วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565

หอมกลิ่นโลกีย์ ตอนที่ 24



          ยิ่งยุ่งเกี่ยวกับชลิตอันเป็นพ่อผัวมากเท่าไร หนึ่งก็ไม่สบายใจมากเท่านั้น หล่อนมันคิดได้ในตอนหลังจากเสพสุขกับชลิตอิ่มหมีพีมันไปแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกที แต่ในขณะที่กําลังติดลม ก็ไม่ได้คิดอะไรเลย เสียวซ่านเอร็ดอร่อยลูกเดียว
          ความลับมันไม่มีในโลกอันนี้จริงแท้ยิ่งนัก ไม่คาดไม่ฝันว่าตั้มจะมาพบเจอเขาก็ดันกลับมา ไม่กินเหล้ากับเพื่อนอย่างที่บอก กําลังเมามันส์อยู่กับชลิตบนเตียงในห้องนอน ตั้มกลับมาอย่างเงียบกริบประตูห้องโดนถีบผางนั่นแหละ ...จึงรู้ว่าเขากลับมาแล้ว โดยความจริงการกลับมาของเขาย่อมต้องมีสรรพเสียงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่เพราะว่ามัวแต่เมามันส์กับการเล่นท่าข้างหน้าข้างหลังอันวิเศษอยู่หูจึงอื้อ ไม่ได้ยินเสียงอื่น นอกจากเสียงของความหฤหรรษ์
          ตั้มพรวดพราดเข้ามา ชลิตผงะออกจากร่างของหนึ่ง หล่อนเปลือยล่อนจ้อนตั้มเบิกตากว้าง
          “พ่อ...นี่อะไร”
          ...ไม่มีใครให้คําตอบเขาได้ หนึ่งเงียบรีบคว้าผ้ามาพันกาย ชลิตผู้เป็นพ่อคว้าผ้าขนหนูมานุ่ง
          “หนึ่งทําไมทํายังงี้”
          หนึ่งก็ตอบไม่ได้ ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร ชลิตเองก็อึ้ง ตายังเบิกโพลงด้วยความตระหนก ไม่นึกว่าลูกชายจะกลับมา ก็มันไม่เคยเป็นอย่างนี้ หนึ่งบอกตั้มไปกินเหล้าไหงเขากลับมาได้
          “พ่อ...หนึ่ง ทําไมทํากับผมยังงี้ล่ะ นี่เมียผมนะพ่อ นั่นก็พ่อของพี่นะหนึ่ง ทําไมทํายังงี้กัน ผมไม่เข้าใจจริงๆ”
          เขาโคลงหัวไปมา แบมือออก ส่ายหน้า เดินไปเดินมาอย่างงุ่นง่าน เขาไม่รู้จะลงโทษใคร นั่นก็เมียและนั่นก็พ่อบังเกิดเกล้า
          “เอาซีพ่อ..เอาซีหนึ่ง ถ้าอยากจะทําอะไรกันก็ทํากันไปเลย”
          ตั้มหันร่างจ้ำเท้าออกจากห้อง ขับรถออกจากบ้าน เสียงล้อเสียดพื้นถนนดังบาดแก้วหู เขาปล่อยให้หนึ่งกับชลิตอยู่กันตามลําพัง ชลิตเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ส่วนหนึ่งทิ้งร่างลงไปนอนคว่ำแล้วร่ำไห้น้ำตาเปียกที่นอน

