"ป๋าเด็จเผด็จศึก 1"
อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้าแล้วว่าผมกับกลอยกำลังวางแผนที่จะปลูกบ้านกัน ซึ่งเราทั้งสองก็กำลังหาดูที่ดินที่เจ้าของเขาประกาศขายเพื่อจะซื้อมาปลูกบ้าน
ผมเห็นป้ายประกาศขายที่อยู่ที่หนึ่งอยู่ในตัวอำเภอ แต่ก็ค่อนข้างเปลี่ยวหน่อยเพราะเป็นเส้นทางตัดใหม่ถนนเพิ่งลาดยางได้สักสองปี เป็นเส้นทางทางหลวงชนบทย่นระยะทางระหว่างอำเภอกับตัวจังหวัดให้ใกล้ขึ้น แต่ก็เริ่มที่จะมีคนออกมาปลูกบ้านกันประปรายทำให้ดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ และอนาคตน่าจะเป็นชุมชนตามรายทางตามแนวถนนในไม่ช้า
สภาพที่ดินเป็นสวนมะม่วงพื้นที่ตามป้ายที่ติดไว้ประมาณ 6 ไร่ แต่ก็มีเขียนว่าแบ่งขายด้วย ซึ่งผมก็ไม่คิดจะซื้อมากขนาดนั้นอยู่แล้ว หน้าแปลงติดถนนลาดยางยาวลึกเข้าไปประมาณ 100 เมตร ลักษณะเป็นรูป"สระ -า" โดยมีทางดินโรยหินคลุกตัดขนาบข้างเข้าไปจนถึงด้านใน
ผมกับกลอยอยากมีบ้านที่สงบเงียบมีความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวายตามสไตล์ของเรา ผมพาเธอไปดูที่ตรงนั้นซึ่งดูเธอก็คงจะชอบเหมือนกัน เราก็เลยตัดสินใจว่าที่ตรงนี้แหละน่าจะเหมาะกับการสร้างบ้านของเรา ผมสอบถามจากตำรวจรุ่นเก่าเจ้าของพื้นที่ว่าที่ดินผืนนั้นเป็นของใคร ได้คำตอบว่าเป็นของนาย "เผด็จ" ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานสภาเทศบาลในอำเภอที่ผมอยู่ เป็นข้ารการครูเกษียณที่ลงเล่นการเมืองท้องถิ่นซึ่งผมเองก็ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อน
วันเสาร์วันหนึ่ง ผมกับกลอยไม่ได้เข้าเวรก็เลยนั่งคุยกันเรื่องบ้าน ผมก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรตามเบอร์ที่เจ้าของปิดประกาศขายที่ เสียงผู้ชายรับสายแนะนำตัวเองว่าชื่อเผด็จ ผมจึงได้บอกจุดประสงค์ให้แกทราบ แกถามว่าอยู่ไหนถ้าสะดวกก็มาพบที่สวนได้เลยแกกำลังอยู่ที่นั่นพอดี ผมตอบตกลงว่าจะไปพบแกแล้วก็วางหู
เวลาใกล้จะเที่ยง ผมจึงชวนกลอยออกไปด้วยกัน เผื่อเสร็จธุระจะได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านใกล้ๆ ตรงนั้นด้วย
เมื่อมาถึงสวน ผมเห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน ผมขับเก๋งผมไปจอดต่อท้าย ชายสูงวัยคนหนึ่งก็เดินออกมาจากในสวน
ผมกับกลอยยกมือไหว้พร้อมแนะนำตัวเองและจุดประสงค์ แกยิ้มกว้างบ่งบอกด้วยท่าทางว่าน่าจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง
"ป๋าเด็จ"ตามที่ผมเรียก เป็นชายวัย 63 ปี หน้าตาดูกรุ้มกริ่ม ตัวใหญ่ สูงพอๆกับผม พุงพลุ้ยตามสภาพอายุแต่ทว่าก็ดูแข็งแรง แกเล่าให้ผมฟังว่า แกจะแบ่งที่ออกเป็น 5 แปลง โดยแปลงแรกจะติดถนนใหญ่ โดยมีราคาแพงสุด จากนั้นราคาจะลดหลั่นกันลงไป ส่วนแปลงด้านในสุดจะมีพื้นที่มากกว่าแปลงอื่นๆ แต่ราคาก็จะใกล้เคียงกัน แกถามผมว่าสนใจแปลงไหนล่ะ
