หาความสุขกันจนอ่อนเพลีย อนงค์จึงค้างบ้านอาแปะ อิ่มเอมเปรมปรีดิ์อย่างเต็มเปี่ยม และสิ่งตามมาคืออ่อนเพลีย จนตอนเช้าไม่อยากลุกไปทํางาน หล่อนน่ะถึงจุดสุดสวาทกี่ครั้งนับไม่ถ้วน ส่วนอาแปะนั้นนับครั้งได้ แต่ละครั้งแต่ละคราวอาแปะนั้นมันนานนับชั่วโมง เสียดสีอย่างรุนแรงหนักหน่วงอย่างนั้น จะไม่ให้หล่อนเรียบร้อยหลายต่อหลายครั้งได้อย่างไร เรียกให้ถูกต้องก็คือหล่อนเสร็จครั้งแล้วครั้งเล่า
เจอลีลาสวาทของอาแปะเข้าไปก็ทําให้ลืมเจ้าหนุ่มตั้มไปได้เหมือนกัน แม้หมอนั่นจะเก่ง แต่ลูกเล่นอันเพียบพร้อมไปด้วยความชํานาญช่ำชอง มีหรือจะสู้อาแปะได้ ไม่ว่าข้างหน้าหรือข้างหลัง อาแปะมีเทคนิคแปลกๆ ทําให้เสียวประหลาดๆ อยู่ไม่ขาด
อนงค์ลุกขึ้นมาแม้อ่อนเพลีย แต่เหลือบไปเห็นอาแปะที่ตื่นแล้วเหมือนกัน กําลังจ้องมองเรือนร่างเปลือยของหล่อนอยู่ ก็อดไม่ได้ที่เลือดลมจะฉีดแรง สายตาของอาแปะร้อนแรงนัก เขาพยักหน้าอย่างมีความหมาย
“มาพยักหน้าทําไมแปะ จะไปทํางานแล้ว”
“ล้างหน้าไก่ก่อนซีจ๊ะ”
“เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือแปะ กี่ครั้งนับบ้างหรือเปล่า ฉันน่ะเพลียจนไม่รู้จะเพลียอย่างไรแล้วล่ะจ้ะ”
“ไม่เกี่ยวกับเมื่อคืน”
พูดจบมือก็ถึงเนื้อตัวรั้งไปกอดก่ายไม่ยอมให้อนงค์ลงจากเตียง หลังจากนั้นก็ดูดดื่มเนื้อนมอวบ ดูดเลียเข้าไปอย่างไม่ฟังเสียง แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะเมื่อไฟถูกจุดขึ้นมา การล้างหน้าไก่จึงเป็นไปอย่างร้อนแรง เร่งเร้า กระหน่ำกันเสียงรัวถี่ยิบ เตียงลั่นอย่างจะพังพาบ
อนงค์ส่งเสียงครางอ๋อย น่าเวทนาหรือไม่นั้นไม่มีเลยจนนิดเดียว เพราะหล่อนเปล่งเสียงออกมาด้วยความเสียวซ่าน ไม่ใช่ได้รับความทรมานแม้แต่น้อย
อาแปะล้างหน้าไก่อย่างเร่งเร้า จับอนงค์โก่งบั้นท้ายอัดทางข้างหลัง แล้วเปลี่ยนเป็นข้างหน้า ...โดยให้อนงค์อ้าซ่าถ่างขากว้าง แล้วเขาก็จ่อลงตรงกลางกลีบดอกไม้บานอ้า กดพรืดเข้าไปพรวดเดียวเท่านั้น อะไรจะมาเหลืออยู่ให้เห็น มันฝังตัวเข้าไปทั้งแท่ง แท่งหยกขนาดมหึมาของอาแปะจมหายเหมือนโดนกลืนเข้าไปในกลีบดอกไม้นั้นหมด กลีบอูมเสียด้วย อาแปะรู้สึกว่ามันช่างดูดดื่มหรือดื่มด่ำเสียนี่กระไร
ไม่ต้องพิรี้พิไรกันให้มากความ กระแทกเข้าไปเลย สวบแล้วสวบเล่า อนงค์เอาแต่ครางอ๋อยๆ อยู่ลูกเดียว อีกทั้งยักย้ายรับร่อนโคกเนื้อล่อเป้าให้อาแปะทิ่มทะลวงจนหัวสากของอาแปะกระทบปากมดลูกอยู่หลายครั้งหลายหน
