"ครูก้อย สอนเสียว 1"
ผมกับกลอยลาพักผ่อน 5 วัน และได้พาลูกๆ ไปเที่ยวตามประสาครอบครัว ผมกับกลอยได้พากันไปส่งลูกสาวในวันอาทิตย์ก่อนจะเดินทางกลับในตอนเย็นซึ่งกลอยก็ปรับเบาะรถเอนนอนหลับหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางท่องเที่ยว
ออกจากตัวจังหวัดมาได้สักสามสิบกว่ากิโลเมตรผ่านตัวอำเภอหนึ่งออกมาไม่ไกลนัก ผมก็สังเกตุว่ารถวิ่งผิดปกติมีอาการเสียศูนย์ชอบกล กลอยซึ่งนอนหลับมาตลอดทางถึงกับต้องตื่นพร้อมถามว่า รถเป็นอะไร? ผมจอดรถข้างทางตรวจสอบล้อยาง ปรากฎว่าล้อหลังทางด้านซ้ายมีลมยางอ่อนผิดปกติจนเห็นได้ชัดคาดว่าน่าจะยางรั่วซึ่งกลอยดูกังวลพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมจำได้ว่าได้ขับรถผ่านร้านปะยางร้านหนึ่งมาผมจึงขับรถวกกลับไปประมาณ 1 กม. ก็เห็นร้านปะยางอยู่ทางขวามือผมจึงเลี้ยวรถเข้าไปทันที
ในร้านปะยางมีเด็กในชุดนักเรียน ม.ปลายนั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงกันอยู่ในตัวอาคารประมาณ 5-6 คนแล้วก็มีช่างหนึ่งคนกำลังเก็บเครื่องมืออยู่ เวลานั้นก็เกือบๆ จะหกโมงเย็นแล้ว ในฤดูหนาวค่อนข้างค่ำเร็วสภาพอากาศจึงดูขะมุกขมัว พอผมจอดรถแล้วเดินลงไปก็ได้ยินเสียงช่างร้องเสียงดังมาว่า ร้านปิดแล้วครับ ผมจึงพูดขอร้องช่างคนนั้นว่าช่วยผมหน่อยยางหลังรถมันรั่วไม่สามารถไปต่อได้
เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน ม.ปลาย เดินเข้ามาในวงสนทนาและรับรู้ปัญหาของผมแล้วก็บอกช่างให้ซ่อมรถให้ผมก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน ผมหันไปขอบใจน้องนักเรียนที่ช่วยผม น้องบอกว่าปกติร้านก็จะปิดทุ่มหรือสองทุ่มเพราะพ่อเขาเป็นเจ้าของแต่วันนี้พ่อกับแม่ไปงานเลี้ยงที่ต่างอำเภอเมื่อตอนเย็นวันนี้จึงต้องปิดเร็ว โดยน้องเขาได้บอกให้ผมขับรถเข้าที่จอดรอเพื่อให้ช่างได้ทำงานง่าย
ผมกับกลอยเดินลงจากรถปรากฎว่าเด็กๆ ทั้งวงหันมามองกลอยเป็นตาเดียวกัน ผมสำรวจเรือนร่างเธอว่าทำไมทำให้เด็กหันมามองกันซะขนาดนั้น เสื้อยืดสีขาวคอกว้างกระโปรงย้วยบานเสมอเข่าก็ดูปกติไม่ได้มีอะไรเซ็กซี่ แต่ก็อย่างว่าไม่ว่าเธอจะเยื้องย่างไปทางไหนก็ตกเป็นเป้าส่ายตาของผู้ชายอยู่เสมอจนเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว แล้วความคิดหนึ่งก็แปล๊บเข้ามาในหัว
ผมถามหาห้องน้ำ น้องบอกว่าอยู่ด้านหลัง ผมดึงกลอยไปด้วย ในห้องน้ำผมบอกเธอให้ถอดกางเกงในออก เธอทำหน้าสงสัย ผมจึงบอกว่าโชว์เด็กๆ มันหน่อยน่า เธอจึงยิ้มอายๆ บอกว่า แล้วจะโชว์ยังไงล่ะตาบ้าเขาก็อายเป็นนะ ผมหัวเราะคิกๆ บอกว่า ทำเป็นนั่งเปิดหวอให้เด็กๆ ดูหน่อย กลอยต่อรองจะขอไม่ถอดกางเกงในแต่ผมเห็นว่าเริ่มจะมืดแล้วถอดเลยดีกว่า เด็กจะเห็นหรือไม่เห็นก็เป็นอีกเรื่องกลอยจึงยอมตามใจผม แล้วผมก็จับขอบเอวกระโปรงเธอพับขึ้นอีกหนึ่งรอบพอให้พ้นหัวเข่าเธอสักหน่อย คิดว่าเมื่อเวลานั่งมันจะได้ร่นขึ้นสูงอีกสักนิด
