วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2562

แม่ค้าขายตัว




เริ่มขาย...
อดีตย้อนถอยหลังไปประมาณ 30 กว่าปี ก่อนรัฐบาลจอมพล ป. จะออกกฎห้ามกินหมาก ห้ามผู้หญิงนุ่งโจงกระเบน และห้ามอีกหลาย ๆ ข้อ เพื่อพัฒนาให้คนไทยเจริญก้าวหน้าในการแต่งกายตามสมัยนิยม
ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ ตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ชง ล้อมไปด้วยแควใหญ่ สองฝั่งเป็น เนินเขา สูงต่ำสลับๆซับซ้อนกันไป บางแห่งเป็นเนินดินร่มรื่น แต่บางแห่งก็เป็นป่ารกชัฎ ผู้ชายก็ยังนิยมนุ่งโสร่ง แต่ถ้าอยู่กับบ้านหรือเพ่นพ่านในละแวกบ้าน  ก็นุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียว ส่วนผู้หญิงก็นุ่งโจงกระ­เบน สำหรับส่วนบนก็มักจะใช้ผ้าแถบผืนเดียวปกปิดของสงวน แต่ถ้าทำงานก็จะเปลี่ยนเป็นตะเบงมาน เพื่อให้ดูทะมัดทะแมง หากจะเดินทางไปไกลๆ หรือเข้าเมือง ถึงจะสวมเสื้อแขนกระบอก ซึ่งเก๋ไก๋สำหรับสมัยนั้น
เรือนขนาดย่อมหลังหนึ่งปลูกห่างจากหลังอื่น พ่อบ้านคือทิดธง ตกพุ่ม ม่ายตั้งแต่นังช้อยยังใช้ผ้าแถบไม่เป็น สองพ่อลูกก็ช่วยกันทำมาหากิน โดย ขุดเผือกมันมาต้มบ้าง ทำแกงบวดบ้าง ใส่กระจาดแบกไปส่งที่ตลาดเล็กๆแถวนั้น แล้วก็ให้นังลูกสาวนั่งขาย ตัวเองก็ออกไร่หรือไม่ก็เข้าเมืองไปซื้อของมาขายบ้าง จนกระทั่งนังช้อยเริ่มใช้ผ้าแถบ บางทีก็ตะเบงมานเมึ่อหน้าอกหน้าใจที่มันแบนราบเรียบมาแต่เกิดชักจะตูมเต่งขึ้นมาทุกวี่ทุกวัน   เริ่มมีไอ้หนุ่มมาขายขนมจีบ สาวช้อยก็เริ่มมีจริตจะก้านความเป็นสาวขึ้น อาศัยที่หน้าตามันเกลี้ยงเกลา   แก้มผ่องเป็นพวง เลือดฝาดสาวฉีดจนดูเป็นสีแดงเรื่อ รูปร่างอวบอัดยวนตา เผือกมันที่มันนำมาขายก็หมดไปก่อนแม่ค้าคนอื่น เดี๋ยวนี้มันไม่ต้องอาศัยพ่อแบกกระจาด กระบุงมาส่ง มันใช้หาบจากบ้านผ่านลำเนาไพรเปลี่ยวเลาะริมแควร่วมสองกิโลจนถึงตลาดลำพังคนเดียว แต่มันก็ไม่เคยนึกกสัว เมื่อหนทางที่มันผ่าน นั้นบางแห่งเปลี่ยวและเงียบ เพราะสาวช้อยมันเดินมาตั้งแต่แก้ผ้าจนชิน
ชาวบ้านละแวกนั้นพากันออกปากชม ทิดธงที่ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อแม่ของสาวช้อยโดยไม่ข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคน ไหนเลย แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่ง เมื่อทิดธง เข้าไปในเมือง แต่พอกลับมา มีสาวใหญ่เดินเคียงคู่หิ้วกระเป๋าหนังใบย่อมกลับมาบ้านด้วย ชาวบ้านมองกันจนเหลียวหลัง คนแก่ถึงกับนินทาเมื่อทิดธงคล้อยหลังห่างไปแล้ว
“ไอ้ห่าธงเกิดตัณหากลับเสียแล้วว่ะ”
คอสองก็ออกโรงพลอยผสม
“มันทาหน้าทาตายังกะช็อกการี”
เมื่อสาวช้อยหาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน พ่อก็เรียกให้เข้ามาไหว้สาวใหญ่
