วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2565

รักนี้ขอลิขิตเอง ตอน 1

 
 
 

วรินทร์ (ริน) – น้องสาวของเชิดภักดิ์ มีสามีชื่อ สายัณห์ แต่งงานได้ 5 ปี วรินทร์อายุ 22 เธอมีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย (สายธาร) คนน้องผู้หญิง (สายใจ) สายัณห์ไปมีผู้หญิงใหม่ วรินทร์รู้เข้าเลยทะเลาะกันแล้วลามไปจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ วรินทร์หน้าบวมปูด เชิดภักดิ์ไปเจรจากับสายัณห์เพื่อช่วยเหลือน้องสาว เขาต้องการให้สายัณห์น้องเขยรับผิดชอบไม่ใช้ความรุนแรง แต่สายัณห์กลับกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของวรินทร์คนเดียว ส่วนวรินทร์กล่าวโทษสายัณห์ที่ชอบเจ้าชู้จนกลายเป็นการวิวาทขึ้นมาอีกครั้ง สายัณห์เข้ามาจะตบวรินทร์ เชิดภักดิ์ทนไม่ได้อาศัยเชิงมวยที่ดีกว่าจัดการสายัณห์เสียสลบเหมือด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้วรินทร์สุดทนต่อไป สองวันหลังจากนั้นวรินทร์กับสายัณห์ก็หย่าขาดจากกัน เชิดภักดิ์รับน้องสาวสุดที่รักของเขากลับมาอยู่บ้านพร้อมหลานทั้งสอง

————————–

ปีต่อมา วรินทร์ส่งลูกทั้งสองของเธอเข้าโรงเรียนอินเตอร์ (โรงเรียนประจำ) เธอเองมาช่วยานโดยป็นเลขานุประจำตัวของเชิดภักดิ์พี่ชาย เมื่อเมฆหมอกร้าย ๆ ผ่านพ้นไป วันเวลาก็รักษาทุกอย่างให้ดีขึ้น วรินทร์เริ่มทำใจได้จึงหมั่นดูแลตัวเอง ควบคุมเรื่องอาหารการกิน เข้าฟิตเนส ไม่นาน คนเราเมื่อจิตใจมีความสุข เรือนร่างที่ผ่ายผอมเพราะตรอมใจเริ่มจะเข้าที ใครเห็นมักชมว่าวรินทร์หุ่นดีสมส่วนสง่ากว่าตอนวัยรุ่นเสียอีก มีหนุ่ม ๆ เริ่มเข้ามาติดพันกันหลายคน แต่ววรินทร์ทร์ชักจะเข็ดขยาดผู้ชาย เธอไม่ปิดบังว่าเธอเป็นแม่หม้ายลูกสอง เธอเฉยเมยเสียเหลือเกินกับผู้ชายทุกคน

วันเกิดของเชิดภักดิ์ ววรินทร์ทร์น้องสาวคนสวยจัดงานเลี้ยงให้พี่ชายที่บ้าน ววรินทร์ทร์รู้จักและสนิทกับเพื่อนพี่ชายทุกคน สนิทกับพวกเขาตั้งแต่ก่อนเธอแต่งงานกับสายัณห์เสียอีก ทุกคนดื่มเครื่องดื่มและอาหารหลากหลายตามใจชอบ ของมึนเมามีให้เลือกหลากชนิดและไม่อั้น เมื่ออิ่มและเมาได้ที่ก็เริ่มแหกปากร้องเพลงกันลั่นห้อง

จนเกือบตีหนึ่งกว่า ๆ เพื่อนพี่ชายก็เริ่มทะยอยกลับจนถึงตีสองสิบห้าจึงเหลือเชิดภักดิ์ที่ยังอยากนั่งกินเบียร์ต่อ เขาไล่ให้วรินทร์น้องสาวขึ้นไปนอนแต่ววรินทร์ไม่ยอม ขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่ชาย จนเบียร์หมดไปอีกสองขวด ววรินทร์จึงถามเชิดภักดิ์ด้วยเริ่มอ้อแอ้ว่า

