ ผมแตกแล้วครับ.... อาาาาาาาห์” ผมร้องครวญคราง พร้อมๆ กับเอวที่ยังขยับยุกยิกๆ ไม่ยอมหยุด พอหมดแรงแล้วจึงเอนตัวล้มลงนอนตะแคงข้างเธอ พ่นลมหายใจยาวๆ อย่างเหนื่อยหอบ... แม้ว่าจะพึ่งกระฉูดน้ำรักชุดใหญ่ไปหมาดๆ แต่ไอ้หนูด้านล่างของผมกลับยังคงสภาพปึ๋งปั๋งฟิตเปรี๊ยะ อันเป็นผลมาจากสเปรย์ที่ฉีดไปก่อนหน้านี้ คุณหมอแจนคนสวยนอนคว่ำฟุบกับเตียง เอียงคอมองดูท่อนลำของผมอย่างอ่อนแรง เธอจ้องราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าไอ้เจ้าท่อนเนื้อยาวใหญ่ของผมที่พึ่งบดขยี้รูหีเธอเมื่อครู่ มันจะช่างแข็งแกร่งและมีน้ำอึดน้ำทนอะไรได้ขนาดนั้น
หมอแจนพลิกตัวเปลี่ยนมานอนหงาย ยกมือขวาขึ้นมาบังไว้ที่เบ้าตา ทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีหยดน้ำตาใดๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอ เธอเพียงหอบหายใจถี่ๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ใช้มือบังสายตาตัวเองเอาไว้อยู่อย่างนั้น ผมจึงเขยิบเข้าไปนอนข้างๆ แล้วใช้อ้อมแขนประคองกอดเธอ หมอแจนพยายามใช้มือผลักแขนผมออกอย่างไร้ผล เธอไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นหนีให้พ้นจากอ้อมกอดของผมเสียแล้ว สภาพชุดเดรสของเธอยับยู่ยี่ เนินเนื้อด้านล่างเปลือยเปล่า ได้แต่ดึงผ้าห่มมาปิดบังร่างกายตัวเอาไว้หลวมๆ
“ปล่อยนะ... อย่ามายุ่งกับแจน!” เธอโวยวายร้องห้ามเสียงดัง แต่ก็เปล่าประโยชน์ล่ะครับ ผมยังคงรั้งตัวเธอกอดเอาไว้แบบนั้นไม่ยอมปล่อย
“คุณแจน... ผมรักคุณแจนนะครับ” ถ้อยคำที่เรียบง่ายที่สุด ยังคงถูกนำมาใช้อีกเช่นเคย
“รักเหรอ...? ถ้าคุณรักแจนจริง คุณจะกล้าขืนใจแจนแบบนี้เหรอ!? พูดมาได้ยังไง... นี่มันชีวิตจริงนะคะ ไม่ใช่ละครน้ำเน่า!” เธอตะคอกใส่ผมด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว ยอมรับเลยครับว่าคุณหมอเธอเป็นคนที่ใจแข็งและเก็บอารมณ์ได้เก่งสุดๆ จริงๆ ขนาดโดนมอมยาแบบนี้ก็ยังมีสติครบถ้วน
“ก็รักน่ะสิครับ... ผมถึงต้องทำแบบนี้ไง... คุณแจนไม่รู้หรอกว่าทุกวันนี้ผมต้องเจ็บปวดฝืนใจแค่ไหน ที่ต้องคอยบอกตัวเองว่าคุณแจนน่ะมีใครอื่นคอยดูแลอยู่แล้ว ใครคนนั้นที่ไม่ใช่ผม... รู้มั้ยครับว่าตอนที่คุณแจนเล่าเรื่องแฟนมีกิ๊กให้ผมฟัง รู้มั้ยว่ามันทิ่มแทงลงไปบนหัวใจผมยังไงบ้าง เมื่อได้รู้ว่าคนที่ตัวเองรักต้องมานั่งเสียใจอยู่แบบนี้.... ทำไมผมถึงไม่มีโอกาสได้เป็นคนที่คอยดูแลคุณแจน? แค่เพราะผมเจอคุณช้าไปงั้นเหรอ?” ผมร่ายยาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ไร้ซึ่งความจริงใจ หมอแจนฟังแล้วก็นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ
“แต่สิ่งที่คุณโจ้ทำกับแจน.... ยังไงมันก็ยังผิดอยู่ดี” เธอยังยืนกราน แม้จะเสียงอ่อนลงมาเยอะแล้วก็ตาม
“ใช่ครับ... ผมรู้ตัวว่าผมทำเรื่องไม่ดีลงไป ผมผิด... ผิดที่ผมล่วงเกินคุณแจน แต่ผมถามหน่อยเถอะว่าเมื่อกี้น่ะ คุณแจนไม่ได้มีความสุขไปกับมันเลยเหรอ? ทั้งๆ ที่เห็นๆ อยู่ ว่าคุณแจนเองก็มีอารมณ์ไม่ต่างกันเนี่ยนะ? หรือผมเข้าใจผิดไปเอง ว่าจริงๆ แล้วคุณแจนไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ กับผมด้วยเลย?” คำถามชุดใหญ่ของผมทำให้เธอนิ่งไปอีกเหมือนถูกไล่ต้อนจนมุม เธอไม่มีทางรู้หรอกครับ ว่าที่ตัวเองเงี่ยนจนหีเปียกเมื่อครู่น่ะ มันเป็นเพราะฤทธิ์ยาล้วนๆ
“คือ....” เธออ้ำอึ้งเหมือนนึกคำพูดแก้ตัวไม่ออก แม้แต่คุณหมอหัวดีแบบเธอ พอตกอยู่ในบ่วงเกมกามแบบนี้แล้ว ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากลูกกวางตัวน้อยๆ ที่ได้แต่คอยให้ผมกระโจนเข้าไปขย้ำหรอกครับ
