วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

PLATOON


   สงครามไม่เคยปราณีใคร ไม่ว่าเด็กสตรีหรือคนชรา ต่างต้องได้รับส่วนแบ่งจากความโหดร้ายเท่าเทียมกันหมด ผู้รู้กล่าวว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดสงครามมาจากความขัดแย้งของมนุษย์ที่ไม่สิ้นกิเลสตัณหา โลภโมโทสัน อยากใหญ่อยากโต อยากโชว์ว่าข้ามาแสนยานุภาพ แล้วก็กรีฑาทัพเข้ารุกรานผู้ที่อ่อนแอกว่า อย่างเช่น สงครามล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ที่เราจะพาท่านไปพบกับอีกฉากหนึ่งของสงครามที่กำลังรบพุ่งอยู่ ณ ที่นั้น
   เราเริ่มกันตั้งแต่รากฐานทัพใหญ่ของเขมรสามฝ่ายที่เมืองตะปือแตกพ่ายด้วยการถูกถล่มจากปืนใหญ่ของข้าศึกเวียดนามที่ระดมยิงแบบปูพรมติดๆกันนานนับอาทิตย์จนฐานแตก และทหารในฐานทัพพากันหลบหนีแบบตัวใครตัวมัน บ้างก็เข้าป่า บ้างก็ข้ามมาพึ่งแผ่นดินไทย บ้างก็ไปไม่รอดโดนฆ่าตายระหว่างทางที่จะหนี
   แต่ในที่นี้เราจะขอพูดถึงกลุ่มทหารที่แตกทัพกลุ่มหนึ่ง พวกนี้เป็นทหารรับจ้าง ทำการรบให้กับฝ่ายเขมรแดง โดยมีหัวหน้ากลุ่มเป็นอดีตนายทหารไทยชื่อ สิบเอกอ้วน มโนรมณ์ นอกนั้นก็เป็นพวกทหารลูกผสมระหว่างเขมรและลาวอีก 5คน อันได้แก่ สิบโทขัน สะยอย พลทหารตะบือ จองพัด พลทหารโขน มะริด ท้าวสมศักดิ์ สุริยา  และสุดท้ายเป็นพลทหารสาวสวยจากหน่วยสอดแนมชื่อ เรียม ซัมเฮือง ทั้งหมดพากันหนีออกมาก่อนฐานถูกตีแตกไม่กี่ชั่วโมง โดยพากันมุ่งหน้าเลาะไปตามไหล่เขาที่อยู่ติดกับชายแดนไทย ระหว่างการหลบหนี พวกเขาโชคดีที่ไม่เจอกับพวกทหารราบของข้าศึกเลยแม้แต่คนเดียว จนกระทั่งบรรลุถึงที่ราบบนยอดดอย ซึ่งจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวชั่วคราว
   "เราพักกันที่นี่ก่อนเถอะ"
   สิบเอกอ้วนหัวหน้าชุดบอกกับลูกทีมผู้ใต้บังคับบัญชา หลังจากที่ได้สำรวจภูมิประเทศโดยรอบอย่างละเอียดดีแล้ว
   "ก็ดีเหมือนกัน เรียมเหนื่อยเต็มทนแล้วค่ะ"
   เสียงหวานๆของพลทหารเรียม ซัมเฮือง กล่าวเป็นเชิงสนับสนุน ก่อนที่หล่อนจะทอดตัวลงนอนกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน
   "เรียม! เธอนอนบนเสื่อนี่ดีกว่า"
   ท้าวสมศักดิ์ ทหารรับจ้างมือสังหารที่ผ่านมาหลายสงครามจากลาวพูดขึ้น พร้อมๆกับปลดเสื่อที่ม้วนสะพายหลังมาคลี่ออกปูที่พื้นดินข้างๆตัวเรียม
   "ขอบคุณค่ะ พี่สมศักดิ์"
   เรียมกล่าวขอบคุณผู้เป็นเจ้าของเสื่อผืนนั้น ก่อนจะพลิกตัวเองขึ้นมานอนเหยียดยาว จากนั้นหล่อนก็หลับตาด้วยความอ่อนเพลีย ยามนี้ในสมองของหล่อนมีแต่เรื่องร้อยแปด หล่อนคิดถึงตัวเองที่ยังสาว อายุเพิ่งสิบเก้า แต่หล่อนไม่เคยได้เป็นผู้หญิงเต็มตัวซักที ไม่เคยรู้จักรสชาติของความรัก ตลอดชีวิตของหล่อนในช่วง 5ปีที่ผ่านมา หล่อนรู้จักแต่การฆ่า หรือไม่ก็คอยป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องถูกฆ่า