ผมกับกลอยพากันออกมานั่งเก้าอี้ไม้ที่ทางร้านจัดเตรียมเป็นที่นั่งอยู่ด้านหน้าใต้ร่มคูณโดยมีโต๊ะยาวสี่ขาอยู่ด้านหน้า ผมกับกลอยนั่งลงคู่กันที่โต๊ะโดยหันหน้าเข้าไปในตัวอาคารตรงข้ามกับที่เด็กหนุ่มนั่งเล่นกีต้าร์กันอยู่ห่างกันราวๆ สิบเมตร กระโปรงบานของกลอยร่นขึ้นเหนือเข่าอีกเยอะพอสมควร เรียกว่ามองเห็นขาอ่อนเธอเต็มๆ ขณะนั้นเวลาก็เริ่มจะโพล้เพล้แล้ว ผมเห็นเด็กๆ มองเราอยู่ครู่หนึ่งที่เดินออกมาจากห้องน้ำแต่สักครู่พวกเขาก็หันไปร้องเพลงกันต่อ
ผมเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดไฟที่หลอดกลางโต๊ะที่ผมกับกลอยนั่ง ผมเห็นเขาผงะนิดหนึ่งก่อนจะเดินมาเปิดไฟจากนั้นก็เดินกลับไปที่วง ผมเห็นเขากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับเพื่อนๆ ของเขา เอาล่ะ เด็กๆ เริ่มจะรู้เริ่มจะเห็นแล้ว ผมคิด
ผมเห็นเด็กเริ่มหันมามองทางเรากันแล้ว มองแบบไม่พยายามจ้องคือมองแบบผ่านๆ แต่เฝ้ามองบ่อยๆ เสียงเพลงที่เคยร้องดังก็เริ่มขาดๆ หายๆ เพราะบางคนมัวแต่จ้องมาทางเรา ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ขณะที่กลอยเองบางครั้งก็ทำเป็นดึงกระโปรงขึ้นสูงแล้วเกาขาอ่อนแต่ก็ไม่ยอมดึงกระโปรงกลับเข้าที่ทำให้เด็กๆ ดูไม่มีสมาธิกับการเล่นกีต้าร์และร้องเพลงเอาเสียเลย
ผมเห็นช่างซึ่งอายุประมาณสามสิบปีกำลังนั่งขัดสมาธิบนพื้นปลดล้อรถผมอยู่ ผมกระซิบบอกกลอยให้ไปเอาหนังสือที่เบาะนั่งหลังมาอ่านหน่อยแล้วก็ยั่วช่างด้วย กลอยหันมาค้อนผมแต่เธอก็ยอมลุกไปแต่โดยดี
ผมเห็นเธอเดินบิดสะโพกไปที่รถก่อนจะเอ่ยขอโทษช่างแล้วก็เปิดประตูหลังด้านซ้ายออก เธอยืนโก้งโค้งแอ่นหลังมุดเข้าไปด้านในค้นหาหนังสือที่ที่อยูในซองด้านหลังของพนักพิงข้างคนขับ ผมเห็นช่างทำงานไปตาก็จ้องมองเรือนร่างครึ่งท่อนของกลอยที่มายืนอวดสายตาอยู่แค่เอื้อม ขาอ่อนอวบขาวที่อยู่ต่อหน้ากับกลิ่นกายหอมๆ คงทำให้เขาปั่นป่วนพอสมควรเลยล่ะเพราะเห็นเขาหยุดทำงานไปครู่หนึ่ง ผมเห็นกลอยถอนตัวออกมาแล้วช่างก็ทำงานต่อ
ไม่แค่นั้นกลอยยกขาขวาเอาเข่าไปพาดเบาะพร้อมแอ่นก้นก้มตัวเข้าไปข้างในอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งแล้วใหญ่เลยผมนั่งมองอยู่ที่เดิมยังเห็นกระโปรงกลอยรั้งขึ้นสูงจนชิดแก้มก้น แล้วช่างที่นั่งมองอยู่ในมุมต่ำที่มองเสยขึ้นไปจะเห็นสัดส่วนของเธอได้ขนาดไหน ช่างหยุดมือนั่งจ้องมองก้นกลอยอยู่นานแถมยังเอี้ยวตัวไปมองให้ชัดๆ อีกด้วย ผมมองเห็นอย่างนั้นแล้วก็ทำให้เกิดอารมณ์หงี่เงี่ยนประหลาดๆ
