ก็จบมินิซีรีส์งานแต่งของกุ๊กไปเรียบร้อยแล้วนะครับ หลังจากนี้ก็คิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จะพาตัวละครกุ๊ก-โจ้ ไปสนิทสนมกับคู่ของเป้-บอย อย่างจริงๆ จังๆ ซักที หลังจากเฉี่ยวไปเฉี่ยวมากันพอสมควรแล้ว
อ้อ! ไม่สิ ก่อนจะไปว่ากันถึงตรงนั้นคงต้องย้อนไปเล่าถึงเรื่องราว Side Story ระหว่างนายโจ้กับสาวๆ ในคอลเลคชั่นที่ผ่านมากันก่อน เพราะเสียดายตัวละครสาวๆ บางคนที่มีบทบาทออกมาแค่เป็นภาพในคลิปวิดีโอสั้นๆ ซึ่งอันที่จริงมันควรจะถูกเขียนขึ้นมาก่อนช่วง 'จุดจบยอดนักเย็ด' ด้วยซ้ำ ยังไงคิดว่าก็คงจะเขียนออกมาเป็นตอนสั้นๆ ของแต่ละคน ไม่ได้ยาวมากครับ แล้วหลังจากนั้นค่อยถึงเวลาปั่นเนื้อเรื่องหลักกันอีกทีแบบยาวๆ ไปเลย
ไว้พบกันใหม่เรื่องหน้า, สวัสดีครับ
=======================================
“โอ๊ยพี่โจ้! ไอ้บ้า! ทำอะไรอ้ะ ไม่เอา! อย่าแหย่ก้น!” กุ๊กพยายามดิ้นไปมา แต่โดนล็อคอยู่จะขยับไปไหนก็ไม่ได้ ต้องยอมให้พี่แกสอดนิ้วเข้าไป ลึกขึ้น ลึกขึ้น จนสุดท้ายก็มันก็เข้าไปจนมิดข้อ แต่กว่าจะเข้าไปสุดก็เล่นเอากุ๊กเกร็งจนปวดท้องไปหมด
“แฮะๆ เข้าไปสุดแล้วแหละ” พี่โจ้ตอบหน้าตาย ดูสิ ยังมาทำเป็นเขินอีก
“พี่โจ้อ้ะ! ฮือออ เล่นบ้าอะไรก็ไม่รู้ มันเจ็บนะรู้เปล่า ทำไมไม่บอกก่อน... จะได้เตรียมตัวเตรียมใจหน่อย”
“แหม ถ้าพี่บอกก่อน กุ๊กก็ไม่ยอมให้พี่แหย่ดิ แบบนี้แหละ ยิงก่อน ถามทีหลัง ฮ่าๆๆ” พูดจบแกก็ค่อยๆ ชักนิ้วเข้าออกช้าๆ ความลื่นจากนิ้วทำให้มันพอจะรูดเข้าออกได้โดยไม่ฝืดมากนัก แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกคับแน่นตึงๆ ด้านหลังไปหมด พี่โจ้ควานนิ้วไปมา บางจังหวะก็ถอนมันออกมาจนเกือบหลุด แล้วสอดกลับเข้าไปช้าๆ ขณะที่ด้านหน้าแกก็ใช้ลิ้นเลียกดหนักๆ ที่บริเวณปุ่มเสียวไปด้วย เล่นเอากุ๊กกระเจิดกระเจิงหมดแรงจะต้านทานได้อีก แล้วพี่โจ้ก็พลิกตัวจับกุ๊กนอนโก้งโค้งก้นโด่งในท่าคลานสี่ขา ส่วนตัวเองก็ขยับไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลัง ใช้นิ้วเล่นงานประตูหลังกุ๊กอย่างถนัดถนี่
“ฮือออออ พี่โจ้! มันแน่นน.... นนน โอ๊ย” พี่โจ้ไม่ฟัง ใช้มือที่ว่างเปิดเลื่อนเสื้อกุ๊กขึ้นไปจนเห็นยกทรง ลากลิ้นไล่เลียไต่ขึ้นมาถึงบริเวณแผ่นหลัง แล้วแกก็ออกแรงดึงยกทรงแบบลวกๆ จนมันหลุดออก เปิดอ้าให้เห็นสองเต้าด้านใน นิ้วมือของแกเลื้อยไปมาอย่างกับปลาหมึก ไม่เว้นแม้แต่นิ้วชี้อีกข้างที่กำลังแหย่ก้นกุ๊กเล่นอยู่อย่างเมามัน
“เสียวมั้ยครับที่รัก?” พี่โจ้เอ่ยถาม ก้มลงไปข้างตัว ใช้มือคลึงที่ถันนมเบาๆ แล้วตวัดลิ้นเลียไปตามแผ่นหลังของกุ๊กอย่างหื่นกระหาย อูยยยยยย ถึงขนาดนี้แล้วยังต้องถามอีกเหรอคะเนี่ยยยยย
“ถึงหีกุ๊กจะโดนคนอื่นทิ่มเข้ามาแล้ว แต่รูหลังนี่พี่ไม่ยอมให้ใครมายุ่งนะจ๊ะ พี่จองได้คนเดียว” พี่โจ้ค่อยๆ ถอนนิ้วออกช้าๆ จนมันเกือบจะหลุดออกมา จังหวะที่ดึงนิ้วออกในตอนท้ายเล่นเอากุ๊กเสียวไปทั้งตัว กล้ามเนื้อด้านหลังขมิบหนึบๆ เหมือนพยายามจะดึงรั้งไม่ยอมให้นิ้วพี่แกหลุดออกไป แล้วพี่โจ้ก็ค่อยๆ จ่อท่อนลำแข็งปั๋ง เอามาจรดเข้ากับร่องรูด้านหลังแทนที่นิ้วตัวเอง รู้สึกได้เลยว่าท่อนลำมันชุ่มไปด้วยครีมลื่นๆ แง๊! นี่กุ๊กจะโดนเปิดซิงประตูหลังจริงๆ เหรอเนี่ย!?