   วูบหนึ่งของความคิดคำนึง เรียมนึกไปถึงเรื่องที่หล่อนเกือบโดนพวกทหารเวียดนามมันข่มขืนเอา ตอนนั้นหล่อนเข้าไปสอดแนมในค่ายทหารของข้าศึก โดยปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้านเข้าไปขายของในค่าย แล้วถูกพวกทหารกลัดมันที่ไม่เคยเจอผู้หญิงมาเป็นแรมเดือน มันช่วยกันฉุดเธอเข้าไปในโรงครัวของค่ายทหาร จากนั้นมันก็ฉีกเสื้อผ้าเธอออก แล้วไอ้คนที่มียศสูงสุดในกลุ่มที่มีรูปร่างใหญ่โต และอะไรๆของมันก็ใหญ่ตามกันไปหมด โดยเฉพาะ ไอ้นั่น ที่ยามนั้นมันแข็งชันจนดูน่ากลัว มันย่างสามขุมเข้าหาหล่อนก่อนจับขาหล่อนถ่างออก
   เรียมสาบานได้ว่าตอนนั้นหล่อนไม่ได้นึกกลัวมันเลย หล่อนอยากให้มันยัดเยียดเข้ามาให้สมอยาก เพราะอย่างน้อยหากถึงคราวที่หล่อนต้องตายไปจริงๆแล้วพบพระเจ้าของหล่อนเข้า หล่อนก็จะได้เล่าให้ท่านฟังอย่างเต็มปากเต็มคำว่า หล่อนเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว แต่แล้วฝันของหล่อนก็ต้องดับวูบ เมื่อมีเสียงระเบิดตูมขึ้นกลางค่ายทหาร ทำให้พวกมันรีบพากันใส่เสื้อผ้าแล้วก็ผละไปจากหล่อน และนั่นคือครั้งแรกและครั้งเดียวที่หล่อนเกือบจะได้รู้รสชาติจากผู้ชาย แล้วความคิดของหล่อนก็หยุดลงตรงนี้ก่อนจะเปรยตาขึ้นมองไปรอบๆตัว
   หล่อนเห็นท้าวสมศักดิ์ และพลทหารตะบือ มองมาทางหล่อนด้วยสายตาที่หล่อนไม่เข้าใจ หรือเขากำลังคิดอะไรที่เหมือนหล่อนกำลังคิดอยู่
   จริงสิ! หลายเดือนมานี่ ไม่เคยเห็นพวกเขาออกไปจากฐานจนกระทั่งฐานแตก นั่นหมายถึงเขาเองก็ไม่เคยได้ระบายความใคร่ออกมาเลย
   ระหว่างนั้น เรียมสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างมันกำลังดุนดันจนเป้ากางเกงของท้าวสมศักดิ์ตุงตึง และเมื่อมองมาทางตะบือก็เช่นกัน เขายังคงมองหล่อนด้วยสายตาไม่กระพริบ
   และท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนอึดอัดในเวลานั้น ท้าวสมศักดิ์ก็กระเถิบตัวเข้าไปหาสิบเอกอ้วน มโนรมณ์ จากนั้นเขาก็พูดอะไรกันเบาๆ จนหล่อนไม่ได้ยิน ครู่ต่อมาสิบเอกอ้วนก็เดินมาหาหล่อน ก่อนจะเอ่ยแบบกระซิบว่า ท้าวสมศักดิ์และพลตะบืออยากร่วมรักกับหล่อนหากหล่อนเต็มใจ แต่ถ้าไม่ก็แล้วไป หัวหน้าอ้วนบอกกับหล่อนด้วยว่าตราบใดที่เขายังอยู่จะไม่มีใครข่มขืนหล่อนได้ นอกจากหล่อนจะเต็มใจนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
   แม้จะหน้าชาด้วยคำพูดตรงๆอย่างชายชาติทหารของหัวหน้าอ้วน แต่หล่อนก็รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองได้มีโอกาสรับใช้เพื่อนร่วมตายในสมรภูมิ อีกอย่าง มันก็เป็นความฝันของหล่อนมานานแล้วมิใช่หรือ
   "หัวหน้าบอกเขาเถอะค่ะ ว่าฉันยินดี"
   หล่อนตอบออกไปตรงๆด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
   "เธอแน่ใจนะเรียม!"
