"ดำ&นิ่ม คู่เพื่อน 1"
เมื่อผมเห็นรายชื่อปลัดอำเภอที่ย้ายมาใหม่ผมก็ร้องลั่นด้วยความยินดีเพราะรายชื่อและนามสกุลนั้นมันเป็นเพื่อนของผมเอง
ผมกับเจ้า"ดำรง"หรือ"ดำ"หัวหกก้นขวิดมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น มันกับผมเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนมาด้วยกัน เล่นกีฬาอื่นๆ มาด้วยกันตลอด พอเรียนจบชั้นมัธยมปลายมันเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ แรกๆ เราทั้งสองก็เขียนจดหมายติดต่ออยู่กันตลอด แต่ระยะหลังห่างหายไปจนมันเรียนจบเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
วันแรกที่เจอกันดำมันอ้าปากค้างไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเจอผมที่นี่ เราถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอยู่นาน รูปร่างดำดูอวบอ้วนขึ้นมากแต่เนื่องด้วยตัวมันสูงกว่าผมนิดหน่อยจึงทำให้ดูสมส่วน ส่วนผิวคล้ำดำของมันก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่ที่เห็นชัดเจนคือหน้าผากของมันที่กว้างขึ้นแต่ใบหน้าหล่อเข้มของมันก็ยังหล่อเหลาอยู่เหมือนเดิม และด้วยงานของผมกับของมันที่ต้องประสานงานกันอยู่ตลอดทำให้เราต้องพบกันอยู่บ่อยๆ อยู่แล้วเราจึงเริ่มกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง ทั้งคู่หูคอเหล้าและคู่หูกีฬา
เดือนกว่าๆ ดำจึงได้พบกับกลอยเมื่อผมพามันไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมเห็นมันมองเธอแทบไม่ละสายตา และด้วยอัธยาสัยเข้าคนง่ายของคนทั้งสองก็ทำให้ทั้งสองเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว
"ไหนมึงบอกว่าชอบคนผิวคล้ำไง ทำไมถึงมาได้คนขาวๆ อย่างกลอยเป็นเมียล่ะวะ?"
ดำมันเอ่ยถามผมในวันหนึ่งผมก็บอกว่า กูคิดจะจีบเล่นๆ แต่เสือกติดจริงๆ กูก็เลยปล่อยเลยตามเลย ดำหัวเราะบอกว่า ไม่ปล่อยเลยตามเลยก็บ้าแล้วก็กลอยสวยออกอย่างนี้ ผมแอบยิ้มในใจเมื่อเพื่อนเอ่ยชมเมียรัก แล้วผมก็แอบวางแผนไว้ในใจเหมือนกัน
หลายเดือนต่อมาเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง หลังผมออกเวรก็แวะไปหาดำที่บ้านพักหลังที่ว่าการอำเภอเพื่อจะนัดกันไปออกกำลังกายกันสักหน่อย แล้วผมก็ต้องยืนนิ่งจ้องมองหญิงคนหนึ่งที่มาเปิดประตูต้อนรับ เธอมีใบหน้าที่สะสวยมีรอยยิ้มละไมเต็มใบหน้าอีกทั้งผมดำยาวขลับยาวสลวยเต็มแผ่นหลังและมีสีผิวสีนำผึ้งของเธอดูเตะตาผมแต่แรก และที่เด่นอีกอย่างคือสองเต้าคู่ใหญ่ที่เด้งดันเสื้อยืดรัดรูปออกมาจนเห็นเด่นชัด ผมนั่งมองเธออยู่จนดำออกมาจากห้องน้ำแล้วแนะนำเธอให้ผมรู้จัก "นิ่ม" คือชื่อของเธอและเป็นเมียของมัน
ดำบอกว่า กำลังจะโทรหาผมพอดี มันว่า จะเลี้ยงรับนิ่มในวันนี้พร้อมบอกให้ผมรับกลอยมาด้วยในตอนเย็น
นิ่มทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิตเธอจึงสามารถตามดำไปได้ทุกที่ ทั้งสองแต่งงานกันมาตั้งแต่ดำรับราชการใหม่ๆ ทั้งสองยังไม่มีลูกด้วยกันสาเหตุเพราะนิ่มมีบุตรยาก ปรึกษาหมอก็แล้วพยายามก็แล้วก็ยังไม่มีลูกสักที ดำว่า แรกๆ ก็เสียใจมากที่ไม่สามารถมีลูกได้แต่เมื่อนานๆ ไปก็คุ้นชินกับการอยู่สองคนผัวเมียแล้ว
เย็นวันนั้นเราทั้งสองคู่ก็ตั้งวงกันอยู่หลังบ้านพักของดำที่มีไฟในเตาย่างกำลังคุโชนโดยมีสองสาว กลอยกับนิ่มยืนคุยกันพร้อมกับย่างหมึก,กุ้งและหอยแครงไปด้วย ทั้งสองคนเข้ากันได้อย่างรวดเร็วแถมอายุยังเท่ากันอีกจึงพูดคุยกันได้อย่างถูกคอ ผมกับดำนั่งดื่มอยู่ที่แคร่มองสองสาวที่หัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ แน่นอน! ไม่มีใครมองเมียตัวเองเลยเพราะสายตาของเราทั้งสองต่างจ้องมองเมียของกันและกัน