“ช้อยเอ๊ย เอ็งมารู้จักแม่ใหม่เขาหน่อย ชื่อแม่ศรี”
สาวช้อยถึงกับสะดุ้ง มันเหมือนฝนตกโดยไม่มีเค้า แต่มันก็ยกมือไหว้ สาวใหญ่ถึงกับออกปากชมว่าหน้าตามันสวย
คืนนั้นอีสาวบ้านนอกนอนไม่หลับ พ่อไปรู้จักมักจี่ติดต่อกับแม่เลี้ยงคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ พ่อไม่เคยแย้มพรายให้มัน;รู้เลย มันพลิกไปพลิกมาจนกระทั่งหลับ
หน้าที่ที่มันปฏิบัติเป็นประจำแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ก็คือตื่นแต่มืด พอล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็เข้าครัวติดไฟตั้งข้าว ล้างเผือกมันที่พ่อขุดมาจากไร่เอาขื้ดินออก ถ้าทำแกงบวดก็ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เข้ามืดวันนี้ เกิดอัศจรรย์ ขณะมันล้างเผือก อีสาวช้อยมันรู้สึกบ้านไหวสั่นคล้ายปลาอานนท์ที่นอนใต้พื้นดินมันพลิกตัว   แต่ที่มันฉงนก็เพราะสั่นเป็นจังหวะ อีสาววัยรุ่นชักฉงนลุกจากครัวมองหาสาเหตุ แล้วมันก็เดินไปดูที่ประตูห้องนอนของพ่อ ข้างประตูมีรอยฝาแตกเพราะความชราของไม้ ซึ่งพ่อตั้งใจว่าจะหาไม้มาเปลี่ยนหลายวันแล้ว มันก้มมองสอดสายตาเข้าไป มันทำท่าผงะเหมือนเห็นผี
“ตายห่ะ...." มันร้องอุทานในใจ
เพราะว่าพ่อไม่ได้นุ่งโสร่งหรือผ้าขาวม้า แก้เปลือยกายทั้งตัว กำลังควํ่าทับร่างแม่เลี้ยงๆซึ่งนอนหงายขาถ่างอ้า ผ้าผ่อนก็ไม่มีเหมือนกัน มันเห็นพ่อขยับก้นซอยยิกๆ ตรงหว่างขาแม่ศรี อีสาวช้อยถึงกับละสายตามายืนคิดว่า...นั่นพ่อกับแม่เลี้ยงเขาทำอะไรกัน ทำไมถึงสัปดนผ้าผ่อนไม่นุ่ง  
เพื่อให้หายสงสัย มันก็ก้มดูใหม่ พยายามแนบสายตาเข้าจนติดฝา คราวนี้มันเห็นชัดขึ้น ทั้งๆที่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่จากทิวเขา แต่แสงจันทร์ที่สว่างสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้สาวช้อยเห็นถนัดถนี่ เมื่อตอนพ่อยกก้นขึ้น มันเห็นท่อนเนื้อที่ผู้ชายเขามีไว้เยี่ยวของพ่อ กดแทงเข้าไปในหว่างขาแม่เลี้ยง ซึ่งรกรุงรังด้วยขนดกดำเต็มพรืดไปหมด
อีช้อยมองให้สิ้นกังขา จนเห็นพ่อมันซอยก้นยิก ครู่เดียวก็ทำท่าเหมือนหมดแรง ทาบตัวอยู่กับร่างแม่เลี้ยง อีสาวช้อยถึงกับใจเต้นตูมตามไม่รู้ตัว ผละจากรอยฝาแตก เดินใจลอยเข้าครัว มือก็ท่างานไป ใจก็คิด ...นี่หรือการกระทำที่เรียกว่าผัวเมีย หัวใจสาววัยรุ่นเริ่มเกิดความกำหนัดตามธรรมชาติ
พอพระอาทิตย์โผล่จากทิวเขาขึ้นมาเต็มที่ อีสาววัยกำดัดก็พร้อมที่จะหาบของออกไปขาย แม่เลื้ยงเดินออกมาจากห้องนอน   หน้าตาดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง รอยฉาบที่ใบหน้าที่มีสีแดงเป็นหลักสดุดตาหายไปหมด แม่ศรีเดินยิ้มเข้ามาหามัน
“พ่อยังไม่ตื่นเลย นั่นจะไปขายที่ไหนนังหนู”
“ตลาดท่าสีโพธิ์นี่เองจ้ะ”
“โอ้โฮ ไกลเหมือนกันนี่”
“ฉันเดินจนชินแล้วจ้ะ”
สาวช้อยพูดจบขยับจะไป แม่ศรียังติดใจที่จะคุยกับมันต่อ
“วันๆ ขายไต้สักเท่าไหร่”
“ถ้าขายหมดก้อ...20 กว่าบาทแหละจ้ะ”
“โอ๊ย ไม่คุ้มค่าเหนื่อย ทั้งวันได้แค่นี้เอง แบบนี้ขายอย่างอื่นดีกว่า ไม่ต้องลงทุนให้เหนื่อยด้วย สบ๊ายสบาย แพล็บเดียวก็ได้แล้ว 20 ครึ่งค่อนวันก็เหยียบร้อยแล้ว”
ถึงจะสงสัยอีสาวมันก็ยังไม่กล้าถาม เพราะเพิ่งรู้จักกันชั่วเมื่อเย็นวานนี้เอง กะว่าไว้ให้สนิทสนมกันมากกว่านี้ มันจะลองเลียบเคียงถาม มันยิ้มให้แม่ศรี แล้วยกหาบใส่บ่าลงเรือนไป มันเดินใจลอยคิดถึงภาพเมื่อเช้ามืดและคำพูดของแม่เลี้ยงประโยคหลัง จนไม่ได้ยินเสียงลุงมั่นเรียกมัน จนแกตะโกนซ้ำเสียงลั่นจนมันสะดุ้ง ถึงได้หยุดหันไป ลุงมั่นเดินมาหามันพร้อมด้วยชามใบหนึ่ง
“กูเรียกเอ็งจนลูกกระเดือกแทบระเบิดไหงเสือกหูตึงเสียล่ะวะ เอ้า เอาแกงบวดให้กูห้าสิบ”
แกส่งชามมา อีสาวนั่งลงรับชามมาตักแกงบวด
“กูประเดิมเป็นคนแรกต้องให้มันมากหน่อยวิโว้ยอีช้อย”
"จ้ะๆ"
เมึ่อส่งชามรับสตางค์มาแล้ว ลุงมั่นถามมัน
“อีผู้หญิงที่ทาปากทาแก้มแดงๆ ควงไปกะพ่อเอ็งน่ะ   แม่เลื้ยงเอ็งหรือ?”
“จ้ะ ลุงรู้จักเหรอ?”
“เปล่า กูนึกว่าพวกยี่เกว่ะ” ลุงมั่นหัวเราะชอบใจแล้วก็ผละไป
วันนั้น เฮงเป็นบ้า สาวบ้านป่า ขายขนมหมดแต่วัน มันนับเงินที่ขายได้ เกือบสามสิบ มันเหน็บใส่ชายพก คว้าหาบขื้นบ่ากลับบ้าน พอถึงทางที่ลับตาคน มันก็วางหาบ ปลดผ้าแถบออก นมสองเต้าเต่งก็ปรากฏแก่สายตาผีสางนางไม้ มันเตรียมคาดผ้าแบบตะเบงมาน กำลังผูกปมขางหลัง มันก็ตกใจสุดขีด ไอ้หนุ่มหุ่นขี้ยาคนหนึ่ง พรวดมาจากทางไหนมัน'ไม่ทันเห็น พุ่งเข้าหามัน ขณะมือทั้งสองกำลังจะขมวดผ้าที่ต้นคอ มันเข้ามาจับชายพกเพื่อแย่งชิงสตางค์ อีช้อยปล่อยมือทั้งทีผ้ายังไม่ทันผูก กุมชายพกแน่นปากก็ร้องเสียงลั่น
“ช่วยด้วยๆ คนมันตีชิงฉัน"
ไอ้แห้งตัวนั้นเลยสกัดการเงียบ ด้วยหมัดชกไปที่ท้องอีช้อย จนมันตัวงอ แทบจะหมดกำลัง แต่มือกุมชายพกแน่น คนร้ายกระชากชายพกจนผ้านุ่งโจงกระเบนหลุด สตางส์หล่นเกลื่อนกลาด มันรีบเก็บอย่างรวดเร็ว นังช้อยไม่มีปัญญาจะขัดขวาง เพราะมันรู้สึกจุกที่ท้อง ได้แต่กุมขอบผ้าที่กำลังหลุดลุ่ย เสียงคนตะโกนมาแต่ไกล
"เฮ้ย...อะไรกันโว้ย"
คนร้ายจึงวิ่งผละจากนังช้อยไปทันที มันมองตามด้วยความเสียดาย แล้วหันมาทางเสียงที่ร้องทิดฮงกับไอ้ฝน ไอ้หนุ่มลูกค้าประจำของมันนั่นเอง ไอ้ฝนให้ทิดฮงไล่กวดคนร้าย ส่วนตัวมันเข้าประคองร่างนังช้อย ซึ่งทรุดตัวเพราะความจุกเสียดก่อนจะล้มฟาดกับพื้นดิน ไอ้ฝนถามอย่างระล่ำ ระลัก
“ช้อย เอ็งเป็นอะไรมั่ง? เจ็บปวดตรงไหน?”
