วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พรหมลิขิต ผิดคิว17





สองวันต่อมาวิภาวรรณก็ได้รับนัดหมายจากธนธรณ์เข้าตรวจอาการที่โรงพยาบาลตอน บ่าย 2 โมง แพรวาก็อาสาไปเป็นเพื่อน วิภาวรรณเลยแกล้งเย้าว่าที่อาสาไปด้วยนี่ไม่อยากไปเป็นเพื่อนหรอกมั้ง อยากไปหาคู่หมั้นมากกว่าแพรวาก็หัวเราะยอมรับในที เมื่อไปถึงโรงพยาบาลวิภาวรรณก็ชะเง้อมองหาวีรพลก็ไม่พบ ธนธรณ์บอกว่าวีรพลออกไปนอกโรงพยาบาลมีคนไข้พิเศษระดับข้าราชการชั้นสูงให้ไป ดูอาการโรคหัวใจฉุกเฉิน วิภาวรรณเข้าห้องตรวจโดยมีแพรวาอยู่ด้วยเมื่อธนธรณ์ตรวจอย่างละเอียดได้ผล ตรวจออกมาแล้วก็บอกกับวิภาวรรณ
“ธรคะ แพรด้วย พี่ขอร้องอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับพลนะคะ ถ้าพลจะรู้เรื่องนี้พี่จะเป็นคนบอกเขาคนแรกเอง ได้มั้ยคะ”
“พี่ภาคะ แล้วพี่ภาคิดว่าจะปิดเรื่องนี้ได้นานขนาดไหน พี่พลก็เป็นหมอ สักวันพี่พลก็รู้อยู่ดี พี่ภาเองก็นับวันอาการมันก็ยิ่งจะฟ้องนะคะ”
“นั่นสิครับ อีกไม่นาน สักวันพลมันก็จะได้รู้อยู่แล้ว”
“เอาเถอะคะ พี่ขอร้องอย่าเพิ่งบอกกับพลเลย พี่ไม่อยากให้พลเค้าต้องมาห่วงกังวลกับพี่ ตอนนี้เค้าก็วุ่นวายมากพอแล้ว เมื่อถึงเวลาพี่จะเป็นคนบอกเอง สัญญาได้มั้ยคะ คุณหมอ แพร?.. แล้วเอกสารผลตรวจทั้งหมดขอพี่เก็บไว้เอง เมื่อถึงเวลาพี่จะบอกพลเค้าเอง”
“เอางั้นก็ได้ครับ ผมจะไม่บอกพล น้องแพรด้วยนะ ถือว่าพี่เค้าขอร้อง นี่ครับพี่ภา เอกสารทุกอย่าง เรื่องยาเดี๋ยวผมจะจัดให้เองแล้วจะฝากแพรเอาไปให้ทุกสัปดาห์นะครับ ถ้าผมสั่งผ่านแผนกจ่ายยา เดี๋ยวพลมันจะรู้เสียก่อน มันอาจจะโกรธผมที่ปิดบังเรื่องนี้กับมัน ผมโดนมันต่อยหน้าแหกแน่ๆ พี่ภาก็พยายามรักษาสุขภาพให้ดีกว่าเดิมนะครับ มีอะไรผิดปกติรีบติดต่อผมได้ตลอด”
“ช่ายๆ ช่วงนี้พี่พลเขาก็แทบไม่มีเวลา ถ้าจะมาห่วงกับอาการป่วยพี่ภาอีก เดี๋ยวพี่เขาจะเป็นทุกข์กังวลไปด้วยเปล่าๆ แพรสัญญาว่าจะไม่บอก”
“ขอบคุณทั้งสองนะคะ แล้วนี่เรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วเหรอคะ งั้นเรากลับกันเถอะ”
“รออีกหน่อยก็ได้ครับพี่ภา นี่ก็จะ 4 โมงแล้ว ไปพักดื่มน้ำคุยกันที่ห้องพักของผมก่อนก็ได้ จะได้ให้พลมันรับพี่กลับที่นี่เลย มันไปตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว น่าจะกลับถึงโรงพยาบาลแล้วล่ะ พี่ภาก็โทรสั่งงานที่ธนาคารไปเลยดีกว่า”
“เอางั้นก็ได้คะ”
ทั้งสามก็นั่งคุยกันที่ห้องทำงานส่วนตัวของธนธรณ์กับวีรพล สักพักวีรพลกลับเข้ามา พอเจอทั้งสาม วีรพลก็รีบถามถึงผลตรวจทันที
“ผลเป็นไงมั่ง ธร ภาเป็นอะไร”
“อ่ะ เอ่อ...คือ...” ธนธรณ์คิดหาคำพูดไม่ออก อึกๆ อักๆ ติดอ่างอยู่
