วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พรหมลิขิต ผิดคิว 22

หลังจากงานวิวาห์ของแพรวากับธนธรณ์ผ่านไป วีรพลก็กลับมาทำงานตามปกติ ทั้งงานที่โรงพยาบาล งานบริษัทของพ่อเขาที่ได้รับเอกสารทุกสัปดาห์จากผ่องนภา เลขาฯของพ่อเขา กลับมาถึงบ้านก็มาดูงานสวนกล้วยไม้ซึ่งเริ่มเป็นรูปร่างอย่างที่เขาตั้งใจ อยากมี ตอนนี้วีรพลเป็นห่วงอยู่เรื่องหนึ่งคืออาการป่วยของคนรักที่ทั้งหล่อนและ เพื่อนรักไม่ยอมปริปากบอกเลย ถามทีไรก็เลี่ยงไปทุกที เพียงแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะวิภาวรรณก็ไม่ได้มีอาการร้ายแรงอะไร มีแค่วิงเวียนศีรษะและก็เป็นลมบางครั้ง ตอนนี้เขาเลยต้องให้วิภาวรรณมาอยู่ด้วยทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน สรุปก็คือทุกวัน ตอนนี้วิภาวรรณบอกเขาว่างานที่ธนาคารหล่อนสะสางเกือบเรียบร้อยหมดแล้ว อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าถึงวันสิ้นเดือนหล่อนก็จะลาออกพร้อมกับแพรวามาอยู่ บ้านอย่างที่วีรพลขอร้อง ส่วนแพรวาก็จะไปอยู่ช่วยงานที่บ้านใหม่กับธนธรณ์ บ้านเรือนไทยสองหลังบัดนี้กลายเป็นพื้นที่บ้านอันเดียวกันเรียบร้อยไปแล้ว วิภาวรรณก็มาอยู่กับวีรพลอย่างเปิดเผยโดยที่คนงานในบ้านรู้กันหมด จะมีบางครั้งที่หล่อนจะไปนอนเรือนไทยของตน แต่ส่วนใหญ่ก็จะขลุกอยู่กับวีรพลตลอดยามที่เขาอยู่บ้าน วันหยุดวันนี้ก็เช่นกันถึงยามสายวิภาวรรณก็จะอยู่ห้องทำงานกับวีรพลช่วยกัน ดูเอกสารงานบริษัท ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน คนงานในบ้านต่างก็แยกย้ายกันทำงานโดยแทบจะไม่เข้าไปยุ่มยามที่ห้องทำงานของ วีรพล จะมีก็เพียงแต่ปิ่นเท่านั้นที่เข้าไป ปิ่นเองก็รู้ดีว่ามันเป็นห้องส่วนตัวของเจ้านายหากไม่จำเป็นหล่อนจะไม่เข้า ไปเลย เพราะทั้งคู่มักจะแอบมีบทกุ้กกิ้กหวานแหววกันอยู่บ่อยๆ วันนี้ทั้งคู่ก็อยู่ห้องทำงานเช่นเดิม เมื่อช่วยกันตรวจเช็คเอกสารจนหมดแล้วก็แสดงบทรักหวานแหววตามประสาคนรัก วิภาวรรณนั่งบนตักวีรพลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนบุหุ้มหนังเนื้อดีตัว ใหญ่ใกล้กับโต๊ะทำงาน หล่อนกอดคล้องคอเขาฟัดจูบกันอย่างดูดดื่ม วีรพลก็กอดร่างหล่อนไว้หลวมๆ สักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู แต่ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน ประตูก็ถูกผลักเปิดเข้ามา

