วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เชิดภักดิ์กับวรินทร์ (รักนี้ขอลิขิตเอง) ตอน 1

 
 

วรินทร์ (ริน) – น้องสาวของเชิดภักดิ์ มีสามีชื่อ สายัณห์ แต่งงานได้ 5 ปี วรินทร์อายุ 22 เธอมีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย (สายธาร) คนน้องผู้หญิง (สายใจ) สายัณห์ไปมีผู้หญิงใหม่ วรินทร์รู้เข้าเลยทะเลาะกันแล้วลามไปจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ วรินทร์หน้าบวมปูด เชิดภักดิ์ไปเจรจากับสายัณห์เพื่อช่วยเหลือน้องสาว เขาต้องการให้สายัณห์น้องเขยรับผิดชอบไม่ใช้ความรุนแรง แต่สายัณห์กลับกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของวรินทร์คนเดียว ส่วนวรินทร์กล่าวโทษสายัณห์ที่ชอบเจ้าชู้จนกลายเป็นการวิวาทขึ้นมาอีกครั้ง สายัณห์เข้ามาจะตบวรินทร์ เชิดภักดิ์ทนไม่ได้อาศัยเชิงมวยที่ดีกว่าจัดการสายัณห์เสียสลบเหมือด เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้วรินทร์สุดทนต่อไป สองวันหลังจากนั้นวรินทร์กับสายัณห์ก็หย่าขาดจากกัน เชิดภักดิ์รับน้องสาวสุดที่รักของเขากลับมาอยู่บ้านพร้อมหลานทั้งสอง

————————–

ปีต่อมา วรินทร์ส่งลูกทั้งสองของเธอเข้าโรงเรียนอินเตอร์ (โรงเรียนประจำ) เธอเองมาช่วยานโดยป็นเลขานุประจำตัวของเชิดภักดิ์พี่ชาย เมื่อเมฆหมอกร้าย ๆ ผ่านพ้นไป วันเวลาก็รักษาทุกอย่างให้ดีขึ้น วรินทร์เริ่มทำใจได้จึงหมั่นดูแลตัวเอง ควบคุมเรื่องอาหารการกิน เข้าฟิตเนส ไม่นาน คนเราเมื่อจิตใจมีความสุข เรือนร่างที่ผ่ายผอมเพราะตรอมใจเริ่มจะเข้าที ใครเห็นมักชมว่าวรินทร์หุ่นดีสมส่วนสง่ากว่าตอนวัยรุ่นเสียอีก มีหนุ่ม ๆ เริ่มเข้ามาติดพันกันหลายคน แต่ววรินทร์ทร์ชักจะเข็ดขยาดผู้ชาย เธอไม่ปิดบังว่าเธอเป็นแม่หม้ายลูกสอง เธอเฉยเมยเสียเหลือเกินกับผู้ชายทุกคน

วันเกิดของเชิดภักดิ์ ววรินทร์ทร์น้องสาวคนสวยจัดงานเลี้ยงให้พี่ชายที่บ้าน ววรินทร์ทร์รู้จักและสนิทกับเพื่อนพี่ชายทุกคน สนิทกับพวกเขาตั้งแต่ก่อนเธอแต่งงานกับสายัณห์เสียอีก ทุกคนดื่มเครื่องดื่มและอาหารหลากหลายตามใจชอบ ของมึนเมามีให้เลือกหลากชนิดและไม่อั้น เมื่ออิ่มและเมาได้ที่ก็เริ่มแหกปากร้องเพลงกันลั่นห้อง

จนเกือบตีหนึ่งกว่า ๆ เพื่อนพี่ชายก็เริ่มทะยอยกลับจนถึงตีสองสิบห้าจึงเหลือเชิดภักดิ์ที่ยังอยากนั่งกินเบียร์ต่อ เขาไล่ให้วรินทร์น้องสาวขึ้นไปนอนแต่ววรินทร์ไม่ยอม ขอนั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่ชาย จนเบียร์หมดไปอีกสองขวด ววรินทร์จึงถามเชิดภักดิ์ด้วยเริ่มอ้อแอ้ว่า

“พี่เชิด..พี่เชิด..พี่จะอยู่เป็นโสดไปแบบนี้หรือไง ตอนนี้อายุเกือบ 30 แล้วนะ..” ววรินทร์จ้องหน้าพี่ชายนิ่ง
เชิดภักดิ์เงยขึ้นมองหน้าน้องสาวคนสวยตรงหน้าตาปรือ ยกมือขึ้นขยี้ผมเธอไปมา
“เนื้อคู่พี่..พี่..เธอยังไม่เกิดละมั่ง ?…” วรินทร์หัวเราะก้มลงมองแก้วที่เธอคลึงวนไปมาในฝ่ามือ
“ทำไม…เกิดช้าจัง…ไม่มีคนที่พี่ชอบมั่งเลยเหรอ..? แค่ชอบนะ…” น้องสาวถามแบบขำ ๆ

เชิดภักดิ์ส่ายหน้าไปมา “อื้อ..ก็..ก็..พอมี…” วรินทร์ตาเป็นประกายยิ้มแล้วร้อง “อ้าว..พอมีแล้วทำไมไม่สานต่อละพี่…? หรือเล่นตัว ?”
“เฮ่อ..” เชิดภักดิ์ถอนหายใจยาวแล้วเงียบ “เค้ามีเจ้าของแล้วเหรอพี่…?”
เชิดภักดิ์ส่ายหน้า “แล้ว..ทำไมละ ?” เชิดภักดิ์เงยหน้าเอนหลังพิงโซฟา “ไม่รู้วิ..พอจะจริง ๆ จัง ๆ พี่กลับเป็ฯฝ่ายเป็นถอยกรูดทุกที”

วรินทร์ขมวดคิ้วครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง “ทำไมอีกละที่นี้..?” เชิดภักดิ์หลุมตามองพื้น “พี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ กี่คน ๆ ลงอีกแบบนี้ทุกที มันแป๊กเอง”
“พี่ไม่ได้รักเค้าเหรอ ?” เชิดภักดิ์พยักหน้าดวงตาเหม่อลอย วรินทร์พยักหน้า “รินชัก..ชักเข้าใจละ..เหมือนเจ้าสาวกลัวฝน..งั้น..”
“ไม่รู้ซิริน..” เชิดภักดิ์พึมพำเหมือนละเมอ “พี่ไม่รู้หรอกว่าคนที่เขาอยากแต่งงานนะมันต้องรู้สึกไปถึงขนาดไหน ?”
“ก้อ..ก้ออ..เขาอยากอยู่ใกล้กันมั้ง อยากมีส่วนร่วมกัน รินเอง..ก็ไม่รู้เหมือนกันพี่..” วรินทร์พูดด้วยเสียงแห้งแล้ง
“พี่ถึงว่าไงว่าเนื้อคู่ของพี่คงยังไม่เกิด พี่ไม่เคยรู้สึกอะไร ๆ แบบนั้นกับใครสักที พยายามอยู่นะ…”
วรินทร์หัวเราะแล้วเทเบียร์เย็น ๆ ลงแก้วให้พี่ชาย “ถึงเวลา..มันคงไม่ต้องพยายามหรอกพี่…”
เชิดภักดิ์พยักหน้าหงึก ๆ หงัก ๆ ยกแก้วขึ้นซดเบียร์เกือบครึ่งแก้ว

“แล้วเราละ..หนุ่ม ๆ รุมจีนกันตรึมนี่…” วรินทร์หัวเราะเสียงปร่า
“ไม่เอาละ..รินเข็ดแล้ว…อยู่เลี้ยงลูกกับเป็นก้างขวงคอพี่เชิดดีกว่า…”
เชิดภักดิ์หัวเราะเบา ๆ ยกมือขึ้นบีบจมูกน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนสมัยเด็ก ๆ
“รินเพิ่งแค่ 23 เองนะ…คงได้เจอคนดี ๆ แล้วแต่งได้อีกครั้ง..” วรินทร์ส่ายหน้าดวงตามองสบเขาทอแววหมอง
“อยู่แบบนี้ดีกว่าพี่..หรือว่าพี่เชิดเบื่อน้องสาวคนนี้แล้ว…” เชิดภักดิ์ขยี้ผมแล้วโยกหัวเธอไปมาอย่างเอ็นดู
“บ้าซิ…เรามีกันแค่สองคนเองนะ เบื่อรินได้ไง พี่อยากให้หลานมาอยู่ด้วยกันต่างหาก รินไม่น่าส่งพวกเขาไปอยู่ประจำเลย”
“รินอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขานะพี่ ตอนนี้ภาษาอังกฤษของสองคนคล่องปรื้อแล้ว…” วรินทร์ยิ้มอย่างมีความหวัง
เชิดภักดิ์พยักหน้าเขาเห็นด้วยกับคุณภาพและคุ้มค่าเงินที่เสียไป

“เธอไม่เหงามั่งหรือไง ?” วรินทร์หันมามองหน้าพี่ชายนิ่ง “แล้วพี่เชิดเหงาหรือเปล่าละ ?” เชิดภักดิ์ส่ายหน้า
“พี่มีรินเป็นเพื่อนอยู่นี่ไง ?” วรินทร์ส่ายหน้า “พี่เอกกับพี่ธรชอบเรียกพี่ว่าฤาษี อิอิ มันหมายความว่าไงเหรอ ?”
เชิดภักดิ์หัวเราะเต็มเสียง “ก็พวกชอบชวนพี่ไปอาบอบนาบ พี่ไม่เคยไปกับมันสักที มันเลยเรียกพี่ว่าฤาษีที่ชอบจำศีลไง ?”
“อ๋อ..ถือศีลกินเพล..” วรินทร์พูดแล้วหัวเราะคิก ๆ คัก ๆ เชิดภักดิ์เอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากน้องสาวแล้วดันเบา ๆ “รู้ดีนักนะ…”

วรินทร์กุมมือพี่ชายเอาไว้ “พี่เป็นผู้ชายไปเที่ยวมั่งก็ได้นี่คะ ?” เชิดภักดิ์เงยหน้ามองโคมไฟบนเพดานนิ่ง
“พี่กลัวเอดส์…แล้ว..แล้ว..หาเรื่องใส่ตัว…” วรินทร์พยักหน้าแววตาล้อเลียน “ใส่ถุงซิคะ..” เชิดภักดิ์หันมามองน้องสาวเต็มตา
“พี่ก็ไม่ไว้ใจอีกนั่นแหละ เคยไปช่วยเหลือพระบาทน้ำพุเห็นสภาพแล้วหนาว”
วรินทร์พยักหน้า “แล้ว..แล้ว..พี่..พี่..ไม่เครียดมั่งหรือ ?” เชิดภักดิ์นิ่งเงียบยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วส่งให้วรินทร์เติมเบียร์ให้
ในแก้วของวรินทร์เองเพิ่งหมดไปเพียงครึ่งแก้วเท่านั้นเอง เชิดภักดิ์รับแก้วเบียร์มากระดกลงคออีกครึ่งแก้ว

“ช่วยตัวเองเอาซิ…” เชิดภักดิ์เปรยขึ้นมาลอย ๆ
วรินทร์ตลึงไปเหมือนกัน ห้วงสมองของเธอหวนนึกย้อนไปยังวัยเด็กที่กว่าสิบปีก่อน
ตอนนั้น เชิดภักดิ์เริ่มจะเป็นหนุ่มแล้ว แต่เธอ 13 วรินทร์ชอบชวนเชิดภักดิ์เล่นเป็นพ่อแม่ลูกแบบสมมติ
เชิดภักดิ์เป็นพ่อ วรินทร์แสดงตัวเป็นแม่ ในคืนนั้นเชิดภักดิ์ที่นอนเตียงชั้นบน วรินทร์ชวนเขาลงมานอนกอดกัน
เหมือน..เหมือนที่เธอแอบเห็นพ่อกับแม่นอนกอดกันบนเตียง

หลังจากนั้นวรินทร์จะต้องลากเชิดภักดิ์ลงมาให้นอนกอดเธอ โดยบอกว่าไม่ถูกพี่เชิดกอดนอนไม่หลับ
เชิดภักดิ์ก็กอดน้องสาวด้วยความรักใคร่ แล้วเหตุการณ์มันก็พัฒนาของมันไปเรื่อย ๆ จนมาถึงการลูบ ๆ คลำ ๆ กัน
วันเวลาอีกนานหลายเดือนจากนั้น วรินทร์แอบไปเห็นพ่อกับแม่ของเธอนอนแก้ผ้ากอดกัน เธอค่อย ๆ เปิดประตูห้องอย่างเบามือ
ภาพที่เธอเห็นพ่อคร่อมกอดร่างแม่เอาไว้ พูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกันเบา ๆ ที่เธอไม่เข้าใจ
แต่วรินทร์รู้ว่าใจเต้นระรัวจนแทบกระดอนออกจากอก เธอรีบปิดประตูมาเล่าให้เชิดภักดิ์พี่ชายฟัง
เชิดภักดิ์จึงชวนวรินทร์ดลองแก้ผ้านอนกอดกันแบบพ่อกอดแม่บ้าง ให้ช่างก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่น่าลองจริง ๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเชิดภักดิ์เริ่มมีขนขึ้น แต่ของวรินทร์ยังเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม
วรินทร์ชอบเล่นจู๋ของเชิดภักดิ์ตอนที่มันเกิดอาการแข็งตัวทิ่ม ๆ ตำ ๆ หน้าท้องของและจิ๋มของเธอ

