ว่างก็เขียนนิดหน่อยเพราะชีวิตยันมันยังเดินอยู่บนเส้นทางนี้ เส้นทางความสุขทางกามารมณ์อันนเป็นความพื้นฐานทั่วไปของชีวิต ที่ทุกคนมี แต่จะต่างกันแค่รูปแบบเท่านั้นและสำหรับผมแล้ว ผมใช้มันตั้งแต่วัยแรกแย้ม พอเป็นวัยรุ่นก็ใช้กามารมณ์เป็นต้นทุน หาทุนส่งตัวเองกินอยู่และเรียนต่อ จนปัจจุบันผมเข้าวัยกลางคน ผมก็ยังมีมันอยู่เหมือนเดิม
น้องผู้ชายเขาโทรมา ถามผมว่าตอนนี้กิจการที่ผมทำอยู่มีงานเยอะมั้ย ผมบอกกันตามตรงว่าแทบจะไม่มีแล้ว ลูกน้องที่คอยช่วยงานก็แยกย้ายกันไป เขาก็ชวนไปอยู่กับเขา ผมก็เกรงใจ ผมเองกับน้องผู้หญิงแฟนเขาก็สนิทสนมเกินเลยกันมาหลายครั้ง จะไปอยู่ด้วยกันมันไม่เหมาะ เขาบอกว่าฟังเขาให้จบก่อน พี่สาวแฟนเขาเพิ่งเสียชีวิตไป ทิ้งบ้านเก่าไว้หลังหนึ่ง บ้านที่เป็นสวนผลไม้ที่ผมมักจะเล่าในบทท้ายๆก่อนที่คนที่มาปาร์ตี้ ออกไปเก็บใส่รถกลับบ้านเป็นของฝากนั่นแหละ ห่างจากที่เดิมไม่ไกลมาก
ในบล้อคก่อนผมเล่าถึง "คนมีเชื่อเสียง" ที่เช่าโฮมสเตย์จัดปาร์ตี้เล็กๆในกลุ่ม หลังจากนั้นพวกเขาได้คุยกัน"คนมีเชื่อเสียง" เขาอยากจะเอาบ้านหลังนั้นทำเป็นโฮมสเตย์ของตัวเอง ทำเป็นสถานที่ลับๆ มาพักผ่อนแบบส่วนตัวสุดๆแยกออกมาจากที่เดิมพักกันเฉพาะคนที่รู้จักสนิทสนมกันจริงๆ สวนผลไม้ที่มีบ้านหลังใหญ่พอสมควรเพราะเป็นบ้านเดิมเก่า แม้ไม่ห่างออกจากชุมชนเหมือนที่เดิมแต่บ้านที่ห่างกันแต่ละหลังแบบชนบทมันทำเป็นที่ส่วนตัวได้ดี "คนมีเชื่อเสียง" รุ่นใหญ่เขารู้จักคนในวงการเยอะ ตรงนี้เขาหาคนมาพักเอง -แล้วเกี่ยวอะไรกับผม?- เขาอยากให้ผมเป็นคนดูแลบ้านครับ ลำพังการจัดเก็บทำความสะอาด ซักผ้า ปูเตียง มันพอที่จะมีคนทำได้แต่เรื่องการดูแลความปลอดภัย เมื่อมี่คนมาใช้บริการมันต้องใช้คนเฉพาะ มีไหวพริบและทันเกม เขาจึงอยากให้ผมไปช่วยทำ อยากให้ผมมาร่วมปรึกษาคุยกัน
ถัดจากนั้นไม่นานผมเดินทางไปที่โฮมสเตย์หลังเดิม ผมได้เจอกับ "เธอ"อีกครั้ง ผมก็ยังคงประหม่าเหมือนเดิม มันแพ้ทาง มือสั่น หายใจไม่สุดปอด พูดไม่ออก น้องผู้หญิงมองยิ้มๆส่วนน้องผู้ชายหัวเราะก้าก บอกว่าพี่เราไปไม่เป็นเสียแล้ว ผมเข้าใจเลยว่าทำไมเด็กวัยรุ่นพอเจอศิลปินที่ชอบจึงต้องร้องกรี๊ดออกมา บางคนถึงกับเป็นลมก็เพราะอย่างนี้เอง เธอเอามือมาจับแขนผมบีบเบาๆบอกให้ใจเย็น ผมบอกว่าขอลุกออกจากที่นั่งก่อน มันไปต่อไม่ได้แล้วแล้วออกจากมุมรับ แขกเข้าไปที่ห้องครัว
สักพักเธอก็ตามเข้ามาในครัว ถามผมว่าดีขึ้นหรือยัง ผมบอกเธอว่าขอกอดหน่อยและไม่รอใช้มือโอบกอดเต็มอ้อมแขน เธออึกอักนิดหนึ่งชะโงกมองไปว่ามีใครเห็นหรือเปล่า และยืนนิ่งๆในอ้อมกอดของผม มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมสัมผัสแตะต้องตัวเธอ แต่ครั้งนั้นมีน้องผู้หญิงอยู่ในห้องด้วย แม้จะแยกออกไปก็เมื่อทุกอย่างมันไปของมันเองแล้ว ตอนนั้นผมจึงระงับความตื่นเต้นได้ ผมคลายอ้อมกอดเมื่อรู้สึกว่าโอเค เดินออกมาในที่ห้องรับแขกเธอจึงเดินตามมา