          หายไปสามชั่วโมง ตั้มก็กลับมาในสภาพที่มึนเมาไม่เป็นผู้เป็นคน หนึ่งต้องช่วยเหลือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหน้าตาเนื้อตัวให้ เขากอดหล่อนไว้แล้วร้องไห้เหมือนเด็กๆ พูดแต่ว่า  “พี่รักหนึ่ง ...พี่ไม่รู้จะทํายังไง หนึ่งไม่น่าทํากับพี่ยังงี้ ไม่น่าทําจริงๆ เรื่องมันเป็นยังไง หนึ่งบอกพี่ได้ไหม หนึ่งบอกพี่ซิ เรื่องมันเป็นยังไง”
          “ถ้าหนึ่งพูด พี่ตั้มก็จะหาว่าหนึ่งแก้ตัว ทางที่ดีพี่ลองถามพ่อของพี่ดูเถอะจ้ะ”
          “พี่จะไม่ถามใครทั้งนั้น นอกจากหนึ่งคนเดียว ...หนึ่งบอกพี่มาเถอะ”
          เขาอ้อนวอน หนึ่งจึงเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นอย่างไร และหล่อนก็ยอมรับว่าหลังจากโดนพ่อของตั้มปลุกปล้ำ หล่อนก็เผลอตัวเผลอใจไปกับพ่อของเขา
          “นี่ถ้าพี่พาหนึ่งออกไปอยู่ข้างนอก เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น”
          ...หนึ่งไม่ได้ออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ หล่อนเม้มริมฝีปากนิ่งอยู่ ตั้มกอดรัดร่างของหล่อน เขาเริ่มระดมจูบ มือลูบไล้ทั่วเรือนร่างในชุดนอนสีชมพู หนักเข้าเขาก็เปลื้องมันออก เหลือแต่เรือนร่างอวบขาวอะร้าอร่าม ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาได้ตกเป็นของพ่อเขา แต่บัดนี้ร่างนี้ก็จะตกเป็นของเขาอีก
          เนื้อตัวของหนึ่งสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความรู้สึก หล่อนนี้นึกตําหนิตัวเองช่างเกิดอารมณ์รักอารมณ์ใคร่ได้ง่ายดายนัก เพียงถูกมือชายสัมผัสเพียงเล็กน้อย ก็มีความรู้สึกมากมาย กลีบเนื้อชื้นฉ่ำรู้สึกได้
          ไม่น่าเป็นอย่างนี้ ทําไมต้องเป็นอย่างนี้ ทําให้หล่อนต้องเสียทีเพศตรงข้าม

          แม้ตั้มจะเมามาก แต่อารมณ์หื่นก็ยังไม่หนีหายไปไหน  ...กลับมีมากเมื่อนึกไปว่าหนึ่งเสพสุขกับพ่อ มันเป็นความหื่นที่ประหลาด เขาไม่เข้าใจตัวเอง
          ตั้มมีอารมณ์รุนแรง เขาเลียไล้รุกลิ้นกินร่องเนื้อฉ่ำของหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาจับหล่อนพลิกคว่ำฉกลิ้นทางซอกขา และจับหงายดันขาทั้งสองอ้าซ่า ก้มหน้าลงดุนลิ้นที่กลีบเนื้ออูมอย่างเมามันส์ โคกเนื้อเปียกลื่นชุ่มแฉะ
          หนึ่งร้องครวญครางยอมรับว่าตัวเองทนไม่ไหว ตั้มก็เช่นกัน เขาไม่เคยหื่นมากเท่านี้ เขาแยงลิ้นระรัวกวาดช่องเนื้อข้างในกระทุ้งลิ้นผลุบๆเข้าไป ปากงับเม้มติ่งและคลึงเล่น
          “โอ๊วว์  พี่ตั้มจ๋า  อู๊วว์  พี่ตั้มจ๋า หนึ่งไม่ไหว ทนไม่ได้ พี่เอาใส่เถอะจ้ะ พี่เอาใส่เร็วๆ”
          ตั้มสอดลิ้นล้วงลึก ล่วงล้ำเข้าไปข้างใน แล้วรัวเร็วถี่ หนึ่งแอ่นส่ายยกโคกสามเหลี่ยมเนื้ออูมร่อน โคกขาวๆ มีขนไม่มาก มันประดับอยู่ตามริมกลีบ และมีกระจุกหนึ่งทางตอนบนรอยแยก กลีบอ้าซ่าสีแดงอยู่ข้างใน และน้ำเยิ้มฉ่ำแฉะ
          ตั้มละลิ้นออกมาคุกเข่าประคองลําเนื้อจ่อหัวบานโตที่ปากอ่าว ดันเบาๆ เพื่อแหวกลีบส้มโอเนื้อ ออกแรงอีกหน่อย กลีบก็อ้างับเอาส่วนหัวทู่เข้าไปแล้ว ขยับบั้นเอวอีกครั้ง ลำก็โดนกลืนเข้าไปมากขึ้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างมันส์ถึงใจของหนึ่ง
          ชลิตก็เล่นมันส์ตั้มก็เล่นอร่อย อาแปะก็ยอดเยี่ยม หล่อนเจอมาสามดุ้นแล้ว รสชาติไม่เหมือนกันเลย ล้วนแต่ดีทั้งสิ้นเกิดมาไม่เสียชาติเกิด หล่อนนึกภูมิใจแปลกๆอยู่เงียบๆ บอกตัวเองว่า  “ตัวเรานี้ไม่เบาเหมือนกัน”
          ตั้มโหมกระแทกถลุงถ้ำเนื้อของหล่อนไม่ยั้ง เขาโหย่งตัวขึ้น แล้วทิ้งพรวดทิ่มลําเสือกใส่เข้าไปมิดยันโคนทุกที แถมบดเน้นที่เรียกว่าบดหนอกเสียอีก กลีบแทบฉีกเล่นแรงอะไรอย่างนี้ ปากบอกอยู่เรื่อยๆว่า  “มันส์จังเลยหนึ่งจ๋า มันส์จังเลย หนึ่งมันส์หรือเปล่าจ๊ะ แต่พี่มันส์ที่สุดเลยจ้ะ”
          ...เขาบ้าหรืออย่างไร ขนาดหล่อนโดนพ่อเขาถล่มถ้ำ เขารู้เห็นอยู่แต่กลับมามีพลังเพศเมามันส์กับหล่อนอีก หนึ่งไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ของเขา

