วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

หลานชายของนายต้น #2

 
 
 

แม้ว่าต้นจะตัดสินใจยอมรับคำขอของพี่ชายไปแล้ว แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไปตามวิถีทางปกติของมันเหมือนเดิมโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เฮียต๋องยังคงง่วนอยู่กับการดูแลและปรับปรุงกิจการเกสท์เฮาส์ของที่บ้านต่อไป จนแทบจะไม่มีเวลามาคุยกับต้นด้วยซ้ำ ในขณะที่ซ้อหยกเองก็ยังคงมีท่าทีปกติเหมือนเดิม เธอยังคงทำหน้าที่ของพี่สะใภ้ใจดีที่คอยดูแลน้องสามีและคนในบ้าน โดยที่ไม่มีอาการเขินอายหรือออกพิรุธใดๆ จนต้นเริ่มจะรู้สึกตะหงิดๆ ขึ้นมาว่าแผนการต่างๆ ของพี่ชายคงจะยังไม่คืบหน้าไปไหนแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่ต้นจะคิดอะไรต่อไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าซึ่งแจ้งเป็นชื่อเบอร์ของเฮียต๋อง ก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“ต้นเหรอ ตอนนี้อยู่บ้านป่ะ?” เสียงจากปลายสายเอ่ยถามขึ้น
“อือ... มีไรเฮีย?” ต้นตอบกลับไปด้วยเสียงเนือยๆ ตามสไตล์
“เออดีละ ถ้ายังไงเย็นนี้ว่างๆ ฝากพาหยกไปเซ็นทรัลหน่อยดิ เห็นบอกว่าต้องรีบเอาของไปเปลี่ยนวันนี้มั้ง” ผู้เป็นพี่เปิดประเด็นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนจับสังเกตได้
“เอ้า แล้วทำไมเฮียไม่พาเค้าไปเองวะ ยังไงก็ต้องกลับเข้าบ้านมาก่อนไม่ใช่อ่อ?” ผู้เป็นน้องพยายามหยั่งเชิงกลับมา
“เออน่า ก็เฮียมีธุระต้องเคลียร์ที่นี่เหมือนกันนี่หว่า เอ็งนั่นแหละ พาหยกไปให้ด้วย แค่นี้นะ” ต๋องพูดจบก็รีบตัดสายไม่เปิดช่องว่างให้ต้นได้โต้แย้ง น้ำเสียงในตอนท้ายแทบจะเก็บกลั้นอารมณ์ขันเอาไว้ไม่อยู่ ส่วนต้นที่โดนจับมัดมือชกแบบไม่รู้ตัว ก็ได้แต่ยืนถอยหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะพอจะคาดเดาเจตนาบางอย่างของพี่ชายตัวเองออก

“ไปกันเลยมั้ยครับพี่?” ต้นเอ่ยถามหยกเมื่อถึงเวลานัดหมาย หญิงสาวหันมองตามพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา
“จ้าๆ ต้นว่างแล้วเหรอ ไม่ได้ติดธุระอะไรใช่มั้ย?” หยกเอ่ยถามไปตามมารยาท
“ไม่เป็นไรครับว่างแล้วล่ะ พึ่งส่งไฟล์อาร์ตเวิร์คให้ลูกค้าไปเมื่อกี้เอง” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยื่นส่งหมวกกันน็อคใบเล็กให้พี่สะใภ้รับมันไปสวมไว้อย่างว่าง่าย ข้อดีอย่างนึงของการเป็นฟรีแลนซ์รับงานเป็นจ๊อบๆ แบบต้นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของความเป็นอิสระในชีวิตประจำวันนี่แหละ
“โทษทีนะ จู่ๆ เฮียเค้าก็เกิดติดธุระกับคนงานขึ้นมากะทันหันน่ะ” หยกประกบมือเข้าหากันทำท่าทางออดอ้อนขอโทษขอโพย หนุ่มต้นฟังแล้วก็แอบอมยิ้มนิดๆ นึกขำที่พี่สะใภ้ตัวเองช่างโดนหลอกได้ง่ายดายเหลือเกิน นี่ถ้าเกิดอาเฮียตัวแสบแกเป็นพวกชอบแอบมีกิ๊กแล้วล่ะก็ ป่านนี้ก็คงได้หนีไปสนุกเพลิดเพลินกันถึงไหนต่อไหนแล้ว

ต้นขยับขึ้นไปนั่งพร้อมกับใช้กุญแจไขสตาร์ทเครื่องมอเตอร์ไซค์ฟีโน่คันเก่ง ซึ่งเฮียต๋องซื้อไว้ให้เป็นของขวัญสำหรับเอาไว้ขี่ไปทำธุระใกล้ๆ บ้าน พอคนขับหนุ่มตั้งหลักได้เรียบร้อย ผู้โดยสารสาวก็ขยับก้าวขึ้นมานั่งซ้อนท้ายทันทีในท่าหันข้าง หัวไหล่นุ่มๆ ของเธอในชุดเสื้อแขนกุด จึงแนบสนิทพิงไปกับแผ่นหลังของต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้างฝ่ายสาวเจ้าน่ะไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว เพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง ก็เลยไม่ทันรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ฝ่ายเจ้าหนุ่มต้นคนขับหน้าละอ่อนนี่สิ กลับบังเกิดอารมณ์หวิวๆ แปลกๆ ขึ้นมาเมื่อได้สัมผัสเข้ากับผิวกายนุ่มๆ ของพี่สะใภ้ ยิ่งจังหวะที่รถเบรคหรือหักเลี้ยวๆ แรงๆ เมื่อไหร่ สาวหยกเป็นต้องไถลกายเข้ามาเบียดอัดแนบชิดกับแผ่นหลังของต้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ทันระวังตัว เมื่อรวมเข้ากับกลิ่นกายหอมๆ ของเธอที่ลอยฟุ้งแตะจมูก จนส่งผลให้คนขับหนุ่มใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ กว่าจะประคองตัวขับพามาถึงที่ได้ก็แอบตื่นเต้นหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย

“งั้นเดี๋ยวผมนั่งรอข้างนอกนี่นะครับพี่” ต้นเอ่ยปากบอกหยก ขณะกำลังเตรียมจะจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“เอ้ย! ไม่เอาดิ มาเดินด้วยกัน จะมายืนรอทำไมข้างนอกมืดๆ ให้ยุงกัด ป่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงหนมเป็นการตอบแทนที่พามา อ้อ! แล้วบุหรี่อ่ะเลิกสูบได้แล้ว ถ้าไม่สงสารร่างกายตัวเองก็เห็นใจเตี่ยเค้าหน่อย” ซ้อหยกรีบคว้าแขนหนุ่มต้นจูงลากเข้าไปในห้างด้วยกัน ส่วนต้นที่ไม่รู้จะเถียงยังไงก็เลยได้แต่ยอมเดินตามเธอไปง่ายๆ ก่อนที่จะพบว่าตัวเองกำลังถูกลากมาติดอยู่ในห้วงเวลาแห่งการช็อปปิ้งของพี่สะใภ้สาวโดยไม่รู้ตัว พอหลังจากทำธุระที่ตั้งใจไว้เสร็จ เจ้าหนุ่มต้นของเราก็โดนสาวหยกทั้งลากทั้งจูงพาเดินแวะเข้าร้านนู้นทีออกร้านนี้ทีจนแทบจะขาลาก

“ไม่เอาไรแล้วใช่มั้ยครับพี่?” ต้นเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นหยกหยุดยืนอยู่กับที่มาครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“จ้ะ เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวเรากลับกันเลยดีกว่า นี่ก็จะทุ่มนึงอยู่แล้ว”
“ครับพี่” ต้นรับคำง่ายๆ ด้วยความยินดี
“มากับต้นนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าเป็นเฮียนะ แค่พี่เดินดูของนิดๆ หน่อยๆ แกก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งไม่หยุดแล้ว” หยกเอ่ยปากชมน้องสามีด้วยเสียงหวาน
“คือถ้าเมื่อกี้พี่บอกว่าจะเดินต่ออีกนี่ผมก็จะเริ่มบ่นเหมือนกันล่ะครับ” คำตอบของต้นทำเอาหยกหลุดขำออกมาเบาๆ
“โธ่เอ๊ย... สุดท้ายก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยสิเนี่ย ป่ะๆ กลับกัน เดี๋ยวต้นจะบ่นพี่อีกคนซะก่อน” สาวหยกรีบชิงออกตัวพร้อมกับเดินนำหน้าไปที่ลานจอดรถ โดยมีหนุ่มต้นที่กำลังหิ้วถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรังค่อยๆ เดินตามหลังไปแบบไม่ห่าง

“อะแฮ่มๆ... ไปเที่ยวกันมาสนุกสนานเลยนะจ๊ะเมียจ๋า” เสียงเฮียต๋องร้องแซวขึ้นทันทีเมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าบ้าน
“อ้าว! ก็ตัวเองเป็นคนเบี้ยวนัดหยกเองไม่ใช่รึไง แล้วยังจะมีหน้ามาพูดอีกนะ” ซ้อหยกพูดสวนกลับไปพร้อมกับยกสองมือขึ้นเท้าสะเอว ทำหน้าเคืองๆ นิดๆ
“แฮะๆ แล้วตกลงได้ซื้อจับเลี้ยงมาฝากเฮียอ๊ะป่าว” หนุ่มใหญ่รีบร้องออดอ้อนหาของกินอย่างอารมณ์ดี
“อยู่ในถุงนี่อ่ะ เดี๋ยวหยกเอาไปแช่เย็นก่อนนะ จะได้อร่อยๆ” ภรรยาสาวพูดแล้วชูถุงพลาสติกถือเดินเข้าบ้านไป

“ว่าไง... ไปเดทกันเพลินเลยนะเอ็ง หน้าบานมาแต่ไกล” เฮียต๋องพูดแซวต้นเบาๆ
“ตลกแระ... เฮียนั่นแหละ วางแผนอะไรอยู่ รู้นา...” ต้นกระซิบตอบ ทำหน้าอมยิ้มอย่างรู้ทัน
“เอ้า ก็อยากให้เอ็งสองคนสนิทสนมกันขึ้นมาบ้างไง เพื่อว่า 'อะไรๆ' มันจะได้ก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง” ผู้เป็นพี่พูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“แสดงว่าสุดท้ายแล้ว... เฮียก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่หยกใช่มั้ยเนี่ย” ต้นพูดดักคอขึ้นมา
“ใครบอก เฮียลองไปคุยมาแล้วต่างหาก” คำตอบของเฮียต๋องทำให้ต้นหูผึ่งขึ้นมาทันที