ทั้งสองคอยแอบดูแอบสังเกตพฤติกรรมของพ่อแม่แล้วเอามาคุย แต่ต่างก็ไม่เคยเห็นตอนที่พ่อกับแม่มีอะไรกันบนเตียง
พัฒนาการของทั้งสองจึงหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ผ่านมาอีกเป็นปีจนเมื่อวรินทร์เริ่มปรากฎไรขนอ่อน ๆ ขึ้นมาบ้าง
“พี่เชิด..รินมีขนแล้วหละ…” เธอบอกพี่ชายอย่างตื่นเต้นตาเป็นประกาย เชิดภักดิ์หัวเราะร่าอย่างยินดี
“อื้อ..หมอยขึ้นแล้วเหรอริน…” เสียงเชิดภักดิ์กรุ้มกริ่มยิ้มล้อเลียน วรินทร์ทุบไหลพี่ชายอายหน้าแดง
“อื้อ…” วรินทร์พยักหน้ารับช้า ๆ ไม่กล้าสบตา เธอนึกได้แล้วว่าคำนี้เชิดภักดิ์เคยอธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียด
ตอนที่เชิดภักดิ์โชว์ให้เธอดูหมอยของเขาที่เพิ่งจะงอกออกมา ตอนแรกเธอเรียมันกว่าขน แต่เชิดภักดิ์บอกว่าไม่ใช่
ขนที่ขึ้นบนหัวเรียกว่า ผม ตามตัวทั่วไปจะเรียกว่า ขน เช่น ขนจั๊กแร้ ขนหน้าอก ขนแขน ขนหน้าแข้ง
แต่ตรงนี้เชิดภักดิ์ชี้ไปที่ของตัวเอง ภาพในอดีตย้อนกลับมาในหัวของนรินทร์เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เธอจำได้ว่าเชิดภักดิ์ชี้ตรงโคนตอของเขาแล้วบอกกับเธอว่าเขาเรียกขนตรงนี้ว่า ‘หมอย’ เธอพยักหน้ารับแบบไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก

“อ้าว..เงียบเชียว..งงเหรอ ?” วรินทร์พยักหน้า “ของรินก็ต้องมีแบบแบบของพี่เชิดเหรอ ?” เสียงเธอมีแววกังวล
“ไม่เหมือนหรอกริน..ไม่ต้องห่วง ของรินพี่ว่าหมอยน้องคงไม่เยอะเหมือนของพี่หรอกจ๊ะ รินเคยเห็นของแม่ไม่ใช่เหรอ ?”
วรินทร์พยักหน้า “พี่ว่าของรินคงไม่ดกไปกว่าแม่หรอกน่า” วรินทร์พยักหน้าหงึกหงัก “เส้นหงิก ๆ แบบพี่เชิดแล้วแย่เลย”
เขิดภักดิ์ดึงตัววรินทร์เข้ามาหา “ไหน..มาให้พี่ดูหน่อยซิ พี่ไปฝึก รด.ไม่กี่วันรินของพี่ขนหมอยขึ้นแล้ว ฮิ ๆ”
“บ้าซิ..เราไม่เจอกันตั้งเกือบเดือนนะ..พี่เชิด…” เชิดภักดิ์พยักหน้าเขาไปเข้าค่ายเสร็จแล้วไปต่อบ้านเพื่อน
สนุกกับการยิงนกตกปลารวม ๆ แล้วเกือบเดือนเหมือนกับที่เธอว่าจริง ๆ

เชิดภักดิ์ถอดกางเกงนอนของวรินทร์ออก เธอเบี่ยงตัวขึ้นไปนอนกลางเตียง
“พี่ว่าจิ๋มของรินเหมือนจะใหญ่ขึ้นนะ…ทำไรหรือเปล่านี่ ?” วรินทร์ส่ายหน้าขมวดคิ้วสงสัย
“พี่ถอดกางในออกดีกว่า…” วรินทร์พยักหน้าเกร็งขายกก้นลอยขึ้นให้เชิดภักดิ์รูดกางเกงในสีขาวออกมาอยู่หน้าขาจึงหย่อนก้นลง
เชิดภักดิ์กดขาที่ชันเข่าของเธอลงก้มหน้าลงไปมองที่เนินนูนอวบของเธอ
“ไม่เห็นมีเลย…” วรินทร์มองเชิดภักดิ์ด้วยความฉงน “หือ..ไม่มีหรือพี่..มันร่วงไปแล้วแหงเลย ตอนอาบน้ำวรินทร์ยังเห็นเลย”
เชิดภักดิ์ยื่นนิ้วไปเขี่ยตรงกลางเนิน “มันมืดไปมั่งพี่..ของรินเส้นบาง ๆ เอง” เชิดภักดิ์พยักหน้า “งั้นซิ…”
“พี่เชิดไปเอาไฟฉายมาส่องดูซิ…” เชิดภักดิ์พยักหน้าลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะหนังสือเปิดลิ้นชักหยิบไปฉายมากดสวิทช์เปิด
ลำแสงสาดส่องสว่างไปทางวรินทร์ที่นอนหันหน้ามามอง

เชิดภักดิ์ถือไฟฉายเดินขึ้นมานั่งข้าง ๆ วรินทร์แล้วสาดลำแสงไปเนินเนื้ออวบอูม
เขามองนิ่งอยู่นาน “เห็นยังพี่เชิด…” เชิดภักดิ์พยักหน้ากลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
“มีเส้นยาวซักเซ็นต์สองสามเส้นเอง นอกนั้นเป็นไรอ่อน ๆ นะริน…”
“แหม..ทำเอารินตกใจนึกว่าร่วงไปแล้ว…ดีไหมพี่เชิด…” วรินทร์หัวเราะร่วนอย่างภาคภูมิ
“รอให้หมอยรินขึ้นมากกว่านี้อีกหน่อย พี่ว่าของรินสวยนะ…” วรินทร์พยักหน้า
“เดี่ยวพี่ถอยกางเกงในออกไปเลยดีกว่า” เชิดภักดิ์วางไฟฉายแล้วจัดการรูดกางเกงที่ค้างอยู่ตรงหน้าขาออกไปจากปลายเท้า
เชิดภักดิ์ฟุบตัวลงนอนข้าง ๆ ใบหน้าของเขาลอยอยู่เหนือเนินเนื้อผ่องของวรินทร์แค่สองสามนิ้ว
“ไรขนอ่อนขึ้นเยอะเลยริน…” เชิดภักดิ์เอียงหน้าลงมองโดยวางไฟฉายให้แสงไฟขนานไปกับนวลเนินเนื้อ
จากนั้นเชิดภักดิ์ใช้นิ้วชี้เขี่ยไรขนอ่อนของเธอวนไปวนมา

“พี่เชิด..จั๊กจี้จัง..” เชิดภักดิ์หันหน้ามามอง “แล้วดีเปล่าละ ?”
“อื้อ…” เชิดภักดิ์เขี่ยนิ้วไปเรื่อย ๆ “รินย่าสิบห้าแล้วนี่นา…”
“แต่ของพี่เชิดใหญ่น่ากลัวออก…ไหนมาให้รินจับเล่นหน่อยซิ…”
เชิดภักดิ์ดันตัวลุกขึ้นจัดการถอดกางเกงบอลออกงัดท่อนขนาดเต็มหนุ่มของเขาออกมา
วรินทร์มองอย่างตาโต “ไม่เจอกันเดือน..อึมมม..รินว่าของพี่เชิดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนะ…”
“บ้าซิ…” วรินทร์หัวเราะ “มา..มาให้รินวัดขนาดก่อน” วรินทร์รีบคว้าท่อนลำมากำแล้วหัวเราะร่า
“ใหญ่กว่าเก่าจริง ๆ นะแหละ ตอนนี้รินกำไม่รอบแล้ว เดือนก่อนยังกำรอบปลายนิ้วโป้งยังชนกับปลายนิ้วชี้เลย…”
เชิดภักดิ์ก้มลงดูแต่เขาไม่รู้สึกหรอกว่ามันใหญ่ขึ้นหรือเปล่า “เหรอ…พี่ไม่รู้หรอก…”
วรินทร์รูดหนังหุ้มลงมาจนขอบหยักโชว์หรา “มันพองตัวดีจังพี่เชิด….” เชิดภักดิ์ครางซี๊ดออกมาเบา ๆ
“วรินทร์ทำเอาพี่เสียวเชียว…งั้นเดี่ยววรินทร์ชักว่าวให้พี่ด้วยนะ…” วรินทร์พยักหน้า
เชิดภักดิ์สอนให้วรินทร์ชักว่าวเป็นมาหลายปีแล้ว เธอทำหน้าที่ชักว่าวให้เขามาตลอด

———————-

“ริน..ริน..คิดอะไรนะ..เงียบเชียว…” วรินทร์ส่ายหน้าไปมาแล้วหันมายิ้มกับพี่ชาย
“วรินทร์คิดถึงความหลังนะพี่…” วรินทร์บีบมือพี่ชาย “คงเป็นความหลังดี ๆ ซิเห็นนั่งตาลอยยิ้มไปยิ้มมา”
“บ้า..ซิ..ตาลอยยิ้มไปยิ้มมา…” เธอหยิกแขนเขาเบา ๆ แบบกลบเกลื่อนความเขินอาย
“อูยยย…เกเรกับพี่ด้วย” วรินทร์ลูบตรงรอยที่เธอหยิกเขาเบา ๆ “รินคิดอะไรอยู่..เกี่ยวกับพี่หรือเปล่า….?”
วรินทร์เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายแล้วกระซิบเสียงแผ่วว่า “เกี่ยวกับพี่เชิดนะแหละ..รินคิดถึงตอนเรายังเด็ก ๆ กันอยู่นะ”
“ตอนเด็ก ๆ เหรอ..ไงละ…?” วรินทร์นิ่งเงียบเสยกแก้วเบียร์ขึ้นจ่อริมฝีปากแต่เบียร์ไม่ได้ล่วงเข้าไปในลำคอแต่อย่างใด
เชิดภักดิ์ยกแก้วเบียร์ขึ้นซดจนหมดแก้ว “อ้าว..เงียบอีกแล้ว..คิดอเะไรต่อเหรอ ? ชักอยากรู้แล้วซิ…”

ภายในภายของเธอหวิวหวั่นอย่างบอกไม่ถูก ความประทับใจที่ฝังแน่นในเงามมืดของจิตใจลอยขึ้นอย่างไม่อาจกดข่มเอาไว้ได้อีก
เงยหน้าขึ้นมองหน้าเชิดภักดิ์เหมือนจะส่งความหมายลึก ๆ ในใจบางอย่าง “พี่เชิด..ยังจำตอนเราเด็ก ๆ ได้ไหมละ ?”
“พี่จำได้ทุกตอนแหละริน…โดยเฉพาะตอน..ตอน..” เชิดภักดิ์พูดทิ้งช่วงเอาไว้หันมามองสบตาเธอ
“ตอน..ตอน…” วรินทร์พูดตะกุกตะกัก “ตอน..เราแก้ผ้านอนกอดกัน…” เชิดภักดิ์เสียบเครือออกมาเมื่อเห็นเธอไม่กล้าเอ่ยออกมา
วรินทร์พยักหน้า “เมื่อกี้รินนึกไปถึงตอนนั้นแหละ” เธอสารภาพมอบสบตาเขาอย่างเปิดใจ

“รินนึกถึงตอนไหนอยู่ละ..?” วรินทร์อึ้งไปจนเชิดภักดิ์ถามย้ำอีกครั้ง “ตอนไหนริน…ตัวพี่เองประทับใจทุกยตอนเลยหละ..”
“เอ่อ..เอ่อ…อื้อ…” เชิดภักดิ์ยกมือขึ้นเขกหน้าฝากน้องสาวเย้าเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “นึกไม่ออกเหรอ ?”
วรินทร์หัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าไปมา “อ้าวแล้วเอ่อ..ๆ ๆ ทำไมละ” วรินทร์ก้มหน้าเพื่อซ่อนสายตา “ไม่รู้จะพูดดีหรือเปล่า ? มันนานแล้ว”
“อ้าว..คุยกันตั้งนาน รินไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่าแค่นี้เหรอ ?” วรินทร์พยักหน้า เชิดภักดิ์หัวเราะเสียงปร่าแล้วพูดว่า
“มีอะไรที่เราพูดกันไม่ได้เหรอจ๊ะ” วรินทร์นิ่งไปครู่แล้วตอบว่า “บางอย่างมันนาน..นานมาแล้วนะพี่เชิด”

“นานแล้วจริง ๆ นะ..เรา..เรามารื้อฟื้นกันใหม่ได้นี่นา” วรินทร์พยักหน้าหัวเราะแจ่มใจ
“รินกำลังนึกถึงตอนที่..ที่..ที่..ห-ม-อ-ย-รินเพิ่งจะขึ้นใหม่ ๆ นะ ตอนนั้นพี่เชิดเอาไฟฉายมาส่องดู” พูดแล้วหัวเราะ
เชิดภักดิ์หลบสายตา “เหรอ..แบบนั้นเหรอ..พี่จำไม่ค่อยได้ ตอนนั้น..อึม..เหมือนว่าหมอยรินบางมาก”
วรินทร์พยักหน้า “ตอนนั้น..จำได้ยัง ?” เชิดภักดิ์พยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “พี่จำได้แล้ว..ปลายปีโน่นหมอยรินถึงได้เยอะขึ้นจนเห็นชัด”
วรินทร์พยักหน้าตาวาว “ใช่ตอนนั้นพี่เชิดตรวจหมอยรินทุกวันเลย” เชิดภักดิ์พยักหน้ายิ้มร่า “ก็พี่อยากดูนี่ว่าหมอยผู้หญิงมันขึ้นยังไง ?”
วรินทร์หัวเราะเบา ๆ “ตอนรินหมอยขึ้นเยอะแล้ว พี่เชิดชอบใช้นิ้วเกาให้รินทุกคืนเลย พี่เชิดยังจำได้หรือเปล่าละ ?”
เชิดภักดิ์พยักหน้า “จำได้ซิ..ใครจะลืมลง หมอยรินนุ่มมือดีจะตายไป” วรินทร์หัวเราะหึ ๆ “หมอยพี่เชิดทั้งหยาบทั้งแข็ง”
“นั่นซิ…แล้วรินยังจำตอนที่สอนวิธีชักว่าวให้ได้หรือเปล่าละ ?” วรินทร์พยักหน้าสบตาแล้วหัวเราะ “ทำจนเก่งเลยละ”
“ตอนหลัง ๆ นี่พี่ก็ตอบแทนให้รินนะ พี่เบ็ดให้รินมีความสุขเหมือนกัน” วรินทร์พยักหน้าหลบใบหน้าที่แดงกร่ำ