          เขาถั่งโถมความสุขมอบให้ต่อเนื่อง จับหล่อนพลิกคว่ำแล้วบรรเลงทางข้างหลัง ให้หล่อนคุกเข่ากระดกบั้นท้ายขึ้น เขาเสียบพรวดเดียวอัดแน่นคากลีบ ชักลําไส้กรอกที่อยู่ตรงกลางกลีบอูมเข้าออกหยาดเยิ้มลามไหลออกมาเนืองนอง ยิ่งลื่นก็รู้สึกเขายิ่งมันส์
          สองมือเหนี่ยวตะโพก โยกตัวกระแทกกระทั้น หล่อนสั่นคลอนไปทั้งร่างเขาส่ายคว้าน ...เขาทํากับหล่อนเหมือนเป็นบ้า หล่อนร้องเสียงหลง สะดุ้งเฮือกๆ หน้าเชิดขึ้น ซู้ดปากบิดตัวบั้นท้ายส่ายซ้ายส่ายขวา เขาก็เหนี่ยวบั้นเอว  เสือกลูกสูบไม่ยั้ง ลูกสูบยิ่งฉ่ำเยิ้ม เขายิ่งรัวกระหน่ำหนักหน่วง
          “โอ๊ย...มันจัง...แต่เหนื่อยแล้ว”
          “อู๊วว์...ซี้ด...พี่เหนื่อย...ให้หนึ่งทําบ้างไหมจ๊ะ”
          “โอย...ได้ซี ขึ้นข้างบน”
          เขากล่าวแล้วถอนตัวออก ทิ้งร่างลงนอนแผ่ แม้เขาเหน็ดเหนื่อย แต่หอกเนื้อของเขาดุ้นนั้นมันกลับแข็งขมึงตึงตั้งรอท่า หนึ่งขยับตัวขึ้นคร่อมช่วงบั้นเอว หย่อนบั้นท้ายลงสวมกลีบอูมอ้าออก เพื่อกลืนกินหัวบากบานทะโร่เข้าไป หัวสีแดงหายเข้าไปในช่องกลีบสีแดงฉ่ำ กลีบทั้งสองยู่ตามเข้าไป และเมื่อหล่อนยกบั้นท้ายขึ้น ปล่อยลําเนื้อออกมายาว กลีบก็กลับปลิ้นตามลําใหญ่ออกมาด้วย ลําเนื้อสีน้ำตาลเปียกลื่นมันแผล็บ ...ลําใหญ่ถูกเมือกน้ำชโลมเคลือบเอาไว้ทั่วตลอด
          หนึ่งควบตั้มเหมือนควบม้า ขย่มตอเนื้อฉ่ำของเขา มันวิ่งเข้าออกในกลีบอูมแดงแฉะเยิ้ม เสียดสีเสียวซ่านตลอด
          ตั้มร้องออกมาไม่เป็นภาษาคน เขาทนไม่ไหว หนึ่งขย่มถี่ยิบ สองเต้ากระเพื่อมน่าเสียวไส้
          “โอ๊วว์ หนึ่ง พี่ไม่ไหวแล้ว”
          บอกได้แค่นั้น เนื้อตัวเขาเกร็งนิ่ง กระเด้งบั้นเอวไม่ขึ้น มีแต่หนึ่งเท่านั้นที่เร่งเร้ารุกหนัก ตั้มส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ หนึ่งเองก็ทานทนไม่ได้ เกร็งขึงครู่หนึ่งแล้วโขยกต่อสองสามครั้ง ก็ซบร่างเอานมสองเต้าอวบกองบนหน้าอกของตั้ม ตั้มเลื่อนมือมาเคล้าคลึงเคล้นก้อนเนื้อนุ่มจนปลิ้นไปปลิ้นมา