“กุ๊กจ๋าา... าา” พี่โจ้ร้องเรียกเสียงหวาน
“ขะ.. ขาา.....” กุ๊กขานตอบแกไปเสียงอ่อนอย่างหมดแรง
“กุ๊กยอมเป็นของพี่นะคนดี” คำพูดหวานๆ ของพี่โจ้ตะล่อมเอาจนกุ๊กปฏิเสธไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ก้มหน้าฟุบกับเตียงด้วยความอาย ใบหูแดงซ่านไปหมด หน้าร้อนผ่าวๆ
“อะ....อื้ออ” ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าพี่โจ้คงกำลังฉีกยิ้มกว้างแน่ๆ พี่แกค่อยๆ ใช้เจลทารูหลังกุ๊กจนเปียกชุ่ม ลื่นปรื๊ดไปหมดทั้งก้น แล้วก็ค่อยๆ จ่อกดท่อนเนื้อแนบเข้ามาที่รูเบาๆ
“อึ....อึ๋ยยยย อุ๊ยๆๆ.. อือออ” กุ๊กหลุดครางออกไปเมื่อท่อนเนื้อค่อยๆ ชำแรกเข้ามาตามร่องรูที่บีบรัด มันแน่นซะยิ่งกว่าตอนที่ถูกนิ้วพี่โจ้แทงเข้ามาเยอะเลยค่ะ แม้ว่าเควายเจลจะช่วยหล่อลื่นได้ไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกคับตึงสุดๆ
“อูยยยย ทนอีกนิดนะกุ๊ก เข้าไปจะครึ่งลำแล้ว...” พี่โจ้ครางเบาๆ มือซ้ายจับยึดสะโพกกุ๊กไว้ อีกมือนึงก็จับท่อนเนื้อจ่อกดเข้าไปลึกขึ้นทุกทีๆ
“ซี้ดดดดดดด.....ดดดดส์ อาาาาาาห์ โอ๊ยพี่..... หนูเสียวแปลกๆ... อื๋อออออ” กุ๊กร้องครางพยายามจิกผ้าปูไว้แน่นเพื่อคลายความเสียวตึงที่ด้านหลัง
“อุ๊บ..! โอ๊ะ เข้าไป... เกินครึ่งลำแล้วกุ๊ก” ฮืออออ ไอ้บ้า มันจะคอยรายงานกุ๊กทำไมเนี่ย พอรู้ว่าเข้าไปได้แค่ครึ่งลำ ทั้งๆ ที่รู้สึกคับแน่นจนจุกแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้ใจฝ่อเข้าไปอีก กว่ามันจะเข้าไปสุดกุ๊กมิตายพอดีเหรอเนี่ย? พี่โจ้ค่อยๆ ออกแรงสาวท่อนเนื้อออกมาช้าๆ พอมันหลุดออกมานิดนึงแล้วก็ออกแรงดันมันกลับเข้าไปอีก ความรู้สึกจากการเสียดสีด้านในโพรง ทำให้กุ๊กขนลุกซู่ คล้ายกับว่าตัวเองกำลังเบ่งอึยังไงยังงั้น พอเหมือนมันจะเบ่งจนหลุดออกไป แล้วจู่ๆ มันก็ดันพร่วดกลับเข้ามาอีก มันเป็นความรู้สึกเสียวประหลาดๆ ที่เราควบคุมอะไรไม่ได้เลย ในที่สุดหลังจากพยายามอยู่นาน พี่โจ้ก็ส่งท่อนเนื้ออวบใหญ่ เข้าไปจอดแช่ไว้ในโพรงประตูหลังกุ๊กแบบมิดลำจนได้
“อืออ เข้าไปหมดแล้วกุ๊ก กุ๊กดีขึ้นมั้ย?”