“มันรู้สึกเหมือนว่าเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้นะพี่…” เชิดภักดิ์พยักหน้ารับ วรินทร์หยิบขวดเบียร์มาเทใส่แก้วให้จนเต็มแล้วใส่ให้ตัวเอง
“รินชักมึน ๆ แล้วเหมือนกันนะ พี่เชิดอยากกินต่อหรือเปล่า ?” เชิดภักดิ์พยักหน้า “เรามานั่งคุยกันเรื่องความหลังก็ดีนะริน”
“ค่ะ…” วรินทร์พยักหน้ารับคำ “เลือกเอาตอนที่ประทับใจไม่ลืมนะ” วรินทร์ยิ้มเงยหน้าผุดผาดเหมือนตำลึกสุก
“พี่เชิดบอกตอนที่พี่ประทับใจที่สุดก่อนซิ” เชิดภักดิ์ยกเบียร์ขึ้นดื่มแล้วพูดต่อว่า
“อื้อ..พี่ประทับใจตอนที่หอมจิ๋มรินครั้งแรก” วรินทร์หลบตาพริ้ม “เอ..ตอนนั้น..เดี่ยวรินนึกดูก่อน…”
วรินทร์ทำเป็นแกล้งนึกไปเท่านั้นเอง ก่อนที่เฃิดภักดิ์พูดเธอก็นึกถึงตอนนี้อยู่เหมือนกัน
“ตอนนั้นขนหมอยรินเยอะแล้วหละ มันแผ่เป็นปีกเว้นร่องกลางเอาไว้ พี่ออดใจไม่ไหวเลยก้มลงจุ๊บเสียทีนึง…”
“อื้อ..รินจำได้แล้วพี่เชิด…ไม่ทีหนึ่งหรอก อิอิ รินจำได้แม่นว่าจุ๊บแล้วจุ๊บอีกมากกว่าหนึ่งทีแน่นอน”
เชิดภักดิ์หัวเราะตาเป็นประกายแล้วพึมพำต่อว่า “หอมมากด้วย” วรินทร์ทุบที่หลังมือเขาเบา ๆ
“แล้ว..แล้ว..พี่เชิดประทับใจตอนไหนมาก ๆ อีก…” เชิดภักดิ์กระดกแก้วซดเบียร์เข้าปากอีกที
“อ้าว..เอาเปรียบ..รินต้องเล่าตอนที่รินประทับใจบ้าง..เล่ามาเร็ว ๆ…” วรินทร์เงยหน้ามองเพดานทำท่านึก
ความจริงเธอไม่ต้องเสียเวลาแม้แต่นอน เพราะทุกฉากทุกตอนเหมือนเพิ่งเกิดเดี่ยวนี้
“ตอนที่..ริน..ริน..ประทับใจเหรอ…” เธอทำท่านึกอีกที่แล้วต่อว่า “ตอนที่..ตอนที่..ที่เราแก้ผ้านอนกอดกัน มันอุ่นดีจัง…”
“พี่ก็ประทับใจตอนนั้นเหมือนกัน…กับอีกตอนที่พี่สอนให้รินชักว่าวให้พี่..พี่เสียวสุด ๆ เลย” วรินทร์หัวเราะ
“ตอนพี่น้ำแตกพี่เชิดร้องเสียงดังเลยแหละ…” เช็ดยิ้ม “ก็มันเสียวนี่นา ตอนรินน้ำแตกก็ร้องซี๊ด ๆ เหมือนกันแหละ”
“แล้วพี่ประทับใจตอนไหนอีก ?” เชิดภักดิ์นิ่งคิดแล้วบอกว่า “ตอนที่เราทำหกเก้า-เก้าหกกันนะ…”
ถึงตอนนี้วรินทร์นิ่งเงียบลงไปทันที ภาพเหตุการณ์ที่เชิดภักดิ์พูดกระตุ้นภาพในคลังความทรงจำของเธอขึ้นมาตรงหน้า

…………………….

คืนนั้นหลังสอบเสร็จ “ริน..เรามาฉลองสอบเสร็จกันดีกว่า…” วรินทร์มองพี่ชายอย่างสงสัย “ฉลองอะไรพี่เชิด…”
“เพื่อนพี่มันสอนเรื่องท่าหกเก้า-เก้าหกมา..” วรินทร์มองพี่ชายอย่างงง ๆ “ข้อสอบเหรอ ? มันอะไรกัน ?”
“มา ๆ พี่จะสอนให้..รินอาบน้ำแล้วไม่ใช่เหรอ..” วรินทร์พยักหน้ารัก “งั้น..รอพี่แป๊บ..ขออาบน้ำให้ตัวหอม ๆ ก่อน”
วรินทร์มองพี่ชายที่รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำแล้วอดยิ้มขำ ๆ ไม่ได้ “หกเก้า-เก้าหก ๆ ๆ ๆ” เธอท่องพึม ๆ
ตอนแรกวรินทร์ไม่เข้าใจหรอกว่ามันคืออะไร มันเป็นตัวเลขในข้อสอบหรือไงหนอ
เธอมาคิดดูแล้วมันไม่น่าจะใช่ หรือว่าพี่เชิดมีมุกตลก ๆ มาเล่าให้เธอฟัง ยิ่งคิดวรินืร์ก็ยิ่งงุนงง
ตัวเลขประหลาด ๆ หกเก้า-เก้าหก เธอเลยตัดสินนอนหลับตานิ่ง ๆ ปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย

วรินทร์นอนนิ่ง ๆ ครู่เดียวเธอเริ่มเคลิ้มลงเป็นกึ่งหลับกึ่งตื่น เธอรู้สึกว่ามีมือหนึ่งมาเลิกกระโปรงชุดนอนของเธอขึ้น
สภาวะของเธอเหมือนฝัน วรินทร์รู้สึกว่ากระโปรงของเธอถูกถกขึ้นมากองอยู่บนท้องน้อยเรียบร้อยแล้ว
มือทั้งสองลูบไล้ไปตามขาอ่อนอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล สลับกับใช้ปลายเล็บเกาเบา ๆ ไปตามนวลเนื้อ
วรินทร์รู้สึกซ่านสยิวและสบายเนื้อสบายเหลือกำลัง มากจนไม่อยากลืมตาขึ้นมอง นิ้วมือเกาผ่านเข้าไปยังซอกขา
ปลายนิ้วเกาลากยาว ๆ ตั้งแต่ขอบกางเกงในลงไปจนถึงหัวเข่า แล้วเกาย้อนสวนขึ้นมาจนถึงริมกลีบเนื้อ
เสียวสบายมากจนขาทั้งสองของวรินทร์ค่อย ๆ ขยับอ้าออกกว้างขึ้น เพื่อให้ฝ่ามือและปลายนิ้วลูบพริ้วไปทุกซอกทุกมุม
ขาทั้งสองของวรินทร์ขยับอ้าออกกว้างเรื่อย ๆ จากนั้นจึงขยับชันเข่าขึ้นนิด ๆ แล้วแบะอ้าออกให้ซอกขาเปิดกว้าง
ปลายนิ้วชี้เปลี่ยนไปกรีดเบา ๆ ที่ตรางกลางของเป้ากางเกงในที่ปรากฎรอยเปียกเยิ้มเป็นวงกลม

“อืมมม…” เสียงวรินทร์ครางออกมาแผ่วเบา เธอสบายจนไม่อยากลืมตา อยากล่องลอยอยู่ในห้วงฝันหวานให้นานแสนนาน
พี่เชิดของเธอทำให้เธอสบายแบบนี้บ่อย ๆ และบ่อยจนเธอติดอกติดใจเหมือนติดยาเสพติด
ปลายนิ้วกรีดลากขึ้นแล้วลากลง จากนั้นบดวนปลายนิ้วเป็นวงตรงตำแหน่งเปียก ๆ
อูย…สบายเหลือเกิน เสียวซ่านจนอยากแอ่นก้นขึ้นรับมือรับนิ้ว และสวนตอบโต้สันมือที่บดวนหนัก ๆ
วรินทร์สนองตอบอย่างใจปรารถนา เธอขยับเอวแอ่นร่อนสะโพกผายลอยร่อนขึ้นรุกรับทุกจังหวะ

“ริน…” เสียงเรียกแผ่วเบาจนวรินทร์นึกว่ามันลอยล่องมาจากฟากฟ้าสวรรค์
“อึมมม…” เธอตอบรับแผ่วเครือด้วยคอแห้งผาก มือทั้งสองจิกกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น
“ไม่อยากรู้เรื่องหกเก้า-เก้าหกแล้วเหรอ ?” ไม่ใช่ฝันนี่นา เสียงนี้เป็นเสียงของพี่เชิดจริง ๆ ด้วย พี่เชิด..
วรินทร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เชิดภักดิ์จ้องมองเธอเขม็ง “แก้มรินแดง..น่ารักจัง…” เธอยิ้มรับคำชม
“สบายมากใช่เปล่า ?” วรินทร์พยักหน้า “รินนึกว่าฝันไปเสียอีก..”
“พี่เคยทำสิ่งไม่ดีกับรินเหรอ ?” วรินทร์ส่ายหน้าตาเป็นประกาย “รินรู้ว่าพี่เชิดรักรินและให้แต่สิ่งดี ๆ กับรินเสมอ”
“มา ๆ มาให้พี่สอนเรื่องหกเก้า-เก้าหกดีกว่า…” วรินทร์พยักหน้า “มัน..มัน..คืออะไรนะหกเก้า-เก้าหก…พี่เชิด”
เชิดภักดิ์ยิ้มแบบเจ้าเลห์ “ไอ้นนท์มันสอนพี่มา…” วรินทร์ยิ่งรู้สึกสงสัยเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“ไหนพี่เชิดอธิบายให้รินฟังซิ พี่นนท์สอนอะไรพี่..?” เชิดภักดิ์ฟุบตัวไปนอนกอด ส่วนมือยังลูบไล้กลีบเนื้อนอกกางในของเธอต่อไป

“ก็กลับหัวกลับหางกันนะริน…” วรินทร์หอมแก้มเชิดภักดิ์แต่เธอก็ตามสิ่งที่เชิดภักดิ์บอกไม่ทัน
“ให้พี่นอนอยู่ข้างล่าง ให้รินขึ้นไปคร่อมพี่ข้างบน โดยรินหันไปทางปลายเท้าแล้วหันก้นมาที่ตรงหน้าพี่ ลองทำดูซิ”
“หือ..ไอ้อาวว..น่าเกลียดออก..แบบนั้น…” เชิดภักดิ์หัวเราะร่วน “ลองทำดูหน่อยนา..ไม่น่าเกลียดหรอก..”
วรินทร์ยังส่ายหน้า “นะริน..ลองทำดู พี่ชักอยากเห็นท่าแบบนั้นของรินเหมือนกัน มา ๆ มาลองหน่อย”
วรินทร์ส่ายหน้าริก ๆ “เดี่ยวพี่เชิดซวยตายเลย…” เชิดภักดิ์ยิ่งหัวเราะใหญ่ “พี่ไม่กลัวซวยหรอกริน…”
วรินทร์ยังส่ายหน้าไม่หยุด “แบบที่ทำอยู่นี่ก็ดีแล้ว พี่เชิดทำให้รินเสร็จรินก็ชักว่าวให้พี่…ดีจะตายไป”
“น่า..ลองดูหน่อย…จะได้มีอะไรใหม่ ๆ เล่นกัน” แต่สิ่งที่เชิดภักดิ์ไม่บอกวรินทร์ก็คือ
ไอ้นนท์มันอธิบายให้เชิดภักดิ์ฟังถึงการใช้ลิ้นเลีย ตอนแรกเชิดภักดิ์ได้ฟังก็ค่อนข้างตกใจ
แต่พอฟังประสบการณ์ของไอ้นนท์ที่มันเล่าให้ฟัง เชิดภักดิ์จึงคิดอยากทดลองทำดูบ้าง
แต่เขาก็ไม่กล้าบอกวรินทร์ไปทั้งหมดหรอก เชิดภักดิ์กลัววรินทร์จะไม่ยอม
อีกอย่างหนึ่งเชิดภักดิ์อยากมองเนินอวบของวรินทร์ที่อยู่ในท่าโก้งโค้งคร่อมตัวเขาเอาไว้แบบนั้น
มันคงน่าตื่นตาตื่นใจเกินบรรยาย เชิดภักดิ์จับสองอย่างมารวมกันเขาบอกอย่างหนึ่งกับไม่บอกอีกอย่าง