                                                           .........................................

          คราวนี้ตั้มเป็นคนตัดสินใจเอง อยู่ในบ้านร่วมชายคากับพ่อไม่ได้ ขืนอยู่ต่อไปหนึ่งไม่แคล้วเจอพ่อข่มเหงอีก
          “…เราจะไปอยู่ข้างนอกนะหนึ่ง”
          “หนึ่งก็อยากให้เป็นยังงั้นจ้ะ”
          “ที่ไหนดีล่ะ คอนโดไหม เช่าเขาอยู่อิสระดีด้วย”
          “หนึ่งไม่ชอบห้องพักยังงั้น อยากอยู่เป็นหลัง ทาวน์เฮ้าส์ก็ได้”
          “แพงนะจ๊ะหนึ่ง เราเช่าไม่ไหวหรอก”
          “ทําไมจะไม่ไหว ที่หมู่บ้านแม่อยู่นั่นหลังละสามพันเท่านั้น บางหลังก็สองพันห้า”
          ตั้มรู้แล้วว่าหนึ่งอยากไปอยู่ที่หมู่บ้านมันก็ดีเหมือนกัน บางทีอาจมีโอกาสสนุกกับอนงค์แม่ของหนึ่ง มันไม่แน่ เรื่องยังงี้ เล่นลูกแล้วเล่นแม่ เล่นแม่แล้วเล่นลูก อ๊ะ...มันก็เข้าทีดีนี่
          “แต่พี่ว่ามันไกลไปหน่อยนะ”  เขาทําหน้าท้อแท้
          “ไกลที่ไหน รถตู้ก็มีให้นั่ง สบายออก”
          “เอ้า...ก็ได้ ตามใจหนึ่งนะจ๊ะ แต่ถ้าไม่ไหว ก็เช่าห้องอยู่ใกล้ๆ ที่ทํางาน”
          การย้ายออกจากบ้าน แม่ของตั้มงุนงงสงสัย ถามลูกชายเขาก็อ้างหนึ่งคิดถึงแม่ อยากอยู่ใกล้แม่ เขาไม่ได้พูดเรื่องพ่อทําปู่ยี่ปู่ยำกับหนึ่ง และพ่อของเขาก็ปิดปากเงียบ ไม่ยอมออกความเห็นอะไรเลย

