วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เล่าสู่กันฟัง... เมื่อใจมันรัก ตอนที่ ๑

 
 




      เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับผม  ที่ผมเอามาเล่าสู่กันฟังไม่ใช่ว่าผมประจานเมียตัวเองอะไรหรอกนะ ผมแค่
อยากระบายความอึดอัดแน่นอกออกบ้างก็เท่านั้น เพราะเรื่องแบบนี้นอกจากปลดปล่อยออกสู่โลกโซเซียลที่ไม่มีใครรู้จักตัวตนของผมแล้ว ผมคงไม่สามารถ
เอาเรื่องนี้ไปพูดให้ใครฟังได้



      ผมขออนุญาตปลดปล่อยระบายความอึดอัดทุกข์ใจนี้ให้เพื่อน ๆ ช่วยนำมันไปทิ้งให้ผมด้วยนะครับ



      เรื่องน่าอับอายขายขี้หน้าของลูกชายอย่างผม มันเริ่มต้นขึ้นอย่างนี้ครับ



      ผมอายุ 42 ปีแล้ว ทำงานเป็นชิปปิ้งของบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่  เมื่อต้นปีที่แล้วผมได้รู้จักคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอทำงานเป็นชิปปิ้งเดินเอกสารเหมือนกัน แต่เธออยู่คนละบริษัทกับผม


      ผู้หญิงคนนี้เธอชื่อ “อร” ครับ  อรเธออายุ 36 ปี อ่อนกว่าผม 6 ปี  เธอเป็นแม่หม้ายลูกติด ลูกติดของเธอเป็นลูกสาว ปัจจุบันนี้ลูกสาวของเธอกำลัง
เรียนอยู่ชั้นมัธยม 2 ครับ


      อรถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยหน้าตาดีคนหนึ่งครับ เพียงแต่ว่าเธอเป็นคนตัวเล็ก ความสูงของเธอน้อยไปนิดหนึ่ง เธอสูงแค่ 162ซม.  อรเธอไว้ผมยาว ผิว
ขาวแบบคนเหนือ นิสัยของเธอเป็นคนสนุกสนานเฮฮา ร่าเริง ยิ้มง่าย เข้ากับคนได้ง่าย เรียกว่าเธอเป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีดีนั่นแหละ


      แต่ถึงแม้ว่าอรเธอจะเป็นคนตัวเล็กและสูงเพียงแค่ 162ซม.  แต่นั่นเป็นเพียงข้อด้อยเพียงอย่างเดียวของเธอครับ เพราะอรเธอเป็นคนที่จัดอยู่ใน
ประเภทเนื้อนมไข่ หน้าอกใหญ่บึ๊บบั๊บ ก้นกลมสวยเห็นชวนให้ฝัน มีผู้ชายรุมจีบเธอเยอะแยะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผมด้วย ก่อนที่ผมกับเธอจะคบหากันและ
แต่งงานกันในที่สุด


      ประวัติการแต่งงานมีผัว เลิกกับผัว และมีลูกติดของอร เท่าที่ผมรู้จากปากเธอคร่าว ๆ  เธอบอกผมว่าเธอกับผัวเลิกกันตั้งแต่ลูกสาวของเธอเรียนอยู่ชั้น
ป.4 สาเหตุที่เธอกับผัวเลิกกัน อรเธอบอกผมว่าผัวเธอเป็นคนเจ้าชู้ เดี๋ยวก็ไปติดผู้หญิงคนนี้ เดี๋ยวก็ไปติดผู้หญิงคนนั้น สุดท้ายก็เลิกรากันต่างคนต่างไป
โดยที่อรเธอเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกสาวตามลำพังคนเดียว เพราะผัวเธอไปแล้วไปลับไม่เคยกลับมาช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายใด ๆ ของลูกสาว ไม่เคยโผล่หน้ากลับ
มาให้เห็นอีกเลย


      หลังจากเลิกกับผัวแล้วอรเธอก็ไม่ได้คิดที่แต่งงานใหม่มีผัวใหม่อีก เพราะลูกสาวเธอยังเด็ก เธอกลัวลูกสาวกับผัวใหม่จะเข้ากันไม่ได้ เธอก็เลยตั้งหน้า
ตั้งตาทำงานเลี้ยงดูส่งเสียลูกสาวเรียน จนทั่งปัจจุบันนี้ลูกสาวของเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยม 2



      นี่คือประวัติคร่าว ๆ บางส่วนของอรที่ผมรู้จากปากของเธอ



      ส่วนประวัติของผม ผมเป็นคนต่างจังหวัด เป็นหนุ่มโสดไม่เคยแต่งงานมีครอบครัวมาก่อน เหตุผลที่ผมครองตัวเป็นหนุ่มโสดไม่แต่งงานอยู่มาจนอายุ
42 ก็คือ “ผมไม่ค่อยหล่อ” ถ้าผมหล่อผมคงโสดนานขนาดนี้หรอก ผู้หญิงสวย ๆ ที่ผมชอบ เค้าไม่ค่อยจะชอบผมกัน  แล้วตัวผมเอง “ไม่ค่อยหล่อ” แต่ดัน
เลือกที่อยากจะมีเมียสวยสเปคใกล้เคียงกับนางสาวไทยอีก ผมก็เลยกลายเป็นหนุ่มโสดทึนทึกอยู่จนอายุ 42  จนกระทั่งอรแม่หม้ายลูกติดเธอมองเห็นความ
หล่อลึก ๆ ของผม  ผมถึงได้สละความเป็นหนุ่มโสดทิ้ง





      !!




      !!