“เฮ้ย! จริงดิ... แล้วไหงพี่หยกเค้าไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเลยวะเฮีย” ต้นร้องเบาๆ อย่างตกใจ
“ก็... ที่บอกว่าคุยกันแล้วน่ะ เฮียแค่ลองเกริ่นๆ เรื่องจะหาคนมาทำลูกแทนเฉยๆ นั่นแหละ แต่ยังไม่ได้เฉลยให้เค้ารู้ว่าเป็นต้นไง” ต๋องพูดด้วยน้ำเสียงแทบจะกระซิบอยู่แล้ว
“แล้ว... แล้วพี่เค้าว่าไงมั่งอ่ะ?” เสียงของต้นเองก็เบาบางลงไม่แพ้กัน พร้อมๆ กับก้อนน้ำลายที่ขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ
“เค้าก็ด่าเฮียยับเลยน่ะสิวะ ฮ่าๆๆๆ เอ็งก็รู้อยู่ว่าหยกมันหัวโบราณขนาดไหน อยู่ดีๆ จะให้ไปนอนกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันไม่ยอมง่ายๆ หรอก” ต๋องสารภาพความล้มเหลวออกมาตรงๆ
“ก็ว่าแล้ว.... แล้วทีนี้เฮียจะเอาไงล่ะ ดูท่าทางแล้วพี่หยกเค้าคงไม่เล่นด้วยแน่ๆ หรือต้องหันไปลองวิธีอื่น?”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เฮียคิดแผนออกแล้ว รับรอง สุดท้ายหยกเองต้องยอมด้วยแน่นอน” พี่ชายตัวแสบยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ จนน้องชายสุดที่รักอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้
“แผนอะไรวะเฮีย? อย่าบอกนะว่าจะให้ต้นไปกล่อมพี่หยกด้วยตัวเองน่ะ”
“เอ็งนี่หัวไวสมเป็นน้องเฮีย แต่ผิดไปนิดนึง ไม่ได้ให้ไปกล่อมตรงๆ แต่จะให้เอ็งไปจีบหยกมันให้ติดแทน” ต๋องยกนิ้วชี้หน้าน้องชายอย่างชอบอกชอบใจ

“โอ๊ย ความคิดเฮียแต่ละอย่างนี่แม่ง... ฟังแล้วปวดกบาลเลย แล้วถ้าเกิดผมไปจีบแก แล้วแกไม่เอาด้วย เอาเรื่องนี้มาฟ้องเฮีย ผมไม่กลายเป็นหมาในสายตาพี่เค้าเหรอ?” ต้นรีบออกตัวด้วยความกังวล
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหยกมันมาฟ้อง เดี๋ยวเฮียจะช่วยแก้ต่างให้เองอีกทางนึง ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าเอ็งนั่นแหละ จะมีปัญญาจีบสาวให้ติดได้รึเปล่า” คำพูดของเฮียต๋อง พาให้ต้นนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเคยเข้าไปติดพันกับหญิงสาวรุ่นพี่ในที่ทำงาน ซึ่งเธอนั้นก็แต่งงานและมีครอบครัวแล้วเช่นเดียวกัน หรือนี่คือโชคชะตาอะไรบางอย่างที่ถูกกำหนดมาให้เค้าต้องคอยทำเรื่องผิดศีลซ้ำซากอยู่แบบนี้....?

โดยที่ความจริงอีกข้อนึงที่หนุ่มต้นไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ก็คือความจริงที่ว่าสามีของผู้หญิงทั้งสองคนที่เค้าต้องเข้าไปพัวพันด้วยนั้น ต่างก็คอยสนับสนุนและยุยงส่งเสริมให้กับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นลับหลังนี้ด้วยตนเองทั้งคู่...

เมื่อปรึกษากันได้ความว่าแผนการทุกอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ จะเดินหน้าไปได้ก็ต่อเมื่อซ้อหยกยอมเปิดใจให้กับต้นเท่านั้น ทั้งสองคนพี่น้องจึงเริ่มต้นปฏิบัติการณ์ตามแผนทันที โดยที่ต้นเองก็ค่อยๆ หาทางตีสนิทกับพี่สะใภ้คนสวยให้มากขึ้น ด้วยการหาโอกาสไปรับไปส่งเธอในเวลาที่เฮียต๋องเกิดติดธุระไม่ว่างจริงๆ หรือบางครั้งก็แค่แกล้งไม่ว่าง เพื่อที่จะบีบบังคับให้ภรรยาสาวผู้ไร้ซึ่งทักษะในการขับขี่รถยนต์ใดๆ ต้องอาศัยคอยซ้อนท้ายเกาะเอวน้องสามีตัวเองไปนู่นไปนี่อยู่บ่อยๆ

ข้างฝ่ายพี่ชายเองก็ดีใจหาย ออกแรงช่วยส่งเสริมน้องชายอีกทางนึง ด้วยการทุ่มเทดูแลกิจการแบบเป็นบ้าเป็นหลัง วันๆ แทบจะหายไปหมกตัวเฝ้าเกสท์เฮาส์ กว่าจะกลับบ้านก็แทบค่ำมืด จนไม่มีเวลามาคอยเอาอกเอาใจสวีทหวานกับเมียตัวเองเหมือนเดิม จนฝ่ายสะใภ้สาวต้องแอบเก็บความขมขื่นเอาไว้ในใจคนเดียวเงียบๆ เนื่องจากไม่อยากสร้างปัญหาวุ่นวายให้สามีต้องมาเหนื่อยมาเครียดไปกว่าเดิม และเมื่อหนุ่มต้น ผู้เปรียบเสมือนน้องชายอีกคนของเธอเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้ามาคอยดูแลเทคแคร์อยู่ไม่ห่างแบบนี้ ก็เลยทำให้หยกพอที่จะคลายความเหงาและอ้างว้างลงไปได้บ้าง สวนทางกับความสนิทสนมที่มีให้กับน้องสามี ซึ่งดูจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

“พี่ย้ายมาอยู่ที่นี่กี่ปีแล้วนะ?” หนุ่มต้นเอ่ยถามเปิดประเด็นขึ้นมา ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินเล่นกันอยู่ที่ถนนคนเดินหลาดใหญ่ ในช่วงหัวค่ำวันหนึ่ง
“อืม.... ก็ราวๆ 4-5 ปีมั้ง ทำไมเหรอ?” ซ้อหยกตอบกลับมาพลางก้มลงกัด
“แล้วพี่ไม่รู้สึกเบื่อมั่งเหรอ ที่ต้องลาออกจากงาน ห่างเพื่อน ห่างครอบครัว มาใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านอยู่คนเดียวแบบนี้ ขนาดว่าผมเกิดที่นี่นะ แต่พอย้ายกลับมาอยู่ได้ไม่ทันถึงปียังเริ่มที่จะเบื่อเลย” ต้นพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถึงความรู้สึกภายในใจลึกๆ ของเธอออกมา การที่หญิงสาวคนนึงซึ่งเกิดและโตมาที่กรุงเทพฯอันแสนจะศิวิไลซ์ ต้องย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ต่างที่ต่างเมืองแบบนี้ ก็คงอดรู้สึกคิดถึงบ้านไม่ได้
“อยู่คนเดียวที่ไหน พี่ยังมีเฮียต๋องของต้นคอยกวนประสาทอยู่ทุกวันนี่ไง” ซ้อหยกตอบพร้อมกับยิ้มหวานอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางๆ ของเธอมันช่างยั่วยวนชวนให้ต้นจ่อจรดท่อนเนื้ออุ่นๆ ยัดปากเธอเสียจริงๆ อา... พอเผลอเมื่อไหร่ ความคิดชั่วๆ เป็นต้องแล่นวาบขึ้นมาในหัวของต้นโดยอัตโนมัติไปซะทุกที

“แต่ว่า... ช่วงหลังๆ เฮียเค้าเอาแต่ทำงาน ไม่เห็นมีเวลามาเอาใจใส่พี่หยกเหมือนเดิมเลยนี่ครับ” ต้นไม่รีรอ รีบพูดตอกย้ำถึงข้อเสียของพี่ชายด้วยความเต็มใจ สาวหยกที่ได้ยินแบบนี้ก็หน้าเจื่อนลงไปนิดนึง แต่ยังพยายามยิ้มสู้
“ถึงเฮียต๋องจะไม่ว่าง... แต่พี่ก็ยังมีต้น... แล้วก็มีเตี่ยกับโกวอยู่เป็นเพื่อนทั้งคนไง” คำพูดของเธอดูจะสร้างรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าได้โดยไม่ทันรู้ตัว
“เสียดายนะครับเมืองนี้มันเล็กไปหน่อย ขับรถแป๊บเดียวก็ครบรอบแล้ว เลยไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนต่อ” ต้นพยายามชวนคุยเปิดประเด็นต่อ
“อืม... ตัวเมืองมันเล็กก็จริงนะ แต่พวกหาดกับเกาะก็ยังสวยอยู่ ไปเที่ยวได้ไม่เบื่อเลย ตั้งแต่ย้ายมานี่ พี่ก็พึ่งจะมีโอกาสนั่งเรือข้ามไปเกาะนู้นเกาะนี้แค่ไม่กี่ครั้งเอง” ซ้อหยกพูดพลางทำหน้าเสียดาย

“ถ้างั้น.... ไว้เราลองไปเที่ยวกันดูมั้ยครับ? ตั้งแต่กลับมานี่ ผมเองก็ยังไม่เคยได้ไปดำน้ำเล่นที่เกาะแถวๆ นี้เลย” หนุ่มต้นรีบเอ่ยปากเสนอตัวอย่างรวดเร็ว
“อือก็ดีนะ แต่ว่า... กลัวว่าเฮียเค้าจะไม่ว่างไปน่ะสิช่วงนี้” สาวหยกตอนแรกก็ยังทำท่าดีใจอยู่ แต่พอนึกไปถึงธุระปะปังที่รัดตัวพัวพันเกาะติดสามีของเธอในช่วงหลังๆ แล้วก็อดรู้สึกเซ็งๆ ขึ้นมาไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเฮียไม่ว่าง เดี๋ยวเราไปกันแค่สองคนพี่น้องก็ได้” ต้นจงใจใช้คำเรียกแทนตัวเองเป็นพี่น้องเพื่อสร้างความสบายใจให้กับเธอ
“อืม.... ไม่รู้เหมือนกัน ไว้เดี๋ยวค่อยลองกลับไปชวนเฮียดูก่อนแล้วกันเนาะ” สาวหยกพยายามตอบเลี่ยงๆ ไว้ก่อน แม้ว่าเธอจะสนิทสนมกับน้องชายสามีคนนี้อยู่พอสมควร แต่การจะไปเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นซึ่งไม่ใช่สามีแบบสองต่อสอง ในสถานที่ไกลหูไกลตาจากคนในบ้านขนาดนั้น ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ค่อนแปร่งๆ สำหรับเธออยู่พอสมควร