“พี่เชิด..พี่เชิด..พี่จะอยู่เป็นโสดไปแบบนี้หรือไง ตอนนี้อายุเกือบ 30 แล้วนะ..” ววรินทร์จ้องหน้าพี่ชายนิ่ง
เชิดภักดิ์เงยขึ้นมองหน้าน้องสาวคนสวยตรงหน้าตาปรือ ยกมือขึ้นขยี้ผมเธอไปมา
“เนื้อคู่พี่..พี่..เธอยังไม่เกิดละมั่ง ?…” วรินทร์หัวเราะก้มลงมองแก้วที่เธอคลึงวนไปมาในฝ่ามือ
“ทำไม…เกิดช้าจัง…ไม่มีคนที่พี่ชอบมั่งเลยเหรอ..? แค่ชอบนะ…” น้องสาวถามแบบขำ ๆ

เชิดภักดิ์ส่ายหน้าไปมา “อื้อ..ก็..ก็..พอมี…” วรินทร์ตาเป็นประกายยิ้มแล้วร้อง “อ้าว..พอมีแล้วทำไมไม่สานต่อละพี่…? หรือเล่นตัว ?”
“เฮ่อ..” เชิดภักดิ์ถอนหายใจยาวแล้วเงียบ “เค้ามีเจ้าของแล้วเหรอพี่…?”
เชิดภักดิ์ส่ายหน้า “แล้ว..ทำไมละ ?” เชิดภักดิ์เงยหน้าเอนหลังพิงโซฟา “ไม่รู้วิ..พอจะจริง ๆ จัง ๆ พี่กลับเป็ฯฝ่ายเป็นถอยกรูดทุกที”

วรินทร์ขมวดคิ้วครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง “ทำไมอีกละที่นี้..?” เชิดภักดิ์หลุมตามองพื้น “พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ กี่คน ๆ ลงอีกแบบนี้ทุกที มันแป๊กเอง”
“พี่ไม่ได้รักเค้าเหรอ ?” เชิดภักดิ์พยักหน้าดวงตาเหม่อลอย วรินทร์พยักหน้า “รินชัก..ชักเข้าใจละ..เหมือนเจ้าสาวกลัวฝน..งั้น..”
“ไม่รู้ซิริน..” เชิดภักดิ์พึมพำเหมือนละเมอ “พี่ไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาอยากแต่งงานนะมันต้องรู้สึกไปถึงขนาดไหน ?”
“ก้อ..ก้ออ..เขาอยากอยู่ใกล้กันมั้ง อยากมีส่วนร่วมกัน รินเอง..ก็ไม่รู้เหมือนกันพี่..” วรินทร์พูดด้วยเสียงแห้งแล้ง
“พี่ถึงว่าไงว่าเนื้อคู่ของพี่คงยังไม่เกิด พี่ไม่เคยรู้สึกอะไร ๆ แบบนั้นกับใครสักที พยายามอยู่นะ…”
วรินทร์หัวเราะแล้วเทเบียร์เย็น ๆ ลงแก้วให้พี่ชาย “ถึงเวลา..มันคงไม่ต้องพยายามหรอกพี่…”
เชิดภักดิ์พยักหน้าหงึก ๆ หงัก ๆ ยกแก้วขึ้นซดเบียร์เกือบครึ่งแก้ว

“แล้วเราละ..หนุ่ม ๆ รุมจีนกันตรึมนี่…” วรินทร์หัวเราะเสียงปร่า
“ไม่เอาละ..รินเข็ดแล้ว…อยู่เลี้ยงลูกกับเป็นก้างขวงคอพี่เชิดดีกว่า…”
เชิดภักดิ์หัวเราะเบา ๆ ยกมือขึ้นบีบจมูกน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนสมัยเด็ก ๆ
“รินเพิ่งแค่ 23 เองนะ…คงได้เจอคนดี ๆ แล้วแต่งได้อีกครั้ง..” วรินทร์ส่ายหน้าดวงตามองสบเขาทอแววหมอง
“อยู่แบบนี้ดีกว่าพี่..หรือว่าพี่เชิดเบื่อน้องสาวคนนี้แล้ว…” เชิดภักดิ์ขยี้ผมแล้วโยกหัวเธอไปมาอย่างเอ็นดู
“บ้าซิ…เรามีกันแค่สองคนเองนะ เบื่อรินได้ไง พี่อยากให้หลานมาอยู่ด้วยกันต่างหาก รินไม่น่าส่งพวกเขาไปอยู่ประจำเลย”
“รินอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขานะพี่ ตอนนี้ภาษาอังกฤษของสองคนคล่องปรื้อแล้ว…” วรินทร์ยิ้มอย่างมีความหวัง
เชิดภักดิ์พยักหน้าเขาเห็นด้วยกับคุณภาพและคุ้มค่าเงินที่เสียไป

