วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พรหมลิขิต ผิดคิว19

ครั้นมาถึงวันงานวิวาห์วีรพลก็กุลีจุจอช่วยงานตัวเป็นเกลียวประหนึ่งว่าเป็นงานของครอบครัวตนเอง เช็คกำหนดพิธีการประสานงานทั้งฝ่ายจัดเลี้ยงอาหาร จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยตนเองก็ออกมาเป็นเหมือนตัวแทนครอบครัวของธนธรณ์มาต้อนรับแขกเหรื่อที่เริ่มทยอยมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงสาย แต่ละคนที่มาส่วนมากก็เป็นเพื่อนๆนักธุรกิจของสุนทรกับกาญจนาพ่อแม่ของธนธรณ์ต่างก็พากันมาพร้อมครอบครัวบ้างก็มีลูกสาว ลูกชายอยู่ในวัยหนุ่มสาวมากันอย่างคับคั่งจนวีรพลนึกในใจว่าเชิญกันมาทั้งจังหวัดหรือเปล่า บ้างก็มาเป็นคู่รักหนุ่มสาว แต่เท่าที่วีรพลสังเกตเห็นถ้ามาเดี่ยว จะเป็นบรรดาสาวๆ เสียมากกว่า ต่างก็พากันแต่งกายสวยงามแข่งกันแทบทั้งนั้น สุนทรกับกาญจนาต่างก็พออกพอใจที่เห็นเพื่อนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดำเนินงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนแขกที่มาร่วมงานพากันถามว่าทั้งสองมีลูกชายอีกคนหรือเปล่า แล้วก็พากันพูดประมาณว่าเลียบเคียงไว้เพื่อจับคู่ให้กับลูกสาวตน ดูเหมือนวีรพลจะกลายเป็นจุดเด่นของบรรดาสาวๆ ในงานแต่งงานครั้งนี้ เพราะถึงแม้ทั้งวีรพลกับธนธรณ์เทียบความหล่อเหลาพอฟัดพอเหวี่ยงกันก็ตาม แต่ก็มีเสน่ห์ไปคนละแบบ ธนธรณ์หล่อคมผิวเข้มกว่า วีรพลจะออกแนวหล่อเจ้าสำอาง และที่จะเด่นกว่าก็ตรงที่รูปร่างสูงโปร่งด้วยขนาดความสูง 182 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานชายไทยทั่วไปพอสมควร เขาแทบจะว่าตัวสูงที่สุดในงานนี้ก็ว่าได้ ยิ่งตอนนี้ธนธรณ์คงต้องถูกตัดออกไปจากความสนใจของบรรดาสาวๆ แล้ว วีรพลก็ยิ่งเป็นจุดเด่นเป็นที่สนใจของเหล่าสาวๆ ที่ต่างแข่งกันแต่งกายสวยงามมาร่วมงาน แม้แต่สาวๆ ที่มาจากธนาคารที่ทำงานแห่งเดียวกันกับวิภาวรรณและแพรวาแม้จะรู้ว่าวีรพลเป็นคนรักของวิภาวรรณเจ้านายของตนก็ยังอดลอบชำเลืองมองเขาไม่ได้ บางครั้งวีรพลก็ถูกบรรดาสาวโสดที่นั่งคุยกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่พูดจาเลียบเคียงกระเซ้าเย้าแหย่จนเขาเขินอายเดินหนี ทำเอาวงสาวโสดกรี้ดกร้าดสนุกสนาน ตลอดทั้งงาน เขายังไม่ได้เจอวิภาวรรณเลย ต่างคนต่างช่วยกันคนละฝ่าย วิภาวรรณดูแลความเรียบร้อยของฝ่ายเจ้าสาวโดยมีลูกน้องสาวจากที่ทำงานมาช่วยกันหลายคนโดยหล่อนเป็นหัวเรือใหญ่ช่วยแบ่งเบางานของพ่อแม่แพรวา มีช่วงหนึ่งวิภาวรรณมีอาการวิงเวียนศีรษะ จึงหยิบยาในกระเป๋าแล้วเดินไปที่โต๊ะหนึ่งเพื่อจะหาน้ำดื่ม หล่อนนั่งหน้าซีดเหงื่อไหลซึมอยู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนรู้สึกว่าผ่อนคลายมากขึ้น มีสาวๆ กลุ่มหนึ่งที่อยู่โต๊ะข้างๆ เห็นอาการของหล่อนจึงเชิญหล่อนมานั่งร่วมโต๊ะแล้วถามอาการอย่างห่วงใย หาน้ำเย็นมาให้หล่อนทานยา จากนั้นก็พากันเมาท์กันสนุกปากตามประสา
