วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

ร้อยรักวัยสวาท ตอนที่1



"พี่ชาย....รอแจงด้วยสิคะ..."
เสียงตะโกนร้องเรียกดังๆ ด้านหลังจนทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ก็เห็นสาวน้อยวัย14ในชุดนักเรียนคอซองวิ่งลิ่วไล่ตามจนผม
เปียสองข้างกวัดแกว่ง ใบหน้าขาวๆน่ารักๆตรงลักยิ้มที่ข้างแก้มทั้งสองนั้น คุ้นตายิ่งนัก จนผมต้องหยุดยืนรอ ให้น้องแจงวิ่งมา
จนทัน
"เรียกพี่มีไรครับ...."
ผมถามกลับออกไปอย่างไร้เยื่อใยไมตรี ด้วยความรุ้สึกที่สับสนอยู่ในหัว เรื่องแรกก็คือสาวน้อยชื่อแจงคนนี้ รู้กันดีในหมู่นักเรียน
มอต้นว่าแสบขนาดไหน เธอเป็นหัวโจกของกลุ่มแรดในโรงเรียน แม้จะเพิ่งเรียนอยู่มอหนึ่งเท่านั้นเอง ส่วนอีกประการคือผมไม่
อยากสนทนากับเด็กคนนี้มากนัก ด้วยเกรงว่าแป๋วหรืออัจฉราเพื่อนร่วมห้องของผมเธอจะเห็นเข้า เพราะแป๋วนั้นคือสาวสวยที่
ผมแอบชื่นชมหลงรักอยู่นั่นเอง
"มีไรว่ามา ...."
ผมกระชากเสียงถามด้วยความรุ้สึกรำคาญจนแสดงออกมาทางสีหน้า จากนั้นก็เดินเร็วๆ สาวเท้ายาวๆเดินต่อ แต่ก็เดินไปไหน
ได้ไม่กี่ก้าว ข้อมือของผมก็โดนจับยึดไว้จากมือเล็กๆนิ้วเรียวๆของแจง
"รอแปบสิคะคุณพี่ชาย....ขอพักเหนื่อยหายใจหายคอไม่ทันเลย....จะรีบไปไหนคะ..."
เสียงแจงบ่นอุ๊บอิ๊บหายใจฟืดฟาด จนอกตูมๆเล็กๆเท่าผลส้มเขียวหวานบางมดดันเสื้อนักเรียนออกมาเป็นก้อนกลมๆ ใบหน้าแดง
กร่ำเพราะเหนื่อยที่ต้องวิ่งไล่ตามผม
"คือว่าแจงอยากขอร้องให้พี่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้น่ะค่ะ...." น้องแจงแจ้งจุดประสงค์ของเธอให้ผมทราบ ผมไม่รู้ว่าเธอรุ้มาจาก
ไหนว่าผมเก่งวิชาภาษาอังกฤษ ถึงได้อยากให้ผมช่วยสอนให้
"พี่ขอโทษนะ..พี่ช่วยไม่ได้หรอก พี่ไม่มีเวลา...ต้องรีบกลับบ้านไปช่วยงาน...."
ผมบอกไปตามความจริง เพราะผมต้องรีบกลับไปช่วยแม่ที่ขายอาหารตามสั่งที่ตลาดนัดทุกเย็นหลังเลิกเรียน ไม่เคยมีเวลาว่าง
ที่จะเล่นหรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
"ค่ะแจงทราบ...ว่าพี่ต้องไปช่วยงานคุณแม่...แต่ตอนเลิกเก็บร้านแล้วพี่พอมีเวลามั๊ยคะ...สักวันละชั่วโมง มาช่วยสอนภาษาให้แจง
คุณแม่แจงจ้างให้เงินด้วยนะคะ...."
คำว่าจ้างให้เงินด้วย ถึงกับทำให้ผมสนใจ เพราะฐานะครอบครัวผมนั้นยากจนไม่ได้มีเงินมากมาย การที่ผมสามารถหารายได้พิเศษ
เช่นนี้ ย่อมเป็นผลดีกับตัวผมอย่างยิ่ง
"แล้วแม่แจงจะให้พี่เท่าไหร่ล่ะ...."