      หลังจากที่ผมกับอรรู้จักกัน ตกลงคบหากันเป็นแฟนอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้ซักพัก ผมกับอรก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน แต่งงานกันเสร็จผมก็พาอรแยกตัว
ออกมาจากบ้านพ่อแม่เธอ ซื้อบ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังกะทัดรัด ปลูกอยู่บนเนื้อที่ 52 ตารางวา มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ โดยผ่อนส่งชำระกับธนาคารเป็น
รายเดือน เริ่มต้นสร้างครอบครัวของตัวเองกันใหม่ โดยที่ลูกสาวของอรก็ตามมาอยู่กับแม่ของเธอด้วย

      การที่ลูกสาวของอรตามมาอยู่กับแม่ที่บ้านใหม่ด้วย ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แม่เค้าอยู่ไหนลูกเค้าก็ต้องอยู่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แล้วตัวผมเองก็รัก
ลูกสาวของอร คิดว่าลูกสาวของอรเป็นลูกสาวผมด้วยเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายอะไรต่าง ๆ  ของลูกสาวอร ผมให้อรเธอเป็นคนจัดการทั้งหมด ผมไม่ยุ่งเกี่ยว แล้ว
แต่อรเธอจะเห็นสมควรจัดการยังไง เพราะเงินเดือนผมยกให้อรเธอเป็นคนจัดการทั้งหมดอยู่แล้ว อรเธอจะให้เงินลูก ซื้อของให้ลูก หรือซื้ออะไรให้ลูกก็สุด
แท้แต่เธอ ผมยกให้เป็นสิทธิ์การตัดสินใจจัดการของเธอ


      ก่อนจะเข้าเรื่องหลัก ผมขอพูดเรื่องที่ทำให้ผมจำเป็นต้องทนอยู่กินกับอรต่อให้ฟังอีกซักนิดนะครับ เพื่อจะได้เข้าใจถึงสาเหตุผมว่าทำไมผมต้องอยู่
ทำไมผมต้องทน  มันมีเหตุผลครับ


       เหตุผลมันก็มีอยู่ว่า.. หลังจากที่ผมกับอรแต่งงานอยู่กินเป็นผัวเมียกัน และพาเธอแยกตัวออกมาซื้อบ้านเพื่อเริ่มต้นสร้างครอบครัวของตัวเองกันใหม่
แล้ว บอกตรง ๆ ว่าผมรักอรมาก จะบอกว่าผมรักอรหลงอรแบบไม่ลืมหูลืมตาก็ว่าได้  เพราะเรื่องบนเตียงอรเธอเอาใจผมเก่งมาก เวลามีอะไรกันอรเธอจะ
เร่าร้อนตอบสนองกับผมแบบไม่มีกั๊ก ผมจะเอาเธอยังไงจะเย็ดเธอท่าไหน อรเธอไม่เคยปฏิเสธ นอกจากเธอจะไม่ปฏิเสธแล้ว เธอยังเด้งร่อนสู้ซี๊ดปากคราง
เสียวเสียงดังมาก พูดให้ชัดอีกอย่างหนึ่งก็คืออรเธอค่อนข้างจะเซ็กส์จัดนั่นแหละ ซึ่งมันทำให้ผมมีอารมณ์มากเวลาหลับนอนกับเธอ โดยเฉพาะเสียงซี๊ดปาก
ครางเสียวของเธอ ผมได้ยินทีไรเงี่ยนขึ้นหัวเลย

        แล้วถึงแม้ว่าอรเธอจะตัวเล็ก สูงแค่ 162ซม. เเต่เธอไม่ได้ดูปึ๊บปั๊บอวบอัดเฉพาะจากที่มองภายนอกเท่านั้น  หากแต่สัดส่วนของร่างกายเธอที่เสื้อผ้า
ปกปิดห่อหุ้มอยู่ข้างใน ก็ยังใหญ่บึ้มทั้งล่างทั้งบนแบบในฝันที่ผู้ชายทั้งหลายต้องการกันอีกด้วย  โดยเฉพาะเต่าเนื้อของเธอ นอกจากจะอูมใหญ่และขาวน่า
เลียแล้ว หอยเธอยังฟิตเหมือนกับไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีลูกมีก่อนยังงั้นแหละ แค่เย็ดควยเข้าไปผมแทบจะเสร็จน้ำแตกทันที เพราะหอยเธออูมใหญ่และ
ฟิตเย็ดเสียวควยขมิบตอดรัดควยเสียวมาก

      ส่วนนมอวบใหญ่ขาวจั้วะของเธอ ถึงแม้จะดูใหญ่เกินตัวหลอกตาไปหน่อย แต่ก็ตั้งเต้าเป็นก้อนแน่น ๆ ยังกับนมสาว ๆ ที่ไม่เคยมีลูกมีผัวมาก่อนอีก
เหมือนกัน จนบางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอไปทำศัลยนมมารึเปล่า เพราะว่านมเธอใหญ่แต่ตั้งเต้าเป็นก้อนแน่น ๆ ยังกับไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน  หัวนมก็
แดงและเล็กนิดเดียว ประมาณครึ่งปลายนิ้วก้อยเห็นจะได้


      แล้วอรเธอก็เร่าร้อนได้ใจอย่างที่ผมบอกไป  เวลาเย็ดกันอรเธอจะเด้งร่อนสู้และซี๊ดปากครางเสียวเสียงดังแบบไม่มีอาย โดยเฉพาะตอนที่เธอเป็นฝ่าย
ขึ้นขย่มเย็ดควยผม อรเธอจะซี๊ดปากครางเสียงดังแบบไม่มีกั๊ก ผมต้องคอยสะกิดเตือนให้เธอครางเบา ๆ เพราะกลัวลูกสาวเธอที่อยู่ห้องติดกันจะได้ยิน