“นี่เธอ เห็นเพื่อนเจ้าบ่าวคนนั้นมั้ย คนอะไรหล๊อหล่อ สมาร์ทแมนไปหมด ฉันอยากจะเป็นเจ้าสาวของเขาจังเลย หล่อๆ อย่างนี้ไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง”
“มีแล้วย่ะ ฉันนี่ไงยะหล่อน หล่อนน่ะ ไปหาคนอื่นได้เลย คนนี้ชั้นจอง” มีเสียงเพื่อนอีกคนเกทับเข้ามาอย่างนึกสนุก
“โหย....เธอจ๋าคิดจะฮุบคนเดียวหรือไง แบบนี้ชั้นว่าใครดีใครได้สิจ๊ะ ว่ามั้ยคะ จริงมั้ยคะคุณพี่” จู่ๆสาวคู่สนทนาคนนั้นก็หันมาถามความเห็นของหล่อน วิภาวรรณสะอึกไปนิดหนึ่ง ในใจก็นึกขำแกมหมั่นใส้วีรพลที่ดูจะมีเสน่ห์ดึงดูดบรรดาสาวๆ เอาเสียเหลือเกิน อีกใจหนึ่งก็แอบปลื้มนิดๆ ที่คนอย่างเขาเป็นที่หมายตาของใครๆ โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้คนที่ถูกถามนี่แหละเป็นแฟนเขา วิภาวรรณอึกอักๆ ยังไม่ทันจะตอบ
“อุ้ยตาย...เธอจ๋า โน่นๆ เขาเดินมาโน่นแล้ว ว้าว...สงสัยเขาอาจจะสนใจชั้นก็ได้ เดินตรงมาที่โต๊ะเราเลย นี่ๆ หล่อนดูหน้าชั้นสิ แป้งหนาไปมั้ย ดูให้หน่อย” แม่สาวจิ้มลิ้มนางหนึ่งพูดไปก็ทำท่าทางตื่นเต้นเอามากๆ วีรพลก็เดินเนิบๆ เข้าตรงโต๊ะนั้น
“มีอะไรหรือคะ คุณพี่รูปหล่อ รับน้ำเย็นๆ หวานๆ สักแก้วมั้ยคะ” นางหนึ่งส่งสายตาหวานให้กับเขาพร้อมกับเชื้อเชิญเขาส่งสายตากรุ้มกริ่ม
“เอ่อ...ขอบคุณครับ พอดีว่าจะมาถามว่าฝ่ายเจ้าสาวพร้อมหรือยังนี่ก็จะได้เวลาเริ่มพิธีแล้วครับ ภามานั่งอยู่นี่เองตามหาตั้งนาน เป็นอะไรหน้าซีดเลย ไม่สบายอีกแล้วเหรอ งั้นผมว่าไปนั่งพักในห้องเจ้าสาวก่อนมั้ยอีกหน่อยพิธีก็จะเริ่มแล้ว แล้วนี่ทานยาหรือยัง ไหวหรือเปล่า งั้นเดี๋ยวผมพาไปเอง” วีรพลหันไปทางวิภาวรรณเดินไปยืนด้านหลังหล่อนโน้มหน้าเอียงเข้ามาด้านข้างถามหล่อนอย่างเป็นห่วงเป็นใยรัวเป็นชุด สองมือก็วางโอบที่ไหล่บีบเบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วคะ ภายังไหวอยู่ พลไม่ต้องห่วงหรอกคะ” วิภาวรรณส่งยิ้มเนือยๆ ตอบเขา วีรพลดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งจากโต๊ะข้างๆ มานั่งข้างวิภาวรรณคว้าผ้าเย็นผืนหนึ่งมาฉีกซองแล้วค่อยๆ ประคองจะเช็ดหน้าให้หล่อนที่ยังมีเม็ดเหงื่อซึมอยู่ วิภาวรรณก็เบี่ยงหน้าหลบ
“ฮื่อ.....ไม่ต้องคะ เดี๋ยวหน้าก็เลอะหมด แล้วนี่พลว่างแล้วเหรอคะ ถึงได้มานี่”