          ที่หมู่บ้านเก่าหนึ่งหาบ้านเช่าไม่ยาก แถมยังอยู่ใกล้กับทาวน์เฮ้าส์ของแม่อีกด้วย ห่างกันแค่ข้ามถนนซอย
          อนงค์ก็ยินดีที่ลูกกลับมาอยู่ใกล้ๆ นุชนั้นดูเหมือนดีใจมากกว่าใครที่ได้อยู่ใกล้พี่สาวอีกครั้ง ตั้งแต่หนึ่งย้ายไป นุชเหงาไม่มีเพื่อนคุย แม่กลับบ้านดึก บางคืนก็ไม่นอนค้างบ้าน สงสัยว่าไปค้างบ้านอาแปะ นุชเล่าให้พี่สาวฟัง หนึ่งก็ได้แต่ยิ้ม และพูดว่า  “แม่ก็ยังงี้แหละ”
          อยู่ทาวน์เฮ้าส์กับตั้มเพียงสองคน อิสระเป็นส่วนตัวมากๆ เลย หนึ่งชอบและมีความสุข หล่อนพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่บ้านของตั้ม แต่บางครั้งหล่อนอดคิดถึงพ่อผัวไม่ได้
          อีกทั้งตั้มในบางครั้งเขาก็เอ่ยขึ้นมา แต่เขาไม่ได้พูดทํานองตําหนิติเตียนหรือฟื้นฝอยหาตะเข็บ หากแต่ท่าทีน้ำเสียงนั้น เขาพูดอย่างคนที่รู้สึกว่ามันตื่นเต้นดี ที่หนึ่งกับพ่อของเขามีอะไรกัน แต่เขาก็มักสรุปตอนจบว่า ไม่อยากให้มันเกิดเรื่อง อย่างนั้นอีก
          เขาพูดแบบนี้อยู่หลายครั้ง บางครั้งกําลังร่วมรักกันอย่างเมามันส์ ...เขาก็ถามว่าพ่อของเขาเล่นมันส์ไหม ทําเอาหนึ่งสะอึก แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้ถามแบบชวนทะเลาะ แต่เขาถามด้วยอารมณ์แปลกประหลาด หล่อนก็ตอบไปว่าสู้เขาไม่ได้พ่อของเขาเล่นมันส์สู้เขาไม่ได้
          เขายิ้มและหื่นขึ้นอีกเยอะ โหมพลังถลุงถ้ำสวาทไม่ยั้งด้วยความบ้าคลั่ง ออกเสียงไปด้วยพูดทํานองว่า  “มันส์ถึงใจยังงี้หรือเปล่าใช่ไหม...ยังงี้เลยใช่ไหม”
          หนึ่งแปลกใจไม่น้อย ที่เขามีท่าทีอย่างนั้น อดไม่ได้จึงถามว่าเขาชอบใช่ไหมที่หล่อนพลาดพลั้งให้พ่อของเขา
          “พี่ก็ไม่ชอบหรอก แต่มานึกดูมันก็ทําให้พี่คึกคัก”
          หนึ่งถึงกับจ้องหน้า เขายิ้มเอียงคอยักไหล่ ทํานองว่าไม่รู้ซี่ ถ้าหนึ่งจะถามคําตอบก็คือ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเพราะอะไร จึงมีความรู้สึกเช่นนั้น
          หนึ่งไม่ได้ถาม แต่รู้แล้วว่าเขาไม่โกรธขึ้ง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นตัณหาให้เขาอีก ก็นับว่าไม่เปล่าประโยชน์เสียทีเดียว