แนวทางที่คุยกันก็เหมือนกับที่น้องผู้ชายคุยกับผมก่อนหน้านี้ เธอจะไปพักที่นั่นเป็นหลัก ยกเว้นช่วงที่มีงานก็ไปพักที่คอนโด ถ้าเธอมีจัดงานปาร์ตี้ก็ให้ผมไปอยู่ที่นั่นด้วย หลักๆคือรักษาความปลอดภัยแต่จะอยู่ในรูปแบบไหน เช่น สมอ้างเป็นคนสวนก็ให้เป็นไปตามเหมาะสม แต่จะเป็นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูงกว่าหลังที่เรานั่งอยู่ตอนนี้
เราไปที่โฮมสเตย์หลังใหม่เมื่อโพล้เพล้ ร่มรื่นน่าอยู่มาก มีห้องปลูกใหม่เพิ่มมาอีกห้อง ผมเพิ่งรู้ว่าเธอพักอยู่ที่นี่2คืนแล้ว เราคุยกันอีกไม่นาน น้องผู้ชายก็ชวนผมแยกย้าย บอกว่าเราไปเมากันต่อ ผมบอกว่าจะขอนอนที่บ้านหลังนี้ได้มั้ย ทั้ง3คนเขามองตากัน ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่นัดอะไรกันเป็นพิเศษ สิ่งที่ผมขอมันคงไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เขาคิด เท่าที่จะคิดทันผมจึงบอกน้องผู้ชายว่า พี่รู้สึกเหนื่อยคืนนี้พี่ขอไม่กินเหล้านะ ป๊ะเรากลับกันก็ได้ ก่อนน้องผู้หญิงจะบอกว่า บ้านมีตั้ง2ห้องให้พี่เขานอนที่นี่ก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องนอนรวมกัน ส่วนเธอไม่พูดอะไร เขา2คนจึงทิ้งผมไว้ที่บ้านหลังนี้ เธอก็เข้าห้องไป
ผมรื้อมุ้งมากาง เสื้อผ้าอยู่ที่อีกบ้านก็รื้อๆดูเห็นผ้าขาวม้า 2ผืน อาบน้ำเสร็จก็นุ่งขาวม้าผืนเดียวเพราะคิดว่าเขาคงไม่ออกมาแล้วผมยังไม่ทันนอน เธอก็เดินใส่ชุดนอนออกมาบอกว่ายังไม่ง่วง เธอถามผมว่าหายตื่นเต้นยัง ผมบอกว่าหายแล้ว เธอจะเข้าไปหยิบเสื้อยืดในห้องให้ ผมบอกว่าชอบนอนเปลีอยอกอย่างนี้ เรานั่งคุยกันอีกพักหนึ่ง ผมถามว่าเมื่อยมั้ยจะนวดให้ ผมนวดเป็นนะ เธอบอกว่าจะตอบยังไงดี แบบพอนวดก็เลยไปเรี่อยตามเสต็ปใช่ไหม เธอบอกว่าน้องผู้หญิงเล่าทริคของผมให้ฟังหมดแล้ว ย้ำด้วยว่าอย่าพลาดไปหลังกล ผมคิดว่างั้นไม่นวดแล้วละ จับมือเธอลากเข้าห้องไปเลย เธอขัดขืนบอกให้ปล่อย ผมกอดรัดเธอก็ดิ้น ผมเอามือล้วงไปตรงนั้นตรงนี้เธอปัดซ้ายก็โดนขวา ปิดล่างก็โดนงับบน ผมบอกว่าน้องผู้หญิงก็บอกผมเหมือนกันว่าถ้าเธอดิ้นก็อย่ายอมแพ้ มันเป็นทริคของเธอเหมือนกัน ถ้าผมทำไม่จบผมจะโดนเยาะเย้ยว่าอ่อน ผมบอกเธอว่าจะขัดขืนอย่างไรผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน อย่างน้อยผมต้องได้ใส่จนมิด ความจริงแล้วผมโกหกครับ น้องผู้หญิงไม่ได้บอกอะไร ผมเอาไว้แค่สมอ้างเฉยๆ ผิดพลาดขึ้นม ผมยังให้น้องผู้หญิงแก้ตัวให้ผมได้ว่าหลอกผมเล่นไม่คิดว่าผมจะทำจริง เพื่อจะได้ผ่อนหนักเป็นเบาแบบผิดเพราะสื่อสารไม่เข้าใจกัน
เธอยิ่งดิ้นผมก็ยิ่งล่วงล้ำ ถ้าเป็นหนังที่ปัจุบันไม่มีฉากนี้แล้ว มันคงเป็นฉากนางเอกเจอตัวโกงข่มขืน นางเอกแสนสวยเจอกอดรัดและพระเอกเข้ามาช่วยทันพอดี
