จนกระทั่งผมได้มาเจอเหตุการณ์ ที่ผมรู้สึกอยากจะกลับเล่ามาแชร์เรื่องราวอีกครั้ง เพราะมันทำให้ผมรู้สึกดีอีกครั้ง หลังที่ผมผิดหวังจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว และสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมมันมีหลากหลายอารมณ์มาก ทั้งตื่นเต้น เสียว เหลือเชื่อ วุ่นวาย ซับซ้อน และไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น และที่สำคัญ "ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ" จากจุดเริ่มต้นจนบทสรุป มันสอนให้ผมรู้ว่า "เวลามันเปลี่ยนคนก็ต้องเปลี่ยน" ผมขอเล่ายาว เพราะผมอยากเล่าในสิ่งที่เจอมาทุกอย่างที่เจอ เหตุการนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน ประมาณกลางเดือน มกราคม ปี2566 ในตอนนั้นผมก็ยังคงทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ที่เดิม ทำงานฝ่ายอาคารสถานที่ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ การปล่อยเช่าอาคารสูง ให้ลูกค้ามาเช่าชั้นตึก เพื่อทำสำนักงาน และโกดัง รวมถึงร้านค้า อยู่แถวชิดลม-สุขุมวิท และในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ผมทำอยู่ที่นี่มา 2-3 ปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะภายในองค์กร พนักงานคนเก่า ๆ เกินครึ่ง 70% ได้ลาออกไปเพราะนโยบาย และพิษเศรษฐกิจผลจากโควิด แต่ก็มีพนักงานใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ เข้า ๆ ออก ๆ การที่ผมอยู่ที่ตรงนี้มานาน และยังทนทำอยู่ มันก็มีข้อดี มันทำให้ผมมีตำแหน่งที่สูงขึ้น (ตอนนี้ผมรักษาหัวหน้าแผนก) เงินเดือนก็สูงตาม แต่ข้อเสีย ผู้หญิงในองค์กร คนที่ผมเคยมีสัมพันธ์ลึกซิ้ง จะชู้สาว หรือตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ลาออกไปจนหมดตอนสิ้นปีที่แล้ว (ปี2565) และรับคนใหม่ ๆ เจ้ามา มันไม่ง่ายอย่างที่ผ่าน ๆ มา (แถบจะเป็นไปไม่ได้เลย) เพราะอายุผมที่มากขึ้น พนักงานหญิงคนที่เข้ามาใหม่ ที่อายุน้อย ๆ ทั้ง รสนิยม และสไตล์ ค่านิยมของยุคสมัย ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม แม้แต่สาว ๆ ต่างแผนก บัญชีและธุรการ ที่เคยรวมตัว รวมกลุ่ม พากันไปกินข้าวตอนเที่ยง หรือแม้แต่นั่งเม้านั่งฝอย ปัจจุบันแทบจะไม่มีเลย โดยเฉพาะตัวผม ซื้อข้าวมากินที่โต๊ะเอา จุดเริ่มทุกอย่าง มันเริ่มจากที่ตัวผม และน้องชื่อ "กล้า" วิศวะกรโยธา ที่เข้ามาใหม่ในแผนกผม ให้เจ้ากล้าไปดูงานรีโนเวทภายในตึกใหม่ เป็นตึกเก่าสูง 10 ชั้น ที่บริษัทได้กู้เงินธนาคารมาปรับปรุง อยู่ห่างจากตึกที่ตั้งของสำนัดงานบริษัท 6 ช่วงตึก จริง ๆ มันเริ่มการรื้อภายในอาคารตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นผมยังคงติดงานที่ดูแล ที่ตึกเดิมตึกหลักอยู่ งานพวกนี้มีวิศวกรเครื่องกลดูแล งานรื้อถอน และพนักงานตัวเมนหลัก ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลชื่อช่างแป๊ะ เป็นวิศวะเครื่องกล ที่หลายคนเรียก ลับหลังว่า "ไอ้เหยิน" เป็นคนหุ่นรูปร่างตัวสูงใหญ่ (สูงเกือบ 180 ซม. ได้มั้ง) อายุ 40 กลาง ๆ แต่ฟันแกจะเหยินอยู่สองซี่ และที่สำคัญหน้าตากวน ๆ ดูนักเลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยหลุมบ่อ แผนกนั้นเขาจะนับถือ และยกย่องว่า เป็นตัวตึงของบริษัท นิสัยกล้าได้กล้าเสีย ปากหมา เสียดัง ดูเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่จำเป็นไม่มีใครในแผนกผมอยากจะไปยุ่งกับแก และสิ่งที่ทำให้ตัวผม มองช่างแป๊ะ ต่างจากพนักงานที่นี่ทั่ว ๆ ไป นั่นคือ ผมได้ยินข่าวซุบซิบมาว่า ช่างแป๊ะก็เป็นอีกคนในออฟฟิศ ที่ตามจีบ "พี่แมว" สาวใหญ่สุดสวยนมโต (คนที่ผมเคยเล่า) ที่เป็นหัวหน้าธุรการ ส่วนด้านล่างที่อยู่ติดกับแผนกก่อสร้าง และประชาสัมพันธ์ ห้องเดียวกับช่างแป๊ะ (ตามข่าวนินทาดูเหมือนว่า สองคนอยู่กินกันเป็นผัวเมียลับ ๆ เลย โดยที่ช่างแป๊ะก็โสดเป็นม้ายลูกติด) และผมก็เชื่อว่าลึก ๆ ช่างแป๊ะก็เองก็น่าจะพอรู้ ว่าตัวผมเองกำลังก่อความสัมพันธ์กับพี่แมว แกเลยตัดไฟเสียแต่ต้นลม ให้พี่แมวลาออกจากงานที่นี่ แล้วไปทำบริษัทของแกที่แอบเปิดไว้ หลังจากวันนั้นที่ผมออกอุบาย เย็ดพี่แมวทั้งวัน ผมก็แอบนัดมาหาพี่แมวเกือบทุกอาทิตย์ เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งมารู้ที่หลังว่า ที่ผมทางสะดวก เพราะช่างแป๊ะลาบวชแก้บน ที่โดยยกฟ้องคดียิงปืนในร้านคาราโอเกะ แกลาไม่รับเงินเดือน 3 เดือน แล้วผมก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของพี่แมวกับช่างแป๊ะจริง ในบริษัทก็ไม่มีใครรู้เลย ว่าช่างแป๊ะเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูพี่แมวอยู่ คือเอาจริง ๆ นะ ช่างแป๊ะค่อนข้างมีเงิน พอช่างแป๊ะสึกมา พี่แมวก็ตีตัวออกห่างจากผม ตัดความสัมพันธ์ บอกว่าญาติจะมาหา ให้ผมไม่ต้องไปบ้านเธอ ถ้าสะดวกเธอจะบอกเอง ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่รับโทรศัพท์ผมอีกเลย ผมโคตรเสียดายอาจจะปนเสียใจด้วย เพราะช่วงที่ผมนัดมาบ้านพี่แมวทุกวันศุกร์ ตอนไปทำงานที่บริษัทตอนเช้า พี่แมวจะแต่งตัวเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ผมไว้ก่อน ซึ่งเธอจะเน้นใส่ชุดที่มันรัดรูป เพราะวันศุกร์เราจะมีประชุมกัน ชุดของเธอไม่มีซ้ำกันเลย มันดูดีมีราคา ผมจะควยแข็งตั้งแต่บ่าย ๆ เก็บอาการไป จนกว่าจะได้เย็ดกันก็สามสี่ทุ่ม มันค่อนข้างจะตอบสนองความต้องการทางเพศของผม ในแบบที่คิดไว้อย่างไม่คาดหวังไว้เลย แต่นั้นแหละครับ ความสวยความเซ็กซี่มันมีค่าใช้จ่ายเสมอ และผมก็เป็นเพียงคนที่ตกเป็นเหยื่อแบบไม่รู้เท่าทัน ไม่โดนช่างแป๊ะยิงหัวก็บุญแล้ว ผมค่อนข้างช๊อก อกหักแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จนพี่แมวเธอลาออกกระทันหันตอนสิ้นเดือน จนมาถึงวันจันทร์ปลายเดือน ในตอนสาย ๆ เกือบ ๆ 11 โมงเข้า ผมได้ออกไปดูงานที่ตึกใหม่ ที่กำลังรีโนเวทภายใน ผมกับเจ้ากล้าก็ได้เดินไป และวันนั้นผมต้องไปประสานงานกับช่างแป๊ะ ผมจะต้องไปดิวงาน ทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่มาในวันนั้น ( ซึ่งบริษัทผมได้กู้แบงค์นี้มา แบงค์ต้องมาตรวจงวดงานมาดูหน้างานประเมิน แล้วจ่ายกู้เป็นงวด ๆ ) พอผมไปถึงตึกใหม่ และขึ้นไปที่ชั้น 5 สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือ ช่างแป๊ะที่กำลังยืนเก๊ก ทำท่าทางมือไม้อธิบายให้กับ เจ้าหน้าที่ธนาคารผู้หญิงฟัง โดยมีอีกคนเป็นผู้ชายหุ่นอ้วนเตี้ยยืนฟังอยู่ด้วย โดยตัวแทนธนาคารทั้ง 2 คน อยู่ในชุดฟอร์มสูทสีน้ำเงินเข้ม กางเกงผ้าสีเดียวสูท และด้านในเป็นเสื้อโปโลสีขาว ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ ว่าพวกนั้นจะคุยอะไรกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมสนใจ และสดุดสายตาตอนนั้น ก็คือ สาวแบงค์ที่กำลังยืนฟังช่างแป๊ะอยู่ซึ่งหุ่นเธอรูปร่างสูงอวบ (เอวน่าจะ 30 นิ้ว สะโพกน่าจะ37-38 นิ้ว ) สูงประมาณ 164-165 ซม. ขึ้น และที่สำคัญตูดและหน้าอกเธอใหญ่มาก แถมยังใส่กางเกงผ้าทรงเดฟรัดรูปรั้งเป้าตึงแนบเนื้อ ในช่วงจังหวะผมกำลังเดินผ่านด้านหลัง ผมจ้องไปที่ก้นเธอ เห็นเป็นภาพเส้นร่องก้น แยกออกเป็นสองข้าง โค้งงอนออกมาเป็นลูก ๆ (อย่างใหญ่) พร้อมกัน กับขอบกางเกงใน ที่นูนออกมาเป็นเส้นขอบ เป็นรูปทรงกางเกงใน แบบชัดเจนมาก ผมรู้สึกมีอารมณ์ตามขึ้นมาทันที (ควยผมโด่) ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่เห็นหน้าเธอชัด ๆ เลยเลย รู้แค่ว่าเธอผมตรงยาวประบ่า และผิวตัวขาว เพราะเธอใส่ทั้งแมสและแว่นตาดำด้วย แถมยังใส่หมวกเซฟตี้อีก ในระหว่างนั้น ผมก็ไม่ได้สนใจพวกนั้นมาก ผมก็เดินไปรอบ ๆ พื้นที่ชั้น 5 และให้เจ้ากล้าไล่ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่ถึง 5 นาที ช่างแป๊ะได้ก็ยกมือเรียก ผมจึงเดินไปที่ 3 คนนั้นคุยกัน และช่างแป๊ะก็ได้แนะนำตัวผมให้รู้จักเจ้าหน้าที่ธนาคารชาย-หญิง 2 คนนั้น ผมจึงรู้ว่า น้องผู้หญิงชื่อ "ไหม" ส่วนผู้ชายชื่อ "ปื๊ด" เพราะว่างวดต่อไป ผมต้องทำเอกสารเบิกงวด กับธนาคารในส่วนงานสถาปัตย์ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรในตอนนั้น พอแนะนำกันเสร็จผมกับเจ้ากล้า ก็แยกเดินออกมา แต่อยู่ ๆ สาวแบงค์ก็ได้รีบเดินตามผม แล้วสกิดแขนผม พร้อมกันกับที่เธอพูดขึ้นมาว่า "ขอโทษนะคะ ใช่พี่เคหรือเปล่าคะ พี่ที่เคยทำโครงการก่อสร้างแถว ๆ แจ้งวัฒนะ หรือป่าวคะ" ตอนนั้นผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเธอคือใคร แต่ที่เธอพูดมามันใช่ผม ผมจึงตอบกลับ ว่า "อ่าใช่..ครับ...ผมเคยทำครับ" ผมก็ขมวดคิ้ว จ้องหน้าเธอพยามนึกว่าเธอคือใคร จนกระทั้งเธอรู้สึกว่า ผมน่าจะจำเธอไม่ได้จริง ๆ เธอได้เอามือถอดหมวก ถอดแมสและแว่นตาดำออก แล้วพูดขึ้นว่า "นี่ไหมเองนะ พี่จำได้เหรอยังคะ" โอ้ววว....