“ดีบ้าอะไรล่ะ!? แฮ่ก.... แฮ่กกก... มันหน่วงๆ เหมือนอึจะราดแล้วเนี่ย อืออออ... ลองมาโดนเองมั่งมั้ย ฮืออออออ”
“พี่จะค่อยๆ เย็ดนะคะ ไม่ต้องเกร็งนะ” พี่โจ้พยายามพูดปลอบ ขณะกำลังสาวเอวเข้าออกช้าๆ แบบระมัดระวังที่สุด
“โอ๊ยยยยยย! พี่! มันหวิวๆ อ๋อยยยยยส์.... ซี้ดดดดดดส์” กุ๊กสูดปากเมื่อท่อนเนื้อมุดกลับเข้ามาอีก พี่โจ้ออกแรงกระแทกไปเรื่อยๆ จากช้าๆ เริ่มเร็วขึ้นๆ จนกุ๊กเริ่มจะปรับจังหวะตั้งรับได้บ้าง ความรู้สึกหน่วงๆ ตึงๆ ยังคงอยู่ แต่ความเจ็บในตอนแรกหายไปหมดแล้ว มันไม่ได้เสียวเหมือนกับเวลาที่โดนตรงด้านหน้า แต่ก็ได้รสชาติหน่วงๆ แปลกๆ ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน พี่โจ้พอเห็นกุ๊กเริ่มชินแล้วก็ใช้นิ้วโป้งซ้ายบดบี้เคล้าคลึงที่เม็ดทับทิมด้านหน้าไปด้วย นิ้วกลางกับนิ้วชี้ก็สอดแทงเข้าออกในร่องหลืบไปพร้อมๆ กัน อูยยยยยย กุ๊กเองพอโดนจู่โจมสองทางแบบนี้ก็สุดจะต้านทานไหว ความรู้สึกเสียวแปร๊บๆ พุ่งขึ้นมาจากภายใน หลุดครวญครางออกไปดังลั่นห้องจนกลัวว่าคนห้องข้างๆ จะมาเคาะประตูด่าเอาได้
“อ๊ะ....อ๋าาาาาาาา! อาาาาาห์..... อ๊ะ...... ซี้ดดดดดดดส์!” กุ๊กฟุบหน้ากับเตียง แอ่นก้นกระแทกโต้ตอบกับพี่โจ้กลับไปอย่างถึงกึ๋น รสสัมผัสที่ได้รับมันเกินกว่าจินตนาการที่กุ๊กจะใฝ่ฝันถึงได้
“อูยยย ซี้ดดด ก้นกุ๊กโคตรฟิตเลย ตอดควยพี่ไม่หยุด อูยยย กุ๊กเสียวมั้ย”
“สะ...เสียววว โอ๊ยยย เสียววว....”
“อืมมมม ก้นกุ๊กนี่... แน่นที่สุด... เท่าที่พี่เคยเย็ดมาเลย” ห๊าาาาาา!? อีตานี่มันไปจิ้มก้นใครมาบ้างเนี่ย กุ๊กอยากจะร้องด่าพี่โจ้ออกไปดังๆ เสียแต่ว่าสู้แรงความเสียวที่ได้รับไม่ไหว เลยได้แต่เม้มปากกัดฟันกรอดๆ ให้พี่โจ้กระแทกอยู่ด้านหลังไปเรื่อยๆ ตามใจชอบ หน้าอกกุ๊กแกว่งกระเพื่อมไปมาจนปวดหลังไปหมด เต้านมอวบๆ ถูกพี่โจ้คลึงเคล้นบี้เอาจนมันบิดเบี้ยวผิดรูป ส่วนน้องสาวด้านล่างก็กำลังวิกฤติไม่แพ้กัน เมื่อโดนปลายนิ้วซุกซนทั้งเขี่ย ทั้งดึงเม็ดเสียว สลับกับถูไถร่องหลืบไปมาจนหน้าขาเปียกเหนียวเยิ้ม ขณะที่ด้านหลังก็ถูกท่อนเนื้อของพี่โจ้มุดเข้าออกอย่างต่อเนื่อง การจู่โจมพร้อมๆ กันทั้งสามทางได้พาให้กุ๊กเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปทุกที
“โอ๊ยยยพี่โจ้ขา....... กุ๊กจะไม่ไหวแล้วนะ......อาาาาาห์”
“แตกเลยกุ๊ก แตกพร้อมกับพี่นะ” พี่โจ้พูดแล้วก็หลับตาปี๋ ออกแรงตะบันเอวหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระแทบกันดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บบบบ! ดังสนั่นหวั่นไหว ไม่ไหวแล้วค่ะ ความเสียวที่เพิ่มพูนขึ้นพาให้อารมณ์กุ๊กพุ่งทะยานจนถึงจุดสุดยอด กรีดร้องเสียงหลง ส่ายหน้าไปมาเพื่อดับอารมณ์ร้อนที่ทะลักทลายออกมาจากตัว
“โอ้วววววว! กุ๊ก...... อึ่กก..... กุ๊กแตกแล้ววววววว....ววววว” พี่โจ้ได้ยินก็ยิ่งหื่นแตก เร่งกระแทกตามเป็นจังหวะเร็วระรัวเหมือนกับปืนกลสั้นๆ ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! จนสุดท้ายพี่แกก็ทนการบีบรัดจากด้านหลังไม่ไหว
“อุ๊บ! กุ๊กพี่ก็ไม่ไหวแล้ว อ๊ะ... อาาาาาห์” น้ำอุ่นๆ พุ่งกระฉูดเข้ามาในรูก้นของกุ๊กจนอุ่นไปหมด พี่แกกระตุกตัวเกร็งจับยึดสะโพกกุ๊กไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวออก ปล่อยให้น้ำเชื้ออุ่นๆ ค่อยๆ ไหลย้อยออกมาตามท่อนเนื้อที่กำลังรูดหลุดออก
“อูยยยยย สุดยอดเลยกุ๊ก.... ฟิตสุดๆ ไปเลย” พี่โจ้ล้มตัวลงไปนอนแผ่อย่างหมดแรง ส่วนกุ๊กเองน่ะหมอบคว่ำไปตั้งแต่ตอนตัวเองเสร็จแล้ว อูยยยย ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกโหวงๆ ที่ก้นอยู่เลยเนี่ย รู้สึกได้เลยว่ามันมีน้ำอะไรคาอยู่ด้านในด้วย นอนหอบแฮ่กๆ อยู่ครู่นึง หันไปมองท่อนเอ็นพี่โจ้ที่เริ่มจะอ่อนตัว เห็นเป็นคราบเหลืองๆ นิดๆ เลอะติดอยู่ เล่นเอาสะดุ้งโหยงเลยค่ะ
