วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562

เซ็กส์คนเขา







ไกลออกไปจากกความเจริญในเมืองหลวง ยังมีจังหวัดถึงเจ็ดสิบเอ็ดจังหวัดที่ถ่ายทอดความศิวิไลซ์ไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง
การกินอยู่-หลับนอน และเรื่องของเซ็กส์ เราเห็นและรับรู้กันอย่างกว้างขวาง จนเราๆท่านๆมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ห่างไกลไปกว่านั้น...ไกลออกไปจากตัวจังหวัด ข้ามดินแดนของความ งามที่คนทั้งหลายชอบเลยขึ้นไปยังขุนเขาทมึนเสียดฟ้า ปกคลุมด้วยป่ารกชัฎ เต็มไปด้วยส่ำสัตว์นาๆชนิด เรายังมีชนอีกพวกหนึ่งซึ่งชอบอาศัยอยู่ตามป่าเขาเราขอเรียกคนพวกนี้ว่า
“คนเขา" ครับท่าน.....
คนเขามีหลายเผ่า อาทิเช่น แม้ว•เย้า•อีก้อ•มูเซอ•ยาง•ลีซอฯลฯ '
แต่ละเผ่าสืบเชื้อสายมาจากคนละตระกูลคนละเผ่าพันธุ์ ต่างคนต่างถือศักดิ์ศรีของตัวเอง ทั้งที่เขาเหล่านั้นก็อาศัยป่าเขาลำเนาไพรอยู่เหมือนๆกัน มีความเป็นอยู่เหมือนจะตัดฃาดจากโลกภายนอก ความเจริญของบ้านเมืองหรืออิทธิพลของชาวโลกตะวันตกตะวันออกไม่สามารถเข้าไปครอบงำจิตใจ “คนเขา" เหล่านี้ได้
ความเจริญทางวิทยาการ-เทคโนโลยี่สมัยใหม่ไม่มีโอกาสแพร่หลาย พวกเขายังนิยมนับถือ ผีสางนางไม้ อยู่เหมือนเดิม
หมอผี ดูเหมือนจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา ฉะนั้น“คนเขา" พวกนี้จึงดูเสมือนความลี้ลับที่ไม่มีวันจะเปิดเผยให้ชาวโลกเห็นความเป็นอยู่ภายในอย่างลึกซึ้งได้ แต่เราชาวคณะผู้จัดทำมองเห็นคุณค่าของความแปลกใหม่ จึงบุกป่าฝ่าดงค้นหาภาพแห่งความตื่นตาตื่นใจ เสนอเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงแก่ท่านผู้อ่าน
ถ้าท่านอยากรู้ว่าเราเป็นใคร โปรตพลิกไปดูที่หน้าปกมุมบนทางด้านซ้ายมือ จะเห็นรูปนิ้วโป้งสองนิ้วชูติดกัน นั่นคือสัญญลักษณ์ของความสุข สุตยอด-ยอดเสียวและยอดมันส์ จะซื้อความสุขทุกครั้งกรุณากระซิบถามคนขายให้ดี....โปรดติดตามเราต่อไป
มาถึงตอนนี้ก่อนจะเข้าเรื่อง เรามาทำความรู้จักความเป็นอยู่ทั่วๆไปของคนเขาเหล่านี้สักหน่อยเป็นไร ว่ากันสั้นๆเฉพาะบางเผ่า ไม่ต้องสาธยายวิชาการมากท่านจะเบื่อเสียก่อน
เผ่าที่เราจะยกมาเอ่ยอ้างและเดินเรื่องเผ่าแรกก็คือ “อีก้อ"
อีก้อชอบปลูกที่พักอยู่ในที่สูง ตั้งแต่พันฟิตขื้นไป อาชีพทำไร่....ปลูกข้าว...ข้าวโพด พืชผักต่างๆ และที่ปลูกกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก็คือฝิ่น อีก้อเป็นเผ่าที่ชอบหาความสุขทางเพศ สาวและหนุ่มหากพอใจกันอยากจะชวนไปหาความสุขเมื่อใดก็ได้ แต่จะต้องไม่ใช่บนบ้าน เพราะถ้าทำเช่นนั้นถือว่าผิดผี
หนุ่มสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน หากชอบพอก็จะชวนกันไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ริมลำธาร แล้วแต่บรรยากาศจะพาไป ในหมู่บ้านของอีก้อจะมีลานสาวกอด(กะลาล่าเขอะ) ไว้สำหรับให้สาวๆที่ยังไม่มีคู่ไปนั่งหาหนุ่มที่ตนพอใจ ฉะนั้นตอนเย็นหรือพลบค่ำที่ลานนี้จะมีสาวๆไปนั่งจับกลุ่มคุยคอยหนุ่มมาขอความรัก โตยเฉพาะตอนหน้าหนาว สายลมเย็นจากตอนใต้ของประเทศจีนพัดผ่าน อากาศเย็นเฉียบความหนาวก็จะเกาะกินหัวใจสาวและหนุ่มให้เร่งหาคู่....