แต่เรื่องจริงตอนนี้นางเอกไม่มีพระเอกช่วย และกางเกงนอนนางเอกถูกถอดออกพร้อมกางเกงในแล้ว ตัวโกงคร่อมกดมือนางเอกไว้ทั้ง2ข้าง ปะกบปาก นางเอกก็เบือนหนี เส้นผมกระจายเต็มหน้า นางเอกได้แต่ดิ้นบิดไปบิดมา คิดว่าเมื่อไหร่พระเอกจะมาถึง ตัวโกงเอาเข่าดันขาให้แยกออกจากกัน พอตัวโกงปล่อยมือข้างหนึ่งนางเอกก็ผลักปัดป่าย แต่เรียวแรงน้อยลง ตัวโกงเอามือจัดจัดท่อนแข็งตัวเองให้เข้าที่ทางแล้วก็กดลงไป นางเอกสดุ้งเพราะยังไม่ฉ่ำแฉะ ยิ่งดื้นแรงๆจะหนี ยิ่งขยับดิ้นก็หารู้ไหมว่ามันจะทำให้ท่อนแข็งมันขยับสึกเข้าไปจนมิด ตัวโกงผู้ช่ำชองก็แต่ขยับตามไม่ให้มันหลุดออกจากกัน นางเอกยิ่งดิ้น ยิ่งทำให้ท่อนแข็งมันขยับเข้าออกเสียดสีกับเนื้อข้างใน แต่ในทางกลับกันถ้านอนนิ่งเฉยๆ ตัวโกงก็ขยับสึกๆสั้นๆมันขยับเข้าออกแต่มันไม่หลุด ตอนนั้นนางเอกคงคิดว่าจะทำอย่างไรให้มันหยุดขยับหรือไม่ก็ให้มันหลุดออกมาแค่นี้ท่อนล่างนางเอกก็สิ้นฤทธิ์ ปล่อยให้ท่อนแข็งมันกดแช๋ไว้เฉยๆ ตัวโกงจึงมาจัดการกับปทุมถันต่อ ทั้งบีบเค้นและดูดแรงๆ นางเอกเอามือผลักแต่แทบจะไม่มีแรงแล้ว เมื่อพยามถอยให้ท่อนข้างล่างมันหลุด คราวนี้มันไม่ใช่แค่ลึกๆสั้น แต่มันผสมด้วยยาวๆและเร็วๆ ตอนนี้มันจึงทำให้ฝ่ามือที่เคยผลักออก มันกลับจับท่อนแขนผมและบีบไว้แน่น ตัวโกงจึงเอาปากปะกบอีกครั้ง นางเอกส่งลิ้นมาทักทายและมีเสียงครางเบาๆ ตัวโกงจึงปล่อยมือของนางเอกทั้ง2ข้าง
แม้บทรักจะเป็นของตัวโกง แต่มันรัญจวนใจนางเอกไม่ใช่น้อย แต่ก็ว่าอ่ะนะนิสัยตัวโกงมันเลวมันขาดความเห็นใจคนอื่น นางเอกจึงอยู่ในสถาพ
"เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ" อย่างเช่น ผ้าขาวม้าที่ใช้นุ่งก็เปลี่ยนเป็นใช้มัดพันติดไว้กับหัวเตียง ผูกให้ร่างกายบางส่วนมันเบ่งนูน นางเอกจริงนางเอกปลอมไม่รู้แล้วในตอนนี้ แต่ตัวโกงแสดงบททำโทษเด็กดื้อ จนถึงจุดสุดยอดครั้งแล้วครั้งเล่าซ้ำๆหลายครั้ง ด้วยวิธีทำโทษแบบต่างๆ จนถึงเกือบเช้าตัวโกงจึงใด้ใช้ท่อนแข็งสอดจากด้านหลังที่นางเอกหลับตะแคงไม่ไหวติง เร่งลึกๆเร็วๆ แรงๆ จนน้ำอุ่นๆพุ่งเข้าไปในตัวนางเอก นางเอกถึงนอนนิ่งแต่ยังไม่ตายครับ เพราะตอนตัวโกงแช่ไว้ ช่องมันยังบีบรัดตุบๆ และนางเอกเอาหลังมือตัวโกงมาแนบแก้มตัวเองไว้ ตัวโกงกับนางเอกจึงหลับไปด้วยกันอีกครั้ง
เราตื่นสายจนแดดสว่างโร่แล้ว เธอตื่นก่อนผมออกมาต้มกาแฟในครัว ผมนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว เธอส่งเสื้อยืดให้ผมใส่ บอกว่าเดี๋ยวใครมาเห็นมันจะน่าเกลียดผมไม่หลงเหลือความประหม่าจากสาเหตุที่เขาเป็นคนมีชื่อเสียงอีกเลย เธอยื่นกาแฟให้ผมแล้วบอกว่าปวดไหล่ โดนผมรัดแรง