อาแปะนี่หื่นจัด ชัดกระหน่ำไม่เลือกว่าท่าไหนเป็นท่าไหน แต่มันก็ล้วนแต่ท่ายอดนิยมทั้งสิ้น และอนงค์ก็ชอบทั้งนั้นจนกระทั่งมันบานชักไม่ไหว สุดกลั้นมันปริ่มปรี่เต็มที่แล้ว อาแปะจึงยินยอมยิงสลุตอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งตัวของเขาเองและอนงค์ไปสู่สรวงสวรรค์ของคนเป็น
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อนงค์ก็อาบน้ำแต่งตัวจะต้องกลับไปแต่งตัวที่บ้านก่อน เพื่อจะไปทํางาน อาแปะก็แสนดีรับอาสาไปส่งถึงที่ทํางาน แล้วจึงหวนกลับหมู่บ้านเพื่อเก็บดอกเบี้ยรายวันต่อไป ดังเช่นที่เขาทําอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ตั้มไม่ยุ่งเกี่ยวกับอนงค์อีกแล้ว เขาหวนกลับไปหาหนึ่ง หนึ่งยังแสนงอนอยู่เหน็บแนมเขาเรื่องแม่อยู่ตลอด ตั้มเองทั้งที่รู้ว่าหนึ่งต้องพลาดท่าให้อาแปะไปแล้ว แต่ก็อยากรู้จากปากของหนึ่งเองว่า ความจริงนั้นเป็นอย่างไร
หนึ่งหรือจะบอกว่าหล่อนกับอาแปะสัมพันธ์กันลึกซึ้งขนาดไหน หล่อนก็ตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา พอดีในช่วงนี้อาแปะมัวแต่ยุ่งๆอยู่ เนื่องจากอนงค์ไม่ยอมปล่อยให้อาแปะทําตัวเหลวไหลยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวของหล่อนอีกแล้ว หล่อนเสียดายว่าที่ลูกเขยอย่างตั้ม อยากให้ได้แต่งงานกับหนึ่ง
แต่อาแปะนั้นไม่เคยลืมหนึ่งได้เลย ยังติดเนื้อต้องใจอยู่ไม่เสื่อมคลาย เพราะพูดไปแล้วช่องสวรรค์ของหล่อนแน่นกระชับกว่าอนงค์ร้อยเท่า เสียอยู่ที่หนึ่งยังเด็กผ่านสังเวียนสวาทไม่โชกโชนเหมือนอนงค์ ลีลาตอบสนองหรือการปล่อยอารมณ์จึงยังมีกระดากอายอยู่บ้าง ส่วนอนงค์นั้นอายไม่เป็น มีอารมณ์อยากเท่าใดก็แสดงออกมาไม่ปิดบัง
อาแปะพยายามติดต่อกับหนึ่ง แต่หญิงสาวกลับปฏิเสธที่จะพบปะกับอาแปะเหมือนดังแต่ก่อน ซึ่งอาแปะก็พอเข้าใจเพราะตั้มนั่นเอง เขาหวนกลับไปงอนง้อหนึ่ง หญิงสาวจึงหวนกลับไปหาเขา
ไม่ว่าหนึ่งจะใจแข็งอย่างไร แต่เมื่อตั้มตื๊อมากเข้าใจนั้นก็อ่อนลง และยินยอมนั่งรถตั้มไปทานอาหารมื้อเย็นกัน ดื่มกินกันอย่างแต่ก่อน ผลที่ตามมาหล่อนคืนดีกับตั้มแล้วและตั้มก็หยุดที่จะซักถามว่าหล่อนกับอาแปะมีอะไรกันหรือเปล่า เพราะว่าหล่อนปฏิเสธเรื่อยมาว่าไม่มีอะไรกัน ที่ทําไปทั้งหมดก็เพราะน้อยใจเขาเท่านั้น มันเป็นเพียงการเล่นละครไม่มีอะไรจริงจัง เป็นเพียงการแสดง
คืนนั้นแหละตั้มก็พาหนึ่งขึ้นเตียงในโรงแรม และทั้งหมดที่เขาทําลงไปก็คือโหมกระหน่ำหนักหน่วงเข้าใส่เรือนร่างเปล่าเปลือยของหนึ่ง ที่นอนบิดร่างไปมาด้วยความสุขและเสียวซ่านสุดประมาณ
ความหวานมันซาบซ่านได้หวนกลับมาสู่หนึ่งอีกครั้ง ความสุขที่ตั้มมอบให้อดเอาไปเปรียบเทียบกับความสุขที่อาแปะมอบให้ไม่ได้ ว่าไปแล้วก็ดีไปคนละแบบ มันส์ไปคนละอย่าง ...จะว่าใครดีกว่าใครคงไม่ได้