“อุ้ยตาย.....ขอโทษคะพี่พล พี่ภา แพรไม่ได้ตั้งใจ” แพรวาเข้ามาเห็นทั้งสองเล่นบทพระบทนางพอดีก็ตกตะลึง ละล่ำละลักขอโทษขอโพยแล้วก็รีบออกไปแล้วปิดประตู วีรพลผละจากวิภาวรรณก็เดินตามออกไป
“แพร....มาถึงนานแล้วเหรอ แล้วธรล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ”
“มาคะพี่พล แต่พี่หมอเดินตามช่างไปดูเค้าทำสวนกล้วยไม้น่ะคะ แพรซื้อของทำกับข้าวมาด้วยเลยให้พี่ปิ่นเอาไปเก็บที่ครัวแล้วก็จะไปหาพี่ภา กับพี่พล ฮิฮิๆ.... ไม่นึกว่าจะสวีทหวานกันอยู่ มิน่าล่ะ พี่ปิ่นถึงไม่ยอมพาแพรเข้าไป แพรเลยเข้าไปเอง ฮิฮิๆๆ” แพรวาพูดหน้าระรื่นปนทะเล้นหยอกล้อวีรพล

“งั้นก็ไปหาพี่ภาเค้าสิ คงเดินขึ้นข้างบนไปแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่จะไปหาธรมัน ไปสิ แพร” วีรพลเขินๆ นิดหน่อยแต่ก็ยังตีหน้าขรึม แล้วก็เดินผละจากแพรวาเข้าไปในสวน แพรวาจึงเดินขึ้นไปชั้นบน หล่อนเดาออกว่าวิภาวรรณต้องไปที่ระเบียงที่โปรดของวีรพลแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิด เห็นวิภาวรรณยืนหันหลังให้หล่อนอยู่ วิภาวรรณสวมกางเกงวอร์มขายาวสีดำ แต่แนบสัดส่วนโดยเฉพาะตั้งแต่เลยเข่าขึ้นไปยันสะโพก ขาเรียวยาวได้สัดส่วนของหล่อนทำให้ดูสูงยาวเป็นกอง เสื้อก็เป็นเสื้อยืดรัดรูปสีดำเช่นกันแขนยาวเลยข้อศอกไปหน่อย ผมดำขลับยาวตรงเกือบกลางหลัง มองจากข้างหลังแพรวาก็รู้สึกแปลกตาไปนิดที่ปกติวิภาวรรณจะแต่งตัวอยู่กับ บ้านด้วยชุดเสื้อกระโปรงหวานๆ หรือไม่ก็เสื้อกางเกงสีหวานๆ เย็นตา แต่คราวนี้หล่อนแต่งกายแบบกระชากแนวของตัวเองไปเลย ซึ่งนานๆ จะเห็นวิภาวรรณเปลี่ยนลุ้คซะที สงสัยยอมเปลี่ยนสไตล์เพื่อเอาใจหมอหนุ่มแน่ๆ มิน่าล่ะ วิภาวรรณถึงไม่ยอมแก่ตัวเลย ยังคงรูปเค้าความสวยสาวอยู่ได้จนอายุปูนนี้ หน้าหวานๆ ของหล่อนมันช่างอ่อนกว่าวัยซะจนมีคนเดาอายุผิดหมดเลย แพรวาเดินย่องเบาไปข้างหลังวิภาวรรณแล้วเข้าโอบกอดแน่น

“คุณภาครับ เนื้อตัวคุณภานุ่มนิ่มน่ากอดมากเลยครับ ฮิฮิ” แพรวาทำเสียงล้อเลียนทำยังกับว่าเป็นเสียงวีรพล วิภาวรรณสะดุ้งนิดๆ ทั้งๆ ที่หล่อนก็คาดเดาไว้แล้วว่าแพรวาต้องตามมาเย้าแหย่หล่อนแน่ๆ จากที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ หล่อนแกะแขนที่แพรวากอดกุมอยู่ออกแล้วก็หันกลับมา

“บ้าน่า แพร เล่นอะไรไม่รู้ จะเป็นแม่คนแล้วนะยังจะมาทำเล่นเป็นเด็กสาวไปได้” วิภาวรรณค้อนแพรวาขวับใหญ่ นัยน์ตาเหมือนจะทำดุ แต่มีประกายยิ้มอายๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะมุมปากหล่อนเหมือนอมยิ้มอยู่ตลอด