“มันต่อยท้องฉัน พี่ฝน มันจุกน่ะ”
ไอ้ฝนกลับตกใจหนักขึ้นไปอีก มันเพิ่งสังเกต   ผ้าแถบที่หลุดจากตัวนังช้อยทำให้บัวตูมกลมขาวนวลเต่งดระหง่านปรากฎแก่สายตามัน มันจ้องอย่างตะลึงลาน ใจเริ่มสั่น ไอ้ฝนไล้สายตาเลื่อนลงไปที่ท้อง มือของสาวช้อยที่กุมชายพกผ้านุ่งตกลงข้างตัว ชายผ้าก็ถ่างออก มองเห็นเนื้อขาวๆในร่มผ้า   ไอ้ฝนเอามือป่ายผ้าออกไป เนินสวาทอวบนูนกว้างขนาดฝ่ามือเด็ก มีขนดำประปรายบริเวณโคก มันจ้องตาไม่กระพริบ เสียงอีสาวครวญคราง โดยไม่ได้มองหน้ามัน
“มันเอาสตางค์ฉันไปหมด พ่อคงด่าฉัน”
“เท่าไหร่วะอีช้อย” ไอ้ฝนถาม เสียงสั่นสะท้าน ตายังจ้องเป้งตรงโคกนูนนั่้น
“เกือบ 30 แน่ะ”
“ข้าจะให้เอ็ง ช้อย” เสียงมันสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ว่าเพราะอะไร
ความดีใจ นังช้อยมันหันกลับมามองไอ้ฝน มันถึงได้เห็นว่าไอ้ฝนกำลังจ้องอะไรอยู่ มันรีบคว้าผ้าจะปิด แต่ไอ้ฝนมันไวกว่า จับข้อมืออีสาวไว้
“ข้าอายนะ พี่ฝนดูอะไร"
ไอ้ฝนมันหันมามองหน้าอีสาว สายตาที่ประสพกัน มันบ่งบอกถึงความต้องการ
“ช้อยเอ๊ย ข้าให้เงินเอ็งแน่”
แล้วไอ้ฝนก็เอาหน้าทิ่มไปที่นมนังช้อย ซุกไซร้ระดมจูบแทบไม่หายใจ ครั้งแรกอีสาววัยกำดัดตกใจ ทำท่าจะร้อง แต่ความเสียวสยิวมันวิ่งมาจุกที่ลำคอ มันจึงร้องไม่ออก ได้แต่คราง
ไอ้ฝนค่อยๆวางร่างนังช้อยลงกับพื้นซึ่งมีผ้าแถบรองรับ จมูกยังฟอนเฟ้นไปทั่วสองเต้านมที่แข็งหยุ่น หัวนมชูขันจนมันต้องดูด อีช้อยสะท้านจนตัวสั่น เสียงมันครวญน่าสงสาร
‘‘โอย....พี่ฝน...ทำอะไรฉัน”
ไอ้ฝนไม่ตอบเพราะปากมันไม่ว่าง มือที่ประคองหลังมาจับบีบเคล้นเต้านม ส่วนอีกมือที่จับข้อมืออีช้อยไว้ เลื่อนมาลูบตรงโคกนูนมีขนดำขนประปราย บีบขยำเบาๆ อีช้อยสั่นเป็นเจ้าเข้า หลับตาปี๋ อายผีสางนางไม้ที่มานอนแก้ผ้าให้ผู้ชายขยี้ขยำไปทั้งตัว ไอ้ฝนสลัดโสร่งเหวี่ยงไปอย่างไม่แยแส ไอ้จ้อนของมันแข็งเขม็งแทบระเบิด มือที่ลูบคลำขยำเนินสวาทป่ายผ้าที่โจงกระเบนขมวดเป็นท่อนออก คลายจนหมด มือมันเลื่อนลูบบีบคลำท่อนขาที่อัดแน่นสมบูรณ์ไปด้วยเนื้อหนังที่เต่งดึง
นังสาววัยกำดัดรู้สึกว่า หัวใจมันกำลังเต้นระริก   ภาพที่พ่อกำลังขย่มแม่เลี้ยงเกิดขึ้นในมโนภาพ พอรู้สึกว่ามือไอ้ฝนที่ลูบไล้โคนขามาขยำโคกนูน แถมนิ้วมือไอ้ฝนยังสอดแทรกแหวกเข้าไปในช่องหว่างขามันเข้าอีก อีข้อยถึงกับตัวสั่นเร่าๆ ขามันขยับถ่างอ้าออกเองโดยธรรมชาติเมื่ออารมณ์เกิดความต้องการทางเพศ