เสียงผมค่อยอ่อนลง เมื่อรับรุ้ว่าเธอเรียกผมนั้นด้วยธุระจริงๆ หาใช่เรียกรั้งไว้เพื่อโชร์ให้เพื่อนกลุ่มแรดของเธอเห็นว่าเธอสามารถ
เรียกนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนมาคุยเรื่องไร้สาระได้
"พี่ชายไปตกลงกับแม่แจงเองสิคะ...เลิกร้านแล้วไปหาแจงที่บ้านแล้วกัน..บายค่ะ..."
แจงเด็กแสบพูดจบก็เดินจากไปรวมกลุ่มกับกลุ่มเพื่อนๆของเธอ ที่ต่างวี๊ดว๊ายส่งเสียงแซวมาที่ผม จนผมต้องรีบเดินหนีกลับไปช่วย
แม่เสริฟอาหารที่เพิงค้าในตลาดนัดตอนเย็น โดยที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
.........................................................................
เกือบสามทุ่มที่ตลาดนัดเริ่มวาย ผู้คนที่เดินมาจับจ่ายหาซื้อข้าวของใช้ของกินต่างทยอยกันกลับเหลือเพียงไม่กี่คน แม่ก็เริ่มเก็บร้านโดยมีผมคอยช่วยเหลือแบ่งเบางาน จนเสร้จเรียบร้อยกลับบ้าน ผมรีบเร่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นกางเกงวอร์มผ้ายืดกับเสื้อ
กีฬาสีของโรงเรียน จนแม่แปลกใจว่าผมจะแต่งตัวไปไหน
"จะไปไหนรึตาหนู...." แม่สุดา คือชื่อแม่ของผม เราอยู่กันเพียงสองคนแม่ลูก ส่วนพ่อผมนั้นทิ้งเราสองคนไปมีเมียใหม่แล้วก็มีลูก
ใหม่ ไม่เคยมาสนใจใยดีเราสองคนแม่ลูกอีกเลย
"หนูจะไปบ้านน้องมอ.1น่ะแม่...เห็นน้องเค้ามาบอกว่าแม่เค้าจะจ้างหนูให้สอนภาษาอังกฤษให้ลูกเค้านะครับ"
แม่มักเรียกผมว่าตาหนูจนติดปาก ส่วนผมก็แทนตัวเองว่าหนู มาตั้งแต่เด็ก แม้จะโตจนรูปร่างสุงกว่าแม่เกือบศอกแล้วก็ตาม
"แล้วทำไมต้องให้เค้าจ้างด้วยล่ะตาหนู...สอนให้เค้าฟรีๆก็ได้ไม่ใช่รึ..."
แม่สุดาของผมมักจะเป็นคนใจอารีย์แบบนี้เสมอ แม้ครอบครัวผมจะยากจน แต่แม่สุดานั้นกลับมีน้ำใจกับคนทั่วไป ใครไม่มีเงินมา
ขอข้าวแม่กิน แม่ยังตักให้กินฟรีๆได้เสมอ ส่วนผมนั้นก็ใช่จะแล้งน้ำใจเสียทีเดียว เรื่องสอนเรื่องติวหนังสือให้เพื่อนๆนั้น ผมก็ไม่
เคยคิดค่าจ้างค่าออนเลยสักครั้ง แต่สำหรับเด็กแจงนั้น ด้วยฐานะที่ร่ำรวยของเธอ บวกกับผมไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอเป็นการส่วน
ตัว เพราะนิดสัยแรดๆของพวกเธอนั่นแหละ ผมจึงจำเป็นต้องคิดค่าสอน
"โหยยยแม่ก็..เวลาหนูไปเรียนหนังสือ แม่ก็ต้องเสียค่าเทอมใช่มั๊ยครับ...ฉนั้นเมื่อหนูไปสอนหนังสือให้ใคร หนูก็ต้องคิดเงินเป็น
เรื่องธรรมดาน่ะแม่..."