   "ค่ะ...ฉันแน่ใจ"
   จากนั้นหัวหน้าอ้วนก็ถอยออกไปนั่งที่เก่า
   และอีกไม่กี่อึดใจต่อมา ท้าวสมศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของเสื่อและพลตะบือก็เข้ามาหาหล่อน
   เขาจะนอนกับหล่อนตรงนี้เลยหรือ! หล่อนคิด แต่เอาเถอะ จะตรงไหนมันก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะหากไปหาที่ลับตาที่อาจจะอยู่ไกลกว่านี้ก็อาจจะไม่เป็นการปลอดภัยสำหรับทุกๆคน
   "เรียม! ... ขอบคุณมากนะ"
   "ผมก็ด้วย เรียม"
   ทั้งสองคนกล่าวขอบคุณล่วงหน้า ขณะที่ต่างก็เริ่มปลดเปลื้องชุดทหารป่าออกจากกาย กระทั่งเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ปลดปล่อยแก่นกายกำยำชูความผงาดง้ำ เรียมอายจนหน้าแดงกล่ำ ขณะที่คนอื่นๆที่มิได้เกี่ยวข้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
   จากนั้นทั้งสองคนก็เข้ามาช่วยกันถอดเสื้อผ้าให้เรียม และแล้วฉากรักอันประหลาดล้ำก็เริ่มขึ้น
   เรียมถูกท้าวสมศักดิ์ฝังจูบที่ซอกคอ ขณะที่พลตะบือลากลิ้นอยู่กลางร่องขาหนีบที่แซมด้วยขนบางๆไม่กี่เส้น ดูเหมือนของเด็กที่เริ่มโตเป็นสาว แม้ขนจะน้อยไปหน่อยแต่ของเรียมก็ใหญ่และอูมจนเกินตัว พลตะบือจึงทั้งเลียและดูดเอาหนักๆหลายทีจนร่องหีกลีบลื่นแฉะ
   ขณะข้างล่างกำลังถูกยำใหญ่ใส่สารพัด ที่ข้างบนตรงเต้านมเต่งก็กำลังถูกทั้งดูดทั้งขยำจากท้าวสมศักดิ์ที่ฝังปากดูดอมเม็ดติ่งสีชมพูไม่ลดละ
   อึดใจต้อมาสองขาของเรียมก็ถูกถ่างออก เผยให้เห็นกลีบเนื้อของสงวนถนัดชัดตา ขณะที่พลตะบือขยับตัวเข้าหาก่อนจับจดแก่นกายที่ปูดโปนด้วยเส้นเอ็นเข้ากึ่งกลางรอยแตกของปลีเนื้อ แล้วก็ขยับดันมันเข้าไปช้าๆ
   "อุ๊ย!"
