วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ซีรีย์น้องนิดกับพี่เก่ง(คำสารภาพของน้องนิด) ep.4



ep.4

เมื่อผมไปถึงร้านแม็คโดนัลก่อนเวลานัดเล็กน้อย รีบมองสำรวจรอบร้าน ยังมีลูกค้ามาใช้บริการไม่มากนักแต่ส่วนใหญ่นั่งกัน
เป็นกลุ่มๆ น้องนิดคงไม่ได้นั่งอยู่ในกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนี้แน่ มีคนนั่งเดี่ยวๆอยู่เพียงสองที่ ที่แรกเป็นผู้ชาย ส่วนอีกที่หนึ่งเห็น
ต้นคอด้านหลังรู้เพียงแค่เป็นผู้หญิงผมยาว คนนี้จะใช่น้องนิดมั๊ยหนอตอนนั้นผมจำได้ว่าใจเต้นตึ๊กตั๊ก แทบจะกระดอนออก
มานอกอก

จึงค่อยๆเดินเลี่ยงเฉียดๆไปด้านข้างของผู้หญิงคนนั้นหวังจะแอบมองหน้าเธอก่อนว่าหน้าตาเป็นอย่างไร สิ่งแรกที่ผมมองเห็น
คือลำแขนอวบๆสั้นๆของน้องผู้หญิงคนนั้น มันบ่งบอกให้รู้ได้เลยว่าน้องผู้หญิงคนนี้รุปร่างอวบขั้นสุดท้ายแน่ๆ

ผมตัดสินใจไล่สายตาขึ้นไปมองหน้า ก็เจอใบหน้ารูปทรงกลมแก้มยุ้ย ทาปากสีชมพูเข้มที่ดูแล้วขัดกันอย่างมากมายกับใบ
หน้าของหล่อน น้องคนนี้กำลังอ้าปากงับแม็คเต็มปากเต็มคำพอดี ผมทำใจล่วงหน้าไว้แล้วว่า ถ้าเป็นน้องนิดผมก็จะเข้าไป
คุย แต่เพื่อความแน่ใจ ผมจึงกดหมายเลขโทรไปหาน้องนิด แล้วรอลุ้นว่าน้องผู้หญิงคนนี้จะรับสายหรือไม่ โชคดีครับพอต่อ
สายติด ผมกลับไม่ได้ยินสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าของน้องคนนั้น  แต่เสียงโทรศัพท์เรียก
เข้ามันกลับมาดังอยู่เบื้องหลังของผมเสียแทน

ผมค่อยๆหมุนตัวกลับหันไปเผชิญหน้า ยังจำได้ถึงความรู้สึกในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจนเหมือนกับเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อ
วันวาน ผมรู้สึกใบหน้าชาเห่อร้อนวูบ ๆ วาบ ๆ ทั้งๆที่อุณหภูมิในร้านแม็คนั้นเย็นกำลังพอดี ทันทีที่ผมหันไปเสียงเล็กๆหวานๆ
ของหญิงสาวเบื้องหน้าก็ดังสวนขึ้นมาถามว่า พี่เก่งใช่มั๊ย ผมไม่ได้ตอบหรอกครับว่าใช่ จำได้ว่าผมพูดออกไปเหมือนละเมอว่า
...น้องนิด...สวยเหลือเกิน ผมรู้สึกดั่งที่พูดออกไปจริงๆ

หญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผมนั้น เธอสวยมาก สวยแบบหมวยๆ ใบหน้าขาวผ่องรูปไข่นั้นแดงระเรื่อ เมื่อได้ยินคำพูดชมจาก
ผม แต่งแต้มเครื่องสำอางค์บางๆ ทาปากสีชมพูอ่อนๆ ทรงผมยาวสลวยสีโค๊ก สวมเดรสยาวคลุมเข่าสีนำตาลเข้ม รูปร่างน้อง
นิดสูงโปร่งเวลายืนเกือบจะสูงเท่าผม