แต่หล่อนไม่ยอมปริปากเป็นอันขาด เรื่องมีอะไรกับอาแปะ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบ ไม่มีเลยมีแต่จะรังเกียจ
หล่อนพลิกคว่ำให้ต้มกระหน่ำทางข้างหลัง บั้นท้ายสะท้านส่ายไปส่ายมารับแรงกระทุ้ง ลําหยกของตั้มเคลื่อนตัวเข้าออกเป็นพัลวัน กลีบดอกไม้อันสวยงามอูมอิ่มยุบยู่สลับกับเผยออ้าอย่างน่าเสียวไส้
...หนึ่งกรีดร้องไม่ขาดปากเสียวสุดๆไปเลย ตั้มโยกบั้นเอวคว้าน แท่งหยกขนาดใหญ่ก็กวาดคว้านข้างในด้วย
ลีลารักของตั้มประทับใจไม่เปลี่ยนแปลง อีกอย่างหล่อนก็รักเขามาก ความสุขจึงลึกซึ้งนัก ส่วนตอนที่ร่วมเตียงกับอาแปะ มันเป็นแต่เพียงความงุ่นง่านในอารมณ์เท่านั้น อารมณ์ใคร่ ตัณหาอันร้อนฉ่าที่จะเล่นรักกับอาแปะ เพื่อปลดเปลื้องความอยากเพื่อความมันส์ในอารมณ์
เวลาร่วมสวาทกับอาแปะ ก็มันส์เหลือจะกล่าวจริงๆ พอมานอนกับตั้มก็มันส์อีกนั่นแหละ ทําไมหล่อนจึงมีอารมณ์มากมายเช่นนี้ ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นผู้หญิงร้อนตัณหาไปได้ จะมีเลือดของแม่อยู่ในตัวเยอะหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ
เล่นรักกับตั้มที่เตียงไม่พอ ตั้มชวนไปห้องน้ำ ก็สนุกกับเขาต่ออีกรอบ ยืนก้มตัวโก้งโค้งให้ตั้มใส่ทางข้างหลัง ทําเอาครางซี้ดไม่ขาดปากไปเหมือนกัน
“พี่ตั้ม อู๊ยย์ เสียวจ้ะ”
เขาเหนี่ยวบั้นเอวแล้วก็เสือกลํากระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใส่ไม่ยั้งที่แผลเก่าอันติดกายมาตั้งแต่เกิด จนกลีบกายเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว
“เป็นไงบ้างจ๊ะหนึ่งจ๋า”
“เสียวน่ะซีจ๊ะพี่ตั้ม เบาๆหน่อยก็ได้จ้ะ”
ขอร้องเขาไปอย่างนั้น แต่เขากลับพูดออกมาทําให้ซ่านเสียวมากขึ้นไปอีก เขาตอบว่า “เบาๆ ก็ไม่มันส์น่ะซีจ๊ะหนึ่งจ๋า”
“งั้นก็ไม่ต้องแรงนักนะ”
“ต้องแรงซีจ๊ะจึงจะมันส์”
“แค่นี้ก็มันส์แล้วจ้ะ”
“แต่พี่อยากให้หนึ่งมีความสุขและมันส์มากๆ นี่จ๊ะ”
เขาพูดมาอย่างนี้ หล่อนก็ปฏิเสธไม่ได้ ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย จึงทําให้หล่อนต้องยืนโก้งโค้งหยัดสู้ต่อไป นมกระเพื่อมเขาก็เอื้อมมือมานวดเคล้นเป็นครั้งคราว และบางครั้งก็ยังถอนหยกแท่งมหึมาออกไป แล้วบรรเลงเสริมด้วยเรียวลิ้นอันสากยิ่งกว่ากระดาษทราย จากนั้นก็ละลิ้นออกไป เพื่อสอดแท่งหยกเข้าที่เดิม อัดเข้าไปในกลีบดอกไม้กลางใจของกลีบอูมอ้าซ่า
หล่อนทําได้ก็เพียงครางและส่ายรับเท่านั้น เพราะเขาทําให้หล่อนได้รับความสุขสําราญบานอุราจนกลีบอ้าหุบไม่ลง