ผมยังนิ่งงันเพราะไม่รู้ว่าเมื่อพายุอารมณ์ผ่านไป เธอจะรู้สึกอย่างไรแต่ผมคงไม่นิ่งเงียบที่จะให้ต่างคนต่างคิดไปกันเอง มันจะก่อปัญหามากกว่าจึงได้เอ่ยปากถามเธอเธอบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่ผิดความตั้งใจ ผมถามต่อว่า "ยังไง"เธอบอกว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ตั้งใจออกมาคุยกับผมแต่นึกในใจว่าถ้าไม่ออกมาคุยกันเลยมันก็น่าเกลียด ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เธอบอกว่าคืนแรกมันพลาดเพราะทนแรงกระตุ้นของผมกับน้องผู้หญิงไม่ไหว จึงคุยกับน้องผู้หญิงว่าให้มันจบแค่นี้ อย่าให้มันเกิดซ้ำ ด้วยเหตุนี้เองน้องผู้ชายจึงชวนผมกลับไปเมาที่โฮมสเตย์หลังเก่า
เธอนิ่งเงียบนิดนึงและบอกว่า "มีอะไรจะบอก" ไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งพ่อแม่ เธอเล่าว่าตอนทำงานกับโมเดลลิ่ง มีครั้งหนึ่งที่แฟนเจ้าของโมเดลลิ่งปลุกปล้ำ เธอไม่กล้าแม้ที่จะบอกใคร สิ่งนี้มันเป็นปมในใจให้เธอสับสนในเรื่องเซ็กส์ คืออยากมีเซ็กส์แต่ก็ระงับมันไว้ กระทั่งมีแฟนเมื่อได้มีเซ็กส์กันสักครั้งหนึ่งแล้ว เธอก็บ่ายเบี่ยงจนฝ่ายชายรู้สึกว่าเธอไม่ต้องการหรือตัวผู้ชายเองอาจไม่มีความสามารถ พอเขาเจอคนใหม่ก็เลิกคบทิ้งหายไป เธอจึงอยู่ในสถานะโสดอยู่ทุกวันนี้และสิ่งที่เธอยังลบไม่ออกเห็นจะเป็นรอยพิศวาสของโมเดลลิ่งที่เป็นครั้งแรกในชีวิตเธอ
เธอบอกว่าสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเธอมากๆ ก็เมื่อมีแรงกระตุ้นหนักๆเธอมักพ่ายแพ้อารมณ์ตัวเอง จะโทษผมฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เธอบอกว่าเมื่อผมปลุกปล้ำ มันเหมือนไปกระตุ้นในสิ่งที่ติดอยู่ในใจมันได้ปลดปล่อยออกมายิ่งผมบอกยืนยันว่าผมจะไม่ยอมปล่อยเท่าไหร่ เธอเข้าใจว่าผมปลุกปล้ำเกินเลยแน่ๆ เธอจึงดิ้นรนได้เพราะผมจะไม่เลิกกลางคัน มันยิ่งตอบสนองความรู้สึกของเธอได้สุด แต่ในที่สุดเมื่อผมรุกหนักเธอก็ยอมแพ้อารมณ์ตามสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของเธอ
เธอบอกว่าเวลาที่เนิ่นนานอย่างที่ไม่เคยเจอ การแสดงบทพิศวาสที่มีลักษณะ "เด็กดื้อต้องถูกทำโทษ" ที่ทำโทษด้วยท่าต่างๆยังกับทำกับเด็กมัน ถูกกระทำแต่มันมีความรู้สึกพอใจเต็มๆที่อยากให้ผมทำอย่างนั้น ผมบอกว่าตอนนั้นผมเห็นเรือนร่างของเธอที่สวยงามและเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่ไม่ได้มีใครเชยชมกันง่ายๆ ผมจึงอยากเชยชมนานๆ เธอบอกว่าในสิ่งที่ผมทำมันเป็นสิ่งที่ทำให้เธอปลดปล่อยได้สุดๆ หน้ามืด หูอื้อ ประสาทอื่นแทบจะดับหมด ไม่รู้ว่าตอนนั้นเผลอร้องดังๆหรือเปล่า ผมบอกว่าก็มีบ้างบางระยะ ผมจึงได้เอาปากประกบไว้เป็นบางช่วงแล้วเธอดันออกเพราะหายใจไม่ทันไง เธอร้องดังเกินไป ผมบอกว่าถ้าตัดเป็นคลิบนี่ ซาวด์มาเต็มๆ เธอเอามือตีหลังมือผมทีหนึ่ง
