วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2562
เพื่อนรักหักเหลี่ยมสวาท ตอนที่11
ยัยบียัยบีดันทะลึ่งไปเสนอตัวรับคำ พร้อมกับลุกขึ้นมายืนประกบตัวผม มือซ้ายเธอคล้องบ่าคล้องไหล่ดึงหน้าผมลง แล้วเขย่งตัวขึ้นประกบปากแนบจูบ ส่วนมือขวาลูบไล้ตามแผ่นหลังกว้าง ลงมาถึงก้นปอดๆเล็กๆคัดแข็งของผมช้าๆ ชวนสยิว จากนั้นก็วกมือกลับมาด้านหน้าคว้าลำของผมบีบลูบเบาๆ สักครู่จนมันเริ่มพองสู้มือเธอ ปากที่ประกบจุบนั้นก็เริ่มเร่าร้อนรุนแรงขึ้น
จนผมได้กลิ่นเบียร์ระเหยออกมาจากลมหายใจของยัยบี ก่อนที่เธอจะแลบลิ้นชอนไชเข้ามาในปากของผม แล้วมือข้างขวานั้นก็ค่อยจับขอบกางเกงในผมถลกรั้งลง จนท่อนลำของผมเด้งออกมาส่ายโงนเงน ยิ่งพอโดนมือนุ่มนิ่มของยัยบีรูดเล่น มันก็ยิ่งพองแข็งยืดยาวขยายใหญ่จนอุ้งนิ้วของยัยบีจับไม่รอบ
"พอแล้วบี.."
ผมผละหน้าถอนปากออกมาจากการจูบกับยัยบี แล้วกระซิบเบาๆ จากนั้นดึงกางเกงในขึ้นมาคลุมท่อนลำตามเดิม ก่อนจะก้มลงช้อนวงแขนอุ้มร่างบางๆเพรียวๆยัยบี ลอยขึ้นมา
"ผมขอไปต่อกันในห้องนะพี่เกศ..."
ผมอุ้มยัยบีเดินออกจากห้องรับแขก ไม่ฟังเสียงแซวไล่หลังของพี่เกศ พอเข้ามาในห้องนอนของผมแล้ว ผมก็ปล่อยวางร่างยัยบียืนอยุ่ตรงหน้าประตู หลังจากที่ปิดล็อคเรียบร้อยแล้ว ผมผละเดินไปทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้แต่งตัวหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มองภาพสะท้อนเห็น
ยัยบียืนหันรีหันขวาง ก่อนจะค่อยๆเดินไปทรุดนั่งที่ขอบเตียงห้อยเท้าสองข้างลงมาแกว่งเล่นสลับไปมาอย่างไม่รุ้ว่าจะทำอะไรต่อดี
"ชัย...บี.เอ่อ..ขอโทษนะที่ทำให้ชัยมีอารมณ์.."
ยัยบีพูดเบาๆ แต่ตาจ้องมองภาพสะท้อนในกระจกตรงมาที่ท่อนลำแข็งโปนในกางเกงในผม ผมจึงลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มานุ่งขมวดปมที่เอวจนเรียบร้อย พร้อมหันหน้ากลับไปหายัยบี
"ช่างมันเถอะบี..ถ้าไม่ทำอย่างนี้ พี่เกศคงไม่เชื่อ..ชัยคิดว่าคราวนี้เขาคงเชื่อแน่แล้ว ไม่มาตามตอแยบีอีกแล้วละ.." ผมทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง พยายามใช้มือกดลำที่แข้งดันเนื้อผ้าฟูๆขึ้นมาจนโด่ให้สงบลง
"ชัย...เอ่อ..ให้บีช่วยมั๊ย..." ยัยบีจ้องมาที่กลางลำตัวของผมแล้วตัดสินใจพูดขึ้นช้าๆ หน้าแดงๆไม่รุ้ว่าเพราะฤทธิ์เบียร์หรืออะไรกันแน่
"ไม่ต้องหรอกบี..เดี่ยวมันก็สงบ.." ผมปฎิเสธออกไป
"ชัยคงทรมานใช่ป่าว...ให้บีช่วยได้นะ..." ยัยบียังดื้อตื้อไม่เลิก
"ไม่ต้อง..เดี๋ยวมันก็สงบ.." ผมปฎิเสธไปเป็นครั้งที่สองด้วยเสียงที่เข้มขึ้น แม้ใครจะว่าผมบื่อผมโง่ก็ตาม แต่ผมรู้สึกเช่นนั้นจริงๆที่
ปฎิเสธยัยบี หาใช่เป็นการเล่นตัวของผม
"เพราะเรื่องของบีแท้ๆ..ทำให้ชัยต้องทรมานแบบนี้ บีเคยได้ยินพวกผู้ชายเขาบอกว่า ถ้ามีอารมณ์แล้วเอ่อ..ไม่ได้ปลดปล่อยมันจะทรมานไม่ใช่หรือคะ..ให้บีช่วย..เอ่อ..ช่วยใช้มือทำให้ชัยปลดปล่อยได้นะ..."
