วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ด้วยรักและผูกพันธ์ ตอนเพื่อนคนแรกของผม ep.3

 

 
 

"เธอๆ...ครูมาแล้ว..." จนกระทั่งมีมือเล็กๆเย็นๆเอื้อมมาเขย่าแขนผม แล้วกระซิบเรียกเบาๆ ผมจึงเงยหน้าขึ้นมอง เด็กสาวใบหน้ากลมๆขาวๆสวมใส่แว่นสายตาเช่นเดียวกับผม ผู้ที่นั่งคู่อยู่กับยัยเด็กฝรั่งนั่นแหละที่เอื้อมมือมาเขย่าเรียก รอยยิ้มบนใบหน้ากลมๆของเธอบ่งบอกแสดงความเป็นมิตร แต่เพียงแค่แว๊บเดียว เด็กสาวผู้นั้นก็รีบหันกลับไปมองคุณครูสาวที่ยืนอยู่หน้าชั้นทันที ไม่เปิดโอกาสให้ผมกล่าวขอบใจ

"เงียบกันก่อนจ๊ะนักเรียนทุกคน..คุณครูชื่อนางสาวอรสา บุญประทานพร..เป็นครูประจำชั้นนี้ และสอนวิชาภาษาไทย...ชั่วโมงแรกนี้ครูจะยังไม่สอนนะคะ..แต่จะให้พวกเธอทำความรู้จักกันก่อน เริ่มจากที่นั่งหัวแถวริมหน้าต่าง ลุกขึ้นแนะนำตัวสิคะ..ว่าชื่ออะไร เรียนจบมาจากที่ไหน..." ครูอรสา เริ่มให้นักเรียนทั้งห้องแนะนำตัวไปทีละคนๆ ผมก็พยายามจดจำชื่อเท่าที่พอจำได้ว่า ไอ้เด็กชายตัวแสบที่เรียกผมว่าตุ๊ดนั้นมันชื่ออำนาจ ทองพาณิชย์ เรียนจบมาจากโรงเรียนฝรั่งแห่งหนึ่ง ส่วนยัยแหม่มเด็กฝรั่งที่เดินชนผมนั้นชื่อลิลลี่ เฟอร์กูสัน
เรียนจบมาจากที่เดียวกับอำนาจ แล้วเด็กสาวหน้ากลมที่ใส่แว่น นั่งข้างเธอชื่อดุจเดือน กิจสัจจา เรียนจบมากจากโรงเรียนประถมที่มีชื่อวัดนำหน้า เช่นเดียวกับผม เพียงแต่ว่าไม่ใช่โรงเรียนเดียวกัน ส่วนคนอื่นๆผมแทบจะจำไม่ได้ จนกระทั่งมาถึงตัวผม รีบลุกขึ้นแนะนำตัว

"ผมเด็กชายราม..ผดุงธรรม ครับ...เรียนจบมาจากโรงเรียนวัด........" ทันทีที่ผมบอกชื่อโรงเรียนออกไป ก็ได้ยินเสียงแปร่งๆของยัยเด็กแหม่มพูดแทรกออกด้วยเสียงที่พอให้ได้ยินกันทั้งห้อง

"เด็กวัด....ฮิฮิ.." เสียงของยัยเด็กฝรั่งเรียกเสียงหัวเราะฮาครึนจากเพื่อนๆร่วมห้อง ทั้งๆที่ผมจำได้ว่าก่อนหน้าที่ผมจะแนะนำตัว ก็มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่จบมาจากโรงเรียนวัด แต่ไม่ยักจะมีใครไปหัวเราะเยาะเช่นที่ผมโดน แม้จะรู้สึกทั้งโกรธทั้งอาย แต่ผมก็ไม่ได้ตอบโต้ ทำได้เพียงทรุดตัวลงนั่งก้มหน้า จนคุณครูอรสา ต้องเอ็ดเสียงดังให้ทุกคนอยู่ในความสงบ แล้วให้นักเรียนคนต่อๆไปแนะนำตัวจนหมดห้อง

"เอาล่ะ คราวนี้ครูจะให้พวกเธอเลือกหัวหน้าห้องกัน ใครอยากเสนอตัวเองหรือเสนอชื่อเพื่อนเป็นหัวหน้าบ้าง ยกมือขึ้นจ๊ะ..." สิ้นเสียงครูอรสาก็เดินออกไปจากห้อง นักเรียนทั้งห้องเริ่มส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันอีกครั้ง บางคนก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา จนครู่ใหญ่เมื่อครูอรสาเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง นักเรียนทั้งห้องจึงสงบเสียงและนั่งลงประจำที่เรียบร้อย