“ก็นิดหน่อย เห็นภาเดินหน้าซีดมาที่นี่ เป็นห่วงก็เลยตามมาดู ไหวแน่นะ เฮ้อ...หิวน้ำจังเลย” วีรพลพูดจบก็รวบแก้วน้ำหวานที่วิภาวรรณถืออยู่ มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว เขารวบเอาไปทั้งที่มือหล่อนยังถืออยู่กระดกดื่มต่อหน้าบรรดาสาวๆ ทั้งหลายที่จ้องมองเป็นตาเดียวกันตั้งแต่เขามาถึงโต๊ะแล้ว วิภาวรรณอายหน้าแดงที่เขากุมมือที่ถือแก้วยกดื่มเอาซะดื้อๆ พอเขาดื่มหมดจะวางแก้วลงหล่อนก็ซัดเพี๊ยะเบาๆ ที่มือเขา
“บ้า...พลนี่ ทำไมไม่เอาแก้วใหม่ แก้วนี้ภาดื่มอยู่นะ อีตาบ้า” พูดพลางก็ค้อนเขาปะหลับปะเหลือก พร้อมหันมองรอบโต๊ะอย่างอายๆ แต่ในใจลึกๆ อดปลื้มไม่ได้ที่เขาไม่มีท่าทางสนใจใครเลย แถมยังทำท่าทีเป็นห่วงเป็นใยหล่อนอย่างออกหน้าทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าสาวๆ 5-6 คนที่นั่งรอบโต๊ะอยู่ วีรพลก็วางมือหล่อนพร้องแก้วลงบนโต๊ะแต่ยังเกาะกุมอยู่
“ภาไปดูน้องแพรเถอะ บอกให้เตรียมตัวได้แล้ว ผู้ใหญ่ท่านพร้อมแล้วจะได้เริ่มพิธีกัน แล้วถ้ามีอาการอะไรเรียกผมด่วนด้วย ผมไปนะครับ” ก่อนจากเขาจับคางหล่อนขยี้หยอกเล่น แล้วลุกเดินจากไป บรรดาสาวๆ ที่อยู่รอบโต๊ะนั้นนิ่งเงียบตะลึงอ้าปากค้าง จนวีรพลเดินหายไปในกลุ่มผู้คนแล้ว
“ตายจริง....เค้าเป็นแฟนคุณพี่เหรอคะ” สาวนางหนึ่งถามวิภาวรรณ หล่อนก็ได้แต่ยิ้มเลี่ยนๆ อายๆ พยักหน้ารับ
“โธ่ พ่อรูปหล่อของชั้น ทำชั้นขายหน้าหมดเลย อายคุณพี่จังมาจุดไต้ตำตอจังเบ้อเร่อเลย ว่าแต่คุณพี่คะ น้องถามจริงๆ ทำยังไงถึงได้มัดใจเขาได้คะเนี่ย ถ้าน้องเดานะคะ คุณพี่น่าจะอายุมากกว่าเขาสัก 5-6 ปี คุณพี่น่าจะ 30 ต้นๆ บอกเคล็ดลับให้พวกเราหน่อยได้มั้ยคะคุณพี่ขา” หล่อนถามวิภาวรรณอย่างสนอกสนใจ สาวๆ ที่อยู่รอบโต๊ะก็พากันจ้องตารอลุ้นคำตอบเช่นเดียวกัน
“เอ่อ...คือ....ไม่มีอะไรมากหรอกคะ พี่ก็ไม่ได้มีเสน่ห์อะไรหรอกคะ ก็คบกันมาเรื่อยๆ ก็แค่นั้นเอง เอ่อ...พี่ขอตัวก่อนนะคะ จะไปเตรียมตัวเจ้าสาว ใกล้ได้ฤกษ์แล้วคะ ไปก่อนนะคะ” แล้ววิภาวรรณก็ส่งยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะลุกเดินไปยังห้องแต่งตัวเจ้าสาว บรรดาสาวน้อยทั้งหลายก็พากันหันหน้ามาเม้าท์กันเสียงขรม
“หูยยย...เธอว่ามั้ย ดูคุณพี่คนนี้ก็สวยหวานไม่หยอกนะเธอ ตัวสูงระหง หุ่นเพรียว ขายาวยังกะนางแบบ ชั้นว่าพี่เค้าคงไม่ใช่ชาวจันทบุรีหรอกแบบนี้ ผิวขาวตัวสูงยังกะคนเมืองกรุง ดูสิ เฮ้อ.... ความฝันของชั้นหายแว้บไปหมดเลย โธ่พ่อเทพบุตรของชั้น มีแฟนเป็นสาวรุ่นพี่ไปซะแล้ว” สาวนางนั้นครางเพ้อตาละห้อยไปเลย สาวๆ คนอื่นก็พากันถอนใจอย่างเสียดาย
“น่านสิ เรารึอุตส่าห์เมียงมองจะมีแฟนหล่อๆ กับเขาสักคน ดูสิ ไปติดเสน่ห์คุณพี่หน้าหวานคนนั้นซะแล้ว แล้วพวกเราจะมีแฟนแบบนี้กับเค้าบ้างมั้ยน้า คุณธนธรณ์ก็มีเจ้าสาวแล้ว เฮ้อเสียดายจัง” ........................