เล่นในห้องน้ำเกือบเสร็จไปเหมือนกัน แต่เขายังยั้งเอาไว้ก่อนเพื่อชวนหล่อนไปเล่นกันต่อที่เตียง หนึ่งต้องนอนพาดขอบเตียง แอ่นเนินเนื้อโคกขึ้น ให้เขาสอดกระแทกแท่งหยกเนื้อเข้าตรงกลางโคก
สวบเดียวเท่านั้นก็หายไปทั้งแท่ง หลังจากนั้นความเคลื่อนไหวมีอยู่ตลอด และเขาโน้มลงไปดูดสองเต้า ดูดปาก และไซ้ซอกคอ โดยบั้นเอวก็ยังโหมกระแทกอยู่ตลอดเวลาไม่ยอมหยุดยั้ง
กว่าจะจบเกมสวาทลงได้ ก็ทําเอาเหนื่อยหอบตัวโยน เหมือนออกกําลังทํางานอย่างหนัก ทํางานอาจไม่มันส์ แต่เล่นเสียวกันมันทั้งมันส์ทั้งเสียว ไม่ว่าใครก็ชอบเล่นกันทั้งนั้น ไม่มีใครบอกว่าขี้เกียจเลย แต่ทํางานยังบอกว่าขี้เกียจบ้าง มันเป็นอย่างนี้แหละ คืนนั้นกว่าจะกลับบ้านได้ จึงเล่นกันแล้วเล่นกันอีกจนอ่อนเพลียไปทั้งสองฝ่าย จึงกลับออกจากวิมานม่านรูดแดนสวรรค์ของคนชอบมันส์
อาแปะงุ่นง่านพอสมควร เพราะเขาหวังจะได้หนึ่งมาเป็นของเขาอีก เขายังไม่ทันเบื่อหน่ายหล่อนก็หวนกลับไปหาตั้มเสียแล้ว แต่จะผลีผลามก็ไม่ใช่ที่ หล่อนโวยวายขึ้นมาก็จะมีปัญหา
ตอนนี้จึงต้องทําใจ เท่าที่ได้มานั้นก็ดีแล้ว ดีกว่าไม่ได้เสียเลย แต่ยังประทับใจความแน่นกระชับของหล่อนไม่ลืมเลือนลืมไม่ได้จริงๆ
เจอหนึ่งทีไรเขาก็อดโลมเลียหล่อนด้วยสายตาไม่ได้ ตั้มเห็นเข้าก็ไม่ค่อยพอใจและไม่วางใจ เขากลัวเหลือเกินว่าอาแปะจะมายุ่งกับหนึ่งเข้าอีก ...เขาไม่อยากเสียหล่อนไป เขารักหล่อนมาก ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางยุติเรื่องนี้ลง ทางเดียวก็คือ จัดการแต่งงานกันให้เรียบร้อย
เขาพูดเรื่องนี้กับหนึ่งในเย็นวันที่แสงแดดเหลืองส่องผ่านช่องว่างตึกใกล้ร้านอาหารที่เปิดโล่ง ทําเป็นสวนมีลมพัดมารวยริน ...กลิ่นเบียร์และกลิ่นอาหารลอยมาตามลม
“ก็แล้วแต่พี่ตั้มซีจ๊ะ”
หนึ่งพูดด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ดีใจที่ตั้มเอ่ยเรื่องนี้ หล่อนเองก็อยากแต่งให้รู้แล้วรู้รอด เขาจะได้ไม่ไปเจ้าชู้อีก
แต่ก็ไม่แน่ การแต่งงานจะไปห้ามไม่ให้เขาเจ้าชู้ได้อย่างไร แต่ก็ยังดีกว่าจะคบหากันอย่างนี้มิใช่หรือ มันดีกว่าแน่ ๆ
“งั้นพี่ก็จะพูดกับพ่อแม่นะจ๊ะ ท่านทั้งสองชอบหนึ่ง ไม่มีอะไรขัดข้องหรอกพี่รับรองได้”
“ว่าแต่พี่ตั้มเถอะ แต่งงานแล้วจะเจ้าชู้หรือเปล่า”
“โอ๊ย..ไม่หรอกจ้ะหนึ่ง พี่มีหนึ่งคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“แต่งแล้วเราจะอยู่กันที่ไหนล่ะจ๊ะ หมายถึงที่พักน่ะ”
“พี่ตามใจหนึ่ง ให้เลือกเอาที่บ้านพี่หรือบ้านหนึ่ง หรือว่าเราจะไปอยู่กันตามลําพังก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่เท่าที่พี่คิดเอาไว้ บ้านพี่ก็สบายดี ไม่มีใครอีกแล้วเราอยู่กันสบายไปเลยจ้ะ”