"เอาละ..มีใครจะเสนอตัว หรือเสนอชื่อเพื่อนมาเป็นหัวหน้าห้องบ้างคะ..." นักเรียนทั้งห้องต่างหันหน้ามองกันลอกแล็ก แล้วอำนาจก็ยกมือขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเสนอชื่อตนเองเป็นหัวหน้าห้อง

"มีอีกมั๊ยคะ..." ครูอรสากวาดตามองไปรอบๆห้อง ก่อนจะมีนักเรียนหญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นมา พอครูพยักหน้าเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วเสนอชื่อยัยเด็กแหม่ม จากนั้นก็ไม่มีใครยกมือขึ้นเสนออีก ครูอรสาจึงให้พวกเรายกมือลงคะแนนเสียง เริ่มจากการขานชื่ออำนาจ

"ใครอยากให้อำนาจเป็นหัวหน้าห้องคะ..." นักเรียนชายหญิงต่างยกมือกันเกือบครึ่งห้อง ได้คะแนนไป22เสียง
"ใครอยากได้ลิลลี่เป็นหัวหน้าห้องคะ.." นักเรียนที่เหลืออีกครึ่งห้องต่างยกมือ คงมีเพียงผมแค่คนเดียวที่ไม่ยกมือให้กับทั้งสองคน เพราะความรู้สึกที่ไม่อยากได้หัวหน้าห้องเป็นนักเลงโต หรือยัยเด็กแหม่มผมทอง ครูอรสาเริ่มนับมือที่ยกปรากฏว่าได้คะแนน22เสียงเท่ากันพอดี

"เอ๊ะ...นักเรียนห้องครูมี45คนนี่คะ..ทำไมคะแนนเสียงออกมาแค่44คะแนน..มีใครที่ไม่ยกมือคะ.." สิ้นเสียงร้องถามจากครูอรสา ผมถึงกับหน้าถอดสี เพราะรุ้ตัวเองดีว่าตนเองเป็นผู้ที่ไม่ยอมออกคะแนนเสียง เตรียมอ้าปากจะยอมรับความจริงว่าผมเองเป็นคนที่ไม่ได้ออกคะแนนแต่ทว่า

"นายรามไม่ยอมยกมือค่ะครู..." ยัยเด็กแหม่มที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมกลับรีบฟ้องครูเสียก่อน ผมละงงว่าทำไมหล่อนจึงรู้ทั้งๆที่ นั่งอยู่หน้าผมเสียด้วยซ้ำ หรือว่าเบื้องหลังเรือนผมสีน้ำตาลทองของยัยนี่จะมีตาวิเศษกันแน่

"อ้าว..รามทำไมไม่ยกมือเลือกคะ..มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า..." ครูอรสาร้องถามพร้อมเบือนสายตาที่มีอำนาจพิเศษมาจับจ้องหน้าผม จนผมต้องค่อยๆลุกขึ้นยืนขาสั่นๆด้วยความกลัว ก่อนจะอ้อมแอ้มเอ่ยปากออกไปเบาๆว่า

"ขอโทษครับ..ผมลืมยก..." สิ้นเสียงผม นักเรียนทั้งห้องต่างหัวเราะกันด้วยความขบขันอีกครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งดุจเดือนที่หัวเราะขำๆเบาๆ จนผมยิ่งอับอาย ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเราเป็นตัวประหลาดประจำห้องเข้าไปทุกที

"เอาล่ะๆๆ เงียบได้แล้วจ๊ะ...ตกลงรามเธอจะเลือกใครเป็นหัวหน้าจ๊ะ...คะแนนเสียงจากเธอจะเป็นเสียงที่ชี้ขาด..." สิ้นเสียงของครูอรสา ทั้งอำนาจและยัยแหม่มต่างหันขวับมาจ้องหน้าผมอย่างข่มขู่ จนผมแทบอยากจะละลายหายร่างไปจากห้องให้ได้ แล้วในที่สุดผมก็ค่อยๆเอ่ยออกมาเบาๆ