พิธีการต่างๆ เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาบ่ายโมง จนถึงตอนรดน้ำสังข์อวยพรคู่บ่าวสาวแขกเหรื่อต่างก็พากันทยอยเข้าคิวตามลำดับ เนื่องจากแขกเหรื่อมากันจำนวนมาก แน่นขนัดทั่วบริเวณงาน พิธีการตรงนี้ก็เลยกินเวลาไปถึงบ่าย 4 โมงกว่าๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความหวานชื่น สนุกสนานครื้นเครง จนเมื่อถึงเวลาที่คู่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณผู้มาร่วมงานและกล่าวความในใจให้ผู้มาร่วมงานได้ฟัง ธนธรณ์ก็คว้าไมโครโฟนประกาศขอบคุณแขกเหรื่อ ผู้มีพระคุณไล่ลำดับไปเรื่อยๆ และที่สะดุดสายตามากที่สุดก็ตอนตบท้ายที่เขากล่าวขอบคุณเพื่อนสุดรักที่ช่วยเหลือการจัดงานให้เขามาตั้งแต่ต้น โดยอวยพรให้วีรพลกับวิภาวรรณได้เป็นคู่บ่าวสาวในงานแต่งงานครั้งต่อไป พร้อมทั้งผายมือไปทางวีรพลที่ยืนโอบไหล่วิภาวรรณอยู่ด้านข้างเวที ทุกคนต่างส่งสายตาจ้องตามมือธนธรณ์ไปมองทั้งคู่ เนื่องจากทั้งคู่มีรูปร่างสูงเกือบพอๆ กัน วิภาวรรณเตี้ยกว่าประมาณเลยไหล่นิดหน่อยเมื่อยืนเทียบกับวีรพลและร่างบางกว่าเท่านั้น จึงยิ่งเป็นจุดเด่นมากขึ้นอีก แล้วก็ได้ยินเสียงปรบมือเชียร์กันอย่างเกรียวกราว อาจจะมีสายตาอิจฉาจากบรรดาสาวๆ อยู่บ้างก็ตาม จากนั้นก็มีช่วงที่ตัวแทนญาติผู้ใหญ่และเพื่อนๆ ขึ้นเวทีกล่าวอวยพรสลับกับความบันเทิงจากวงดนตรีพอสนุกสนานไปจนถึงประมาณ 2 ทุ่ม ผู้มาร่วมงานจึงทยอยกลับกันหมด เหลืออยู่แค่เพียงพ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าว เจ้าสาว วีรพลและวิภาวรรณ ที่รอฤกษ์ส่งตัวเข้าหอ ก่อนจะถึงเวลานิดหน่อย วีรพลก็เข้าไปหาเพื่อนรักพูดคุยกันสองหนุ่ม วีรพลกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับธนธรณ์แล้วสองหนุ่มก็พากันหัวเราะลั่นจนทุกคนหันไปมองด้วยความสงสัย ก่อนที่วีรพลจะตบไหล่อวยพรเพื่อนและขอตัวลาพาวิภาวรรณกลับบ้าน จนเหลือแต่พ่อแม่บ่าวสาวเป็นสองคู่สุดท้าย พอถึงเวลาส่งตัว ฝ่ายพ่อแม่ก็พาคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอ แนะนำสั่งสอนการใช้ชีวิตร่วมกันและให้พรตามธรรมเนียมประเพณีแล้วก็พากันออกจากเรือนหอให้คู่วิวาห์ได้อยู่กันตามลำพัง
สุนทรและกาญจนาได้ขอให้เอกภพและพราวตานอนพักที่บ้านก่อนรอวันรุ่งเช้าเพื่อร่วมตักบาตรทำบุญกับคู่บ่าวสาวแล้วค่อยกลับ ทั้งคู่เห็นว่าเหนื่อยมาทั้งวันจึงรับคำพากันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องพักที่สุนทรกับกาญจนาจัดให้ ทั้งคู่ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดนอนเบาสบายแล้วก็พากันมานั่งคุยกันสักพักก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดออกก็เห็นสุนทรกับกาญจนาเจ้าของบ้านเดินเข้ามาส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง ในมือถือขวดไวน์พร้อมแก้วบางใสมาด้วย