“แหม....ทำเป็นอาย ไม่ต้องอายแพรหรอก ดูสิหน้างี้แดงไปหมดแล้วค่า ฮิฮิๆ.... เอ...พี่ภาคะ แพรขอถามหน่อยเถอะ พี่ภาไม่เคยเปลี่ยนที่คาดผมเลยเหรอ เนี่ยแพรเห็นทีไรก็อันนี้ตลอดเลย มันมีความหมายสำคัญอะไรน้า....รู้สึกพี่ภาจะชอบอันนี้ซะเหลือเกิน”

“เอ่อ...ก็พลเค้าซื้อให้น่ะ ไม่อยากให้เขาเสียใจว่าเราไม่สนใจของที่เขาให้มาก็เลยใส่ตลอด ว่าแต่วันนี้มีอะไรจ๊ะถึงได้มาถึงนี่”

“แหม....ก็คิดถึงสิคะ อีกหน่อยเราก็คงจะไม่ค่อยได้พบหน้ากันแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไป วันนี้แพรซื้อของทำกับข้าวมาด้วย ให้พี่ปิ่นเอาไปเก็บที่ครัวแล้ว เดี๋ยวเราไปทำกับข้าวให้สองหนุ่มกับพวกคนงานทานกันนะคะพี่ภา”

“ก็ดีจ๊ะ วันนี้มีเพื่อนมาทานข้าวเพิ่มด้วย คงจะสนุกดี แล้วหมอธรไปไหนละจ๊ะ พี่ยังไม่เห็นหน้าเลย”

“พี่หมอเดินไปดูสวนกล้วยไม้น่ะคะ พี่พลก็ตามออกไปแล้ว แพรเลยเดินขึ้นมานี่ อาการพี่ภาเป็นยังไงบ้างคะ”

“ก็ยังเวียนหัวบางครั้งนะจ๊ะ แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงกว่านี้แล้ว”

“แพรว่าพี่ภาบอกพี่พลเค้าไปเถอะ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แพรว่าพี่พลจะดีใจด้วยซ้ำที่จะได้เป็นพ่อคนแล้ว ถึงพี่ภาปิดไปก็เท่านั้น ยิ่งนานเข้าอาการมันก็ยิ่งฟ้อง ถึงตอนนั้นพี่พลอาจจะโกรธก็ได้ที่ไม่ยอมบอก”

“แต่พี่ยังไม่มั่นใจนี่นา ถึงจะรู้ว่าตั้งท้องแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเม็ดเลือดไม่สมบูรณ์อาจจะตั้งท้องไม่ครบกำหนด หรือบางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้คลอดก็ได้ พี่กลัวจะเสียลูกไป ถึงตอนนั้นพลเองเค้าก็คงเสียใจมากแน่ๆ พี่อยากให้มั่นใจกว่านี้ว่าพี่จะสามารถมีลูกได้ตามปกตินะจ๊ะ”

“โธ่พี่ภา สามีเป็นหมอนะคะเรื่องอะไรที่เค้าจะยอมให้ภรรยาเป็นอะไรไปโดยที่ไม่คิดหาทาง รักษา พี่ภาบอกพี่พลไปเถอะจะได้คิดหาทางรักษา แพรคุยกับพี่หมอแล้วเค้าก็บอกว่า รักษาได้ไม่ยากหรอกถ้ารีบทำการรักษาแต่เนิ่นๆ พี่เค้าทั้งสองก็เก่งอยู่แล้วพี่ภาจะกลัวอะไรคะ แพรก็อยากให้พี่ภาหายนะคะ และก็ไม่อยากให้พี่พลเค้าต้องมากังวลสงสัย เพราะหลังๆ ที่เจอกันทีไรพี่พลเค้าถามตลอด เหมือนกับว่าไม่เชื่อผลการตรวจที่เราบอกเค้าไป พี่พลคงมองอาการพี่ภาออกแหละคะ นะคะอย่าปิดบังอีกเลย มีแต่จะทำให้มันแย่ลงเปล่าๆ”