“พี่โจ้! ไปล้างเลย เร็ว!” กุ๊กตีขาแก ไล่ให้รีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที เพราะรับไม่ได้กับภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั่นมันคราบอะไร แล้วกุ๊กก็รีบเดินตามแกเข้ามานั่งที่โถส้วม ตอนแรกก็กลัวว่าตัวเองจะปวดอึตามมาทีหลัง เพราะเคยได้ยินมาบ้างว่าคนที่โดนประตูหลังมักจะอั้นอึไว้ไม่ไหว แต่สุดท้ายก็มีแค่อาการโหวงๆ ที่ตรงก้น แต่ไม่ได้มีอะไรน่าสยดสยองหลุดตามออกมาด้วย ก็ถือว่าโชคดีไป ในขณะที่อีตาพี่โจ้ก็กำลังยืนใช้ฝักบัวล้างคราบเปื้อนตรงน้องชายอย่างสบายใจ ไม่ได้รู้สึกรู้สาเลยว่ากุ๊กแอบร้อนรนกังวลแค่ไหน ดูมันทำ ดูมัน ฮึ่ยยยยย พอเราอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวกันเสร็จก็พากันมานั่งๆ นอนๆ พักเหนื่อยบนเตียง
“เป็นไงบ้าง ชอบมั้ยกุ๊ก?” พ่อตัวแสบถามอมยิ้ม หน้าระรื่นมาเชียว
“ให้กุ๊กลองเอาของปลอมแหย่ก้นพี่ดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้” กุ๊กตอบไปหน้างอนๆ แน๊ะ พี่แกยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
“ไม่ต้องมาลูบหัวเลย โป้งแล้วเฟ้ยไอ้บ้า!”
“โอ๋ๆๆๆ ไม่งอนนะคนดี ถ้ากุ๊กไม่ชอบคราวหน้าพี่ไม่แกล้งแล้ว ก็แค่หวงนี่นา พอรู้ว่ามีผู้ชายคนอื่นมายุ่มย่ามกับหีนุ่มๆ ของกุ๊กแล้วพี่ก็อดหึงไม่ได้จริงๆ”
“พี่โจ้อ้ะ! กุ๊กก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้มีอะไรกับใคร แค่ใช้มือทำให้เค้าจนเสร็จ พี่โจ้ก็ยังไม่ยอมเชื่ออีก เฮ้อ!”
“อ้าว..... จริงเหรอ...? แต่กุ๊กเมายาอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังฝืนคุมสติได้อีกล่ะ?” พี่โจ้ทำหน้างงๆ
“โห่พี่! คนเยอะขนาดนั้น ใครจะบ้ากล้าไปมีอะไรต่อหน้าต่อตาคนอื่นล่ะ เอ๋ก็อยู่ น้องแอนก็อยู่ แถมเจ๊ก็นั่งอยู่ข้างๆ”
“แปลว่าถ้าคนน้อยๆ ก็จะกล้าใช่มะ? อิอิ”
“นี่แน่ะ ปากดีนัก กุ๊กไม่ใช่พวกเอาดะไปทั่วแบบพี่นะ” กุ๊กชกไหล่พี่โจ้ไปทีนึงด้วยความหมั่นเขี้ยว พี่โจ้นิ่งๆ ไปพักนึง ดูไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร ก่อนที่แกจะใช้สองมือโอบกุ๊กเข้าไปกอดแน่นๆ อย่างสเน่หา พลางทำหน้าซีเรียสขึ้นมา
“กุ๊กจ๋า อีกเกือบๆ เดือนเราก็จะแต่งกันอยู่แล้วนะ” พี่โจ้พูดเสียงนุ่มนวลจนกุ๊กเริ่มจะหวั่นๆ
“อืออ?”
“ตั้งแต่ที่เรากลับมาคืนดีกันตอนนั้น พี่ก็พยายามเปิดใจ มีอะไรก็เล่าให้กุ๊กฟังทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีๆ และเรื่องแย่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีบางเรื่องที่พี่ยังไม่เคยมีโอกาสได้เล่าให้กุ๊กฟังซักที พี่ไม่รู้ว่าถ้ากุ๊กรู้เรื่องนี้แล้ว กุ๊กจะโกรธ จะเกลียด หรือจะยอมให้อภัยพี่ได้มั้ย แต่พี่คิดว่าควรจะเล่าให้ฟังซะตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ารอให้กุ๊กมารับรู้เอาเองทีหลังอีก”
“อืม.... เล่ามาเถอะพี่ กุ๊กฟังได้” กุ๊กตอบออกไปหลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“อืม... คือ... มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ แล้วก็พี่บอยกับพี่เป้”
“อาฮะ” ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อได้ยินชื่อรุ่นพี่สองคนที่คุ้นเคยขึ้นมา พี่โจ้เว้นช่วงเหมือนเตรียมตัวเตรียมใจ
“พี่เคยมีอะไรกับพี่เป้มาก่อน โดยที่พี่บอยก็รับรู้ด้วย” คำพูดของพี่โจ้เหมือนค้อนฟาดเปรี้ยงลงมาตรงขมับ รู้สึกในหัวมันเอ๋อๆ ไม่สามารถเข้าใจความหมายจากประโยคเมื่อครู่
“คือ... อะไรนะพี่?”