หนึ่งก็เห็นดีด้วย แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ก่อน
วันนั้นกลับถึงบ้าน ตั้มก็เอ่ยเรื่องนี้กับพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองของเขา ก็ถามว่าคิดดีแล้วหรือ
“ผมตัดสินใจดีแล้วครับ หนึ่งเป็นคนดี เราคงอยู่ด้วยกันได้”
พ่อแม่ที่ตามใจลูก เมื่อเห็นว่าลูกตัดสินใจไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรขัดข้องและอีกอย่างชีวิตก็เป็นของลูก ลูกตัดสินใจเองให้เขารับผิดชอบตัวเองได้แล้ว งานการเขาก็มีทําเป็นหลักเป็นฐาน
เมื่อพ่อแม่ตกลง เขาก็โทร ศัพท์บอกหนึ่ง หนึ่งดีใจจนหัวเราะออกมา อนงค์นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย เหลือบมองลูกสาว อาแปะนั่งอยู่ไม่ห่างกําลังคุยกับอนงค์ก็เหลียวมองเช่นกัน
หนึ่งวางหูโทรศัพท์แล้ว ก็แจ้งข่าวดีให้แม่รับรู้ต่อหน้าอาแปะที่มองหนึ่งด้วยดวงตาวาววาม
“มีเรื่องอะไรหรือลูก หัวเราะเชียว”
“แม่จ๊ะ” หล่อนทรุดนั่งลงข้างๆ เกาะแขนแม่ “พี่ตั้มเขาบอกพ่อแม่ของเขาให้มาขอหนึ่ง พ่อแม่เขาก็ตกลงจะมาเร็วๆนี้แหละ วันอาทิตย์นี้แหละจ้ะ”
อนงค์เบิกตากว้าง ตั้มรักลูกสาวหล่อนจริง ยังงี้ก็หมดห่วง แต่อาแปะนั้นเล่า ถึงกับอ้าปากค้างไปครู่หนึ่ง ไม่นึกว่าจะรวดเร็ว ถ้าหนึ่งแต่งงานแล้วคงหมดโอกาส
“ดีมากจ้ะลูก ดีแล้วล่ะ จะได้หมดห่วงไป”
อนงค์ลูบหลังลูบไหล่ลูกสาว แล้วโอบกอดอย่างรักใคร่ เหลือบมองไปทางอาแปะเห็นเขานั่งหน้าตาแปลกๆ
“อ้าวแปะจ๊ะ ไม่ดีใจกับหนึ่งด้วยหรือ”
“อ้อ...ดีซี...ดีใจด้วยนะหนึ่ง”
หนึ่งไม่สนใจว่าอาแปะจะคิดอย่างไร แต่ตอนนี้หล่อนกําลังมีความสุข ไม่นานนี้หล่อนก็จะเป็นเจ้าสาว
นุชรู้เรื่องนี้เมื่อหนึ่งขึ้นไปห้องนอน หนึ่งนั่นแหละอดไม่ได้ที่จะเล่าให้น้องสาวฟัง พูดไปยิ้มไป นุชเย้าหยอกพี่สาวอย่างยินดีด้วย
“ยังงี้อีกไม่นานพี่สาวของนุชก็จะสวยที่สุดในวันนั้น ...แล้วก็มีความสุขที่สุดด้วย”
“เรายังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกจ้ะ”
“ใช่นุชยังเด็กอยู่ ไม่รู้ว่าความรักนั้นเป็นฉันใด”
พูดแล้วนุชก็หัวเราะคิกคัก ทําหน้าทะเล้นหยอกเย้าพี่สาว ...หนึ่งก็ค้อนให้อย่างน่ารัก นอนคุยกันจนกระทั่งหลับกันไป
สองเดือนต่อมาตั้มกับหนึ่งก็เข้าสู่พิธีวิวาห์ จัดเลี้ยงที่โรงแรม หนึ่งตัดสินใจไปใช้ชีวิตคู่ที่บ้านของตั้ม ย้ายออกไปจากบ้าน ห้องนอนที่ทาวน์เฮ้าส์จึงตกเป็นของนุชเพียงคนเดียว