        แต่ผมคิดว่าลูกสาวเธอคงได้ยินแล้วแหละ เพราะอรเธอเผลอซี๊ดปากครางเสียงดังบ่อย ๆ โดยเฉพาะตอนที่เธอเสร็จน้ำแตก อรจะเธอบดหอยใหญ่ ๆ
เย็ดขมิบควยผมเน้น ๆ พร้อมกับซี๊ดปากครางเสียงดังมาก ซี๊ดปากครางเสียงดังไม่พอเธอยังพูด “ผัวจ๋าเสียว ๆ ๆ” เสียงดังอีก


      และนี่คือเหตุผลที่หนุ่มใหญ่ผ่านผู้หญิงมาน้อยอย่างผมรักหลงอรหัวปักหัวปำ จนต้องทนจำยอมอยู่กับเธอมาจนถึงทุกวันนี้


        ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้คือภาวนา ภาวนาให้เรื่องเลวร้ายทุกอย่างผ่านพ้นอย่าได้หวนกลับมาหลอกหลอนสร้างความทุกข์ใจให้กับผมเลย อย่าให้ผมต้อง
สูญเสียเมียที่ผมรักหมดหัวใจคนนี้ไป



        ทีนี้กลับมาเข้าเรื่องหลักครับ



      หลังจากที่ผมพาอรแยกตัวออกมาซื้อบ้านอยู่กันต่างหาก เพื่อเริ่มต้นสร้างครอบครัวของตัวเองใหม่ได้ไม่นาน  เมื่อวันที่ 16 กลางเดือนที่แล้ว ผมจำได้
แม่นเพราะมันกลางเดือนและวันหวยออกพอดี  หลังจากเลิกงานกลับบ้านตอนเย็น อรเธอบอกผมว่าวันนี้แฟนเก่าหรือผัวเก่าของเธอที่เลิกรากันไปตั้งแต่ลูก
อยู่ป.4 อยู่ ๆ เขาโทรมาหาเธอ เขาขอมาเยี่ยมลูกสาว เพื่อที่จะเอาเงินมาให้ลูกสาว  เพราะเดือนหน้าเขาจะไปทำงานเป็นกุ๊กที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เขาอยาก
เจอลูกสาวอยากเห็นหน้าลูกสาวสักครั้งก่อนจะไปทำงานต่างประเทศ

      ตอนแรกที่อรเธอบอกว่าผัวเก่าเธอโทรหา ผมรู้สึกไม่ดี เพราะโบราณว่าช้างสารงูเห่าข้าเก่าเมียรักมักจะไว้ใจไม่ได้  แต่ผมก็คิดในแง่ดีปลอบใจตัวเองว่า
คงไม่มีอะไรหรอก อรกับเขาเลิกรากันไปนานหลายปีแล้ว ตอนนี้อรก็เป็นเมียผม ผัวเก่าเธอคงแค่ต้องการมาเยี่ยมลูกสาว เอาเงินมาให้ลูกสาวตามประสาสาย
เลือดที่ตัดกันไม่ขาดเท่านั้น คงไม่มีอะไรมากกว่านี้ ผมก็เลยอนุญาตให้ผัวเก่าเธอมาหาลูกสาวที่บ้านได้ในวันอาทิตย์

        ที่ผมอนุญาตให้ผัวเก่าของอรมาหาลูกสาวของเขาที่บ้านได้ในวันอาทิตย์ เพราะอรเธอไม่ยอมให้ผัวเก่าเธอไปหาลูกสาวที่โรงเรียน หรือรับลูกสาวออก
ไปข้างนอก อรเธอกลัวว่าผัวเก่าเธอจะพาลูกสาวหนีไป ผมก็เลยอนุญาตให้ผัวเก่าของอรมาหาลูกสาวเขาที่บ้านในวันอาทิตย์


      พอถึงวันอาทิตย์ ตอนสายประมาณสิบโมงกว่า ผัวเก่าของอรก็ขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีดำ ป้ายทะเบียนลำพูนมาหาลูกสาวเขาที่บ้าน  พอเห็น
หน้าผัวเก่าของอรผมรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ และเกิดความรู้สึกหึงหวงอรขึ้นมาตงิด ๆ  เพราะว่าผัวเก่าของอรรูปร่างหน้าตาหล่อมาก ต่างจากผมลิบลับ ผม
กลัวถ่านไฟเก่าระหว่างเขากับอรมันจะคุขึ้นมาอีก  แต่ผมก็พยายามเก็บอาการต่าง ๆ ไว้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทักทายพูดคุยกับเขาปกติ ไม่ตีตนไปก่อนไข้ ไม่
แสดงอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรออกมา  (ผัวเก่าของอรอายุ 36 ปีเท่ากับอร อ่อนกว่าผม 6 ปี)

      หลังจากที่ผัวเก่าของอรได้พบพูดคุยกับลูกสาวและอรแล้ว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะจากการที่ผมแอบสังเกตดูอรกับผัวเก่าของเธอพูดคุย
โต้ตอบกันนั้น ทั้งคู่พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันปกติ ไม่ได้มีท่าทีอะไรมากไปกว่าคนรู้จักกันหรือคนเคยเป็นผัวเมียกัน และผัวเก่าของอรเองก็บอกว่าตัวเขา
เองก็เมียใหม่และมีลูก 2 คนแล้ว แล้วต้นเดือนหน้าเขาจะเดินทางไปทำงานเป็นกุ๊กอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วด้วย อีกประมาณ 2-3 ปีเขาถึงจะได้กลับมาเยี่ยม
บ้าน ผมก็เลยรู้สึกสบายใจ
     
