พลันบังเกิดเสียงฝีเท้าดังสับสน
ดรุณีรับใช้นางหนึ่ง
ร้องเรียกว่า
“นายน้อย..”
จั่วหวินหลิงผวาลุกขึ้นจากเตียงเหลียวขวับ
ไปตามเสียง
“อุ๊ย”
ดรุณีรับใช้อุทานหน้าแดงซ่านเมื่อเห็นร่าง
เปล่าเปลือยของผู้เป็นนาย
เจ้ามังกรร้ายผงกหัวบานร่าอย่างน่ากลัว
“เรื่องอะไร”
จั่วหวินหลิงตวาดถาม
ดรุณีน้อยรีบระงับจิตใจกล่าวอย่างร้อนรน
“ท่านหัวหน้าองครักษ์จินเปียว
แจ้งว่ามีคนร้ายบุกรุก
คฤหาสน์กลางวิกาลคิดทำร้ายเฉากงกง...”
“บิดาเป็นไรหรือไม่”
“เฉากงกงไม่เป็นไร
ท่านผู้เฒ่าต้องการพบ ท่าน”
จั่วหวินหลิงไม่รอฟังจบ
รีบสวมเสื้อผ้าโลด
แล่นกลับไปโดยมีสุนัขเจินจูวิ่งตามหลัง
...................................................................................
เฉาฮั่วฉุนออกจากห้องนอน
รอรับฟังคำรายงานของ องครักษ์
“เรียนเฉากงกง
พวกเราตรวจค้นพื้นที่รัศมีห้าลี้โดย
ละเอียด แต่ ไม่พบร่องรอยคนร้ายแม้แต่เงา”
เอ่ยถึงตอนนี้
จั่วหวินหลิงเร่งรุดมาถึง
สาวเท้าถึงเบื้องหน้า
เฉาฮั่วฉุน กล่าวอย่างร้อนรุ่ม
“บิดา
ผู้บุตรมาสายก้าวหนึ่ง
เป็นเหตุให้ท่านผู้เฒ่า
ได้รับความตระหนก”
เอ่ยถึงตอนนี้
เหลียวหน้าไปถามว่า
“สือฉี
จับกุมคนร้ายได้หรือไม่”
สือฉีลังเลเล็กน้อยไม่ทันตอบคำ
พลันบังเกิดเสียงสุนัข
เห่ากระชั้นเร่งร้อน
เป็นสุนัขเจินจูของจั่วหวินหลิงเอง
มันสูดได้กลิ่นผิดปกติ
ดังนั้นเงยหัวเห่า กรรโชกเป็นการใหญ่
จั่วหวินหลิงเงยหน้าตาม
ก็เห็นคนชุดดำร่างอ้อน
แอ้นแนบร่างอยู่บนเพดานห้องดุจจิ้งจกมหึมา
...ที่แท้คนร้ายไม่ได้หลบหนีออกจากตึก
หากแต่ซ่อนตัวอยู่บน
เพดานห้องเอง!
องครักษ์พิทักษ์ตึกสองคนตวัดทวนคู่มือขึ้น
จั่วหวินหลิงพลันช่วง
ชิงทวนสะบัดซัดใส่คนชุดดำนั้นดุจประกายไฟ
คนชุดดำใช้กระบี่สั้นปัดป่ายทวนพลิกตัวหลบทวนอีกเล่ม
หนึ่ง จั่ว
หวินหลิงตะปบคว้าทวนจากมือองครักษ์ข้างเคียงอีกเล่มหนึ่งซัดตามติด
โดยกระชั้นชิด
ประกายทวนพุ่งวาบ
ซัดถูกท้องของคนชุดดำได้ยินเสียงครางหนักๆ
ทั้งคนทั้งทวนตกวูบลงมาโดยพร้อมเพรียง
ร่างอ้อนแอ้นร่วงฟาดลง
กับพื้นฟุบแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว
สือฉีสืบเท้าไป
ใช้ทวนเขี่ยร่างของคนชุดดำพลิกกลับมา
ยื่นมือดึงผ้าคลุมหน้าของอีกผ่ายออก
สายตายามกวาดตามองต้องงงงันวูบ
หลังผ้าคลุมหน้าเป็นวงหน้าผุดผาด
ขนคิ้วที่เรียวยาว
ดวงตาทั้งคู่พริ้มสนิท
ที่แท้เป็นสตรีนางหนึ่ง
สือฉีร้องโพล่งว่า
“เป็นสตรีนางหนึ่ง...”