“ก็ได้จ๊ะ ขอบใจนะจ๊ะที่แนะนำ ตอนนี้พลเค้าก็ไม่ค่อยเครียดแล้ว เดี๋ยวพี่จะบอกเค้าเอง เราจะได้สบายใจกัน ตกลงมั้ยจ๊ะ”

“คะ แพรดีใจจังจะได้เป็นคุณน้าแล้ว สาธุ...ขอให้หลานของแพรออกมาน่ารักเหมือนคุณพ่อคุณแม่ด้วยเถอะ แพรจะมาหยอกหลานเล่น แล้วพี่ภาจะไม่จัดงานแต่งงานเหรอคะ เดี๋ยวจะสายไปนะคะ ท้องโต จะเป็นเจ้าสาวคงไม่เหมาะแน่ๆ”

“พี่คิดว่าจะไม่จัดนะจ๊ะ เอาแค่จดทะเบียนแล้วก็เลี้ยงกันเฉพาะคนสนิทก็พอ ตอนนี้พลก็ยังไม่เคลียงานที่บริษัทได้หมด คงต้องรอไปอีกสักระยะน่ะจ๊ะ”


“ว้า....เสียดายจัง งานของแพร พี่ๆ ทั้งสองก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้ พอถึงคราวของพี่ๆ แพรกลับไม่ได้ตอบแทนเลย แต่ก็แล้วแต่พี่ภานะคะ ยังไงแพรก็ต้องมาร่วมให้ได้อยู่แล้ว อย่าลืมน้องคนนี้แล้วกัน”

“จ้า....พี่ไม่ลืมอยู่แล้ว แพรกับหมอธรคือคนแรกที่พี่จะบอกข่าวและเชิญเป็นแขกกิตติมศักดิ์เลยจ้า ไปเถอะ ไปทำกับข้าวกันนี่ก็จะ 5 โมงแล้ว”
สองสาวต่างวัยก็พากันไปที่ครัวช่วยกันจัดแจงอาหารกลางวันโดยมีปิ่นและประกาย เป็นตัวเสริมแรงอีกที สองหนุ่มเพื่อนซี้พากันเดินกลับมายังบ้าน นั่งคุยกันที่ห้องรับแขกด้านล่างตามประสาเพื่อนสนิท คุยกันได้สักพัก ก็เห็นวิภาวรรณพรวดพราดออกจากห้องครัวเข้าห้องน้ำไป แล้วได้ยินเสียงโอ้กอ้าก วีรพลกระโดดลุกจากโซฟาแทบจะทันทีไปหาวิภาวรรณ เห็นหล่อนนั่งคุกเข่าหน้าโถชักโครกที่เปรอะไปด้วยเศษอาหารที่หล่อนอาเจียน ออกมา กระจายไปรอบโถชักโครก สงสัยวิภาวรรณกลั้นไม่อยู่จริงๆ มันถึงได้เรี่ยราดขนาดนี้ หล่อนยังโก่งคอโอ้กอ้ากอยู่หลายที วีรพลเข้าไปลูบหลังให้ด้วยความเป็นห่วงระคนตกใจ พอเริ่มอาการดีขึ้นก็พยุงวิภาวรรณขึ้นบ้วนปากล้างปาก เรียกปิ่นเข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำ แล้วประคองวิภาวรรณไปนั่งที่โซฟารับแขก วิภาวรรณหน้าไร้สีเลือดนั่งคอพับซบกับแผ่นอกเขาอยู่ มีอาการหายใจแผ่วเบา