“ผมต้องขอบคุณคุณภพกับคุณพราวมากนะครับ ที่ยกลูกสาวมาเป็นสะใภ้ให้กับเรา ทีแรกผมก็กลัวว่าเจ้าธรมันจะเจ้าชู้เสเพลไปเรื่อยหาแก่นสารไม่ได้ แต่พอมารู้จักกับหนูแพรมันก็เปลี่ยนไปกลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมก็สุดจะดีใจที่ได้หนูแพรทั้งสวย น่ารัก ฉลาด กิริยาท่าทางก็เรียบร้อย มาเป็นสะใภ้บ้านเรา ผมเองก็มีลูกชายคนเดียว มันเริ่มเป็นผู้เป็นคนก็เพราะหนูแพรนี่แหละ เราสัญญาว่าจะเลี้ยงดู รักใคร่เอ็นดูหนูแพรเหมือนลูกสาวเราคนหนึ่งเลยครับ ตอนนี้เราก็เกี่ยวดองกันแล้วมีอะไรให้ช่วยเหลือก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
“ดิชั้นก็ขอบคุณคุณสุนทรเช่นกันที่ให้เกียรติรับลูกสาวคนเดียวของเราเป็นสะใภ้ เราก็ดีใจที่ลูกสาวมีคนที่ทำงานเก่งเป็นหลักเป็นฐานอย่างหมอธรมาดูแลแทนเรา แค่นี้เราก็หมดห่วงแล้ว ก็ขอฝากลูกสาวไว้ด้วยนะคะ ดิชั้นก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันที่ได้มาร่วมเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันคะ” พราวตากล่าวอย่างสุภาพ
“อุ้ย..คุณพราว ป่านนี้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรที่เป็นทางการมากหรอกคะ ขอให้เป็นกันเองดีกว่านะคะถือซะว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน อย่าทำเหมือนห่างเหินไม่ใช่ญาติกันเลยคะ กาญจน์ก็อยากให้สองครอบครัวได้สนิทชิดเชื้อเป็นกันเองจะดีกว่านะคะ มาเถอะเรามาฉลองให้กับลูกๆของเราและครอบครัวของเรา” กาญจนาพูดเสริมพร้อมกับมานั่งข้างๆ พราวตา หยิบแก้วไวน์พร้อมกับรินให้พราวตากับเอกภพ ทั้งสี่คนก็พากันจิบไวน์และก็พูดคุยกันไปผูกมิตรกันไปอย่างสนิทสนมเป็นกันเองมากขึ้นเรื่อยๆ กาญจนานั่งข้างพราวตาที่ขอบเตียงนอน ส่วนสุนทรกับเอกภพนั่งคู่กันที่เก้าอี้อยู่ด้านข้างเตียงนอนไม่ห่างมากนัก ต่างก็พูดคุยกันไปจิบไวน์ไปด้วยอย่างสนุกตามประสาผู้สูงวัยจนเริ่มจะสนิทเป็นกันเองมากขึ้น
“ตอนนี้ลูกๆ ก็เป็นฝั่งเป็นฝากันแล้ว ดูท่าทางจะเป็นคู่สร้างคู่สมกันมากทีเดียว กาญจน์เองก็หมดห่วงกับลูกธรซะที ตอนนี้เข้าหอไปแล้วคงมีความสุขกับเจ้าสาวสวยน่ารักแน่ๆ เลย จริงมั้ยคะคุณ” กาญจนาหันไปถามความเห็นกับสามีอย่างไม่ได้สนใจว่าจะได้รับคำตอบหรือไม่ แล้วก็พูดต่อไปเรื่อยๆ