“น่าริน..ลองดู..ไม่ดีเราก็ไม่ต้องทำมันอีกก็แล้วกัน..นะ…นะ..” เชิดภักดิ์ก้มลงจูบหน้าฝากวรินทร์ฟอดใหญ่
วรินทร์หลับตาพริ้ม ใจหนึ่งอยากลองแต่ก็รู้สึกอาย ๆ ที่ต้องขึ้นไปคร่อมเอาโคกไปร่อนตรงหน้าของพี่ชาย
เชิดภักดิ์จูบปากจิ้มลิ้มแล้วสอดลิ้นเข้าไปพันลิ้นของวรินทร์ที่ตวัดพันกับลิ้นเขาอย่างรู้งาน
เสียงจ๊วบ ๆ ได้ยินชัดยามที่ทั้งสองดูดปากกัน เชิดภักดิ์ถอนปากขึ้น “ดีจัง…” เขายิ้มพึมพำออกมา
วรินทร์เองก็พยักหน้า “วันนี้พี่เชิดทำให้วรินทร์สบายจัง…” เชิดภักดิ์หัวเราะ “ตกลงรินจะลองหกเก้า-เก้าหกหรือเปล่าละ ?”
“ดีแน่นะ…?” วรินทร์ถามโดยไม่มองหน้าเชิดภักดิ์พี่ชายของเธอ “ดีซิ…ทดลองดูหน่อยก็แล้วกัน…”
ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจพยักหน้ารับ ความจริงวรินทร์เองก็อยากลองอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่ให้พี่ชายถามย้ำหลาย ๆ ครั้งแค่นั้น
วรินทร์ข่มความขยับดันตัวของเชิดภักดิ์ให้นอนหงายลง เชิดภักดิ์รีบประคองให้เธอพลิกตัว
วรินทร์ขยับพลิกตัวหันหัวไปทางปลายเท้าปล่อยให้เชิดภักดิ์ประคองก้นของเธอยกมาคร่อมตัวเขา

เชิดภักดิ์รูดกระโปรงชุดนอนขึ้นไปไว้บนเอว เขายื่นมือไปลูบไล้กางเกงในสีขาวแล้วลากนิ้วลงมาตามร่องก้น
ใช้ปลายนิ้วโป้งบดตรงบริเวณรอยเปียกเป็นวงอีกครั้ง วรินทร์เสียวจัดจนต้องขยับส่ายยิก ๆ ขึ้นลง
เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้นมองเนินเนื้อของวรินทร์ที่ย้อยเป็นพูลงมาอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้จะยังมีกางเกงในกั้นอยู่
เชิดภักดิ์ไม่เห็นเนิน..เนิน..เขาอยากจะเรียกแบบเต็ม ๆ เหมือนที่ไอ้นนท์มันเล่าให้เขาฟังว่าแฟนของมัน
ไอ้นนท์เล่าเชิดภักดิ์อย่างหมดเปลือกว่าเนินหีของทิพย์แฟนของมันโคกดี หีใหญ่ แต่หมอยดกไปหน่อย
เชิดภักดิ์อยากจะพูดคำหยาบแบบนั้นกับวรินทร์บ้างเหลือเกิน ตอนนี้เขาพูดกับวรินทร์ได้เพียงแต่คำว่าหมอยเท่านั้นเอง
เขาเองก็ไม่รู้ว่าวรินทร์จะรับกับคำเหล่านั้นได้หรือเปล่า เขาต้องค่อย ๆ ให้วรินทร์ได้เรียนรู้และเข้าใจอะไร ๆ มากกว่านี้เสียก่อน

เชิดภักดิ์ผงกหัวขึ้นจูบกลางเนินเนื้อ แต่เขาอยากใช้คำว่าเนินหีเหลือเกิน เขาจูบฟอด ๆ แรง ๆ หลายครั้ง
เมื่อเขาจูบเนินของวรินทร์หลาย ๆ ครั้ง วรินทร์เองนอกจากใช้มือควักท่อนเนื้อของเชิดภักดิ์ออกมารูดเล่นขึ้น ๆ ลง ๆ
จากนั้นเธอจึงค่อย ๆ รูดหนังหุ้มของเขาลงมา เธอชอบดูหัวถอกที่มีสีออกชมพู ๆ อีกอย่างเธอชอบดูรอยผ่าเล็ก ๆ ที่ตอนนี้ปริ่มไปด้วยน้ำ
เธอนึกว่าพี่เชิดก็คงเสียวมากเหมือนเธอ คนเรายามมีอารมณ์ก็จะมีหล่อลื่นออกมาจนชุ่มตามธรรมชาติ
เมื่อรู้สึกว่าพี่เชิดของเธอจูบเนินของเธออย่างยินดีเช่นนั้น วรินทร์ก็รู้สึกว่าเธอน่าจะทำแบบเดียวกับที่เขาทำให้กับเธอบ้าง
วรินทร์จีบปากจุ๊บตรงปลายถอกเบา ๆ เชิดภักดิ์ขยี้จมูกกับปากกันเนินหี (เขาอยากเรียกแบบนี้) ของวรินทร์หนัก ๆ อย่างเต็มอารมณ์กระสัน
สันจมูกของเชิดภักดิ์ขยี้เข้าตรงกลางร่องเม็ดเสียวถูกขยี้แรง ๆ นอกนอกกางเกงในก็ตาม

วรินทร์เงยหน้าขึ้นกันฟันกรอดแล้วสผมกับเสียงสูดปากเร่า ๆ ออกมา เสียงที่วรินทร์ปล่อยออกมามันเป็นยิ่งกว่าคำอนุญาตใด ๆ
เชิดภักดิ์ขยี้หน้าหนักขึ้นไปอีก วรินทร์เสียวแต่ภายในของเธอเสียวมากไปยิ่งกว่า เมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่ทำให้สุขเสียวนั้นยามนี้
คือใบหน้าของเชิดภักดิ์ภักดิ์พี่ชายของเธอเอง

วรินทร์จึงจีบปากจูบแรง ๆ ตรงปลายถอกเพื่อตอบแทนถี่ ๆ เช่นกัน ปลายถอกถูกริมฝีปากขยี้ถูกบ่อย ๆ เชิดภักดิ์เริ่มรู้สึกเสียวเกินทนเหมือนกัน
พอวรินทร์ขยี้ริมฝีปากอีกทีเขาสุดกลั้นเอาไว้อีกจึงแอ่นก้นดันพรวดสวนจนปลายถอกลึกเข้าไปในปากจนเกือบมิดหัว
วรินทร์ตกใจมากเธอรีบอ้าปากคายออกมาทันที แล้วเธอก็อดหัวเราะเบา ๆ ออกมาไม่ได้ เชิดภักดิ์จึงร้องถามว่า
“รินมีไรเหรอ ?” วรินทร์หัวเราะแล้วตอบว่า “เปล่าพี่เชิด…” เธอไม่กล้าบอกว่าปลายถอกของเขาเข้าไปในปากของเธอจนเกือบมิดหัว
ทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน แต่เธอไม่รู้รังเกียจใด ๆ แม้แต่นิด

เชิดภักดิ์แหวกขอบกางเกงในของเธอออก เพื่อให้แคบขาวอวบโผล่ออกมา หมอยของวรินทร์เกลี่ยบาง ๆ
เชิดภักดิ์จูบกลีบเนื้อของเธออีก “อุ๊ยยย…” วรินทร์อุทานเบา ๆ เพราะเธอรู้สึกว่าริมฝีปากของเชิดภักดิ์พี่ชายสัมผัสกลีบเนื้อจริงของเธอแล้ว
“วรินทร์..ถอดกางในออกเถอะ…” วรินทร์หันหน้ามามองแล้วพยักหน้าจึงพลิกตัวลงนั่งแอ่นก้นขึ้นให้เชิดภักดิ์รูดออกแล้วเธอช่วยเอาออกจากปลายเท้า
วรินทร์วางกางเกงในเอาไว้ปลายเตียงแล้วถอดชุดนอนของเธอออก จากนั้นหันมาถอดกางเกงของเชิดภักดิ์ออกบ้าง
“วรินทร์..ขาวจัง…” เชิดภักดิ์ร้องชม วรินทร์หัวเราะแล้วจึงขึ้นคร่อมเชิดภักดิ์อีกครั้ง

พอสะโพกของวรินทร์มาอยู่ตรงหน้าเชิดภักดิ์ เขาตาลุกวาว แคมหี (เขาอยากเรียกมันแบบนี้ที่สุด) แคมหีแต่ละข้างอวบใหญ่
หมอยเส้นละเอียดเรียบบาง ๆ แนบไปกับนวลเนื้อ ร่องกลางแคมสีฃมพูสดเยิ้มสะท้อนเป็นมัน
เชิดภักดิ์มองเลยขึ้นไป ก่อนถึงรูตูดเชิดภักดิ์เห็นช่องเล็ก ๆ ลึกหายเข้าไปภายใน ตรงรูดูดของวรินทร์เป็นจีบชมพูสวย
สะโพกอวบกลมเนื้อแน่นมีแรงดีดสะท้อน เขาบีบสลับลูบแก้มก้นของเธอไปมาอย่างเมารมัน
จากนั้นวกมือมาใช้นิ้วกลางกรีดกลางร่องเสียว วรินทร์เสียวจนต้องกระดกก้นยิก ๆ ตรงร่องรี ๆ ของเธอขมิบ
น้ำใส ๆ ของวรินทร์ถูกขับออกมาให้เขาเห็นอย่างตื่นตาตื่นใจ ภาพเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็น
แต่วรินทร์อยู่ในท่านอนไม่ได้เห็นชัด ๆ เหมือนในตอนนี้

เชิดภักดิ์มองอย่างอัศจรรย์ใจ เขานึกเปรี้ยวปากอย่างไม่เคยมาก่อน เขากรีดนิ้วอีกถี่ ๆ วรินทร์ยิ่งขยับก้นเยิบ ๆ
“อูวววว…พี่เชิด…อาาาาา…” เชิดภักดิ์กรีดนิ้วซ้ำ ๆ อีก เขาเห็นหยาดน้ำใสหลั่งออกมามาก เขาจึงใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำใสลื่น ๆ
เขาเอาปลายนิ้วมาแตะที่ปลายลิ้น รสมันปร่า ๆ ปะแล่ม ๆ ชอบกล กลิ่นมันหอมหวนเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก

เชิดภักดิ์นึกถึงไอ้นนท์ที่มันเล่าให้เขาฟังเรื่องใช้ลิ้นเลียร่องหี เชิดภักดิ์ตัดสินขยี้ใบหน้ากับเนินหีเนื้อแท้ ๆ ของวรินทร์ทันที
วรินทร์เสียวมากกว่าตอนที่มีกางเกงขวางอยู่เสียอีก เธอจึงก้มจูบที่ปลายถอกให้เขาอีกครั้ง
จูบแล้วก็นึกถึงมื่อครู่ที่ปลายถอกเข้าไปในปากของเธอ มันจั๊กจี้กระพุ้งแก้มภายในชอบกล
วรินทร์จูบไปก็ติดไป ขณะที่เชิดภักดิ์จากจูบแล้วจูบเล่าเขาตัดสินใจใช้ปลายลิ้นเลียเข้ากลางร่องทันที

วรินทร์ผวาเฮือก ๆ ยิ่งกว่าโดนนิ้วกรีดร่องเสียวหลายเท่า เธอตัดสินใจอ้าปากออกครอบปลายถอก
เธอเผยอริมฝีปากออกหุ้มครอบต่ำลงเรื่อย ๆ จนถึงตรงขอบแล้วเธอจึงดึงริมฝีปากขึ้น
เชิดภักดิ์เสียวจนตัวเกร็ง พอวรินทร์ครอบริมฝีปากมาอีกครั้งเขาทนเสียวไม่ไหวจึงแอ่นก้นดันขึ้นไป
โชคดีที่รวรินทร์ใช้มือประคองกุมท่อนเนื้อของเขาเอาไว้มันจึงไม่พรวดพราดเข้าไปจนถึงคอหอย

วรินทร์ทั้งตกใจและนึกขัน เธอจึงเริ่มจะจับจังหวะได้บ้างแล้ว แปลกที่เธอไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะมีการทำอะไรแบบนี้จริง ๆ
แต่พอได้ทำกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ขอเพียงเธอระวังไม่ให้เชิดภักดิ์แอ่นก้นให้น้องชายของเขาพรวดพราดเข้าลึกก็พอ

เชิดภักดิ์ทำให้เธอเสียวและยิ่งเสียวมากเท่าไหร่ เธอก็เผยอริมฝีปากอมและกลืนกินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ
ต่างไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เธอชักชอบรสชาดและความรู้สึกที่ท่อนเนื้อครูดเนื้อภายในปากแล้วหละ
จากมือใหม่ถอดด้าม เธอเริ่มเรียนรู้และคล่องขึ้น รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เชิดภักดิ์ยิ่งทำให้เสียว
วรินทร์เองก็สนองความเสียวตอบแทนเชิดภักดิ์ในแบบเดียวกัน

เชิดภักดิ์นอกจากใช้ลิ้นเลียไปตามร่องหีของวรินทร์แล้ว เขายังห่อลิ้นจนเรียวแหลมสอดแรงเข้าไปยังร่องหลีบลึกด้วย
แม้จะไม่สามารถสอดเข้าไปล้ำลึกมากนักเพราะอ่อนประสบการณ์ แต่เชิดภักดิ์ก็ตวัดปลายลิ้นเลียบริเวณรอบปากรูลึกให้เธอ
พอเขาเลียรอบปากทางร่องหลืบถี่ ๆ วรินทร์เสียวจนไม่สามารถอมของเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว
เธอคายของเขาออกฟุบหน้ากับหน้าขาของเขา ส่งเสียงครางซีด ๆ แทบไม่หยุดปาก
เสียงที่วรินทร์แปร่งออกมาเหมือนเสียงสวรรค์ที่ให้พละกำลังแก่เชิดภักดิ์ เหมือนกับบอกเขาว่าเขาทำดีแล้ว ทำถูกแล้ว