หนุ่มสาวอีก้อเห็นการได้เสียเป็นเรื่องธรรมดา ท่าให้นึกไปถึงประเพณีอันนี้ซึ่งไปเหมือนกันกับของชาวตะวันตก...ทางประเทศสวีเดนโน่น
ถ้าจะมองกันให้ดี ชาวเขามิใช่ล้าหลังหรือไม่ทันสมัยเหมือนอย่างที่“ชาวเรา"คิดหรือมองเขาอย่างต่ำค่า... เราน่าจะมองดูตัวเราเองเสียมากกว่า
จากอีก้อ...ขอนำท่านมายังเผ่าเย้า....เย้าชอบอาศัยอยู่ในที่สูงเกินกว่าห้าพันฟุตขึ้นไป
เย้าแต่งตัวด้วยผ้าชุดดำมีพู่ห้อยรอบคอยาวมาจรดผ่าถุง พู่นี้จะมีสีแดงสดตัดกับเสื้อสีดำ เผ่าเย้าเป็นเผ่าที่รักความสะอาดและถือตัวว่าเจริญกว่าเผ่าอื่น
เย้ามีอักษรของตัวเอง ความภาคภูมิใจอันนี้กระมังที่ทำให้เย้าถือว่าเหนือกว่าเผ่าอื่น อาหารของเย้าได้แก่ ไก่,หมู...ผักกาดดอง ฟักแฟง ฯลฯ ....เย้าชอบจํบน้ำาชาเหมือนคนจีน และชอบสูบฝิ่น กัญชา ผ่านบ้องไม้ไผ่ใส่น้ำ คนเย้าเกลียดอีก้อหาว่าเป็นคนขี้เกียจ และชอบกินหมา!
เราบรรยายความเป็นอยู่ อุปนิสัยใจคอของคนสองเผ่ามาพอสมควร ต่อไปนี้ขอท่านติดตาม "เซ็กส์คนเขา" ไปให้ถึงแก่นแท้....

ณ สถานที่แห่งนี้เราขอนำท่านสู่ความลี้ลับที่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยมาก่อน....บนยอดดอยสูงเสียดฟ้า อันเป็นหมู่บ้านเผ่าเย้า ขณะนี้แสงแดดอ่อนยามเช้าเริ่มไล่ความชื้น-หมอก ละอองไอน้ำบนยอดหญ้าที่ลอยอ้อยอิ่งให้เหือดหายไปทีละน้อย
ไอดินจากหุบผา มองเป็นสีขาวบดบังต้นไม้ให้กลืนหายไปกับความสลึมสลือ เสียงไก่ป่าขันเจื้อยแจ้วมาจากป่าลึก ไม่นานนักก็มีเสียงชะนีกู่แว่วมาอีก
ความเงียบสงบอันเป็นธรรมชาติของป่าในยามเช้า เป็นบรรยากาศที่ชวนไหลหลงยิ่งนัก เสืยงฝีเท้าที่ย่ำไปบนพื้นดินลัดเลาะไปตามไหล่ดอยสู่สันเขาที่มองดูเขียวขจีเบื้องหน้า ไร่ฝิ่นของเหมยฟินกำลังออกตอกสีสตใส
เหมยฟิน เป็นหญิงสาววัย 19 ที่สวยสุดคนหนึ่งของหมู่บ้าน เป็นคนขยันและรักงาน
เย้าสาวมุ่งหน้าสู่ไร่ฝิ่นที่ก่าสังจะเก็บผลประโยชน์ หลังจากลัดเลาะไต่ดอยเพียงครู่ เสียงหนึ่งที่ดังมาจากหลังกอไผ่เบื้องหน้า ทำให้เหมยฟินหยุดชะงัก
‘‘พลั่ก!”