เธอบอกว่ามันมีความสุขมาก มันเบาโล่งอย่างประหลาด ผมบอกว่ามันเป็นกลไกของฮอร์โมนตามธรรมชาติ มันคือ "การเสพสังวาส" มันไม่ใช่การร่วมเพศหรือการสืบพันธุ์ เธอถามว่ามันต่างกันอย่างไร "การเสพสังวาส" คือการการร่วมเพศชั้นสูง หลักๆคือทั้งหญิงและชายจะต้องกำจัดสิ่งรบกวนอื่นออกจากการเสพกาม ความรู้สึกรบกวน เช่น ความวิตกกังวล กรอบความเชื่อของสังคมและศีลธรรม ความรู้สึกด้อยของตัวเองกว่าคนอื่นและอื่นๆ หนุ่มสาวที่จะไปถึงจุดนั้นได้ก็ไม่ง่าย ต้องมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันพอสมควร ให้เกียรติยอมรับกันและกัน ว่าการเสพสังวาสคือ "การใช้หลักการตอบสนองตามธรรมชาติหาความสุข" ใช้หลักธรรมชาติดิบ ไม่มีจน รวย สวย หล่อมาปรุงแต่ง เขาจะอยู่ในฐานะไหนของสังคมก็ใช้หลักเดียวกัน การกระทำเหมือนกันแต่มันต่างกับการที่คู่รักร่วมเพศที่ต้องมีพันธะอื่นต่อกันแบบคู่รัก แต่การเสพสังวาสมันเป็นอิสระกว่าไม่มีใครได้ใครเสียเพราะตกลงใจและมีความพึงพอใจร่วมกัน สิ่งปิดกั้นรบกวนมันจึงไม่มี หรือถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเชี่ยวชาญก็สามารถขจัดสิ่งรบกวนออกจากอีกฝ่ายได้ ขุดปมที่มันซ่อนมันออกมาได้และเปลี่ยนปมนั้นให้เป็นความสุข เธอบอกว่าจริงด้วย ตอนนั้นเธอจดจ่ออยู่กับเฉพาะสิ่งที่เธอถูกกระทำเท่านั้น การกระทำต่างๆของเธอมันออกมาโดยธรรมชาติและความรู้สึกเองทั้งหมด ผมบอกว่าถ้าเราเข้าใจจุดนี้ เราจะหาความสุขได้โดยอาศัยแค่สิ่งธรรมชาติพื้นฐานให้มา ผิวพรรณเราจะมีน้ำนวลเหมือนคู่รักที่แต่งงานใหม่
ผมบอกเขาว่าถ้าเธอจะชวนเพื่อนในวงการมาหลบพักที่โฮมสเตย์หลังนี้ เขาจะต้องได้รับประสบการณ์ที่มันนอกเหนือจากคนอื่นและที่อื่นทั่วไป นอกเหนือจากสิ่งที่พวกเขาหญิงหรือชายที่จะมาหลบพักเคยได้สัมผัสมา ต้องเป็นที่นอกเหนือจากที่ที่คนรวยเอาเงินมาซื้อโดยดูถูกและลดคุณค่าตัวเราเองให้เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง หลักๆก็เอาสิ่งข้างต้นเป็นจุดขาย โดยใช้คำว่า "ไม่เชื่อลองมั้ยล่ะ" --ที่สำคัญคือจะต้องเปิดเฉพาะกลุ่มไม่เปิดบริการกับคนทั่วไป--
ผมเปิดตู้กับข้าว หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมา 2 ซอง แล้วรินน้ำแก้วหนึ่งส่งยาคุมฉุกเฉินที่ผมใส่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงให้เธอ เธอโบกมือไม่เอา ผมถามว่าทำไม เธอตอบสั้นๆว่า"กินแล้ว" เธอยังนั่งบีบแขนตัวเองที่เจ็บเพราะโดนผมกดเสียยอก เราใช้บะหมี่เป็นมื้อสาย ผมพยายามไม่ยัดเยียดข้อมูลให้เธอมากนัก เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตเซ็กส์ของผมให้เธอฟัง เธอถามบางคำถามที่ผมยังไม่ได้เล่าก็แสดงว่าน้องผู้หญิงคงจะเล่าอะไรมาบ้างแล้ว
พอบะหมี่สำเร็จรูปตึงท้อง ผมก็เก็บถ้วยจานล้าง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูโน่นนี่ ผมสังเกตเห็นเธอพิมพ์คุยกับน้องผู้หญิงจึงบอกเธอว่าวางโทรศัพท์ไว้เถอะ เราเข้าไปในห้องกัน เดี๋ยวผมจะสอนอะไรให้เธอบอกว่าไม่เอาแล้ว มันปวดตัว อิ่มไปหมดแล้วแต่ผมก็พาเธอเข้าห้องจนได้