          เขาบ้าหรือเปล่า หนึ่งไม่ทราบ เขามักมีอารมณ์แปลกๆ ชอบสถานที่ใหม่ๆ ทาวน์เฮ้าส์หลังนั้นมันก็เหมือนห้องๆหนึ่ง ปิดประตูรูดม่านหน้าต่างเสียแล้วก็ไม่มีใครสอดตาเข้ามาเห็น
          เขาชวนหล่อนเล่นรักในที่ต่างๆหลายที่ ห้องรับแขกเขาชอบมาก ห้องน้ำนั่นเขาก็โปรด ที่ชานบันไดเขาก็ทําได้ เขาเกิดอารมณ์เมื่อไรก็ไม่ยั้งใจเลย บางทีนั่งดูทีวีกันอยู่ในห้องข้างล่าง เขาก็เกิดอยากจับหล่อนกระทั้นกระแทกแถวๆ หน้าจอทีวีนั่นเอง อีกทั้งบางทีดูหนังรอบดึก ทั้งที่ไม่ปิดไฟก็ยังล่วงล้ำหล่อนจนได้ บางครั้งหล่อนก็โดนเขาก้มหน้าลงฟัดฟอนสองเต้า เลื่อนต่ำลงไปถึงเนินเนื้อนูน กลีบร่องฉ่ำๆ โดนเขาลากลิ่นปาดแผล็บผลับ  ...ลิ้นสีชมพูเปียกน้ำลายชื้นตวัดเลีย มันสากเช่นเดียวกับกระดาษทราย บางครั้งเขาคงรู้สึกว่าลิ้นสากไม่พอ ก็ยังอมน้ำอุ่นแช่ลิ้นในน้ำที่เกือบทําให้ ปากพอง ให้ปุ่มรับรสที่ลิ้นพองบาน ซึ่งมันทําให้ลิ้นสากมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสไล้เลียที่ร่องสาวก็เสียวนัก
          เสียวดีจัง...โคกเนื้ออูมอิ่มขาวนั้น แต่กลีบแดงแฉะ ต้องยกร่องกระเด้งรับฉับๆ ยอมรับแหละ เขาเลียได้อร่อยหลาย
          เลียหนําใจแล้วเขาก็ทํามันกลางแสงไฟไม่อายใครเลย ซึ่งก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว นอกจากเห็นกันเองและผีสางที่ไม่เคยเห็นตัวตน
          บางคืนเขาดื่มเหล้ากับเพื่อนให้หล่อนอยู่คนเดียว หล่อนก็ไปคุยกับน้องสาว ก็เพียงข้ามถนนไปเท่านั้น คุยกันตามประสาพี่ๆ น้องๆ แต่แม่นั้นพบหน้ายากยิ่งนัก ตอนนี้กับอาแปะทั้งสองเป็นเงาตามตัวกัน
         
          “แต่มันไม่ใช่ยังงั้นเสียทีเดียว หรอกพี่หนึ่ง”
          “มันยังไงล่ะนุช”
          พี่สาวจ้องหน้าขาวๆ สวยมีเสน่ห์น่ารักของน้องสาว
          “ก็แม่น่ะซี มีใครอีกคนก็ไม่รู้ เขาชื่อจ่ายงค์ บางคืนเขาก็มาที่บ้านนะพี่ มากับแม่น่ะ”
          “แล้วเขาค้างหรือเปล่า”
          หนึ่งถามอย่างรวดเร็วอยากรู้ว่าแม่ไม่ได้หยุดแค่อาแปะหรอกหรือ มันจะไปกันใหญ่แล้ว อาแปะรู้จะทํายังไง
          “นุชไม่อยากพูดเลย เห็นเขากลับไปตอนเช้าน่ะ ขับรถปี้ดป้าดน่ากลัว พี่หนึ่งไม่เคยเห็นบ้างหรือ”
          “ไม่เห็นจ้ะ รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง”
          “ตัวใหญ่ๆ ผิวคล้ำเหมือนคนใต้ยังงั้นแหละ ได้ยินเขาคุยกับแม่ว่า ก่อนนั้นเขาเป็นตํารวจแต่ออกมาแล้ว เขาว่าโดนเจ้านายกลั่นแกล้ง แต่ในความเห็นของนุชนะคนอย่างเขามันน่ากลัวไม่น่าเป็นตํารวจเลย เจ้านายคงไม่ได้แกล้งหรอก เขาคงทําความผิดอะไรสักอย่างแล้วโดนไล่ออก”
          “ก็อาจเป็นได้ คนเราเวลาพูดก็มักปกป้องตัวเองเข้าไว้ก่อน แล้วโยนความผิดให้คนอื่น”
          “แม่ก็ท่าทางหลงเขาเสียด้วย แต่สั่งห้ามไม่ให้นุชบอกอาแปะให้ปิดปากเงียบเป็นความลับ แต่พี่หนึ่งพูดก็พูดเถอะ อาแปะดีกว่าร้อยเท่า คบกับคนนี้เหมือนคบกับพวกโจรยังไงยังงั้น เวลาเขามานอนที่บ้านนะ นุชไม่สบายใจเลย กลัวเขาบอกตรงๆ เดี๋ยวเขาเกิดคิดมิดีมิร้ายกับนุช นุชไม่รู้จะทํายังไง แม่จะช่วยนุชได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
          “ต้องระวังตัวให้มากแล้วละ เอาไว้พี่จะพูดกับแม่”
          แต่นุชโบกมือส่ายหน้าเร็วๆ
          “อย่าเชียวนะพี่ พี่ขืนพูดแม่ก็รู้ว่านุชเล่าให้พี่ฟัง”
          “พี่ไม่บอกแม่หรอกน่า พี่จะบอกว่าพี่เห็นเอง”
          นุชยิ้มออกมาแต่วี่แววกังวลยังมีอยู่ หวั่นเกรงแม่จะดุถ้าหากรู้ว่าที่พี่หนึ่งรู้ก็เพราะหล่อนเอง