ไอ้ฝนแทบเหลืออด  นิ้วมือที่เริ่มชอนไชเข้าไปปะทะกับปุ่มกระสันต์ ซึ่งแต่แรกมันอ่อนนิ่มนั้นเกิดแข็งตัวขึ้น มา มันก็เขี่ยคุ้ยเบา ๆ จนรู้สึกว่านังช้อยยกก้นส่าย เสียงนังช้อยครางเบาๆ
“พี่ฝน ฉัน...ปวดท้องเยี่ยว เอานิ้วออกก่อนพี่"
คนอย่างไอ้ฝนก็กรำศึกไอ้เรื่องพรรค์นี้มาไม่น้อยหน้าใคร ก็รู้ดีทรี่นังสาวน้อยพูดนี้หมายความว่ากระไร
"เยี่ยวออกมาเถอะช้อย ปล่อยให้มันไหลออกมาเลย"
เมื่อเห็นไอ้ฝนดื้อ นังสาวน้อยไม่เคยมือชายมาก่อนซึ่งขมิบน้ำไว้ ก็หลั่งออกมา มันไม่ใช่เยี่ยวอย่างที่มันเข้าใจ แต่มันเป็นน้ำเมือกเหนียวซึมออกมา ยิ่งไอ้ฝนใข้นิ้วแยงเข้าไป อีสาวบ้านนอกก็แทบหัวใจวายเพราะความเสียวสุดกลั้น
ไอ้ฝนไม่รอช้า เพราะมันก็แทบกลั้นไม่ไหว มันขยับตัวคร่อมร่างอีสาว หย่งท่อนล่างไว้ ถอนนิ้วมือออกจากรูสังวาสซึ่งมีน้ำซึมฉํ่าออกมาเปียกแคม ก้มลงประคองไอ้จ้อนลำเขื่องหัวบาน ทิ่มยัดเข้าไปในรู สองเข่ามันดันขาอีสาวให้ถ่างกว้างออกไปอีก   พอหัวหนอกของมันลื่นไถลเข้าไป ร่างฺนังช้อยถึงกับผวา
“โอ๊ย...พี่จ๋า...พี่"
รูสาวที่ยังไม่เคยถูกทลวงเสียพรหมจรรย์ มันฟิต เล็ก คับ อาศัยที่นังช้อยมันหลั่งน้ำเหนียวๆออกมา จึงช่วยเกิดการหล่อลื่น ไอ้ฝนพยายามระงับใจไม่หักโหมรุนแรง ค่อยๆแหย่แยงดันเข้าไปทีละน้อย สองมือบีบเคล้น ขยำเต้านมที่เต้นระริก พอมันรู้สืกว่าท่อนเนื้อของไอ้จ้อนล่วงล้ำเข้าไปในรู สังวาสได้สักครึ่งลำแล้ว คราวนี้ไอ้ฝนมันก็เริ่มซอย ขักเข้าชักออกพร้อมกับดันไอ้จ้อนเข้าไปอีก
ตัวอีสาววัยกำดัดตกอยู่ในอารมณ์ใคร่สุดขีด ลืมตัวลืมอายผีสางนางไม้ มันยกก้นช่วย สองแขนกอดกระวัดรัดร่างไอ้ฝนอย่างเหนียวแน่น
สุดที่ไอ้ฝนจะยับยั้งได้อีกแล้ว เมื่อมันรู้ตัวว่าความรู้สึกของมันกำลังจะถึงจุดสุดขีด มันขย่มซอยถี่ยิบ เสียงอีสาวร้องซี้ดซ้าดไม่เป็นภาษามนุษย์เมื่อไอ้ฝนกระแทกท่อนเนื้อที่แข็งแกร่ง พรวดเข้าไปจนมิดท่อนเนื้อพร้อมกับพุ่งกระฉูดน้ำกามเข้าไป ร้อนแรงจนอีช้อยร้องโอดโอย
ไม่ใช่ไอ้ฝนกับนังสาวน้อยเท่านั้น ที่มีความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ทิดธงซึ่งร่งไล่ตามคนร้ายไปไกลจนเหนื่อยหอบ เมื่อคนร้ายหายสับไปทางหนึ่ง ก็หยุดพักเหนื่อยแล้วก็เดินเรื่อยๆกลับมาที่นังช้อยพอมันเห็นอะไรต่ออะไรเช้า หัวใจมันก็ตื่นเต้น ก้มหมอบคลานเข้ามาดูอย่างใกล้ชิดทางปลายตีน โดยที่หนุ่มสาวกำลังตั้งหน้าตั้งตาร่วมสังวาสกันโดยไม่สนใจใครทั้งโลก