“เธอไม่เหงามั่งหรือไง ?” วรินทร์หันมามองหน้าพี่ชายนิ่ง “แล้วพี่เชิดเหงาหรือเปล่าละ ?” เชิดภักดิ์ส่ายหน้า
“พี่มีรินเป็นเพื่อนอยู่นี่ไง ?” วรินทร์ส่ายหน้า “พี่เอกกับพี่ธรชอบเรียกพี่ว่าฤาษี อิอิ มันหมายความว่าไงเหรอ ?”
เชิดภักดิ์หัวเราะเต็มเสียง “ก็พวกชอบชวนพี่ไปอาบอบนาบ พี่ไม่เคยไปกับมันสักที มันเลยเรียกพี่ว่าฤาษีที่ชอบจำศีลไง ?”
“อ๋อ..ถือศีลกินเพล..” วรินทร์พูดแล้วหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เชิดภักดิ์เอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากน้องสาวแล้วดันเบา ๆ “รู้ดีนักนะ…”

วรินทร์กุมมือพี่ชายเอาไว้ “พี่เป็นผู้ชายไปเที่ยวมั่งก็ได้นี่คะ ?” เชิดภักดิ์เงยหน้ามองโคมไฟบนเพดานนิ่ง
“พี่กลัวเอดส์…แล้ว..แล้ว..หาเรื่องใส่ตัว…” วรินทร์พยักหน้าแววตาล้อเลียน “ใส่ถุงซิคะ..” เชิดภักดิ์หันมามองน้องสาวเต็มตา
“พี่ก็ไม่ไว้ใจอีกนั่นแหละ เคยไปช่วยเหลือพระบาทน้ำพุเห็นสภาพแล้วหนาว”
วรินทร์พยักหน้า “แล้ว..แล้ว..พี่..พี่..ไม่เครียดมั่งหรือ ?” เชิดภักดิ์นิ่งเงียบยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วส่งให้วรินทร์เติมเบียร์ให้
ในแก้วของวรินทร์เองเพิ่งหมดไปเพียงครึ่งแก้วเท่านั้นเอง เชิดภักดิ์รับแก้วเบียร์มากระดกลงคออีกครึ่งแก้ว

“ช่วยตัวเองเอาซิ…” เชิดภักดิ์เปรยขึ้นมาลอย ๆ
วรินทร์ตลึงไปเหมือนกัน ห้วงสมองของเธอหวนนึกย้อนไปยังวัยเด็กที่กว่าสิบปีก่อน
ตอนนั้น เชิดภักดิ์เริ่มจะเป็นหนุ่มแล้ว แต่เธอ 13 วรินทร์ชอบชวนเชิดภักดิ์เล่นเป็นพ่อแม่ลูกแบบสมมติ
เชิดภักดิ์เป็นพ่อ วรินทร์แสดงตัวเป็นแม่ ในคืนนั้นเชิดภักดิ์ที่นอนเตียงชั้นบน วรินทร์ชวนเขาลงมานอนกอดกัน
เหมือน..เหมือนที่เธอแอบเห็นพ่อกับแม่นอนกอดกันบนเตียง