“ตุ้บ”
มีเสียงเหมือนของหนักๆทุบใส่ใครสักคนหนึ่ง เงาของคนสามคนวูบวาบไปมา เธอเบี่ยงตัวเข้าหลบกับต้นไม้ใหญ่ สองตาจ้องมองแอบดูอย่างตื่นตระหนก
คนกำลังถูกทำร้าย!
“เอามาให้กูไอ้หมาน้อย!”
“ไม่...ของของเฮา สูเอาไปบ่ได้”
“ได้ซีวะ...ของมึงหรือของใคร ถูจะเอาชะอย่างใครจะทำไมกู”
“ผั้วะ”
“โอ๊ย”
เหมยฟินหลับตานึกสยดสยองในใจ เธอไม่เห็นภาพชัดเจนนักแต่ก็พอรู้ว่าพวกสองคนนั้นทำร้ายเอากับคนเขาเหมือนกับเธอ
“เอามานี่ไอ้เวร พูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง ชอบให้ลงมือลงตีน ยิงมันทิ้งซะเลยดีไหม?"
ไอ้คนหนึ่งพูดพร้อมกับยกปืนขึ้น เพื่อนอีกคนหนึ่งรีบปัดปากกระบอกปืน
“อย่าไอ้โต เสียงปืนจะทำให้พวกเย้าแห่กันมาที่นี่”
เสียงเตือนจากเพื่อนทำให้ไอ้โตคิดได้ ลดปืนยาวลง
“ไปกันเถอะ เราได้ฝิ่นของมันแล้ว”
“อย่า...ฝิ่นของเฮา...เฮามีอยู่แค่นั้น สูเอาไปบ่ได้...ไผก็เอาไปบ่ได้ เฮาจะเอาไปขาย ฟอ-แม่เฮากำาลังไม่สบาย ต้องการยา”
หนุ่มซาวเขาผวาตามกอดแข้งของไอ้โต..มันห้นมามองแล้วถ่มน้ำลาย ปรี๊ด
“ถุย....ไอ้อีก้อคนนี้กวนตีนฉิบหาย ....มึงอยากได้นักเรอะ เอ้าเอาไป กูให้”
แทนที่มันจะโยนฝิ่นหลายสิบจ้อย ซึ่งแย่งจากอีก้อหนุ่มไป กลับหวดพานท้ายปืนเข้าแสกหน้าอย่างแรง
“ฉาด!”
เสียงดังหนักแน่น ร่างของอีก้อหนุ่มกระดอนหวือออกมาพ้นหลังกอไผ่ จนเหมยฟินมองเห็นถนัด
เธอเปิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเลือดสีแดงทะลักจากห้วของอีก้อหนุ่ม เธอถลาเข้าไปแต่แล้วก็ชะงัก เมื่อนึกได้ว่าควรจะให้สองคนใจโหดนั่นไปลับตาเสียก่อน มิฉะนั้นเธอก็อาจลำบากไปด้วยอีกคน
อึดใจต่อมาเย้าสาวก็พาร่างบอบช้ำของอีก้อหนุ่มลงสู่ตีนเขามาที่ลำธาร น้ำใสสะอาด อีก้อหนุ่มไม่ได้สลบ จึงพยุงร่างตัวเองโดยได้ความช่วยเหลือ จากเย้าสาวประคองปีกอย่างเห็นอกเห็นใจ
“สูมาแต่ใด?"