“แค่เลือดจางเท่านั้นแหละคะพล กินยาบำรุงเลือดพักผ่อนให้มากว่าเดิมก็ดีขึ้นแล้วคะ” วิภาวรรณเห็นท่าว่าธนธรณ์จะไปไม่รอดก็เลยชิงตอบไปก่อน แพรวาเองก็คันปากยิบๆ อยากจะตอบแต่ก็ยังหาคำตอบกลบเกลื่อนไม่ได้ ทำได้แต่พยักหน้าคล้อยตามวิภาวรรณ
“เออ ชะ...ชะ....ช่ายๆๆ ชั้นจัดยาให้พี่ภาไปแล้วล่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกน่า สบายใจได้เพื่อน ชั้นขอรับรองด้วยเกียรติของหมอ และในฐานะที่เป็นเพื่อนแก” ธนธรณ์ก็รีบเสริมทัพเข้าไปอย่างตะกุกตะกัก
“ฟู่ววว.....ค่อยโล่งอก ภาน่ะ....ว่าแต่ผมทำงานไม่ยอมพักผ่อน ตัวภาเองก็นอนน้อยเหมือนกันล่ะน่า เห็นมั้ย ดูสิสีหน้าดูซีดๆ อยู่เลย ต่อไปนี้ต้องพักผ่อนให้มากๆ แล้วล่ะ งานอย่างอื่นที่ให้คนอื่นทำแทนได้ก็ให้เขาทำไปเถอะ เข้าใจมั้ยครับ”
“ค๊า.....เข้าใจแล้วค่ะ อืม....วันนี้เราอยู่พร้อมหน้ากัน ภาว่าเราออกไปทานอาหารนอกบ้านสักครั้งน่าจะดีนะคะ ภาเป็นเจ้ามือให้เอง” วิภาวรรณออกความเห็นชักชวน แพรวาก็พยักหน้ายิ้มรับอย่างดีใจ ธนธรณ์ก็ผงกหัวเบาๆ เชิงเห็นด้วย
“อย่าเลย ภาอาการยังไม่ดีเท่าไหร่ ผมว่าเรากลับไปทานที่บ้านน่ะดีแล้ว ไม่รู้ที่ร้านอาหารจะมีอาหารแสลงหรือเปล่า เกิดป่วยขึ้นมาอีก เสียชื่อเป็นแฟนหมอหมด อีกอย่างวันนี้เรานัดคนงานใหม่ไม่ใช่เหรอ จะได้ไปจัดหาห้องพักให้เขาด้วยไง” วีรพลชิงพูดปัดไปก่อน ทำเอาวิภาวรรณและอีกคู่หน้าเจื่อนลง ทุกคนก็พยายามพูดโน้มน้าวเป็นประชาธิปไตยเอาเสียงส่วนมากแต่วีรพลก็ยังยืน กระต่ายขาเดียวแบบเผด็จการอยู่เหมือนเดิม
“โอเคๆ..... ผมว่าเรากลับบ้านก็ดีเหมือนกัน พลมันคงชอบอาหารที่บ้านมากกว่า สงสัยพี่ภานี่มีเสน่ห์ปลายจวัก ทำกับข้าวแกงเผ็ดแกงป่าหรือว่าขนมเค้กคงอร่อยถูกใจ พลมันเลยไม่อยากไปกินข้าวนอกบ้าน ฮ่ะๆๆๆ อุ้บ.” ธนธรณ์พูดไปเรื่อยเปื่อยด้วยความคะนองปากไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไปจึงงับปากปิดสนิทแต่คงช้าไปแล้ว วิภาวรรณหน้าแดงก่ำแอบเอื้อมมือไปหยิกสีข้างวีรพลที่นั่งเคียงข้างจนวีรพล สะดุ้งโหยง แพรวาก็เพิ่งนึกออกว่าคืออะไร เห็นอาการวิภาวรรณหน้าแดงแล้วหยิกวีรพลแก้เขิน ก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้ แล้วทั้งสี่คนก็พากันจับควงคู่แยกย้ายกันขึ้นรถกลับบ้าน
พอรถวิ่งออกได้สักพักวิภาวรรณเงื้อกำปั้นซัดหมัด เข้าที่อกที่ไหล่ของวีรพลที่กำลังขับรถอยู่รัวเป็นชุด
“นี่แน่ะๆ คนผีทะเล กินที่ในลับแล้วยังเอาไปไขในที่แจ้ง”
“โอ๊ยยๆๆ.. ภา อะไรกันนี่ ผมไม่เข้าใจ”
“ไม่ต้องมาทำไก๋เลย พลไปเล่าอะไรให้ธรเค้าฟัง เค้าถึงได้มาพูดแซว ทำหน้าล้อเลียนภา จนภาอายเค้าไปหมดแล้ว”
“เอ๋...นี่ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย เค้าแซวอะไร”
“ก็เค้าพูดเรื่องขนมเค้กอะไรนั่น แล้วยังพากันหัวเราะล้อภาอีก พลอย่าทำเป็นไขสือหน่อยเลย คนบ้า คนอะไรไม่รู้จักอายบ้าง หึ....”