“เป็นอะไรครับ ..ภา.. ทำไมคราวนี้ถึงกับอ้วกออกมาเลย ดีขึ้นหรือยัง ประกาย..... ไปหายาหอมมาให้คุณภาเร้วววว....ภา...ภา....พูดกับผมสิ” เขาพูดเร็วปรื๋อด้วยความตกใจ เมื่อประกายเอายาดมมาให้ดม และชงยาหอมมาให้หล่อนดื่มจนเริ่มอาการดีขึ้น แต่ดวงตายังเนือยๆ ขอบตามีรื้นน้ำตาอยู่ แพรวาก็เข้ามานั่งใกล้ๆ บีบมือด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยปากบอกกับวีรพล
“พี่ภาเปิดดูหม้อต้มปลาที่กำลังเดือด ไอน้ำมันก็พุ่งเข้าหน้า แล้วพี่ภาก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปเลยคะ พี่พล”

“ภาเหม็นจนเวียนหัวเลยคะ พล มันมีอาการตั้งแต่เริ่มทำกับข้าวแล้วล่ะ รู้สึกแปลกๆ ที่ได้กลิ่นคาวปลา มันพาลจะคลื่นใส้ พอเปิดฝาหม้อได้กลิ่นมันก็กลั้นไม่อยู่” วิภาวรรณบอก สีหน้ายังมีอาการผะอืดผะอมอยู่ ปิ่นทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จเข้ามาอยู่กับประกาย อยู่ไม่ห่าง พอได้ยินหล่อนพูดก็เบิกตาโพลงหันไปจ้องมองกับประกาย แล้วก็ร้องออกมาด้วยเสียงที่ตื่นเต้น

“อุ้ยตาย.....อาการแบบนี้....คุณหมอขา....คล้ายกับปิ่นตอนมีท้องเจ้ากล้วย เลยคะ เอ....ปิ่นคิดว่า....สงสัยคุณภาแพ้ท้องแน่ๆ คะ ขอโทษนะคะคุณภา...คุณหมอคะ ปิ่นเห็นคุณภาอ้วกมาสองหนแล้ว ตอนที่งานแต่งคุณแพรก็ครั้งนึง แต่คุณภาสั่งไม่ให้บอกคุณหมอน่ะคะ”

“หา.....!!!! ว่าอะไรนะ แพ้ท้องเหรอ!!!”

วีรพลทวนคำด้วยเสียงดังกว่าปกติ หันไปมองแพรวากับธนธรณ์ที่ตอนนี้ดูไม่ออกว่าปั้นหน้าอย่างไร วีรพลพอคิดได้ว่าวิภาวรรณแพ้ท้อง ก็ใจหายวูบ ดวงตาเริ่มมีแววกังวล ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาคาด ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้ว ......คนท้องและมีโรคเลือดจาง........... มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากจะคิดต่อไปเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น....!!!!!

“ธร...!! ไหนแกบอกว่าภาเป็นแค่โรคเลือดจาง แกรู้ว่าภาท้อง แล้วทำไมไม่บอกชั้น แกปกปิดชั้นทำไม” แววตาวีรพลดุกร้าว หันไปถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเกือบจะเป็นตะคอก

“เฮ่ยๆ....ใจเย็นๆ เพื่อน ชั้นไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น”

“อย่าไปโทษหมอธรเลยคะพล ภาเป็นคนขอร้องหมอธรเองแหละคะ ภาว่าจะเป็นคนบอกพลเองเมื่อถึงเวลา” วิภาวรรณพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ก่อนที่ธนธรณ์จะได้พูดอธิบายอะไรต่อ

“แล้วทำไมต้องปิดผมด้วยล่ะ ทำไมต้องรอเวลา”

