วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563

สอนลูกว่ายน้ำ 7


 


"แต่หนูชอบชุดนี้นี่คะพ่อ..นะคะพ่อขา.." ลูกคิมเดินมาอ้อนกอดแขนผมแน่น เงยหน้าขึ้นฉอเลาะ แล้วยิ้มประจบเอาใจ

"อ่าว..เป็นพ่อลูกกันหรือคะ..นึกว่าคุณพี่พาแฟนมาเลือกชุดว่ายน้ำเสียอีก.."

พนักงานสาวเผลอพูดออกมาเบาๆ  ด้วยความแปลกใจ ทั้งๆที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของลูกค้า แต่ผมก็ไม่ได้ตำหนิ
อะไรหล่อน เพียงส่งยิ้มไปให้เฉยๆ จนเธออายเขินหน้าแดงที่หลงเข้าใจผิดตั้งแต่แรก

"ตามใจละกันลูก อยากได้ก็เอาเข้าไปลองสิ..เดี๋ยวพ่อจะเลือกกางเกงว่ายน้ำของพ่อบ้าง.."

ผมพูดจบลูกคืมก็ดีใจเขย่งขาเงยหน้าจุ๊บแก้มของผมเบาๆ ด้วยทีท่าของเด็กน้อยไร้เดียงสา แล้วหยิบชุดว่ายน้ำที่เธอเลือก
เดินหายเข้าไปในห้องลอง ส่วนผมก็เลือกมั่วๆได้กางเกงว่ายน้ำมาตัวหนึ่ง เดินเข้าไปเปลี่ยนลองชุดในห้องฝ่ายชาย ซึ่งอยู่
ตรงข้ามกับห้องลองชุดของฝ่ายหญิง

"พ่อคะ..อยู่ห้องไหนคะนี่.."

ขณะที่กำลังถอดแก้กางเกงขายาวเพื่อลองชุด จู่ๆลูกคิมก็ร้องเรียกอยู่หน้าห้อง พร้อมเดินผลักประตูไล่ดู จนมาถึงห้องผมที่
ล็อคไว้

"พ่ออยุ่ห้องนี้ใช่มะ...เปิดประตุห้องหนูหน่อย.."

ลูกคิมร้องเรียกอยู่สองสามครั้ง ผมก็รีบเปลี่ยนไปลองกางเกงว่ายน้ำจนสำเร็จ แม้ดูว่ามันจะคับไปเล็กน้อย รัดเป้าจนแลเห็น
ควยพาดเป็นลำทั้งๆที่มันสงบนิ่ง

"อืมมมมม..พ่ออยู่ห้องนี้แหละ..มีอะไรหรือลูก.."

ผมร้องผ่านประตุห้องไปเบาๆ พร้อมถอดกลอนยื่นหัวออกมา เห็นลูกคิมยืนอยู่ที่หน้าห้องในชุดว่ายน้ำแบบทูพีชสีขาวเรียบ
ร้อยแล้ว แลออกไปด้านหน้าทางเข้า พนักงานสาวยืนยิ้มๆอยู่ต้นทางเข้า ก่อนจะเดินกลับไปยังเค้าน์เตอร์ของเธอ

"พ่อดูหน่อยสิคะว่า..ชุดนี้มันเหมาะมั๊ย..."

ลูกคิมร้องตอบพร้อมผลักดันบานประตูเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าผมในระยะประชิด จนผมต้องรีบงับประตูปิดอย่างรวดเร็ว เกรงว่า
ถ้าใครมาเห็นลูกสาวในสภาพเช่นนี้ คงคิดไม่ดีกับเธอแน่

"พ่อดูให้หน่อยสิคะว่าเหมาะกับตัวหนูมั๊ย..."

