เพื่อความแน่ใจ
.....……..นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์จริง ที่ผมนำมาเล่ามาแชร์ และเหตุการณ์เรื่องราว ที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดในครั้งนี้ มันเหมือนการได้เปิดประสบการณ์ใหม่ของผม
…………แต่ในความธรรมดาของเธอ มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่า การเลือกที่จะเปิดใจ แล้วมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกแบบเดิม ๆ จะเคยลิ้มลองมา แล้วเข้าไปสัมผัสกับมันจริง ๆ คุณจะรู้สึกได้ถึงความต่างในอีกขั่วของอารมณ์ บางครั้งความรู้สึกในแบบนั้น คุณอาจจะไม่เคยไดัรับจากผู้หญิงในอุดมคติ ที่คุณพยามโหยหา อยากจะได้อยากจะมี
…………. เหตุการในครั้งนี้ จริง ๆ มันเกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้ว ช่วงเดือน 10 ปี 2565 จริง ๆ และเป็นช่วงที่ตัวผมกำลังปรับตัว กับงานใหม่ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด มันเกิดขึ้นในช่วงสาย ๆ ของวันสิ้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ผมได้ข้อความจากทางไลน์ ของเพื่อน "ชื่อดำ" ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกัน ไอ้ดำเป็นโฟร์แมนงานสถาปัตย์ บิวอิน แต่ในปัจจุบันมันได้ลาออกมาทำบ่อกุ้งที่บ้าน เพราะไม่มีใครทำต่อ และในข้อความไลน์ ดำได้พิมพ์มาชวนผม ให้มาดื่มกินเลี้ยงฉลองในงานวันเกิดของมัน ในวันศุกร์ที่ 2 ของเดือนกันยายน (ซี่งอีกแค่ 2 วัน) แต่ตอนแรกผมก็ได้รีบพิมพ์ตอบปฎิเสธดำไป ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะไปงานวันเกิดของเพื่อน แต่เป็นเพราะบ้านของมันอยู่ที่อยุธยา ซึ่งมันก็ไกลพอสมควร เพราะงานผมค่อนข้างยุ่ง กลัวจะไหลแค่นั้นเพราะมันจะคุยตลอดว่าแถวนี้ไม่เกิน 1200 อย่างแจ่ม สาวโรงงาน หรือถ้า 1500 นักศึกษาได้เลย ผมก็อยากจะรู้ว่ามันพูดจริงหรือโม้ แถมรอบนี้ไอ้ดำก็ยังคงพยามตามตื้อ ด้วยการพิมพ์ข้อความชวนผมต่อ เพราะต้องการชวนผมไปให้ได้ จนผมต้องแกล้งจะไม่อ่านไลน์ ที่ดำกำลังพยามพิมพ์กล่อมผมอยู่
………..พอเวลาผ่านไปจนถึงช่วงพักเที่ยง ผมก็ได้มานั่งเปิดอ่านไลน์ที่ดำได้พิมพ์ทิ้งไว้ และในเนื้อหาก็พิมพ์ข้อความประมาณว่า ในงานวันเกิดจะมีพวกสาว ๆ ที่เป็นเพื่อนของหลาน ที่เรียนเทคโนห้องเดียวกัน และอาจจะรวมไปถึงพวกสาว ๆ มหาลัยที่รู้จักกัน มาร่วมกินเลี้ยงในงานด้วย…..โอ้วววครับ….