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหนุ่มต้นของเราจึงชิงจังหวะ หาโอกาสเตี๊ยมแผนกับพี่ชายทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน และเมื่อสาวหยกลองเอ่ยปากชวนสามีไปเที่ยวด้วยกันสามคน ต๋องจึงรีบบอกปฏิเสธไปแทบจะในทันที โดยอ้างว่าจะต้องอยู่ดูแลกิจการหน้าที่ที่แสนจะรัดตัวเสียเหลือเกิน พร้อมกับยัดเยียดภาระหน้าที่ให้เธอต้องเป็นไกด์เฉพาะกิจ พาน้องชายสุดที่รักไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศที่เกาะแทน เพราะอดสงสารที่น้องต้องมานั่งอุดอู้อยู่แต่ในบ้านไปวันๆ แบบนี้ ฝ่ายหยกเอง เมื่อเห็นว่าสามีดูจะสนับสนุนและเห็นดีเห็นงามด้วยขนาดนี้ก็จึงคลายความกังวลลงไปบ้าง และตกลงปลงใจยอมไปเที่ยวกับต้นกันแบบสองต่อสองในที่สุด

“แล้วตกลงต้นอยากไปที่ไหนอ่ะ?” ซ้อหยกเอ่ยปากถามถึงจุดหมายปลายของทริปพิเศษนี้
“เอาจริงๆ นะ ผมไม่รู้เลยว่าที่นี่มีเกาะอะไรน่าเที่ยวมั่ง” ต้นตอบกลับมาอย่างจนใจ
“งั้น.... ลองไปเกาะไม้ท่อนดูมั้ย ไม่ไกลเท่าไหร่ ทรายสะอาด ปะการังก็สวย ดำน้ำได้สบายเลย” หยกเสนอความเห็นขึ้นมา หนุ่มต้นที่ตั้งใจฟังอยู่ก็เออออตามทันทีแบบไม่ต้องคิด
“เอานั่นแหละพี่ๆ ขอใกล้ๆ ก่อน เผื่อเดี้ยงขึ้นมาจะได้กลับโรงบาลทัน”
“หา... ไปเกาะแค่นี้เอง ถึงกับเดี้ยงเลยเหรอ?” หยกทำท่าประหลาดใจ
“ไม่แน่หรอกครับ สตีฟเออร์วินที่ว่าแน่ๆ ยังมาโดนกระเบนที่บ้านเราแทงตายง่ายๆ เลย” คำตอบของต้นทำเอาซ้อหยกหัวเราะร่วนออกมาด้วยความชอบใจ

เมื่อถึงวันนัดหมาย ทั้งสองคนเตรียมกระเป๋าเป้ใบเล็กสำหรับใส่เสื้อผ้าไปเปลี่ยนแค่เพียงคนละ 1-2 ชุด ต่างคนต่างสะพายเป้ของตัวเองแบกขึ้นไหล่ พากันซ้อนมอเตอร์ไซค์ขี่ไปจนถึงหน้าร้านทัวร์ที่จองเรือไว้ใกล้ๆ ท่าเรือ เสร็จแล้วก็ลงไปนั่งรวมอยู่กับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติที่มารอกันตั้งแต่ช่วงสายๆ พร้อมกับจัดแจงทาครีมกันแดดรอเวลา ก่อนที่ไกด์ทัวร์สาวร่างอวบจะลุกขึ้น แล้วเดินนำพาทุกคนไปลงเรือสปีดโบ้ทสำหรับนั่งข้ามฟากกัน

สภาพของเกาะที่ครั้งนึงเคยถูกปิดเป็นเกาะส่วนตัว สำหรับเอาไว้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าคนดังจากต่างประเทศ ทุกวันนี้ก็ยังคงสวยงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเท่าไรนัก หาดทรายขาวละเอียดดูสะอาดสะอ้าน น้ำทะเลรอบๆ เกาะใสแจ๋วเป็นสีฟ้าในแบบเดียวกับที่เราๆ เคยเห็นกันในใบปลิวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มองเห็นฝูงปลาตัวน้อยที่แหวกว่ายเล่นกันอยู่อย่างเริงร่า ปะการังสวยๆ รอให้นักท่องเที่ยวดำผุดดำว่ายสำรวจอยู่ไม่ไกลจากบริเวณรอบๆ เกาะ ดูไปดูมาราวกับว่าที่นี่คือสวรรค์บนดินก็ไม่ปาน

“เสียดายเนอะ ที่เฮียไม่ได้มาด้วยกัน” ซ้อหยกบ่นคิดถึงสามีของตัวเองให้น้องสามีฟัง ขณะที่กำลังเดินเล่นเอาเท้าจุ่มน้ำทะเลอยู่ริมหาด
“ไว้คราวหน้าค่อยหาโอกาสพาแกมาเที่ยวบ้างก็ยังไม่สายนะครับพี่” ต้นกล่าวปลอบใจเธอเบาๆ พลางยื่นส่งกระป๋องน้ำอัดลมเย็นๆ ที่ซื้อติดตัวมาด้วยให้เธอดื่มแก้กระหาย
“อืมมม ฮ่าาา” สาวรุ่นพี่กระดกน้ำอัดลมอึกๆๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างชื่นใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าน้องชายสามีของตัวเอง กำลังแอบจ้องสำรวจเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธออยู่ทางด้านหลังเงียบๆ สาวอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่คลุมหน้าขา คราบเหงื่อที่เปียกชื้นที่ด้านหลัง ทำให้สามารถมองลึกเข้าไปเห็นถึงสายเชือกบิกินีที่คาดอยู่บนแผ่นหลังของเธอ ด้านล่างเป็นกางเกงขาสั้นสามส่วนสีดำแบบผ้ายืด

“พี่หยกไม่ถอดเสื้อนอกออกเหรอครับ?” ต้นรีบเอ่ยทักขณะกำลังรูดเสื้อยืดของตัวเองออกทางหัว เหลือเพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้นแบบแนบเนื้อสีดำที่ติดตัวอยู่ด้านล่าง แม้ว่าท่อนเนื้อด้านในจะยังไม่ถึงกับตื่นตัวซักเท่าไหร่ แต่ความแนบเนื้อรัดรูปของกางเกง ก็พอจะทำให้ซ้อหยกสังเกตเห็นถึงรูปร่างของอวัยวะที่ซุกซ่อนอยู่ภายในได้แบบเลาๆ พอเห็นแบบนี้เธอจึงรีบหันหน้าหลบตาด้วยความเขินทันที
“ไม่เอาดีกว่า พี่เขิน” เธอว่าโดยไม่ยอมสบตา
“ไม่ต้องเขินหรอกครับพี่ มองไปรอบๆ สิ มีแต่นักท่องเที่ยวฝรั่งหัวเหลืองกับพวกแก๊งชาวจีนทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครรู้จักเราหรอก” ต้นยังพยายามยุให้เธอถอดเสื้อผ้าออกให้ได้

“โหยไม่เอาหรอก... หุ่นก็ไม่ดี ถอดไปมีแต่จะได้โดนคนอื่นเค้านินทาเอาอ่ะดิ”
“โธ่... ไม่มีใครนินทาหรอกครับ ถึงมันนินทาเราก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว อีกอย่างหุ่นพี่ก็ดีจะตายผมเคยเห็...” หนุ่มต้นหลุดปากพูดออกไปอย่างลืมตัว ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำพลาดมหันต์ซะแล้ว สะใภ้สาวฟังแล้วก็หน้าชาทันที เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนก่อน ที่เธอกับต้นปะหน้าเข้าอย่างจังตอนที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง มันเป็นเหตุการณ์น่าอับอายที่เธอพยายามจะลืมเลือนไปนานแล้ว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะทำได้สำเร็จสมใจเสียด้วย จนกระทั่งหนุ่มต้นเผลอไปจุดประเด็นขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งใจนั่นแหละ...

“ฮื้ออออออ! ต้นอ่ะ! ทุเรศ! จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมลืมอีก” เธอร้องแหวออกมาด้วยความอายสุดขีด เดินหนีขึ้นฝั่งงุดๆ โดยไม่ยอมหันกลับมามอง จนต้นต้องรีบจ้ำอ้าวตามเธอไปติดๆ
“พี่หยกผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนั้นเลยครับ ผมแค่อยากจะชมว่าพี่หุ่นดีเฉยๆ” ชายหนุ่มรีบอธิบาย
“โหย ไม่ทันแล้วล่ะต้น หลุดปากมาซะขนาดนี้ พี่อายจนอยากจะเอาหน้ามุดทรายอยู่แล้วเนี่ย” หญิงสาวว่าแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งชันเข่า ก้มหน้าซุกเข้ากับน่องเพื่อหลบสายตาใครๆ อยู่อย่างนั้น

“พี่หยก ผมขอโทษนะพี่...” หนุ่มต้นนั่งจ๋อยพูดเสียงอ่อยๆ อยู่ข้างๆ ส่วนหยกเองก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาคุยกันซักที
“ไม่เอาแล่ว... พี่อยากกลับบ้าน” หยกออกอาการงอนๆ
“โธ่... นี่เราพึ่งจะมาถึงกันเองนะครับพี่ อย่าพึ่งรีบกลับสิ หายโกรธเถอะนะ...” คำอ้อนวอนของชายหนุ่มดูจะไร้ผล
“ถ้าพี่หายโกรธ... ผมจะยอมทำอะไรก็ได้ตามใจพี่อย่างนึงเอ้า!” หนุ่มต้นพยายามเสนอทางเลือกให้ สะใภ้สาวฟังแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองนิดนึงด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
“อะไรก็ได้จริงเปล่า...?” เธอถามเสียงเบาๆ
“อะไรก็ได้จริงๆ ครับ” ต้นยืนยันรับคำ สาวหยกที่ได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้ายิ้มแย้มพอใจขึ้นมา

“งั้นเก็บไว้ใช้วันหลังแล้วกัน” เธอพูดแล้วก็ผุดลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ก่อนจะขยับตัวรูดกางเกงผ้ายืดของตัวเองจนหลุดออก เผยให้เห็นบิกินีสั้นกุดทรงสปอร์ตสีฟ้าสดใส มองลึกเข้าไปเห็นเนินเนื้อแก้มก้นของเธอแล่บออกมาล้อเล่นนิดๆ เวลาเคลื่อนไหว ความขาวเนียนของเธอ เล่นเอาหนุ่มต้นถึงกับควยแข็งขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว
“ถอดแค่นี้นะ ข้างบนไม่กล้าอ่ะ อายเค้า” หยกพูดเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวหนีลงไปเล่นน้ำทะเล จนหนุ่มต้นที่กำลังหัวใจเต้นตึกตัก ต้องรีบก้าวตามเธอลงน้ำไปติดๆ ทั้งสองเล่นน้ำหยอกล้อกันอย่างสนุกสนามเต็มที่ วิ่งไล่สาดน้ำใส่กันเหมือนกับเด็กๆ จนมีบางจังหวะที่เผลอถูกเนื้อต้องตัวโดนกันโดยไม่ทันระวัง