“อ๋อ ฮ่ะๆๆๆ”
“แน่ะ....ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก นี่แนะๆ...” แล้วก็รัวกำปั้นทุบเขาอีกชุดใหญ่ วีรพลได้แต่บิดกายยกแขนปัดป้องเล็กน้อย เพราะตายังจ้องมองทาง มือยังจับพวงมาลัยอยู่
“ภา ผมขับรถอยู่นะ เดี๋ยวก็รถคว่ำกันพอดี เจ้าธรมันก็พูดของมันไปเรื่อยเปื่อย มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรสักอย่าง แล้วนี่ภาจะอายมันทำไม เอ...หรือว่า คำว่าขนมเค้กเนี่ย ภาคิดไปถึงแต่เรื่องนั้นเรื่องเดียวเหรอ ฮ่ะๆๆๆ โอ้ยยๆๆ....พอแล้วคร้าบบ ผมจะระบมไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” โดนหนักเข้าวีรพลต้องชะลอความเร็วลง แล้วก็จอดรถอยู่ข้างทาง วันนี้ท่าทางดูเขาจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อ 3-4 วันก่อนหน้านี้มาก เขาคงยังอดหัวเราะไม่ได้ ทางด้านวิภาวรรณยังคงทำหน้างอค้อนขวับๆ อยู่หลายที พอหยุดหัวเราะวีรพลก็หันหน้ามามองเปลี่ยนสีหน้าไปอีกแบบ เอื้อมมือมาลูบไปหน้าวิภาวรรณเบาๆ
“ภาไม่เป็นอะไรแน่นะ วันก่อนเห็นหน้าซีดเป็นไก่ต้ม กลัวจะทำงานไม่ไหว อืมมม.......แต่ก็ดีเหมือนกันนะ ผมจะได้มีข้ออ้างให้ภามาอยู่กับผมแล้วจะได้ร้องเพลงกล่อมก่อนนอน มีความสุขดีออก อย่างน้อยตอนนี้ผมก็จะพอมีเวลาได้อยู่กับภาอย่างใกล้ชิด ถึงจะมีงานมากขนาดไหนก็ตาม รู้มั้ย ภาน่ะคือแรงใจของผมเลยนะ แค่ทำงานเหนื่อยๆ กลับมาบ้านได้เห็นภรรยาหน้าหวานยิ้มรับทำกับข้าวให้ทาน ผมก็มีกำลังใจพร้อมจะมีชีวิตต่อไปในวันรุ่งขึ้นแล้ว” เขาพูดไปพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับวิภาวรรณเหมือนกับจะเป็นการเอาใจที่ทำให้ หล่อนงอนตุ้บป่องอยู่เมื่อครู่ แค่ได้ยินคำพูดเขากับใบหน้าที่ยิ้มแย้มส่งให้หล่อน วิภาวรรณก็เปลี่ยนอารมณ์จากที่ทำงอน หันหน้าไปสบตามองเขาอย่างหวานซึ้ง ปลดเข็มขัดนิรภัยเอียงกายเข้าไปซบเขาได้ครู่ใหญ่
“ออกรถเถอะคะ” วิภาวรรณขยับคาดเข็มขัดนิรภัยไว้แล้วนั่งตัวตรงดังเดิมอีกครั้ง วีรพลก็เข้าเกียร์แล้วค่อยๆ ออกรถไปอย่างไม่รีบร้อน วิภาวรรณก็หันชำเลืองมองหน้าเขานิ่งนานอยู่หลายครั้งวีรพลเองก็สังเกตเห็น ขนาดประกาศตัวยอมรับเป็นแฟนกันแล้ว วีรพลเป็นผู้ชายแท้ๆก็ยังรู้สึกเขินๆ ที่ถูกจ้องเอาๆ แบบนี้
“มีอะไร เห็นมองหน้าผมบ่อยจัง มันหล่อน่ามองขนาดนั้นเลยเหรอครับ ฮ่ะๆๆ” พูดไปก็หัวเราะแก้เขินไป วิภาวรรณก็ยังจ้องมองเขาแทบไม่กระพริบตา ยามที่เขาเขินอายทำเหมือนเด็กๆก็ยิ่งเหมือนเพิ่มเสน่ห์ของเขาเพิ่มไปอีก ขณะที่รถวิ่งไปตามถนนที่โอบล้อมด้วยภูเขาเล็กๆ ป่าไม้ครึ้มร่มรื่นตลอดสองข้างทาง
“พลคะ ขับไปจอดตรงข้างทางแยกด้านหน้าก่อนสิคะ” วีรพลขมวดคิ้วสงสัย แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าวิภาวรรณคิดทำอะไร เพราะทางแยกที่ว่ามันเป็นทางแยกเล็กๆ เหมือนเป็นทางแยกเข้าสวนของชาวสวน แต่คงนานๆ จะมีคนเข้าออกสักที บริเวณแถวนั้นเงียบสงัด ปลอดคน วิภาวรรณให้เขาเลี้ยวออกนอกทางเข้าทางแยกห่างจะถนนใหญ่พอสมควรก็ให้หยุดและ ดับเครื่องยนต์ วีรพลยังคงขมวดคิ้วทำหน้างง มองไปที่วิภาวรรณเห็นหล่อนยิ้มมองซ้ายทีขวาทีไปรอบๆ รถ แล้วก็หันกลับมามองที่เขาส่งยิ้มแบบแปลกๆ สายตามีประกาย กัดฟันบนขบกับฝีปากล่างเผยอยิ้มหน่อยๆ