“คืองี้ พล........ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว.......พี่ภาเค้าท้องจริง แต่มีปัญหาเรื่องเลือดจาง ทีแรกชั้นก็กลัวว่ามันจะเป็นโรคธาลัสซีเมียซึ่งคนท้องอาจจะได้รับผลกระทบต่อ สุขภาพมากพอสมควร แกคงรู้นะว่ามันอาจร้ายแรงขนาดไหน อาจมีผลกระทบไปถึงเด็กในท้อง ดีไม่ดีอาจไม่มีโอกาสได้คลอดด้วยซ้ำ พี่ภาโชคดีที่ไม่ได้เป็นธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงเฉียบพลัน แต่เป็นอานีเมีย(โรคโลหิตจาง)ชนิดขาดธาตุเหล็กยังพอมีทางรักษา ยิ่งถ้าเลือดแกไม่เป็นธาลัสซีเมียที่เป็นพาหะด้วย ก็ไม่น่าห่วงมาก พี่ภากลัวว่าถ้าบอกแกแล้วแกจะต้องมาห่วงกังวลเพราะแกมีงานหลายเรื่องต้อง สะสางในตอนนั้น และพี่เค้าไม่อยากให้ความหวังแกแล้วเสียลูกไปต้องมาเสียใจทีหลัง เค้าอยากให้มั่นใจว่าจะตั้งท้องได้เป็นปกติก่อนถึงจะบอกกับแก ชั้นก็ติดต่อเพื่อนที่กรุงเทพฯ ให้มันเช็คผลเลือดพี่ภาอีกทีจนแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าไม่ใช่ธาลัสซี เมีย ไหนๆ แกก็รู้แล้ว ตอนนี้เราคงต้องตรวจเลือดแกด้วยแล้วล่ะ พี่ภาสบายใจได้แล้วนะครับ ผมมากับแพรวันนี้ก็ตั้งใจจะมาบอกพี่ภาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
ธนธรณ์อธิบายให้เพื่อนรักฟังและบอกวิภาวรรณไปในตัว วีรพลตระกองกอดวิภาวรรณแน่นจูบทั้งแก้มและหน้าผากต่อหน้าเพื่อนๆ และแม่บ้านโดยไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่อย่างใด ทุกคนที่นั่งรายล้อมอยู่พลอยมีอาการตื้นตันไปด้วย ทีแรกเขารู้สึกจะโกรธทั้งเพื่อนและคนรัก แต่เมื่อฟังธนธรณ์อธิบายแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของวิภาวรรณที่มีต่อเขา มิน่าละ... เมื่อวันได้รับผลตรวจวันนั้น หล่อนดูซีดๆ แต่ก็ฉอเลาะอ่อนหวานเอาใจเขาเป็นพิเศษเหมือนจะจงใจปกปิด ตอนนี้เขากลับรู้สึกดีใจเหมือนกับว่ามีอะไรมันพองเข้าไปจนคับอก

“ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ภา เรื่องสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมอยู่ทั้งคนยังไงผมก็ต้องรักษาภาให้หาย มันไม่ได้หมดสิ้นหนทางเลยทีเดียว เลือดผมก็ไม่ได้เป็นพาหะด้วย ผมมั่นใจ ผมเคยตรวจเลือดมาแล้ว แต่ผมก็ทำผิดพลาดไปนิดที่ไม่คิดจะตรวจเลือดของภาก่อนจะวางแผนมีลูกกัน แต่ตอนนี้ขอเพียงแค่ภาต้องหมั่นรักษาสุขภาพ ทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับบดให้มากๆ ผักสีเขียว และก็วิตามินเสริม โอว....ถือว่าโชคดีมากๆ เลยนะ ที่ไม่ใช่ธาลัสซีเมีย ทีหลังมีอะไรอย่าปิดบังผมอีก เข้าใจมั้ย”

วิภาวรรณพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ยังซบแนบอกเขาอยู่ มีเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ
“ภากลัวจะมีปัญหาจนถึงขั้นแท้งลูก หรือลูกเป็นโรคบวมน้ำอย่างที่หมอธรบอกเมื่อตอนผลตรวจออกมา ภาไม่อยากให้พลเสียใจนี่คะ”

“โธ่ภา..... ยังไงก็เป็นลูกผม ผมไม่ยอมนิ่งเฉยอยู่แล้ว แล้วนี่ท้องกี่เดือนแล้วล่ะ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น