เหมยฟินถาม ขณะวักน้ำล้างแผลให้
“ภูหลวง....จะไปขายฝิ่น เดินตัดทางมาเจอไอ้สองคนมันดักเล่นงาน”
เขาพูดด้วยความคับแค้น
“ทำไมสูไม่สู้มัน?”
“เฮาสู้บ่ได้...มันมีปืน มีมีด มันตั้งสองคน...เฮาคนเดียว”
“ช่างมันเตอะ เสืยแล้วก็เสียไป สูชื่อไร?” เหมยฟินถาม
“เลาเยอ....แล้วสูล่ะ?” หนุ่มอีก้อย้อนถาม
“เรียกเฮาว่าเหมยฟิน”
“สูมีน้ำใจต่อเฮาเหลือเกิน"
เย้าสาวหลบสายตาหนุ่มอีก้อ ใบหน้าคมสัน....
“ไม่เป็นไรหรอก เย้าเห็นใจคนบาตเจ็บเสมอ แล้วนี่สูจะทำยังไงต่อไป?”
“เฮากลับไปภูหลวงบ่ได้แล้ว.... ฝิ่นที่เขาฝากเอามาขาย รวมทั้งฝิ่นของเฮาถูกมันแย่งไป บ่มีเงินเอาไปให้เขา.. นี่เฮาจะทำจ้ะใดดี”
เลาเยอเองก็คิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นใหม่อย่างไร ถ้าเขากสับไปภูหลวงโดยไม่มีเงินคนฝากขายฝิ่นจะหาว่าเขาโกงเงิน ในขณะนั้นเหมยฟิน' ก็เอ่ยขึ้น
“อยู่ก้บเฮาก็ได้ เลาเยอ!"
“เหมยฟิน?!”
เลาเยออุทานแผ่วเบามองหน้าสาวเย้า สายตาเปรียบเหมือนไฟร้อนแรงระอุอยู่ในหัวใจหนุ่มสาวทั้งสอง
อา...ควารักแรกพบกำลังคุกคามหัวใจเลายอและเหมยฟินเข้าแล้ว เหมยฟินสงสารในโชคชะตาชีวิตที่เขามาโดนทำร้ายต่อหน้า ประกอบกับเลาเยอมีท่วงทีท่าทางและการพูดจาสุภาพ
เงียบกันไปสักครู่ ต่างก็เริ่มรู้สึกในหัวใจที่ร่ำหา
“แด่เฮาเป็นอีก้อนะ เหมยฟิน"
“อีก้อก็เป็นคนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ....แล้วจะมาดูถูกกันทำไม?”
“เหมยฟินไม่ดูถูก แต่พ่อแม่และหมอผีจะรังเกียจ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น เลาเยอก็ปลูกบ้านอยู่ข้างนอก หาทำไร่เอา ตอนแรกเฮาจะช่วยเรื่องข้าวปลาอาหาร ไม่นานเลาเยอก็ตั้ตัวได้”
หนุ่มอีก้อดีใจจนน้ำตาซึม เหมือนชีววิตที่ตายแล้วเกิดใหม่ เขากุมมือของเหมยฟินไว้แน่น ดวงตาบ่งบอกความขอบใจอย่างลึกซึ้ง ความงามจากเรือนร่างและใบหน้าเกลี้ยงเกลาผ่องพรรณของเย้าสาว ทำให้หนุ่มอีก้ออดใจไม่อยู่ โน้มกายเข้าหาจะหอมแก้ม เหมยฟินเอียงอาย เอียงไหล่ให้แล้วกันใบหน้าเขาไว้
“อย่าเลาเยอ เราเพิ่งรู้จักกัน” พูดแล้วลุกขึ้นยืน “ไปดูที่กัน เลาเยอชอบใจตรงไหน ก็ปลูกได้เลย”
ทั้งสองมุ่งหน้าสู่ไหล่ดอยที่ปลูกฝิ่นของเหมยฟิน ในระหว่างทางเลาเยอถามว่า
“เหมยฟินให้เราปลูกบ้าน พ่อแม่ของเหมยฟินไม่ว่าหรือ?”