พอผมได้เห็นข้อความนั้นบนหน้าจอมือถือ ผมยอมรับตรง ๆ ว่า จากที่ผมคิดว่าจะไม่ไปจริง ๆ กลับทำให้ผมต้องมานั่งคิดหนัก เพราะการได้ไปที่นั่นแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้อะไรเลย แต่การมีพวกสาว ๆ นักเรียนนักศึกษามาร่วมวงอยู่ด้วย มันก็รู้สึกทำให้ตัวผมมีเป้าหมาย อย่างน้อยสุด ก็พอจะมีผู้หญิงมานั่งให้มองเป็นอาหารตา และที่สำคัญไปกว่านั้น จากที่ผมเคยได้สัมผัส และได้รับรู้ก่อนหน้าด้วยตัวผมเองว่า วัยรุ่นที่เป็นผู้หญิง หรือนักเรียนนักศึกษาที่อยุธยา (บางคน) ที่เป็นพวกเด็กเที่ยว อาจจะรับงานด้วย "ถ้ามึงคุยดี ๆ สามารถลากไปจบได้เลย" นี้คือคำพูดของไอ้ดำเสี่ยบ่อกุ้ง ที่ยังก้องอยู่ในหู
…………..และจนในที่สุด หลังจากที่ผมมานั่งคิด ๆ ดู ถ้าผมจะลองไปดูซักครั้ง ถ้าไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรต้องเสียหาย อย่างน้อยก็ได้ไปกินไปดื่มในงานวันเกิดเพื่อน ซึ่งผมกับดำเอง ก็ไม่ได้เจอหน้ากันนานเกือบจะ 2 ปี ผมจึงได้ตัดสินใจ ตอบไลน์เด่นกลับไปว่า "เออ...กูกำลังไป" โดยที่ดำอ่านแล้วก็พิมพ์แซวผมกลับทันที ในทำนองว่า "ถ้าไม่มีพวกสาว ๆ มึงก็คงจะไม่มา..." ส่วนผมก็รีบตอบกลับ ด้วยการพิมพ์หัวเราะกลบเกลื่อน และจากนั้นดำก็พิมพ์ต่อ โดยแนะนำให้ผมลางานครึ่งวัน แล้วขับรถออกมาเลย เพราะว่าในวันนั้นอาจจะเริ่มตั้งวงตั้งแต่บ่าย 4 โมงเย็นเลย ส่วนน้อง ๆ สาว ๆ ที่จะมาก็เลิกเรียนตั้งแต่บ่าย 2 ครึ่ง พอเลิกเรียนเสร็จก็จะตรงมาที่บ้านดำเลย ในตอนนั้นตัวผมเอง ก็ยังไม่รับปากดำว่าผมจะไปถึงที่นั่นกี่โมง
………….และพอมาถึงวันที่ จะเดินทางไปงานวันเกิดดำที่อยุธยา ในช่วงตอนเช้าผมก็ยังทำงานตามปกติ แต่พอถึงช่วงบ่าย ก็มีไลน์ของดำส่งมารัว ๆ เพื่อที่จะบอกให้ผมเดินทางมาทันที ซึ่งจริง ๆ แล้วใจผมก็อยากจะไปเลย แต่ก็ไปไม่ได้ เพราะช่างอีกคนดันมาลาป่วย แถมฝ่ายก่อสร้างก็มาขอแบบ ผมต้องปริ้นแบบให้จนเวลาก็ล่วงเลยมาถึง 5 โมงเย็น ในตอนนั้นผมรู้ตัวเลยว่าผมสายมาก
……………ในช่วงเวลาที่ผมขับรถ จากที่ทำงานไปจนถึงตัวเมืองอยุธยา ผมใช้เวลาเกือบ ๆ 3 ซม. ซึ่งในตอนนั่นเป็นเวลา 2 ทุ่ม กว่าแล้ว จึงจะได้ถึงบ้านของดำ ผมได้จอดรถที่ริมถนนทางเข้าซอย ซึ่งตรงนั้นเป็นแนวรั้วกำแพงปูนเก่า ๆ ผมมองเห็นตัวบ้านของเพื่อน ที่เป็นบ้าน 2 ชั้น ด้านบนเป็นไม้ส่วนด้านล่างเป็นปูนซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ และอีกฝั่งด้านซ้ายสุด ที่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 20 เมตร และห่างจากจุดที่ผมยืนมองประมาณ 15 เมตร จะเป็นโรงเก็บของ มีแต่หลังคา ไม่ตีฝา โดยมีสวนป่ารกร้างล้อมรอบทั้ง 2 ด้าน (ด้านฝั่งซ้ายสุด และส่วนของด้านหลัง) แสงไฟสว่างจ้า ซึ่งเป็นที่จัดงานตรงนั้นวันและในตอนนั้นเอง มองผ่านรั้วไปที่ ที่ใช้เป็นที่จัดงาน ซึ่งในตอนนั้นบริเวณด้านหน้าจะมีรถมอเตอร์ไซค์ จอดอยู่ 5-6 คัน และมีลำโพงขนาดใหญ่ตั้งคู่ด้านข้างฝั่งขวา (เหมือนกับงานบวชเลย) โดยมีคนที่มาร่วมงาน (เยอะกว่าที่ผมคิดไว้) ประมาณ เกือบ 20 คน นั่งเรียงแถวยาวที่โต๊ะไม้ยาวต่อกัน (เหมือนโต๊ะโรงอาหาร) โดยที่ทุกคนก็กำลังนั่งดื่มกินส่งเสียงเฮฮาอย่างสนุกสนาน พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม
………….และหลังจากนั้นผมจึงรีบเดิน เพื่อที่จะเข้าไปในงาน ในระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านบ้านหลังใหญ่ เพื่อที่จะไปตรงงานที่ทุกคนกำลังนั่งดื่ม…..และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง…มันทำเอาผมแทบ…..เฮ้ย ๆ……เริ่มจากเสียงเพลงที่เปิดดังกระหึ่มได้หายไป…ต่อมาภาพที่ทุกคนในตรงนั้น เริ่มทยอยลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วพากันเดินออกไปที่มอเตอร์ไซค์ พร้อมกับขึ้นคล่อมสตาร์ทรถ โดยมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นคนขับ และที่เหลือก็พากันขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย ทั้งถลกกระโปรงขึ้นนั่งคล่อมหลัง ทั้งนั่งเอียงข้างเอาหน้าซบแนบที่หลังคนขับ บางคันก็นั่งซ้อนท้าย บางคันก็มุดเข้านั่งซ้อนจากด้านหน้า บางคันก็นั่งซ้อนสอง และบางคันก็อัดซ้อนสาม จากนั้นก็ได้ทยอยกันขับมอเตอร์ไซค์ออกมามุ่งมาทางผม โดยที่ทุกคันทุกสายตาก็มองมาที่ผม ผมเองก็ได้หันไปมองตอบ ในช่วงที่เวลานั้น เท่าที่ผมจะมองเห็น สีหน้าของทุกคนที่ดูจะเต็มกราฟ ด้วยใบหน้าแดงก่ำตาลอยกันหมด จากนั้นก็ขับผ่านหน้าผมออกไปที่หน้าประตูรั้วบ้าน และขับออกไปจนลับสายตาผม …….วินาทีตรงนั้น….ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าผมจะยังไงต่อ……ทุก ๆ อย่างที่ผมมาที่นี่…ตรงนี้…..ก็เพื่อมัน….และมันก็ได้หาย สลายไปต่อหน้าต่อตาผม……มันเป็นช่วงเวลาที่ผมยืนมึนจริง ๆ "นี้งานมันเลิกเเล้วนี้หว่า...อะไรว่ะ"
……………..พอหลังจากช่วงนาทีนั้นมา โดยที่ตัวผมเองก็ยังมึน ๆ งง ๆ และยังไม่รู้จะเอายังไงต่อ…แต่ผมก็ยังคงเดินต่อไปที่โต๊ะ ซึ่งในตอนนั้นที่โต๊ะก็เหลือกันแค่ 2 คนคู่ชาย-หญิง ที่กำลังนั่งเอาหลังพิงขอบโต๊ะและมองมาที่ผม โดยที่ผู้ชายตัวผอมสูง ผิวสีแทน หน้าตาเหมือนคนแขก รูปหน้ายาวเบ้าตาลึกและคิ้วหนาเข้ม ตัดผมทรงสกินเฮด ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นผูกเนคไทสีกลมท่า และใส่กางเกงขายาวสีกลมท่า ส่วนทางด้านผู้หญิง เป็นคนรูปร่างตัวเล็ก (ไซน์มินิ ) ผิวตัวขาว หน้าตาจะดูออกแนวแอบเปรี้ยวหน่อย ๆ ตาโต (ใส่Bigeye) ใส่เหล็กดัดฟัน และในตอนนั้น เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวแขนสั้น ติดกระดุมสีเงิน ห้อยโบว์ที่คอ เป็นโบว์สีเขียวขี้ม้าปลายโบว์สีแดงและมีเส้นลายแถบสีขาว ส่วนด้านล่างเป็นกางเกงขาสั้นสีดำ (เหมือนเธอจะถอดกระโปรงออก แล้วใส่กางเกงขาสั้นแทน) และในจังหวะที่ผมเดินมาถึง 2 คนนั้นก็รีบลุกขึ้นยกมือไหว้ผม ผมก็รับไหว้ จากนั้นก็ได้แนะนำตัวกันและกัน ผมถึงรู้ว่าผู้ชาย "ชื่อเอ" ซึ่งเป็นหลานชายของไอ้ดำตัวแสบเพื่อนผม ส่วนผู้หญิงคือแฟนเอ "ชื่อนิว"