   เรียมถึงกับร้องออกมาเบาๆเมื่อยามที่ส่วนหัวมะลู่ทู่เหมือนดอกเห็ดของพลตะบือแทรกผ่านลึกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ ความเจ็บแปลบปลาบทำให้เรียมอยากหนีบขา แต่ความเสียวมันมีมากกว่า เรียมก็เลยได้แต่ร้องเบาๆแล้วก็กัดฟันทนเอา จวบจนกระทั่งมันทิ่มเข้าไปจนหมดมิดลำ ทำเอาเรียมสะอึกในความคับตื้อ กระดกตูดลอยจากพื้น แต่ไม่ได้ร้องสักแอะ เพราะปากไม่ว่างเสียแล้ว
   ด้วยท้าวสมศักดิ์เอาไอ้นั่นยัดเข้ามาให้อมทั้งแท่งและแยงเข้าไปจนเกือบถึงคอหอย แถมยังบอกให้เรียมรูดปากเข้าๆออกๆ ขณะที่ตัวสั่นตัวคลอน อันเนื่องมาจากการกระแทกกระทั้นของพลตะบือที่ทำเอาเรียมเสียวลึกๆถึงปากมดลูกทุกทีที่ถูกกระแทกกระทั้น
   หลายครั้งหลายคราของลีลารักพิสดารนั้น เรียมถูกเปลี่ยนท่าเปลี่ยนทางอยู่บ่อยๆ ประเดี๋ยวก็คร่อมกับพื้นกระดกตูด ประเดี๋ยวก็ถูกจับยืนถ่างขาอ้ากระแทกจนแคมเด็กๆอายุสิบเก้าแทบช้ำบวม แต่รวมแล้วทุกท่าที่ถูกกระทำมันไหลลื่นชื่นฉ่ำไม่มีสะดุดให้เสียอารมณ์ แม้มันจะแสบเนื้อเจ็บนมไปบ้างก็ตามที
   และแล้วฉากสุดท้ายก็มาถึง!
   "เรียม ผมจะออกแล้ว ช่วยดูดให้ผมหน่อย"
   "ของผมด้วยเรียม...อูย...อูยยย...!"
   เสียงท้าวสมศักดิ์และพลตะบือละล่ำละลัก พร้อมๆกับรีบเอาส่วนหัวแดงโร่และแข็งราวกับหินมาจิ้มอยู่ที่ริมฝีปากของเรียมเพื่อให้หล่อนดูดมันพร้อมๆกัน
   "อูย...ออกแล้ว...เรียม ดูดแรงๆเลย..."
   น้ำขาวข้นเหนียวหนึบของพลตะบือทะลักออกมาก่อน ในขณะที่ท้าวสมศักดิ์ย้อนกลับลงไปเสียบสวมแล้วสาวเข้าสาวออกในร่องแคมนั้นอีกครั้ง ทั้งนี้ท้าวสมศักดิ์คงรู้ว่าเรียมยังไปไม่ถึงจุดระเบิดของอารมณ์ จึงต้องข่มใจขย่มต่อให้อีกหน่อย เป็นการไม่เอาเปรียบ
   แล้วเรียมก็ถึงสวรรค์กับเขาบ้างทั้งๆที่ไม่เคยมาก่อน หล่อนรู้แต่ว่ามันเสียวตรงนั้นจนบอกไม่ถูก เนื้อตัวเกร็งเขม็งเกลียวไปหมด ใจคอสั่นระริก และในจังหวะนั้นท้าวสมศักดิ์ก็ตามมาติดๆด้วยการปลดปล่อยให้มันเรี่ยราดไปทั่วร่างของเรียม มันช่างเป็นเวลาที่พอเหมาะพอสม
   "อูยย...ย...เรียม วิเศษจริงๆ...อูย..."
   "พี่สมศักดิ์ก็วิเศษ...เรียมเสียวไปหมดเลย...ซี๊ด..."
   เรียมครวญครางออกมาขณะล้มตัวลงนอนแผ่หรากับผืนเสื่ออย่างสุขสม
   ถึงตอนนี้หล่อนคิดว่าถ้าหล่อนตายลงไปเสียเดี๋ยวนี้ก็คงไม่เสียดายชีวิตอีกแล้ว เพราะหล่อนได้ทำในสิ่งที่หล่อนอยากจะทำไปเรียบร้อยแล้ว
   "เรียม...! ขอผมอีกคนได้ไหมครับ!..."
   หล่อนหันไปมองทางที่มาของเสียง เป็น โขน มะริด นั่นเอง เขาคงเห็นเหตุการณ์โดยตลอดและทนไม่ไหว ก็จะเป็นไรไปล่ะ แต่ขอพักให้หายเหนื่อยเดี๋ยวนะ
   เรียมหันไปยิ้มแทนคำตอบรับให้กับ โขน มะริด ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเพื่อไล่ความอ่อนเพลียสักครู่ แล้วหล่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อหล่อนพร้อมที่จะทำบุญให้กับผู้ชายคนที่สาม...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น