“มีอะไรเหรอครับ???” วิภาวรรณไม่ตอบ แต่ขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วโน้มตัวข้ามคันเกียร์รถที่กั้นระหว่างสอง เบาะหน้า สองมือประคองหน้าเขาแล้วประกบจูบอยู่เนิ่นนาน แรกๆ วีรพลไม่ทันตั้งตัวแต่พอสักพักเขาก็จูบตอบกับหล่อน วิภาวรรณไม่จูบเปล่า มือข้างหนึ่งลดจากใบหน้าเขาไล่ต่ำลงไปที่ตรงกลางแก่นกายของเขาลูบไล้หน้า เป้ากางเกงไปมา วีรพลรู้สึกว่าหน้าท้องตัวมันจะเริ่มแขม่วเกร็งขึ้นมาทันที ท่อนกลางแก่นกายเริ่มจะมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาต่อการลูบไล้ส่วนนั้น มือวิภาวรรณค่อยป่ายปะควานหาหัวเข็มขัดแล้วค่อยๆปลดออกจับซิปกางเกงรูดลง แล้วก็ควานเข้าไปผ่านขอบกางเกงในของเขา แล้วก็ลูบขยับไปมา ตอนนี้ทั้งตัววีรพลเริ่มจะร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งๆ ที่เครื่องปรับอากาศในรถก็ทำงานเย็นฉ่ำ อากาศในยามนี้ก็เริ่มเย็นลงแล้วด้วย วิภาวรรณทั้งจูบเขาแบบเร่าร้อน อ้าปากส่งปลายลิ้นเข้าปากวีรพลแล้วตวัดไปมาหยอกเย้ากับลิ้นเขาอยู่ในโพรงปาก แล้วก็ค่อยดูดดุนไปเรื่อย ส่วนมือก็ยังคงลูบไล้กระตุ้นความรู้สึกเขาอย่างมากแล้วก็ค่อยๆ ควักเจ้าแท่งเนื้ออวบใหญ่ที่ตอนนี้มันชักจะเริ่มคับกางเกงในแล้วออกมาจับบีบ รูดขึ้นลง วีรพลได้แต่ครางอยู่ในลำคอ แล้ววิภาวรรณก็ถอนจูบชักตัวถอยกลับ มองหน้าเขาด้วยสีหน้าหยาดเยิ้มชวนฝัน
“อะไรนี่ ภา??....” “เฉยๆ สิคะ” หล่อนบอกเขาเม้มปากเป็นเส้นตรงทำตาดุแต่ดูปนยิ้มในที แล้ววิภาวรรณก็โน้มตัวเข้ามาอีกครั้งแต่คราวนี้มุ่งลงไปที่ตักเขาพยายามจะ ดึงขอบกางเกงรูดออกเพื่อให้จับท่อนลำลึงค์ได้ถนัด วีรพลก็เลยปลดเข็มขัดนิรภัยออกโหย่งตัวจับรูดกางเกงลงไปอีกพร้อมทั้งกางเกง ในไปอยู่ประมาณครึ่งขา วิภาวรรณก็คว้าท่อนเนื้อเอ็นที่โผล่เผยโฉมเป็นลำเขื่องกำรูดเบาๆ แล้วก็ใช้ปากอมรูด ผงกหัวขึ้นลงได้ยินแต่เสียงหายใจของหล่อนกับเสียงครางฮือเบาๆ วีรพลไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนถึงกับเกร็งกาย หายใจฟืดฟาดแรง ไม่เป็นจังหวะ ทำอะไรไม่ถนัด มือก็ได้แต่ลูบหัววิภาวรรณ อีกข้างก็ลูบไปตามแผ่นหลัง วิภาวรรณก็ใช้ปากอ้าอมท่อนรักของเขาอย่างถึงกึ๋น หล่อนอ้าอมจนมิดลำแล้วค่อยๆ เม้มปากดูดรูดขึ้นขณะที่มือก็รูดลำลงสวนทางจนหนังหุ้มถูกรูดลงสุดคอหยัก เมื่อเจ้าหัวชะโดตัวใหญ่พ้นจากฝีปากก็โดนปลายลิ้นฉกตวัดเลียเข้าที่ปลาย วีรพลถึงกับแขม่วหน้าท้องเกร็งเชิดหน้ายิงฟันพร้อมทั้งขบกรามดังกรอดๆ
“ภาจ๋า ผมจะไม่ไหวแล้ว นี่ภาทำผมเซอร์ไพร้ส์มากเลยนะนี่”
วิภาวรรณหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ริมฝีปากหล่อนฉ่ำเยิ้มไปหมด ผมเผ้าที่ยาวสลวยเป็นระเบียบก็เริ่มจะรุงรังไปนิดถึงแม้จะมีที่คาดผมที่วีร พลซื้อให้คาดไว้อยู่ก็ตาม หล่อนเผยอยิ้มแล้วตวัดลิ้นเลียไปรอบริมฝีปากอย่างที่วีรพลไม่เคยเห็นมาก่อน ว่าคนรักที่แสนจะอ่อนหวาน ดูเธอคราวนี้มันช่างยั่วยวนบาดใจไปหมด
“ก็ภาอยากทำให้ที่รักเซอร์ไพร้ส์นิคะ เราไปนั่งเบาะหลังกันดีกว่าคะ มาสิคะที่รัก จะมีเซอร์ไพร้ส์กว่านี้” พูดเชิญชวน ยิ้มเย้ายวน เลิกคิ้วแบบท้าทาย หล่อนเปิดประตูรถออกไปแล้วไปยังประตูหลัง วีรพลกดปลดล้อคประตูแล้วก็ขยับออกตามหล่อนไปที่ประตูหลังอีกด้านตรงข้ามกัน ทั้งๆ ที่ยังเก้ๆ กังๆ เพราะกางเกงมันถูกรูดลงไปครึ่งขา ค่อยๆ รั้งขอบกางเกงขึ้นเปิดประตูหลังเข้าไปนั่งบนเบาะหนังชนิดดีเยี่ยมราคาแพงสี เปลือกไข่ออกเหลืองจางๆ
“ภาวันนี้มีอะไรเนี่ย ถึงได้ทำแบบนี้”