เชิดภักดิ์พยายามตวัดปลายรัวเร็วตรงบริเวณปากร่องหลีบลับ ในที่สุดเชิดภักดิ์นึกถึงอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ
เขาประกบริมฝีปากกับแคมทั้งสองข้างแล้วดูดปากจ๊วบ ๆ แรง ๆ วรินทร์ถึงตัวสั่นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอถึงจุดสุดยอดติด ๆ กันนับไม่ได้ว่ากี่ครั้ง เสียวจนแทบทนไม่ไหว เธอปล่อยตัวลงคร่อมร่างของเชิดภักดิ์ทันที
เนินโคกหีของเธอบดอัดบนใบหน้าของเขา เชิดภักดิ์ยังดูดจ๊วบ ๆ อีกหลายแล้วดิ้นขยับหน้าออก
เพื่อสูดหายใจก่อนที่จะถูกโคกหีวรินทร์กดแน่นจนขาดอากาศหายใจ

เชิดภักดิ์หอบหายใจแรง ๆ เหนื่อยเพราะฝืนแรงวรินทร์แต่เขาก็ภาคภูมิใจสุด ๆ ที่สามารถใช้ลิ้นทำให้วรินทร์มีความสุขแบบสุด ๆ
เขารู้สึกและสัมผัสได้ว่าวรินทร์ถึงจุดสุดยอดรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วรินทร์คงเสียวมาก ๆ จนตัวสั่นริกรัวทีเดียว
อีกอย่างที่เชิดภักดิ์ภูมิใจมาก ๆ ตรงที่วรินทร์กล้าใช้ปากอมควยของเขา แม้เธอจะยังไม่สามารถทำให้เขาถึงจุดสุดยอดได้
แต่แค่นี้ก็แสดงว่าเธอไม่ได้เห็นแก่ตัวเห็นแก่ความสุขของตัวเอง เธอคิดที่จะสนองความสุขความเสียวตอบแทนเขาเช่นกัน

เชิดภักดิ์นอนหลับตาพริ้ม เธอยิ้มหน้าบานอย่างแสนยินดีปรีดา ขณะเดียวกันกับวรินทร์ที่นอนหลับตานิ่ง
เธอมีความสุขเหลือล้นกว่าทุกคราว ความสุขที่เชิดภักดิ์ใช้ลิ้นทำให้นี่มันดีกว่านิ้วมือของเขาหลายร้อยเท่า
พี่นนท์ไปเรียนรู้หกเก้า-เก้าหกนี่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่เธอชักชอบและรู้สึกดีเสียเหลือเกิน

—————————

“อ้าว…นอนนิ่งเชียวริน..กำลังนึกอะไรอยู่นะ ?” วรินทร์กรอกตาหนีแก้มหน้าแดงจัด
“ริน..ริน…” เชิดภักดิ์เรียกเบา ๆ เขาคิดว่าเขารู้ว่าวรินทร์กำลังนึกถึงอะไรอยู่ “ริน…” เขาเรียกซ้ำเมื่อเห็นเธอยังเงียบ
“ขา…” วรินทร์เห็นว่าเลี่ยงไม่พ้นเธอจึงขายรับเสียงเบา ไม่กล้ามองหน้าเขา “พี่รู้นะว่ารินกำลังคิดถึงอะไรอยู่…”
วรินทร์แกล้งยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบกลบเกลื่อน แล้วเงยขึ้นมองหน้าเชิดภักดิ์พี่ชายนิดหนึ่งแล้วกระซิบเขิน ๆ ว่า
“ไม่เอา..ไม่พูดนะ…” เชิดภักดิ์หัวเราะ “อ้าว..ทำไมละ..? กลัวว่า..พี่รู้ไม่จริงหรือไง ?”
วรินทร์ส่ายหน้า “รินกลัว..พี่เชิดรู้จริงต่างหาก…” เชิดภักดิ์หัวเราะเต็มเสียงยกเบียร์ขึ้นกระกดหมดแก้ว
“ไม่อยากรู้หรือไงว่าพี่รู้จริงหรือเปล่า ?” วรินทร์ส่ายหน้า “น่า..อยากรู้หน่อยนา…” เชิดภักดิ์ยั่วซ้ำอีก ตอนนี้สายตาเขาวาวเหมือนมีดวงไฟ
วรินทร์ส่ายหน้าช้า ๆ อยู่นาน แต่ในที่สุดเธอพยักหน้านัยย์ตาเขินอาย เชิดภักดิ์หัวเราะหื่น ๆ
“อยากรู้แล้วละซิว่าพี่รู้จริงหรือเปล่าว่ารินกำลังคิดอะไรอยู่…?” วรินทร์พยักหน้าอาย ๆ “ไหนพี่เชิดลองบอกรินซิ..อิอิ..ว่ารู้จริงหรือเปล่า..?”
“เอียงหน้ามาซิ..ความลับ..พูดเสียงดังไม่ได้…” วรินทร์หัวเราะเสียงใสชักสนุก “ความลับเยอะจัง..พี่เชิดมีความลับอะไรที่รินไม่รู้เหรอจ๊ะ…”
เชิดภักดิ์ไม่ตอบ “เอียงหูมาซิ…” วรินทร์เอียงหูเข้าหา เชิดภักดิ์หอมแก้มเธอฟอดก่อนกระซิบที่ข้างหู
“พี่ว่า..ว่า…” แล้วเชิดภักดิ์ก็หัวเราะร่วน วรินทร์หันมาแล้วระดมทุบที่อกเขา เชิดภักดิ์หัวเราะปล่อยให้เธอทุบตามพอใจ
“หลอกรินนี่นา..พี่เชิดนี่…รู้ไม่จริงต่างหาก..ใช่ปล่าว…?” เชิดภักดิ์ส่ายหน้ายิ้มยั่วตาวาว
“รู้ก็บอกซิ…” วรินทร์ค้อนให้ เชิดภักดิ์ดึงหัวเธอเข้ามาหอมแก้มอีกทีแล้วกระซิบว่า “รินกำลังนึกถึงตอนที่พี่เลียหีให้ใช่หรือเปล่าละ ?”
วรินทร์ตะลึงตัวซ่านชา ไม่ทราบว่าตัวเองพยักหน้ารับไปได้ยังไง พอรู้สึกตัวรีบซุกหน้าลงกับเบาะอายไม่กล้าสู้หน้าเชิดภักดิ์อีก

“จริงใช่ปล่าวริน…?” เชิดภักดิ์ยังแกล้งยั่วเธอต่อ เขาชอบเห็นท่าเขินอายของเธอนี่นา เสียงอู้อี้ของรินยืนยันว่าเขาเดาถูก
“พี่เชิด..พูดคำหยาบ…ไม่คุยด้วยแล้ว…” เชิดภักดิ์หัวเราะร่วน “เมื่อก่อน..เราเคยพูดกับแบบนี้ไม่ใช่หรือริน พี่จำได้…”

มันจริงอย่างที่เชิดภักดิ์ว่า หลังจากที่เชิดภักดิ์ใช้ลิ้นเลียห้เธอเป็นครั้งแรกอีกไม่ถึงเดือน เชิดภักดิ์ก็ชวนเธอพูดคำหยาบ ๆ แบบนี้
ตอนแรกเธอไม่กล้าพูดหรอก ใครจะกล้าพูด แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธที่เชิดภักดิ์จะพูดเอง ตอนอยู่กันสองต่อสองเธอรู้สึกว่าเธอรับมันได้
ผ่านมาอีกเกือบนานเธอจึงตกลงกับเชิดภักดิ์ว่า “พี่เชิด..ขอให้พี่เชิดพูดแบบนี้ตอนเราอยู่กันสองต่อสองนะ”
“อื้อ..คำแบบนี้เค้าพูดกับตอนอยู่ในอารมณ์แบบนั้นทั้งนั้นนั่นแหละริน…” เธอพยักหน้าเห็นด้วยยิ้ม ๆ
“งั้นก็พูดกับพี่ซิ…พี่อยากพูดกับวรินทร์คนเดียวเท่านั้นแหละ…”
วรินทร์มองหน้าเชิดภักดิ์นิ่ง “พูดแล้วได้อารมณ์เหรอไง..?” เชิดภักดิ์พยักหน้า “เดี่ยวพี่เลียหีให้รินอีกนะ…”
วรินทร์หน้าแดงเมทุบพี่ชายที่แขน “บ้าซิ…พูดแบบว่าใช้ลิ้นทำให้ไม่ได้เหรอ…?” เชิดภักดิ์หัวเราะเต็มเสียง
“มันตรงแล้วแรงดีนะริน…” วรินทร์พยักหน้าแต่มือกำแน่นแบบสกดอารมณ์ “ก็……”
“อ้าว..มันก็ยังไงละ..? บอกมาเร็ว” วรินทร์เอียงคอมองเชิดภักดิ์ “งั้น..ตาม..ตามใจพี่เชิด…” เชิดหัวเราะชอบใจ
“ตามใจพี่ไม่ได้..รินต้องพูดกับแบบนั้นด้วย..นะ..” วรินทร์มองสบตาเขานิ่ง เชิดภักดิ์พยักหน้ายิ้มลุ้นให้กำลังใจเธอ
ในที่สุดวรินทร์พยักหน้ารับ เชิดภักดิ์ยิ้มหน้าบานแล้วร้อง “ไชโย ๆ ๆ” ดีใจสุด ๆ ที่เธอยอมเห็นด้วยกับที่เขา

ช่วงใหม่ ๆ วรินทร์ไม่ค่อยกล้าพูดนักหรอก เธอต้องรอให้เชิดภักดิ์เป็นคนนำก่อนแล้วค่อยตามกลบเกลื่อนอือ ๆ ออ ๆ ตาม ๆ เขาไป
จนหลังจากนั้นอีกเป็นเป็นเดือนเธอก็ยังไม่กล้าพูด เชิดภักดิ์จึงคาดคั้นเธออีกครั้ง ในที่สุดเมื่อวรินทร์ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีก
เธอจึงจำใจพูดตอบเขาไปบ้าง เชิดภักดิ์จำได้แม่นว่าครั้งแรกวรินทร์เรียกท่อนเนื้อของเขาว่า “ควยพี่เชิดอมมันดี…”
เขาได้ยินรีบดึงเธอมาระดมจูบ แล้วเป็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เชิดภักดิ์ดูดนมวรินทร์

เชิดภักดิ์เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาจึงไม่ดูดนมวรินทร์ อย่างดีเขาก็ทำก็เพียงลูบ ๆ ไล้ ๆ เท่านั้น
หรือไม่ก็ใช้ปลายนิ้วเขี่ยหัวนมเธอเล่น พอวรินทร์ถูกดูดนมครั้งแรก จึงรู้ว่าการถูกดูดนมก็สร้างความเสียวให้เธอมากมาย

………………………..

เชิดภักดิ์เห็นวรินทร์นั่งนิ่งเงียบไปอีกครั้ง เขาจึงกระซิบ “จำได้แล้วใช่ไหมละ ?” วรินทร์พยักหน้ารับ
“รินไม่ได้พูดคำแบบนั้นหลายปีแล้วละพี่เชิด จนชักลืม ๆ แล้ว…” วรินทร์ตอบแล้วหัวเราะ เชิดภักดิ์มองหน้าเธอนิ่งแล้วถามว่า
“แฟนรินไม่เคยพูดกับรินแบบนี้เหรอ ?” วรินทร์พยักหน้าแล้วรีบตัดบทว่า “อย่าไปพูดถึงคนอื่นเลยดีกว่า…”
เชิดภักดิ์ดึงตัววรินทร์เข้ามากอด “เรามาคุยกันเรื่องของเราดีกว่า” วรินทร์พยักหน้า “เบียร์หมดแล้วพี่เชิดจะกินอีกหรือเปล่าละ ?”
“รินละ ?” เธอส่ายหน้า “งั้น..พี่ก็พอแล้วละ กินเป็นโหลแล้ววันนี้ เรามารื้อฟื้นอดีตกันเถอะ”

“ครั้งสุดท้ายที่เรานอนกอดเมื่อไหร่เน๊าะ ?” เชิดภักดิ์ถามลอย ๆ
“ก่อนรินแต่งงานอาทิตย์หนึ่ง…” แล้วทั้งสองต่างเงียบงันกันไปอีก
“ตอนนี้พี่เชิดสามารถทำได้มากกว่าเก่าแล้วนะ…” วรินทร์กระซิบกระซาบข้างหูเบา ๆ
แต่เชิดภักดิ์ก็ยังเงียบ “ไม่น่าเชื่อนะว่าตอนนั้นพี่เชิดจบมหาลัย รินขึ้นปีสองแล้ว พี่เชิดเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของรินจริง ๆ”
“ริน..หมายความว่าไงหรือจ๊ะ ?” เชิดภักดิ์เอียงหน้าลงหอมเส้นผมของวรินทร์
“ให้รินพูดนะ…” เธอขยับกอดเขาเอาไว้แน่น “จ๊ะ…” เชิดภักดิ์ตอบสั้น ๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าตั้งหลายปีที่เรานอนกอดกัน พี่เชิดไม่เคย..เคย…” เธอหยุดพูดไปแค่นั้น
เชิดภักดิ์เข้าใจว่าเธอจะพูดอะไร แต่ก็อยากให้เธอเปิดเผยตัวตนเดิม ๆ ออกมา “ไม่เคยอะไรกันละริน…?”
วรินทร์ซุกหน้าลงกับอกแล้วกระซิบเสียงแผ่ว ๆ “ก็..ก็…เราไม่เคย..ไม่เคย..เย็ด..กันเลย..นะ..พี่เชิดนะ..”
พูดแล้วทั้งวรินทร์และเชิดภักดิ์ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง วรินทร์ซุกหน้ากอดเขาแน่นตัวสั่นเทิ้ม