หลังจากนั้นวรินทร์จะต้องลากเชิดภักดิ์ลงมาให้นอนกอดเธอ โดยบอกว่าไม่ถูกพี่เชิดกอดนอนไม่หลับ
เชิดภักดิ์ก็กอดน้องสาวด้วยความรักใคร่ แล้วเหตุการณ์มันก็พัฒนาของมันไปเรื่อย ๆ จนมาถึงการลูบ ๆ คลำ ๆ กัน
วันเวลาอีกนานหลายเดือนจากนั้น วรินทร์แอบไปเห็นพ่อกับแม่ของเธอนอนแก้ผ้ากอดกัน เธอค่อย ๆ เปิดประตูห้องอย่างเบามือ
ภาพที่เธอเห็นพ่อคร่อมกอดร่างแม่เอาไว้ พูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกันเบา ๆ ที่เธอไม่เข้าใจ
แต่วรินทร์รู้ว่าใจเต้นระรัวจนแทบกระดอนออกจากอก เธอรีบปิดประตูมาเล่าให้เชิดภักดิ์พี่ชายฟัง
เชิดภักดิ์จึงชวนวรินทร์ดลองแก้ผ้านอนกอดกันแบบพ่อกอดแม่บ้าง ให้ช่างก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่น่าลองจริง ๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเชิดภักดิ์เริ่มมีขนขึ้น แต่ของวรินทร์ยังเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม
วรินทร์ชอบเล่นจู๋ของเชิดภักดิ์ตอนที่มันเกิดอาการแข็งตัวทิ่ม ๆ ตำ ๆ หน้าท้องของและจิ๋มของเธอ

ทั้งสองคอยแอบดูแอบสังเกตพฤติกรรมของพ่อแม่แล้วเอามาคุย แต่ต่างก็ไม่เคยเห็นตอนที่พ่อกับแม่มีอะไรกันบนเตียง
พัฒนาการของทั้งสองจึงหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ผ่านมาอีกเป็นปีจนเมื่อวรินทร์เริ่มปรากฎไรขนอ่อน ๆ ขึ้นมาบ้าง
“พี่เชิด..รินมีขนแล้วหละ…” เธอบอกพี่ชายอย่างตื่นเต้นตาเป็นประกาย เชิดภักดิ์หัวเราะร่าอย่างยินดี
“อื้อ..หมอยขึ้นแล้วเหรอริน…” เสียงเชิดภักดิ์กรุ้มกริ่มยิ้มล้อเลียน วรินทร์ทุบไหลพี่ชายอายหน้าแดง
“อื้อ…” วรินทร์พยักหน้ารับช้า ๆ ไม่กล้าสบตา เธอนึกได้แล้วว่าคำนี้เชิดภักดิ์เคยอธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียด
ตอนที่เชิดภักดิ์โชว์ให้เธอดูหมอยของเขาที่เพิ่งจะงอกออกมา ตอนแรกเธอเรียมันกว่าขน แต่เชิดภักดิ์บอกว่าไม่ใช่
ขนที่ขึ้นบนหัวเรียกว่า ผม ตามตัวทั่วไปจะเรียกว่า ขน เช่น ขนจั๊กแร้ ขนหน้าอก ขนแขน ขนหน้าแข้ง
แต่ตรงนี้เชิดภักดิ์ชี้ไปที่ของตัวเอง ภาพในอดีตย้อนกลับมาในหัวของนรินทร์เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เธอจำได้ว่าเชิดภักดิ์ชี้ตรงโคนตอของเขาแล้วบอกกับเธอว่าเขาเรียกขนตรงนี้ว่า ‘หมอย’ เธอพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