ป๋าเด็จถามผมแต่สายตาแกกลับจ้องมองกลอยซึ่งอยู่ในชุดเสื้อขาวรัดรูปกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยซึ่งเดินเข้าไปหลบแดดอยู่ใต้ร่มมะม่วง แสงแดดยามเที่ยงขับผิวขาวของกลอยจนออร่าออกแสงกระทบสายตาป๋าเด็จเข้าอย่างจังเบอร์
ผมบอกกับแกว่า ใจจริงแล้วก็ต้องการที่ติดถนนนั่นแหละ แต่ราคาดูจะแพงไป ยังไงก็อยากจะเอาไปคิดดูก่อน แกก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วแกก็สอบถามเรื่องราวของผมแล้วก็หันไปถามกลอยว่า ทำงานอยู่ที่ไหน? พอกลอยบอกที่ทำงานไปแกก็ร้องว่า ก็ไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ทำไมไม่เคยเจอหน้ากันสักที
เราสนทนากันอยู่ครู่หนึ่งผมก็ขอตัวกลับโดยที่มีสายตาของป๋าเด็จมองตามร่างของกลอยที่เดินขึ้นรถจนแทบไม่กระพริบ กลอยพูดขึ้นว่า เธอแทบจะละลายเพราะป๋าเด็จแกมองแบบไม่วางตาเลย ผมหัวเราะหึๆ บอกกับเธอไปว่า นี่ขนาดใส่ขาสั้นนะเนี่ย ถ้าถอดหมดตาแกคงถลนมานอกเบ้าเป็นแน่
ผมนำที่ดินแปลงต่างๆ มาเทียบเคียงราคาแล้วก็ตกลงกับกลอยว่าจะเอาแปลงในสุด แม้จะห่างจากถนนใหญ่แต่ระยะทางก็แค่ 100 เมตรเท่านั้น และราคาก็ใกล้เคียงกันแต่ว่ามีเนื้อที่มากกว่าแปลงอื่นๆ อีกทั้งราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอจะรับได้
ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานซะจนหลงลืมเรื่องที่ดินไปเลย แล้ววันหนึ่งเวลาประมาณทุ่มครึ่ง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากป๋าเด็จว่าผมว่างหรือไม่? ให้มากินข้าวและพูดคุยกันเรื่องซื้อขายที่ดินหน่อย ผมตอบรับและขอเวลาแกประมาณสองทุ่มกว่าๆ เดี๋ยวจะไปพบ ซึ่งผมต้องรอกลอยลงเวรมาก่อน โดยที่ผมอยากให้กลอยไปด้วยเพื่อการพูดคุยต่อรองราคาที่ดิน เนื่องเพราะเธอเป็นคนพูดเก่งและโน้มน้าวจิตใจคนอื่นได้ดีกว่าผม ราคาที่ดินอาจจะถูกลงได้บ้าง
สองทุ่มกว่าๆ กลอยก็มาถึงห้องพัก ผมบอกเล่าเรื่องให้เธอทราบ เธออาบน้ำแต่งตัวใส่กางเกงยืนส์เสื้อยืดสีดำคอลึกแขนรั้งรัดรูป ดูไม่น่าเกลียดอะไรแต่ก็แอบเซ็กซี่หน่อยๆ
จุดที่นัดพบเป็นร้านอาหารแห่งเดียวของอำเภอ มีเวทีสำหรับร้องเพลงสดด้วยสำหรับเอาไว้ให้แขกที่อยากจะร้องเพลง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเปิดเพลงซะมากกว่า
ผมพบป๋าเด็จนั่งอยู่กับชายอีกคน ผิวดำแดงร่างผอมสูงอายุราวๆ 50 ปี แกแนะนำตัวว่าชื่อพี่ "ชาติ" เป็นสมาชิกสภาเทศบาลคนหนึ่งเหมือนกับป๋าเด็จ พอผมพากลอยเดินเข้าไปแกก็ลุกให้ผมนั่งแทนที่โดยแกขยับไปนั่งทางซ้ายมือป๋าเด็จ ส่วนกลอยนั่งทางขวามือ
แน่นอนครับ สายตาของชายทั้งสอง ทั้งป๋าเด็จกับพี่ชาติ จ้องมองกลอยแทบไม่กระพริบ
พี่ชาติร้องสั่งเด็กเสิร์ฟขอแก้วเพิ่ม แล้วพวกเราก็เริ่มดื่มกันโดยที่ยังไม่ได้คุยธุระกันเลย แต่กลอยก็เริ่มจะคุ้นเคยกับสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือความสามารถของเธอที่เข้ากับคนได้ง่าย
ยกแก้วหมดไปหลายแก้วแล้วป๋าเด็จจึงเอ่ยชวนคุยเรื่องที่ดิน ผมขอต่อรองราคาที่แกเสนอไว้ลงนิดหน่อย แต่แกก็ยังยืนกรานราคาเดิม
"แหม...ป๋าก็ ลดให้หน่อยน๊า เน๊อะป๋าเน้อ..."