“พี่เคยมีอะไรกับพี่เป้มาก่อน ก่อนที่จะรู้จักกับกุ๊ก” แล้วพี่โจ้ก็เริ่มเล่าเรื่องราวปัญหาของพี่บอย ช่วงเวลาที่พี่เป้เริ่มสนิทสนมด้วย ไล่เรียงมาจนถึงตอนที่เกิดปัญหาเมื่อมีพี่แมนเข้ามาแจม แล้วก็วนมาจนถึงตอนที่กุ๊กได้เจอกับพี่เป้ครั้งแรกในห้าง ทุกอย่างถูกขมวดจบลงจนกลายเป็นภาพกระจ่างชัดเจนในหัว รุ่นพี่ทั้งสองคนที่กุ๊กสนิทสนมด้วย ที่แท้แล้วกลับเคยมีอดีตบางอย่างร่วมกันกับแฟนหนุ่มของตัวเอง อืมมมม มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ เมื่อได้รับรู้ถึงความจริงข้อนี้
“โกรธมั้ย?” พี่โจ้เอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ
“... โกรธสิ” กุ๊กตอบออกไปตรงๆ
“อืม พี่เข้าใจ”
“กุ๊กไม่ได้โกรธที่พี่เคยไปมีอะไรกับพี่เค้านะ แต่โกรธที่พี่ไม่ยอมบอกให้กุ๊กรู้แต่แรก รอจนพากุ๊กไปรู้จัก ไปสนิทกับพวกพี่เค้าแล้ว ถึงมาบอกกันแบบนี้ ก่อนวันแต่งไม่ถึงเดือน ไม่รู้สิ กุ๊กว่ามันดูมัดมือชกยังไงไม่รู้อ่ะ”
“อืม” พี่โจ้ตอบเสียงอ่อยๆ คอตก
“เพราะแบบนี้พี่เป้เค้าก็เลยดูอึดอัดเวลาเจอหน้าพี่ใช่มั้ย”
“อืม”
“แล้วพี่บอยเค้าไม่โกรธอะไรพี่บ้างเหรอ?”
“ก็นิดนึง แต่เค้าโกรธไอ้แมนมากกว่า ก่อนหน้านี้จริงๆ พี่ก็ห่างกับพวกพี่เค้าไปพักนึง จนหลังๆ พี่บอยเค้าเริ่มโทรมาคุยเล่นบ้าง ก็เลยเหมือนจะกลับไปสนิทกันอีก แต่พี่เป้ก็ยังดูเกร็งๆ อย่างที่เห็นนั่นแหละ” กุ๊กฟังนิ่งๆ ในหัวคิดอะไรไปเรื่อย
“แล้วทุกวันนี้พี่กับพี่เป้ก็ไม่ได้...”
“ไม่ได้มีอะไรกันนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่พี่จะคบกับกุ๊กอีก เป็นปีๆ เลยมั้ง”
“พี่บอยก็ยอม?”
“ยอม... จริงๆ มันก็เป็นความต้องการของแกลึกๆ อยู่แล้วด้วยแหละ”
“แล้วพี่เค้าก็เลยมาให้พี่ช่วยเนี่ยนะ?”
“อือ...”
“อืมมมมมม์”
“กุ๊ก... กุ๊กยังอยากจะแต่งกับพี่อยู่มั้ย? พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่ตั้งแต่ได้มาคบกับกุ๊ก ความรู้สึกพี่มันก็ชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ ว่ากุ๊กคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก และอยากที่จะแต่งงานด้วย มันเป็นความรู้สึกที่พี่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนหน้านี้เลย แต่ถ้ากุ๊กจะเกิดไม่มั่นใจหลังจากที่ได้ฟังเรื่องเมื่อกี้ พี่ก็เข้าใจนะ พี่แค่ไม่อยากมีอะไรปิดบังค้างคากับกุ๊กอีกก่อนที่เราจะแต่งกัน” กุ๊กนั่งฟังพี่โจ้พูดอยู่ข้างเดียว ภาพในหัวตั้งแต่ช่วงที่รู้จักกับพี่โจ้ใหม่ๆ จนเราได้มาสนิทกันและคบกันเป็นแฟนแล้ว ช่วงเวลาที่เราทะเลาะกัน ห่างกัน แล้วกลับมาคบกันใหม่ พยายามนึกทบทวนความคิดตัวเองจนแน่ใจแล้วก็ตอบออกไป
“กุ๊กว่า... กุ๊กดีใจนะ ที่พี่โจ้ยอมบอกกุ๊กมาตรงๆ แบบนี้ อย่างน้อยพี่ก็เปิดอกพูดกับกุ๊กตรงๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่าเกลียดและยากที่จะยอมรับได้ก็เถอะ แต่ว่า.... มันก็เป็นเรื่องในอดีตของพี่ที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว กุ๊กไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธอะไรพี่ในจุดนี้อ่ะ เฮ้อออออ..... ไม่รู้ดิ เออ.... แต่งก็แต่ง มั้ง” คำตอบของกุ๊กทำเอาพี่โจ้ยิ้มแก้มปริ โอบกอดกุ๊กแน่นขึ้นไปอีก
“โอ๊ย! เบาๆ หน่อย หนูหายใจไม่ออก”
“กุ๊กใจดีที่สุดเลย พี่รักกุ๊กจัง” พี่โจ้ระดมหอมแก้มกุ๊กเป็นการใหญ่
“พอเลย ไม่ต้องมาทำพูดดีเลย เคืองว่ะ แม่ง! กุ๊กเหมือนคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่กลางวงเลยว่ะ ดูดิ๊ คราวหน้าถ้าไปเจอพวกพี่เค้าแล้วกุ๊กจะทำหน้ายังไงเนี่ย ฮึ!”