“ก็แค่อยากให้ที่รักได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เราไม่ได้มีอะไรกันหลายวันแล้ว ภาอยากให้พลได้ผ่อนคลายบ้าง อย่าถามมากเลยคะ” แล้ววิภาวรรณก็เข้าโน้มคอเขาประกบจูบอีก คราวนี้วีรพลตั้งตัวติดก็ตอบรับอย่างรู้ใจ วิภาวรรณจูบเขาไปด้วย และก็ค่อยๆขยับตัวไปนั่งทับบนตักเขา วีรพลก็ช่วยรั้งขอบกระโปรงที่ยาวเลยเข่าลงไปสักสองสามนิ้วรูดขึ้นจนถึงเอว เพื่อให้หล่อนได้ขยับถ่างขานั่งคร่อมทับเขาได้ถนัดอย่างรู้อกรู้ใจกันเป็น อย่างดี ทั้งคู่ต่างคลุกเค้าใบหน้าจูบกันอย่างดูดดื่ม วิภาวรรณค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อสูทที่ใส่ทับด้านนอกแล้วถอดออกทิ้งไปทางด้านหลัง คงเหลือแต่เสื้อซับในสีขาวบางจนมองเห็นบราเซียที่มันห่อหุ้มเนินอกกลมกลึง เป็นเต้างามไว้ วีรพลก็เลาะเม็ดกระดุมเสื้อซับในตัวนั้นออกไปจนหมดแล้ววิภาวรรณก็ถอดซับใน ตัวนั้นทิ้งตามเสื้อสูทไป คงอวดแต่บราที่มันรั้งเต้าจนอวบอัดกลมกลึง ทั้งคู่เหมือนกับทำงานเป็นทีมเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี วีรพลอดใจไม่ไหวรีบคว้าหมับที่เต้ากลมบีบเค้น ปากก็พรมจูบสลับเต้านมซ้ายขวา วิภาวรรณก็แอ่นอกสู้การเล้าโลมของเขา สะโพกก็ส่ายร่อนจนแท่งเนื้อเอ็นที่แข็งโด่เสียดสีอยู่ตรงหว่างขาไปตามหน้าขา ของวิภาวรรณ ปล่อยให้เขาเม้มดูดนมจนหนำใจแล้ว วิภาวรรณก็ตวัดแขนข้างหนึ่งไปข้างหลัง คว้าลำเขื่องของหมอหนุ่มกำรูดเล่น พร้อมทั้งโยกส่ายตัวเองให้เสียดสีกับเขาไปเบาๆ บรรยากาศตอนนี้เริ่มอบอ้าวมากขึ้น วีรพลเองยังมีอาภรณ์อยู่ครบคงมีแต่กางเกงที่ถูกถอดรูดลงไปครึ่งขาเหมือนตอน นั่งเบาะหน้า เขาจึงกดปุ่มกระจกไฟฟ้าให้บานกระจกเลื่อนลง วิภาวรรณหยุดนิ่งไปสักพักมองหน้าเขาด้วยรอยยิ้มหวาน
“เป็นไงคะ พ่อนักกีตาร์ยอดรัก ตื่นเต้นมั้ยคะ” หล่อนถามเขาเสียงหวานจ๋อย
“มากๆ เลย ผมไม่คิดว่าภาจะกล้าทำแบบนี้”
“คิคิคิ ภาก็เพิ่งครั้งแรกเหมือนกันคะที่ทำแบบนี้ บอกแล้วไงคะว่ามีเซอร์ไพร้ส์”
แล้ววิภาวรรณก็กระโหย่งตัวยืนเข่าที่คร่อมทับตักชายหนุ่มต่างวัยหวานใจของ หล่อน หล่อนค่อยๆ จับขอบกางเกงชั้นในที่เหลืออยู่แหวกออกเบี่ยงไปข้างหนึ่งแล้วใช้นิ้วคลึง ขยี้ร่องแคมสวาทของตัวเองจากนั้นก็จับลำลึงค์อวบใหญ่ตั้งให้ตรงแล้วหย่อน กายลงอย่างละเมียดมันค่อยมุดเข้าไปอย่างช้าๆ วิภาวรรณส่ายร่อนสะโพกไปด้วย แอ่นอกเบียดกับใบหน้าเขาไป ใบหน้าหล่อนเชิดหลับตาพริ้ม เผยอปากครางซี้ด วีรพลนั่งพิงติดเบาะอยู่ได้แต่กัดฟันซี้ดปากด้วยความเสียวซ่าน แล้วก็เอามือมาประคองใบหน้ารูปไข่ขาวนวลที่เริ่มจะแดงก่ำไปหมดแล้ว ดึงเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน ได้ยินแต่เสียงทั้งคู่ครางในลำคอ วิภาวรรณบดส่ายเอวและสะโพกซ้ายขวาขึ้นลงบดบี้กับแก่นกายของคนรักพลิ้วไหว เป็นลอนคลื่นปานนักเต้นไร้กระดูก ไม่ได้เร่งร้อน ช่างเป็นภาพที่เย้ายวนชวนฝันยิ่งนัก หล่อนทำไปอย่างเนิบนาบช้าๆ แต่คนที่แทบจะคลั่งตายคือวีรพล ยิ่งหล่อนทำช้าๆ เท่าใด ความกระสันของเขาก็ยิ่งเพิ่มทวี ตอนนี้เขายังไม่สามารถควบคุมจังหวะได้ จึงปล่อยให้แม่สาวใหญ่หน้าหวานบรรเลงเพลงรักเพลงสวาทไปในรูปแบบสโลวๆ
“ภาจ๋า อูย......ผมแทบจะไม่ไหวแล้วนะ ทำไมวันนี้ภาไม่เร่งรีบเลย นี่เราจะกลับถึงบ้านค่ำมืดนะ อ่ะ...อา....อูยย.....ภาจ๋า”