สายตาที่ยัยบีจ้องมองสบตากับผมนั้นบอกความจริงใจ ว่าเธอต้องการช่วยเหลือให้ผมพ้นจากความทรมานด้านอารมณ์จริงๆ หาใช่พูดด้วยความรุ้สึกด้านกามารมณ์เลยแม้สักนิด
"ขอบใจนะบี..ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวมันก็สงบเอง เชื่อสิ..ชัยไม่เจ็บปวดทรมานหรอก.."
ผมพูดพร้อมกับลุกเดินเลี่ยงไปที่ม่านริมเทอร์เรส พอเปิดม่านออกก็เหม่อมองทิวทัศน์กรุงเทพยามราตรี เห็นตึกรามสุงใหญ่มีแสงไฟประดับอย่างสวยงาม พร้อมสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆสามสี่ครั้ง ท่อนลำที่แข็งโปนก็ค่อยๆอ่อนสงบลงช้าๆ จนเป็นเหมือนปรกติ จากนั้นจึงหันหน้าเดินกลับมานั่งที่ขอบเตียงห่างจากตัวยัยบีสักช่วงแขน
"แล้วเราจะต้องอยู่ในห้องกันแบบนี้อีกนานมั๊ยชัย..." หลังจากนั่งกันนิ่งๆไปพักใหญ่ ต่างคนต่างใช้ความคิดไปเรื่อยๆ จนยัยบีพูดขึ้นมา ผมจับน้ำเสียงได้ว่าเธอดูเหงาเศร้าอย่างไรชอบกล
"ก็จนกว่าพี่เกศจะกลับมั้ง.." ผมตอบออกไปตามความรุ้สึกว่าคงจะต้องเป็นเช่นนี้
"แล้วถ้าพี่เกศไม่กลับล่ะ..บีต้องนอนกับชัยในห้องนี้ด้วยหรอ.."
ยัยบีพูดอ้อมแอ้มเสียงเบาหวิว ใบหน้าเริ่มแดงๆอายๆ ผมไม่รู้ว่าเธอนึกอะไร อายอะไรกัน ในเมื่อร่างสาวของเธอนั้นผ่านสายตาของผม
มาแล้วแทบทุกซอกทุกมุม
"อืมมมม..คงงั้นละ..แต่บีไว้ใจเราได้นะ.." ผมรีบบอกกลัวว่ายัยบีจะคิดมาก
"อืม..บีไม่กลัวชัยปล้ำหรอก..เพราะรู้ว่าชัยเป็นคนดี..เป็นผู้ชายที่น่ารัก..หาไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้..." ยัยบีคงเริ่มอารมณ์ดีขึ้น จึงหัวเราะเบาๆขำๆ
"เดี่ยวออกไปดูก่อนนะว่าสองคนทำอะไรกันอยุ่..."
หลังจากที่นิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ๆ ผมก็พูดขึ้นมาเพราะเริ่มอึดอัดที่จู่ๆมีหญิงสาวสวยมานั่งเคียงคุ่กันอยู่บนเตียงนั้น แม้ผมจะไม่ได้คิดอะไรกับยัยบี แต่ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนหรือนักบวชนักพรตที่บรรลุโสดาบรรณตัดแล้วซึ่งกิเลสกามารมณ์
หลังจากที่ผมเปิดประตูห้องนอนชะโงกหน้าออกไปมองดูที่ห้องรับแขก ไม่มีวี่แววของคนทั้งสอง มีเพียงเสียงแหลมสูงระริกระรี้ดังลอดออกมาจากห้องนอน พร้อมเสียงร้องครางดังแผ่วๆออกมา ผมก็รีบหดหัวกลับเข้ามาในห้องพร้อมบอกให้ยัยบีรับรู้ว่าทั้งไอ้คุณเอกและพี่เกศไม่ได้อยู่ในห้องรับแขกแล้ว ปล่อยให้เธอรู้ด้วยตัวเองดีกว่าว่าทั้งสองคนหายไปอยุ่ที่ไหน
"ชัยคะ..บีขอยืมผ้าเช็ดตัวสักผืนได้มั๊ยคะ..ของบียังอยุ่ในกระเป๋า เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยรื้อมาใช้.."
เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็เปิดตุ้เสื้อผ้าบานใหญ่ที่บิ้วอินติดกับผนังห้อง ดึงผ้าเช็ดตัวสำรองที่อยู่บนชั้นวางด้านบนตุ้ออกมายื่นส่งให้กับมือของยัยบี เธอรับมันไปถือกอดไว้ แล้วเดินออกจากห้อง
"บีไปอาบน้ำก่อนนะคะ..เหนียวตัวจังเลย..มึนๆด้วยอ่ะ..."
ร่างบางๆเพรียวๆของยัยบีค่อยๆเดินออกไปจากห้อง สักพักใหญ่ๆก็กลับเข้ามาในห้องผมอีกครั้งด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดผืนใหญ่ห่อหุ้มร่างสาวที่มีหยาดน้ำเกราะพราวเต็มตัวเข้ามา ใบหน้างดงามสดใสยามล้างเครื่องสำอางค์ออกนั้นช่างดูงดงามเหมือนเด็กน้อยวัยบริสุทธิ์สดใสยิ่งนัก แต่ใครจะรุ้ว่าสาวน้อยบริสุทธิ์สดใสคนนี้เพิ่งผ่านอะไรมาบ้างนอกเสียจากผมคนเดียวเท่านั้น
"บีแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนนะ เดี๋ยวเรามา..."
ผมพูดจบก็เดินออกจากห้องนอน ไปยังห้องครัวเปิดตู้เย็นมองหาน้ำดื่ม ก่อนหยิบมาเปิดขวดยกดื่มด้วยความกระหายจนหมดเกลี้ยง
แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ด้วยนึกว่ายัยบีคงแต่งตัวเสร้จเรียบร้อยแล้ว
"ว๊าย..ชัย..."
ยัยบีผวาร้องว๊ายเบาๆ เมื่อผมเปิดประตุเข้าไป มองเห็นร่างสาวขาวผ่องทางเบื้องหลังที่เปลือยเปล่ากำลังโก่งโค้งรูดดึงชั้นในให้เข้าที่ ผมรีบกล่าวขอโทษพร้อมปิดประตูเดินออกมานั่งที่โซฟารับแขก อารมณ์ตื่นเพริดจนตนเองแปลกใจ ใช่ว่าร่างเปลือยของยัยบีผมจะไม่เคยเห็นเคยสัมผัส ช่วงอาบน้ำให้นั้นทั้งสัมผัสทั้งจับต้อง แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไร ไม่ตื่นเต้นจนใจเต้นโครมครามเช่นครั้งนี้ จนยัยบีเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นเกย์ไปเสียด้วยซ้ำ
"เรียบร้อยแล้วชัย....."
ยัยบีโผล่หน้าออกมาจากประตูแก้มสาวไร้เครื่องสำอางค์แดงปลั่งด้วยความอาย..ยัยบีนี่ก็แปลกครั้งผมเห็นร่างเปลือยของเธอเต็มๆตานั้นเธอกลับไม่เอียงอาย แต่พอมาโดนผมเห็นวับๆแวมๆเช่นครั้งนี้ เธอกลับอายจนหน้าแดงปลั่ง
ผมกลับเข้าไปในห้อง ล้มตัวลงนอนบนเตียงทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ยัยบีนั่งอยุ่บนเก้าอี้หน้ากระจกเงาบานใหญ่ สางผมสีน้ำตาลเข้มๆยาวๆ ของเธอช้าๆ ภาพเบื้องหน้าที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาดูสวยงามยิ่งนัก ผมไม่กล้ามองนานนักจึงค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เพียงสักครู่ก็รู้สึกเตียงข้างตัวขยับยุบ จึงลืมตาขึ้นมองเห็นยัยบีนั่งลงมาในท่าเดิมคือห้อยขาไว้เบื้องล่างเตะสลับกวัดไกวอย่างที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี
"ง่วงแล้วหรอ.."ผมพูดจบก็ขยับร่างไปอีกด้านของเตียงใหญ่ พอเหลือที่ให้ยัยบีเอนตัวลงมาช้าๆ พร้อมแบ่งหมอนให้เธอหนุนหัว
"ยังหรอกชัย..แต่ไม่รุ้จะทำอะไรน่ะ.."
ยัยบีล้มตัวลงนอนหงายมือสองข้างแนบข้างลำตัว ลืมตามองเพดานห้องแล้วพูดกับผมเบาๆ ผมหยิบหมอนข้างมาวางแบ่งกั้นอาณาเขต แล้วนอนหงายยกมือก่ายหน้าผาก ในห้วงคำนึงนึกคิด นับจากนี้ชีวิตของผมในห้องนอนคงไร้อิสระเสรีแล้วเป็นแน่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น