“กุ๊กก็ทำหน้าแบบพี่ตอนนี้ไงจ๊ะ อิอิอิ” พี่โจ้พูดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้าง
“โว๊ะ ไอ้บ้า! ไปเลยนะ ชิ่วๆ! อีพวกคนหูดำ เมียเมอรุ่นพี่ตัวเองก็ไม่เว้น!” กุ๊กแกล้งงอนทำท่ากอดอก ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของว่าที่เจ้าบ่าวตัวดี ก่อนที่เราจะหลับไปด้วยกัน
=======================================
ช่วงเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างเนิ่นนานจนเหมือนว่ามันจะมาไม่ถึงซักที แต่สุดท้ายวันที่เราทั้งคู่เฝ้ารอคอยก็มาถึงจนได้ ไม่รู้ว่าเป็นกุ๊กเองที่เฝ้ารออยู่คนเดียวรึเปล่านะคะ ส่วนอีตาพี่โจ้อาจจะไม่อยากให้วันนี้มาถึงก็ได้ ฮ่าๆๆ พิธีหมั้นจัดขึ้นแบบเรียบๆ ที่บ้านของกุ๊กที่จังหวัดน่าน ญาติๆ ทั้งหนุ่มสาวและคนแก่ต่างเฮฮาสนุกสนานกันทุกคน ลุงๆ อาๆ ผู้ชายจับกลุ่มเมาแอ๋กันตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนแม่กุ๊กนี่สิยิ้มแย้มหน้าบานเป็นกระด้ง เที่ยวอวดคนนู้นคนนี้ไปทั่วว่าลูกสาวตัวเองได้ผัวหนุ่มหล่อ เฮ้อ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเล้ยว่าพ่อหนุ่มหล่อคนนี้น่ะ เคยมีคดีอะไรติดตัวมาบ้าง
ขบวนของพี่โจ้แห่ขันหมากกันแค่บริเวณหน้าบ้านเป็นระยะทางสั้นๆ ผ่านประตูเงินประตูทองจากน้องๆ หลานๆ สาวๆ ที่ดักรออยู่หลายแถว หลังจากสวมแหวนหมั้นกันเรียบร้อยแล้วก็ตามมาด้วยขั้นตอนส่งตัวเจ้าสาวไปยังบ้านเจ้าบ่าวที่กรุงเทพฯ เพื่อทำพิธียกน้ำชากันต่อ แล้วจึงปิดท้ายพิธีช่วงเช้าด้วยการเลี้ยงฉลองอาหารกลางวันให้กับบรรดาแขกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพวกญาติๆ กับเพื่อนสนิทไม่กี่คนนั่นแหละค่ะ เพราะแขกคนอื่นๆ เค้ารอไปที่งานฉลองตอนค่ำทีเดียว นี่ขนาดว่าเราตัดทอนขั้นตอนบางอย่างให้ลดน้อยลงไปแล้วนะคะ แต่กว่าจะเสร็จพิธีหมั้นช่วงเช้าก็เล่นเอาแทบสลบเหมือนกัน ไม่รู้ตอนนั้นคิดกันได้ไงว่าจะจัดทุกอย่างพร้อมกันในวันเดียว โคตรจะรากเลือดเลยค่ะ ขอบอก
งานเลี้ยงฉลองเริ่มต้นประมาณ 6โมงเย็น เวลาเดินไปไม่ถึงชั่วโมงแขกเหรื่อก็ทยอยมานั่งประจำที่กันเกือบเต็มแล้ว งานพิธีก็เดินหน้าไปเรื่อยๆ แม้ว่าทั้งกุ๊กและพี่โจ้จะยังมีอาการตื่นเต้นไม่หาย แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดีโดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด จากความช่วยเหลือของบรรดาญาติๆ และเพื่อนๆ คนสนิท มันราบรื่นซะจนไม่น่าเชื่อ เหมือนกับว่าวันนี้คือวันที่ถูกเตรียมไว้เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเราสองคนโดยเฉพาะ กุ๊กเกาะแขนพี่โจ้เดินออกมาจากประตูด้านหลัง ชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาสว่างเด่นอยู่ในความมืด กระทบกับแสงสปอตไลท์ที่ส่องลงมา กระโปรงยาวฟู่ฟองทำให้เดินได้ลำบากนิดหน่อยเพราะกลัวจะสะดุด ยิ่งคอร์เซ็ตที่รัดตรงบริเวณหน้าท้องนะคะ โอ้โหทั้งรัดทั้งดันขึ้นไปถึงหน้าอกจนกุ๊กแทบจะหายใจไม่ออกเลย แต่เพื่อความสวยยังไงก็ต้องยอมล่ะค่ะ ส่วนพี่โจ้เองก็อยู่ในชุดทักซิโด้สีดำเรียบร้อย เซ็ตผมหวีเรียบ ใบหน้ายิ้มแย้ม ดูหล่อกว่าทุกวัน ดูไปดูมาก็แอบคล้ายพระเอกทีวีกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย ฮิฮิ
เราจูงมือกันเดินผ่านห้องโถงเพื่อที่จะขึ้นไปบนเวที ได้ยินเสียงแขกในงานตบมือกันสนั่น บางคนเป่าปาก บ้างก็ร้องแซวพี่โจ้จนแกแอบเขินไปเหมือนกัน มองผ่านๆ เห็นพี่บอยกับพี่เป้ นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับพี่หน่อย และพวกเพื่อนๆ ที่ทำงานของเรา ส่วนยัยเอ๋กับน้องแอนนั่งอยู่โต๊ะถัดไปไม่ไกลจากหน้าเวทีนัก พิธีกรบนเวทีคือยัยมินและพี่จ๋อง ทั้งคู่ยิงมุกเข้าขากันจนนึกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ทั้งที่พึ่งเคยเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกแท้ๆ พี่จ๋องก็ขี้กัดขี้แกล้ง ส่วนยัยมินก็แสบซ่าปากหมาไม่แพ้กัน