หนุ่มต้นที่คิดเกินเลยอยู่ในหัว ต้องพยายามใช้ความอดทนระงับอารมณ์เป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เจ้าท่อนเนื้อด้านล่างมันตื่นตัวโด่เด่ไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายแล้วพี่สะใภ้คนสวย ก็ยังคงสังเกตเห็นถึงอาการผิดปกติบางอย่าง ที่กำลังคับตุงกางเกงของชายหนุ่มได้อยู่ดี ท่อนเอ็นอวบอุ่น ตอนนี้กำลังพองตัวคับแน่นจนมองเห็นเป็นลำๆ อยู่ที่เป้ากางเกงว่ายน้ำ ขนาดของมันแทบไม่ต่างอะไรจากดุ้นเนื้อของเฮียต๋องผู้เป็นสามีเลยแม้แต่น้อย ความเขินอายทำให้เธอไม่กล้าที่จะจ้องมองมันตรงๆ ได้แต่แอบลอบสังเกตมันในยามที่หนุ่มต้นเผลอไผลหันหน้าไปมองทางอื่นเท่านั้น แต่เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้สาวหยกรู้สึกร้อนผ่าวๆ อยู่ในลำคอ จนหายใจติดขัดไปหมด

และแม้ว่าในใจจะแอบรู้สึกเขินๆ กันอยู่บ้างนิดๆ เวลาที่ผิวกายของทั้งคู่สัมผัสกระทบกระทั่งกัน แต่ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ยังคงปล่อยตัวปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศการพักผ่อนบนเกาะนี้ จนกระทั่งตกเย็นและถึงเวลาต้องนั่งเรือกลับนั่นแหละ ทั้งคู่จึงเริ่มที่จะกลับมาสวมบทบาทของน้องสามีกับพี่สะใภ้ร่วมกันอีกครั้ง

“ถ้าวันหลังพี่เกิดเบื่อๆ เหงาๆ ขึ้นมา ก็บอกผมแล้วกันนะครับ ผมจะได้พาพี่ไปเที่ยวแบบนี้อีก” หนุ่มต้นเอ่ยขึ้นขณะกำลังนั่งสปีดโบ้ทกลับฝั่ง สาวหยกยิ้มรับเขินๆ แล้วตอบเออออตาม
“จ้า ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนนะต้น” หยกตอบแล้วก็เอนหัวพิงซบไหล่ของต้นด้วยความเหนื่อยล้าแล้วงีบหลับไป จังหวะที่ทั้งคู่กำลังจะปีนกลับขึ้นฝั่ง หนุ่มต้นที่ก้าวออกไปก่อนก็รีบยื่นมือมาให้เธอยึดจับไว้เป็นหลัก พร้อมกับออกแรงฉุดดึงรั้งร่างเธอให้ก้าวขึ้นมาอย่างสะดวก พอขึ้นฝั่งได้หยกก็รีบดึงมือตัวเองออกทันที เพราะอดรู้สึกเขินๆ ไม่ได้ ทั้งคู่สบตากันยิ้มๆ เงียบๆ ก่อนจะขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับบ้านไปด้วยกัน โดยที่สาวหยกก็ยอมใช้สองมือโอบกอดเอวชายหนุ่มเอาไว้ ตามที่เขาเอ่ยปากขอซะด้วย....

=======================================

มันแทบจะกลายเป็นกิจวัตรคุ้นชินของคนทั้งคู่ไปแล้ว ที่มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง คุยเล่นหยอกล้อกันได้เป็นวันๆ ไม่รู้จักเบื่อ เพื่อคลายความเหงาให้แก่กันและกัน จากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์กลายเป็นเดือน ยิ่งนานวัน... ความสัมพันธ์ของทั้งต้นและหยก ก็เริ่มที่จะสนิทสนม... ใกล้ชิด... และตัวติดกันมากขึ้น ทั้งคู่เริ่มคุ้นเคยกับการหยอกล้อถึงเนื้อถึงตัวกันโดยไม่คิดอะไร(แม้ว่านายต้นจะแอบคิดอยู่ตลอดเวลาก็ตาม) จนดูจะเกินเลยจากคำว่าพี่สะใภ้และน้องสามีไปไกลโขพอสมควร

ทั้งสองแทบจะใช้เวลาขลุกตัวอยู่ด้วยกัน มากกว่าที่หยกได้อยู่ร่วมกับสามีของตัวเองเสียอีก โดยที่เธอเองก็ไม่ทันได้สังเกตถึงความจริงอันแสนจะผิดปกติในข้อนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะกำลังหลงใหลเพลิดเพลินไปกับการเอาอกเอาใจจากน้องสามีหน้าใสคนนี้ จนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น ส่วนหนุ่มต้นของเรานั้นที่พอจะเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้มาบ้าง จึงค่อนข้างที่จะคุ้นเคย และสามารถปรับตัวให้เล่นไปตามจังหวะของเกมได้อย่างไหลลื่น

และถึงแม้ว่ามันจะยังมีกำแพงบางๆ ที่คอยขวางกั้นระหว่างคนทั้งสองไม่ให้ก้าวข้ามไปหากันได้ แต่อย่างน้อยต้นเองก็ยังพอที่จะมองเห็นปลายทางสิ้นสุดของมัน ซึ่งกำลังรอคอยเค้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไหร่ ขอเพียงเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วอาเตี่ยสุดที่รักของต้น ก็คงจะได้อุ้มหลานชายอย่างสมใจแน่นอน...

 ในขณะที่ต้นกับหยกกำลังค่อยๆ เดินหน้ากระหนุงกระหนิงกันไปเรื่อยๆ นั้น ทางฝั่งของต๋องเองก็คอยจงใจแกล้งปลุกอารมณ์เงี่ยนง่านของภรรยาตัวเองให้ต้องค้างเติ่งอยู่บ่อยๆ โดยที่เวลาเย็ดกัน ต๋องก็มักจะเร่งรีบกระทุ้งกระแทก รีบพาตัวเองเข้าเส้นชัยไปโดยไม่ยอมเห็นใจภรรยาสาวที่ถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง เสร็จบ้างไม่เสร็จบ้างตามมีตามเกิด เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนภรรยาสาวต้องแอบเก็บความอึดอัดนี้ไว้คนเดียวเงียบๆ อยู่เป็นเดือนๆ

=======================================

จนกระทั่งมีอยู่วันนึง ต๋องบังเอิญต้องเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปร่วมงานแต่งของเพื่อนสนิทสมัยเรียน ก่อนจะไปก็ไม่ลืมที่จะฝากฝังน้องชายสุดที่รัก ให้ลองรุกคืบภรรยาตัวเองดูอีกซักรอบ ฝ่ายต้นก็รับคำง่ายๆ โดยไม่ได้พูดตอบอะไรมากมาย พอหลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเสร็จช่วงหัวค่ำ เตี่ยกับโกวก็แยกย้ายพากันขึ้นนอนทันทีตามประสาคนแก่ ทิ้งให้หนุ่มสาวทั้งคู่นั่งเล่นดูทีวีด้วยกันอยู่ข้างล่างแบบสองต่อสองอีกครั้ง

“ปวดหลังเหรอพี่?” หนุ่มต้นเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังทำท่าบิดแอ่นหลังไปมาด้วยความอ่อนล้า
“อืม นิดหน่อยอ่ะ พอดีวันก่อนก้มถูพื้นแล้วมันเกร็งผิดท่า” หยกตอบพร้อมกับใช้มือทุบไปที่แผ่นหลังเบาๆ
“มาพี่ เดี๋ยวผมนวดให้” ต้นรีบเสนอตัว พร้อมกับใช้มือประคองไหล่เธอให้หันแผ่นหลังมาหาตัวเอง สาวหยกสั่นสะท้านนิดๆ เมื่อโดนฝ่ามืออุ่นๆ ของชายหนุ่มบีบหมับเข้ามาที่ต้นแขนทั้งสองข้าง ก่อนที่เธอจะรีบข่มความรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ นี้ ให้หลุดออกไปจากหัวโดยเร็ว สองมือของต้น ทั้งบีบทั้งนวด สลับกับการกดจุดนวดเส้นตามบ่าและหัวไหล่ของหยกจนเธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ผสมปนเปกับความรู้สึกหวิวๆ ตามตัวเมื่อถูกมือของชายหนุ่มบีบคลึงสัมผัส

“โห ต้นนวดเก่งอ่ะ ทำไมนวดเก่งจังเลย?” หยกเอ่ยถามออกไปเล่นๆ เพื่อแก้เขิน
“ตอนอยู่กรุงเทพฯผมไปนวดเกือบทุกอาทิตย์เลยฮะ พอดีต้องนั่งทำคอมทุกวัน มันเลยปวดหลังปวดไหล่บ่อยๆ พอได้นวดกับลุงคนเดิมบ่อยๆ ก็เลยได้คุยๆ ให้เค้าสอนคร่าวๆ มาบ้าง นี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจนะ ผมจะให้พี่ลองนวดน้ำมันดูแล้วเนี่ย รับรอง สบายตัวหายปวดหลังเป็นปลิดทิ้งเลย” หนุ่มต้นคุยหยอดเล่นมุกไปขำๆ
“เอาดิๆ ลองดูก็ได้” หยกเอ่ยกลับมาอย่างซื่อๆ โดยไม่ทันคิดไปว่า ไอ้การนวดน้ำมันที่ว่านั้น มันแตกต่างจากการนวดปกติอย่างไร ข้างฝ่ายหนุ่มต้นที่ได้ยินคำตอบก็อดตกใจไม่ได้ เอ่ยปากถามพี่สะใภ้อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“เอ่อ... พี่หยกรู้ใช่มั้ยครับ ว่านวดน้ำมัน มันต้องแก้ผ้าออกนะ เพราะเดี๋ยวเสื้อมันจะเลอะน้ำมัน....” สาวหยกที่ได้ยินแบบนั้นก็เขินปรี๊ดหน้าแดง ดวงตาเบิกโต อายม้วนกับความบ้องแบ๊วของตัวเองจนพูดอะไรไม่ออก
“แต่ว่า... ใส่ชุดว่ายน้ำไว้ข้างในก็ได้นะครับ แล้วเอาผ้าขนหนูคลุมตัวอีกที ไม่โป๊หรอก” หนุ่มต้นรีบอธิบายอย่างลนลานเพื่อหวังจะให้เธอสบายใจ
“มันต้อง... แก้ผ้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” หยกเอ่ยถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความอายข้างใน
“ครับ.... ถ้าพี่เขิน เดี๋ยวเราไปนวดในห้องที่มิดชิดกว่านี้ก็ได้ครับ... นวดแล้วตัวเบาจริงๆ นะ” ต้นตอบกลับไปเสียงสั่น พยายามกลืนก้อนน้ำลายที่มาจุกอยู่ในลำคอ