กลอยกับนิ่มมีส่วนสูงใกล้เคียงกันแต่ว่านิ่มจะผอมเพรียวมากกว่ากลอย ทั้งสองไว้ผมยาวเหมือนกันความสวยโดดเด่นไม่แพ้กันเรียกว่าทั้งสองคนกินกันไม่ลงจริงๆ แต่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ หน้าอกของนิ่มจะใหญ่กว่ากลอยมากขณะที่สะโพกของกลอยนั้นใหญ่กว่านิ่มนิดหน่อย ขณะเดียวกันนั้นสีผิวของทั้งสองคนก็ตัดกันอย่างชัดเจน กลอยมีผิวขาวกระจ่างขณะที่นิ่มมีผิวสีน้ำผึ้งนวล
"เป็นไงมาไงมึงถึงตกลงปล่องชิ้นกับนิ่ม ไหนมึงบอกชอบคนขาวไง?"
ผมถามดำด้วยคำถามเดียวกันกับที่มันเคยถามผม และคำตอบก็เหมือนกันกับผมคือ มันจีบเล่นๆ ไม่คิดว่าจะติด แต่พอติดแล้วก็ติดหนึบเลย ผมก็ว่า โชคดีแล้วที่มึงจีบติด ปล่อยผู้หญิงอย่านิ่มไปก็ถือว่าโง่ล่ะ เราทั้งสองหัวเราะพร้อมระะลึกถึงความหลังเมื่อครั้งสมัยยังเรียนมัธยมที่เราทั้งสองจีบสาวแข่งกัน ดีหน่อยที่รสนิยมสาวในใจของเราไม่เหมือนกัน คนหนึ่งชอบผิวขาว อีกคนชอบผิวคล้ำเราจึงไม่เคยแย่งสาวคนเดียวกันสักที
เวลาผ่านไปหลายเดือนความสัมพันธ์ของเราทั้งสี่คนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เรานัดกันเล่นกีฬาในตอนเย็นเป็นประจำ หลังเล่นฟุตบอลแล้วก็เข้าไปเล่นแบตมินตันในหอประชุมโรงเรียนกันต่อ หากกลอยไม่ติดเวรบ่ายก็จะจับคู่เล่นกันโดยทั้งผมกับดำต่างก็อยากจะจับคู่กับเมียของกันและกัน ผมกับดำจึงฉวยโอกาสจับมือเมียเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเสร็จจากออกกำลังกายก็จะต่อด้วยวงเหล้านิดหน่อย บ้านผมบ้างบ้านพักของดำบ้างตามแต่โอกาสอำนวย
เย็นวันหนึ่งขณะที่สองสาวกำลังคุยกระหนุงกระหนิงกันไปพร้อมทำกับแกล้มกันไป ส่วนผมกับดำก็นั่งดื่มอยู่ที่แคร่หลังบ้านพักของดำ สายตาของดำจ้องมองโคนขาขาวอวบของกลอยใต้กางเกงขาสั้นสีดำซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิโขลกน้ำพริกอยู่ ผมมองสายตาของเพื่อนออกว่ามันคิดยังไงกับเธอซึ่งผมก็ยังคิดหาหนทางไม่ออกว่าจะทำยังไงดีจะเริ่มยังไงดีเพราะกล้วว่าเพื่อนจะมองเราทั้งสองในแง่ที่ไม่ดี อีกทั้งก็ไม่แน่ใจด้วยว่ามันจะคิดยังไงกับผมที่ก็แอบมองเมียของมันอยู่เหมือนกัน แต่จากการคาดเดาผมก็ดูๆ ว่ามันก็ไม่ได้ว่าอะไรที่เห็นผมมองเมียมันเพราะเราทั้งสองก็รู้ทางของกันและกันดีอยู่แล้ว ดีไม่ดีดำอาจจะชอบแบบผมก็ได้ ยังไงผมก็ว่าจะรอดูๆ ไปก่อน
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกหลายเดือน ดำนัดผมที่ร้านอาหารของค่ำวันหนึ่ง เราทั้งสองละเลียดเหล้าเข้าปากพร้อมกับฟังเพลงไปด้วยจนได้เวลาพอสมควร ดำจึงได้เปิดปากกับผมในเรื่องที่มันเตรียมมาพูด
"กูพูดจริงๆ นะเพื่อน มึงอย่าโกรธกูนะ"
ผมทำสีหน้าไม่เข้าใจจนมันย้ำอีกรอบ ดำพูดเบาๆ กับผมว่า เอก...กูชอบกลอยว่ะ ผมจึงทำทีหัวเราะแล้วพูดกลับไปว่า มึงก็อย่าโกรธกูนะ กูก็ชอบนิ่ม ดำทำหน้าขึงขังบอกว่า กูจริงจังนะโว้ย ผมจึงทำหน้าจริงจังกับมัน ดำพร่ำเพ้อพรรณาว่า กลอยสวยอย่างนั้นรูปร่างดีอย่างนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีลูกสองคนแล้ว มันพูดเสียงอ่อยๆ ว่า มึงก็รู้ว่ากูแพ้ความขาว ผมหัวเราะตบบ่ามันบอกว่า กูเข้าใจ ดำหัวเราะแล้วพูดว่า กูก็รู้ว่ามึงก็มองนิ่มเหมือนกัน ผมยิ้มพูดว่า มึงก็รู้ว่ากูแพ้ผิวน้ำผึ้ง แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
"เอก...กูกับมึงมาแลกเมียกันไหม?"