“ได้ข่าวว่าน้องกุ๊กกับน้องโจ้เนี่ย เคยห่างๆ กันไปพักนึง เพราะความเจ้าชู้ของน้องโจ้ ไม่ทราบว่าสุดท้ายไปไงมาไงถึงกลับมาคืนดีกันได้ครับเนี่ย?” โอ้โห คำถามของพี่จ๋องแสบทรวงสุดๆ เล่นเอาทั้งกุ๊กและพี่โจ้เหงื่อตกไปตามๆ กัน
“เอ่อ... คือ... แฮะๆ ผมก็ตื๊อเค้าหน้าด้านๆ สิครับ” พี่โจ้ตอบเขินๆ เรียกเสียงฮาจากแขกที่มาร่วมงาน
“อืมมม ตื๊อไปตื๊อมาจนน้องกุ๊กเค้าถึงขั้นตะโกนด่ากลางวงเหล้าเลยนะครับเนี่ย” เสียงหัวเราะยิ่งดังสนั่นลั่นห้อง
“แล้วทำไมหนุ่มหล่อเพลย์บอยขั้นเทพอย่างพี่เป็นต่อ เอ้ยพี่โจ้เนี่ย ถึงตัดสินใจเลือกลงหลักปักฐานกับยัยกุ๊กได้คะเนี่ย?” คราวนี้เป็นคำถามจากฝั่งยัยมินบ้าง กุ๊กฟังแล้วก็ทำหน้าค้อนยัยมินไปทันที เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเถอะ
“คือ... น้องกุ๊กเค้าใจดีครับ ... ร่าเริง แล้วก็ใจกว้างพอที่จะมองข้ามความผิดบางอย่างของผมไปได้” พี่โจ้ตอบหันมายิ้มๆ กับกุ๊ก กุ๊กเองก็ได้แต่เขินอายม้วนต้วน
“และที่สำคัญก็คือ.. กุ๊กทำให้ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดีขึ้นครับ” สิ้นคำพี่โจ้ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังสนั่นจากสาวๆ ในงาน ผสมปนกับเสียงโห่แซวจากฝั่งหนุ่มๆ ขนาดพี่บอยเองยังร่วมร้องแซวไปด้วยเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ
“เอาล่ะค่ะ งั้นขอถามทางฝั่งเจ้าสาวกันบ้าง ทำไมถึงยอมตกลงปลงใจกับหนุ่มแบดบอยอย่างพี่โจ้ได้คะ ยัยกุ๊ก? ความประทับใจแรกที่มีกับพี่เค้าคืออะไรเอ่ย?” ยัยมินถามแล้วยื่นไมค์มาจ่อปาก
“อืมม... พี่เค้าเป็นคนเทคแคร์เอาใจใส่ เค้าดูแลเราดีอ่ะ ทำให้เรารู้สึกว่าสามารถฝากชีวิตไว้กับพี่เค้าได้... แล้วก็... พี่เค้าก็หล่อ” เสียงฮาดังสนั่นลั่นห้องอีกรอบ
“แหมๆๆ ชมกันเองแบบเต็มปากเต็มคำเลยนะครับเนี่ย ไม่อยากจะเซ่ดเลยนะครับว่าก่อนหน้านี้ สองคนนี้เค้าเคยเป็นคู่กัดกันยิ่งกว่าหมากับแมวซะอีก ถ้าวันไหนไม่ได้ยินเสียงซัดกันเนี่ย รู้เลยว่าต้องมีใครคนใดคนนึงไม่มาทำงานแน่ๆ เอาล่ะๆ ไหนๆ ก็พูดคุยกันหอมปากหอมคอมาพอสมควรแล้ว รบกวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่น่ารักของเรา ช่วยแสดงความรักที่มี ด้วยการหอมแก้ม จูจุ๊บโชว์แขกๆ ในงานให้ชื่นใจสักคนละทีสองทีได้มั้ยเอ่ย?” พี่จ๋องร่ายยาวก่อนตบท้ายด้วยประโยคที่ทำให้เราสองคนต้องหน้าแดง
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!” พอยัยมินร้องบิวท์อารมณ์ขึ้นมา แขกในงานจึงเริ่มส่งเสียงร้องเชียร์ตามไปด้วย ทุกคนช่วยกันกดดันจนกุ๊กกับพี่โจ้ไม่มีทางเลือก
“โอเคๆๆ หอมก็ได้ๆ ใจเย็นขอตั้งหลักก่อน” กุ๊กพูดผ่านไมค์ หันไปมองพี่โจ้ที่ยืนอมยิ้มแก้มป่องรออยู่ แน๊! ตานี่ไม่อายใครเค้าบ้างเลยรึไงนะ เสียงเชียร์ยังคงคอยกระตุ้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะกลายเป็นความเงียบในช่วงอึดใจเมื่อกุ๊กค่อยๆ ยื่นหน้าไปชิดกับแก้มพี่โจ้แบบกล้าๆ กลัวๆ พอริมฝีปากสัมผัสที่แก้มเบาๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเฮดังขึ้นมา
“แหมๆๆ น่ารักจังเลยนะครับเนี่ย เอ้า! ไหนคุณโจ้ก็อย่าให้น้อยหน้าภรรยานะครับ จัดไปเลย แฟนๆ เค้ารออยู่” กุ๊กยืนหลับตาเพื่อแก้เขิน ยื่นแก้มไปนิดนึงเพื่อรอให้พี่โจ้ขยับเข้ามาหอม แต่ที่ไหนได้ พี่แกดันเปลี่ยนใจ หันมาจุ๊บที่ริมฝีปากกุ๊กแทน คราวนี้ล่ะคะคุณเอ๋ย เสียงกรี๊ดกระหึ่มลั่นห้องไปเลย
“โอ้โห แซ่บสุดๆ เลยค่ะพี่โจ้” ยัยมินร้องแซวเสียงร่าเริง
“นี่ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหนครับเนี่ยคุณโจ้” พี่จ๋องก็อีกคน
“แบบว่าต้องซ้อมๆ เอาไว้หน่อยครับ เดี๋ยวพอถึงเวลาปฏิบัติกิจจริงๆ จะได้พร้อมลุยเต็มที่”
“ก็คือกะว่าแต่งเข้าหอปุ๊บพรุ่งนี้ท้องปั๊บเลยว่างั้น?”