“ที่ของเหมยฟินมี 10 ไร่ สูไม่ต้องกลัวไผ”
หนุ่มอีก้อผู้โชคดี เดินเคียงมาอย่างสงบ พอถึงไร่ฝิ่นเหมยฟินก็ชี้ให้ดู
“ตั้งแต่สันดอยนั้นลงมาจนถึงกระท่อมโน้นเป็นที่ของเหมยฟิน...และถัดไปเป็นป่า เลาเยอมาถางเอาเองก็แล้วกัน”
หนุ่มคนเขาเปิดรอยยิ้ม
“เฮาจะเปิดป่าติดกับไร่ของเหมยฟิน เผื่อวันหน้าไร่เฮาอาจเป็นผืนเดียวกัน”
สาวเย้าค้อนให้ทีหนึ่ง...แล้ววิ่งลงสู่ที่ลุ่มด้วยหัวใจอิ่มเอิบ เลาเยอวิ่งตามไป
“เหมยฟิน รอด้วย”
“เก่งจริงวิ่งตามมาให้ทัน”
หญิงสาวตะโกนตอบ หนุ่มอีก้อยิ้มแย้มร่าเริง ลืมความเจ็บปวดจากบาดแผลบนใบหน้าเสียสิ้น
นี่หรือความรัก?! นี่หรือคืออำนาจที่จะแปรผันสิ่งใดๆในโลกให้เปลี่ยนแปลงไปได้ทุกสถานภาพ ร่างของคนทั้งสองวิ่งตามกันและไปที่ริมลำธารตื้นเขิน มีโขดหินผุดระเกะระกะอยู่ดาษดื่น
“เฮาจับตัวสูได้แล้ว”
เลาเยอคว้าร่างเหมยฟินไว้ได้ ความแรงจากการกอดรัดท่าให้ทั้งสองล้มลงบนพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มริมฝั่ง จมูกของเลาเยอจรดลงบนลำคอขาวผ่องของสาวเย้า พร้อมกับคลอเคลียไปมาอย่างนิ่มนวล เหมยฟินเบือนหน้าหลบ แต่ก็หาพ้นไม่
“อย่าเลาเยอ...อย่ารังแกเรา”
“เลาเยอรักเหมยฟิน บ่ได้รังแก”
“รักเราก็ต้องแต่งงานกัน บ่ใจ้ทำจะอื้ สาวเย้าบ่เหมือนสาวอีก้อเน้อ”
“เหมยฟินเฮาซิอยากแต่งงานกับสู แต่พ่อแม่พี่น้องของสูคงไม่ยอม เราจะทำยังไง”
หญิงสาวเงียบไป จริงดังที่เลาเยอพูด หากอายะพ่อของเธอรู้เข้าก็คงไม่ยอม เธอรู้ว่าทั้งพ่อและแม่เกลียดคนอีก้อ...และไม่ใช่พ่อแม่ของเธอเท่านั้น คนเย้าทั้งหมู่บ้านเธอก็คงไม่ต้อนรับเขา
มีอยู่หนทางเดียวคือแอบรักอยู่กับเขา หากมีเรื่องขึ้นมา เธอก็พร้อมที่จะไปอยู่กับเขาได้ทุกเวลา เธอสมควรที่จะตัดสินใจเองสำหรับคู่ครองในชีวิต
เหมยฟินเผลอตัวไปนิดเดียว เลาเยอรุกรานเธอหน้ก เขาระดมจูบเรือนร่างงดงามจนหญิงสาวอ่อนระทวย ความพอใจผสมผสานกับความสาวทำให้เหมยฟินปัดป้องมือซุกซนเขาเพียงเป็นพิธี เลาเยอก้มลงจูบที่พวงแก้ม แล้วเลื่อนลงมาที่หน้าอกพุ่งตระหง่านสองเด้าเต่งตูม หยุบหยุ่นอยู่ภายใต้ผ้าสีดำ พู่สีแดงสะท้อนแสงอาทิตย์แผ่รัศมีสีทาบเนื้อขาวเป็นสีชมพู
โดยเฉพาะตรงร่องอกที่แง้มออก จนเห็นฐานนม!