ผมปรับแอร์ให้เย็นขึ้นอีกนิด เปลี่ยนแนวเพลงเป็นแนว relax and Spa ห้องใหม่นี้มิดชิดและออกแบบได้มืดสนิท ผมเปลี่ยนไฟเป็นโหมดวอร์ม แล้วให้เธอเปลี่ยนเป็น กระโจมอกผ้าขนหนู เธออิดออดนิดนึงแต่ก็ยอม ผมจัดท่าให้เธอนั่งท่าขัดสมาธิคล้ายตอนนั่งสมาธิ เอามือทั้งสองข้างวางไว้ที่เข่า หายใจลึกๆช้าๆ บอกให้เธอปล่อยใจว่างๆ relax หลังจากนั้นสักพักให้เธอตัดความคิดอื่นออก นึกถึงเฉพาะเรื่องที่เสียวซ่านที่ผมได้ทำให้เธอเท่านั้น
จากที่เธอหายใจลึกยาวๆเต็มปอด ผมสังเกตเห็นเธอหายใจแรงขึ้นและสั้นลง ผมเอามือค่อยๆวางบนบ่าเธอและลูบเบาๆ เส้นขนมันลุกทั้งชันขึ้น ผมเลื่อนมือไปที่ท้ายทอย ฝ่ามือจับท้ายทอยและกดคลึง เธอครางเบาๆในลำคอ การที่ผมกดท้ายทอยเลยไปจนถึงหลังใบหูทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ผมอ้อมมือจากท้ายทอยไปยังร่องอก เธอลืมตาขึ้นเอามือกุมมือผมไว้เป็นการเสียจังหวะในการรวบรวมความคิดถึงเฉพาะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผมเอามืออีกข้างแตะเบาๆที่ไหล่ของเธอ บอกให้เธอปล่อยมือที่กุม หลับตาแล้วปล่อยตัวตามสบาย อย่าต้านสิ่งใด ปล่อยให้อารมณ์มันไหลไปตามธรรมชาติ เธอจึงหลับตาต่อและค่อยๆคลายมือที่กุม ผมดันมือลึกลงไปในร่องอก จึงทำให้ปมผ้าขนหนูมันหลุด สองเต้าจึงตั้งตระหง่านอวดสายตาผม
แม้ว่าผมจะเคยเห็นแต่มันก็ไม่ได้คุ้นเคย ผมจ้องสองเต้าที่ตระหง่านตอนที่เธอหลับตาร่างของคนมีชื่อเสียงเปลือยท่อนบน หน้าอกที่เต่งตึง หุ่นทรงที่สวยงาม ผมยังไม่อยากจะเชื่อตัวเอง อยากให้ใครต่อใครได้เห็นโมเม้นหลับตาเปลือยอกแบบนี้เพราะความอยากอวด อยากบอกคนอื่นว่าคนที่คุณอาจเคยเห็นในทีวี ตัวจริงของเขามานั่งอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อมมือกอด ผมทนภาพไม่ใหวจึงกางฝ่ามือไปคลึงกับปลายยอดยก เธอหายใจแรง ยอดอกแข็งตามมือ
ผมอดใจไว้ไม่ยอมจับบีบขยำ ได้แต่ใช้ฝ่ามือลูบทั่วปทุมถันของเธอจนพอใจ แล้วใช้แขนสองข้างโอบกอดเธอ กระซิบให้เธอเปลื่ยนท่าจากจากท่านั่งขัดสมาธิเป็นนอนหงาย เธอไม่ขัดใจผมแล้ว เธอพ่ายแพ้ต่ออารมณ์อย่างที่เธอบอกจริงๆ ผมดึงผ้าขนหนูออก ร่างเธอก็ไร้อาภรณ์ ทั้งสะโพกและหุ่นทรง รวมถึงนาผืนใหญ่มันยั่วยวนให้ผมจับและกดนิ้วผ่ารอยแยก มันฉ่ำแฉะจนลื่น ผมใช้นิ้วกดไปสุดนิ้วขยับขึ้นลง ก่อนที่จะชักนิ้วออกและนอนราบตะแคงแนบข้างร่างเธอ กระซิบข้างหูให้เธอช่วยตัวเอง
เธอไม่ได้ทำตาม กลับพยายามดันตัวผมให้ขึ้นคร่อมตัวเธอ ผมฝืนตัวตะแตงและดันให้ตัวเธอนอนหงายกุมหลังมือของเธอให้เธอจับนาใหญ่ของตัวเอง เอามือกุมหลังมือเธอไว้ สอดนิ้วกลางของผมผ่านระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วนางของเธอให้นิ้วกลางของผมวนเม็ด โดยฝ่ามือเธอยังถูกผมกดให้จับนาใหญ่ของตัวเองอยู่ ผมวนอยู่นาน หลังจากนั้นจึงจับนิ้วชี้ของเธอบี้วนเม็ด จนเธอเริ่มติ้วนาใหญ่ด้วยตัวเอง ผมจึงปล่อยมือออกและใช้ริมฝีปากงับติ่งหูในท่าเธอนอนหงายผมนอนตะแคงแนบตัว