ครับ….ผมจำได้แล้วตอนนั้น….ผมรีบร้องอ๋อ แล้วบอกตอบว่าผมจำได้แล้ว (แต่วินาทีที่ผมเห็นหน้า ผมรู้สึกเธอเปลี่ยนไปแยอะมาก แต่ก็ยังพอมีเคล้าโครงให้พอจำได้ ) ซึ่งไหมเอง ก็มีท่าทีดีใจที่มาเจอผม หลังจากนั้นผมกับไหม ก็แยกตัวเดินไปคุยกัน 2 คน ที่มุมหน้าต่างอีกด้าน ที่ไม่มีช่างทำงานอยู่ เราก็ได้คุยกันแลกเปลี่ยน ความเป็นมา สารทุกข์สุกดิบ ของกันแล้วกันนานเกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมง ผมจึงได้รู้อะไรหลายอย่างที่อัฟเดทจากเธอ จากที่ฟังเล่าไหมอยู่ที่ทำงานเดิม (ที่ผมเคยอยู่) เกือบ 2 ปี จนโครงการขายจบ เลยลองเปลี่ยนแนวมาทำธนาคาร จนทุกวันนี้ ที่เป็นพนักงานธนาคาร แต่ที่จริงตอนทำที่แรกไม่ใช่ธนาคารนี้ และก็เคยแต่งงานมีลูก 1 คน แต่แยกย้ายกับสามี โดยที่ลูกอยู่กับสามี จากนั้นไหมก็ขอตัว เพราะมีงานต้องไปอีกที่ ในห้วงเวลานั้น นาทีที่ไหมเดินออกไป ทำให้ผมนึกย้อนถึงอดีต ย้อนกลับไปตอนที่ผมกับใหม่ เจอกันครั้งแรกที่บริษัท เมื่อ 10 ปี ก่อน ช่วงเวลานั้น แม้ว่าจริง ๆ แล้ว ตัวผมจะได้รู้จักกับใหม่แค่เกือบปี ตอนนั้นไหมเพิ่งเรียนจบมาใหม่ ๆ เป็นพนักงานการเงิน ไหมเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่คนสวย แต่รวม ๆ ดูดี ไม่ใช่คนใบหน้าแนวสวยออกไปทาง ดูน่ารัก รูปหน้ากลม ตาโต ตัวสูง ผิวขาว หุ่นผอมเพรียว มีหน้าอกก็กำลังดี (ไม่ได้ใหญ่เหมือนปัจจุบัน ) ไว้ผมยาวเลยเอวเกือบ ๆ ถึงก้น ยิ้มง่าย ขี้อาย เรียบร้อยมาก ๆ พูดจาอ่อนหวาน แถมพูดน้อย และการแต่งตัวดูมิดชิด ชอบใส่เสื้อเชิ้ตสีเรียบ ๆ สีขาวสีฟ้า แขนยาว กระดุมปิดข้อมือ ส่วนกระโปรงก็เป็นแบบทรงพลีทยาว ยาวเลยหน้าแข้ง ตอนที่ไหมมาได้รู้จักกับผม เพราะบริษัทนั้นเล็กมาก มีพนักงานที่ประจำโครงการเพียงแค่ 5 คน ทำให้เราได้กินอยู่ หรือไปไหนมาไหนกันตลอดทั้งหมด แต่ในปัจจุบัน ผมมองจากภายนอก ไหมดูเปลี่ยนไปมาก (มากจริง ๆ ) ต่างกับเมื่อ 10 ปี ก่อน จากสาวน้อย หน้าตาดูน่ารัก กลายเป็นโครงหน้าที่ดูเรียวยาวขึ้น คงมาจากการที่ใหม่ไปเสริมจมูกโด่ง แต่งหน้าจัดขึ้นมาก ดูเป็นสาวมั่น ดูดุดัน แต่ก็ยังดูดี ดูเซ็กซี่ไปอีกแบบ และที่สำคัญจากคนที่เคยหุ่นผอมเพียว (ใส่ชุดอะไรก็ดูดี) กลายเป็นหุ่นอวบ เจ้าเนื้อขึ้นเยอะ ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหน้าอก รวมถึงบั้นท้ายเธอดูใหญ่กว่าเดิมมาก และหลังช่วงเวลานั้น ที่ผมได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนั่นคือไหม จากที่ผมดูหน้าอกดูก้น แล้วมีอารมณ์กลายเป็นอารมณ์แบบนั้นได้หายไป อาจจะเพราะ นั่นคือน้องที่เห็นมาตั้งแต่หน้าเดิม ช่วงที่ผมกำลังยืนนึกอดีตเพลิน ๆ ก็มี โฟร์แมนงานไฟฟ้า ชื่อ "เอ" ที่สนิทกับผมอีกคน เพราะร่วมงานกันบ่อย เดินมาพูดกระซิบเบา ๆ กับผมว่า "พี่รู้จักคุณไหมมาก่อนหรือครับ" ผมก็ตอบว่า "ใช่ เคยอยู่บริษัทเดียวกันมาก่อน" แล้วผมก็ถามเอกลับไปว่า "ทำไมรึ" เอ ก็ตอบกลับผมอีกทีว่า "ป่าวหรอก เห็นพี่แป๊ะเขากำลังตามหม้ออยู่ จะ 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณไหม" ผมได้ยินผมก็อึ้ง แต่ผมไม่ได้ถามเอต่อ และผมก็แอบหัวเราะในใจ ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อเอ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่ไหมจะเล่นด้วย แม้ผมจะไม่รู้จักช่างแป๊ะมาก แต่เพราะผมรู้จักไหมดี จากนั้นเอก็บอกเจ้าต่อว่า "วันศุกร์หน้าที่จะถึง จะมีการไปเลี้ยงเจ้าหน้าที่ธนาคาร เตรียมตัวเลยพี่" พอผมได้ยินแบบนั้น ผมก็พยักหน้ารับทราบกับเอ จนเวลาที่ใกล้จะเที่ยง ผมก็ยืนคุยเล่นกันกับกล้าและช่างเออยู่ แต่สายตาผมก็แอบเหล่ มองไปที่ช่างแป๊ะกับไหมกำลังนั่งคุย ที่โซฟาเก่าที่กำลังจะขนออก ที่อยู่ตรงข้ามผมห่างกันประมาณ 10 เมตร โดยที่ปื๊ด ก็เดินดูงานอยู่อีกฝั่งด้านขวามือผม สิ่งที่ผมเห็น ช่างแป๊ะกับไหมที่นั่งข้างกัน แว๊บแรก ผมรู้สึกว่า 2 คนนั่งแบบเกือบ ๆ แนบชิดกัน (ไหล่กับต้นขาเกือบชนกัน) ช่วงทึ่ช่างแป๊ะกำลังพูด ไหมก็หัวเราะตาม ผมรู้ได้เลยว่า 2 คนไม่ได้คุยเรื่องงานแล้ว น่าจะพูดเรื่องอื่น แถมยังมีจังหวะที่ทำให้ผมสดุดตา โดยที่ช่างโป้งกำลังนั่งคุยโม้ ได้เอามือขวายกไปจับที่ต้นขาซ้ายไหม (เหนือหัวเข่ามา 1 ฝามือ ) และจับแบบวางแช่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้น…โอ้ววว...ครับ….ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่า 2 คนนั่นเขาคุยเรื่องอะไรกันแน่ แต่สิ่งทำให้ผมอึ้ง แบบพูดไม่ออกจู่ ๆ ช่างแป๊ะได้ยื่นฝ่ามือซ้ายอีกข้าง ยกไปจับหน้าท้องด้านหน้าไหม ตรงขอบกางเกงผ้าเหนือเป้า แล้วใช้ฝ่ามือกดขยุ้มเล่น 2-3 ที แล้วหัวเราะชอบใจ โดยที่ไหมเองก็ดันปล่อยให้ทำ แล้วก็พากันหัวเราะ และหลายต่อหลายครั้งที่ช่างแป๊ะใช้โอกาส สัมผัสตัวไหมตลอด เช่น การจี้ที่เอว จับแขน จับไหล่ แถมตอนลุกขึ้นจากโซฟา ยังยื่นมือไปจับมือไหม แล้วดึงตัวเธอขึ้นอีก ถ้าพูดให้หยาบ ๆ คงเหลือแค่ดึงตัวใหม่มากอด แค่นั้นเอง โอ้ววว….เหลือเชื่อจริง ๆ กับสิ่งที่ผมเห็น และไม่ใช่แค่ผมที่เห็น กล้ากับเอ ที่ยืนอยู่ก็เห็นพร้อมกัน จนเอพูดออกมาว่า "พี่เหยินเรา ท่าทางจะไปไกลกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย" ผมจึงรีบถามเอต่อว่า "เอ.. เอาจริง ๆ นะเอ็งคิดว่า...พี่เหยินได้กินหรือยัง" เอก็ตอบผมกลับว่า "ไม่รู้น่ะพี่ผมก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน แต่ที่เคยได้ยินประวัติพี่เหยิน แกร้ายใช่เล่นนะ...