กลอยทำเสียงอ้อนพร้อมกับนำสองมือไปเขย่าแขนป๋าเด็จ แกเอื้อมมือมากุมมือกลอยพร้อมหันมายิ้มให้กับเธอด้วยตาที่เป็นประกาย
"เอ้า...ก็ได้ แค่นี้เอง จะเป็นไรไป"
กลอยแสดงท่าทางดีใจที่การแสดงออกของเธอทำให้ราคาที่ดินลดลง แล้วเธอก็ชงเหล้าให้ป๋าเด็จเป็นการตอบแทน
การสนทนาเริ่มออกรสชาติขึ้นตามปริมาณของแอลกอฮอล์ ผมกับกลอยยังไม่ได้กินข้าว แม้จะมีกับแกล้มอยู่เต็มโต๊ะแต่ก็เล่นเอาตาลายเหมือนกัน กลอยยิ่งแล้วใหญ่เพราะเธอไม่ได้แตะกับแกล้มเลยทำให้เธอเริ่มตาเยิ้มหวานและยิ้มยั่ว
"มือกลอยนุ่มมากเลย ไหนให้ป๋าจับดูอีกทีซิ"
ลายเจ้าชู้ของป๋าเด็จเริ่มออก แกขอจับมือกลอยแบบซึ่งๆ หน้าซึ่งกลอยก็ยื่นมือเธอไปให้แกจับตามคำขอ ป๋าเด็จทั้งลูบทั้งจับไปตลอดทั้งมือทั้งแขนพร้อมเอ่ยปากชมใหญ่เลยว่า ผิวนุ่มอย่างนั้นเนียนอย่างนี้เหมือนเด็กๆ เลย
"แหม...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูแก่แล้วจะไปเทียบกับเด็กๆ ได้ไง"
จริตจะก้านของกลอยเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว เมื่อยิ้มส่งตาเยิ้มๆ ไปให้กับป๋าเด็จ ก็ทำเอาแกเคลิ้มไปเหมือนกัน
"ป๋าพูดจริง...จนป๋าอยากนอนลูบแขนกลอยทั้งคืนเลย"
"จะลูบแขนหนูอย่างเดียวหรือคะป๋า?"
แล้วกลอยก็ส่งตาหวานเยิ้มให้ป๋าเด็จอีกครั้ง แกหัวเราะหึหึชอบใจ บอกกับกลอยว่าเธอนี่มันร้ายมาก เมื่อกลอยขอตัวเขาห้องน้ำ ป๋าเด็จโน้มตัวมาพูดกับผมเบาๆ
"ป๋าชอบกลอยว่ะ" ได้ยินคนอื่นบอกชอบเมียตัวเองซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ทำเอาผมอึ้งไปสักพัก
"ทำไง...ป๋าถึงจะมีวาสนาน๊า" ป๋าเด็จพูดยิ้มเปิดทาง ผมก็ยิ้มตอบเข้าในใจความหมายของแกดี
"ก็อยู่ที่ป๋าล่ะครับ"
ผมก็เปิดทางให้ป๋าเด็จเช่นเดียวกัน ดูสีหน้าแกท่าทางดีใจที่ผมเข้าใจจุดประสงค์ของแกและผมไม่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา
"ถ้าจะมีเรื่องลดราคาที่ดินลงอีก มันก็อาจจะไม่แน่นะครับป๋า" ผมชี้ช่องให้ป๋าเด็จอีกครั้ง แกพยักหน้าหงึกๆ รับทราบ
"กระซิบกระซาบอะไรกันคะ หนุ่มๆ" กลอยเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ ผมกับป๋าเด็จต้องแยกตัวกันออกห่างอย่างไว
"ก็...คุยเรื่องที่ของกลอยอยู่น่ะ
ป๋าเด็จเอ่ยตอบแบบเป็นนัยๆ ซึ่งกลอยเธอไม่รู้ว่าที่ของเธอคืออะไร พาลซื่อบอกป๋าเด็จว่า ยังไม่ซื้อขายกันเลยที่จะเป็นของเธอได้ยังไง ทำเอาผมกับป๋าเด็จหัวเราะชอบใจ