กลอยเดินกลับมานั่งที่เดิมขณะที่สายตาของช่างก็มองตามก้นเธอมาตลอดทาง กลอยยิ้มกับผมกระซิบบอกว่า ตื่นเต้นจนเหงื่อแตกเลย ผมแซวไปว่า เหงื่อแตกหรือน้ำแตกกันแน่ เธอตีแขนผมเบาๆ แล้วก็หันไปเปิดดูนิตยสารที่หยิบมา ผมเห็นเธอทำท่าทางเปิดหนังสือไปขาสองข้างที่ก็แยกออกจากกันพอประมาณพร้อมกับชายกระโปรงที่ร่นสูงขึ้นมามากพอสมควร ผมหันไปชำเลืองดูเด็กที่ในอาคารเปิดไฟสว่างจ้าก็เห็นพากันขยับเก้าอี้หันหน้ามาเผชิญหน้ากับผมและกลอยคิดว่าคงจะตั้งใจดูจะๆ แบบไม่ต้องแอบอีกต่อไป อีกทั้งอากาศเริ่มมืดแล้วแสงไฟจากบนหัวส่องลงล่างให้ใต้กระโปรงเป็นเงาทึบมองไม่เห็นอะไร แต่จากแสงไฟในตัวอาคารส่องออกมาก็คงทำให้พอจะมองเห็นอะไรๆ ของกลอยอยู่ได้บ้าง
ผมเห็นเจ้าคนที่เดินมาเปิดไฟแล้วเห็นกลอยเป็นคนแรกมันหอบเปลนั่งแบบพับเอนออกมานั่งเอนประจันหน้ากับเรา ตามันจ้องมองจุดเดียวเขม็งขณะที่ปากมันก็ร้องเพลงไปตามเสียงกีตาร์ไปด้วย และที่สำคัญผมเห็นสองมือของมันสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับมือที่ขยุกขยิกอยู่ใต้กางเกงที่ไม่รู้ว่ามันทำอะไรอยู่ใต้นั้น แต่ก็คิดว่าไม่ยากเกินที่จะคาดเดา
ผมได้ทีจึงลุกเดินเข้าไปในวงของเด็กๆ พวกมันทำท่าไม่สนใจอะไรนอกจากร้องเพลงต่อไป ผมก็ทำทีไปสอบถามเด็กๆ ว่า เรียนกันอยู่ชั้นไหนโรงเรียนอะไร ส่วนสายตาผมก็มองไปที่กลอย แม่ประคุณเอ๋ย! ภาพที่เธอก้มหน้าดูนิตยสารพร้อมขาที่แบะออกน้อยๆ ให้ชายกระโปรงร่นขึ้นสูงไปครึ่งท่อนขาบนเผยโคนขาอ่อนขาวอวบสะท้อนแสงไฟ ขณะที่ภายในกระโปรงก็ดูมืดครึ้มด้วยแสงเงาน่าค้นหาแต่เมื่อเพ่งมองดูดีๆ ก็จะพอมองเห็นเนินขาวที่ปกคลุมด้วยขนสีดำอยู่รำไร ยิ่งกลอยขยับขาเปลี่ยนท่าและมุมมองอยู่บ่อยๆ ยิ่งทำให้เด็กๆ ดูจะจ้องมองนานเป็นพิเศษจนบางครั้งผมได้ยินเสียงถอนหายใจของใครบางคนเข้าเลยทีเดียวเมื่อมองเห็นกลอยเปลี่ยนท่าจนมองเห็นลึกเข้าไปข้างในวับแวม
"เสร็จแล้วครับ"
และแล้วเสียงขัดใจขัดสายตาขัดความสุขของเด็กหนุ่มทั้งหลายก็ดังขึ้นเมื่อช่างได้เอ่ยผลการทำงานออกมา ผมเดินกลับไปหากลอยขณะที่เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านเดินตามมาด้วยพร้อมบอกราคาการปะยางรถ กลอยยิ้มแล้วหยิบเงินส่งให้ เด็กหนุ่มเดินกลับพร้อมกับบอกเพื่อนๆ ว่า กลับกันได้แล้ว
ผมเห็นช่างกับเด็กๆ ต่างพากันขับรถมอเตอร์ไซด์กลับกันหมดเหลือแค่เจ้าเด็กเจ้าของร้านกับเด็กหนุ่มที่เดินมาเปิดไฟแล้วกลับไปเอาที่นั่งพับออกมานั่งดูของดีของกลอยพร้อมล้วงกระเป๋าลูบคลำของตัวเองไปด้วยพากันปิดร้าน ผมคิดสาระตะไปหลายตลบ. แล้วความคิดแว๊บหนึ่งก็แล่นเข้าสมอง พรุ่งนี้ผมกับกลอยยังเหลือวันลาอีกหนึ่งวัน และความคิดแว๊บที่สอง