“อ้าว..เงียบเชียว..งงเหรอ ?” วรินทร์พยักหน้า “ของรินก็ต้องมีแบบแบบของพี่เชิดเหรอ ?” เสียงเธอมีแววกังวล
“ไม่เหมือนหรอกริน..ไม่ต้องห่วง ของรินพี่ว่าหมอยน้องคงไม่เยอะเหมือนของพี่หรอกจ๊ะ รินเคยเห็นของแม่ไม่ใช่เหรอ ?”
วรินทร์พยักหน้า “พี่ว่าของรินคงไม่ดกไปกว่าแม่หรอกน่า” วรินทร์พยักหน้าหงึกหงัก “เส้นหงิก ๆ แบบพี่เชิดแล้วแย่เลย”
เขิดภักดิ์ดึงตัววรินทร์เข้ามาหา “ไหน..มาให้พี่ดูหน่อยซิ พี่ไปฝึก รด.ไม่กี่วันรินของพี่ขนหมอยขึ้นแล้ว ฮิ ๆ”
“บ้าซิ..เราไม่เจอกันตั้งเกือบเดือนนะ..พี่เชิด…” เชิดภักดิ์พยักหน้าเขาไปเข้าค่ายเสร็จแล้วไปต่อบ้านเพื่อน
สนุกกับการยิงนกตกปลารวม ๆ แล้วเกือบเดือนเหมือนกับที่เธอว่าจริง ๆ

เชิดภักดิ์ถอดกางเกงนอนของวรินทร์ออก เธอเบี่ยงตัวขึ้นไปนอนกลางเตียง
“พี่ว่าจิ๋มของรินเหมือนจะใหญ่ขึ้นนะ…ทำไรหรือเปล่านี่ ?” วรินทร์ส่ายหน้าขมวดคิ้วสงสัย
“พี่ถอดกางในออกดีกว่า…” วรินทร์พยักหน้าเกร็งขายกก้นลอยขึ้นให้เชิดภักดิ์รูดกางเกงในสีขาวออกมาอยู่หน้าขาจึงหย่อนก้นลง
เชิดภักดิ์กดขาที่ชันเข่าของเธอลงก้มหน้าลงไปมองที่เนินนูนอวบของเธอ
“ไม่เห็นมีเลย…” วรินทร์มองเชิดภักดิ์ด้วยความฉงน “หือ..ไม่มีหรือพี่..มันร่วงไปแล้วแหงเลย ตอนอาบน้ำวรินทร์ยังเห็นเลย”
เชิดภักดิ์ยื่นนิ้วไปเขี่ยตรงกลางเนิน “มันมืดไปมั่งพี่..ของรินเส้นบาง ๆ เอง” เชิดภักดิ์พยักหน้า “งั้นซิ…”
“พี่เชิดไปเอาไฟฉายมาส่องดูซิ…” เชิดภักดิ์พยักหน้าลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะหนังสือเปิดลิ้นชักหยิบไปฉายมากดสวิทช์เปิด
ลำแสงสาดส่องสว่างไปทางวรินทร์ที่นอนหันหน้ามามอง

เชิดภักดิ์ถือไฟฉายเดินขึ้นมานั่งข้าง ๆ วรินทร์แล้วสาดลำแสงไปเนินเนื้ออวบอูม
เขามองนิ่งอยู่นาน “เห็นยังพี่เชิด…” เชิดภักดิ์พยักหน้ากลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
“มีเส้นยาวซักเซ็นต์สองสามเส้นเอง นอกนั้นเป็นไรอ่อน ๆ นะริน…”
“แหม..ทำเอารินตกใจนึกว่าร่วงไปแล้ว…ดีไหมพี่เชิด…” วรินทร์หัวเราะร่วนอย่างภาคภูมิ
“รอให้หมอยรินขึ้นมากกว่านี้อีกหน่อย พี่ว่าของรินสวยนะ…” วรินทร์พยักหน้า
“เดี่ยวพี่ถอยกางเกงในออกไปเลยดีกว่า” เชิดภักดิ์วางไฟฉายแล้วจัดการรูดกางเกงที่ค้างอยู่ตรงหน้าขาออกไปจากปลายเท้า
เชิดภักดิ์ฟุบตัวลงนอนข้าง ๆ ใบหน้าของเขาลอยอยู่เหนือเนินเนื้อผ่องของวรินทร์แค่สองสามนิ้ว
“ไรขนอ่อนขึ้นเยอะเลยริน…” เชิดภักดิ์เอียงหน้าลงมองโดยวางไฟฉายให้แสงไฟขนานไปกับนวลเนินเนื้อ
จากนั้นเชิดภักดิ์ใช้นิ้วชี้เขี่ยไรขนอ่อนของเธอวนไปวนมา