“จะรีบไปไหนคะที่รัก เรามามีความสุขกันดีกว่า อ่ะ...อูยยยยย....อยู่เฉยๆ ภาจะทำให้พลเองนะคะ อาาว์...ท่อนของพลมันเข้าจนมิดลำ คับแน่นไปหมดเลยที่รัก อูย.....ซี้ดดดดดส์” หล่อนยังคงร่อนส่ายสะโพกบดร่างของชายคนรักอย่างนิ่มนวล แต่เริ่มจะหนักแน่นขึ้นเรื่อย เพราะหล่อนค่อยๆ แอ่นก้นขึ้นสูงจนขอบแคมโยนีที่อ้าอมท่อนเขื่องแทบจะสุดปลายลำแล้วกดลงยวบ ท่อนของวีรพลก็ถูกกลีบแคมคาบอมไปจนมิด มองเห็นร่องแคมของหล่อนแทบปริถึงรูก้นด้วยความอวบใหญ่ของมัน
“อูววว...ภาจ๋า ผมเสียวไปหมดแล้ว เมียจ๋า....อาาว์” วิภาวรรณไม่ได้ตอบได้แต่ส่งยิ้มและส่งเสียงหัวเราะในลำคอแหลมเล็ก หล่อนเอาใบหน้าเคลียคลอหน้าวีรพลไปมา ผมเผ้าสยายปรกใบหน้าเขาไปหมด วีรพลค่อยๆ หาทางขยับกายแล้วคว้าสองมือไปโอบที่สะโพกกลมกลึงรั้งไว้ พอได้จังหวะเขาก็เริ่มออกกำลังบั้นเอวเด้งสวนแต่ก็ไม่ได้เร็วอย่างที่เขา อยากทำได้นัก แต่ก็หนักหน่วงพอดูเพราะไม่ถนัด ขาเขายาวเก้งก้าง ตอนนี้มันไม่สามารถเหยียดออกได้สุดเพราะติดเบาะหน้า
“พลจ๋า ภาแน่นรูไปหมดเลย อูยย.....ที่รัก....ของพลมันอวบใหญ่คับแน่นของภาไปหมดเลย ที่รักจ๋า...อุ้ย.....อย่าเพิ่งกระเด้งแรงสิคะ ภาก็เสียวสยิวเหมือนกัน”
วีรพลก็แปลกใจเหมือนกันว่าแม่สาวใหญ่หวานใจของเขามาไม้ไหนกันแน่ ปกติที่ผ่านมาถึงขึ้นนี้แล้ว คำหยาบโลนหลุดออกจากปากอวบอิ่มเย้ายวนนั้นแทบนับไม่ทัน แต่คราวนี้มาในแบบคำเรียบๆ สำเนียงก็ออดอ้อนหวานหู แต่ก็ทำให้เขาเสียวกระสันไปอีกแบบ แล้ววิภาวรรณก็ถอนกายออกไปนั่งอยู่ข้างกายเขาเกี่ยวรั้งให้เขาขยับมาทาบตัว หล่อนบ้าง วีรพลสุดจะกลั้นความรู้สึกตั้งนานแล้วเขารีบถอดกางออกหมดแล้วทิ้งไว้บนเบาะ พอได้จังหวะที่เขาจะคุมเกม ก็จับสองขาที่ขาวนวลผ่องเนียนไปทั้งช่วงขา เพราะหล่อนใส่ถุงน่องอยู่ด้วยแบะแยกออกเล็กน้อยพอที่เขาจะแทรกร่างไปตรง หว่างขาได้แล้วยกดันให้โย้ไปข้างหน้าจนหัวเข่ามันแนบหน้าอกวิภาวรรณ แต่กระนั้นวีรพลก็ขยับตัวไม่ค่อยถนัด เพราะว่าตัวเขาสูงใหญ่ แค่เขายันย่อเข่าไว้ที่ขอบเบาะหลัง หัวเขาก็ชนกับหลังคารถแล้วจึงต้องโก่งตัวโน้มไปหาวิภาวรรณที่ตอนนี้อยู่ใน ท่าตัวงอแทบจะเป็นกุ้งทีเดียว คราวนี้หล่อนไม่มีทางขยับตัวได้ถนัด วีรพลก้มมองตรงหว่างขาวิภาวรรณเห็นร่องแคมแบะอ้าเล็กน้อยท้าทายเจ้าชะโด ยักษ์ของเขาอยู่ ตรงร่องหลืบมีน้ำเมือกใสๆ เยิ้มออกมา เขาก็จรดจ่อปลายท่อนรักแล้วจับรูดเอาหัวบานหยักถูเล่นหน้าปากถ้ำไปมา
“อ่ะ...โอย......ที่รักขา.....ยัดใส่เข้าไปสิคะ ภารอให้พลยัดเข้าไปจนทนไม่ไหวแล้ว จะทำอะไรก็ทำเถอะ พลจ๋า อูยย....อย่างนั้นแหละคะ อืมม....มันแน่นไปหมด อูยย.....พลจ๋า”
วีรพลสอดเสียบท่อนรักเข้าไปได้ก็ค่อยๆ เริ่มกระแทกทิ่มแทงแบบยาวๆ เนิบๆ เหมือนกับที่วิภาวรรณทำกับเขา เขาค่อยๆ ถอนลำเขื่องออกมาเกือบหมดลำแล้วก็กดพรืดเข้าไป วิภาวรรณสะท้านไปหมดทั้งกาย บิดส่ายหน้าด้วยความเสียวสยิว ถึงแม้เขาเองจะเสียวกระสันแทบจะกลั้นไม่อยู่แล้วแต่ดูเหมือนการทำแบบนี้ก็ ชะลอให้ช้าได้มาก ตอนนี้สองไหล่เขาแบกขาเรียวที่มีถุงน่องเนียนสวยหุ้มอยู่เริ่มกระแทกกระทั้น ถี่ขึ้นเรื่อยๆ วิภาวรรณได้แต่มองหน้าเขา หน้าเริ่มบิดเบี้ยวเหยเก ปากเผยอครางซู้ดซี้ดออกมาดังขึ้นเรื่อยๆ โพรงสวาทหล่อนเริ่มบีบกระชัดตอดท่อนลำของเขาอยู่ตุบๆ
“พลจ๋า....ภาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว อูยย.....แรงๆ ได้แล้วที่รักจ๋า...”