หลังจากวันนั้แล้ว ผมกับป๋าเด็จก็แทบจะโทรคุยกันทุกวัน ก็จะเป็นแกนั่นแหละที่โทรมาหาผม เดาก็น่าจะรู้ว่าเรื่องอะไร แกก็เฝ้าถามว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสบ้าง ตัวผมก็บ่ายเบี่ยงไปบ้างบอกว่า ยังไม่ได้คุยกับกลอยเลย ซึ่งความจริงแล้วผมก็ยังไม่ได้เปิดปากคุยกับเธอในเรื่องนี้เลยจริงๆ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกับกลอยพากันนอนกอดกันดูโทรทัศน์บนโชฟายาว กลอยได้เอ่ยบอกผมว่า วันนี้ป๋าเด็จโทรหาเธอตอนเลิกงานบอกว่าจะลดราคาที่ดินให้นิดหน่อยหากเธอยอมไปเที่ยวกับแกสักหนึ่งคืน
"เที่ยวหรือ?" ผมตั้งคำถามกับเธอพลางไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอไปด้วย
"แหม...คุณพี่ กลอยก็ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสานี่นะที่จะไม่รู้ว่าป๋าแกหมายถึงอะไร?"
กลอยเบี่ยงหน้าหันมายิ้มให้กับผม กลอยเล่าว่า เธอก็ตกใจพอสมควรที่ป๋าเด็จแกเอ่ยตรงๆ แบบนั้น แต่แกก็มีข้อเสนอด้วยการลดราคาที่ดินลงให้ด้วย เธอถามผมว่า พอใจไหมกับราคาที่แกเสนอมา?
ผมก็ถามกลอยกลับไปว่า แล้วจะยอมไหมล่ะ? เธอทำท่าคิดแล้วพูดว่า ถ้าได้ลดในราคาขนาดนี้ มันก็น่าสนนะ เธอหันมายิ้มกับผมแบบยั่วๆ ผมเลยเล่าให้เธอฟังว่า วันนั้นป๋าเด็จแกเสนอมาแล้วแหละแต่ผมยังไม่เล่าให้เธอฟังเท่านั้น ผมยังบอกให้เธอเล่นตัวให้ต่อรองราคาอีกหน่อยเผื่อจะได้ส่วนลดเพิ่มอีกขึ้นอีก กลอยได้แต่หัวเราะเบาๆ
วันถัดๆ มา ป๋าเด็ดก็โทรศัพท์รบเร้าทั้งผมทั้งกลอยอยู่หลายครั้ง ผมกับกลอยก็ต่อรองราคาจนคิดว่าน่าจะคุ้มค่ากับการที่กลอยจะต้องเปลืองตัวไปกับงานนี้
"ว่าไงน้อ...ดาบ เรื่องที่เราคุยกันไว้"
วันหนึ่งผมรับสายของป๋าเด็จ คำแรกของแกก็ยิงเข้าประเด็นทันที
"ตกลงครับป๋า" ผมตอบตกลงไป
ฟังเสียงแกพูดมาแล้วท่าทางเหมือนแกจะตื่นเต้นน่าดูทีเดียว แต่ผมมีข้อแม้ให้กับป๋าเด็จด้วยว่า ขอเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างแกกับเราสามคน และแน่นอน เรื่องแบบนี้ผมต้องอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผมจึงขอไปกับกลอยด้วย
เรื่องเก็บให้เป็นความลับ ป๋าเด็จให้สัญญาอย่างเร็วแต่เรื่องผมขอไปด้วยนี่แกแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ในที แต่ด้วยความดีใจของแกก็ยอมตกลงตามคำขอของผม แกรีบถามผมว่า พร้อมวันไหน? ผมบอก ต้องให้กลอยว่างคงจะเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ที่เธอได้เป็นวันพัก
"แกจะไม่ว่ากลอยขายหอยหรือพี่" กลอยเอ่ยกับผมในวันหนึ่ง
"ไม่หรอก ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันมากกว่า แต่ถ้ากลอยไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ ยกเลิกก็ได้"