“พี่เชิด..จั๊กจี้จัง..” เชิดภักดิ์หันหน้ามามอง “แล้วดีเปล่าละ ?”
“อื้อ…” เชิดภักดิ์เขี่ยนิ้วไปเรื่อย ๆ “รินย่าสิบห้าแล้วนี่นา…”
“แต่ของพี่เชิดใหญ่น่ากลัวออก…ไหนมาให้รินจับเล่นหน่อยซิ…”
เชิดภักดิ์ดันตัวลุกขึ้นจัดการถอดกางเกงบอลออกงัดท่อนขนาดเต็มหนุ่มของเขาออกมา
วรินทร์มองอย่างตาโต “ไม่เจอกันเดือน..อึมมม..รินว่าของพี่เชิดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนะ…”
“บ้าซิ…” วรินทร์หัวเราะ “มา..มาให้รินวัดขนาดก่อน” วรินทร์รีบคว้าท่อนลำมากำแล้วหัวเราะร่า
“ใหญ่กว่าเก่าจริง ๆ นะแหละ ตอนนี้รินกำไม่รอบแล้ว เดือนก่อนยังกำรอบปลายนิ้วโป้งยังชนกับปลายนิ้วชี้เลย…”
เชิดภักดิ์ก้มลงดูแต่เขาไม่รู้สึกหรอกว่ามันใหญ่ขึ้นหรือเปล่า “เหรอ…พี่ไม่รู้หรอก…”
วรินทร์รูดหนังหุ้มลงมาจนขอบหยักโชว์หรา “มันพองตัวดีจังพี่เชิด….” เชิดภักดิ์ครางซี๊ดออกมาเบา ๆ
“วรินทร์ทำเอาพี่เสียวเชียว…งั้นเดี่ยววรินทร์ชักว่าวให้พี่ด้วยนะ…” วรินทร์พยักหน้า
เชิดภักดิ์สอนให้วรินทร์ชักว่าวเป็นมาหลายปีแล้ว เธอทำหน้าที่ชักว่าวให้เขามาตลอด

———————-

“ริน..ริน..คิดอะไรนะ..เงียบเชียว…” วรินทร์ส่ายหน้าไปมาแล้วหันมายิ้มกับพี่ชาย
“วรินทร์คิดถึงความหลังนะพี่…” วรินทร์บีบมือพี่ชาย “คงเป็นความหลังดี ๆ ซิเห็นนั่งตาลอยยิ้มไปยิ้มมา”
“บ้า..ซิ..ตาลอยยิ้มไปยิ้มมา…” เธอหยิกแขนเขาเบา ๆ แบบกลบเกลื่อนความเขินอาย
“อูยยย…เกเรกับพี่ด้วย” วรินทร์ลูบตรงรอยที่เธอหยิกเขาเบา ๆ “รินคิดอะไรอยู่..เกี่ยวกับพี่หรือเปล่า….?”
วรินทร์เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายแล้วกระซิบเสียงแผ่วว่า “เกี่ยวกับพี่เชิดนะแหละ..รินคิดถึงตอนเรายังเด็ก ๆ กันอยู่นะ”
“ตอนเด็ก ๆ เหรอ..ไงละ…?” วรินทร์นิ่งเงียบเสยกแก้วเบียร์ขึ้นจ่อริมฝีปากแต่เบียร์ไม่ได้ล่วงเข้าไปในลำคอแต่อย่างใด
เชิดภักดิ์ยกแก้วเบียร์ขึ้นซดจนหมดแก้ว “อ้าว..เงียบอีกแล้ว..คิดอเะไรต่อเหรอ ? ชักอยากรู้แล้วซิ…”