"พี่เก่งคะ....อย่ามองแบบนี้สิ นิดเขิลนะ"เสียงน้องนิดกระซิบอุ๊บอิ๊บๆเบาๆ พอให้ผมได้ยินแค่คนเดียว ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวหรอก
ครับว่า ตนเองมองน้องนิดด้วยสายตาแบบใด แต่ก็คงไม่ต่างกับสายตาของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนจ้องมองลูกอมแสนหวานรส
อร่อยที่บรรจุอยู่ในโหลแก้ว มองด้วยความอยากกิน มองด้วยความหลงไหลในรสชาติของมัน หรืออาจจะมองจนอดอ้าปากน้ำ
ลายสอก็เป็นไปได้

"ไปร้านอื่นกัน...." ผมจำได้ว่าพูดแบบนั้นไปจริงๆ พร้อมฉวยข้อมือดึงน้องนิดเดินลิ่วออกไปจากร้าน เนื่องด้วยเริ่มรู้สึกตัวแล้ว
ว่ากำลังมีสายตาของคนในร้านแม็คหลายสิบคู่ที่กำลังจ้องมองมายังผมกับน้องนิดด้วยความอยากรู้ว่า ไอ้ชายหนุ่มเหลือน้อย
คนนี้กับสาวน้อยแสนสวย มานัดบอดเจอกันในร้านแม็คหรืออย่างไร

ระหว่างที่ผมเดินจูงมือน้องนิดออกมาจากร้านแม็คเราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลย น้องนิดเดินตามต้อยๆ เหมือนเด็กโดน
ผู้ใหญ่จูงมือ ครั้งแรกผมกะจะแวะเข้าร้านสเต็ค แต่พอดูแล้วบรรยากาศพลุกพล่านเกินไป ผมจึงพาน้องนิดเดินต่อไปก็เจอ
ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งไม่ใช่ร้านที่มีชื่อดังอะไรนักเหมือนฟูจิ หรือโออิชิ ยาโยอิ  ผู้ที่มาใช้บริการร้านนี้จึงค่อนข้างน้อย
ภายในจัดสถานที่บรรยากาศคล้ายร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ซึ่งผมเคยไปเที่ยวมาแล้วครั้งหนึ่ง

พอเราสองคนเดินตามพนักงานสาวไปยังที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เป็นที่นั่งส่วนตัว มีกระจกล้อมรอบสามด้านที่นั่งเป็นหลุมลึกลง
ไปต้องนั่งกันกับพื้นที่มีเบาะเตี้ยๆรองก้น พอพนักงานรับออร์เดอร์จากไปแล้ว น้องนิดจึงกระซิบถามว่า มะกี้ที่ออกมาจากร้าน
แม็ค ผมอายคนหรอ ถึงได้รีบร้อนเดินออกมา

"เปล่าหรอก..พี่ไม่ได้อาย พี่กลัวว่าน้องจะอายมากกว่าที่มานัดบอดกับคนแก่อย่างพี่"

"ใครว่าพี่เก่งแก่คะ หนุ่มใหญ่ดูสมารท์จะตาย....ตอนเดินเดินมาที่ร้าน นิดเห็นผู้หญิงมองพี่เก่งตั้งหลายคนเลยนะคะ" น้องนิด
พูดพร้อมจ้องตผมใสแจ๋ว

"อืมมม..พี่ก็เห็นผู้ชายมองพี่เหมือนกัน..มองพี่แล้วก็มองน้องแล้วก็หันกลับมามองพี่แล้วคงคิดอิจฉาพี่ว่าไอ้แก่คนนี้ทำบุญมา
ด้วยอะไรนะ ถึงมีสาวสวยงามสง่าเดินควงได้ ฮ่าๆๆๆ"

ผมหยอดคำหวานไปอีกหลายดอก จนน้องนิดอายเขิล พร้อมตัดพ้อว่าผมป้อนลูกยอให้ทานจนอิ่มสงสัยจะทานอาหารไม่ลง
แน่ แล้วบทสนทนาก็ถูกขัดจังหวะโดยสาวเสริฟอาหาร