เชิดภักดิ์กอดตอบแล้วก้มลงจูบเรือนผมของเธอ ก็อย่างที่เธอว่าไม่ใช่เขาไม่อยากทำอย่างนั้นหรอก
แต่เธอคือน้องสาวสุดที่รักของเขา แค่ช่วยกันเพียงเพียงภายนอกเท่านั้นก็พอแล้ว เขารอจนว่าวันหนึ่ง แล้ววันนั้นก็มาไม่ถึง
แม่ของเขาบังคับให้วรินทร์แต่งงานกับสายัณห์บลูกชายคนเดียวของเพื่อนรักแม่ ซึ่งภาพพจน์ภายนอกทุกคนบอกว่าเหมาะสมกันดี
เพราะตระกูลของสายัณห์นะรวยมาก และดูเหมือนว่าสายัณห์ก็รักวรินทร์จริง ๆ

วรินทร์พอรู้ก็ร้องห่มร้องไห้กับเขามากมาย เชิดภักดิ์ได้เพียงปลอบใจ และให้ความสุขภายนอกกับเธอต่อไป
เชิดภักดิ์ค่อย ๆ อธิบายให้วรินทร์เข้าใจถึงความรักของแม่ เพราะเชิดภักดิ์รู้ว่าแม่เป็นมะเร็งและจะอยู่ได้ไม่นาน
เชิดภักดิ์เล่าเรื่องแม่ให้วรินทร์ฟัง เธอจึงตัดใจและยอมแต่งงานกับสายัณห์ หลังแต่งงานไม่ถึงสามเดือนแม่ของเขาก็ลาโลก
ปลายปีพ่อที่สูบบุหรี่จัดก็ตายเพราะมะเร็งปอดอีกคน

วันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน เชิดภักดิ์บอกกับวรินทร์ว่า “ริน..ห้ามรินทำอะไรแบบที่ทำกับพี่นะ เดี่ยวกับจะหาว่ารินเคยมาแล้ว”
เธอตอบกลับเชิดภักดิ์ไปว่า “รินจะไม่ทำแบบที่ทำกับพี่เชิดกับคนอื่นเด็ดขาด รินสัญญา…” พร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาให้เชิดภักดิ์เกี่ยว

หลังแต่งงานวรินทร์ดูเหมือนมีความสุข เธอยังสนิทกับเชิดภักดิ์เหมือนเดิม เพียงแต่เหตุการณ์ต่าง ๆ ระหว่างเขากับเธอ
ต่อจากนี้ไปมันเป็นได้เพียงแต่ในฝัน เอาไว้ให้เธอเก็บไปฝันว่าสายัณฆ์ยามอยู่บนเตียงคือเชิดภักดิ์พี่ชาย
วรินทร์มีลูกคนแรก..ปีถัดมาก็มีอีกคน เชิดภักดิ์ยินดีและเสมอต้นเสมอปลายกับวรินทร์เสมอ เชิดภักดิ์บริหารธุรกิจของพ่อต่อไป
และได้ขยายสายธุรกิจใหม่เพิ่มและประสบความสำเร็จด้วยดี

จนเมื่อสายัณห์ล้มเหลวทางธุรกิจและความประพฤติเปลี่ยนไป และในที่สุดน้องสาวคนเดียวของเขาก็หย่าและกลับมาอยู่กับเขา
เชิดภักดิ์คิดว่า..อดีต..ไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่เสียใจ ยังไงน้องสาวสุดที่รักก็กลับมาอยู่กับเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
เขาให้ความรักกับน้องสาวและหลานอย่างสุดความสามารถ เขาเยียวยาจิตใจของวรินทร์จนแผลตกสะเก็ดและเริ่มจะหาย

เชิดภักดิ์ถอนหายใจออกมาเสียงดัง วรินทร์ขยับตัวห่างเงยหน้าขึ้น “พี่เชิด..คิดอะไรนะ ?” เชิดภักดิ์ก้มลงมองสบตาน้องสาว
“เพราะน้องเป็นน้องสาวของพี่ไง ?” วรินทร์ซบหน้าลงกับอกหยาดน้ำหยดจากนัยน์ตา เธอเพิ่งจะรู้ว่าพี่ชายรักเธอขนาดไหน
“แค่นั้นก็พอแล้ว..” วรินทร์พยักหน้ากับอก พี่เชิดไม่เคยขออะไรจากเธอมากไปกว่านั้นจริง ๆ ไม่แม้แต่คำเดียว

คืนแรกวันส่งตัววรินทร์ไม่ค่อยประทับใจกับความผลีผลามตะกุมตะกรามของสายัณห์
และจากคืนแรกจนถึงวันที่แยกจากกันเธอไม่เคยมีความประทับใจใด ๆ กับสายัณห์แม้แต่น้อย
แต่เธอไม่เคยปฏิเสธ หน้าที่ของภรรยาหน้าที่แม่ของลูก ถ้าสายัณห์ไม่เปลี่ยนไปเธอก็คงยังอยู่ตรงจุดนั้น
คงไม่มีวันที่เธอได้ฟังคำพูดของพี่เชิดของเธอว่า ‘เพราะน้องเป็นน้องสาวของพี่ไง ?’
วรินทร์อดคิดไม่ได้ว่าฟ้าแกล้งหรือเปล่าหนอ ? ทำไมถึงได้ลิขิตให้เธอมาเป็นน้องสาวของเขาด้วย
ทำไมจึงต้องให้ผู้ชายคนนี้เกิดมาเป็นพี่ชายแสนดีของเธอ ยิ่งคิดหยาดน้ำใสยิ่งหยาดหยดจนชุ่มอกพี่ชาย

ทั้งสองต่างจมลงลึกเข้าสู่ภวังค์แห่งความครุ่นคำนึง วรินทร์เกิดประกายวูบในห้วงคิด
ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีอิสระแล้วนี่นา เธอเป็นแม่หม้ายลูกสองและทำหมันเรียบร้อยแล้ว
เป็นหม้ายสามีทิ้ง เธอเป็นอิสระปราศจากข้อผูกมัดใด ๆ แต่เธอยังสาวยังสวยและระอุด้วยเลือดเนื้อกับอารมณ์
เชิดภักดิ์พี่ชายเธอก็ปราศจากพันธะใด ๆเหมือนกัน แม้จะมีผู้หญิงรุ่นน้องมาก้อร่อก้อติกหลากหลายก็ตาม
แต่เชิดภักดิ์พี่ชายคนดีของเธอก็ไม่ได้ให้ความพิเศษกับใครแม้แต่คนเดียว จนสาวบางคนแอบนินทาว่าพี่เชิดอาจเป็นเกย์
วรินทร์เคยได้ยินคำเล่าลือมาบ้าง มีแต่เธอวิรนทร์คนนี้เท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าเชิดภักดิ์เป็นเกย์หรือเปล่า

เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เชิดภักดิ์ทั้งน้ำตา สภาพแบบนี้เชิดภักดิ์รู้ได้ทันทีว่าน้องสาวเขาคิดอะไรตกแล้ว
วรินทร์จะมีอาการแบบนี้ทุกที่เธอตัดสินใจอะไรเด็ดขาด วรินทร์จะเปลี่ยนเข้มแข็งและต่อสู้
เชิดภักดิ์นึกหวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่น้องสาวของเขาตัดสินใจนะคืออะไรกันแน่
และหากเขาเห็นว่าไม่ถูกต้องเขาจะเปลี่ยนใจเธอได้หรือเปล่า เชิดภักดิ์ฝืนยิ้มแล้วถามว่า
“ริน..คิดอะไรละนั่น ?” วรินทร์ยันตัวขึ้นนั่งตรงจับมือพี่ชายกุมเอาไว้
“พี่เชิด..รินตัดสินใจแล้ว รินจะเล่นพ่อแม่สมมุติกับพี่เชิดอีก”
“หา…” เชิดภักดิ์อุทานลั่น เขาขมวดคิ้ว “แต่คราวนี้ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่รู้ความนะ..แต่คราวนี้รินจะเล่นจริง ๆ”
“รินว่าอะไรนะ” เชิดภักดิ์ถาม “ก็รินจะเล่นเป็นแม่ให้พี่เชิดไง พี่เชิดไม่มีใครไม่ใช่เหรอ รินเองก็ไม่มีใคร ให้พี่เชิดเล่นเป็นพ่อให้ริน”
“แต่เราเป็นพี่น้องกันนะริน…” วรินทร์ส่ายหน้า

“ถึงจะเป็นพี่น้องกันก็เถอะ ตอนนี้ไม่เป็นปัญหาแล้วละ รินทำหมันแล้ว สิ่งที่เราเคยคุยกันไม่มีโอกาสเกิดอีกแล้ว”
เขาเข้าใจที่วรินทร์พูด ตอนนี้เธอไม่ตั้งครรภ์อีกแล้ว การจับคู่ของยีนส์ด้อยไม่มีโอกาสได้เกิดอีกแล้ว
เพราะฉันทั้งเขาและเธอต่างก็สามารถแสดงความรักความปรารถนาในกันและกันได้อย่างเต็มที่และไร้กังวล

เชิดภักดิ์คิดต่อไปว่าวรินทร์ยังสาว เธอย่อมมีเลือดเนื้อ ความสุขทางเพศมันเป็นเหมือนกับยาเสพติด
คนเราแม้ภายนอกจะถูกสังคม ศีลธรรม บีบบังคับเอาไว้เป็นกรอบ แต่ภายในจิตใจกลับร้อนรุ่มและทุกข์ระทม
วรินทร์รู้สึกไม่ดีกับการแต่งงานเป็นครอบครัว และเธอมีลูกแล้วตั้งสองคน เธอไม่ปราถนาครอบครัวอย่างที่เธอเคยมีแบบนั้นอีกแล้ว

เชิดภักดิ์พยักหน้า “ตอนนี้รินเก็บกดความต้องการเอาไว้ใช่ไหม ?” วรินทร์พยักหน้า
“รินมีเลือดเนื้อนะพี่เชิด… พี่เชิดเข้าใจรินนะ” เชิดภักดิ์พยักหน้าหงึก ๆ “พี่เชิดอดกลั้นมันยังไง ?”
เชิดภักดิ์หัวเราะ “พี่ไม่ค่อยไปยุ่งกับผู้หญิงนักหรอก ไม่ไว้ใจ กลัวเอดส์ด้วย”

สิ่งที่เชิดภักดิ์ไม่บอกเธอก็คือ เขาไม่สามารถหาใครมาแทนเงาของน้องสาวสุดรักของเขาได้คือเหตุผลที่แท้จริง
“พี่เชิดชักว่าวเอาเหรอ ?” วรินทร์ถามมองตาแป๋ว เชิดภักดิ์ยิ้มเขิน ๆ เหมือนกันเอามือขยี้หัวน้องสาว
“ก็ต้องทำแบบนั้นแหละ ทางออกดีที่สุด เมื่อก่อนมีคนทำให้พี่นี่นา” เชิดภักดิ์ตอบเสียงอ่อย ๆ
วรินทร์หัวเราะ “ทำไมพี่เชิดไม่หาเมียสักคนละ..?” เชิดภักดิ์มองสบตาที่มองแป๋วแหวว
“ก็อย่างพี่บอกนั่นแหละ พอใกล้ถึงตรงนั้นพี่ชิ่งหนีทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
“พี่เชิดไม่รู้หรือว่า..ทำแกล้งเป็นไม่รู้ว่าทำไม ?” เชิดภักดิ์ตลึงมองหน้าน้องสาว

“เรามาพูดเปิดอกกันเถอะพี่เชิด” เชิดภักดิ์ทำท่าอึกอัก “น่า..พี่เชิดสารภาพมาเถอะ ปิดรินไม่ได้หรอก”
วรินทร์พูดจบแล้วหัวเราะเบา ๆ “เฮ่อ..น้องรู้ทันพี่ทุกเรื่องเลย ตั้งแต่ไหน ๆ แล้วนี่นะ…” วรินทร์อ้าปากกัดตรงตำแหน่งหัวนมเขาเบา ๆ
“พี่เชิดยังจะอายรินอีกเหรอ รินยังหน้าด้านไม่อาย..สารภาพกับพี่เชิดหมดเลย”
“ดูพูดไป..รินของพี่น่ารักจะตาย” วรินทร์สบตาเป็นประกายของพี่ชายแล้วต่างก็หัวเราะ
“น่า..สารภาพออกมาเสียดี ๆ” เชิดภักดิ์ถอนหายใจ “น้องมันจับได้เสียแล้ว งั้นสารภาพเสียเลย..”
เชิดภักดิ์นิ่งเงียบไปจนวรินทร์พยักหน้าหนุนให้เขาสารภาพเสียที “ก็ได้ ๆ พี่หาคนมาเป็นรินไม่ได้ต่างหาก..”
ทั้งวรินทร์และเชิดภักดิ์มองสบตากันนิ่งเงียบ “พี่เชิดฝังใจกับรินมากใช่ไหม ?” เชิดภักดิ์พยักหน้ารับ
“แล้วรินละ ?” วรินทร์ยิ้ม “รินก็ฝังใจกับพี่เชิดมาก ๆ ไม่มีใครแทนที่ได้เหมือนกัน จนต้องจินตนาการถึงทุกครั้งไป”
วรินทร์สารภาพออกมาอีกเรื่อง