ความ ใคร่ความอยากก็เกิดขึ้นกับทิดธง ท่อนลึงค์ในโสร่งของมันแข็งเด่แทบทิ่มดิน ใจมันสั่นระริกอยากกระโดดเข้าร่วมวงด้วยซ้ำ แต่ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้ เมื่อเห็นไอ้ฝนเพื่อนเกลอสงบนิ่งทับอยู่บนร่างนังช้อย มันก็คืบคลานเข้าไปสกิดขาไอ้ฝน ขณะที่นังช้อยมันหลับตาปี๋ แต่แคมยังบีบรัดไอ้จ้อนของไอ้ฝนไว้อย่างไม่ยอมปล่อย พอไอ้ฝนหันมาก็เห็นไอ้เพื่อนรักส่งสายตามา ด้วยความสงสาร พยักหน้าขอความเห็นใจ ไอ้ฝนยิ้มให้พยักหน้าเป็นการตกลง แล้วไอ้ฝนก็หันกลับมาถอนไอ้จ้อนออกจากรูสังวาสช้าๆ เมื่อมันก้มดูก็เห็นแคมในสีแดงคาบคีบไอ้จ้อนของมันตามออกมาด้วย พอมือนังช้อยคลายหลุดจากคอมัน แต่ตายังหลับ มันก็พลิกตัวออกไปข้างหนึ่ง
ทิดธงตื่นเต้นดีใจเหมือนได้แก้ว ตาจ้องเป๋งที่ปากถ้ำซึ่งอ้าอยู่ โสร่งของมันหลุดจากตัวในพริบตาคลานเข้าคร่อมนังช้อยอย่างกระหายหิว มือขยำสองเต้านมอย่างตระกราม ลำลึงค์ที่แข็งโด่ค่อนข้างเขื่องกว่าของไอ้ฝนเริ่มสอดส่ายหารูสังวาส ทั้งๆที่มันมีตาเดียว แต่มันก็สามารกเข้าถ้ำได้ถูก ทั้งๆที่รูสวาทนั้นฟิต อาศัยที่มีน้ำหล่อลื่นอยู่แล้ว และเพิ่งถูกบุกทลวงมาสดๆร้อนๆ แต่ความใหญ่ของลึงค์ทิดธงเป็นต่อกว่าไอ้ฝน มันจึงเคลื่อนเข้าไปอย่างลำบาก ทิดธงจึงต้องโยกย้ายส่ายก้น เพื่อควานรูสังวาสให้กว้าง พร้อมกับก้มหน้าแนบกับผมนังช้อย เกรงว่านังช้อยมันจะเห็นหน้าว่าไม่ใช่เจ้าฝน อาจเกิดเอะอะโวยวายไม่ยอมขื้นมา บังเอิญเป็นจังหวะที่นังช้อยมันกอดรัดคอไว้ด้วย จึงหมดปัญหา เสียงนังช้อยกระซิบข้างหู
"ทำไมตอนนี้ถึงได้ใหญ่ขึ้นมาอีกล่ะ ค่อยๆนะพี่"
ทิดธงเลยต้องหยุดแค่มุดหัวเข้าไปเท่านั้น แต่พอมือทิดธงบีบเคล้นเต้านม แถมขยี้ด้วยฝ่ามือ อีช้อยก็ครางอ๋อยกระซิบอีก
“หยุดทำไมล่ะพี่ ทำต่อไปซิ ฉันเสียวเหลือเกิน"
ทิดธงรู้ดีทั้งทางธรรมทางโลกก็รู้จุดอ่อนอีนังช้อย เขาใช้ฝ่ามือทั้งคลึงเต้านมทั้งบีบขยำจนนังช้อยมันแอ่นอก ก้นเริ่มขยับ ทิดธงก็หย่งตัวไม่ให้ทับร่างอีสาวไว้ ปล่อยให้มันดิ้นกระแต่วเสียวกระสันต์เพราะพิษกาม แล้วทิดธงก็เริ่มเสือกท่อนลึงค์เข้าไปทีละน้อย ช้าๆ แล้วชักออก ก้นนังช้อยตามติดขึ้นมา ทิดธงก็เสือกพรวดเข้าไป มันล่วงล้ำลึกกว่าเก่า
อีช้อยร้องโอ๊ยก็จริง แต่ใจมันถึง มันไม่ยอมถอยหนีเสียแล้ว เมื่อรู้รสชาติ พยายามอดทนต่อความเจ็บปวด ขณะเดียวกันนังช้อยก็เกิดฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า คนที่กำลังให้ทั้งความสุขและความเจ็บแสบนี้คงไม่ใช่ไอ้ฝน ท่อนลึงค์คับผิดขนาดกัน ต้องเป็นทิดธงเพื่อนเกลอไอ้ฝนนั่นเอง แต่นังช้อยกำลังมันส์ต่อรสชาติของการเสพกาม มันยังไม่อิ่ม ก็ลองกระซิบข้างหูทิดธงเบาๆเป็นการดักคอ