      ผัวเก่าของอรเขาเอาเงินให้ลูกสาวหมื่นหนึ่ง อยู่คุยกับลูกสาวชั่วโมงหนึ่งก็ขอตัวกลับ และบอกลูกสาวว่าถ้าเขาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วจะส่งเงิน
มาให้ลูกสาวทุกเดือน  ก่อนกลับเขาฝากฝังลูกสาวกับผม และขออนุญาตผมมาเยี่ยมลูกสาวอีกก่อนที่เขาเดินทางไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น

        ผมก็โอเค อนุญาตให้เขามาหาลูกสาวได้ เพราะจากการที่ผมแอบสังเกตดูเขากับอร ทั้งคู่ไม่ได้มีท่าทีอะไรต่อกัน และก็รับปากเขาไปว่าผมจะเลี้ยงดู
ลูกสาวเขาให้ดีที่สุด เพราะผมก็รักเหมือนลูกเขาเหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของผมเอง



      พอผัวเก่าของอรขับรถออกจากบ้านไป ผมก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่อรกับผัวเก่าของเธอไม่ได้มีท่าทีอะไรต่อกัน  พร้อมกับความรู้สึกอีก
อย่างหนึ่งของผมที่เกิดขึ้นตามมา นั่นก็คือผมมีอารมณ์อยากเย็ดกับอร


      ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเห็นผัวเก่าของเมียมาเยี่ยมลูกสาวเขาและพูดคุยกับเมียแล้วถึงได้เกิดอารมณ์ขึ้นมา ทั้งที่ตอนเขามาผมรู้สึกอึดอัดไม่
สบายใจ แต่พอเขาออกจากบ้านไปผมกลับรู้สึกมีอารมณ์อยากเย็ดเมียขึ้นมาซะยังงั้นแหละ แล้ววันนั้นสวรรค์ก็เป็นใจให้ผมแบบเร่งด่วนทันใจซะด้วย เพราะ
ผัวเก่าของอรขับรถออกจากบ้านไปได้แป๊บเดียว ลูกสาวเธอหรือลูกเลี้ยงของผมก็ขอออกไปเที่ยว ไปดูหนังในห้างฯกับเพื่อนที่โทรมาชวน อรเธอก็อนุญาต
ให้ลูกไป


       เมื่อสวรรค์เป็นใจเปิดทางให้ พอลูกเลี้ยงขับรถมอเตอร์ไซด์ออกจากประตูหน้าบ้านไป ผมก็ปล้ำหยอกล้อล้วงควักปลุกกระตุ้นอารมณ์อรที่โซฟานั่งเล่น
หน้าทีวีทันที  ก็เหมือนเดิมทุกครั้งครับ อรเธอตอบสนองไม่ปฏิเสธหรืออิดออดใด ๆ กับผมเช่นเคย  ผมล้วงจับนมจับหอยเธอ เธอก็ล้วงจับควยผม


      แล้วก็ไม่รู้ว่าผมคิดไปเอง หรือเกิดอุปทานขึ้นในหัวผมรึเปล่า


      คือผมรู้สึกว่าอรเธอออกอาการเร่าร้อนอยากโดนเย็ดกว่าปกติมาก เพราะปกติแล้วเวลาเริ่มต้นมีอะไรกัน ผมจะค่อย ๆ เล้าโลมเธอก่อน แบบค่อยเป็น
ค่อยไปไม่เร่งรีบ จากนั้นพอได้ที่แล้วถึงจะใช้จังหวะหนักหน่วง  แต่ครั้งนี้อรเธอดูรีบร้อนมาก เธอจัดการถอดเสื้อผ้าออกเองทั้งที่ปกติแล้วผมจะต้องเป็นฝ่าย
ถอดให้เธอ  แล้วพอถอดเสื้อผ้าออกเสร็จอรเธอขึ้นคุกเข่าก้มตัวบนโซฟาให้ผมโซโล่หอยใหญ่ ๆ สวย ๆ ของเธอทันที เธอบอกว่าเธออยากลองโดนเย็ดท่า
นี้ดูบ้าง หนำซ้ำอรเธอพูดในสิ่งที่เธอไม่เคยพูดให้ผมได้ยินอีกด้วย  นั่นก็คือเธอบอกให้ผมเย็ดแรง ๆ เย็ดกระแทกควยเข้าหอยเธอลึก ๆ เหมือนกับว่าเธอ
กำลังมีอารมณ์อยากโดนเย็ดให้น้ำแตกเต็มที่อะไรแบบนั้นแหละ


        ผมถามเธอตรง ๆ ว่าโดนเย็ดท่านี้เสียวมากเหรอ


        อรเธอให้คำตอบผมทันทีว่าเสียวมาก



        ผมได้ยินเมียบอก “เสียวมาก” อยู่ ๆ อารมณ์หึงหวงเมียซึ่งไม่ควรจะมีในเวลาแบบนี้ก็วูบเข้ามาในหัวผม พออารมณ์หึงหวงเมียวูบเข้ามาในหัว ผมอด
คิดตามสันดานหวาดระแวงของผู้ชายที่รักเมียหลงเมีย และมีเมียที่เคยแต่งงานมีลูกผัวมาก่อนไม่ได้ว่าอรเธอออกอาการร้อนขนาดนี้ เป็นเพราะเธอเห็นหน้า
ผัวเก่ารึเปล่าหว่า เพราะผัวเก่าเธอหล่อ รูปร่างหน้าตาดีกว่ากูเยอะเลย  แล้วนี่ให้กูเย็ดท่านี้เพราะผัวเก่าเธอเคยเย็ดเธอท่านี้ เธอเลยให้กูเย็ดท่านี้เพื่อรำลึก
ถึงอดีตตอนโดนผัวเก่าเธอเย็ดท่านี้รึเปล่า แล้วตอนนี้เธอคิดว่ากำลังโดนผัวเก่าเธอเย็ดเธออยู่รึเปล่าหว่า