"ให้อำนาจเป็นครับ..." สิ้นเสียงผม ก็ได้ยินเสียงอำนาจหัวเราะออกมาอย่างดีใจ แต่เมื่อสายตาผมเหลือบไปมองหน้ายัยลิลลี่ ที่ทำตาเขียวจิกใส่ตาผมอย่างดุดัน ผมก็รีบเบือนสายตาหนีด้วยความหวาดกลัว ในสายตาของหล่อนที่เสมือนอยากฉีกเนื้อของผมออกมาเป็นชิ้นๆ

"เอาล่ะๆ..สรุปว่าอำนาจเป็นหัวหน้าห้อง ลิลลี่ได้เป็นรองหัวหน้า..คราวนี้พวกเธอจัดเวร จัดสรรตำแหน่งต่างๆกันให้เรียบร้อยภายในชั่วโมงแรกนี้ให้เสร็จ..แล้วคาบเรียนต่อไปจะได้เริ่มเรียนกันอย่างจริงจังเสียที..."

ครูอรสาพูดจบเธอก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอ เหล่านักเรียนทั้งห้องต่างก็วุ่นวายเจี๊ยวจ๊าว จัดสรรตำแหน่งงงานต่างๆ ทั้งตำแหน่งเหรัญญิก หัวหน้าเวร พร้อมทั้งลูกเวรที่จะต้องทำความสะอาดห้องเรียนกันจนครบ แต่ดูเหมือนผมจะโชคร้าย ที่ดันมาได้ทำเวรในวันศุกร์ โดยมียัยแหม่ลิลลี่เป็นหัวหน้าเวรอีกครั้ง

แต่ในความโชคร้ายนั้นกลับมีสิ่งดีๆอยู่บ้างเล็กน้อย ที่ดุจเดือนได้ทำเวรวันศุกร์เช่นเดียวกับผม เพราะอย่างน้อยๆในวันแรกนี้ ก็คงมีเธอเพียงคนเดียวกระมังที่ส่งรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรไมตรีให้กับผม

คาบเรียนต่อไปจนถึงช่วงเวลาพักกลางวัน ผมจำต้องสลัดความไม่พอใจออกไปจากหัว เพื่อตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ซึ่งดูเหมือนเพื่อนๆในห้องก็ไม่ได้ต่างไปจากผม แม้ไอ้อำนาจจะวางกล้ามเป็นนักเลงโตประจำห้อง แต่พอถึงชั่วโมงเรียน มันก็ตั้งใจเรียนเช่นกัน และดูเหมือนมันจะเรียนเก่งมากๆเสียด้วยซ้ำ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่สามารถมาเข้าเรียนที่ห้องทับหนึ่ง อันเป็นห้องคิงส์ได้เป็นแน่

จนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวัน นิสัยนักเลงโตประจำห้องของไอ้อำนาจก็แสดงออกมาอีกครั้ง เพราะไม่ว่ามันจะเดินกร่างไปที่ไหน ต่างก็มีสมุนทั้งชายและหญิงติดตามกันไปเป็นพรวน ส่วนยังแหม่มลิลลี่จอมเย่อหยิ่งนั้น ก็ไม่ต่างกัน เธอมีกลุ่มเด็กหญิงที่ดูโตเกินวัยติดตามไปด้วยหลายคนเป็นแก็งค์ จนตอนหลังพวกเรารวมทั้งผม ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่ไม่มีตัวตน เพราะไม่ถึงกับเรียนเก่งเป็นเลิศ ไม่ได้มีใครเป็นนักกีฬา และสำคัญยิ่งคือพวกเราหน้าตาแสนจะธรรมดามากๆ พวกเราเรียกกลุ่มยัยลิลลี่กันว่าแก็งค์นางฟ้า เพราะแต่ละนางในกลุ่ม รูปร่างจะสูงโปร่ง งดงาม รวมทั้งแต่งเนื้อตัวเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์ของประดับ โทรศัพท์มือถือ ล้วนแต่มีราคาแพงๆแทบทั้งนั้น

ดุจเดือนคงเป็นเด็กสาวเพียงคนเดียวกระมังที่ไม่มีกลุ่ม จนตอนหลังผมเลยชวนเธอให้เข้ามาร่วมกลุ่มแก็งค์ไม่มีตัวตนด้วย พวกเราจึงไปทานข้าว ไปเล่นกันตามประสาเด็กๆ ปล่อยให้กลุ่มนักเลงโต และกลุ่มนางฟ้าเดินกร่างไปทั่วโรงเรียนตามใจชอบ