…………..และในตอนนั้น ตัวผมเองก็ยังไม่เห็นไอ้ดำ เลย ตั้งแต่ผมเดินเข้ามา ผมจึงถามเอว่า "น้าดำหายไปไหน" โดยเอก็เล่าให้ผมฟังประมาณว่า "น้าดำเริ่มกินเหล้าตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง จนกระทั่งน็อคหลับตาโต๊ะ เดี๋ยวก็ฟื้น 555" เอว่าเหมือนจะอยากให้ผมอยู่รอน้าของเขา และเอก็ได้เล่าต่อว่า "จริง ๆ น้าดำรอน้าตั้งแต่บ่าย จนคิดว่าตัวผมจะไม่มา ส่วนทางเอและเพื่อน ๆ ก็มาถึงช่วงบ่าย 3 โมง และก็นั่งกินกันอยู่หลายชั่วโมง น้าดำเลี้ยงเหล้าตั้งลังนึงนะครับ แกได้กุ้งเยอะ" และที่ยิ่งไปกว่านั้น เอก็ได้พูดบอกกับตัวผมตรง ๆ ว่า "จริง ๆ เอกับนิว ก็กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านตามเพื่อน ๆ เหมือนกัน"
………….ในช่วงเวลาที่ผมได้ยืนฟังที่เอเล่ามา ผมบอกได้อย่างเดียวว่า "คืนนั้นผมพลาดมาก...ที่มาช้าเพราะไม่คิดว่าวัยรุ่นเค้ากินกันเร็วแบบนี้" ดวงตาผมมันเหมือนมันมืดบอดลง มองไม่เห็นทางแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตรงนั้นมีไฟสว่างจ้า ...และก็มีทางเลือกเดียวในตอนนั้น ซึ่งนั่นก็คือ "จะรอให้ดำฟื้นดีไหม" ในจังหวะที่ตัวผมกำลังยืนมองไปบนโต๊ะ ที่มีจานชามพลาสติก ที่ใส่กับแกล้มวางเกลื่อนกลาด เอกับนิวกำลังช่วยกันเก็บ แต่อยู่ ๆ นิวแฟนเอ ก็ได้พูดขึ้นมาว่า "น้าค๊ะ ไหน ๆ น้าก็มาถึงแล้ว น้าน่าจะนั่งดื่มรอน้าดำก่อน เหล้ายังเหลือออยู่เพียบ โซดาน้ำแข็งก็เหลืออีกเยอะ เดี๋ยวพวกนั่งดื่มเป็นเพื่อน" ในตอนนั้นผมได้ยินที่นิวพูด ผมหันไปมองไปที่ 2 คนนั้น แล้วยิ้มตอบ ด้วยอารมณ์ที่เซ็ง เดียวไอ้ดำคงจะตื่น ถ้าไม่ตื่นผมจะไปลากมันเอง ผมคิดในใจ ในจังหวะเดียวกันเอก็บอกให้ผมนั่งลงก่อน จากนั้นเอก็เดินไปหยิบแก้วใหม่มา ตามด้วยการเตรียมชงเหล้ามาให้ผมดื่ม…และในตอนนั้นผมก็นั่งที่หัวโต๊ะ โดยมีนิวนั่งใกล้ ๆ ผมด้านฝั่งขวามือผม ถัดไปก็เป็นเอนั่งติดกับนิว เพื่อเป็นมือชงเหล้า
……………ในขณะที่ผม 3 คนกำลังเริ่มนั่งดื่มได้ไม่ถึง 5 นาที และจังหวะนั้นเอง ก็มีผู้หญิงอีกคนเดินเข้าที่โต๊ะจากทางด้านหลังเอกับนิว….และก็ยืนหันมามองที่ผม ด้วยสีหน้าที่สงสัยว่าผมเป็นใคร ในขณะเดียวกันนิวก็ได้นั่งหันหลังกลับ พร้อมกับรีบแนะนำเธอให้ผมรู้จักว่านี่คือเพื่อนเธอ "ชื่อแนน" และก็ได้แนะนำตัวผมให้แนนรู้จัก………โอ้ววว....ครับ…..ในห้วงเวลานั้น….สำหรับผม…..ที่ผมกำลังนั่งเซ็ง ๆ สิ่งดี ๆ ก็เกิดขึ้นแล้ว…….เพราะภาพแนนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม…….แม่เจ้า……ในวินาทีที่ผมเห็นแนนครั้งแรก เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวใหญ่ หุ่นขนาดที่เรียกได้ว่า "ไซส์ XL เธอสูงน่าจะเกิน168 ซม. รอบเอวน่าจะ35"-36" ช่วงสะโพกก็น่าจะเกิน 42" ส่วนหน้าอกเธอกลับไม่ได้ใหญ่ตามตัวเธอ (ดูแล้วน่าจะคัพแค่ c ) ส่วนในเรื่องหน้าตาแนน โดยทีเธอมีใบหน้าที่กลมใหญ่ ใส่เหล็กดัดฟัน จมูกมีดั้ง ช่วงหน้าผากนูนและกว้าง ไว้ผมยาวประบ่าเสยผมทัดหู และที่สำคัญมี 2 กระพุ้งแก้มที่เห็นได้ชัด ที่แก้มมีรอยจุดผื่นแดงจากการเป็นสิว แม้ว่าเธอพยามจะปัดแก้มชมพู และทาปากด้วยลิปสติกสีแดง คือเธอหุ่นพอ ๆ กับ วิ ถ้ามองข้างหลังคิดว่าคู่แฝดแน่ ๆ
………….ในตอนนั้นแนนยืนถือเสื้อสูทสีกลมท่า ซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มนักเรียนพานิชย์ แบบเดียวกับชุดที่นิวใส่ ด้านบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ทรงสอบรัดแนบตัว ติดกระดุมสีเงิน และคล้องโบว์ที่คอ ส่วนด้านล่างเป็นกระโปรงทรงเอ สีกลมท่าเข้มสั้นเลยเข่าขึ้นมามากพอสมควร และล่างสุดเป็นรองเท้าเป็นคัชชูส้นสูงสีดำหัวตัด……ตรงช่วงหน้าท้อง ที่รัดด้วยแนบด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ทับในกระโปรง มองเห็นเป็นรูปพุงยื่นนูนโค้งออกมา จนถึงโหนกสามเหลี่ยม ที่รัดแน่นด้วยกระโปรงทรงเอสีกลม รวมไปถึง 2 ต้นขาใหญ่ๆที่ดูชิดติดกัน (แม้จะไม่เบียดหรือย้วยแบบคนอ้วนฉุเหมือนตุ้ม ) และยิ่งไปกว่านั้น ตรงหน้าหน้าแข้งแนน ก็มีเส้นขนขาอ่อนบาง ๆ ขึ้นอยู่ประปราย และส่วนรองเท้าคัชชูสีดำด้าน ที่มันกลับเล็กน่าจะเบอร์ 36-37" ซึ่งทำให้แนน ยังดูโอเค และส่วนสูงที่เธอมีทำให้ หุ่นดูไม่บวมไปมากกว่านั้น
………….ระหว่างที่ผมนั่งมองที่ตัวแนน ในจังหวะที่นิวกับเอ ก็นั่งหันมาพูดกล่อมให้แนนอยู่ดื่มกันต่อ และตัวแนนเอง ก็ยืนอมยิ้มขมวดคิ้วคิดซักพัก สุดท้ายเธอก็ยอมร่วม ที่จะกลับมาดื่มต่อกับผม 3 คน โดยที่แนนได้เดินอ้อมหลังผม แล้ววางสูทลงที่ม้านั่งยาว พร้อมกับก้าวขาเข้ามานั่ง ที่ด้านซ้ายมือผม ตรงข้ามตัวนิวที่นั่งด้านขวา และจังหวะที่แนนนั่งลงเสร็จ อยู่ ๆนิวก็พูดขึ้นกับผมว่า "น้าค๊ะ...พี่แนนยังโสดอยู่นะ...น้าชอบเด็กไหมคะ...จีบได้นิสัยดี 555 (นิวหัวเราะ)" พอนิวพูดจบ แนนก็พูดขึ้นสวนทันทีว่า "มึงอีบ้า ๆ ขายของเก่งจริง แต่มึงลืมรึเปล่า...ว่าน้าเขายังไม่เมา และต่อให้น้าเขาเมาเขาคงจะเอากูหรอกน่ะ" ทุกคนได้ยินก็หัวเราะ ส่วนผมกลายเป็นน้าของพวกเขาเหมือนกับไอ้ดำเพื่อนของผม และในระหว่างที่นั่งดื่มกัน ผมก็เพิ่งได้รู้ว่า แนนอายุ 20 ปี เองและจริง ๆ เธอควรจะเรียนปวส. 2 แล้ว แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุรถล้มแขนหักก็เลยหยุดเรียน จึงกลับมาตามเรียนเก็บใหม่ และอยู่แค่ชั้น ปวช. 3 ห้องเดียวกับเอและนิว