      แต่ไม่ว่าผมจะคิดหรือเกิดความรู้สึกยังไงขึ้นมาในหัวผม มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดและความรู้สึกชั่ววูบของอารมณ์ผมเท่านั้น เพราะอย่างที่ผมบอกไป
นั่นแหละ ผมรักเธอ หลงเธอ  แล้วการที่ผมมีความคิดไม่ดีชั่ววูบขึ้นมาในหัว แทนที่ผมจะรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจหมดอารมณ์ หวาดระแวงว่าอรกับผัวเก่า
เธอจะแอบนัดแอบไปมีอะไร ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ผมเกิดความรู้สึกรักเธอหลงเธอมากขึ้นกว่าเดิม  และมีอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่
ควยผมได้เย็ดน้ำแตกใส่หอยอูมใหญ่ขาวจั้วะของเธอด้วยแบบนี้แล้ว ความรู้สึกรักหลงของผมที่มีต่อเธอ จะเรียกว่ารักและหลงเธอจนตาบอดใจบอดก็คงไม่
ผิด  เรื่องนี้ผู้ชายที่มีเมียนมใหญ่หอยใหญ่แถมยังขาวจั้วะทั้งตัวจะเข้าใจความรู้สึกรักและหลงเมียของผมดี






        # # # # # # # # #








      หลังจากที่ผัวเก่าของอรขอมาเยี่ยมลูกสาว และเอาเงินให้ลูกสาวผ่านไปได้ห้าวัน  ตอนสายของวันเสาร์อีกอาทิตย์หนึ่งถัดมา ก่อนที่ผมกับอรจะออก
จากบ้านไปทำงานกัน (ผมกับอรทำงานถึงวันเสาร์ หยุดวันอาทิตย์วันเดียว) ผัวเก่าของอรก็โทรมาขออนุญาตอรมารับลูกสาวไปเที่ยวน้ำตกกับลูกเมียของ
เขาพอดี ผัวเก่าเธอสัญญาว่าจะพาลูกสาวกลับมาส่งในตอนเย็น  เขาบอกว่าเมียเขาเข้าใจเรื่องนี้ดีไม่มีปัญหา และเมียเขาก็เป็นคนบอกให้เขาโทรมาขอ
อนุญาตเธอพาลูกสาวไปเที่ยวเอง ให้อรสบายใจเรื่องนี้ได้

      อรเธอถามความเห็นผมว่าจะให้ลูกสาวเธอไปหรือไม่ให้ไปดี  ผมคิด ๆ ดูแล้วผัวเก่าของเธอเขาก็มีเมียมีลูกแล้ว เขาคงอยากจะชดเชยให้กับลูกสาวที่
เขาทิ้งไปจริง ๆ คงไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ เขาคงไม่ได้เอาลูกสาวมาอ้าง หรือเอาลูกสาวมาบังหน้าเพื่อคิดที่จะมาเจ๊าะแจ๊ะกับอรอีก ถ้าผมห้ามหรือกีดกันพ่อ
ลูกเขาก็ดูผมจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย  อีกอย่างเดือนหน้าเขาก็จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศแล้ว ผมก็เลยอนุญาตให้เขามารับลูกสาวไปเที่ยวได้  และใน
หัวผมก็จบความคิดที่เคยคิดหวาดระแวงว่าอรกับผัวเก่าของเธออาจจะแอบนัดกันไปรื้อฟื้นความหลังกันด้วย เพราะผัวเก่าของอรเขาก็มีเมียและก็มีลูกเล็ก 2
คนแล้ว


      ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเรียบร้อยไม่มีปัญหา ผัวเก่าอรเขาพาเมียกับลูกสาวและลูกชายอายุ 3-4 ขวบไล่เลี่ยกันของเขามารับลูกสาวออกไปเที่ยวน้ำตก
กัน และพากลับมาส่งตอน 5 โมงเย็นตามสัญญา  ผัวเก่าของอรกับเมียใหม่เขาลงจากรถมาพูดคุยทักทายผมกับอรนิดหน่อย แล้วก็พากันขึ้นรถขับออกไป..


        ซึ่งมันก็ควรจะจบแค่นั้น ผมควรจะสบายใจเรื่องเมียกับผัวเก่าของเธอว่าไม่มีอะไรในกอไผ่


       (ผมรู้ทีหลังว่าบ้านผัวเก่าอรกับเมียใหม่เขาอยู่ลำพูน แต่อยู่ติดกับอำเภอสารภี ซึ่งเป็นเขตติดระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดลำพูน ห่างจากตัว
เมืองเชียงใหม่ประมาณ 20 กิโล ส่วนบ้านที่ผมกับอรร่วมกันซื้ออยู่ในตำบลป่าแดดห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่สิบกว่ากิโล)




      แต่...