“ถ้าเป็นไปได้ก็ว่าจะเบิ้ลแฝดสองไปเลยครับ สองคนแรกเอาเป็นแฝดชายก็แล้วกัน แล้วท้องที่สองค่อยเป็นแฝดหญิง จะได้น่ารักๆ หน่อย” โอยคำตอบพี่โจ้ฟังแล้วจะเป็นลม คิดผิดคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่ยอมแต่งกับพ่อคนนี้
พิธีการดำเนินไปเรื่อยๆ จนใกล้ที่จะรูดม่านปิดฉาก ช่วงที่ไฟในห้องดับลงจนเกือบจะมืด แสงสปอร์ตไลท์ถูกฉายส่องเป็นทางลงมาที่กุ๊กกับพี่โจ้ ซึ่งกำลังประคองจับมือกันเพื่อช่วยกันตัดเค้กก้อนสูงใหญ่ ภาพฟองสบู่ที่กำลังลอยละล่องปลิวประกอบอยู่ด้านหลัง บวกกับเสียงเพลง A Thousand Yearsที่เปิดคลอไปด้วย ทุกอย่างสวยงามราวกับเทพนิยาย มันคือภาพของช่วงเวลาแห่งความสุขที่กุ๊กจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด มือที่จับมีดของกุ๊กสั่นไปมาจนแอบกังวลว่าจะตัดเค้กเบี้ยวรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ยังได้พี่โจ้ที่ช่วยเกาะกุมมือจับประคอง และช่วยกันค่อยๆ ผ่ามันช้าๆ จนสำเร็จสวยงาม นี่ล่ะมั้งคือภาพจำลองของชีวิตคู่ในแบบง่ายๆ เมื่อใครคนใดคนนึงมีปัญหา อีกคนก็รีบเข้ามาช่วยกันประคับประคองให้ผ่านพ้นมันไปได้ด้วยกัน
กุ๊กหันไปสบตากับพี่โจ้ เราสองคนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ภาพสะท้อนในดวงตาแฝงเอาไว้ด้วยข้อความเพียงคำพูดเดียว 'ขอบคุณ' ขอบคุณที่ร่วมแบ่งปันชีวิตอีกครึ่งนึงให้แก่กันมาได้จนถึงวันนี้ วันที่เราสองคนจะได้ชื่อว่าเป็นคู่ของกันและกันอย่างสมบูรณ์ ขอบคุณที่ยังคงอยู่ตรงนี้และไม่หนีไปไหน และขอบคุณที่ยิ่งรักกันมากขึ้นทุกวัน
“ขอบคุณจริงๆ”
THE END
=======================================
แสงไฟในห้องถูกหรี่ลงอีกครั้ง สปอร์ตไลท์ด้านบนฉายส่องไปยังกลุ่มสาวโสดที่มายืนออกันอยู่หน้าเวที กุ๊กค่อยๆ หันหลังให้สาวๆ ในมือถือช่อกุหลาบช่อใหญ่เอาไว้แนบอก ค่อยๆ หลับตาลง พอได้ยินเสียงพี่จ๋องให้สัญญาณ ก็ค่อยๆ โยนช่อดอกไม้ลอยหวือข้ามหัวไปเบาๆ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังออกมาจากกลุ่มสาวๆ ก่อนที่ใครคนนึงในกลุ่มนั้นจะคว้ามันเอาไว้ได้อยู่มือ กุ๊กค่อยๆ หันหลังกลับไปดู เห็นสาวๆ กลุ่มใหญ่กำลังยืนเบียดเสียดกันแน่น วงล้อมค่อยๆ แตกตัวออก เผยให้เห็นภาพสาวใหญ่อย่างพี่หน่อยที่กำลังยืนยิ้มเขินๆ อยู่กลางวง ในมือถือช่อดอกไม้เอาไว้ด้วย... กุ๊กเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มนิดๆ ส่วนพี่จ๋องกับพี่โจ้บนเวทีนี่สิคะ ขำก๊ากออกมาเสียงดังลั่นแบบไม่เกรงใจใครเลย
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
เส้นทางเจ้าสาว #6 END
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น