ลูกคิมพูดพร้อมกับหมุนตัวบิดซ้ายบิดขวาให้ผมดู บิกินีสีขาวที่ขอบขาเว้าลึกจนดูเหมือนเป็นแถบผ้าผืนเล็กๆที่ปกปิดเนิน
สวย ไม่ได้แตกต่างกับกางเกงในแบบจีสตริงแม้แต่น้อย ผมมองสำรวจพร้อมแอบลอบกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆลงคอเสียงดัง
เอื๊อก เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ก็รุ้สึกว่ามันจะโป๊เกินวัย จึงบอกกับลุกคิมไปตามตรง

"ช่วงบนน่ะสวยดีลูก มิดชิดดี..ตะ..แต่ว่าบิกินี่ตัวนี้มันจะโป๊เกินไปหน่อยมั๊ยคะ..." ผมพูดพร้อมส่งสายตาให้เธอมองตามไปที่
เป้ากางเกงอวบอูมดุเป็นรูปร่างสามเหลี่ยมเด่นชัด

"โดย..เฉพาะ..เอ้อ..ตรงนี้..พ่อว่ามันชัดเจนเกินไปนะลูก.." ผมพูดพร้อมชี้มือไปตรงเป้า ที่รัดเน้นจนแลเห็นเป็นกลีบแบ่งแยก
สองข้างอวบเปล่ง

"ตรงไหนคะพ่อ...ไหนดูสิ..หนูว่าไม่เห็นจะน่าเกลียดสักนิด..."

ลูกคิมมองตามนิ้วชี้ของผมลงมาที่เป้า แล้วหมุนตัวถ่างขาส่องกระจก เธอก็แลเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันรัดเน้นจนร่องแยก
ออกมาเป็นกลีบ แต่เธอกลับบอกว่าไม่น่าเกลียดแม้สักนิด

"หรือพ่อว่าร่องกลีบของหนูน่าเกลียดคะ.."

ลูกคิมถามโพล่งออกมาตรงๆ จนผมชะงัก สมองหมุนว่าจะตอบอย่างไรดี ขืนบอกว่าน่าเกลียดก็คงโดนเธองอนเชิดใส่ ครั้น
จะบอกว่าไม่น่าเกลียด มันก็แปลว่าผมชอบ เธอคงตัดสินใจซื้อชุดนี้เป็นแน่

"เอ้อ..พ่อว่า..."ผมยังไม่ทันพูดจบประโยค ลูกคิมก็พูดสวนขึ้นทันที

"ไม่น่าเกลียดใช่มั๊ยคะ..งั้นหนูเอาตัวนี้แหละ อิอิ..." ลูกคิมสรุปเสร็จสรรพ จนผมอ้าปากค้างพูดไม่ออก

"ชุดของพ่อก็สวยนะคะ..เป้าตุงๆเซ็กส์ซี่จะตาย..อิอิ..."

ลุกคิมหันสายตามามองเป้ากางเกงว่ายน้ำตุงๆของผม แล้วเอื้อมมือมาลุบปราดที่สีข้าง ก่อนจะตวัดปลายนิ้วมาตรงกลางเป้า
ตุงๆที่เธอบอกว่าเซ็กส์ซี่ จนผมสะดุ้งรีบแอ่นก้นถอยหนี ปลายนิ้วตวัดเฉียดลำยาวของผมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด จน
เธอหัวเราะคิกๆเสียงยั่วเย้า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมยืนอึดอัดเพราะท่อนลำคัดแข็งพองตัวขึ้นมาจน
พาดออกมาเป็นลำ

ครั้นผมเตรียมจะถอดรูดชุดว่ายน้ำออกมาจากตัว ก็ใจหายวาบ รีบสวมกลับเข้าไปดั่งเดิม เพราะน้ำเงี่ยนไหลปริ่มออกมาจาก
ปลายหัวหยดเป็นดวงตรงเป้า ขืนเอาไปส่งคืนให้พนักงานสาว เธอคงหัวเราะขำกลิ้งเป็นแน่ เลยจัดการดึงป้ายราคาหลุด
ออกมา แล้วรีบสวมกางเกงยีนส์ขายาวทับเข้าไปดั่งเดิม

"ตกลงผมเอาตัวที่ลองเลยแล้วกันครับ..."

ผมบอกพนักงานสาวเบาๆ ไม่กล้าสบสายตากับเธอ เมื่อยื่นป้ายราคาส่งให้กับมือเรียวที่ยื่นมารับ โดยมีลูกคิมยืนยิ้มๆอยู่ข้างๆ
พอจัดการจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบจับมือลูกคิมเดินลื่วออกมาทันทีด้วยความอับอายขายหน้า พร้อมสาบานกับตัวเองเลย
ว่าจะไม่มาเหยียบที่ห้างแห่งนี้อีกเลย

ผมรีบจูงมือลูกคิมเดินลิ่วๆออกจากแผนกชุดว่ายน้ำ เพราะรู้สึกอายๆเมื่อมีสายตาของพนักงานสาวมองๆยิ้มๆ จนกระทั่งเดินมา
ถึงบันไดเลื่อนที่มีบอร์ดโฆษณาภาพยนต์ติดโชร์อยู่

"พ่อคะๆๆๆ...อย่าเพิ่งไป.." ลูกคิมดึงมือผมให้หยุดยืนอยู่หน้าโปสเตอร์โฆษณาหนังที่ติดอยู่ข้างๆบันไดเลื่อน แล้วชี้มือไปยัง
โปสเตอร์แผ่นหนึ่ง

"หนูอยากดูหนังเรื่องนี้คะ.."