หญิงสาวเย้าบนยอดดอยสูงไม่ใส่ยกทรง ฉะนั้นฐานนมที่โผล่ออกมา จึงเผยตัวประกาศศักดิ์ศรีของความงามอย่างเด่นชัด
ขาวนวลย้งกะนมสด...! อีก้อหนุ่มตะลึงลาน พอได้สติรีบฟุบหน้าลงสูดความหอมหวาน
เหมยฟินดิ้นอกแอ่น เผลอครางออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว
“ชู๊ดส์....เลาเยอ...”
มือซ้ายของหนุ่มชาวเขาแหวกคอเสื้อให้กว้างออก ทางด้านซ้ายหลุดก่อน นมตั้งเต้าขาวจั๊วะชูยอดสีชมพูเรึ่อ อาบแดดท้าทายสายตาและมือไม้ของหนุ่มอีก้อเสียนี่กระไร เลาเยอระงับใจไม่ให้ตื่นเต้น ซบหน้าลงจูบพร้อมทั้งอ้าปากงับหัวนมสาวเย้าเล่นเบาๆ
“อุ๊ย...เลาเยอ เหมยฟินเสียว"
เหมยฟินครางกระเส่าใบหน้าสวยพลิกกลับไปกลับมา สองขาสดถีบหญ้าสีเขียวเหมือนคนทุรนทุราย ลมหายใจทั้งคู่หอบสะท้าน....และแรงพอๆกัน ผ้าถุงของเหมยฟินเริ่มถลกขื้นมาอยู่บนหัวเข่า และถอยร่นสูงขึ้นเรื่อยๆ ความขาวของลำขาอวบอัด ดูดังหยวกกล้วยไร้ไฝฝีราคีให้หม่นหมอง
ผิวสาวของเหมยฟินช่างผุดผ่องเสียจริงๆ อีกทั้งความสมบูรณ์ของร่างกายในว้ยสาวรุ่นเติบโตเจริญเต็มที่ จึงดูเปล่งปลั่งน่าจับต้องทนุถนอมไขว่คว้ามาเป็นสมบัติยิ่งนัก
ฝ่ามือของเลาเยอที่ลูบไล้จากเนินอกแล้วลาดลงสู่เบื้องล่างจนมากระทบกับเนื้อแท้โคนขาเข้านี่ซิทำให้ไฟรักและความต้องการกระพือโหม ด้งไฟลามป่าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งต่างๆที่บ่งบอกสัญญลักษณ์ของความเป็นชายผงาดงํ้า โชนเด่นอยู่ภายใต้กางเกงสีดำตัวใหญ่ และมันได้ถือโอกาสถูไถไปบนเนินเนื้อส่วนกลางของเหมยฟินอย่างไม่ตั้งใจ
ทั้งสองกอดรัดคลุกเคล้า แลกจูบกันดูดดื่ม เป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของเหมยฟินสาวเผ่าเย้าที่จะมอบกายใจให้เลาเยอหนุ่มอีก้ออย่างหมดสิ้น เธอไม่ใช่ใจง่าย...หนุ่มเย้าหลายคนในหมู่บ้านอย่างเช่น อาโย๊ะ,เล่าผาหรืออาโล ซึ่งล้วนแต่เป็นคนดีมาหลงรักเธอ... .เธอก็มิได้สนใจใยดี ทว่ามาเจอเลาเยอหนุ่มอีก้อคนนื้เข้า เธอเหมือนต้องมนต์รักเขาอย่างจับใจขื้นมาทันที