ภายในภายของเธอหวิวหวั่นอย่างบอกไม่ถูก ความประทับใจที่ฝังแน่นในเงามมืดของจิตใจลอยขึ้นอย่างไม่อาจกดข่มเอาไว้ได้อีก
เงยหน้าขึ้นมองหน้าเชิดภักดิ์เหมือนจะส่งความหมายลึก ๆ ในใจบางอย่าง “พี่เชิด..ยังจำตอนเราเด็ก ๆ ได้ไหมละ ?”
“พี่จำได้ทุกตอนแหละริน…โดยเฉพาะตอน..ตอน..” เชิดภักดิ์พูดทิ้งช่วงเอาไว้หันมามองสบตาเธอ
“ตอน..ตอน…” วรินทร์พูดตะกุกตะกัก “ตอน..เราแก้ผ้านอนกอดกัน…” เชิดภักดิ์เสียบเครือออกมาเมื่อเห็นเธอไม่กล้าเอ่ยออกมา
วรินทร์พยักหน้า “เมื่อกี้รินนึกไปถึงตอนนั้นแหละ” เธอสารภาพมอบสบตาเขาอย่างเปิดใจ

“รินนึกถึงตอนไหนอยู่ละ..?” วรินทร์อึ้งไปจนเชิดภักดิ์ถามย้ำอีกครั้ง “ตอนไหนริน…ตัวพี่เองประทับใจทุกยตอนเลยหละ..”
“เอ่อ..เอ่อ…อื้อ…” เชิดภักดิ์ยกมือขึ้นเขกหน้าฝากน้องสาวเย้าเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “นึกไม่ออกเหรอ ?”
วรินทร์หัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าไปมา “อ้าวแล้วเอ่อ..ๆ ๆ ทำไมละ” วรินทร์ก้มหน้าเพื่อซ่อนสายตา “ไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า ? มันนานแล้ว”
“อ้าว..คุยกันตั้งนาน รินไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่าแค่นี้เหรอ ?” วรินทร์พยักหน้า เชิดภักดิ์หัวเราะเสียงปร่าแล้วพูดว่า
“มีอะไรที่เราพูดกันไม่ได้เหรอจ๊ะ” วรินทร์นิ่งไปครู่แล้วตอบว่า “บางอย่างมันนาน..นานมาแล้วนะพี่เชิด”

“นานแล้วจริง ๆ นะ..เรา..เรามารื้อฟื้นกันใหม่ได้นี่นา” วรินทร์พยักหน้าหัวเราะแจ่มใจ
“รินกำลังนึกถึงตอนที่..ที่..ที่..ห-ม-อ-ย-รินเพิ่งจะขึ้นใหม่ ๆ นะ ตอนนั้นพี่เชิดเอาไฟฉายมาส่องดู” พูดแล้วหัวเราะ
เชิดภักดิ์หลบสายตา “เหรอ..แบบนั้นเหรอ..พี่จำไม่ค่อยได้ ตอนนั้น..อึม..เหมือนว่าหมอยรินบางมาก”
วรินทร์พยักหน้า “ตอนนั้น..จำได้ยัง ?” เชิดภักดิ์พยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “พี่จำได้แล้ว..ปลายปีโน่นหมอยรินถึงได้เยอะขึ้นจนเห็นชัด”
วรินทร์พยักหน้าตาวาว “ใช่ตอนนั้นพี่เชิดตรวจหมอยรินทุกวันเลย” เชิดภักดิ์พยักหน้ายิ้มร่า “ก็พี่อยากดูนี่ว่าหมอยผู้หญิงมันขึ้นยังไง ?”
วรินทร์หัวเราะเบา ๆ “ตอนรินหมอยขึ้นเยอะแล้ว พี่เชิดชอบใช้นิ้วเกาให้รินทุกคืนเลย พี่เชิดยังจำได้หรือเปล่าละ ?”
เชิดภักดิ์พยักหน้า “จำได้ซิ..ใครจะลืมลง หมอยรินนุ่มมือดีจะตายไป” วรินทร์หัวเราะหึ ๆ “หมอยพี่เชิดทั้งหยาบทั้งแข็ง”
“นั่นซิ…แล้วรินยังจำตอนที่สอนวิธีชักว่าวให้ได้หรือเปล่าละ ?” วรินทร์พยักหน้าสบตาแล้วหัวเราะ “ทำจนเก่งเลยละ”
“ตอนหลัง ๆ นี่พี่ก็ตอบแทนให้รินนะ พี่เบ็ดให้รินมีความสุขเหมือนกัน” วรินทร์พยักหน้าหลบใบหน้าที่แดงกร่ำ

“มันรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้นะพี่…” เชิดภักดิ์พยักหน้ารับ วรินทร์หยิบขวดเบียร์มาเทใส่แก้วให้จนเต็มแล้วใส่ให้ตัวเอง
“รินชักมึน ๆ แล้วเหมือนกันนะ พี่เชิดอยากกินต่อหรือเปล่า ?” เชิดภักดิ์พยักหน้า “เรามานั่งคุยกันเรื่องความหลังก็ดีนะริน”
“ค่ะ…” วรินทร์พยักหน้ารับคำ “เลือกเอาตอนที่ประทับใจไม่ลืมนะ” วรินทร์ยิ้มเงยหน้าผุดผาดเหมือนตำลึกสุก
“พี่เชิดบอกตอนที่พี่ประทับใจที่สุดก่อนซิ” เชิดภักดิ์ยกเบียร์ขึ้นดื่มแล้วพูดต่อว่า
“อื้อ..พี่ประทับใจตอนที่หอมจิ๋มรินครั้งแรก” วรินทร์หลบตาพริ้ม “เอ..ตอนนั้น..เดี่ยวรินนึกดูก่อน…”
วรินทร์ทำเป็นแกล้งนึกไปเท่านั้นเอง ก่อนที่เฃิดภักดิ์พูดเธอก็นึกถึงตอนนี้อยู่เหมือนกัน
“ตอนนั้นขนหมอยรินเยอะแล้วหละ มันแผ่เป็นปีกเว้นร่องกลางเอาไว้ พี่ออดใจไม่ไหวเลยก้มลงจุ๊บเสียทีนึง…”
“อื้อ..รินจำได้แล้วพี่เชิด…ไม่ทีหนึ่งหรอก อิอิ รินจำได้แม่นว่าจุ๊บแล้วจุ๊บอีกมากกว่าหนึ่งทีแน่นอน”
เชิดภักดิ์หัวเราะตาเป็นประกายแล้วพึมพำต่อว่า “หอมมากด้วย” วรินทร์ทุบที่หลังมือเขาเบา ๆ
“แล้ว..แล้ว..พี่เชิดประทับใจตอนไหนมาก ๆ อีก…” เชิดภักดิ์กระดกแก้วซดเบียร์เข้าปากอีกที
“อ้าว..เอาเปรียบ..รินต้องเล่าตอนที่รินประทับใจบ้าง..เล่ามาเร็ว ๆ…” วรินทร์เงยหน้ามองเพดานทำท่านึก
ความจริงเธอไม่ต้องเสียเวลาแม้แต่นอน เพราะทุกฉากทุกตอนเหมือนเพิ่งเกิดเดี่ยวนี้
“ตอนที่..ริน..ริน..ประทับใจเหรอ…” เธอทำท่านึกอีกที่แล้วต่อว่า “ตอนที่..ตอนที่..ที่เราแก้ผ้านอนกอดกัน มันอุ่นดีจัง…”
“พี่ก็ประทับใจตอนนั้นเหมือนกัน…กับอีกตอนที่พี่สอนให้รินชักว่าวให้พี่..พี่เสียวสุด ๆ เลย” วรินทร์หัวเราะ
“ตอนพี่น้ำแตกพี่เชิดร้องเสียงดังเลยแหละ…” เช็ดยิ้ม “ก็มันเสียวนี่นา ตอนรินน้ำแตกก็ร้องซี๊ด ๆ เหมือนกันแหละ”
“แล้วพี่ประทับใจตอนไหนอีก ?” เชิดภักดิ์นิ่งคิดแล้วบอกว่า “ตอนที่เราทำหกเก้า-เก้าหกกันนะ…”
ถึงตอนนี้วรินทร์นิ่งเงียบลงไปทันที ภาพเหตุการณ์ที่เชิดภักดิ์พูดกระตุ้นภาพในคลังความทรงจำของเธอขึ้นมาตรงหน้า

…………………….

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น