“นึกถึงตอนเราสองคนเข้าหอใหม่ๆ นะ มันช่างเป็นอะไรที่หวานชื่น และก็ตื่นเต้น กาญจน์อดนึกถึงตอนนั้นไม่ได้เลยล่ะ แล้วคุณพราวละคะรู้สึกยังไง? ตอนเข้าหอกับคุณภพ ไม่ต้องอายหรือเกรงนะคะ เรามาเปิดใจกันถือว่าเป็นการฉลองต้อนรับสมาชิกครอบครัว” กาญจนาหันมาถามพราวตาที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่หวานเยิ้มเชิญชวน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์หรือว่ากาญจนาจงใจทำ พราวตาก็ตั้งตัวไม่ติด ถึงแม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน แต่เมื่อเจอสายตาของหญิงด้วยกันมองด้วยอาการแปลกๆ ก็อดประหม่าไม่ได้
“เอ่อ...ก็...ตื่นเต้นเหมือนคุณกาญจน์แหละคะ ไม่รู้จะพูดไงดี”
“ผมยังจำได้นะ กาญจน์ วันนั้นคุณสวยมากผิวเนียนไปทั้งตัว จนผมอดใจไม่อยู่” สุนทรก็เริ่มเสริมเข้ามา พราวตารู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆสองสามีภรรยามาพูดในทำนองนี้ทั้งๆ ที่อายุรวมกัน 4 คนน่าจะเกิน 200 ไปแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่ากาญจนาจะเอามือมาลูบที่ต้นขาค่อยๆ เลื่อนชุดนอนบางแหวว จนพราวตารู้สึกใจหวิวๆ ไปด้วย มืออีกข้างหนึ่งของกาญจนาหล่อนก็วางแก้วไวน์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบเอื้อมขึ้นมาลูบที่ไหล่ของพราวตา
“คุณพราว.....วันนี้ลูกของเราก็มีความสุขกันแล้ว กาญจน์ขอพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมล่ะ เราก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว กาญจน์ว่าเราก็น่าจะหาความสุขตามประสาเราๆ กันบ้าง” พราวตาหันไปจ้องตากาญจนาอย่างตกใจนิดๆ ฉงนหน่อยๆ ทางด้านเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเตียงนอนห่างไปนิดหน่อยประมาณสองก้าวเอกภพก็มีอาการตะลึงงันที่เห็นคู่ดองมาทำท่าทางแปลกๆ แต่เห็นสุนทรเอื้อมมือมาจับไหล่กดไว้ ส่ายหน้าส่งสัญญาณว่าให้เฉยๆ ไว้ จึงได้แต่นั่งมองกาญจนากับพราวตาต่อไป กาญจนาลูบต้นขาพราวตาไปมาอย่างแผ่วเบามืออีกข้างโอบไหล่ลูบไปมา
“ตอนเข้าหอใหม่ๆ นะ กาญจน์ตื่นเต้น ทำอะไรไม่ถูก คุณพี่เขาก็เข้ากอดถอดชุดเจ้าสาวออกจนเปลือยล่อนจ้อน เข้ามากอดจูบกาญจน์ นึกถึงตอนนั้นทีไร มันเสียวสยิวทุกที แล้วพราวละคะ คุณภพเขาทำอย่างไรบ้าง ไม่ต้องอายหรอก เราผ่านอะไรๆ กันมาเยอะแล้ว” ถามพราวตาไป ตาก็จองมองอย่างฉ่ำเยิ้มเชิญชวน พราวตาก็ยังกระอักกระอ่วนอยู่ คาดไม่ถึงว่าสองผัวเมียคู่นี้จะมาในรูปแบบนี้ สุนทรวางแก้วไวน์ไว้บนที่วางของด้านข้างเก้าอี้ ก็เดินไปนั่งที่ขอบเตียงข้างกาญจนา ค่อยๆ ปลดสายคาดเสื้อคลุมนอนของเมียรักออกเผยให้เห็นชุดนอนที่บางเบาไม่ต่างกันกับพราวตา สุนทรค่อยๆ ปลดเสื้อคลุมของเมียเขารูดออกจนเปิดเผยไหล่เปลือย มีแค่สายชุดนอนเล็กๆ เกี่ยวเกาะอยู่ แล้วก็โอบไหล่เมียรักจากด้านหลังพรมจูบไหล่และแผ่นหลังเบาๆ