      ความโล่งใจสบายใจของผมมีได้ไม่นาน  เพราะเช้าวันจันทร์ผมกับอรไปทำงานกันตามปกติ โดยผมไปส่งเธอที่ทำงานหรือบริษัทของเธอ แล้วผมก็
กลับมาทำงานที่บริษัทของตัวเอง  ตอนสาย 10 โมงกว่ามีลูกค้าต่างชาติผัวเมียคู่หนึ่งมาติดต่อให้เดินเอกสาร ทำเรื่องขออนุญาตนำสินค้าเลียนแบบของ
เก่าออกนอกประเทศให้ให้ ฝรั่งผัวเมียคู่เขาต้องการจะนำสินค้าขึ้นเครื่องติดตัวไปเอง เพราะสินค้ามีเพียงไม่กี่ชิ้นเขาไม่อยากรอ

      ผมก็ออกไปเดินเอกสารให้ลูกค้าโดยไปกับลูกค้า (ลูกค้าเขาเอารถเก๋งมา)ลูกค้าต้องการให้ผมออกไปพร้อมกับเขา เดินเอกสารเสร็จแล้วเขาจะกลับมา
ส่งที่บริษัท ผมก็เลยออกไปกับลูกค้าโดยไม่ได้เอารถไป


      หลังจากยื่นเอกสารให้กรมการค้าฯตรวจ และได้เอกสารอนุญาตให้นำสินค้า หรือนำผลิตภัณฑ์เลียนแบบของเก่าออกนอกราชอาณาจักรเสร็จ ผมก็พา
ลูกค้าฝรั่งผัวเมียไปยื่นตรวจเอกสารจำพวกเครื่องเงินกับบรอนซ์ที่ด่านศุลกากรที่อยู่ใกล้ ๆ กันต่อ



       
        จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ครับ...




        ตอนที่ลูกค้าฝรั่งเลี้ยวรถเข้าประตูด่านศุลกากร มีรถกระบะสีดำคันหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นตามากวิ่งสวนออกมา ผมรู้สึกเอะใจยังไงไม่รู้ ผมหันไปดูแต่ก็ช้าไป
เพราะรถกระบะสีดำคันนั้นออกประตูไปแล้ว และถนนทางเข้าออกสนามบินรถก็ค่อนข้างจะเยอะเพราะห้างเซ็นทรัลโรบินก็อยู่ตรงนั้นด้วย


      ผมพยายามนึกว่ารถกระบะสีดำคันนั้นเป็นรถใคร เคยเห็นที่ไหน ทำไมมันคุ้นตาแต่จัง  แต่ผมก็นึกไม่ออก เพราะผมเห็นแค่แว๊บเดียวไม่ได้ตั้งใจดูด้วย


      จนกระทั่งผมขึ้นไปยื่นเอกสารแสดงรายการสินค้าให้เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรตรวจ  เพื่อนชิปปิ้งที่รู้จักกันคนหนึ่งบอกผมลอย ๆ ว่าอรหรือเมียผมเธอมา
ยื่นเอกสารเหมือนกัน เธอเพิ่งออกไปก่อนหน้าผมเข้ามาเมื่อกี้


      ตอนแรกที่เพื่อนชิปปิ้งด้วยกันบอกผมลอย ๆ ว่าอรเธอมายื่นเอกสารเหมือนกัน ผมแค่รับรู้เฉย ๆ ไม่ได้คิด ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะกำลังยุ่งกับการเอา
เอกสารและตัวอย่างสินค้าขอนำออกนอกราชอาณาจักรให้เจ้าหน้าที่ตรวจ  แต่อีกประมาณห้าหรือสิบวินาทีถัดมา อะไรบางเรื่องบางอย่างก็ผุดแว๊บขึ้นมาใน
หัวผม


       ณ วินาทีนั้น ผมนึกออกทันทีว่ารถกระบะสีดำคันนั้นผมเคยเห็นที่ไหน และเป็นรถของใคร


       ผมรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียขึ้นมาทันที  เมื่อสมองของผมเริ่มประมวลผลเชื่อมโยงสองเรื่องเข้าด้วยกัน


       รถสีดำที่วิ่งสวนออกไป กับอรเธอมายื่นเอกสาร


       สัญชาตญาณหรือจะเรียกว่าลางสังหรณ์อะไรก็แล้วแต่ มันส่งสัญญาณบอกผมว่าเมียผมเธอมากับผัวเก่า ผัวเก่าเธอมาส่งเธอยื่นตรวจเอกสาร


      ผมไม่ได้นึกถึงความเป็นไปได้ว่าจริงหรือไม่จริง ใช่หรือไม่ใช่ รถกระบะสีดำคันนั้นเป็นรถผัวเก่าอรจริงรึเปล่า หรือว่าอรมากับผัวเก่าเธอจริงรึเปล่า เพราะ
ความรู้สึกผม ใจผม ณ ตอนนั้น มันเชื่อสนิทตามสัญชาตญาณหรือลางสังหรณ์แล้วว่าอรเธอมายื่นเอกสารกับผัวเก่าเธอจริง ๆ


      ผมยื่นเอกสารได้เอกสารคืนเสร็จ ขึ้นรถลูกค้าผัวเมียฝรั่งที่รออยู่กลับบริษัท กดโทรศัพท์โทรหาอรด้วยความกระวนกระวายร้อนใจทันที


      เสียงตอบรับของอรที่ดังอยู่ในสายเธอบอกผมว่าเธออยู่บริษัท เธอกำลังจะออกไปโหลดของขึ้นตู้คอลเทรนเนอร์...