ดำก้มหน้ามาพูดเบาๆ กับผม ดูเหมือนว่ามันจะรวบรวมความกล้าพอสมควรที่จะเอ่ยคำนี้ออกมา ผมค่อนข้างตกใจพอสมควรที่ได้ยินมันพูดออกมาเพราะไม่คิดว่ามันจะพูดตรงๆ ขนาดนี้ แต่มันก็ทำให้ผมอดยิ้มในใจไม่ได้ที่งานนี้ไม่ยากอย่างที่คิดเมื่อดำมันเปิดใจออกมาแล้ว ผมทำท่าตกใจร้อง เฮ้ย!...เบาๆ ทำเอามันหน้าเสียไปทีเดียว ผมพูดว่า แล้วผู้หญิงเขาจะเล่นด้วยหรือวะ? ดำกลับมายิ้มบอกว่า สบาย กูกล่อมนิ่มแล้วเพราะนิ่มก็ชอบมึงเหมือนกัน ดำยกเหล้าซดพรวดหมดแก้วแล้วก็พูดว่า ช่วยหน่อยเพื่อน ช่วยกล่อมกลอยให้กูที ผมยิ้มในใจแล้วบอกกับมันว่า เออๆ...เดี๋ยวจะพยายาม ดำกระหยิ่มเหมือนเด็กได้รับของขวัญยังไงยังงั้น
ความจริงแล้วผมกับกลอยก็พูดคุยกันมาพักใหญ่ๆ แล้วสำหรับเรื่องนี้ เธอก็รู้อยู่ตลอดว่าดำนั้นชอบมองเธอ มันทำเอาเธอแทบละลายเลยล่ะเมื่อสายตาของดำจ้องมองเธอแทบจะกลืนกินอย่างนั้น อีกทั้งดำก็พูดคุยดีไม่มีล้ำเส้นอะไรกลอยก็เลยชอบนิสัยของมัน อีกอย่างที่เธอชอบจริงๆ คือชายผิวคล้ำที่เตะตาเธอเหลือเกิน กลอยตีแขนผมเบาๆ แล้วพูดงอนๆ ว่า ชอบนิ่มใช่ไหมล่ะ? ผมหัวเราะแล้วดึงเธอเข้ามากอดแล้วบอกว่า ชอบสิ แต่รักเมียมากกว่า กลอยหน้าแดงด้วยความอายพร้อมมองค้อนผมแต่แววตาเธอเปื่ยมไปด้วยความสุข
หลังจากคุยกันวันนั้นผมกับดำก็เปิดโอกาสให้แก่กันและกันแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีโอกาสกันสักเท่าไหร่นักด้วยว่าการงานของเราด้วย แล้ววันหนึ่งดำก็โทรมาหาผมบอกว่า ช่วยพานิ่มกลับไปหาลูกค้าที่จังหวัดเดิมที่มันทำงานอยู่ให้หน่อย มันว่ามันติดธุระสำคัญจริงๆ ไม่สามารถไปกับนิ่มได้
"มึงดูแลนิ่มดีๆ นะโว้ย เดี๋ยวกูให้รางวัล"
ดำพูดไปหัวเราะไปแบบมีเลศนัยซึ่งผมก็รับรองกับมันอย่างดี นิ่มบอกนัดลูกค้าบ่ายสามโมงเย็นโดยเธอให้ผมขับรถพาเธอออกเดินทางตั้งแต่ห้าโมงเช้า พอถึงตัวจังหวัดนั้นนิ่มก็ให้ผมพาไปที่สำนักงานประกันก่อนกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วเธอจึงบอกให้ผมไปส่งเธอในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง นิ่มบอกผมให้มารับเธอเวลาหกโมงเย็น แม้ใจผมอยากจะถามอะไรกับเธอหลายคำแต่ก็เก็บเงียบไว้ก่อน ผมขับรถวนเข้าตัวเมืองไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งก่อนจะตีตั๋วเข้าไปดูหนังสักเรื่องเพื่อรอเวลาไปรับนิ่ม