“ดูสิ คุณพราวรักษาหุ่นทรงได้ดูดีมากเลย ไม่อ้วนมาก ผิวพรรณก็ยังผ่องอยู่เลย แบบนี้คงเป็นเสน่ห์ให้คุณภพหลงรักอยู่กันมายืดยาวแน่ๆ เลย ใช่มั้ยคะคุณภพ” กาญจนาเริ่มลูบไล้ขึ้นไปตามหน้าท้องพราวตาจนไปถึงอกอวบตูมใหญ่ พลางชะม้อยตามาทางเอกภพถามเขาด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“เอ่อ.....ครับ....พราวเขารูปร่างอวบตั้งแต่ยังสาว ตอนนี้ออกจะอ้วนขึ้นหน่อยตามวัย แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด ถึงตอนนี้ผมก็ยังรักพราวเหมือนตอนแรกสาวเหมือนเดิม” เอกภพตอบกาญจนาเหมือนโดนต้องมนต์ หรือจะเป็นเพราะฤทธิ์ไวน์ไม่อาจรู้ได้
“คุณพราว....ไม่ต้องเขินอายหรอก เราต่างก็คุ้นเคยเรื่องนี้กันมา ตอนนี้กาญจน์อยากให้เรามีความสุขกันอย่างเปิดเผย ดูสิ คุณพราวเนื้อตัวช่างอวบอั๋นเนื้อนิ่มน่ากอดสัมผัสไปหมด” กาญจนาไม่พูดเฉยๆ มือคลำไปที่อกอวบหยุ่นคลึงไปมา จนพราวตาตอนนี้หน้าแดงก่ำ สีหน้าเริ่มบ่งบอกถึงอาการเสียวสยิวไปกับการสัมผัสของกาญจนา
“เอ่อ.....คุณกาญจน์ ....ดิชั้นยังอายอยู่อ่ะ.....นอกจากคุณพี่...ก็ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับดิชั้นเลย”
“กาญจน์ก็เหมือนกันคะ เลยอยากเปลี่ยนรูปแบบบ้าง พราวคงไม่ว่ากันนะคะ พวกเราก็อายุมากกันแล้วขอใช้ชีวิตให้มันความสุขเสียบ้าง ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ตอนนี้เราก็ถือว่าเป็นกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเขินอายกันแล้วนะคะ อืม...คุณพราวนี่ช่างตัวนุ่มนิ่มดีเหลือเกิน เฮียคะ ช่วยถอดชุดนอนกาญจน์ออกทีคะ มาสิคะคุณภพ เรามาร่วมกัน” บอกผัวตัวเองให้ถอดชุดออกพลางกวักมือเรียกเอกภพเข้าร่วมด้วย สุนทรก็ค่อยๆ ดึงเสื้อคลุมออก กาญจนาขยับตัวลุกให้เขาถอดดึงทิ้งไปบนเตียง แล้วชุดนอนที่เหลือสุนทรก็ค่อยๆ ปลดสายที่รั้งอยู่บนไหลเส้นเล็กๆเลื่อนมาที่แขนทั้งสองข้างแล้วรูดลง จนเผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่า รูปร่างของกาญจนานั้นผอมบาง หน้าอกสองข้างก็ไม่ได้ใหญ่มาก หย่อนคล้อยนิดหน่อยตามวัยแต่ไม่ถึงกับหย่อนยานย้วยน่าเกลียด สุนทรโอบมือสองข้างจากข้างหลังกาญจนาไปที่หน้าอกแล้วไล้คลึงเบา ใช้นิ้วบีบบี้หัวนมไปด้วย เอกภพเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็เริ่มจะนึกสนุกตามไปด้วย ก็เดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงด้านข้างเมียรักคู่ชีวิตแล้วรูดชุดนอนบางหวิวลงไปทำให้พราวตาก็เปลือยท่อนบนเหมือนกันกับกาญจนา พราวตารูปร่างอวบอัดมากกว่าแบบคนละไซ้ส์ ผิวขาวกว่ากาญจนานิดหน่อย อกกลมใหญ่พอพ้นเป็นอิสระจากการห่อหุ้มของอาภรณ์ก็ถูกเอกภพคลำคลึงเต็มฝ่ามือ อีกข้างหนึ่งตอนนี้ถูกกาญจนาโน้มหน้าเข้ามาดูดเลียอย่างรวดเร็ว
“อุ้ย....คุณกาญจน์ ตายแล้วเล่นมาดูดนมพราวแบบนี้ทำเอาสยิวไปหมด อูยยย...พราวไม่เคยถูกผู้หญิงด้วยกันมาดูดอย่างนี้เลยนอกจากยัยแพรตอนเป็นเด็กเท่านั้น อูยย....พี่ภพคะ พราวขนลุกไปหมดเลย”