ห้องที่ใช้ส่งตัวเข้าหอ ตกแต่งไว้สวยงาม ทุกอย่างใหม่หมด เครื่องใช้ไม้สอยเพียบพร้อม และมีห้องน้ำในตัวไม่จําเป็นต้องออกไปข้างนอกให้เสียเวลา อยู่ในห้องนั้นก็เหมือนอยู่ในห้องโรงแรมที่หนึ่งกับตั้มคุ้นเคย ทีวี วิดีโอ เครื่องเสียงมีอยู่พร้อมสรรพ เอาไว้อํานวยความสุข
คืนแรกที่ส่งตัวเข้าหอ เป็นวันที่หนึ่งไม่มีวันลืม ตั้มเมาแต่ไม่มากหล่อนเองก็เพียงแต่มึนๆ เท่านั้น
เป็นการร่วมรักที่ไร้ความกังวลใดๆ และรู้สึกว่าเป็นของกันและกันอย่างแท้จริง โรมรันกันตั้งแต่หัวค่ำไปจนดึกดื่น ก็ยังไม่อยากจะหลับนอน บางทีม่อยไปบ้างแต่แล้วก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีก ...ตั้มก็เล้าโลมไล้เลียอย่างถึงกลีบดอกไม้แดง มันฉ่ำมีน้ำหวานเยิ้ม เขาโลมเลียด้วยเรียวลิ้นจนหนําใจแล้วจึงมอบแท่งเนื้อหยกใหญ่ให้อย่างถึงพริกถึงขิง หนึ่งครางแต่ก็ร่อนรับ พอเขาจับพลิกคว่ำ หล่อนก็กระดกบั้นท้ายขึ้นอย่างรู้งาน
ตั้มกระหน่ำทางข้างหลัง เขาเร่งเร้า โหมแรงไฟให้ร้อนร่านทวีขึ้นเรื่อยๆ จนหนึ่งร้องไม่เป็นภาษาคนแล้ว แทนที่เขาจะหยุด ไม่มีทางเสียละ เขาจะไม่มีวันทําอย่างนั้น
เขาโหมไฟสวาทให้ลุกโชติช่วงมากยิ่งขึ้นไปอีกแทบจะเผาผลาญหัวอกหัวใจของหนึ่ง หล่อนรู้สึกร้อนร่านมากที่สุดแล้วจะขาดใจตาย แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขท่วมท้นล้นเหลือ
หล่อนบอกเขาพร่ำเพรื่อไม่ขาดปาก ว่าหล่อนนั้นมีความสุขมากเพียงใดมันส์และอร่อยเหมือนกับได้กินของถูกปาก
ตั้มโหมอย่างไม่ยั้ง กําลังมาจากไหนไม่ต้องถาม ...แต่เขามีอยู่พร้อมสําหรับคืนนี้เขาเร่งเครื่องเต็มที่สุดเหวี่ยงควงบั้นเอวเข้าใส่ไม่ยั้ง
“เป็นไงบ้างจ๊ะหนึ่งจ๋า เป็นไงบ้าง”
เขาถามละล่ำละลัก เสียงสั่นระรัว เพราะเขาถามออกไปพร้อมกับบั้นเอวก็กําลังซอยยิกๆ
“พี่ตั้มจ๋า พี่ตั้มจ๋า หนึ่งไม่รู้จะบอกยังไงแล้วจ้ะ มีความสุขเหลือเกินจ้ะพี่จ๋า พี่ตั้มจ๋า หนึ่งทนไม่ไหวตั้งหลายครั้งแล้วจ้ะ”
“ดีจ้ะ...ทนอีกนิด...เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“ไม่ต้องรีบเสร็จหรอกจ้ะ หนึ่งไม่เป็นอะไรหรอก เรามีเวลาอีกทั้งคืนจ้ะ”
“จริงซี งั้นพี่ไม่ให้เสร็จนะ ตอนเช้าค่อยปล่อย”
“งั้นได้ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลยจ้ะ”
“พี่ก็ว่ายังงั้นแหละ พี่ไม่ง่วงเลยสักนิด”
“หนึ่งก็เหมือนกันจ้ะ ไม่ง่วงเลย”
“หงื่อย่างเดียวใช่ไหมจ๊ะที่รัก”
“ไม่บอกหรอก เรื่องอะไรจะตอบ”
ถึงไม่ตอบ แต่ตั้มก็รู้ว่าหนึ่งรู้สึกอย่างไร เขาโหมกระแทกจนหล่อนไคลแม็กซ์ตอดรัดอยู่ตุบๆ
วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565
หอมกลิ่นโลกีย์ ตอนที่ 21
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น