สาวหยกชั่งใจอยู่พักใหญ่ๆ ความสุขที่ได้รับจากรสมือของต้นเมื่อครู่ กำลังโรมรันพันตูฟาดฟันกับสำนึกของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่คอยย้ำเตือนเธออยู่ลึกๆ ว่าสถานการณ์ในตอนนี้กำลังเริ่มจะล้ำเส้นของความเหมาะสมไปแล้วนะ ก่อนที่สุดท้ายแล้ว เธอจะยอมกลั้นใจตอบตกลงออกมา... โดยที่ในหัวก็พยายามยืนยันบอกกับตัวเองว่า มันคงจะไม่มีเหตุการณ์เกินเลยอะไรเกิดขึ้นมาได้หรอก ในเมื่อต้นก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเฮียต๋อง ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาก็คงบ้านแตก รู้กันไปหมดทั้งครอบครัว แล้วจะกล้าทำอะไรล่วงเกินเธอได้ยังไง ที่สำคัญก็คือ เธอเองก็พอจะมั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าสามารถคุมสติตัวเองได้ ถ้าเกิดต้นคิดจะทำอะไรรุ่มร่ามขึ้นมา ถ้าเธอไม่ยอมซะอย่าง ปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้นมาหรอก

ต้นเดินตามพี่สะใภ้สาวเข้ามานั่งรอในบ้านของเธอที่โซฟาชั้นล่าง ในมือกำขวดน้ำมันกับผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้ ขณะที่เจ้าของบ้านขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนชุดด้านบน นั่งรออย่างกระวนกระวายอยู่ราวๆ 10 นาที ก่อนที่สาวรุ่นพี่จะปรากฏตัวออกมาที่ราวบันได โดยมีผ้าขนหนูผืนโตห่มพันรอบกายเอาไว้

“ขึ้นไปนวดข้างบนแล้วกันนะ” เธอพยักพเยิดให้ต้นเดินตามขึ้นไปบนห้องนอน พอเดินขึ้นมาถึงห้องก็พบว่าสาวหยกได้ปูผ้าขนหนูคลุมรองไว้บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่นอนทอดกาย ปล่อยให้ต้นได้ใช้สองมือนวดคลึงเรือนร่างนุ่มๆ ของเธอ ที่ชุ่มโชกไปด้วยคราบน้ำมันหอมเท่านั้นเอง สาวหยกขยับตัวขึ้นไปนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง ขยับปลดผ้าคลุมให้กางพาดทับไว้ระหว่างตัว เพื่อให้คนนวดสามารถดึงเปิดปิดได้โดยง่าย ก่อนที่จะฟุบหน้าลงไปบนหมอนแล้วไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีก

“ถ้างั้นผมขออนุญาตนะครับพี่” หนุ่มต้นถามย้ำเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าเบาๆ แล้ว ก็ลงมือขยับขึ้นไปทาบคร่อมตัวของเธอไว้ทันที ใช้มือขยับดึงผ้าขนหนูให้พับลงมา เหลือปิดไว้แค่ช่วงสะโพกด้านล่างคลุมไปถึงหน้าขา เผยให้เห็นถึงสายชุดว่ายน้ำสีดำที่เธอสวมใส่อยู่ ต้นกลืนน้ำลายเบาๆ หนึ่งที เทราดน้ำมันลงไปบนแผ่นหลังขาวเนียนสะอาดตา ก่อนจะค่อยๆ วางมือลงไปสัมผัสกับผิวกายของเธออีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ไม่มีเสื้อผ้ามาขวางกั้น

ทุกครั้งที่ต้นออกแรงกดลงไปเน้นๆ เสียงครางอืออย่างพึงพอใจของพี่หยก ก็จะลอยลอดผ่านลำคอออกมาเบาๆ ยิ่งเธอแสดงท่าทีพอใจเท่าไหร่ ต้นก็ยิ่งได้ใจ ใช้มือนวดคลึงสำรวจผิวกายไปทั่วบริเวณแผ่นหลังของเธอ จนกระทั่งความลื่นของน้ำมัน ทำให้มือของต้นลื่นพลาดไปแตะเข้าที่เต้านมด้านข้างเบาๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ว้ายตายแล้ว!” หยกอุทานออกมาด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ มือมันลื่นไปโดนพอดี” ต้นรีบแก้ตัวอย่างลนลาน สาวหยกที่ฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่กล้าโวยวายอะไรมาก เพราะน้ำมันที่ชโลมร่างของเธอนั้นมันก็ดูจะลื่นไหลอย่างที่ต้นบอกจริงๆ จะให้ไปตั้งแง่สงสัยอะไรกับน้องชายสามี ผู้ที่ไม่เคยแสดงท่าทีล่วงเกินลวนลามเธอเลยซักครั้ง มันก็ใช่เรื่องเปล่าๆ
“จ้ะๆ ไม่เป็นไร...” เธอพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ในใจตอนนี้กำลังเต้นโครมครามจนแทบจะได้ยินออกมาถึงข้างนอก เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ว่าอะไร หนุ่มต้นจึงรู้สึกโล่งใจ และลงมือนวดเฟ้นแผ่นหลังของเธอต่อ

“พี่หยกจะให้ผมนวดน่องนวดขาด้วยมั้ยครับ? ปวดขาบ้างรึเปล่า?” ต้นเอ่ยถามเธอหลังจากนวดไปได้ราวๆ 10 นาที
“อืออ.... เอาเลยจ้า” สาวหยกที่กำลังเพลิดเพลินจนเกือบจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว ร้องตอบกลับมาราวกับเสียงกระซิบ ต้นจึงค่อยๆ ถลกผ้าขนหนูของเธอขึ้นไปพาดปิดไว้ด้านบนแทน กางเกงว่ายน้ำแบบบิกินีสีดำเต็มตัว จึงปรากฏออกมาพร้อมกับสะโพกทรงกลมเต่งตึง ฝ่ามือหนาใหญ่ถูกวางทาบลงไปบนน่องขาของเธอแทบจะในทันที ก่อนที่ต้นจะค่อยๆ บีบคลึงนวดกระตุ้นปลีน่องอวบอัดของหยกด้วยความตั้งอกตั้งใจ นวดไล่ลงไปถึงปลายเท้า ก่อนจะค่อยๆ นวดเลื่อนกลับขึ้นมาที่น่องขาด้านบน แล้วค่อยๆ เลยไปถึงต้นขาของเธอช้าๆ เน้นๆ ตลอดเวลาที่นวดกันนั้น ท่อนเนื้อแข็งๆ ของต้น ก็คอยถูไถสัมผัสเข้ากับสะโพกและหน้าขาของหยกอยู่ตลอด จนเธอเริ่มรู้สึกจั๊กจี้หัวใจขึ้นมา

“ฮืมมมมมม” เสียงครางถูกปล่อยให้ลอดออกมาอีกครั้ง เมื่อสองมือหนาๆ ของต้น กดเน้นลึกลงไปที่บริเวณขาอ่อนด้านใน หวุดหวิดจะเฉี่ยวโดนของสงวนของเธออยู่หลายครั้ง สะใภ้สาวใจเต้นระส่ำตึ่กๆ ตั่กๆ จังหวะการหายใจดูจะถี่ยิบขึ้นกว่ายามปกติ และก่อนที่เธอจะเผลอแอ่นกายบดเบียดสู้กับน้ำหนักมือของชายหนุ่มอย่างลืมตัว ต้นก็ชิงเป็นฝ่ายพูดขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน
“ให้ผมนวดด้านหน้าด้วยเลยมั้ยครับพี่?” คำถามจากน้องชายสามี ดูจะรุกเร้าและคุกคามเรือนร่างของเธออยู่ไม่น้อย หากเป็นในเวลาปกติ หยกคงจะรีบตอบปฏิเสธเขาไปทันควัน ด้วยเพราะรู้สึกว่ามันดูจะไม่เหมาะสมยังไงชอบกล แต่เนื่องจากความรู้สึกอึดอัดบางอย่าง ที่ถูกเก็บกดให้ค้างคามานานด้วยฝีมือของเฮียต๋อง เมื่อรวมเข้ากับความรู้สึกผูกพันใกล้ชิดที่เธอมีให้กับหนุ่มต้นมาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ก็ทำให้อารมณ์ความยับยั้งชั่งใจของสาวหยกที่มีต่อเขา ลดน้อยลงไปด้วย จนยอมตอบตกลงไปโดยที่ตัวเองก็ยังนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย

“ผมเอาผ้าออกเลยแล้วกันนะครับ ไหนๆ มันก็เลอะไปแล้ว” หนุ่มต้นเอ่ยพร้อมกับเตรียมจะดึงผ้าขนหนูที่ปิดบังผิวกายขาวๆ ของซ้อหยกออก และเป็นอีกครั้งที่คำตอบตกลง หลุดลอดออกมาจากปากของเธออย่างง่ายดายเกินคาด หยกนอนหลับตาปี๋ ขณะที่ผ้าขนหนูถูกดึงหลุดออกไปช้าๆ ปล่อยให้เรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอมในชุดว่ายน้ำ ปรากฏออกมาแก่สายตาของต้นในที่สุด เนินนมโค้งนูนได้รูป สองเต้าขนาดกำลังพอดีมือ เบียดชิดกันอยู่ภายใต้บิกินีสีดำสนิท เอวเพรียวบางคอดกิ่ง สะโพกผายหนั่นแน่นไปด้วยเนื้อสาวดูนุ่มนิ่ม ตรงหน้าท้องขาวๆ มีร่องสะดือโบ๋เป็นรูสวยคั่นกลาง ระหว่างทรวงอกอวบอิ่มกับเนินสาวของเธอที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงว่ายน้ำทรงบิกินีสีเดียวกับท่อนบน

สองมือของต้นค่อยๆ ออกแรงบีบนวดผิวกายของเธอจากบริเวณหัวไหล่ ไล่ลามลงมาที่ท่อนแขน ก่อนจะโดดข้ามลงไปยังหน้าท้องเนียนเรียบ ต่ำลงไปยังหน้าขาขาวอวบ แล้วก็ไล่วนกลับมาที่หน้าท้องอีกครั้ง น้ำหนักมือของชายหนุ่มกดสลับกันไปมา บ้างก็นุ่มนวลชวนฝัน บ้างก็หนักแน่นจนเธอต้องหลุดครางสะดุ้งออกมาเบาๆ ซึ่งทุกครั้ง ชายหนุ่มก็จะคอยหยุดมือและถามไถ่ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตลอด สาวหยกโดนทั้งกดทั้งนวดจนตัวอ่อนไปหมด ใบหน้าแดงแป๊ดเป็นลูกตำลึง ลามขึ้นไปถึงใบหู พยายามข่มเสียงครางของตัวเองเอาไว้ให้อยู่แค่ในลำคอ มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้ถูกชายอื่นซึ่งไม่ใช่เฮียต๋องผู้เป็นสามี มาจับสัมผัสฟอนเฟ้นเรือนร่างของตัวเองแบบนี้