        คำพูดนี้ของอรทำเอาผมแทบจะคลั่งสติแตกขึ้นมาทันที  เพราะไม่เพียงแต่อรเธอจะโกหกผมว่าเธออยู่บริษัทเท่านั้น แต่เสียงของเธอที่พูดบอกผมว่า
เธออยู่บริษัทกำลังจะออกไปโหลดของขึ้นตู้คอนเทรนเนอร์นั้น มันเหมือนกับว่าเธออยู่ในห้องมิดชิดไม่มีเสียงหรือมีสัญญาณอะไรใด ๆ รบกวนแม้แต่น้อย ถ้า
เธออยู่บริษัทจริงมันจะต้องมีเสียงพูดคุยหรือเสียงอะไรแทรกเข้ามาบ้าง แต่นี่เงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรแทรกเลย


      ความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาต่อเนื่องเข้ามาในหัวผมอย่างอัตโนมัติก็คือ อรเธออยู่ในรถกับผัวเก่าเธอ หรือไม่ก็อยู่ในห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอาจจะเป็นโรงแรมม่าน
รูด เพราะมันเงียบไม่มีเสียงใด ๆ


      หัวใจผมเต้นแรง ตีนมือก็สั่นขึ้นมาทันที เมื่อภาพบางอย่างผุดแว๊บขึ้นมาในหัวผมโดยที่ผมไม่ได้คิดมัน  ผมพยายามควบคุมสติอารมณ์ที่หงุดหงิด
งุ่นง่านถามเธอด้วยน้ำเสียงปกติเท่าที่จะทำได้ว่าไปโหลดของขึ้นตู้ที่ไหน เสร็จกี่โมง

      อรเธอก็บอกผมว่าไปโหลดของขึ้นที่โรงงานไหน และจะเสร็จประมาณบ่ายสี่หรือห้าโมง เลิกงานพอดี เสร็จแล้วเธอก็จะกลับบ้านเลยไม่เข้าบริษัท เธอ
จะให้เด็กโหลดของไปส่งที่บ้าน ผมไม่ต้องไปรับเธอ



      ผมไม่ถามต่อ ผมบอกเธอว่าไม่มีอะไรแค่โทรหาเฉย ๆ แล้วก็วางสาย เพราะอะไรบางอย่างมันแว๊บขึ้นมาในหัวผมพอดี






        # # # # # # # # #







     
      ผมวางสายจากอรเข้าไปขอลางานครึ่งวันกับผู้จัดการ (เพราะมันเที่ยงพอดี) แล้วรีบบึ่งรถออกไปยังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่อรเธอบอกว่าไปโหลดของ
ด้วยความร้อนใจทันที พร้อมกับภาวนาว่าให้อรเธอไปโหลดของขึ้นตู้จริง ๆ อย่าได้โกหกผม หรือออกไปกับผัวเก่าของเธอเลย ไม่อย่างนั้นหัวใจผมต้อง
สลายแน่ ๆ


      ผมขับรถไปจอดแอบไว้ในซอยข้างปั๊มน้ำมันข้างโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่อรเธอบอกว่ามาโหลดของขึ้นตู้ (ตู้คอนเทนเนอร์)  แล้วเดินอ้อมกำแพง
หลังปั๊มน้ำมันเข้าไปแอบดูว่าอรเธอมาโหลดของขึ้นตู้จริงเปล่า เพราะตอนที่ผมโทรหาเธอครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว หากเธอมาโหลดของขึ้นตู้จริงตามที่เธอบอก
เธอก็ต้องมาถึงแล้ว (โรงงานนี้เคยใช้บริการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศของบริษัทผมเหมือนกัน ผมก็เลยรู้จักทางเข้าออกดี)

      ปรากฏว่าอรเธอมาโหลดของขึ้นตู้จริง ๆ เธอกำลังยืนดูคนงานของบริษัทเธอช่วยกันแพ็คของขนของขึ้นตู้คอนเทรนเนอร์อยู่ที่หลังโรงงาน ผมพยายาม
มองหาผัวเก่าเธอว่ามาด้วยรึเปล่าแต่ก็ไม่เห็น รถกระบะของเขาก็ไม่มี  ผมคิดว่าหากอรเธอไม่ได้มาพร้อมพนักงานผัวเก่าเธอมาส่ง เขาก็คงจะมาส่งเธอลงที่
หน้าบริษัทแล้วกลับไปเลย  เพราะชิปปิ้งและพนักงานของบริษัทนี้ผมก็รู้จักสนิทสนมกันดีหลายคน หากผัวเก่าเธอมาส่งจริง ๆ อรเธอคงไม่ให้ผัวเก่าเธออยู่
เฝ้า


      เมื่อไม่เห็นผัวเก่าของอร ผมก็เลยถอยกลับออกนั่งหงุดหงิดกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูกอยู่ในรถและเข้าไปแอบดูเป็นระยะ ๆ เพราะถ้าหากไปยืนด้อม
ๆ มอง ๆ อยู่กับที่นาน เดี๋ยวคนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาเขาจะสงสัยเอา






        # # # # # # # # # #







      ผมเหมือนคนบ้าเดี๋ยวก็เข้าไปแอบดูเมียตัวเอง เดี๋ยวก็กลับออกมานั่งหงุดหงิดกระวนกระวายใจอยู่ในรถร่วม 2 ชั่วโมง  อรและพนักงานของบริษัทเธอก็
แพ็คของโหลดของขึ้นตู้เสร็จ ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่อรเธอบอกผมว่าจะโหลดของขึ้นตู้เสร็จประมาณ 4โมง หรือ 5โมงเย็น  ผมคิดในแง่บวกว่าโหลดของขึ้นตู้
เสร็จก่อนเวลาแบบนี้ อรเธอก็คงจะกลับเข้าไปบริษัทก่อน เพราะเหลือเวลาอีกร่วม 2-3 ชั่วโมงถึงจะเลิกงาน


