วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

ร้อยรักวัยสวาท ตอนที่6


       เมื่อถึงวันเปิดภาคเรียนอีกครั้ง ดูเหมือนผมแทบจะใจสลายไปเลย เมื่อทราบว่าอัจฉราเพื่อนสาวคนเดียวของผม ที่ผมมีใจชมชอบให้เธอนั้น ได้ย้ายออกไปเรียนที่อื่น ผมจึงกลับมาหมกมุ่นอยู่กับตำราเรียนเพียงเรื่องเดียว ทำตัวใกล้เคียงหนอนหนังสือเข้าไปทุกวัน
ด้วยความมุ่งหวังที่จะพยายามเรียนให้ดี ทำเปอร์เซ็นต์การสอบและลำดับให้ดีๆ เพื่อหวังสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยและคณะเรียนที่ผมมุ่งหวังไว้ โดยแทบจะไม่สนใจหรือใส่ใจเลยว่า หัวข้อการสนทนาที่ยอดฮิต ที่ร้อนแรงในกลุ่มนักเรียนชายในขณะนั้นมันคือเรื่องใด
"ห่าชัย..มึงเคยเห็นน้องตาโตละยังวะ..."
จู่ๆวันหนึ่งขณะที่กำลังยืนเข้าแถวเพื่อซื้ออาหารกลางวันทาน ไอ้เอกเพื่อนในห้องเรียนคนหนึ่งของผมก็กระซิบถาม แต่ดันส่งเสียงเสียค่อนข้างดัง ดีที่ว่าไม่มีใครใส่ใจมองมา คงเพราะสมาธิของเพื่อนๆในแถวต่างมุ่งหวังไปที่อาหารมื้อกลางวันกันแทน
"ใครคือน้องตาโตหรือวะ..."
ผมออมเสียงถามออกไปเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจในคำตอบที่ไอ้เอกมันบอกกลับมาว่า น้องกันตาโตที่มันพูดถึงนั้นคือน้องมศ.1 ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ในปีการศึกษานี้
"แล้วไง...ทุกปีก็มีน้องใหม่เข้ามาแบบนี้..ทำไมถึงตื่นเต้นนักวะไอ้เอก..." ผมถามด้วยน้ำเสียงปรกติ ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนไอ้คนที่กำลังเล่าเรื่องให้ฟังแม้แต่น้อย
"ไอ้ควายเอ๊ย...มึงนี่ฉลาดแต่เรื่องเรียนอย่างเดียวจริงๆ จึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้น้องกันตาโตเธอฮ็อตขนาดไหน.."
ไอ้เอกพูดพร้อมเตรียมยกมือมาเบิร์ดกระโหลกของผม แต่เมื่อเห็นสายตาดุๆของผมเสียก่อนมือที่ยกไว้ข้างนั้นจึงค้างเติ่ง ก่อนจะค่อยๆวางลงข้างลำตัว
"ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ..น้องนั่นจะฮ็อตยังไงก็เรื่องของเธอ..."
ผมพูดเหมือนบ่นๆด้วยความรำคาญ เพราะคาดการณ์ว่า คงไม่พ้นมาแนวทางเดียวกับยัยแจง ที่ทำเอาผมแสบสันต์ไปเมื่อปีก่อน พร้อมขยับขาก้าวเดินตามแถวเข้าไปใกล้ร้านขายข้าวแกงช้าๆอีกนิด
"เออมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่ที่กูบอกมึงนี่เพื่อให้มึงรู้ไว้บ้าง ว่าเวลาใครๆเขาพูดถึงน้องกันตาโต มึงจะได้ไม่ปล่อยไก่ เหมือนที่กำลังคุย
กับกูวันนี้ไงวะ..ไอ้ฟาย...เห้ย!..นั่นไงน้องกันเดินมาโน่นแล้ว....."
ไอ้เอกมันพูดเหมือนน้อยใจที่ผมไม่สนใจเรื่องน้องอะไรนั่นที่มันมาบอก ตบท้ายด้วยการด่าว่าผมเป็นไอ้ฟายเสียงเบาๆ จากนั้นมันก็ร้องเอะอะพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปที่ทางเดินใต้ถุนตึกเรียน ผมมองตามมือของไอ้เอก ก็เห็นนักเรียนทั้งชายและหญิงกลุ่มใหญ่กำลังเดินตรงมายังห้องอาหาร แต่ที่สะดุดตาตรงนักเรียนหญิงรูปร่างสูงๆ ถักผมเปียสองข้างผูกด้วยโบร์สีน้ำเงิน ที่เดินนำหน้ามานั้น โดยมีขบวนนักเรียนชายหญิงเดินตามล้อมหน้าล้อมหลังกันมาเป็นพรวน
"นั่นไงไอ้ชาย .มึงเห็นมั๊ย น้องกันตาโตคนสวยเดินมาโน่นแล้ว.." น้ำเสียงไอ้เอกดูสั่นๆ ท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาฉับพลัน เมื่อมันชี้นำให้ผมมองตามมือ
"อืมมมมม...นั่นน่ะหรอ..น้องกันของมึง..ท่าทางคงฮ็อตของจริง..." ผมพูดเหมือนไม่ใส่ใจรีบถอนสายตากลับมายังร้านข้าวแกงป้าเพ็ญที่คิวเริ่มหดสั้นลงทีละนิดๆทันที
"ไอ้ชายไปกับกู...."
เหลืออีกเพียงแค่สองคิวเท่านั้นผมก็จะได้สั่งอาหาร แต่แล้วไอ้เอกก็ลากมือผมออกมาจากแถว ที่ต้องรอคิวเกือบ10นาที แล้วดึงแขนผมไปยังกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่ที่ต่อคิวเพื่อซื้อขนมปังที่อยู่อีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่รอถามความสมัครใจจากผมเลยแม้แต่น้อย
"ไอ้ห่าเอก...กูอยากกินข้าว.."
ผมร้องท้วงไปเบาๆ แต่เท้าก็ก้าวเดินตามแรงฉุดของไอ้เอกไปจนกระทั่งถึงคิวยาวเหยียดของนักเรียนที่ต่อคิวเข้าแถวเพื่อซื้อขนมปัง แต่มันกลับไม่พาผมไปต่อคิวเหมือนชาวบ้านเขา ดันพาผมไปยืนประจัญหน้ากับเจ้าของดวงตากลมโตสุกใส ที่เต็มไปด้วยประกายอยากรู้อยากเห็น บนใบหน้าขาวเรียวเกลี้ยงเกลาคนนั้นเสียแทน เล่นเอาบรรดานักเรียนคนอื่นๆ ที่ติดส้อยห้อยตามมาเข้าคิวซื้อขนมปังแบบน้องกัน มองหน้าเราสองคนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
"น้องกันชอบทานขนมปังหรือครับ..."
ไอ้เอกจีบปากบีบกล่องเสียงให้น้ำเสียงดูเนิบนาบอ่อนหวาน เมื่อร้องสอบถามเด็กสาวร่างสูงเพรียวเกินเด็กเข้าใหม่คนนั้น แต่อุ้งมือของมันที่บีบกระชับลำแขนของผมนั้นกลับร้อนผ่าวและชื้นเปียกไปด้วยเหงื่อ จนผมค่อยๆสลัดปลดแขนตนเองออกมาจากอุ้งมือของมันช้าๆ พร้อมกับมีเวลาพอที่จะมองสำรวจวงหน้าเรียวขาวเกลี้ยงเกลา สอดรับกับคิ้วโก่งดกดำ และริมฝีปากหยักแดงเต็มอิ่มามธรรมชาติของเด็กสาวคนนั้นอย่างรวดเร็ว
"ค่ะพี่เอก..." เด็กสาวคนนั้นตอบเบาๆด้วยสุ้มเสียงที่ไหวพริ้วเหมือนเสียงระฆังแก้วที่แขวนตามโบสถ์ มันดังหงุงหงิงกรุ๊งกริ๊งเบาๆ แต่ก็ชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้ผมเผลอตัวมองสำรวจวงหน้าขาวเรียวเกลี้ยงเกลานั้นอีกครั้ง พร้อมกับไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพียงชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่น้องคนนี้เข้ามาเรียน เธอถึงได้เป็นหัวข้อสนทนาที่ฮ็อตและร้อนแรงในหมู่ผู้ชายในโรงเรียนผม