ความรู้สึกร้อนวูบวาบก่อตัวขึ้นมาทั่วร่างของหยก โดยเฉพาะบริเวณหว่างขาที่แอบรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ ใจนึงก็นึกอายที่ต้องมานอนกึ่งโป๊กึ่งเปลือยให้น้องชายสามีหนุ่มบีบคลึงร่างกายอยู่แบบนี้ แต่อีกใจนึงก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เวลาที่ได้เห็นชายหนุ่มแอบกลืนน้ำลายอยู่เป็นระยะๆ พร้อมกับลอบจ้องสำรวจเรือนร่างของเธอผ่านๆ โดยคิดไปว่าเธอคงจะไม่ทันจับสังเกตสายตาของเขาได้ พอเห็นแบบนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจแอบเหลือบมองสำรวจพื้นที่ลับเฉพาะที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงของเขาเช่นกัน ภาพท่อนเนื้อที่แข็งตุงเป็นลำ ซึ่งกำลังดันผ้ากางเกงออกมาจนโป่งพองเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้หยกถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อจินตนาการไปถึงรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของมัน โดยอ้างอิงจากรูปร่างและขนาดของเฮียต๋องที่เคยผ่านมือผ่านตามาก่อน และทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งทะยานขึ้นมาถึงขีดสุด....

“ต้น...” เสียงหยกเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเบาๆ
“ครับพี่?” ต้นตอบกลับไปโดยที่มือยังคงทำงานไม่ยอมหยุด
“ต้นยังจำสัญญาที่บอกว่าจะยอมทำตามที่พี่บอกอย่างนึงได้มั้ย?”
“.... ครับพี่...” ต้นตอบกลับไปเสียงสั่น ในหัวหมุนติ้วๆ รีบคิดล่วงหน้าว่าเธอกำลังจะสั่งอะไรออกมา
“พี่อยากให้ต้น เอ่อ... อยากให้ต้นถอดเสื้อผ้าตัวเองออก...” คำพูดของเธอทำให้ต้นตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก
“ยังไงนะครับ?” ชายหนุ่มหยุดมือค้างไว้แถวๆ ซี่โครงใต้ราวนมของเธอ
“พี่อยากให้ต้นถอดเสื้อผ้าออก... ให้เหมือนกับพี่น่ะ ก็ต้นเล่นให้พี่นอนโป๊อยู่คนเดียวเลย มันเขินนะรู้มั้ย....”

ต้นได้ฟังก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย ที่สาวรุ่นพี่ซึ่งดูจะขี้อายคนนี้ กำลังออกปากสั่งให้เค้าแก้ผ้าปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกมาตรงๆ สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องยอมทำตามสัญญา ค่อยๆ เปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออก จนเหลือไว้เพียงกางเกงในทรงบิกินีสีขาวสะอาดสะอ้าน ที่ห่อหุ้มท่อนลำแข็งเด่ของตัวเองเอาไว้

“แล้วกางเกงในต้องถอดด้วยมั้ยครับพี่?” ต้นแกล้งถามเล่นๆ
“ว้าย! พอแล้วๆ!” หยกรีบร้องห้ามด้วยความตกใจ พลางหลับตาปี๋เพื่อที่จะได้มองไม่เห็นอะไร
“ถ้างั้น ผมนวดต่อเลยนะครับ” คนถาม ถามเสร็จแล้วก็กลืนน้ำลาย คนฟัง พยักหน้าตอบแล้วก็กลืนน้ำลายเช่นกัน แล้วการนวดน้ำมันก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง ฝ่ามือซุกซนลอยหวือลากเฉี่ยวบริเวณพื้นที่ต้องห้ามทั้งสองจุดเป็นระยะๆ พอทำท่าว่าจะโดนแล้วก็กลับหยุดอยู่แค่บริเวณใกล้เคียง ก่อนจะออกแรงกดคลึงนวดเน้นๆ แบบไม่มียั้ง คล้ายๆ กับว่าเขากำลังจงใจแกล้งกระตุ้นยั่วอารมณ์เธอให้เตลิดเปิดเปิงอยู่ในขณะนี้ และแน่นอนว่าท่อนเนื้อโด่เด่ที่กำลังจะหลุดพ้นออกมาจากขอบกางเกงในอยู่รอมร่อนั้น ก็คอยถูไถบดคลึงกับหน้าขาของเธอไปด้วยพร้อมๆ กันอีกทาง

“อุ๊ย...!” เสียงหยกร้องอุทานออกมาเบาๆ ทั้งที่ยังนอนหลับตา เมื่อรู้สึกได้ถึงปลายนิ้วของต้น ที่สัมผัสโดนเนินเนื้อเต้านมของเธอเบาๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามากมายกว่านั้น ขณะที่ทางหนุ่มรุ่นน้อง พอเห็นสาวรุ่นพี่ไม่มีท่าทีปฏิเสธหรือโวยวายใดๆ กลับมา จึงค่อยๆ เพิ่มแรงกดลงไปบนเต้านมของเธอหนักขึ้นๆ ก่อนจะกลายเป็นการบีบเคล้นขยำนมเธอผ่านเนื้อผ้าบิกินีไปในที่สุด ด้วยความที่หยกกำลังหลับตาอยู่ ทำให้เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้บิกินีท่อนบนของเธอนั้น กำลังโดนถลกให้เลื่อนหลุดขึ้นไปกองอยู่เต้านมทั้งสองข้างอย่างช้าๆ จนหัวนมเรียวแหลมชูชัน ค่อยๆ ปรากฏออกมาให้ต้นได้ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเขี่ยมันอย่างแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าหากรุนแรงเกินไป สาวรุ่นพี่จะรู้สึกตัวและเกิดโวยวายขึ้นมาซะก่อน

ต้นพยายามใช้มือนวดคลึงเต้านมอวบหยุ่นอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังไม่วายบีบคลึงหนักๆ สลับกันไปด้วย เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า พี่สะใภ้สุดเรียบร้อยที่เขาคุ้นเคยมานานหลายปี ตอนนี้กำลังนอนหงายหลับตาพริ้ม ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขานวดคลึงหน้าอกหน้าใจของเธออยู่ตามใจชอบ ต้นใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบดบี้เขี่ยคลึงเม็ดจุกทั้งสองข้างอย่างคล่องแคล่ว จนสาวหยกตัวเกร็งเสียวสั่นไปทั้งร่าง ความอวบหยุ่นและเต่งตึงที่ได้สัมผัส จากสองเต้า ทำให้อารมณ์ของต้นพุ่งขึ้นสูงไม่แพ้เจ้าของร่าง และทำให้ชายหนุ่มเผลอเลื่อนมือลงไปลูบไล้สัมผัสเข้ากับเนินสวาทกลางเป้าของเธอ ผ่านเนื้อผ้าบิกินีด้วยความลืมตัว

“ว้ายต้น! อย่าโดนตรงนั้น!” เสียงหยกร้องลั่นด้วยความตกใจ คว้าหมับเข้าไปที่ข้อมือของชายหนุ่มเพื่อห้ามปราม พร้อมๆ กับยันตัวลืมตาขึ้นมาในที่สุด
“พี่หยกครับ... ให้ผมนวดให้พี่สบายตัวนะ” ชายหนุ่มอ้อนขอด้วยสายตาเป็นประกาย จ้องสบตาเพื่อหวังให้เธอเห็นใจ สาวหยกตอนนี้ก็เลยตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก ด้านนึงเธอก็รู้ตัวว่าถ้าเธอยอมตอบตกลง นั่นก็หมายความว่าสถานการณ์ต่างๆ ระหว่างเธอและต้น จะยิ่งหมิ่นเหม่อันตรายขึ้นไปอีก แต่อีกใจนึงเธอเองกลับรู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่เค้ามอบให้กับเธอ มันเป็นการสัมผัสลูบไล้ที่แฝงไปด้วยความปรารถนาลึกๆ ภายในจิตใจ ทั้งขัดเขินและประหม่า แต่ก็มีความเร่าร้อนอยู่ในที เป็นรสชาติของความสุขบางอย่างทางกาย ที่เธอห่างเหินจากมันมาเนิ่นนานแล้ว

“แต่ว่า... มันไม่ดีนะต้น...”  สติสัมปชัญญะข้างใน ยังพอหักห้ามข่มใจของเธอเอาไว้ได้
“แค่นวดเฉยๆ เท่านั้นแหละครับ ผมรับรองว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้นอีก แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอ ถือว่าเป็นความลับระหว่างเราสองคนก็ได้...” ต้นยังคงเว้าวอนอย่างไม่ลดละ มาถึงขั้นนี้แล้ว เค้าต้องพยายามทำทุกอย่าง เพื่อหาทางปิดบัญชีเธอให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว คราวหน้าคงไม่มีโอกาสได้มาจดๆ จ้องๆ อยู่หน้าปากประตูแบบนี้อีก เพราะเธอคงจะเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้นซะก่อน
“ฮืออออ... พี่รู้สึกยังไงๆ ก็ไม่รู้...” สาวหยกยังคงบ่ายเบี่ยง แม้จะไม่กล้าปฏิเสธออกไปตรงๆ
“ถ้าพี่รู้สึกเขิน เอาหมอนนี้บังไว้ก่อนก็ได้” ต้นพูดพร้อมกับยื่นส่งหมอนให้เธอรับไว้ปิดหน้าปิดตาตัวเอง หยกรับมาทำตามอย่างง่ายดาย ใช้มันปิดบังใบหน้าที่เป็นสีแดงผ่าวของตัวเองเอาไว้ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไปมากกว่านั้น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เจรจากันอยู่นี้ สองมือของต้นก็ยังคงนวดคลึงปลุกเร้าอารมณ์ของเธอต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง แม้จะไม่ได้สัมผัสลงไปบนพื้นที่ของสงวนเธอตรงๆ แต่ก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่รอบๆ หน้าขา สลับกับบีบคลึงหน้าท้องนุ่มๆ ของเธอด้านบน พูดกันง่ายๆ ก็คือ 'ผู้ต้องสงสัยถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว ยอมจำนนซะดีๆ'