ผมละเมียดทานช้าๆ ไม่อยากรีบทานเร็ว เพราะกลัวว่าเวลาที่พบน้องนิดจะหมดไปไว แต่แม้จะละเมียดอาหารช้าเท่าใด ก็ดู
เหมือนเวลาแห่งความสุขมันติดปีกโบยบินไปได้ไวเสียเหลือเกิน ผมขอนัดน้องนิดมาแค่ทานอาหารเท่านั้น ก็เลยไม่กล้า
ขอให้เธออยุ่ต่อ แต่เหมือนสวรรค์มีตาฟ้ามีใจให้ผม เพราะพอเราเดินออกจากร้านอาหาร น้องนิดก็เป็นฝ่ายชวนผมเดินขึ้น
ไปชั้นบนของศูนย์การค้า เธอเดินดูนั่นนี่โน่นไปเรื่อยๆ แต่ดูแล้วไม่สนใจอยากได้สิ่งใดเป็นพิเศษ ตลอดการเดินจูงมือกัน
เที่ยวนั้น ผมต้องสบสายตากับผู้คนหลากหลายที่เดินสวนแล้วมองมา บางคนก็มองแบบมีมารยาท บางคนก็มองแบบอิจฉา
แต่ก็มีบ้างที่มองด้วยสายตากึ่งดูถูกดูแคลน สายตาแบบนี้ผมมองออกเลยว่าคงคิดไม่ดีไม่งามกับตัวน้องนิดแน่ๆ

เราสองคนเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดอันเป็นที่ตั้งของโรงภาพยนต์ น้องนิดจูงผมไปดูโปรแกรมหนัง แล้วชวนผมดู เรื่อง
อะไรผมจะปฎิเสธจริงมั๊ยครับ ผมไม่สนหรอกว่าจะดูหนังเรื่องอะไร แค่ขอมีเวลาอยู่ใกล้ชิดสาวงามอีกสักสองสามชั่วโมงก็
บุญหัวแล้ว

ผมจำไม่ได้หรอกครับว่าวันนั้นดูหนังเรื่องอะไรกับน้องนิดเป็นครั้งแรก เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในโรงหนัง ผมแทบจะไม่ได้หัน
หน้าไปที่จอภาพยนต์เลย ผมหันจ้องมองซีกหน้าด้านข้างของน้องเค้าตลอดเวลา นานๆครั้งน้องเค้าก็หันหน้ามาสบสายตา
กับผม แม้ในความสลัว ผมยังมองเห็นชัดเลยว่าแววตาของน้องนิดนั้นหวานหวามปานใด ความหวานของสายตาคุ่นั้น
สามารถดึงดูดทั้งตัวและหัวใจของผมจนแทบละลาย ผมเผลอตัวยื่นหน้าเข้าไปหาใกล้ขึ้นใกล้มากจนหน้าผากเราสองคนชน
กัน น้องนิดก็ยังไม่ยอมหลบสายตาเร่าร้อนที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาของผม

ผมผละหน้าถอยออกมาแล้วค่อยๆยื่นปากไปจุ๊บเบาๆตรงหน้าผากของน้องนิด รู้สึกเลยว่าเธอสะดุ้งแต่ไม่ถอยหนี ยังคงส่ง
สายตาหวานหวามสบสายตาเร่าร้อนของผม ผมจุบที่หน้าผากเบาๆอีกครั้ง น้องนิดก็ค่อยๆหลับตาพริ้มเสียงถอนหายใจดัง
เฮือก เมื่อผมจูบต่อไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง สันจมูกโด่งเล็กๆได้รูป แล้วผมก็ตัดสินใจแนบริมฝีปากประกบไปที่ปากชมพู
เต็มอิ่มของน้องเค้า

ผมแนบลงไปตรงๆแล้วค้างนิ่ง ไม่ได้พยายามสอดปลายลิ้นเข้าไปในปากน้อง แนบลงไปแล้วก้มหน้าเข้าหาออกแรงกดริม
ฝีปากให้แนบแน่นขึ้นเท่านั้น น้องนิดก็เริ่มตัวสั่น ยิ่งมือเอื้อมมือไปวางบนตักของเธอ ตัวน้องก็ยิ่งสั่นหนักขึ้น หายใจเข้าออก
แรงจนรู้สึกได้ว่าอกกระเพื่อมไหว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น