……………แต่พอหลังจากผมดื่มไปเรื่อย ๆ จนเวลาผ่านไป ถึง 3 ทุ่มกว่า ๆ…..ตอนนี้ผมเองกลับรู้สึกค่อย ๆ สนุกขึ้น เพราะในตอนนั้นผมก็นั่งฟัง นั่งคุย นั่งพูด กับ 3 คนนั้นมากขึ้น ผมก็ได้รับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ของ แนนและนิวที่แชร์ให้ฟัง เรื่องการนินทาลับของเพื่อน ๆ ที่เรียนห้องเดียวกัน รวมไปถึงคนที่มาแล้วกลับไปก่อนหน้า ว่าใครแอบคบใคร ใครแทงหลังเพื่อน หรือแม้กระทั้งใครพยามจะแย่งแฟนเพื่อน ซึ่งผมก็นั่งฟังจนผมรู้สึกผมกลายเป็นส่วนหนึ่ง เป็นพวกเดียวกับแนนและนิวไป โดยไม่รู้ตัว (ฟังแล้วเพลินดี) เรื่องของวัยรุ่นที่ผมผ่านมานานมาก
……………ในช่วงเวลานั้นผมก็รู้สึกว่า นิวกับแนน ก็ได้พยามเอาใจผมตลอด โดยการพยามชวนผมคุย และก็พยามหาอะไรในครัวมาให้ผมกิน ยิ่งโดยเฉพาะตัวแนน เธอทำเหมือนคุ้นเคย แบบที่ตัวผมเองก็รู้สึกได้เลย เช่นการโน้มตัวเข้ามาที่ตัวผม แล้วยกมือเอานิ้วชี้มาจี้ที่เอวผม ในตอนที่ผมแกล้งอำ และใช้มือขวาเธอมาตีมือซ้ายผม ตอนจะเอาแก้วเหล้าผมไปชงใหม่ และยิ่งไปกว่านั้น มีจังหวะที่เธอหัวเราะในสิ่งที่ผมพูด เธอพยายามโน้มตัวเอามือขวาเธอมาจับที่แขนซ้ายผมจับแบบข้างไว้ แล้วก้มหน้าซบลงไปที่โต๊ะแล้วหัวเราะ……ซึ่งจริง ๆ ถ้าไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่รู้สึก ก็คงเหมือนเพื่อนที่สนิทกันทำปกติ….แต่สำหรับผมที่ไม่ใช่เพื่อนเธอ มันจึงทำให้ผมมีความรู้สึกบ้าง..แต่ในตอนนั้นผมก็คิดว่าคงจะได้อะไรติดไม้ติดมือบ้างแล้วแหละ ในบรรยากาศที่กำลังเพลิน ๆ ตัวผมเองก็รู้สึกหน้าตึง ๆ เพราะเมา และในจังหวะที่ผม อยากสูบบุหรี่ แต่ตอนนั้นผมเกรงใจ 3 คนที่ไม่สูบ ผมจึงลุกขึ้นยืน ไปหยิบเก้าอี้พลาสติก จับยกเดินไปนั่งที่ด้านหน้า ถัดจากหลังนิวที่นั่งมาประมาณเมตรกว่า ๆ…โดยที่ผมนั่งหันหน้าไปทางโต๊ะที่ทุกคนกำลังนั่งกัน…….ในจังหวะที่ผมกำลังนั้งลงแล้วยกไฟแซ็คขึ้นจุดบุหรี่…ในวินาทีนั้น สายตาผมเหลือบขึ้นไปมองที่หลังนิว และได้มองผ่านตัวนิว (ที่ตัวเล็กอยู่แล้ว)…..โอ้วววครับ…….แม่เจ้า….สิ่งที่ผมมองเห็น ทำเอาตัวผมถึงกับสดุ้ง……ภาพที่แนนนั่งเอามือ 2 ข้าง งอแขนวางราบซ้อนทับกันบนโต๊ะไม้ แล้วนั่งในท่าแอ่นตัวไปด้านหน้า เอาหน้าอกแนบขอบโต๊ะแล้วกางขาสองข้างออก….แบบที่เรียกได้ว่านั่งแหกขาไม่ใช่แค่นั่งถ่างปกติ….