เงินแกถึง" ผมได้ยินผมก็นึกขึ้นได้ ว่าตัวเองก็เคยโดนมาแล้ว จากนั้นทุกคนก็แยกตัวกันไปลงด้านล้าง เพื่อพัดเที่ยง ซึ่งในตอนนั้นตั้งแต่ผมเห็นช่างแป๊ะกับไหม ตัวผมเองวันนั้นทั้งวัน เหมือนผมมีอะไรเหมือนติดอยู่ที่หัว จนกระทั่งมาถึงวันศุกร์ 3 เดือน 1 ผมจำได้แม่น วันที่จะได้เจอกับไหมอีกครั้ง เป็นวันที่ส่งงวดขอเบิกเงิน ผสมกับส่วนของช่างแป๊ะดูแล และเป็นวันที่ต้อง พาเจ้าหน้าที่ธนาคารไป entertain เจ้าหน้าที่มาช่วงบ่าย 3 โมงเย็น เพราะจะได้ไปเลี้ยงตอนเย็นเลย ตอนนั้นผมก็ได้ไปกับเจ้ากล้า 2 คน เหมือนเดิม พอไปถึงก็ได้เจอกับไหม ที่ยังใส่ชุดฟอร์มของธนาคาร รองเท้าคัชชูสีดำหัวตัด เสื้อสูทสีน้ำเงินเข้ม การเกงรัด ๆ แนบเนื้อทรงเดิม ต่างแค่เสื้อด้านใน ที่เป็นเหมือนเชิ้ตสีขาวคอตัววี และมีแถบเส้นสีส้มกับ น้ำเงินที่ขอบคอเสื้อ พอเธอเจอผม เธอก็ยกมือไหว้สวัสดียิ้มทักทายผม แต่วันนี้ มีเจ้าหน้ามา 3 คน คือไหม กับปื๊ดที่อ้วนเตี้ย และก็ผู้ชายอีกคนมาด้วย ชื่อ "พี่สัน" เป็นผู้จัดการ เป็นคนมีอายุน่าจะเกือบ ๆ 50 ปี ปลาย ๆ ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆหัวเถิก ๆ หลังจากนั้น ทุกคนก็พาเดินดูงานที่ ชั้น 2-5 อีกรอบระหว่างที่เดิน เป็นอย่างที่คาดจริง ๆ ช่างแป๊ะรีบเดินประกบคู่กับไหมทันที แบบออกหน้าออกตา ประเดิมด้วยการช่วยถือแฟ้มให้ผมกับกล้าและเอก็ยิ้มให้กันและส่ายหัว (แบบรู้กัน) และยิ่งไปกว่านั้น มีบางจังหวะและหลาย ๆ ครั้งที่พนักงานแบงค์ผู้ชาย 2 คนที่มาด้วย ช่วงที่อารมณ์เผลอ ๆ ไม่ได้สนใจคู่นั่น ช่างแป๊ะได้อาศัยจังหวะที่มี ยกมืออ้อมผ่านหลังไปแตะที่สะโพกไหม แตะบ้างปล่อยบ้าง (เนียร ๆ) บางครั้งก็อาศัยลูกตามน้ำ ช่างแป๊ะได้ยื่นมือไปจับข้อมือไหมเพื่อจูงเดิน ทำเป็นจะพาใหม่ไปตรงนั้น ดูตรงนี้ และสิ่งที่ทำผมอึ่ง…และอึ่งที่สุด…ในขณะจังหวะที่ทุกคนหยุดเดิน เพื่อที่จะยืนดูเอกสารที่จะขอเบิก ว่าตรงกับหน้างาน และทำจริงหรือไม่ ช่างแป๊ะได้อาศัยโอกาสแบบนั้น เข้าไปยืนชิดติดตัวใหม่ ทางด้านข้างตัวเยื่อง ๆ ระหว่างต้นขา และก้นของใหม่จากนั้นทำฟอร์มอธิบายเอกสาร พร้อมทั้งทำเป็นโยกตัวไป-มา เบา ๆ เพื่อจะเอาเป้ากางเกงไปแนบ ถู ๆ ไถ ๆ สกิดนิด สกิดหน่อย ที่บริเวณโคลนต้นขาอวบ ๆ และข้างก้นใหญ่ ๆ ของไหม ซึ่งคนที่ไม่สนใจก็อาจจะไม่รู้…แต่สำหรับผมรู้ดี เพราะเคยทำเหมือนกัน ที่เดินตามและสังเกตุตั้งแต่ต้น จะรู้ว่านี่คือการ "แต๊ะอั๋ง" แบบโจ่งแจ้งที่สุด และที่น่าเกลียดที่สุด ตอนนั้นผมมองไหมเปลี่ยนไปเลย ช่างแป๊ะจริง ๆ นี้คือเรื่องปกติของคนแบบนี้…ผมเข้าใจ…และเชื่อว่าหลายคนที่รู้นิสัยจะเฉย ๆ กับพฤติกรรมไอ้เหยินซึ่งไม่แคร์อะไรรอบตัวอยู่แล้ว…..แต่สำหรับตัวไหม…มันไม่ใช่แน่ ๆ….ในแบบที่ผมเคยรู้จัก…ทุก ๆ อย่าง…ทุก ๆ อริยาบท…ทุก ๆ ครั้ง…ที่ช่างแป๊ะจงใจจะทำแบบนั่น ไม่ใช่ว่าไหมไม่รู้ตัว…ตรงกันข้ามเธอรู้ดีที่สุด…แต่กลับปล่อยให้ช่างแป๊ะลวนลาม ต๊อดเล็กต๊อกน้อย (ตามสะบาย) บางครั้งดูเหมือนเธอจะเอื้อเปิดช่องให้ทำด้วยซ้ำ...โอ้ววครับ…ด้วยความจริง มันปรากฎ มันทำให้ความรู้สึกของผมต่อไหมเปลี่ยนไปจริง ๆ คำว่า "น้องนุ่ง" หรือแม้เพื่อนร่วมงานที่เราจะหวังดีด้วย…มันหมดไปแล้ว….