“พี่ทิดอย่ารุนแรงนักนะ”
พอทิดธงรู้ว่าอีเด็กสาวใจแตกรู้ทัน หน้าที่ซบข้างหูอีสาวก็เงยขื้น ระดมจูบทั่วใบหน้านังช้อยอย่างแผ่วเบา เคล้าเคลียจนอีนังช้อยสยิว ช่วยยกก้นรับท่อนลึงค์ใหญ่ของทิดธงด้วยความอดทน
เมื่อได้ลูกคู่ที่มีน้ำอดน้ำทนแบบนี้ ทิดธงก็เริ่มซอย ขยับก้นชักออกชักเข้าเป็นจังหวะจะโคน สองฝ่ามือละเลงไปบนเต้านมอีนังช้อย   จมูกก็สูดดมพวงแก้มซอกคอจนอีสาวถึงกับหลั่งนํ้ารักออกมา ทิดธงมีลีลาเหนือชั้นกว่าไอ้ฝน จึงโยกย้ายส่ายก้นพร้อมกับดันท่อนลึงค์เข้าไปจนจมมิดหายเข้าไปในรูสังวาสของนังช้อย  
โดยนังช้อยก็แบะอ้าขาถ่างอย่างเต็มที่ จนอวัยวะเพศแทบจะฉีก ทิดธงกดโหนกเบียดเสียด ส่ายกับโคกนูนของนังช้อยอีก นังช้อยถึงกับเอื้อมมือมากดตูดทิดธงไว้ คล้ายกลัวว่าเขาจะถอนท่อนลึงค์ออกไป อีช้อยจำไม่ได้ว่ามันหลั่งน้ำสวาทออกมากี่ครั้งกี่หน รู้แต่ว่าท่อนลึงค์ของทิดธงที่จมหายเข้าไปในรูสวาทของมันนั้น แสบไปถึงใส้แต่มันก็แสนจะดื่มดํ่าในรสชาติที่ทำให้มันลืมความปวดร้าวระบม ยิ่งขนดกดำของเขาเสียดสีกับขนอุยบางที่โคกมันด้วยแล้ว อีสาวมันถึงกับครวญครางไม่ได้ศัพท์
พอทิดธงรู้ตัวว่าอารมณ์ใคร่ใกล้จะถึงที่สุด เขาก็ตั้งท่าใหม่ ลองขาเหยียดตรงชิดกัน สองแขนเหยียดตรงยันพื้น ขย่มท่อนลึงค์จากช้าๆ เนิบๆ จนทวีความเร็วขื้นทุกที นังช้อยยกก้นส่ายร้องซี้ดซ้าด ทิดธงเร่งสตีมกระเด้าถี่ยิบ จนกระทั่งน้ำกามของเขาพุ่งพรวดเข้ามดลูกนังช้อยจนมันร้อง
“โอ๊ย ”
ทั้งๆที่ทิดธงหลั่งน้ำกามเข้าไปแล้ว เขาก็ยังซอยถี่เรื่อยไปอีกสักครู่ แล้วจึงชลอความเร็วจนกระทั่งสงบนิ่ง ทาบตัวทับร่างสาววัยกำดัดใจถึง ทั้งสองร่างกอดรัดแทบเป็นร่างเดียวกัน ทิดธงก็แช่ท่อนลึงค์ไว้ปล่อยให้ส่วนลึกในรูสังวาสเต้นตุ๊บๆดูดน้ำกามเขาจนหยุดไหล
ทิดธงมีพลังกายที่เข้มแข็งทรหด เพียงเขาทอดแช่ท่อนลึงค์พักเหนื่อยเพียงชั่วครู่ พอมือเขาลูบไล้ร่างกายนังช้อยไปทั่วตัวอย่างแผ่วเบา แล้วก็มาเคล้าคลึงเต้านม อีช้อยก็พลอยตื่นตัวขื้นมาด้วย เมื่อทิดธงรู้สึกว่าปลายท่อนลึงค์ของเขาซึ่งเริ่มอ่อนตัวจมหายอยู่ในรูลังวาสถูกกล้ามเนื้อข้างในขมิบตรงหัว ความรู้สืกมันก็เกิดคึกคึกขื้นมาอีก พอมันแข็งตัวเหมือนเดิม ทิดธงก็บรรเลงเพลงกามติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้เขาเริ่มออกลวดลาย
“พี่กลัวว่าหลังแม่ช้อยจะเจ็บ ที่นอนกับพื้นดินนานๆ เอายังงี้ดีกว่า...”