“ผมก็เหมือนกัน ของภามันบีบกระชับหนุบๆ ที่หัวปลายของผมแล้ว โอ้ว.....ภาจ๋า... ของภามันช่างดีอะไรอย่างนี้ อาาว์”
“ของพลก็เหมือนกัน มันคับแน่นเสียดสีร่องภาจะสยิวไปหมดแล้ว ที่รัก อะ. อ๊ายยยย.... พลจ๋า แรงๆ ได้แล้วค่ะ แรงอีกๆ อ๊า.....”
วีรพลเหงื่อแตกพลั่ก เริ่มจะกัดฟันขบกรามหนักขึ้นจนคอมีเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นมา กล้ามแขนก็เกร็งแน่น มองเห็นกล้ามโปนเป็นมัด เขารวบรวมกำลังใส่บั้นเอวส่งแรงกระแทกแรง หนักหน่วง และเพิ่มความเร็วขึ้นเท่าที่จะทำได้มากที่สุด แต่ก็ทำเอาเบ๊นซ์คันหรูสีดำเคลือบมันเงาวาววับโยกคลอนไปทั้งคัน
“ภาจ๋า......ผมจะทนไม่ไหวแล้ว ขอผมเสร็จแบบนี้เลยนะ”
“คะที่รัก ภาก็เหมือนกัน อา.....อึ้ยยย. พลจ๋า.....ภา จะ.....แรงๆ เลยคะที่รักขา..เราขึ้นสวรรค์พร้อมกันนะจ๊ะ ..อู้ยยยย...”
“อ๊า....ผมจะเสร็จแล้ว เมียจ๋า....”
“อ๊าย.......พลจ๋า.....พลจ๋า....” วิภาวรรณหวีดร้องได้ไม่กี่คำ ก็สะดุ้งเฮือกเกร็งร่างประหนึ่งว่าหยุดหายใจไปชั่วขณะ ห้วงเสียงขาดหายไปเป็นครู่ใหญ่จึงค่อยได้ยินเสียงหล่อนผ่อนหายใจยาวออกตา ปรือคอพับหมดแรง ได้ยินแต่เสียงหายใจรวยริน ร่องสวาทหล่อนยังคงบีบกระชับยวบยาบส่งผลให้วีรพลก็สุดทานทนออกแรงกระแทกไม่ กี่ทีทำนบแห่งกามความใคร่ก็พังกระฉูดพรั่งพรูสู่ถ้ำสาวสาวใหญ่คนรัก เขาบดเบียดแก่นกายไว้ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยเรียวขาทั้งสองลงแล้วขยับไปนั่ง ที่เบาะข้างวิภาวรรณ หล่อนเองก็เข้าแนบประชิดข้างไหล่เขาแล้วค่อยๆ ซบหน้าไปที่อกเขาที่ยังหายใจหอบอยู่ เอามือจับรูดเนคไทค์เล่น สงครามแห่งความใคร่จบลงอย่างวาบหวามซาบซ่าน พอเริ่มจะเรียกเรี่ยวแรงกลับคืนมาได้ วีรพลก็หัวเราะคิกคักออกมาโดยที่ยังคงกอดร่างเปลือยเปล่าของวิภาวรรณอยู่
“หัวเราะทำไมคะ?? หืมม..” หล่อนผงกหัวเหลือบช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างหยาดเยิ้ม ใบหน้าหล่อนตอนนี้มองเห็นพวงแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อน่าฟัดจูบ ริมฝีปากเปี่ยมไปด้วยยิ้มหวานละมัย มือก็ไล้นิ้วเรียวลูบไปตามสันกรามและคางของเขาที่มีไรหนวดเคราจางๆ อย่างหลงใหล
“ไม่นึกว่าเราจะกล้าทำแบบนี้ได้นะสิ ที่รัก เล่นนอกสถานที่แบบนี้ เกิดใครมาเห็นจะว่าไงเนี่ย”
“คิคิคิ ลืมไปแล้วเหรอคะว่าภาเป็นเจ้าถิ่น แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านหรอกคะ ภาถึงกล้าพาพลมาที่นี่ อยากพาที่รักเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง แล้วดีมั้ยล่ะคะ คิคิคิ”
“ร้ายจริงนะเมียผมเนี่ย เห็นหน้าหวานๆ ใครจะคิดละเนี่ย ว่าภาจะกล้าทำแบบนี้ได้ หื๊อ......” เขาจับบีบปลายคางมนของหล่อนแล้วขยี้เบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“เพื่อให้ที่รักมีความสุข ภาทำได้อยู่แล้ว อีกอย่างที่บ้านเราก็เริ่มจะมีคนมาอยู่ด้วยแล้ว ภากลัวเค้าเห็น หลายวันแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ พลก็ทำแต่งาน ภาก็เอาแต่ป่วย ตอนนี้ภาดีขึ้นมากแล้ว เลยอยากจะให้ของขวัญตอบแทนเพลงกล่อมสุดแสนโรแมนติกที่เป็นยาวิเศษให้กับภา”
“อืมม...แล้วตกลงว่า ภาเป็นแค่โลหิตจางแน่นะ ไม่ได้มีอย่างอื่นนะ ผมอาจจะขี้ระแวงไป ผมมองตาเจ้าธรแล้วมันก็พูดอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนมีอะไรปิดบังผม แต่มันยังไม่อยากบอก” ได้ยินคำถามวิภาวรรณก็ทำสีหน้าวูบไปนิด รีบหลบตาเขาหาคำพูดกลบเกลื่อน
“ภากับแพรก็อยู่ในห้องตรวจ แล้วภาจะปิดทำไมละคะ พลสบายใจเถอะนะคะ ภาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ อย่าห่วงกังวลไปเลย เชื่อภาเถอะ รับรองได้ นะคะที่รักขา...” มือหล่อนลูบไล้ไปตามหน้าอกเขาแล้วก็เลื่อนไปจับคางเขา ยื่นหน้าขึ้นไปจูบกับเขาอย่างเอาใจ
“จ๊ะ แค่นี้ผมก็สบายใจล่ะ ไปเถอะ นี่ก็จะมืดแล้ว ที่บ้านคงรอกันนานแล้วล่ะ ไม่ได้โทรไปบอกพวกเขาไว้ก่อนด้วย”
“ค่ะ ที่รัก” แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันจัดแจงทำความสะอาด เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดตามร่างกายวิภาวรรณและที่เป้ากางเกงวีรพล วิภาวรรณก็จัดแจงสวมเสื้อผ้าจัดระเบียบจนดูว่าเรียบร้อยหมดแล้วก็ลุกไปนั่ง เบาะหน้าคู่กับวีรพล และก็ฉีดน้ำหอมเพิ่มกลิ่นให้หอมอบอวลไปทั้งคัน แล้ววีรพลก็ออกรถพาคนรักกลับไปยังวิมานรักของตน..............