และควยผมจู่ ๆ มันโด่ขึ้นอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ 2 คนทำให้เห็นตลอดการเดินตรวจงาน พอช่วงที่เดินตรวจงานเสร็จ ทุกคนก็พากันหาที่นั่งหามุมผ่อนคลายต่างคนก็ต่างมุม บางคนก็หามุมโทรศัพท์ บางคนก็เล่นมือถือ ส่วนตัวช่างแป๊ะ จะต้องไปที่ตึกสำนัดงาน ไปเบิกเงินสด เพื่องานคืนนี้ ตอนนั้นผมก็คิดจะเดินไปขอไลน์ไหม ผมมองหาเธอไม่เจอเธอไม่น่าอยู่ในชั้น 5 แล้ว ผมจึงไปถามปื๊ด เข้าก็บอกว่าน่าจะไปคุยงานกับพี่สันที่ชั้น 6 พอผมได้ยินคำตอบ ผมจึงรีบขึ้นบันไดเล็ก ตามขึ้นไปชั้น 6 พอผมเดินขึ้นไปถึงที่ซั้น 6 ซึ่งเป็นสำนักงานเก่า ที่ยังไม่รื้อผนัง และระบบไฟถูกตัดออกหมด ในชั้นจะมืด ๆ หน่อย ผมพยามมองหาไหม ตอนแรกยังไม่เจอ ผมจึงเดินไปอีกฝั่งซึ่งมองทะลุกระจกก็จะเห็น ไหมกับพี่สันยืนกันอยู่ด้านนอกห้อง ตรงโถงทางเดินบันไดหลัก ผมได้เดินเข้าไปใกล้ ๆ กระจก ห่างแค่ 1.5-2 เมตร เพื่อจะให้ไหมมองเห็นผมว่ามาหา แต่ดูเหมือน 2 คนจะมองไม่เห็นผม เพราะกระเป็นกระจกทึบ คนภายนอกจะมองไม่เห็นภายในห้อง ในตอนนั้นผมกะจะเปิดประตูเดินออกไปหา แต่ใด้ยินเสียงคุยเรื่องงานอยู่ อาจจะเป็นเรื่องลับทางธนาคารที่ต้องคุยนอกรอบกันเอง ผมก็ยืนเพื่อรอเวลา ในตอนนั้นพี่สันก็ยืนสูบบุหรี่ไฟฟ้าควันโขมง หันข้างด้านขวามาทางผม ส่วนไหมก็ยืนอยู่ข้าง ๆ พี่สันยืนพิงกำแพงผนังบันได โดยที่หันหน้ามาทางผม และทางด้านซ้ายมือพี่สัน ไหมยืนเปิดเอกสารที่พวกผมได้ยื่นไปก่อนหน้า มอง ๆ ดู 2 คนโดยเฉพาะพี่สันคนอายุเกือบ ๆ จะ 60 ปี ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ที่ปั๊มบุหรี่เข้าหนัก ๆ แล้วแหงนหน้ามองขึ้นบนพ่นบุหรี่ออก มันช่างได้ฟิวส์จริง ๆ ช่วงที่ผมยืนดูพี่สันสูบบุหรี่ ผ่านมาไม่ถึงนาที สิ่งที่ทำให้ผมช๊อก จากที่ไม่มีอะไร….และตัวผมเองไม่คิดว่าจะมีอะไรด้วยซ้ำ สิ่งผมเห็น...จังหวะที่พี่สันตาแก่หัวเถิกเก็บบุหรี่ไฟฟ้าเข้ากระเป๋า ก่อนแกจะก้าวไปชิดที่ตัวของไหม พร้อมกับใช้มือซ้ายยื่น สอดเข้าไปตรงกลางช่องหว่างขา สองง่ามขาของไหม แล้วใช้ฝ่ามือลูบไปที่เป้าหีใหม่ ผ่านกางเกงผ้าสีกลม ที่รัดแนบโหนกหน้าท้องตึง...โอ้ววววครับ...แม่เจ้า...ผมเห็นแล้วเงี่ยนมาก…..ทั้งเงี่ยนทั้งช๊อก...แบบที่บอกไม่ถูกจริง ๆ….ภาพที่ตาแก่หัวเถิก ใช้มือลูบไปที่เป้าหีสาวรุ่นลูก ลูบขึ้นและลูบลงช้า ๆ…โดยที่ 2 คนยืนจ้องตากันและ ในมือไหมยังถึงเอกสารและซองกระดาษอยู่…จังหวะต่อเนื่องพี่สันได้เอามืออีกข้าง ข้างขวา ยกขึ้นมาด้านบน แล้วสอดมือเข้าไปผ่านเสื้อสูทสีน้ำเงิน แล้วล้วงเข้าไปบีบหน้าอกไหม ผ่านเสื้อเชิ๊ตสีขาวคอวี ทั้งนวดทั้งคลึงบนหน้าอกใหญ่ ๆ…พร้อมกันกับไหมเองก็เริ่มมีอารมณ์ตาม หน้าแดง อ้าปากหวอ หลับตาเคลิ้ม ไปกับกับสิ่งพี่สันกำลังทำ...โอ้วววครับ...