 ผมองไปตามนิ้วชี้ของลูกคิมแล้วใจหายวาบ เมื่อแลเห็นโปสเตอร์หนังเรื่องที่เธออยากดูนั้นคือเรื่องFifty Shades of Grey
ก็รีบส่ายหัว

"หนูยังเด็กดูไม่ได้หรอกจ๊ะ..ไม่เห็นหรือจ๊ะว่าเขาเขียนบอกเรทหนังไว้..." ผมรีบตอบปฏิเสธ พร้อมดึงมือลุกสาวเพื่อเดินออก
จากที่นั้น แต่เธอก็ขืนตัวไว้

"นะคะพ่อ...เพื่อนๆหนูไปดูกันมาหมดแล้ว..." เธออ้อนวอนทำหน้าตาน่าสงสาร

"ดูได้ยังไงจ๊ะ..เขาต้องตรวจบัตรประชาชน..พอดูก็รุ้ว่าลูกยังอายุไม่ถึงเกณฑ์กำหนด..."

ผมพูดพร้อมกับพยามดึงมือลูกคิมให้เดินจากจุดนั้น แต่เธอก็ยังแข็งขืนไม่ยอมสาวเท้าก้าวเดินตาม จนกระทั่งเริ่มมีคนหยุดยืน
มองมายังเราทั้งสองคนพ่อลูกมากหน้าหลายตาขึ้น จนผมเริ่มรุ้สึกอึดอัด

"เอางี้นะลูก...ถ้าหนูเข้าดูได้พ่อก็จะยอมดูด้วย..แต่ถ้าเขาห้ามไม่ให้ดู หนูห้ามงอแงนะจ๊ะ..."

ผมรีบต่อรอง เพราะมั่นใจว่ายังไงเสียครั้งนี้ผมก็ชนะแน่ ลูกคิมจึงยอมเดินตามผมไปยังโรงภาพยนต์ อย่างไม่มีทางอ้อนเกเร
ได้ต่อไป

"พ่อรักษาสัญญานะคะ..งั้นพ่อไปซื้อตั๋วหนังมาก่อนเลยสองใบ..แล้วเอามาให้หนูตรงนี้..."

แม้จะต้องเสียเงินถึง300กว่าบาทเพื่อตั๋วหนังที่เราทั้งสองคนไม่มีทางเข้าไปดู ผมก็ยอมทำตาม เดินไปที่ช่องขายตั๋วแล้ว
เลือกที่นั่งแบบไม่ต้องคิดไปสองที่แล้วจ่ายเงิน นำตั๋วใบหนึ่งเดินมาหาลูกคิม ที่กำลังยืนสนทนากับกลุ่มหนุ่มสาวหน้า
หมวยๆ แต่ดูก็รุ้ว่าต่างน่าจะมีอายุมากกว่าลูกสาวผม

ผมเดินเอาตั๋วหนังใบหนึ่งมายัดใส่มือเธอ ลูกคิมก็ทำสัญญาณให้ผมรออยู่ตรงนั้น แล้วสักครู่เธอก็เดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยว
ชาวเอเซียกลุ่มนั้นเข้าไปที่พนักงานตรวจตั๋ว ผมคาดการณ์ว่าลูกคิมจะต้องโดนกักตัวไว้ตรงจุดนี้แน่นอน จึงมองๆอมยิ้มอย่าง
สะใจ แต่แล้วให้ตายเหอะ นี่นะหรือเมืองไทย พนักงานตรวจตั๋วปล่อยให้นักท่องเทียวกลุ่มนั้นผ่านเข้าไป โดยไม่ได้ตรวจ
บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตเลยสักคน

ซึ่งหนึ่งในจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้น ก้มีลูกคิมเดินปนกลุ่มเข้าไปด้วย พอเธอผ่านเข้าไปได้แล้ว ก็หันหน้ามาแลบลิ้นใส่ผม
ด้วยท่าทางทั้งน่ารักทั้งยั่วโมโห จนผมต้องเดินเกาหัวแกร๊กตามเข้าไปสมทบ กับลุกคิมที่หน้าโรงหนังด้วยสีหน้าที่หนักใจ
กับเรื่องราวของภาพยนต์ที่เรากำลังจะไปดูกัน
 
เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจเช็คตั๋วหนังไปได้แล้ว ผมรีบพาลูกคิมเข้าไปในนั่งรอในโรงภาพยนต์ทันที เราได้ที่นั่งแถวหลังสุด
อยู่ในช่วงกลางๆ ฉนันพอเราเข้ามานั่งรอคนแรกๆ จึงไม่ต้องหดขาเบี่ยงตัวเวลาที่คนเข้าโรงทีหลังเดินผ่าน

ลูกคิมก็ดูสนใจกับหนังตัวอย่างที่ฉายให้เราดู ปากเคียวข้าวโพกขั้วแหยบๆพลาง พูดอ้อนผมไปพลางให้พามาดูหนัง ตามที่
เห็นจากโฆษณาตัวอย่าง ผมก็อือๆเออๆไปตามเรื่องจนกระทั่งแสงไฟในโรงหนังหรี่มืดลง หลังจากเพลงถวายพระพรสรรเสริญ
พระบารมีจบลงหนังตัวจริงก็เริ่มฉาย

ดูเหมือนครั้งนี้ลูกคิมจะสนใจเนื้องเรื่องของภาพยนต์จริงๆ ตามที่เธออ้อนว่าอยากดู เพราะสายตาจับจ้องมองตัวละคร ที่โลด
แล่นไปทีละฉากทีละซีนไม่ยอมให้คลาดสายตา ส่วนผมนั้นก็ดูผ่านๆ เพราะภาพยนต์เสียงในฟิล์มเป็นภาษาอังกฤษนั้น ผม
ไม่ค่อยแตกฉาน ฟังได้รุ้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แม้ภาพยนต์จะติดเรท คนอื่นๆอาจจะตื่นเต้นที่ได้ดูหนังแบบนี้ในโรงภาพยนต์
แต่สำหรับผมกลับรุ้สึกเฉยๆ มันไม่ได้หวือหวาตื่นเต้นเสียวสยิวจนใจเต้นระทึกไปกับบทบาทการแสดงของดาราแต่อย่างใด
เพราะตนเองเคยดูหนังเรทเอ็กซ์ เรทอาร์ จากคอมพิวเตอร์มาเยอะแยะแล้ว แต่ลูกคิมกลับนั่งจ้องมองดูตาไม่กระพริบ

จนกระทั่งมาถึงบทพิสวาทระหว่างพระเอกกับนางเอกนั่นแหละ ลูกคิมถึงค่อยวางมือลงมาที่ต้นขาของผม แต่แรกก็วางไว้เฉยๆ
พอบทพิสวาทเริ่มรุนแรงขึ้น จนถึงฉากที่มีการทรมานแบบซาดิสนั่นแหละ เล็บของลูกคิมจึงค่อยงอจิกต้นขาผม อย่างที่เธอ
คงไม่รู้สึกตัว แต่ผมสะดุ้งเล็กน้อย แม้มันไม่เจ็บมากมายอะไรก็ตาม แต่ที่สะดุ้งแตกตื่นคงเป็นเพราะเสียงลมหายใจของลูกคิม
เสียมากกว่า

ที่มันค่อนข้างดัง ฉากแต่ละฉากแต่ละซีนผ่านไปอย่างเชื่องช้า พร้อมกับลมหายใจของลูกคิดเริ่มกระชั้นถี่ ด้วยความตื่นเต้น
เล็บที่จิดลงบนต้นขาของผมคลายตัวหายเกร็ง แต่กลับกลายเป็นการลูบไล้แผ่วๆ จากลำขาเหนือหัวเข่า ค่อยๆสูงขึ้นๆจน
เกือบจะถึงโคนขา ผมเลยต้องเอื้อมมือไปจับมือลูกคิมยึดแน่นไว้ เกรงว่ามันจะลามไล้ขึ้นมาสูงกว่านี้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น