      แต่ความคิดผมก็สะดุดลงและเกือบจะสติแตกขึ้นมาครั้งทันที เพราะอรเธอโหลดของขึ้นตู้เสร็จ รถบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์ออกจากบริษัทไป รถกระบะ
กลางเก่ากลางใหม่สีดำ ซึ่งวินานั้นชัดเจนแล้วว่าเป็นรถของผัวเก่าเธอก็วิ่งเข้ามาจอดรับเธอขึ้นรถ ตามหลังรถของพนักงานบริษัทเธอออกไป ถึงแม้ว่าผมจะ
ไม่เห็นผัวเก่าเธอลงจากรถหรือไม่เห็นคนขับ แต่ผมก็มั่นใจว่าต้องเป็นผัวเก่าของเธอมารับอย่างแน่นอน

      ผมรีบกลับออกมาหารถเพื่อขับตามแต่ก็ช้าไป แต่กว่าที่ผมจะกลับรถแล้วขับรถออกมาจากซอยได้ รถผัวเก่าของอรก็หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปทางไหน
ผมหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะไม่รู้จะทำยังไง จะไปตามที่ไหน แล้วใจผมมันก็เชื่อว่าผัวเก่าเธอมารับแบบนี้เธอจะต้องไม่เข้าบริษัทแน่ ๆ  ผมจะโทรเข้าโทรศัพท์
มือถือเธอ ผมก็กลัวว่าเธอจะรู้ตัวหรือสงสัยว่าผมแอบตามเธอ และหากมันไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เธอกับผัวเก่าเธอไม่ได้แอบเจ้าะแจ้ะกัน มันอาจจะทำให้ผม
กับเธอมีปัญหาก็ได้

      สุดท้ายผมไม่รู้จะทำยังไง ตัดสินใจจอดรถข้างทางรออยู่ประมาณ 20 กว่านาทีแล้วโทรเข้าบริษัทที่ทำงานของอร  คิดว่าถ้าอรเธอกลับเข้าบริษัทก็น่า
จะถึงแล้ว แต่พนักงานหรือคนที่รับสายก็บอกให้ผมแทบจะสติแตกอีกครั้งว่าอรไปโหลดของขึ้นตู้เสร็จแล้ว พนักงานก็กลับเข้าบริษัทกันหมดแล้ว  แต่อรเธอ
โทรไปขอลางานกลับบ้านก่อนสองชั่วโมง เธอบอกว่าเธอรู้สึกปวดหัว


      ผมวางโทรศัพท์แล้วบึ่งรถกลับบ้านทันที พร้อมกับนึกคิดด้วยความหวาดระแวงวิตกกังวลใจว่าถ้าหากกลับไปเห็นผัวเก่าของอรอยู่กับอรในบ้านด้วยกัน
จะพูดยังไง จะทำยังไง และถ้าหากอรเธอถามว่าทำไมผมกลับเร็ว ผมจะบอกเธอว่ายังไง แล้วที่เลวร้ายไปกว่านั้น ถ้าหากผมไปเห็นเธอกับผัวเก่าเธอรื้อฟื้น
ความหลังกันอยู่ในบ้านกลางวันแสก ๆ แบบนี้ ผมจะทำยังไง ผมจะทำใจได้มั๊ย


      ความวิตกกังวลใจและกลัวปัญหาสารพัดอย่างที่จะตามมา รวมทั้งกลัวที่จะเสียเมียรักด้วย ก่อนถึงบ้านผมตัดสินใจจอดรถข้างทางกดโทรศัพท์หาอร
โกหกเธอว่าผมกำลังกลับบ้านจะถึงบ้านแล้ว ผมรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเหมือนกับจะไม่สบาย ก็เลยขอลางานครึ่งวันกลับบ้านก่อน และแกล้งบอกเธอว่าตอน
เย็นเธอเลิกงานผมจะออกไปรับเธอ


      สิ่งที่อรเธอบอกตอบกลับมายังผมทำเอาผมหดหู่ ท้อแท้ เสียใจ น้อยใจ และเจ็บปวดใจแทบจะกระอักเลือดออกมาเป็นก้อน และมั่นใจว่าอรกับผัวเก่า
ของเธอกำลังรวมหัวกันสวมเขาให้ผมอย่างแน่นอน เพราะอรเธอโกหกผมว่าเธอเองก็รู้สึกปวดหัวเหมือนกัน และก็ขอลางานครึ่งวันกลับไปถึงบ้านแล้ว ตอนนี้
ผัวเก่าของเธอก็มาอยู่ที่บ้าน เขาซื้อของมาฝากไว้ให้ลูกสาวและกำลังจะกลับ



      เธอโกหกไม่เนียน



      ถ้าหากอรเธอบอกผมว่าผัวเก่าเธอไปหาที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์เพื่อเอาของไปฝากไว้ให้ลูกสาว แล้วเธอขอให้เขามาส่งเธอที่บ้าน ผมก็ยังพอที่จะทำใจ
รับคำโกหกของเธอได้



      แต่นี่ผมเห็นกับตาตัวเอง ว่าผัวเก่าเธอไปรับเธอมาจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ไม่ใช่เขามาหาเธอที่บ้าน



      อรเธอโกหกผมต่อหน้าผัวเก่าของเธอ



      ผมรักเธอกับลูกเธอแค่ไหนเธอก็รู้ ทำไมเธอทำกับผมแบบนี้



      ทำไมเธอไม่ซื่อสัตย์กับผม เหมือนกับที่ผมซื่อสัตย์กับเธอ



      คนโกหกย่อมคิดชั่ว และทำชั่ว



      คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น