ทำให้มองเห็นจนสุดโคลนต้นขาอ่อนขาวๆขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง แหวกกางออก 90 องศาเป็นช่องเปิดโล่ง จนมองไม่เห็นแม้แต่ชายกระโปรงสีกลมท่า เพราะถูกรั้งขึ้นไปเสมอที่หน้าท้อง มีแต่ชายเสื้อเชิ้ตสีขาวทั้งสองข้าง ที่ยัดใส่ในกระโปรงได้แล๊บปริ้นออกมาแทนที่…และระหว่างช่องว่างตรงกลางชายเสื้อทั้ง 2 ฝั่งที่แล๊บออกมา ก็มีโหนกหีขนาดใหญ่โผล่ออกมาจาก 2 ง่ามต้นขาใหญ่ ๆ (โผล่ออกมาทั้งเป้า) พร้อมกับกางกางในสีชมพูเข้มที่ห่อหุ้มรัดแน่นที่เป้าหีแนนอยู่………ชัดเจนมาก…..และแสงไฟตรงนั้น ก็มีมากพอที่จะส่องไปถึงตรงจุดนั้น……แบบที่ไม่ต้องเพ่งตามองให้เหนื่อย ....และในวินาทีที่ผมมองเห็นเป้าหีของแนน ผมยอมรับว่าผมเริ่มมีอารมณ์เงี่ยน…..พร้อมกับควยผมก็โด่แข็งขึ้นตาม ในสิ่งที่ผมมองเห็น
………….ในระหว่างที่ผมนั่งสูบบุหรี่ พร้อมกับเหล่มองที่ช่องโล่งระหว่าง 2 ขาแนน และตัวแนนเองที่กำลังนั่งคุยต่อกับนิวและเอ ก็ได้นั่งเปลี่ยนอิริยาบถไปเรื่อย ๆ โดยมีตัวผมได้นั่งลุ้นนั่งมองตามตลอด ในจังหวะที่เธอ ทั้งนั้งขยับต้นขาใหญ่ ๆ หุบเข้า-หุบออก ทั้งนั่งลูบต้นขาด้านใน รวมทั้งจับยกขาซ้ายขึ้นมาเกา….ทุกอย่างที่ผมเห็นไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถในท่วงท่านั่งแบบไหน ผมก็รู้สึกมีอารมณ์ตามทุกท่านั่ง เพราะในตรงนั้น ตรงเป้าของแนน มันไม่ได้มีกระโปรงมาปิดบัง และมันได้เปิดโล่งมาตั้งนานแล้ว โดยที่ผมเองก็เพิ่งมาเห็น…..และที่สำคัญ ผมคิดว่านี่ไม่ใช่การตั้งใจของแนน ที่จะพยามจะนั่งโชว์ หรือแม้แต่การจงใจที่จะนั่งอ่อยให้ท่าผม …แต่สำหรับผมที่ได้มาเห็น มันทำให้ผมควยตั้งโด่แข็ง รู้สึกมีอารมณ์เงี่ยน พร้อมกับคิดว่าต้องเดินหน้าเต็มกำลัง
………ในช่วงที่ผมกำลังนั่งดูที่เป้าสามเหลี่ยมของแนน บุหรี่ผมก็ใกล้จะถึงท้ายมวน และก็เป็นตัวแนนเอง ที่รู้ตัวตามสัญชาตญาณ ว่ากระโปรงเธอได้ล่นขึ้นไปสูง ในระหว่างที่ตาแนนมองไปที่เอและกำลังคุยกันอยู่ แนนก็ได้ยกก้นขึ้นลอย พร้อมกับใช้ 2 มือจับถึงชายกระโปรงลงมา แม้ว่าในตอนนั้นถึงเธอจะดึงชายกระโปรงลง ผมก็ยังคงมองดูแล้วได้ลุ้น (เธอก็ยังนั่งแยกขากว้างอยู่) แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกว่าผมได้เห็นจนผมพอใจแล้ว และก็กลัวว่าถ้าผมยังคงนั่งอยู่นาน อาจจะเป็นตัวแนนเองที่จะมองมาที่ผม และจะรู้ตัวว่าผมกำลังนั่งมอง ผมตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งที่เดิม ตรงหัวโต๊ะ และในตอนนั้นเองหลังจากที่ผมมานั่งที่เดิมอีกครั้ง ความรู้สึกที่ผมมีต่อแนนก็เริ่มเปลี่ยนไป จากก่อนหน้านั้นที่แนนเหมือนจะอ่อยผมประมาณนั้น ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลยมาตลอด แต่หลังจากที่ผมได้เห็นโหนกเป้าหี และกางเกงในของแนน กลับกลายเป็นผมเอง ที่รู้สึกอยากจะเข้าไปหาเธอ เพราะว่าแนนกลายเป็น "เป้าหมายของผมไปแล้ว"