หนังจบเรื่องผมออกมาเดินรับแอร์อยู่ในห้างครู่หนึ่งนิ่มก็โทรมาตาม ผมขับรถไปรับเธอที่เดิมก็เห็นเธอเดินควงแขนออกมากับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมขมวดคิ้วมองอย่างคนสงสัย นิ่มมาทำอะไรที่นี่? ทำไมนิ่มกับผู้ชายคนนี้ดูสนิทสนมกันเกินกว่าคำว่า "ลูกค้า" ที่เธอเคยบอกผม หรือว่านิ่มมีกิ๊ก แล้วดำมันจะรู้ไหมนี่? แล้วทำไมนิ่มถึงเปิดตัวผู้ชายให้ผมรู้เธอไม่กล้วผมไปบอกดำเลยหรือ? สารพัดคำถามที่ผุดขึ้นในหัวผมแต่ผมก็ต้องเก็บความสงสัยทั้งหมดเอาไว้ในใจ
เวลาหกโมงเย็นแล้วนิ่มบอกให้ผมหาร้านอาหารเพื่อกินข้าว ผมเลี้ยวรถเข้าร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ดูแล้วบรรยากาศร่มรื่นดี นิ่มสั่งเบียร์มาดื่มเธอบอกว่าวันนี้อยากกินเบียร์แต่ผมรับรู้ว่าผมได้กลิ่นเบียร์จากลมหายใจเธอหน่อยๆ แล้วตั้งแต่ขึ้นรถมา ผมจึงตกลงใจดื่มเบียร์เป็นเพื่อนกับเธอ ไม่รู้นิ่มกระหายมาจากไหน เธอยกเบียร์ซดเอาๆ จนหมดเบียร์ไปสองขวดอย่างรวดเร็วขณะที่ผมหมดไปแค่สองแก้วเท่านั้น เหมือนว่าเธอครึ้มอกครึ้มใจอะไรบางอย่าง
"มีอะไรหรือคะคุณพี่? มองน้องเหมือนจะมีคำถาม ถามมาได้เลยค่าถ้าสงสัยอะไร?"
นิ่มที่อาการเริ่มจะเมาหน่อยๆ แล้วยิ้มอย่างคนรู้ทันมาให้กับผม ผมยิ้มตอบเธอแล้วถามว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอ? นิ่มตอบว่า ลูกค้าค่ะ ผมยิ้มๆ พูดออกไปว่า ลูกค้าจริงๆ นะ นิ่มยิ้มกว้างยื่นหน้ายื่นตามาหาผมพร้อมตอบเสียงคางยานว่า ค๊า...ผมหัวเราะจ้องตาเธอพูดว่า แต่พี่ว่าไม่ใช่แค่ลูกค้า ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ นิ่มยิ้มหวานไม่ตอบ เธอเสหน้าหันไปมองทางอื่นเหมือนจะปล่อยให้ผมคิดเรื่องของเธออยู่คนเดียว
เบียร์หมดไปสามขวด เราทั้งสองจึงเริ่มรับประทานอาหาร นิ่มดูจะเมาพอสมควรเธอคุยไปยิ้มหวานไปทำเอาใจผมเต้นสั่นเพราะแววตาเธอมันเหมือนมีประกายไฟอยู่ในนั้น เรากลับขึ้นรถเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ขณะที่ผมขับรถนิ่มก็มองออกทางหน้าต่างตลอดเวลาก่อนจะหันมาถามผมว่า พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า? ผมตอบว่า ว่าง แล้วนิ่มก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
"เราหาที่พักกันที่นี่สักคืนเถอะ"
ผมหันไปมองนิ่มที่จ้องมองผมอยู่นานแล้ว แววตาของเธอบ่งบอกอะไรบางอย่างที่ผมรับรู้ได้ ป้ายไฟส่องสว่างข้างหน้าบอกว่าเป็นรีสอร์ทที่พัก ผมหักพวงมาลัยแวะเข้าไปทันที
อะจึ๋ย...กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันเลยทีเดียวแต่ขอยกยอดไปต่อตอนหน้าก็แล้วกันนะครับรับรองมีเสียวแน่นอน
วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568
เรื่องเล่าของผัวเมีย #54
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น