และสิ่งทำให้ผมเงี่ยนควยโด่ขึ้นไปอีก จังหวะมือซ้ายพี่สัน ที่กำลังลูบเป้าของไหมอยู่ ได้ขยับมือขึ้นมา แล้วพยามจะสอดฝ่ามือเข้าไปล้วง จากขอบกางด้านบน แต่ติดที่กางเกงไหมที่ใส่ มันรัดแนบหน้าท้อง จึงล้วงไม่เข้า และพี่สันพยามจะฝืน (ตอนนั้นพี่สันเริ่มดูลนลาน อยากจะทำให้ได้) จนตัวของไหมเอง ที่ยืนเอาหลังแนบพิงผนังอยู่ กำลังจะเคลิ้มแบบเงียบ ๆ ได้ ก็รีบพูดขึ้นว่า "ป๋า...เดี๋ยวพอก่อนไม่สะดวก...เดี๋ยวมีคนมาเห็น" จากนั้นพี่สันตอบกลับทันทีว่า "เอาน่าหนู...ขอ...ขอแป๊ปเดี๋ยวจริง ๆ "โอ๊วววครับ….สองคนนั้นเรียกกันว่า "ป๋ากับหนู" มันไม่ต้องคิดต่อแล้วนอกจากเสี่ยเลี้ยง และในจังหวะนั้นต่อเนื่อง ไหมที่กำลังเคลิ้มได้อารมณ์ และไม่ได้ขัดใจพี่สัน ไหมได้รีบหยิบเอกสารเข้าซอง แล้วโยนลงพื้นข้าง ๆ ตัว แล้วพยามสายสายตามองมาที่ประตูด้านหน้าติดกับกระจกทึบใกล้ ๆ ที่ผมยืน (เธอระแวงจะมีใครเข้ามาเห็น) จากนั้นไหมจึงได้ก้มหน้าลง แล้วรีบใช้สองดึงชายเสื้อเชิ๊ตพับ ๆ ม้วนขึ้นตามด้วย ใช้มือปลดกระดุมที่ขอบกางเกง แล้วลูดซิปลง พร้อมกับดึงขอบกางเกงผ้ารัด ๆ ลงมา แค่บริเวณเหนือต้นขา...โอ้วววว...แม่เจ้าโว้ยยย...จังหวะนั้นผมลุ้นตาม ตาไม่กระพริบ พร้อมกับควยที่โด่แข็ง…สิ่งที่เห็นภายใน ที่ซ่อนอยู่ในกางเกงรัด ๆ สีน้ำเงิน เป็นกางเกงในผิวเรียบ ๆ แบบไร้ขอบ ที่เว้าขายกสูงปิดแค่เป้า สีคล้าย ๆ สีเนื้อออกชมพูอ่อน รัดตึงห่อหุ้มโหนกหีที่ทั้งใหญ่ ทั้งนูน (เป็นรูปสามเหลี่ยมที่ใหญ่มาก) …จากนั้นพี่สันไม่รอช้า ใช้มือซ้ายข้างเดิม สอดเข้าไปที่ขอบกางเกงในด้านบน พร้อมกับดันลง แล้วล้วงจกลงไปที่เป้าหีไหม จนเห็นปลายเส้นหมอย โผล่ออกมาใต้หน้าท้อง วินาทีนั้น ทำเอาไหมถึงกับตัวงอแอ่นก้นไปด้านหลังช่วงเวลา ที่พี่สันทั้งจกหีทั้งนวดเต้า จนใหม่เองโน้มตัว ไปเอาสองมือไปคล้องตัวพี่สักแล้ว คราว ๆ ออกจากลำคอเบา ๆ "ซื้ด...ซื้ดดด...ฮู้ยยย...ซื้ด...ซื้ดด...ซื้ดดด…ฮู้ยยย…" วินาทีนั้นผมถึงกับจับที่เป้านวดควยตัวเอง ที่แข็งโด่ผ่านกางเกง…โอ้ววววว…มันสุดยอดจริง ๆ ต่อจากนั้นไม่ถึง 2 นาที ด้วยอารมณ์ของไหมเอง เหมือนจะคุมไม่อยู่ จากที่กำลังกอดตัวพี่สันปล่อยให้เล่นของสงวน ทั้งล่างและบน ไหมก็ได้ดึงมือพี่สันออก แล้วเปลี่ยนมาเอาสองมือ คล้องที่คอพี่สักดึงเข้ามา แล้วโน้มตัวลงต่ำ เอาปากประกบกันแล้วดูดปาก กินน้ำลาย พร้อมกันใช้ปลายเท้าซ้ายงั้ดส้นรองเท้าคัชชูสีดำเท้าขวาออก แล้วยกขาขวาขึ้นคล้องเกี่ยวรัดที่เอวพี่สัน โดยมีแค่ขาซ้ายและหลัง ยันพื้นและพิงผนัง…แม่เจ้า...ผมจะบ้าตายจริง ๆ…ภาพที่ผู้หญิงตัวสูงประมาณ 165 ซม. หุ่นอวบอึ๋ม กำลังใช้มือและขาเกี่ยว กอดรัดผู้ชายหัวล้าน อายุแก่คราวพ่อ แถวตัวเล็กเตี้ยสูงแค่ 150 ซม. กว่าแถมตัวผอม…จากภาพที่ขณะขณะที่สองคนกำลังดูดปาก บิดตัวไปมา จากนั้น ก็ยกหน้าขึ้นจ้องหน้ากัน แล้วจุ๊บปากกันแทน ผมรู้ได้เลยว่ามันคงจบแค่นี้
วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2567
แมวสาวใหญ่ 7 (คันอารมณ์ ในความแค้น)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น