          “อย่ากลัวไปเลยน่านุชเรื่อง ยังงี้พูดกันได้เพื่อความปลอดภัยของนุช พี่คิดว่าแม่ต้องเข้าใจ”
          แต่เมื่อมองหน้าน้องสาว หนึ่งก็ชักไม่แน่ใจคําพูดของตนจะเป็นจริง
          “ทําไมทําหน้ายังงั้นล่ะนุช”
          “ก็แม่น่ะซี ท่าทางหลงจ่ายงค์เอามากๆเลย ยิ่งกว่าชอบอาแปะนุชดูออก เกรงใจเขามากด้วย พี่หนึ่งพูดไม่แน่ว่าแม่จะฟังหรือเปล่า”
          “ยังงั้นเชียวหรือนุช”
          หนึ่งจ้องหน้าน้องสาว ขมวดคิ้ว ใบหน้าสวยๆของหล่อนมีแววครุ่นคิด แต่ไม่เป็นไรมันต้องมีทางแก้ ไม่อยากให้นุชต้องเสียทีผู้ชาย ก็จะต้องลองพูดกับมารดาดู

                                                          .........................................

          คืนนั้นอนงค์ก็พาจ่ายงค์มานอนค้างที่บ้านทาวน์เฮ้าส์ มาถึงตอนดึกมากแล้วนุชหลับไปหนึ่งตื่น และสะดุ้งเมื่อแม่กับจ่ายงค์มาถึง ไม่ใช่เสียงที่พวกเขาคุยกัน หากแต่เป็นเสียงดังจากห้อง พั่บๆๆๆ แบบนั้นนั่นต่างหากที่ปลุกหล่อนตื่นจากหลับไหล
          ทีแรกเด็กสาวไม่แน่ใจว่าผู้ชายที่อยู่ในห้องกับแม่ และกําลังทําเสียงแปลกๆนั้น เป็นอาแปะหรือจ่ายงค์ แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ถี่ยิบเช่นนั้นหล่อนก็เชื่อว่าต้องไม่ใช่อาแปะ จ่ายงค์นั่นแหละ มาทีไรก็รัวกระหน่ำไม่เว้นหายใจบ้างเลย
          แม่ของหล่อนก็จะส่งเสียงครวญครางอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง  ...อู๊วว์  ซี้ด  โอ๊ววว์  ซี้ด  ซู้ด  อู๊วว์ อะไรทํานองนี้แหละ ระงมห้องไปหมด
          ทั้งสองคนนี้มักจะเมากลับมา พอเมาแม่ก็ขาดสติไม่อายเพื่อนบ้านไม่อายลูก ส่งเสียงน่าเกลียดออกมา คนข้างบ้านได้ยินสบาย จ่ายงค์เองก็หน้าไม่มียาง ทั้งเมา ทั้งหื่น เล่นรักจนแม่ร้องไม่เป็นภาษาคน
          ส่ำเสียงนั้นดังอยู่เนิ่นนาน กว่าจะสงบเงียบลงได้และมีเสียงหัวเราะคิกคักดังมาแทนที่!


                                                      *******************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น