“พี่เชิด..เรามาเล่นพ่อแม่สมมุติเหมือนเด็กกันเถอะนะ” เชิดภักดิ์นั่งนิ่งไม่รับหรือปฏิเสธ “นะพี่เชิดนะ…”
“ริน..เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะ…” วรินทร์ส่ายหน้า “พี่เชิดลืมมันไม่ได้เหมือนรินไม่ใช่เหรอ ?”
เชิดภักดิ์พยักหน้ารับ “รินก็ลืมไม่ได้..รินไม่อยากแกล้งทำเป็นลืมได้อีกแล้วละ”
เชิดภักดิ์ถอนหายใจ “เอายังงี้ก่อนไหม ก่อนถึงขั้นที่เรา..เรา..เรา..จะ…”
วรินทร์ยื่นนิ้วไปปิดปากพี่ชาย “มาให้รินพูดเองดีกว่า พี่อยากขอเวลาสักหน่อยใช่ไหม ? พี่กังวลอะไรอีกละถ้าเราจะเย็ดกันจริง ๆ นะ ?”
“พี่ไม่ได้กังวลหรอก พี่ก็อยากเย็ดรินนะ แต่พี่กลัวคำครหาของชาวบ้านจะทำให้รินอายและลำบากเพราะพี่”
วรินทร์หัวเราะเสียงใส “เราก็อยู่ของเราแบบนี้ เราไม่ได้แสดงออกอย่างเปิดเผยนี่นา กลัวชาวบ้านเขาทำไม ?”
เชิดภักดิ์พยักหน้าหงึก “เหมือนตอนก่อนเลย..ตอนที่รินเป็นเด็กนะ” เชิดภักดิ์พยักหน้ารับ
“พี่ขอเวลานิดนะ..ก่อนที่จะเราเย็ดกันจริง ๆ ขอให้เราทำแบบตอนก่อนสักระยะหนึ่ง ให้รินคิดตัดสินใจอีกที”
“รินไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด…แต่ถ้าพี่เชิดอยากขอเวลาก็ได้ แต่อย่าให้รินทนอยากไม่ไหวไปหาคนอื่มานแก้อยากก่อนก็แล้วกัน”
เชิดภักดิ์ตะลึงกับคำพูดตรง ๆ ของน้องสาว เชิดภักดิ์ดึงตัวเธอเข้ามากอดแล้วประกบปากจูบทันที
วรินทร์ตอบสนองต่อเชิดภักดิ์อย่างผู้เชี่ยวชาญ ความเสียวสบายเกินบรรยายเกิดแก่ทั้งสองคน

วรินทร์ผลักหน้าเชิดภักดิ์ออก “แหม..แหย่หน่อยเดียว พี่เชิดโกรธวรินทร์หรือเปล่า ?”
เชิดภักดิ์ส่ายหน้า “พี่รู้ว่ารินของพี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก” วรินทร์หัวเราะ “ถ้าไม่มีพี่เชิด..ก็ไม่แน่นะ..” วรินทร์หัวเราะ
เชิดภักดิ์ยื่นมะแหงกเคาะหน้าฝากเธอ “อึม..ยังไงรินก็ตามใจพี่เชิด เรามาฟื้นความหลังวัยเยาว์กันก่อนก็ได้นี่นา..”
เขาพยักหน้าหงึก ๆ ตาลอยด้วยความฝัน “แต่รินว่า..อย่าให้นานนักนะ…” วรินทร์ค้อนวงใหญ่
“จ้า..ไม่นาน..สักเดือนหนึ่งเป็นไง..เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที” วรินทร์ยิ้มชื่น
“ไม่ต้องตกลงหรอก..รินให้เวลาพี่เชิดเดือนหนึ่ง พี่เชิดจะห่วงอะไร ? รินgv’ยังไม่แคร์เลย”
“พี่กลัวคนอื่นจะเห็นรินไม่ดี..” วรินทร์หัวเราะ “บ้าซิ..ถ้างั้น..รินก็..ก็เสียมาตั้งแต่อายุสิบกว่า ๆ แล้ว”
วรินทร์ยันโหนตัวขึ้นไปจูบปากเชิดภักดิ์อีกที ลิ้นทั้งสองตวัดพันแล้วดูดปากกันอย่างดูดดื่ม

“พี่เชิด..”
“หืม…”
“ให้รินสำรวจควยพี่เชิดหน่อยซิ..ไม่ได้เจอ..นานจัง…”
“สำรวจทำไมอีกละ…”
“อิอิ..อยากรู้ว่ามันใหญ่ขึ้นหรือเปล่า ?”
“บ้าซิ..มันใหญ่ได้แค่นั้นแหละ ใหญ่ขึ้นทุกวัน ๆ ตายแน่เลย…” เชิดภักดิ์เริกคิ้วขึ้นสูงหัวเราะทำให้วรินทร์เองก็อดขำตามไปด้วยไม่ได้
“งั้นแสดงว่าเท่าเดิม…แต่..แต่…” วรินทร์แกล้งหยุดแล้วมองหน้าเขานิดหนึ่งก่อนพูดต่อว่า
“แต่ของรินอวบแล้วใหญ่ขึ้นนะ…” พูดแล้วก็เธอก็ยิ้มยั่ว “จริงอ๊ะ…?” เชิดภักดิ์ถามอย่างตื่นเต้น
วรินทร์ยิ้ม “อื้อ..จริง..แต่ต้องให้รินสำรวจของพี่เชิดก่อน…”
“ตกลง…รินควักออกมาดูได้เลย…” เชิดภักดิ์พูดยิ้ม ๆ
วรินทร์ยื่นมือไปปลดตะขอกางเกงขาสั้นแล้วรูดซิป ท่อนลำของเชิดภักดิ์ผงาดจนตุงกางเกงใน
“โหวววว….” วรินทร์เบิกตาโตแล้วร้องเสียงดัง จากนั้นเธอใช้นิ้วเกี่ยวขอบเกงในดึงน้องชายคนเล็กที่ห่างมือไปนานออกมา
“พี่..เชิด…” วรินทร์เรียกเสียงตื่นเต้น “หือ…เท่าเดิมหรือเปล่า ?” เชิดภักดิ์ถามยิ้ม ๆ วรินทร์หัวเราะ
“หลอกรินก็ได้เน๊าะ…แต่รินว่าใหญ่กว่าเดิมตั้งเยอะ…” เชิดภักดิ์เบิกตาโต “จริงอ๊ะ…?”
“อื้อ..จริง…” วรินทร์ตอบลอยหน้าลอยตา เชิดภักดิ์ยิ้มแกล้งถาม “รินคิดไปเองหรือเปล่า ?”
วรินทร์กำรอบลำควยแล้วมองดูช่วงห่างระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง “นี่..นี่..พี่เชิดดูซิ…ตอนนั้นปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งของวรินทร์เกือบชนกัน”
เชิดภักดิ์มองดูก็เห็นตามที่เธอว่า ตอนนี้ช่วงห่างเกือบครึ่งนิ้ว “รินกำหลวม ๆ หรือเปล่า ?” วรินทร์ส่ายหน้า
“รินคอยวัดของพี่เชิดเอาไว้ตลอดแหละ ใหญ่ขึ้นจริง ๆ พี่” เชิดภักดิ์หัวเราะเบา ๆ
“พี่ไม่รู้แฮะ…ถ้างั้นพี่ชักสงสัยของรินแล้วละ อวบใหญ่ขึ้นซักขนาดไหนกัน ?”
“งั้นพี่ก็ต้องพิสูจน์ดูเองแล้ว…แต่พี่ใช้อะไรวัดละ…?” เชิดภักดิ์ทำท่าครุ่นคิด “พี่นึกออกแล้ว…” พูดจบหลิ่วตาให้
“วัดคืบหรือพี่…” เชิดภักดิ์ส่ายหน้าหัวเราะคิ๊ก ๆ “เอ..แล้วใช้อะไรวัด รินไม่เคยเห็นพี่เชิดเอาไม้บรรทัดมาวัดซักกะหน่อย”
“มีซิ..พี่วัดขนาดของรินบ่อยเหมือนกัน” พูดจบเชิดภักดิ์ชี้ที่หน้าตัวเอง วรินทร์มองตามนิ้วมือด้วยความงุนงง
“นิ้ว..หรือ ?” เชิดภักดิ์ส่ายหน้า “ให้ทายอีกที” วรินทร์ขมวดคิ้วแน่นจนเหมือนผูกโบว์เธอพยายามคิด ๆ หาคำตอบ
แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออ ไม่รู้เชิดภักดิ์พี่ชายของเธอใช้อะไรเป็นเครื่องมือวัดขนาดเนินโคกของเธอ
“รินเห็นจะยอมแพ้ คิดไม่ออกจริง ๆ” เธอชะม้อยตาตอบ “น่า..ลองเดา ๆ ดูซิ..” วรินทร์ทำเสียงจิ๊กจั๊ก ๆ
“อาวว..งั้น..ใช้ฝ่ามือวัดเหรอพี่เชิด” เชิดภักดิ์ยิ้มแล้วส่ายหน้า “ม้ายยย..ช่าย…”

“เอ..วรินทร์นึกไม่ออกจริง ๆ พี่เชิดไม่เคยเอาไม้บรรทัด ไม่เคยเอาสายวัด..ฝ่ามือก็ไม่ช่าย…งงจัง..”
เชิดภักดิ์ยิ้มร่า “งั้น..พี่เฉลยก็แล้วกัน…อยากรู้ช่ายปล่าววว..” วรินทร์พยักหน้าหงึก ๆ สายตาเว้าวอน
“หน้าพี่ไง…พี่ซุกเข้าไปแล้วรู้ขนาดเลย..ว่าหีใหญ่ขึ้นจริงหรือเปล่า ?” วรินทร์ทุบอกพี่ชายพลั๊กแล้วหัวเราะ
“เข้าใจใช้อุปกรณ์วัดเน๊าะ…” แล้วทั้งสองก็หัวเราะจนตัวงอ น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตที่จางหายไปนานบัดนี้ได้มาหาพวกเขาแล้ว

“พี่เชิด..พูดจริงหรือตะกี้นะ ?” วรินทร์พยายามกลั้นหัวเราะ เชิดภักดิ์ยิ้มยั่วตาพราวแล้วพยักหน้า “จริ๊ง…”
เชิดภักดิ์ออกเสียงสูง “บ้า..พี่เชิดนี่บ้าจัง…วัดเข้าไปได้ยังไง ? ใครสอนพี่เชิดเหรอ ?”
“ก็เนินหีวรินทร์สวยนี่..สวยด้วยหอมด้วย ไม่รู้ละพี่วัดโคกทุกวันเลย…เมื่อก่อนนะ” พูดแล้วหลิ่วตาให้เธอข้างหนึ่ง
“พี่เชิดนี่บ้ามากเลย แต่มันหอมจริง ๆ เหรอ…” วรินทร์ถามตาเป็นประกาย เชิดภักดิ์พยักหน้าหงึก ๆ “ยังจำกลิ่นได้ไม่รู้ลืมเลย..”
“บ้าจัง..” วรินทร์อายหน้าแดง “พี่ถามรินนิดหนึ่งนะ..หมอยรินดกขึ้นอีกหรือเปล่า ?”
วรินทร์ค้อนวงใหญ่ “นึกถึงของตัวเองละซิ..ของพี่เชิดรกขึ้นเยอะเลย”
“ไม่อาวว ๆ ตอบมาซิ พี่ถามว่าของรินดกขึ้นหรือเปล่า ?…” วรินทร์ค้อนอีกวง
“ไม่รู่..แต่ก็บาง ๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ…พอใจยัง..”
เชิดภักดิ์พยักหน้า “ขอรินไปเข้าห้องน้ำหน่อย กินเบียร์ไปเยอะชักปวดฉี่แล้ว…”
“โห..กำลังคิดจะวัดขนาดดูอีกที รีบหนีพี่ไปเข้าห้องน้ำซะแล้ว…” วรินทร์หมั่นไส้พี่ชายอ้าปากงับแล้วแกล้งสบัดเล่น ๆ
เชิดภักดิ์ครางซี๊ด “อุ๊ยยย..กัดแล้วสบัดอีกด้วย…” วรินทร์ปล่อยเนื้อตรงแขนแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

เชิดภักดิ์เอนหลังพิงพนักโซฟาหลับตาลงปล่อยความคิดล่องลอยไปยังอดีต
ในหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความคึกคักตื่นเต้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเหมือนวันนี้เลย
เหตุการณ์ของวันนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของอารมณ์และความรู้สึกได้ชัดเจน
เชิดภักดิ์สาบานกับตัวเองว่าต่อไปนี้เขาจะไม่มีวันปล่อยให้น้องสาวคนสวยของเขาไปเป็นของคนอื่นอีกเด็ดขาด

เชิดภักดิ์ปล่อยความคิดล่องลอยจนได้ยินเสียงกระซิบเรียกเบา ๆ ที่ข้างหู
“พี่เชิด..เราไปห้องกันเถอะ…” เชิดภักดิ์ลืมตาขึ้นเห็นวรินทร์ยืนอยู่หลังโซฟาใกล้หัวของเขา
เชิดภักดิ์เอียงหน้าไปมอง กางเกงยีนส์ขาสั้นหายไปแล้ว ตอนนี้วรินทร์เหลือแต่กางเกงในสีดำตัวเดียว
“ยังมองอีก…” เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้นมองสบตายิ้ม ๆ ที่เธอก้มลงมา
“อยากวัดขนาด…” วรินทร์หน้าแดง “บ้า…” แต่เสียงเบาและเครือพิกล
เชิดภักดิ์ลุกขึ้นยืนอ้อมโซฟามาหาเธอแล้วจูงมือกันเดินไปยังห้องนอนของเธอ