หลายวันผ่านไป ที่ผมพยายามทำตัวเงียบๆ แม้บางครั้งจะไม่พอใจ ที่โดนอำนาจเรียกไอ้ตุ๊ดเสมอๆ แต่ผมก็ไม่อยากมีปัญหากับมันจึงพยายามหลีกเลี่ยง และไม่เอาเรื่องเหล่านี้ไปเล่าให้แม่นงค์รับทราบ คาดการณ์ว่าพอขึ้นม.2 พวกมันคงโตขึ้น และไม่ทำตัวเยี่ยงนี้อีก
เพราะเท่าที่ผมสังเกตุเห็น พวกพี่ๆม.2ขึ้นไป ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาสนใจแต่เรื่องเรียน ไม่มีใครที่มาเดินกร่างจับกลุ่มเหมือนพวกเด็กม.1 ที่คงกำลังเห่อที่ได้เข้ามาเรียน ยังโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเป็นอันดับหนึ่งของประเทศเยี่ยงนี้

"เดือน..แกไม่ได้จ่ายเงินค่ากิจกรรมของห้องมาสองอาทิตย์แล้วนะ..เมื่อไหร่จะจ่ายวะ.." แล้วันหนึ่งเมื่อย่างเข้าเดือนที่สองหลังจากเปิดภาคเรียน ผมก็บังเอิญได้ยินวาสนาเหรัญญิกตัวใหญ่ประจำห้องทวงเงินที่พวกเราทุกคนต้องจ่ายสมทบทุนทำกิจกรรมของห้องวันละ5บาทกับดุจเดือน ที่ยืนหน้าซีดอยู่เบื้องหน้า

"อีกสองวันได้มั๊ยติ๊ก.." ดุจเดือนกล่าวตอบผัดผ่อนเสียงอ่อยๆ ทั้งๆที่มันเป็นเงินที่ไม่มากมายนัก
"อะไรวะแก..เงินแค่ไม่กี่สิบบาท...ผัดผ่อนอยู่ได้..พ่อแม่ไม่ได้ให้เงินมาโรงเรียนรึ ....หรือว่าแกเอาเงินไปทำอะไรหมด.. " แต่วาสนาก็ยังตามทวงเงินไม่ลดละ เพราะเป็นหน้าที่ของหล่อน

"อีกสองวันจริงๆติ๊ก..เค้าสัญญา..." ผมได้ยินเพียงเท่านั้น ก็เดินผ่านเพื่อนร่วมห้องทั้งสองไปยังโรงอาหาร โดยไม่ทราบว่าวาสนายินยอมให้ดุจเดือนผัดผ่อนหรือไม่ แต่ก็เริ่มสังเกตุว่าในเวลาพักทานอาหารกลางวัน ดุจเดือนมักปลีกตัวหายไปไหนไม่รู้เป็นประจำ จนทุกคนทานอาหารกันเสร็จ หล่อนจึงเดินกลับมารวมกลุ่ม คนที่ไม่มีตัวตนกับผมและเพื่อนอีกสองสามคน เพื่อเล่นกันตามประสาเด็กๆ

"เดือน...ไปไหนมาหรอ..เราไม่เห็นเธอมาทานอาหารกับพวกเราเลย..." แล้วผมก็อดใจไม่อยู่จึงร้องถามดุจเดือนออกไปด้วยความอยากรู้ ว่าเพื่อนมีปัญหาอะไร

"เค้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุดน่ะราม..." ดุจเดือนแก้ตัวเสียงอ่อยๆ แต่ไม่กล้าสบตากับผมเหมือนมีพิรุธ
"แล้วทำไมไม่ทานข้าวก่อนค่อยไปล่ะ..." ผมพยายามซักไซ้ เพราะดูแล้วเดือนก็ไม่ใช่สาวที่รักสวยรักงาม ที่ต้องดูแลรุปร่างให้โปร่งระหงเหมือนพวกแก็งค์นางฟ้าแต่อย่างใด ทั้งๆที่ว่ากันตามตรง เพื่อนสาวของผมคนนี้ผอมเสียด้วยซ้ำไป
"เค้าไม่หิวน่ะ..." ดุจเดือนตอบง่ายๆแค่นั้น แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องสนทนา ชวนพวกเราเล่นกันตามประสาเด็กๆ จนผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร ลืมเรื่องที่สงสัยไปชั่วขณะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น