………….ในช่วงเวลาที่ผมกลับมานั่งดื่มต่อ บรรยากาศทุกอย่างตรงนั้น ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ผมทั้ง 4 คนก็ยังคงคุยกันอย่างสนุกสนาน และก็เป็นตัวผมเอง ที่พยามให้ความสนใจในตัวแนน มากขึ้น พยามนั่งฟังเธอพูดด้วยท่าทางที่สนใจ และตั้งใจ รวมทั้งพยายามพูดปล่อยมุขใส่เธอ และ เรียกแนนให้ยกแก้วชนกันตลอด ในขณะที่ตัวผมเองก็เริ่มจะมีอาการมึนเมามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตัวผมก็กล้าที่จะแสดงออกกับแนนมากขึ้นตาม และยิ่งไปกว่านั้น ผมเริ่มจะตัดนิวและเอออกไปจากจากความสนใจ และหันไปคุยกับ 2 คนนั้นน้อยลง (แบบที่ผมก็ไม่รู้ตัวจริงๆ) และตัวแนนเอง ก็มีท่าทีที่ตอบสนองผมมากขึ้นตามเหมือนกัน โดยที่ผมและแนนได้นั่งหันหน้ามองกัน แล้วยืดตัวยื่นหน้าพูดคุยถามโต้ตอบกันไป-มา อยู่กันแค่สองคนตลอด จนทำให้นิวและเอรู้สึกถูกแบ่งแยกออกจากวง และก็เป็นตัวนิวได้พูดแซวขึ้นว่า "เอ๊ะ!! นี่ 2 คนนี่ยังไง จะคุยกันแค่ 2 คนกันหรือไง ดูจะจุ๋จี๋กันเหลือเกินน่ะ" พอผมได้ยิน ผมก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วรีบอธิบายกลับไปว่า " โทษที ๆ พอดีแนนเขาถาม เรื่องงานธุระการ น้าก็เลยต้องอธิบายยาวไปหน่อย (ผมหัวเราะ)" โดยที่นิวก็พูดขึ้นต่อมาว่า "ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ค๊ะ หนูก็แค่พูดแซวเล่น เฉย ๆ ก็นึกว่าจะจีบกัน" พอนิวพูดจบทุกคนก็หัวเราะ และแนนก็ได้พูดสวนนิวไปว่า "อีบ้าเอย...มึงยังไม่เลิกขายของอีกรึไง เก็บของได้แล้ว มึงไม่คิดว่ากูจะอายน้าบ้างรึไงว๊ะ อีนี่เดี๋ยวซ้อมเลย...กูรุ่นพี่มึงนะ555 " ในจังหวะที่แนนพูดจบ และทุกคนก็หัวเราะตาม
………….และหลังจากนั้นในระหว่างที่คุยกันต่อ ผมกับแนนก็ยังนั่งคุยกันในแบบเดิม จนกระทั้งนิวได้พูดบอกกับตัวผมว่า "น้าค๊ะ ถ้าจะคุยกันแค่ 2 คน น่าไม่ลุกไปนั่งข้าง ๆ ตัวพี่แนนเลยหละ จะมานั่งยื่นหน้าคุยทำไมให้เหนื่อย" พอผมได้ยินที่นิวพูด ผมนึกขอบคุณที่เธอชงให้มาแบบแจ๋ม ๆ ผมก็หันมองไปที่หน้าแนน โดยที่ตัวแนนเองก็ทำสีหน้าไม่ถูกว่าจะเอายังไง…ไม่รู้ว่าผมจะกล้า หรืออยากจจะมานั่งข้าง ๆเธอหรือเปล่า….แต่ในตอนนั้นผมที่กำลังหน้าด้านเพราะความเมา ผมไม่ปล่อยให้โอกาสแบบนั้นผ่านไป ผมตัดสินใจเริ่มจากการเลื่อนแก้วเหล้าผมขยับไปข้าง ๆ ตัวแนน จากนั้นผมก็ลุกขึ้นขยับตัวจากหัวโต๊ะ แล้วก้าวเข้าไปที่ม้านั่งฝั่งซ้ายมือที่แนนนั่ง และได้นั่งลงไปที่ข้าง ๆ ตัวแนนฝั่งขวามือเธอ พอผมนั่งลงเสร็จผมหันมองไปที่แนน และในตอนนั้นแนนถึงกับหน้าแดงออกอาการดูเขินอายและทำตัวไม่ถูกที่ผมเข้ามานั่ง
วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2568
เพื่อความแน่ใจ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น