“คุณแจนไม่ต้องคิดมากหรอกครับ เรื่องของเราสองคน ยังไงก็จบลงแค่คืนนี้เท่านั้นแหละ แล้วหลังจากนี้เราก็ต่างคนต่างไป กลับไปใช้ชีวิตตามเดิมของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมาข้องแวะกันอีกก็ได้ ถ้าคุณแจนต้องการแบบนั้น...” ผมบอกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หมอแจนฟังแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เอาแต่นอนหงายมองเพดานคิดอะไรเงียบๆ
“ปล่อยแจนหน่อย แจนจะลุกไปอาบน้ำ เสร็จแล้วจะได้กลับกันซักที” เธอหันมาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนว่าจะทำใจยอมรับคำพูดสุดท้ายของผมได้แล้ว
“แหม คุณแจนยังไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ นอนพักให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้ นี่ผมเองก็ยังมึนๆ หัวอยู่เลย ขับรถไม่ไหวหรอกครับ ขอพักอีกแป๊บนึงนะ นะๆ คนดี” ผมพูดด้วยน้ำเสียงซนๆ กวนๆ หมอแจนหลบหน้าไม่ตอบอะไร เธอขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนหารายชื่อแล้วกดโทรออก ตอนแรกผมแอบตกใจ นึกว่าเธอจะโทรไปฟ้องแฟนซะอีก แต่พอจะขยับตัวลุกขึ้นห้าม เธอก็หันมาทำท่าเอานิ้วจุ๊ปากให้ผมเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยทักทายคนที่อยู่ปลายสาย
“ฮัลโหลแม่... แม่นอนรึยังอ่ะ? อืม นี่แจนยังอยู่บ้านหมิวอยู่เลย... ค่ะ อาจจะกลับช้านิดนึง แม่ไม่ต้องรอนะ ปิดบ้านไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวให้หมิวไปส่ง ค่ะๆ... แค่นี้นะคะ” แล้วเธอก็กดวางสาย เอนตัวลงนอนพิงเตียงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ผมแอบมองเธอพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนหมอแจนสังเกตเห็น
“อะไรอีกคะ?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเคืองๆ เพราะผมยังจ้องเธอไม่หยุดด้วยสีหน้าทะเล้น
“ก็ผมดีใจนี่นา ที่คุณแจนยอมนอนเป็นเพื่อนผมคืนนี้” ผมตอบด้วยเสียงระรื่น
“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า... แจนก็แค่รอให้คุณหายเมา แล้วจะได้รีบกลับกันเสียที” เธอตอบเสียงแข็ง สีหน้าเย็นชา
“คร้าบๆๆ ว่าไงก็ว่ากันครับ ถ้างั้น... ไหนๆ เราก็อยู่กันสองต่อสองในห้องแบบนี้แล้ว ผมขอเรียกชื่อแจนตรงๆ เลยดีกว่า ส่วนแจนก็เรียกผมว่าโจ้ก็ได้ ยังไงเราสองคนก็สนิทสนมกันพอสมควรแล้ว” ผมพูดเอาแต่ใจ
“เรื่องอะไร!? แจนไม่ได้อยากมาสนิทกับคุณแบบนี้ซักหน่อย...” เธอโวยแบบไม่สบอารมณ์
“แน่ะ! บอกว่าไม่ต้องเรียกคุณแล้วไง มันฟังดูเหินห่างไม่รู้เหรอ? ถ้าแจนยังไม่ยอม ผมจะปล้ำแจนอีกรอบนะ”
“ไม่เอานะ! ก็ได้ๆ แจนยอมเรียกก็ได้ พอใจรึยัง?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ แม้จะทำท่าทีปกป้องตัวเอง แต่สายตาของเธอกลับดูเคลิบเคลิ้มเหมือนยังไม่อิ่มจากรสเสียวที่ได้รับไปเมื่อครู่
“ดีครับ... ถ้าแจนไม่ดื้อแบบนี้ เดี๋ยวผมมีรางวัลให้” ผมพูดจบก็ก้มลงไปจูบซุกไซร้ที่ซอกคอขาวๆ ของเธอ ใช้มือรูดถลกชุดเดรสของเธอออกทางด้านบนไปพร้อมๆ กัน
“อย่านะ! ไม่เอา....! ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรแจนแล้วไง” เธอพยายามปัดป้องขัดขืน
“ผมก็ไม่ได้จะปล้ำแจนแล้วไงครับ แค่จะปลุกอารมณ์แจนให้ยอมมีอะไรด้วยเฉยๆ” ยกทรงสีขาวของเธอถูกผมปลดรูดมันออกเป็นลำดับต่อไป
“ขะ.... ขี้โกง... อึ๋ยยยย” เธอร้องเสียงหลง เมื่อโดนลิ้นผมตวัดเลียเข้าไปที่เม็ดจุกสีแดงสวย เม้มดูดเน้นๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์เงี่ยนง่านของเธอให้กลับคืนมาอีกครั้ง...
ก็แหม.... กว่าที่ผมจะได้ยัดเยียดความเป็นผัวให้คุณหมอแบบนี้ ก็ใช้เวลาไปเป็นเดือนๆ เลย... จะให้มาเย็ดกันแค่ยกเดียวน่ะ มันจะไปพออิ่มอะไรล่ะครับ จริงมั้ย? อิอิอิ
วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
[Side Story] เรื่องเล่าของนายโจ้ยอดชาย : หมอแจน #2
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น