เขาลุกขึ้นถอนท่อนลึงค์ออกจากถ้ำสวาท จับอีนังช้อยพลิกคว่ำ ข้อนส่วนล่างให้อีสาวใจเด็ดอยู่ในท่าโก้งโค้ง เข่าคู้ถ่างแยกจากกัน หลังแอ่นลงไป คราวนี้โคกนูนนังช้อยก็ห้อยอยู่ใต้ตูด ทิดธงแหวกแคมให้กว้างออก ประคองท่อนลึงค์ยัดเข้าไปในรูสังวาส ค่อยๆดันมันเข้าไป มือเอื้อมไปบีบเคล้นเต้านมทั้งสองข้างซึ่งห้อยแกว่ง ก้นทิดธงเริ่มกระเด้า อีช้อยได้แต่ครางลูกเดียว มันซาบซ่าส์ไปทั้งตัว ทิดธงเปลี่ยนมารั้งเอวนังช้อยไว้ คราวนื้จับกระแทกเข้ามาหาตัวเขาพร้อมกับเขากระเด้าซ้ำ
ไอ้ฝนมันนั่งกอดเข่าดูเกลอรุ่นเซียน ถึงกับส่ายหัว ยอมยกหัวแม่มือให้ เพราะเพียงยกเดียว มันยังไม่ค่อยจะ'หายเหนื่อย แต่ความใคร่ยังไม่จางไปจากตัวมัน
ใช้เวลานานพอสมควรที่ทิดธงกระแทกกระทั้น จนไอ้ฝนมันอดรนทนไม่ได้ ก็ขยับเข้ามาใกล้ ลูบก้นขาวๆอีช้อย อีกมือหนึ่งเอื้อมไปบีบเคล้นเต้านมที่แข็งหยุ่นอย่างมันมือ มือที่ลูบบีบก้นอีช้อยเปลี่ยนมาเอานิ้วมือเขี่ยรูตูด อีช้อยถึงกับสะดุ้ง ก้นส่ายเสียสยิว พอทิดธงเร่งกระเด้าถี่ขื้น อีช้อยก็ร้องซี้ด จนกระทั่งทิดธงพุ่งน้ำกามเข้าไปเต็มรัก
 อีช้อยก็แทบขาดใจ ทั้งๆที่มันโดนรุมสองตอหนึ่ง แต่มันก็แสนจะใจเด็ด กัดฟัน อดทนสารพัด จนเมื่อทิดธงถอนท่อนลึงค์ออกจากรูสังวาส ทิ้งตัวหงายเพราะหมดแรง ไอ้ฝนก็ขยับเข้าที่ พอมันจับไอ้จ้อนยัดเข้าไปในรู ดันพรวดอย่างสะดวกสบาย เพราะไอ้จ้อนมันย่อมกว่าทิดธง มันจึงเปลี่ยนกลยุทธถอนไอ้จ้อนออกมา ซึ่งมีน้ำกามผสมน้ำเมือกเหนียวของอีนังช้อย  จับไอ้จ้อนถูที่รูตูดอีช้อย เสียงอีช้อยร้องเบาๆ
“นั่นพี่ทำอะไร?"
ฯหอะน่า ข้าสมนาคุณเอ็งถึงใจแหละ”
ไอ้ฝนแหกก้อนเนื้อใหญ่สองก้อน จนรูตูดเปิด มันอาศัยไอ้จ้อนซึ่งมีนํ้าเหนียวเปรอะอยู่แล้ว ช่วยให้ความฝืดของรูคลายไป แต่ถึงยังไงรูที่ไอ้ฝนให้ไอ้จ้อนทิ่มทลวงมันฟิตแน่น อีช้อย ก็กัดฟันทน พอลำตัวไอ้จ้อนเข้าไปได้ ไอ้ฝนก็เริ่มกระเด้าเพราะความฟิตที่หนีบบีบไอ้จ้อนมันแน่น ทั้งๆที่เป็นยกสอง แต่ไอ้ฝนก็หมดความอดกลั้น เพียงไม่กี่นาที มันก็ทุ่งน้ำกามเข้ารูตูด อีข้อยจนอีช้อยร้องโอย
เมื่อการเสพทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังจบเกมแล้ว ก็เป็นเวลาที่อีช้อยกลับบ้านเป็นปกติพอดี มันรู้สึกว่าตัวเองเดินขาถ่างเหมือนมีอะไรมายัดทิ่มไว้ ตรงหว่างขาข้างหน้าก็ระบมแถม ตูดก็แสบ แต่เงินจากทิดธงและไอ้ฝน รวมกันเกือบ 100 บาท มันเป็นงานที่ไม่หนัก ไม่เหน็ดเหนื่อยกาย แถมยังมีความเสียวสนุก เงินก็ดี มันเป็นแม่ค้า ที่ขายขนมทั้งวันได้เงินยี่สิบกว่าบาท แต่มันนอนหงายคว่ำ เสพกามแค่ชั่วโมงเดียว กลับไค้เงินมากกว่า 3-4 เท่า มันเลยกลายเป็นแม่ค้าขาย......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น