“ตกลงว่า... ถ้างั้นผมนวดเลยนะครับ” ต้นเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเอง เมื่อเห็นสาวรุ่นพี่ยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น เธอไม่ยอมตอบอะไรกลับมา ต้นจึงทึกทักเอาว่าเธอเองก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธนั่นเอง ก่อนจะขยับเข้าไปคุกเข่าแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาของเธอ และค่อยๆ เลื่อนมือขยับเข้าไปใกล้กับเนื้อผ้าบิกินีท่อนล่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายนิ้วสัมผัสเข้าไปตรงๆ ในที่สุด สาวหยกออกอาการสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อร่องสาวถูกนิ้วมือแปลกหน้าลูบเขี่ยไปมาตามแนวร่องตรงๆ บ้างก็ถูไถไล่วนไปมาอยู่บริเวณรอบๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยแงะขอบบิกินีของเธอทางด้านข้าง พร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปสัมผัสกับเนินเนื้อข้างในโดยตรง

“อือออออ.......อออ” หยกพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ขณะที่ต้นกำลังสาละวนอยู่กับการเขี่ยคลึงเม็ดเสียวกลมกลึงด้านบนสุด พอคลึงเล่นจนหนำใจแล้ว ต้นก็ค่อยๆ เลื่อนนิ้วลงมาแตะๆ ที่ปากทางด้านล่างเพื่อสำรวจสภาพ ร่องเสียวของซ้อหยกตอนนี้กำลังเปียกชื้นแบบสุดๆ เนื่องจากอารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลุกเร้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่ที่นั่งนวดกันมาหลายสิบนาทีก่อนหน้านี้ แต่ถูกสะสมยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ต้นกับต๋อง ตกลงแผนการด้วยกันได้สำเร็จนั่นแหละ ความหงุดหงิดขัดข้องคับใจที่หยกเคยเก็บกดมันไว้ข้างในเงียบๆ กำลังถูกปลายนิ้วของต้นเขี่ยแซะให้มันไหลซึมออกมานองเต็มหน้าขาของเธอ

“อ๊ะ!... อาห์...... อ่ะ... อ๊ะ.... ฮืมมมมม” สะใภ้สาวครวญออกมาเป็นเสียงครางเบาๆ อย่างพึงพอใจ จังหวะที่ต้นขยับตัวหมุนไปหมุนมาเพื่อหยิบขวดน้ำมัน หยกก็รู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งๆ บางอย่าง ที่คอยสะกิดทิ่มแทงน่องขาของเธอเป็นระยะๆ สัมผัสที่เกิดขึ้น ดูจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้อยู่นิดหน่อย จนเธออดสงสัยไม่ได้ ต้องลอบสบสายตาผ่านช่องว่างระหว่างหมอนที่กอดอยู่เพื่อจับจ้องไปยังที่มา ภาพสีเนื้อไหวๆ ที่เคลื่อนไปมาทำให้เธอยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เห็นชัดๆ เต็มสองตา หยกก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็ง เนื่องจากโดนปลายนิ้วกลางกับปลายนิ้วนางของต้น ชำแรกสอดมุดเข้าไปในร่องรูของตัวเองเสียก่อน
“อุ๊!.... อุ๊ยย... อุ๊ยยย” หยกละล่ำละลักครางไม่เป็นภาษา เมื่อสองนิ้วของชายหนุ่มสอดมุดลึกเข้าไปเรื่อยๆ พอสุดแล้วก็เริ่มชักนิ้วกลับ ก่อนที่จะเริ่มต้นตกเบ็ดแยงหีให้เธอจนน้ำเสียวกระเด็นกระดอน
“ดีขึ้นมั้ยครับพี่? หายปวดรึยัง?” ต้นแกล้งเอ่ยถามไปถึงอาการปวดเมื่อยของเธอ ทั้งที่กำลังนวดกันอยู่คนละจุด
“ดะ... ดีจ้ะ.... สบายตัวขึ้นเยอะเลย” หยกตอบกลับมาซื่อๆ เสียงสั่น

หยกโดนต้นใช้นิ้วเล่นงานจนตัวลอย ทำได้เพียงส่งเสียงซี้ดซ้าดออกมาเบาๆ จนเกือบที่จะทะยานถึงสวรรค์อยู่รอมร่อ ซึ่งชายหนุ่มเองก็เหมือนจะรู้ รีบชะงักหยุดมือทันที พร้อมกับขยับตัวจับจ่อท่อนเนื้อเข้าไปทาบถูไถกับปากร่องของเธอแทน ด้วยขนาดและสัมผัสที่ใหญ่โตแตกต่างกัน หยกจึงพอจะรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่กำลังจรดจ่ออยู่กลางตัวเธอตอนนี้ ย่อมไม่ใช่นิ้วมือของเขาแน่ๆ แต่ด้วยความเสียวที่กำลังได้รับ ก็ทำให้เธอปล่อยเลยตามเลย ให้เค้าใช้มันถูไถเขี่ยเม็ดเสียวของเธอเล่นตามอำเภอใจ แล้วจู่ๆ หมอบใบโตที่ปิดหน้าเธออยู่ก็ถูกกระชากออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างงามของเธออ่อนระทวย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะดึงรั้งฝืนมันเอาไว้ได้

“พี่หยกครับ... ขอผมเอาเข้านะครับพี่... เดี๋ยวผมจะทำให้พี่รู้สึกดีกว่าเมื่อกี้อีก” เสียงต้นเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับจ้องสบตาเธอเหมือนลูกแมว
“อย่าเลยต้น... พี่กลัวเฮียรู้...” หยกตอบกลับไปตรงๆ สายตาที่จ้องเขาตอบ คล้ายแฝงแววกังวลผสมผสานกับความเสียดายอยู่ภายในนั้น ต้นรีบเอื้อมมือไปกุมมือเธอแน่น พร้อมกับให้คำมั่นสัญญา
“ผมรับรองครับ ว่าเฮียต๋องจะไม่มีทางรู้เรื่องนี้เด็ดขาด มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น...” ต้นยืนยันหนักแน่ ความอยากที่กำลังปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยกเริ่มที่จะใจอ่อน ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไรออกไปอีก ต้นที่รอจังหวะอยู่จึงพยายามกดดุนดุ้นเนื้ออวบๆ จ่อลึกเข้าไปอีกจนเธอต้องรีบใช้มือยันแผงอกของเขาเอาไว้ พร้อมกับร้องห้ามปราม

“ต้น... ต้นมีถุงยางติดตัวรึเปล่า...?” หยกเอ่ยถามออกมาเสียงสั่นระรัว
“ไม่มีครับพี่ ในห้องไม่มีเหรอครับ?”
“ไม่มีหรอก... พวกพี่ไม่ได้ใช้มาตั้งนานแล้ว...” สาวหยกตอบไปตามตรงด้วยสีหน้าหวั่นๆ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาออกมาแตกข้างนอกก็ได้ครับพี่” คำตอบของต้นดูจะง่ายดายจนดูน่าหวั่นๆ อยู่ไม่น้อย ความคิดในหัวของเธอกำลังสับสนจนตัดสินใจไม่ถูก ในขณะที่หนุ่มต้นเองก็คอยพร่ำอ้อนวอนขอเธอไม่หยุด

สะใภ้สาวรุ่นพี่พยายามชั่งใจเป็นครั้งสุดท้าย เธอคิดทบทวนถึงเหตุผลและความเหมาะสมต่างๆ นึกย้อนไปถึงความรู้สึกที่เคยหวานชื่นกับเฮียต๋อง ซึ่งช่วงหลังๆ ดูจะเหือดแห้งลงไปตามวันและเวลาที่เลยผ่าน อารมณ์ที่ถูกปลุกเร้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยกไม่สามารถปฏิเสธความต้องการในตัวเธอได้อีกต่อไป  เธอทำเพียงแค่หลับตาลง หันหน้ามองไปข้างๆ พร้อมกับสูดลมหายใจแรงๆ จนหน้าอกกระเพื่อมไปมา
“ปล่อย... ข้างนอกนะต้น” คำตอบของเธอเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ แต่มันกลับลอยกระแทกเข้าไปในโสตประสาทของต้นเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มรีบออกแรงดึงรูดบิกินีท่อนล่างของซ้อหยกให้หลุดออก จนมันลงมากองม้วนคาอยู่ตรงข้อเท้าซ้ายของเธอ ซึ่งนั่นก็แปลว่า น้องชายสามีเธอ สามารถมองเห็นภาพกลีบเนื้อกลางลำตัวที่แผ่หลาอยู่ได้อย่างเต็มสองตา กลีบเนื้อสาวอวบอูมของเธอมันวาวเป็นคราบ ทั้งจากน้ำมันหอมที่ถูกชโลมราดลงไป ผสมปนเปกับคราบความฉ่ำเยิ้มที่ผุดไหลออกมาจากร่องหลืบภายในจนแยกไม่ออก พงขนด้านบนดูเปียกลู่เป็นทาง เม็ดละมุนด้านบนเผยอชูชันออกมาเหนือกลีบร่องด้วยความกระสันเสียว

ต้นใช้สองมือจับแยกสองขาของเธอถ่างอ้าออกจากกัน กลีบเนื้อที่แนบสนิทในทีแรก จึงค่อยๆ เผยออ้าออกนิดๆ จนมองเห็นกลีบเนื้อสีแดงอมชมพูที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ต้นจับจรดท่อนลำค่อยๆ จ่อเข้าไปที่ปากทางเข้า ออกแรงกดควยให้ทิ่มมุดเข้าไปเบาๆ ซ้อหยกตัวกระตุกแอ่นเกร็ง เมื่อท่อนเนื้อแข็งอวบชำแรกมุดเข้าได้ราวๆ สองนิ้ว ความเปียกชื้นทำให้มันสามารถแทรกตัวเข้าไปได้โดยไม่ยากเย็นเท่าไหร่ แต่กว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องใช้เวลาวางแผนกันนานเป็นเดือนๆ เลยเหมือนกัน ทุกๆ ครั้งที่ต้นกดทิ่มท่อนควยมุดหายเข้าไป ซ้อหยกก็จะออกอาการเกร็งตัวรับพร้อมกับสะดุ้งเฮือกเบาๆ