ผมเห็นแววกังวลอยู่ในตากลอยหน่อยๆ แต่เธอก็ไม่ว่าอะไรคงจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วแหละ ผมจึงต้องปลอบใจเธอด้วยการจัดไปเสียหนึ่งดอกเพื่อให้เธอคลายกังวล และบอกเธอให้สบายใจด้วยว่า เราชอบเราสนุกกับมันก็แค่นั้นอย่าไปคิดอะไรมากและได้ค่าติดปลายนวมนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าเป็นกำไรก็แล้วกัน กลอยยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเบาบอกว่า ขอบคุณค่ะที่รักที่ยังรักเมียคนนี้ ผมจึงได้จัดให้เธออีกดอกเรียกว่านอนอ่อนแรงไปตามๆ กัน
วันเสาร์ถัดมา ผมโทรนัดกับป๋าเด็จว่าขอเป็นคืนนี้ ดูน้ำเสียงแกตื่นเต้นใหญ่ แกนัดพบกันที่ร้านอาหารร้านเดิมเวลาสามทุ่มบอกว่า อุ่นเครื่องกันก่อนไป ว่างั้น
สามทุ่มตรงผมกับกลอยก็ไปพบกับป๋าเด็จตามที่ตกลงกันไว้ กลอยมาชุดเสื้อกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำ เปิดไหล่เกาะอก ป๋าเด็จยิ้มร่าเมื่อเห็นกลอย พร้อมกับคำพูดเยินยอต่างๆ นานา
ตลอดเวลาที่เรานั่งสนทนากันพร้อมยกแก้วเหล้าไปด้วย ผมเห็นป๋าเด็จเขยิบเข้าใกล้กลอยและเห็นมือแกซุกอยู่ใต้โต๊ะแทบจะตลอดเวลา ผมคาดว่าแกคงจะกำลังลูบคลำขาของกลอยอยู่แน่นอน แสงไฟสลัวๆ ในร้านอาหารมันบดบังสายตาจากผู้คน และโต๊ะที่พวกเรานั่งกันก็อยู่ในมุมที่ค่อนข้างอับ จึงเหมาะยิ่งนักสำหรับการกระทำของป๋าเด็จ ผมทำเป็นเข้าห้องน้ำแต่ก็แอบแลดูก็เห็นมือของแกลูบคลำต้นขาของกลอยใต้ชายกระโปรงของเธออยู่จริงๆ ซึ่งกลอยก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร คงเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่กันทั้งสองฝ่าย
เราอุ่นเครื่องด้วยเหล้าหมดไปเกือบสองแบน เรียกว่ากำลังกรึ่มๆได้ที่ป๋าเด็จจึงได้ชวนกัน "ไปต่อ" ผมถามแกว่า จะไปต่อที่ไหนกัน แกบอก ให้ไปรีสอร์ท แต่แกจะนั่งไปกับรถผมและให้ผมติดต่อห้องพักให้เพราะแกมีคนรู้จักเยอะ กลัวว่าจะมีคนรู้ว่าแกเข้ารีสอร์ทกับสาว เดี๋ยวเป็นเรื่อง ป๋าเด็จว่าพร้อมกับหัวเราะร่วน
ป๋าเด็จสั่งเช็คบิลแล้วพวกเราก็พากันขึ้นรถ ผมขับเข้ารีสอร์ทโดยที่ป๋าเด็จนั่งหลบมุมอยู่เบาะหลัง เมื่อเปิดห้องเสร็จแกกับกลอยก็เข้าเดินห้องไปก่อนส่วนผมสาละวนอยู่กับการหยิบเหล้าแบนที่เหลือจากร้านอาหารเพื่อจะนำเข้าไปดื่มต่อในห้องพร้อมกับล็อครถ
ผมอ้อยอิ่งอยู่ข้างนอกห้องนานพอสมควรเพื่อประวิงเวลาให้ป๋าเด็ดกับกลอยได้มีอารมณ์ร่วมซึ่งกันและกัน จากนั้นแล้ว ผมก็ก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปในห้อง
อะจ๊ะ...เก็บความเสียวไว้เล่าต่อตอนหน้าดีกว่า จะได้เสียวกันแบบเต็มๆ ไปเลย
วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2567
เรื่องเล่าของผัวเมีย #15
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น