เมื่อมีความรัก....หัวใจเรียกหา...ทำไมจะต้องไปยับยั้งมันด้วย ปล่อยไปตามความต้องการของหัวใจเถอะ... เถิดนะเหมยฟิน
ความรู้สึกต่างๆทับถมเข้าหาหญิงสาว และอนุสติก็บอกให้ปล่อยไปตามหัวใจต้องการ
พอคิดได้แค่นั้นเธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกว่าท่อนล่างเย็นวาบจากสายลมตอนเข้า รีบเอามือปิดแต่ก็ช้าเกินกว่า เลาเยอซึ่งเบียดตัวลงหว่างกลาง สองขาเหมยฟินจึงต้องแยกออก หนุ่มอีก้อเลื่อนกายลงต่ำจนใบหน้าพอดีกับเนินเนื้อสามเหลี่ยม มือขวาจ้บผ้าถุง เลิกขื้นไปคลุมท้องน้อย พอผ้าถลกขื้นไปอีกนิด เนื้อแท้ๆตรงหว่างขาของสาวเผ่าเย้าผู้เลอโฉมก็ผุดเด่นต่อสายตา
บา....มันช่างงดงามอะไรอย่างนั้น โคกเนื้อโหนกงานูนเด่นออกมา ขาวผ่อง อวบอัดคับเต็มหว่างขา ขนอุยสีเทาขื้นประปรายอยู่เหนือชะโงกรอยผ่า สีชมพูสดประกบกันมิดชิดสนิทแน่น ย้่วให้เลาเยอฟุบหน้าลงจูบอย่างหื่นกระหาย ชายหนุ่มส่ายจมูกรูดดะไปตามจุดต่างๆ พร้อมกันนั้นลิ้นอุ่นๆก็ช่วยประคบดูดดุนยังจุดเสียวไม่ขาดระยะ
เหมยฟินบิดตัวดังพิษไข้ ครางกระเส่า หน้างามผ่องไปด้วยเลือดแห่งความกำหนัดส่ายไปมา เลาเยอใช้มือคลำแผ่วเรียกความสยิวจากโคนขาขึ้นไปถึงนม แล้วบีบขยำก้อนเนื้ออูมอั๋นแรกผลิอย่างมันเขี้ยว
“อูยส์ เหมยฟินจะขาดใจแล้วเลาเยอ อย่าทรมานเรานักเลย สูจะทำจ้ะใดก็ทำเถอะ”
อา....เมื่อหญิงสาวอดทนต่อไปไม่ไหว ถึงขนาดออกปากยินยอมให้อย่างนี้แล้ว ก็เหมือนผลไม้ที่บ่มมาแล้ว กำล้งสุกงอม ขืนไม่กินตอนนื้ก็คงไม่อร่อยลิ้น
อีก้อหนุ่มสะบ้ดกางเกงออกท้นใด ลำลึงค์อันเขื่องดีดผางลุกโขน มันแข็งแกร่งสิ้นดี ดูลำหักลำโค่นบึกบึนและอดทน
เลาเยอขยับขาของสาวเย้าให้อ้าออกไปอีก แล้วเขยิบตัวแอ่นเอวเข้าหา จรดท่อนเนื้อมู่ทู่หัวบานผลึ่งดังดอกเห็ดเข้าที่รอยผ่า ซึ่งบัดนื้มีน้ำหล่อลื่นใสหยาดเยิ้มชุ่มจนล้นแคม
หัวลึงค์ถูกจับจ่อตรงปากรูแดงอร่าม แล้วกดลงไปหน้กๆ
“ว้าย ตายแล้วเลาเยอ เฮาเจ็บ โอ๊ย....”