"ที่รัก...หารีสอร์ทนอนกันที่นี่เนอะ"
กลอยมองหน้าผม เธอถามว่า ว่าทำไมล่ะ? ผมบุ้ยปากไปทางเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังง่วนเก็บของอยู่ เธอทำท่าสงสัยว่าผมหมายความถึงอะไร ผมจึงบอกว่า สนใจเด็กไหมล่ะ? สีหน้าเธอโพล่งเหมือนรับรู้แล้วก็แดงก่ำขึ้นทันที เธอตีแขนผมพูดว่า บ้า แล้วทำท่าเอียงอาย ผมถามย้ำอีกทีเรื่องนอนรีสอร์ทโดยไม่พูดเรื่องของเด็กอีก กลอยพยักหน้าอายๆ นั่นแสดงว่าเธอยอมตามใจผมแล้ว
ผมเห็นเด็กทั้งสองเก็บของเสร็จแล้วก็เรียกมาคุยด้วยโดยกลอยทำทีเดินเอานิตยสารไปเก็บที่รถ ผมสอบถามเรื่องที่พักว่า มีอยู่ตรงไหนบ้าง? เด็กเจ้าของร้านชื่อ "โจ๊ก" ส่วนเด็กที่เอาเปลมานั่งดูกลอยชื่อ "บาส" โดยโจ๊กบอกว่าเลยไปหน่อยมีซอยแยกซ้ายเข้าไปประมาณหนึ่งกม.ก็จะมีรีสอร์ทอยู่เป็นของญาติเขาเอง ผมก็พูดยิ้มๆ ว่างั้นพาไปหน่อยนะเผื่อได้ส่วนลดพิเศษ ทั้งสองตกลงแต่ว่าขอปิดร้านก่อน ผมจึงเรียกเจ้าบาสนั่งคุยเป็นเพื่อนก่อน มันเล่าว่า บ้านมันอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนนี้เอง มันกับโจ๊กเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลก็เลยสนิทกันมาก วันนี้มันก็จะมานอนเป็นเพื่อนโจ๊กด้วย
โจ๊กจัดการปิดร้านแล้วก็นั่งคร่อมมอเตอร์ไซด์โดยมีบาสเป็นคนขับนำพาเราไปยังรีสอร์ท ผมนำรถเทียบหน้าห้องก่อนจะเดินไปจ่ายเงินก็เห็นทั้งสองกำลังคุยกับผู้ดูแลรีสอร์ทอยู่ ผมเรียกโจ๊กออกมาคุยด้วย ผมถามถึงมือถือมันบอกมีแต่โทรศัพท์บ้าน ผมยื่นเงินให้มันห้าร้อยบาทบอกว่าสักสองทุ่มให้ซื้อเหล้ามาให้สักกลมพร้อมน้ำดื่มมาให้หน่อย โจ๊คย้ำว่า สองทุ่มใช่ไหม? ผมก็ตอบว่าใช่
ผมกับกลอยจัดการห้องเสร็จแล้วก็พากันเข้าตัวอำเภอที่อยู่ไปไม่ห่างนัก เราสั่งเหล้าพร้อมโซดาละเลียดไปสักครึ่งแบนแล้วก็กินข้าวกันก่อนจะกลับเข้าที่พักเมื่อเวลาทุ่มครึ่ง ผมขอตัวอาบน้ำก่อนแต่บอกกลอยว่า อย่าพึ่งอาบ เอาไว้อาบยั่วเด็กๆ เธออายหน้าแดงพร้อมบอกผมว่า คนบ้าอะไรไม่รู้อยากให้เมียโชว์ให้คนอื่นดู ผมหอมฟอดที่แก้มขาวนิ่มตอบว่า คนบ้าที่รักเมียไง เธอหัวเราะคิกๆ หอมผมกลับคืนแล้วบอกผมว่า รู้แล้วว่ารัก แล้วคืนนี้จะให้ทำยังไง?
เมื่อกายพร้อม เมื่อใจพร้อมและกลอยก็เล่นด้วย แล้วคืนนี้จะเป็นยังไงน๊า...
กำลังจะเข้าเรื่องกันแล้วก็ขอยกยอดความเสียวไปเล่าตอนหน้าก็แล้วกันครับ ขอบคุณที่ติดตามกันตลอดมา คิดเห็นประการใดกรุณาคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วย
วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2568
เรื่องเล่าของผัวเมีย #51
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น