ไม่ทันขาดคำ
สตรีงามชุดดำพลันลืมตาขึ้น
สือฉีเอากระบี่สั้นจี้
ที่ลำคอนางบังคับให้ลุกขึ้นยืน
จั่วหวินหลิงกระชากเสียงถาม
“ใครใช้เจ้ามาลอบสังหาร”
ดรุณีชุดดำหลับตาขบกรามแน่น
จั่วหวินหลิงบันดาลโทสะ
ตวัดมือตบฉาดจนนางหน้าหัน
“บัดซบ
นางแพศยา ดูซิว่าเจ้าจะปิดปากได้
นานแค่ไหน”
พูดจบหันไปกล่าวกับองครักษ์
“สือฉี
เตรียมเครื่องทรมานเท้าลา!”
เสียงฮือฮาดังลั่นห้อง
ดรุณีชุดดำสีหน้าซีดเผือด
แม้แต่สาวรับใช้สองนางที่อยู่ในห้องก็มีใบหน้าแดงซ่าน
แสดงให้เห็นว่าฑัณฑ์
ทรมานชนิดนี้คงโหดร้ายเหลือคณา
ชั่วครู่สือฉีก็คุมทหารคงรักษ์สองคนลาก
แท่นไม้ประหลาดที่มี
ลักษณะคล้ายม้านั่งออกมา
หากตรงกลางที่นั่งมีรูกลมๆขนาดเท่าข้อมือเจาะอยู่อย่าง
ประหลาด
เสียงหัวเราะฮิฮะดังลั่นห้อง
จั่วหวินหลิงก็แย้มยิ้ม
กล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม
“สือฉี
ทดลองเปิดกลไกให้นางชมดู”
องครักษ์สือฉีรับคำ
เอื้อมมือไปกดกลไก
ทันใดก็มีเสียงครืน ครั่ง
พร้อม
กับมีท่อนไม้รูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายขนาดใหญ่ทะลวงขึ้นลงออกมาจากรูนั้น
สตรีชุดดำที่กวาดตามอง
ถึงกับตัวสั่นระริก นางรู้แล้วว่า
จั่วหวินหลิงคงจะจับนางเปลือยกายนั่งลงบนม้า
ปล่อยให้ท่อนไม้ทะลวง
ถ้ำหยกของนางนั่นเอง...
“พอแล้ว”
จั่วหวินหลังสั่ง
แล้วหันมามองหน้าสตรีชุดดำ
“ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า
จะบอกหรือไม่?”
สตรีชุดดำเบิ่งตามองจั่วหวินหลิงด้วยความ
อาฆาต แล้ว ก็หลับตาลงอีกครั้ง
จั่วหวินหลิงหัวเราะเสียงเหี้ยม
“ดีล่ะ
เราคงจะได้ดูของสนุกกันคราวนี้
สือฉีถอดเสื้อผ้านางออก”
สือฉีก้าวเท้าเข้ามา
ตะปบมือฉีกอกเสื้อนางของ
นางเสียงดังคว้ากกก
“อาาาาาา....”