เพราะนอกจากความสวยน่ารักในตัวน้องกันแล้ว ภายหลังผมจึงได้ทราบว่าฐานะทางบ้านของเธอค่อนข้างจะร่ำรวย ด้วยเหตุว่าเธอเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวที่ทางบ้านมีคนขับรถเบนซ์มาส่ง มารับทุกเช้าเย็น ผมจำได้ว่าในครั้งนั้น หลังจากที่ไอ้เอกมันพาผมไปแนะนำตัวให้น้องกันรู้จักแล้ว ผมก็ค่อยๆ เดินเลี่ยงออกมาจากแถวคิวที่ต่อเพื่อซื้อขนมปัง ด้วยสายตาของนักเรียนทั้งหญิงและชายหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาทางผม จนทำให้ผมเกิดความรู้สึกอึดอัด และโดยเฉพาะเมื่อเริ่มรู้สึกหน้าแดงจากสายตากลมโตสุกใสคู่นั้น ที่ปากสนทนากับไอ้เอกเพื่อนซี้ของผม แต่กลับส่งสายตาจ้องมองมาที่หน้าของผม จนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก แขนขาเริ่มรู้สึกว่ามันยาวเก้งก้างจนไม่รุ้จะวางไว้ที่ใดดี ใจเริ่มเต้นแรง จนรู้สึกอึดอัดจนแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก เหมือนมันกำลังจะตาย โดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเดินจากมาตามลำพังแล้วนั่นแหละ ผมค่อยหายใจได้คล่องขึ้นเป็นปรกติ
หลังจากวันนั้นแล้วผมก็ไม่ได้ใส่ใจสนใจเรื่องราวของน้องกันและบรรดาเพื่อนๆอีก เพราะวันๆที่ผ่านไปนอกจากการเข้าเรียนในห้อง พอ
มีเวลาว่างผมก็มักจะขลุกตัวอยู่ในห้องสมุด อ่านทบทวนตำรับตำราที่เรียนมา รวมทั้งเพิ่มความรู้ใหม่ๆที่ค้นหาเจอจากการได้อ่านหนังสือ จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากวันเป็นเดือน และจนกระทั่งหลายเดือนผ่านไป เมื่อวันสุดท้ายที่สอบไฟนอลเสร็จ ผมก็รีบไปสมัครเป็นกระเป๋ารถเมล์อีกครั้ง และก็ได้งานทำช่วงปิดภาคเรียนสมใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น