เหมยฟินหวีดผวาเมื่อโดนท่อนลึงค์ลำเขื่องเข้าไปถึงครึ่ง สองแคมอ้าออกอมท่อนเนื้อไว้แน่น สองมือของหญิงสาวจิกเกร็งบนหัวไหล่ของชายหนุ่มต่างเผ่า สะโพกอวบขาวบิดไปมาด้วยความแสบเสียวแน่นตึงตรงปากรู ง่ามขาตึงเปรี๊ยะแทบขยับไม่ได้
เลาเยอเองก็ขบฟันกรอดข่มความเสียวซ่านในหัวใจเมื่อเจอเอาช่องสวาทแน่นดีของเหมยฟิน เขาไม่เร่งดันท่อนเนื้อให้จมลง เพราะจะทำให้สาวคนรักเจ็บระบม หมดความสุข เขาปล่อยแช่คาไว้เช่นนั้น หันไปรุกเร้าโลมเนื้อบริเวณอกสาวต่อไป ก้มลงจูบแล้วดูดหัวนมดังจ๊วบ หญิงสาวผวาเฮือก สองแขนโอบรัดเอาไว้แน่น
ครู่เดียวเท่านั้น....ความเจ็บก็เริ่มจะคลายหายไป ความเสียวสยิวโผล่มาแทนที่ สาวเย้าเริ่มตอบสนองด้วยการยกด้านล่างขื้นส่ายน้อยๆ อีก้อหนุ่มเห็นเธอเตือนเช่นนั้นจึงค่อยกดท่อนเนื้อกระดืบเข้าไปทีละน้อยจนมิดด้าม
“ซี๊ดส์... ”
เหมยฟินหลับตาปี๋รู้สึกตัวเบาหวิว ล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ โลกทั้งโลกกลายเป็นสีสรรหลากสี แพรวพราวสวยงามเป็นที่ยิ่ง ขณะเดียวกันนั้นเลาเยอก็บรรเลงเพลงกามารมณ์อย่างร้อนแรง ท่อนเนื้อใหญ่ยาวปานบวบงู ที่เขาปลูกทิ้งไว้ในไร่ก็ชักเข้าชักออกไม่หยุดหย่อน แคมเนื้อแดงอร่ามปลิ้นพยักเพยิด ผลุบเข้าผลุบออกอย่างน่าดู
ต่างคนต่างไม่เคยด้วยกันทั้งคู่ ชั่วแผล็บเดียว...เหมยฟินก็ผวาเฮือก หัวใจเตลิดเพลิดไปกับความสุข พุ่งขื้นสู่สรวงสวรรส์ ร่างทั้งร่างเกร็งพร้อมกับบิดสะโพกไปมาไม่หยุดหย่อน อาการของสาวเย้ากระตุกให้ม้าหนุ่มเลาเยอห้อแน่บวิ่งซอยไม่คิดชีวิต ท่อนลึงค์ยาวใหญ่ตอกใส่โคกสวาทถี่ยิบ
และในบ้ดดลน้ำกามร้อนระอุก็พ่นทะล้ก ดังทำนบแตก ใส่โพรงสวาทเหมยฟิน ท่วมท้น ลมหายใจของทั้งสองหอบฟิตฟาดดังแข่งกัน และค่อยๆผ่อนเบาลงทีละน้อย ทั้งสองกอดกันแน่นดังร่างเดียวกัน
ลมชายเขาพัดผ่านมาวูบนึงพาเอาความเย็นจากต้นไม้ใหญ่มาชะโลมความรู้สึกของคนเย้าและอีก้อให้ตื่นจากความสุขสม เหมยฟินลืมตาดูหน้าเลาเยอ ซึ่งเธอเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหนุ่มคนรักมองอยู่ก่อนแล้ว จึงเบือนสายตาไปบนไหล่ดอย ซึ่งบัดนี้ดอกฝิ่นกำลังบานสะพรั่ง
“สูเอาเฮาเป็นเมียแล้ว อย่าทิ้งเฮาไปนะ”
เลาเยอก้มลงจูบแก้ม
“เหมยฟินเป็นเมียเฮา....เฮาไปที่ใด เหมยฟินไปด้วย”
เย้าสาวยิ้มอิ่มเอมเบิกบานใจ
“แล้วเลาเยอจะพาเฮาไปที่ใดล่ะ”
“ไปสวรรค์ไงล่ะ เฮาอยากเอาเหมยฟินเป็นเมียอีกครั้ง”
เหมยฟินขวยเขินจนหน้าแดง
“บ่ได้...เฮาไปบ่ได้ เดี๋ยวผิดผี" สาวเย้าพูดแล้วยิ้มล้อเลียน
“ช่างเตอะ ผิดก็ผิดไป เสร็จแล้วเฮาขอขมาก็ได้”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น