เวลาผ่านไปเกือบเดือน ธนธรณ์ก็ยิ่งวุ่นวายไปหมดทั้งงานที่โรงพยาบาลแถมต้องวิ่งรอกเรื่องเตรียมงาน แต่งงานของเขากับแพรวา เทียวพาแพรวาไปดูชุดเจ้าสาว ติดต่อโรงแรมเกี่ยวกับเรื่องการจัดโดยอันที่จริงเขาจัดงานที่บ้านของพ่อเขา แต่ได้ขออาศัยของที่ใช้จัดงานไปจัดที่บ้านก็เลยพอถึงเวลาเลิกงานเขาต้องรีบ วิ่งรถออกไปตามที่ต่างๆ ทั้งแจกการ์ดวุ่นวายไปหมด เพราะพ่อของธนธรณ์ก็เป็นนักธุรกิจมีเพื่อนฝูงและคนรู้จักสนิทสนมมากมาย ถึงแม้แพรวาก็คอยช่วยเหลือแบ่งเบาภาระแล้วก็ตาม อีกทั้งวิภาวรรณก็คอยช่วยอีกแรง โดยหล่อนอาสาให้คนที่ร้านขายของปิดร้านไปช่วยงานที่บ้านถึง 3 วันตัววิภาวรรณเองก็จะคอยช่วยเหลืองานทางด้านฝ่ายเจ้าสาวไปด้วย อีกทั้งวีรพลก็ให้คนงานที่เพิ่งเข้ามาทำงานร่วมเดือนไปช่วยอีกแรง ตัววีรพลเองจะขอช่วยงานต้อนรับแขกเหรื่อและเรื่องเตรียมสถานที่และดูแลจัด เตรียมพิธีการร่วมกับพ่อของธนธรณ์ก่อนวันงาน 2-3 วัน ช่วงที่ผ่านมาเขากับวีรพลได้เจอหน้ากันบ่อยขึ้นเพราะวีรพลไม่ได้กลับ กรุงเทพฯ เพราะยังเป็นห่วงวิภาวรรณอยู่ ธนธรณ์เองก็อยากจะบอกเพื่อนใจแทบขาดเกี่ยวกับผลการตรวจโรคของแฟนเพื่อน แต่เขารับปากกับวิภาวรรณแล้วจึงต้องปิดปากเงียบ
อีกสัปดาห์ข้างหน้าก็จะถึงวันมงคลของธนธรณ์และแพรวาแล้ว ทั้งคู่ก็ต่างรออย่างใจจดจ่อขนาดวีรพลเองก็รู้สึกดีใจและตื่นเต้นไม่น้อยไป กว่ากันทั้งๆ ที่ไม่ใช่งานของตน ตอนนี้ทั้งว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เตรียมงานเรียบร้อยหมดแล้ว วีรพลก็ปรึกษากับพ่อของธนธรณ์และเห็นพ้องกันว่าต้องให้ทั้งคู่พักผ่อนเก็บ แรงไว้วันงานเพราะกลัวเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจะเป็นซอมบี้ในวันงานไปซะก่อน
“ธร ตอนนี้อะไรๆ ก็เรียบร้อยหมดแล้ว แกก็เพลาๆ งาน เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวสุดหล่อได้แล้ว งานอื่นไม่ต้องห่วง ชั้นขอช่วยเต็มที่ เออนี่ วันนี้ไปที่บ้านชั้นมั้ยล่ะ แกไม่ได้แวะไปนานแล้ว เราไปสังสรรค์กันหน่อย ชวนน้องแพรไปด้วยนะ”
“อื้อ ขอบใจเพื่อนที่เป็นเรี่ยวเป็นแรงให้ชั้น งานแกชั้นก็ขออาสาเต็มที่เหมือนกัน อืมม...โอเค วันนี้ตอนเที่ยงเราไปที่ร้านชุดเจ้าสาวพร้อมกัน ไปรับน้องแพรแล้วก็เลยไปบ้านแก ตอนนี้ชั้นเคลียร์เรื่องตารางงานหมดแล้ว ไม่ค่อยได้ทำแล้วล่ะ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น