ผมเอาจมูกชนติ่งหู กลิ่นหอมเส้นผมลอยเข้าจมูกแสนรัญจวน ผมหายใจแรงๆให้ลมหายใจมันกระทบกับหลังหูของเธอ เธอติ้วตัวเองโดยผมไม่ต้องจับแล้ว ผมครางเบาๆข้างหูของเธอ ส่วนเธอค่อยขยับนิ้วมือแรงขึ้น เร็วขึ้น และแรงเร็วขึ้น เธอทำไปเรื่อยๆจนสุดท้ายใช้ปลายฝ่ามือที้ง4นิ้วปัดซ้ายขวาและคลึงวน จนในที่สุดร้องเรียกผมว่าพี่จ๋า พลิกตะแคงตัวเข่างอ ตัวงอ ถึงจุดสุดยอดด้วยการช่วยตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ
ผมรีบกอดเธอไว้หวังให้เธอผ่อนคลายและคิดว่าจบบทสอนการช่วยตัวเองเป็นการระบายเมื่อมีความเครียด ในต่างประเทศเขาก็สอนกัน แต่โดนเธอพลิกกลับขึ้นคร่อม จับท่อนแข็งของผมจ่อของตัวเองแล้วกดลงไปจนมิด เอาปากเม้มติ่งเม้มหูแบบที่ผมทำกับเธอ ผมชอบมากที่หน้าอกเธอมันทับอยู่บนอกผม ด้านล่างก็บดลึกเน้นๆวนอย่างไม่กลัวว่ามันจะหัก ผมโดนเสียงครางและลมหายใจอุ่นๆปะทะหู จนผมแทบจะกลั้นไม่ไหว จนเธอถึงจุดสุดยอดซ้ำอีกรอบ ร้องใส่หูผมอย่างดังจนปิดปากไม่ทัน
ผมปล่อยให้เธอนอนฟุบเอาหน้าอกแนบอกผมไว้ ผมรู้สึกดีมากมันแนบกับอกผมทั้ง2เต้า ท่อนแข็งของผมยังแข็งเพราะมันยังไปไม่ถึงไหนมันจึงไม่อ่อนและหลุดออก ผมปล่อยให้เธอนอนทับจนเป็นเริ่มเป็นเหน็บ จึงให้เธอพลิกนอนหงายแต่เธอตะแคงเอาหัวหนุนแขนผมไว้และหลับตา ผมนึกในใจว่าผมแค่อยากสอนให้เธอช่วยตัวเองเท่านั้น เพราะการช่วยตัวเองมันเป็นวิธีคลายความตึงเครียดอย่างหนึ่ง ไม่ได้หวังไปถึงขั้นสอดใส่ แต่ผมคงกระตุ้นจนอารมณ์เธอมันคงพาไป
เราเอามอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ที่ใช้ในสวนผักขับกลับมาที่โฮมสเตย์หลังเก่าตอนบ่ายแก่ๆแล้ว เธอแต่งตัวมิดชิดโผล่แต่ตาไม่อยากให้ใครเห็น กลัวคนจะจำได้ มาถึงน้องผู้หญิงรอเราอยู่ หยิบน้ำท่ามาให้กิน น้องผู้หญิงคงเดาอะไรๆที่เกิดขึ้นได้ จึงบอกกับเธอว่าขอโทษที่ยอมให้ผมค้างที่โฮมสเตย์หลังใหม่เมื่อคืน ที่น้องผู้หญิงรู้สึกผิดก็เพราะเธอบอกกับน้องผู้หญิงแล้วว่าระหว่างผมกับเธอขอให้มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวที่เกิดก่อนหน้านี้ อย่าให้มันเกิดซ้ำ น้องผู้หญิงเล่าว่าเมื่อคืนตอนดึกก็ปรึกษากับแฟนว่าจะย้อนกลับไปรับผมไหม แต่ในที่สุดก็ปล่อยให้ผมค้างที่นั่น เป็นปกติของพวกเราครับว่าถ้าหากคิดว่าทำสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่เหมาะ เราต้องกล้าพูดคุยกันตรงๆ ผิดถูก อภัยกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เธอมองตาน้องผู้หญิง ผมจึงลุกขึ้นและบอกว่าขอไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ที่จริงแล้วก็เป็นการที่เปิดเวลาให้เขาทั้งสองคนได้คุยกัน จนผมกลับเข้ามาน้องผู้หญิงไม่อยู่แล้ว เธอบอกว่าน้องเขาไปดูแปลงผัก ผมบอกว่าผมจะขับรถกลับเย็นนี้นะ เธอทำหน้าแปลกใจ "อ้าวไม่ได้อยู่ช่วยทำโฮมสเตย์ด้วยกันอย่างที่รับปากเหรอ" ผมตอบว่าทำสิ "ขอคุยกันตรงๆแบบพวกเราได้มั้ย" ผมไม่รอให้เธอตอบ ผมบอกว่า ในเรื่องของเซ็กส์ เมื่อผ่านช่วงเวลามีความสุข สิ่งที่จะตามก็คือความรู้สึกผูกพันธ์ที่มีต่อกัน ผมรีบบอกว่าอย่าเพิ่งคิดลบว่า เธอเป็นใครผมเป็นแค่คนกระจอกบังอาจอะไรมาพูดอย่างนี้ ตรงนี้ผมรู้และโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าไม่มีโอกาสที่จะทำด้วยซ้ำ เธอยังงง ผมจึงอธิบายต่อว่า ความรู้สึกดีๆ ความผูกพันธ์นี่แหละมันจะสร้างปัญหาให้เรา