“ก็ดีไปอีกแบบนี่พราว พี่ว่าเรามาลองแบบใหม่บ้างก็ดีนะ จะได้ไม่จำเจ ตื่นเต้นไปอีกแบบ อืมม..แขนพราวขนลุกจริงๆ ด้วย อา.....พราว ทำตัวสบายๆ นะ ถือว่าเรากันเองไม่มีอะไรหรอก” เอกภพช่วยพูดให้คู่ตุนาหงันของตนผ่อนคลาย มือบีบคลึงเต้าอวบที่คล้อยหน่อยๆ ตามสภาพ ปากก็เริ่มซุกไซ้พรมจูบต้นแขนไล่เรื่อยไปตามไหลซอกคอ ใบหู จนมาถึงแก้ม ถึงแม้จะมีอายุถึง 52 ปีแล้วแต่พราวตาก็ยังเต่งตึงอยู่พอสมควร
“คุณพราว นอนลงไปสิ กาญจน์อยากลองลิ้มรสของพราวบ้าง หน้าอกนุ่มนิ่มจนกาญจน์อยากจะกินทั้งตัวแล้วเนี่ย” ทั้งหยอดคำหวานทั้งสายตาเย้ายวน แล้วกาญจนาก็ผลักพราวตาให้นอนหงายลงไป ตนเองขยับลงจากเตียงไปคุกเข่าลงตรงหว่างขาของพราวตาพี่นอนห้อยขาอยู่ขอบเตียง มีเอกภพก้มตามไปจูบไซร้ทรวงอกใหญ่ สุนทรยังนั่งมองอยู่เงียบๆ ไม่ได้ทำอะไร กาญจนาจับขาพราวตาแบะออกเล็กน้อย เลื่อนชายชุดนอนบางเบาขึ้นไปที่เอว มองเห็นชั้นในสีดำสีเดียวกับชุดนอนลายลูกไม้บางๆ อวดเนินเนื้ออวบอูมอยู่ หน้าท้องมีไขมันเล็กน้อย แล้วกาญจนาก็เอามือแหวกชั้นในตัวบางออก จิ้มนิ้วลงไปที่กลีบแคมที่มันมีเนื้อแลบออกมาไม่มากนัก ใช้นิ้วบีบบี้เล่นเบา ตอนนี้พราวตาเริ่มส่งเสียงครางซี้ดลอดไรฟันออกมาเบาๆ
“อูยย....ซี้ดดด คุณกาญจน์ อย่าบี้แบบนั้น พราวสั่นสยิวไปหมดแล้ว พี่ภพ... อูยย..... พราวโดนทั้งบนทั้งล่างเลย”
“อืมม....แหม... คุณพราว เราไม่ต้องถนอมคำพูดกันแล้วมั้ง กาญจน์อยากให้เราปลดปล่อยกันเต็มที่ไปเลย คุณภพ ขออนุญาตให้เฮียเขาช่วยเลียนมคุณพราวด้วยนะ จะได้ช่วยให้พราวเสียวยิ่งขึ้น”
“โธ่ จนป่านนี้แล้วจะมาขออะไร ถ้าผมไม่ชอบ ผมไล่คุณทั้งสองออกห้องไปนานแล้ว เอาสิ สุนทร ตามสบาย” พอเอกภพพูดจบสุนทรก็ไม่ต้องรอบอกรอบสอง ขยับเข้าไปหาพราวตาก้มหน้าเอามือบีบเต้านมจนมันกลมเป็นก้อนงาม ปากก็ขบเม้มไปที่ติ่งหัวนม ตอนนี้พราวตาโดนรุมกินโต๊ะไปเสียแล้ว ได้แต่นอนหงาย ร่างอวบใหญ่ก็เริ่มบิดส่ายไปมา
“อูยยย....ตายแล้วคุณพี่ พราวโดนรุมเลียไปทั้งตัวเลย อูยย....เสียวไปหมดทั้งตัวแล้ว” สุนทรเม้มขบติ่งหัวนมไปพลางมือหนึ่งก็บีบคลึงคนละข้างกับเอกภพ อีกมือหนึ่งก็ลูบไล้ไปตามหน้าท้อง กาญจนาก็ใช้นิ้วบดบี้พูแคมหีพราวตาสลับกับแหย่แยงไปด้วย มืออีกข้างก็ลูบไปตามขาอวบหนั่นเนียน พราวตาสุดทนต่อการรุมเล้าโลม กัดริมฝีปากครางอู้อี้จนเริ่มจะดังมากขึ้น สักพักสุนทรกับเอกภพ ก็พากันผละกายลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกแทบจะพร้อมโดยไม่ได้นัดหมายกันแต่อย่างใด กลกามความใคร่ของสองคู่ผัวเมียวัยดึกรุ่นใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น