ผมตอบแม่จบก็เตรียมตัวลงจากบ้าน แต่เนื่องจากบ้านของแจงนั้นอยู่ไกลถึงในตลาด ผมจึงต้องปั่นจักรยานไปหา ซึ่งบ้านแจงนั้น
แม้ผมจะไม่เคยไป แต่ก็หาไม่ยากอยุ่แล้วเนื่องจากเป็นบ้านคนรวยเจ้าของตลาดสดใครๆก็รุ้จัก
หลังจากที่ผมปั่นจักรยานพอเหงื่อซึมหลังก็ถึงบ้านของแจง กดกริ่งหน้าบ้านแล้วรอสักครุ่ก็มีคนมาเปิดประตุให้ เป็นสาววัยกลางคน
ผมรีบยกมือไหว้เพราะไม่รู้ว่าแกเป็นใคร ยังไงก็ต้องไหว้ไว้ก่อน

"ผมมาหาแจงครับ จะมาสอนอังกฤษให้..." ผมรีบแจ้งวัตถุประสงค์ให้เธอทราบ หลังจากที่แกพาผมเข้าไปในบ้านจึงได้รู้ว่าสาววัย
กลางคนผู้ที่ผมไหว้นั้นคือน้าสาวของแจงนั่นเอง
ผมนั่งตัวรีบรอที่โซฟารับแขกสักครุ่ แม่ของแจงกับแจงก็เดินออกมาจากห้องด้านหลัง แม่แจงเป็นสาววัยกลางคน หน้าตาดูอ่อนวัย
กว่าแม่สุดาของผม แกใส่ชุดอยู่กับบ้านเป็นเสื้อคลุมตัวเดียวยาวๆชายละพื้นบ้าน ลวดลายดอกไม้สีแดงๆ ดูพราวแพรวด้วยเครื่องประดับบ่งบอกฐานะ ส่วนเด็กแจงตัวแสบนั้นใส่กางเกงขาสั้น ปลายขาบานๆสีชมพูกับเสื้อยืดสีขาวเอวลอยๆจนแทบจะมองเห็นหน้าท้องขาวๆกับสะดือกลมๆ หน้าตาท่าทางของแจงนั้นเวลาอยู่บ้านดูเรียบร้อยน่ารัก ต่างกับตอนอยู่ที่โรงเรียนเป็นไหนๆ
"สวัสดีครับผมชื่อชาย...." ผมรีบสวัสดีทักทายพร้อมแนะนำชื่อก่อนเป็นอันดับแรก
"หูยยย..ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอกพ่อหนุ่ม ทำตัวตามสบายจ๊ะ...น้าฝากน้องด้วยนะ ถ้าชายสอนจนน้องสอบผ่านได้ น้าจะมีรางวัลพิเศษให้ค่ะ..."
เสียงแม่ของแจงดูไพเราะมีสเน่ห์ มีความเป็นกันเองจนผมหายประหม่าเกร็ง เผลอตัวจ้องมองหน้าด้วยความชื่นชม จนลืมสอบถาม
เรื่องค่าจ้างที่จะให้ไปเลย
"ลูกแจงพาพี่ชายไปที่ห้องหนังสือสิคะ..จะได้เริ่มสอนกันเลย..."
แม่ของแจงคงรีบร้อนที่จะให้ผมสอนภาษาอังกฤษให้กับลูกสาว จนลืมถามถึงความพร้อมของผม แต่เมื่อผมเดินตามแจงไปในห้อง
หนังสือนั้น ก็เห็นว่ามันเป็นห้องที่มีตู้ชั้นวางหนังสือมากมายจริงๆ เหมือนเป้นห้องสมุดเล็กๆห้องหนึ่งทีเดียว ผมมองด้วยความรุ้สึก
อิจฉาเล็กๆ กับความโชคดีมีวาสนาของแจงที่มีเพรียบพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่ผมจะทำการบ้านหรืออ่านหนังสือก็ต้องนอนคว่ำกับ
พื้นกระดานเก่าๆ มีโคมไฟดวงเล็กๆไม่กี่แรงเทียนคอยให้แสงสว่าง ผิดกับห้องหนังสือที่ผมเข้ามายืนอยู่ในขณะนี้ ที่มีแสงสว่างส่อง
ทั่วไปทั้งห้อง มีแอร์เย็นๆ มีโต๊ะเก้าอี้พร้อมสรรพ นึกเสียดายโอกาสถ้าแม่ของแจงล่วงรู้ความประพฤฒิของลุกสาวตอนที่อยู่ในโรง
เรียน แกคงลมจับเป็นแน่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น