ผมบอกว่าถ้าเราปล่อยให้ความผูกพันธ์มันลื่นไหลไปตามธรรมชาติ "มันจะทำร้ายเรา" เมื่อร่างกายหลั่งโฮโมนบางตัวมันจะทำให้มีความสุข เราก็เก็บแค่ความสุขนั้นไว้ ขอให้มองผมเป็น "หมาแมวที่อยู่ในคาเฟ่หมาแมว" พอเล่นเบื่อและหมดเวลาก็จากไป เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่จะต้องเลี้ยงดูมันเองหรือถ้ายังเล่นไม่เบื่อก็เวียนกลับมาเล่นกับมันใหม่ การคิดอย่างนี้มันจะสามารถ "ตัดความรู้สึกผูกพันธ์" ออกไปได้ แต่ความเป็นเพื่อน ความไว้วางใจกันมันยังคงอยู่ "แม่งโคตรมั่นในตัวเองเลยใช่มั้ย" ผมถามแหย่ เธอตอบว่า "ไม่" แต่แปลกใจว่าผมสอนให้เธอ "อย่าเป็นเครื่องเล่นของคนอื่น" แต่ทำไมผมจึงกลับทำตัวเป็นของเล่นเสียเอง
ผมบอกว่าเธออย่าเป็นของเล่นที่คนอื่นใช้เล่น แต่ผมสมควรที่จะเป็นของเล่นที่ เธอจะใช้เล่นเองหรือจะแบ่งให้คนโน้นคนนี้เล่นด้วย ผมถูกสร้างมาให้เป็นของเล่น ด้วยคุณสมบัตินี้ถึงทำให้ผมสามารถสร้างความสุขให้ใครต่อใครหลายคนมาก่อนหน้านี้ได้ เธอนิ่งเงียบสับสน ผมนึกถึงน้องผู้หญิงถ้าเขานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยคงช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้เธอเข้าใจได้
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากมุมรับแขกและบอกว่าขอตัวกลับก่อน ในขณะที่ผมเก็บข่มความรู้สึกที่เริ่มผูกพันในใจของผมลงและผมคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอก็คงรู้สึกผูกพันคล้ายๆกับผมเหมือนกัน เธอเดินตามมาและบอกว่าขอกอดหน่อย เธอรู้สึกผูกพันจริงๆด้วย ผมขับรถออกมาแม้เป็นชายยังน้ำตาซึม ผมคิดว่าน้องผู้หญิงเขาคงพร้อมที่จะอธิบายเรื่องอื่นๆให้เธอฟัง เพราะเธอจะพักที่นั่นอีก2คืน
การทำ Exclusive โฮมสเตย์มันต้องอาศัยปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง น้องผู้หญิงเขาเข้าใจดี แล้วผมเชื่อว่าเขาคงต้องอธิบายให้เธอฟังได้ ถ้าเธอเข้าใจว่า Exclusive โฮมสเตย์ คือที่ที่เป็นส่วนตัว เราไปพักผ่อนหรือพักอาศัยเอง หรืออาจเป็นที่ที่ให้ใครคนหนึ่งพาใครอีกคนหนึ่ง เข้าไปพักผ่อนโดยเธอไม่ต้องไปอยู่ที่นั่นเลยก็ได้ โดยอาศัยแค่การประสานงาน
เธอจะเข้าใจว่าทำไมผมจึงให้เธอมองผมเป็นของเล่นและผมจะช่วยเธอทำ Exclusiveโฮมสเตย์ ด้วยวิธีการใด
หลังจากนี้ผมทำได้เพียงแค่รอเธอติดต่อกลับมาอีกครั้ง
วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
บ้านสวน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น