“อุ๊...! อู๊ยยยยยยย… ต้นเบาๆ ก่อน พี่เจ็บ” หยกร้องออกมาเมื่อต้นออกแรงกดทิ่มพรวดเดียวเข้าไปมิดด้าม
“อูยย ข้างในพี่ตอดผมไม่หยุดเลย... ซี้ดดส์ ทนอีกนิดนะครับ ไม่ต้องเกร็งนะ ปล่อยตัวสบายๆ เลย” ต้นเอ่ยปากพูดปลอบใจเธอ ค่อยๆ ขยับเอวคลึงโม่ท่อนเนื้อบดเบียดกับหน้าขาของซ้อหยกเป็นวงกลม พยายามให้หน้าขาตัวเองเสียดสีครูดกับเม็ดแตดด้านบนไปด้วย
“อ๊ะ!.. อื้ออออ.... อื้ออออออออ!” หยกพยายามข่มเสียงครวญครางของตัวเองเอาไว้ หลับตาปี๋ไม่กล้ามองภาพที่กำลังเกิดขึ้น ความรู้สึกหน่วงๆ ตึงๆ ที่บริเวณหว่างขา บ่งบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับต้น ได้เกินเลยจนถึงจุดที่ยากจะถอนตัวกลับแล้ว เธอนอนหงายแผ่ ปล่อยให้ความรู้สึกผิดค่อยๆ ซึมซาบเกาะกุมขึ้นมาในใจช้าๆ รู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่มาคลอๆ อยู่บริเวณหางตา แต่ความรู้สึกแย่ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นมานั้น เดี๋ยวเดียวก็ถูกท่อนเนื้อด้านล่าง ถูไถลบเลือนออกไป ความรู้สึกเสียวเกร็งตรงหว่างขาค่อยๆ ผุดโผล่ขึ้นมาแทนที่

หนุ่มต้นก้มลงไปมองเนินเนื้อสาวของเธออย่างสนใจ สภาพปากทางของมันตอนนี้แหกอ้าบวมเป่ง คาบอมท่อนลำสีคล้ำของเขาเอาไว้จนมิดด้าม ใบหน้าสวยหวานของเธอ ดูยับเยินยู่ยี่ คิ้วขมวดด้วยอาการเสียวตึงในช่องท้อง ซ้อหยก ภรรยาสาวของเฮียต๋องที่เขาเคยแอบหลงปลื้ม และนึกอิจฉาพี่ชายตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ได้แฟนดีๆ แบบเธอมาเป็นคู่ครอง แต่บัดนี้ ตัวเขาเองก็กำลังจะมีโอกาสได้ยัดเยียดความเป็นผัวให้กับเธอเช่นเดียวกัน ยิ่งนึกท่อนควยของต้นก็ยิ่งกระตุกหงึกๆ ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ แรงสะเทือนจากด้านในพาให้หญิงสาวรุ่นพี่ต้องแอ่นกระตุกสะโพกตามด้วยความเสียวกระสัน

“พี่หยกครับ.... ผมชอบพี่นะครับ” ต้นกระซิบสารภาพความรู้สึกในใจให้พี่สะใภ้ฟังด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“อื๊ออออ.... ออออ” สาวหยกเพียงครางตอบกลับมาเบาๆ ไม่รู้ว่าเธอกำลังขานตอบกับคำพูดของต้น หรือเพียงแค่ร้องครวญครางเพราะรู้สึกเสียวๆ ที่โพรงหีด้านล่างกันแน่
“งั้นผม... ขอขยับเลยนะครับพี่” ต้นเอ่ยขออนุญาต พร้อมกับค่อยๆ ขยับตัว

หลังจากที่ร่องหลืบของสาวรุ่นพี่ ดูจะค่อยๆ คุ้นเคยและปรับสภาพให้เข้ากับท่อนเนื้อที่ปักคาอยู่กลางโพรงได้แล้ว ต้นก็เริ่มขยับตัวถอนควยออกมาครึ่งลำ แล้วออกแรงโยกเอวกดท่อนเนื้อให้ทิ่มกลับเข้าไปจนแคมหีปลิ้นยู่ เสร็จแล้วก็ถอนลำออกมาใหม่ พลางกดซ้ำกลับเข้าไปเป็นจังหวะ จากช้าไปเร็ว จนสาวหยกต้องเผลอหลุดปากส่งเสียงซี้ดซ้าดออกมา จากความเสียวเบื้องล่างที่กำลังเสียดสีปากทางเข้าออกของเธออยู่ พร้อมกับใช้สองมือตะปบกอดลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างลืมตัว สองขาของเธอตอนนี้ถูกแหกอ้าออกกว้าง ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ต้นพยายามที่จะโน้มตัวลงไปจูบปากหยก แต่โดนสาวรุ่นพี่ใช้มือผลักอกออกมาเสียก่อน ดูท่าทางว่าเธอจะยังไม่ยอมเปิดใจให้เขาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก แม้ว่าท่อนล่างจะเปิดอ้ารับเอาความเป็นชายของเขาเข้าไปเต็มๆ ลำแล้วก็ตาม

ต้นเองก็ไม่อยากไปฝืนขืนใจพี่สะใภ้ที่แสนดีคนนี้ซักเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการปลดกระชากบิกินีท่อนบนที่ค้างเติ่งอยู่เหนือเนินอกของเธอออก เผยให้เห็นถึงหน้าอกหน้าใจขนาดกำลังเหมาะมือ ถ้าไม่ติดว่าร่างของซ้อหยกกำลังเปรอะเปื้อนน้ำมันอยู่ล่ะก็... ต้นคงก้มลงไปงับดูดมันให้สาสมใจไปแล้ว เขาใช้สองมือบีบนวดสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ เคล้นมือบีบคลึงไปทั่วกระเปาะ ลูบไล้ผ่านหัวนมที่ตั้งชี้ชูชันท้าทายสายตา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนัก บีบบี้จนเต้านมทั้งสองข้างบิดเบี้ยวไปตามมือ ขณะที่ท่อนล่างก็ยังคงซอยควยเข้าออกไม่หยุด

“โอ๊ยต้น..... พี่เสียวจังเลย....” หยกร้องครวญพร้อมกับผวากอดตัวน้องสามีเอาไว้แน่น
“อูยย... ผมก็เสียวเหมือนกันครับพี่” ต้นครางตอบพร้อมกับสาวเอวส่งท่อนลำมุดเสยลึกเข้าไปด้านใน รู้สึกได้ถึงการตอดรัดจากภายในเป็นจังหวะถี่ๆ
“ฮืออออ..... ทำไมมันเสียวแบบนี้.... โอ๊ยยยย” สะใภ้สาวร่ำร้องออกมาอย่างพร่ำเพ้อ ความจุกอึดอัดด้านล่าง ทำให้เธอลืมเลือนภาพเฮียต๋องในหัวไปชั่วขณะ  โพรงสวาทที่ฟิตแน่นและรัดรึง บวกกับอารมณ์ความตื่นเต้นที่ได้ลองเย็ดหีพี่สะใภ้เป็นครั้งแรก บีบบังคับให้ต้นรู้สึกเสียวปลายควยมากเป็นพิเศษ จนแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ ยิ่งจังหวะที่เธอขมิบตอดโพรงหีด้านในรัวๆ เพราะความเสียว ก็ยิ่งทำให้ต้นยากที่จะฝืนกลั้นความรู้สึกเอาไว้ได้ยาวนานเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก ซึ่งก็ดูจะไม่ต่างอะไรจากอารมณ์ความรู้สึกของสาวหยก ที่กำลังเงี่ยนง่านพุ่งขึ้นถึงขีดสุดอยู่ในขณะนี้

“ฮืออออ..... ต้นนน.... พี่จะเสร็จแล้วนะ... โอ๊ยยย...ยยย ซี้ดดดดส์...” เสียงสัญญาณที่ดังออกมา ทำให้ต้นตัดสินใจที่จะปิดฉากเกมรักของพวกเค้าในทันที กัดฟันแน่นกรอดๆ ใช้สองมือจับยึดสะโพกเธอไว้มั่น เร่งกระแทกอัดบั้นเอวถี่ยิบ สลับกับแทงสโตรคยาวๆ แบบเน้นๆ จนเต้านมของหยกลอยละลิ่วไปมาเหมือนกับพุดดิ้งบนจานที่กำลังสั่นกระเพื่อม ความเสียวแปร๊บที่ลำควยทำให้เขาต้องสูดปากร้องครางอู้ออกมา
“อืมมม... ผมก็จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ต้นแหงนหน้า เร่งซอยควยกระแทกเน้นๆ เสียงดังสนั่น ปั้บบบ....! ปั้บบบ.... บบบ! ปั้บบบ.... บบบบ! สาวหยกสะบัดหน้าบิดตัวไปมาอย่างร้อนร่าน หลับตาปี๋ สองมือจิกเกร็งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ ปลายเท้าจิกเกร็งงองุ้มค้างอยู่กลางอากาศ

“ยะ... อย่างนั้นแหละ โอ๊ยย... ต้น อย่าหยุดนะ.... อ๊ะ! อ๋าาา....” หยกรีบร้องสั่งการ เพราะกลัวว่าพ่อหนุ่มหน้าละอ่อนจะชิงถึงสวรรค์และทิ้งเธอให้นอนอารมณ์ค้างอยู่คนเดียวเหมือนกับพี่ชาย ขาสองข้างเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวของต้นเอาไว้ยิกๆ ก่อนที่เธอจะระเบิดน้ำรักพุ่งปรี๊ดออกมาชโลมท่อนควย พร้อมกับร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นห้อง
“อ๊ายยยยยย....! ซี้ดดดดส์ เสร็จ..... เสร็จแล้วววววววว” ร่างของหยกกระตุกเฮือกๆ ใบหน้ายับเยินยู่ยี่ คิ้วขมวดเกร็งด้วยความเสียวที่ถาโถมเข้ามาเป็นระลอกๆ ไม่หยุดหย่อน จนแทบจะขาดใจตาย มันเป็นความสุขแบบสุดยอดที่เธอไม่ได้สัมผัสมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว

หยกกอดรัดร่างของน้องสามีเอาไว้แน่น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงโพรงเนื้อที่ดูดตอดรัวๆ เป็นจังหวะ ความอบอุ่นภายในทำให้เค้าทนไม่ไหว ต้องยอมยกธงขาว ขึ้นสวรรค์ตามเธอไปแบบติดๆ
“โอ๊ะ... อู๊ยยยย พี่หยก ผมก็... ไม่ไหวแล้ว...” ต้นละล่ำละลักร้องบอกเธอ สาวหยกได้ยินก็รีบใช้มือตีแขนร้องเตือน
“ออกข้างนอกนะ อย่าปล่อยข้างใน”  ต้นได้ยินเพียงเท่านี้ก็รีบโหย่งก้นถอนควยหลุดออกมาจากร่องหีเธอดังผั้วะ! อัดบั้นเด้ายิกๆ กับเนินเนื้อและติ่งเสียวด้านนอกของเธอ
“อุ๊บ! ซี้ดดดดดส์” ชายหนุ่มร้องครวญครางหน้าเบ้ ก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักพุ่งกระฉูดเลอะนองเต็มท้องของซ้อหยกอย่างสุดกลั้น

ก่อนที่ต้นจะค่อยๆ ทรุดกายลงนอนตะแคงข้างๆ ซ้อหยกอย่างหมดแรง ร่างทั้งสองซึ่งพร่างพราวไปด้วยหยาดเหงื่อ นอนหอบหายใจหนักๆ ถี่ๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน สองมือโอบกอดกันกลมอยู่เคียงข้างกันบนเตียง....



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น