เสียงฮือฮาดังขึ้นลั่นห้อง
เมื่อปทุมถันอวบใหญ่ขาว
ผ่องหลุดผึงออกมาเต้นสั่นระริกอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลาย
ยอดปทุมถันมีสีชมพูระ เรื่อ
ปลายยอดนั้นเป็นเม็ดเล็กๆยังไม่ทันเบ่งบาน
แสดงว่าสตรีชุดดำนี้ยังเป็นสาว
บริสุทธิ์อยู่
สตรีชุดดำเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง
พอถูกเหยียดหยามก็อดไม่
ได้ที่จะต้องตวาดด่าด้วยความโกรธ
“คนเลวทราม
เป็นถึงองครักษ์แต่พฤติกรรมไม่ผิดกับสัตว์ป่า”
จั่วหวินหลิงหาได้มีโทสะไม่
แต่สั่งต่อไปอย่างยิ้ม แย้ม
“ถอดกางเกงนางออกด้วย!
สือฉี!
ถอดให้หมด!”
สือฉีรับคำ
มือฉกปราดอย่างคล่องแคล่ว
เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่น
อยู่ชั่วครู่ ใน
ที่สุดร่างของสตรีชุดดำก็เปลือยเปล่าอวดโฉมอยู่ต่อหน้าคนทั้งหมด
เรือนร่างของสตรีชุดดำงดงามสมบูรณ์
ปทุมถันของนางอวบอูมตูม
ตั้งกระเพื่อมไปมาอย่างเย้ายวนด้วยความกดดันจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เอวคอดกิ่ว ผิวขาวผ่อง
ช่วงขาเรียวงามแฝงแรงดีดสะท้อนที่ทรงพลัง
น่าเสียดายที่นางเอามือปิดอวัยวะสำคัญไว้ทำให้มองเห็น
ไม่ถนัด แต่
ถึงกระนั้นพงขนก็ยังโผล่ให้เห็นรำไรจากฝ่ามือน้อยๆที่ปิดไว้ไม่มิด
แสดงให้เห็นถึงความอุดม
สมบูรณ์ของสตรีนางนี้
เม้แต่ดรุณีรับใช้สองนางถึงกับหน้าแดงเป็น
ลูกตำลึงสุกเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของสตรีชุดดำปรากฏอยู่ตรงหน้า!
“เอาตัวนางขึ้นนั่งได้”
จั่วหวินหลิงร้องสั่ง
อย่างเหี้ยมเกรียม
องครักษ์สองคนก้าวเข้ามาจับที่แขนนาง
ทันใดนั้น
สตรีชุดดำพลันลืมตาขึ้น
ขบฟันในปากคราหนึ่ง
บัดเกิดเสียงดังกร๊อบ
ร่างอ้อนแอ้นของนางสะท้านเฮือกหนึ่ง
มุมปากกรากฏโลหิตไหลซึม
ออกมา
สือฉีฉุกคิดว่าผิดท่า
ยื่นมือรออยู่ที่ริมจมูก
ของนาง พบว่าไม่มีลมหายใจอีก
จึงกล่าว
“นางขบยาพิษในปาก
ชิงฆ่าตัวตายแล้ว”
พลางตรวจค้นเสื้อผ้านาง
พบป้ายหยกอันหนึ่งซุกอยู่
จึงส่งมอบต่อจั่วหวินหลิง
จั่วหวินหลิงรับป้ายหยกไป
ส่งมอบต่อเฉาฮั่วฉุน กล่าวว่า
“บิดา
ท่านดู”
เฉาฮั่วฉุนพลิกดูป้ายหยกเที่ยวหนึ่ง
กล่าวเสียงเครียดว่า
“นี่เป็นป้ายผ่านทางในวังหลวง
คำนวณจากวิทยายุทธของคน
ร้ายนางนี้ คง
ต้องเป็นนางกำนัลที่มีวิทยายุทธติดตัวในวังหลวง”
“บิดา
ในความคิดของท่าน
คนร้ายผู้นี้เป็นผู้ใด
ส่งมา”
เฉาฮั่วฉุนกล่าวอย่างครุ่นคิด
“ในความคิดของเรา
สมควรเป็นองค์หญิงเจาเห
ยิน”
...เจาเหยินกงจู้
(องค์หญิงเจาเหยิน)
เป็นราชธิดาองค์รองของ
ฉุงเจินฮ่องเต้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น