“ไปห้องรินนะ…” เชิดภักดิ์กระซิบบอก “อาบน้ำกันก่อนไหมพี่เชิด..เหนียวตัวออก” วรินทร์จูบแนบหน้าอก
เชิดภักดิ์พยักหน้าน้องสาวของเขาละแบบนี้ทุกที ก่อนขึ้นสนามเธออยากให้อาบน้ำกันให้สะอาดสะอ้าน ทั้งสะอาด ทั้งสดชื่น
“อาบพร้อมกันหรือเปล่า ?” วรินทร์หัวเราะ “ให้รินอาบก่อน..แล้วพี่เชิดค่อยอาบนะ..” เชิดภักดิ์ทำหน้ามุ่ย
“แล้วเมื่อไหร่พี่จะได้รู้ว่าใหญ่ขึ้นจริงหรือเปล่าละ ?” วรินทร์หัวเราะร่วน “อีกแป๊บเดียวเอง..อย่าใจร้อนซิ”
“อื้อ..งั้นก็ได้…” วรินทร์ผลักพี่ชายไปที่เตียง ส่วนตัวเธอไปหยิบผ้าขนหนูแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ

ห้องที่นี้เดิมเป็นห้องนอนใหญ่ของพ่อกับแม่ ส่วนห้องที่เชิดภักดิ์อยู่เป็นห้องที่เขาอยู่กับวรินทร์
เตียงห้องชั้นก็ยังอยู่ในห้อง เชิดภักดิ์เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี มันเป็นทั้งของที่ระลึกและความทรงจำแสนหวาน

เชิดภักดิ์นอนเหยียดยาวบนเตียงใหญ่ วันนี้เขาจะได้ชดเชยสิ่งที่สูญหายไปจากเขานานหลายปี
เสียงน้ำในห้องน้ำช่างไพเพราะเสียเหลือเกิน เชิดภักดิ์ลุกขึ้นไปปิดไฟใหญ่แล้วกดเปิดไฟหรี่
เปิดเพลงรักคลอเบา ๆ แสงสีเรื่อเรืองเคลือบผนังสีโอโรสช่างแสนหวานโรแมนติก
เชิดภักดิ์ร้องคลอเพลงโปรดเบา ๆ ปล่อยใจลอยล่องไปตามเสียงเพลง เขาเมาหรือเปล่า ?
เชิดภักดิ์คิดว่าเขาไม่ได้เมา ถ้าจะเมาเขากำลังเมาอารมณ์ต่างหาก

ช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้เขาเป็นคนหลับยาก คิดถึงแต่วรินทร์ที่เคยอยู่ในอ้อมกอด
เจ็บจนชาและด้าน แผลไม่เคยหายมีแต่ตกสะเก็ดแล้วถูกเกาให้เลือดออกซิบ ๆ อีก
วันเวลาปีแล้วปีเล่ารักษาแผลนี้ยังไงก็ไม่หาย แต่ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
แผลใจเรื้อรังของเขาได้รับการบำบัดโดยหมอเฉพาะทาง ความจริงปัจจุบันเริ่มจาง ๆ
ตั้งแต่เขารับวรินทร์กับหลานกลับมาอยู่บ้านแล้ว แผลเป็นของค่อย ๆ นุ่มและจางลงทุกขณะ
จนถึงนาทีนี้มันเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การทำงานหนักและเหนื่อยในการต่อสู้เชิงธุรกิจทั้งหมด
เชิดภักดิ์รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามีความหมายมากแค่ไหนก็เวลานี้นี่เอง

“พี่เชิด..พี่..หลับหรือเปล่า ?” เสียงกระซิบแผ่วที่ข้างหู เขาลืมตาหันไปมองวรินทร์ใส่ชุดนอนเรียบร้อย
ชุดนอนสีขาวผ้าฝ้ายเนื้อดี กระโปรงทิ้งชายพริ้ว เชิดภักดิ์ยันตัวลุกขึ้นมองเธอตาวาว
“น่ารักจังริน…ให้พี่วัดขนาดก่อนได้หรือเปล่า ?” พูดจบหัวเราะฮิฮะ
“ไม่อาวว…พี่เชิดต้องไปอาบน้ำก่อน…” วรินทร์ทำตาดุถอยหลังเตรียมตั้งท่า
“อือ ๆ พี่ไปอาบก่อนก็ได้…” เชิดภักดิ์ขยับแล้วรีบเอื้อมมือไปคว้าตัววรินทร์ดึงเข้ามากอด
วรินทร์ทุบที่ไหล่พี่ชายแล้วหัวเราะ “พี่เชิดขี้โกงรินอีกแล้ว..ไม่อาวว..ไปอาบน้ำก่อน…”
“แหม..ขอวัดนิดเดียวก้อ..ม่าย..ด่าย..” เชิดภักดิ์สอดมือไปลูบยังตำแหน่งที่อยากจะวัดขนาด
วรินทร์ตีมือแล้วพูดว่า “ไปอาบเถอะ..เร็วด้วยนะ รินรอ…”

เชิดภักดิ์ปล่อยวรินทร์แล้วลุกขึ้นรับผ้าขนหนูที่ส่งมาให้ เชิดภักดิ์ผิวปากเดินเข้าห้องน้ำตัวปลิว
วรินทร์มองตามหลังพี่ชายแล้วอดยิ้มไม่ได้ เธอรู้สึกได้ถึงความกระหยิ่มยินดีไม่จมอยู่กับโลกของตัวเองเหมือนก่อนอีกแล้ว
เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง ชอบสีสรรบรรยากาศเหลือเกิน แสงสว่างกำลังพอดีไม่มืดและไม่สว่างจนเกินไป
มองซ้ายมองขวาแล้วนึกอะไรขึ้นมาจนอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเปิดลิ้นชัก
หยิบไฟฉายประสิทธิภาพสูงกระบอกเล็กแต่ให้แสงสว่างมาก เธอเปิดไฟแล้วส่องไปมุมห้อง
นึกไปถึงวันที่พี่เชิดของเธอใช้ไฟฉายส่องสำรวจเส้นหมอยแรกหย่อมน้อยของเธอ
ปิดสวิทช์ไฟฉายแล้วเดินกลับเอามาวางเอาไว้ข้างหมอน จากนั้นสอดเท้าเข้าไปใต้ผ้าห่ม
วรินทร์นอนคว่ำหน้าเอาหน้าผากหนุนหมอน ฟังเสียงเพลงคลอเบา ๆ ประกอบกับเสียงซู่ ๆ จากห้องน้ำ

วันนี้เป็นวันที่วรินทร์รู้สึกผ่อนคลายและสบายอกสบายใจมากที่สุดในชีวิต
ความใฝ่ฝันและความปรารถนาที่หายไป ต่อไปนี้เธอคงได้ชดเชยจนครบทั้งต้นและดอกเบี้ย
แม้จะไห้หวลอาลัยอาดูรแต่พายุและเมฆหมอกร้ายผ่านพ้นชีวิตไปหมดแล้ว
ต่อไปเธอกับเชิดภักดิ์พี่ชายคงมีแต่ความสุข ช่วยกันทำงานเพื่ออนาคตของลูกทั้งสองของเธอ

วรินทร์นอนคิดอะไรเพลินจนเธอรู้สึกว่าผ้าห่มเลิกออกจากตัว วรินทร์แกล้งนอนนิ่ง ๆ แต่ซิใจเต้นตูมตาม
ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนวันรุ่นเสียอีก มือที่คุ้นเคยมาลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง
วรินทร์นึกเสียใจว่าทำไมเธอถึงไม่ถอดชุดนอนออกไปก่อนขึ้นเตียงนะ
แต่ช่างเถอะ..เดี่ยวเชิดภักดิ์พี่ชายคงหาทางจัดการมันออกเองแน่นอน

ฝ่ามือ สันมือกดคลึงผสมลูบไล้ เบาบ้างหนักบ้าง ไล่ตามแนวกระดูกสันหลังจนขึ้นมาที่ต้นคอ
ลมร้อนที่เชิดภักดิ์ห่อปากเป่าพรวดไปตรงกระดูกตรงท้ายทอย วรินทร์ซ่านสยิวจนขนลุกเกรียว
แต่เธอก็ยังแกล้งทำเฉยนอนนิ่ง ฝ่ามือคุ้นเคยไล่ไปทั่วแผ่นหลัง จากนั้นลากลงมาตรงสะโพก
ต่อไปถึงก้นกลมผาย ลากเลยไปยังโคนขา แล้ววกย้อนสวนเข้าไปในกระโปรงดันมือขึ้นเรื่อย
กระโปรงของเธอก็เปิดตามมือเขาไปเรื่อย ก้นกลมสวยได้รูปข่าวผ่องอาบแสงไฟอ่อน
เชิดภักดิ์ลูบไล้ กดและคลึงเคล้าสะโพกทั้งสองอย่างที่เคยทำให้เธอสบายเหมือนเมื่อก่อนโน้น

วรินทร์สบายเนื้อสบายตัวเสียเหลือเกิน เสียดายว่าไม่ได้สบายแบบนี้มานานนักแล้ว
เชิดภักดิ์รูดเสื้อของเธอขึ้นไปอีก วรินทร์เกร็งยกตัวให้ลอยขึ้น เชิดภักดิ์รูดเสื้อเธอขึ้นไปจนติดจั๊กแร้
เชิดภักดิ์ใช้สายตาโลมไล้แผ่นหลังเนียน วรินทร์เปล่งปลั่งกว่าเมื่อก่อนเป็นไหน ๆ
เชิดภักดิ์ลูบไล้ทุกตารางนิ้วด้วยอารมณ์ฝันและถวิลหา วรินทร์ขยับหัวขึ้นจัดการรูดชุดนอนออก

“สบายตัวไหมริน…”
“อึม..สบายเหลือเกิน…ดีที่สุดเลย…”
“พี่มีความสุขที่ได้ทำให้รินแบบนี้นะ…”
“ค่ะ..ความสุขแบบนี้หายไปจากรินนานเหลือเกินแล้ว…”
“ต่อไปนี้รินจะได้สบายแบบนี้ทุกคืนเลย..ดีไหมละ ?”
“ดี..พี่เชิดทำให้รินทุกคืนเลยนะ…”
“จ๊ะ..เหมือนเมื่อก่อนโน้นนะ…”
“ค่ะ..”

เชิดภักดิ์จากปาดนิ้วที่มีเล็บตัดสั้นกรีดไปตามแนวกระดูกสันหลัง ลากยาวเลยลงมาจนถึงร่องก้น
วรินทร์เสียวจนต้องกระดกก้นยิก “เสียวหรือริน…” เธอไม่ตอบเชิดภักดิ์จึงลากนิ้วตรงร่องก้นของเธออีกครั้ง
วรินทร์กระดกก้นยกสูง เชิดภักดิ์เลยได้โอกาสลากนิ้วต่ำลงมาจนถึงกลางร่องแคม
ปลายนิ้วของเชิดภักดิ์สัมผัสกับความเปียกเยิ้ม “อุ้ย..รินเยิ้มแล้วนะ…” วรินทร์ครางอึมในลำคอ

“พลิกมาให้ดูหีรินหน่อยซิ..ใหญ่จริงอย่างรินอวดพี่ไว้หรือเปล่า ?”
“รินไม่ได้โม้นะ..ใหญ่ขึ้นจริง ๆ”
“เหรอ..พลิกนอนหงายซิ”

วรินทร์ขยับตัวพลิกตัวพลิกนอนหงายแต่ขาหนีบชิด เชิดภักดิ์ก้มลงมองตรงเนินที่น้องสาวอวดว่าใหญ่กว่าเก่า
โคกหีของวรินทร์อวบโคกกว่าที่เขาเคยเห็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ด้วย วรินทร์แม้จะมีลูกสองคน
แต่เธอคลอดโดยการผ่าตัดทั้งนั้น เนินโคกหีของเธอจึงยังผุดผ่องไม่มีริ้วรอยเท่าแมวข่วน

“พี่เชิดว่าของรินใหญ่ขึ้นไหมคะ ?…” เชิดภักดิ์ครางอึมเบา ๆ
“แหม..เห็นไม่ค่อยชัด เดี่ยวขอพี่ไปเอาไฟฉายมาสำรวจหน่อย”
วรินทร์เอื้อมมือไปหยิบไฟฉายที่วางไว้ข้างหมอนมาส่งให้ “รินเตรียมไว้ให้พี่เชิดแต่แรกแล้วละ”
ส่งให้แล้ววรินทร์ห็หัวเราะ “รู้ได้ไงว่าพี่อยากใช้ไฟฉาย…” เชิดภักดิ์ถามเสียงยินดี
“ก็รินจำได้ตอนที่พี่เชิดตรวจหมอยของรินไงละ”
“ใช่ ๆ ตอนนั้นมีไม่กี่เส้นเอง” เชิดภักดิ์กดสวิทช์ไฟฉายเปิด แสงสีขาวนวลสว่างขึ้น “กระบอกนี้สว่างดีจัง…”
“พี่เชิดจะได้เห็นของรินชัด ๆ ไง ไม่ได้เห็นนานแล้วนี่นา…” เชิดภักดิ์พยักหน้า
“อึม..หมอย..หมอยของรินยังบางเหมือนเดิมนะ…”
“รินว่าเส้นมันใหญ่ขึ้นนะ…” เชิดภักดิ์หันไปมองสบตาที่คอยมองการกระทำของเขาตาแป๋ว
“ทำไมละ..รินไปทำอะไรกันมันหรือ ?” วรินทร์หัวเราะ
“ไม่ได้ทำ..ก็ตอนคลอดเขาโกนทิ้งหมดพอขึ้นมาอีกทีรินว่าเส้นมันเหมือนจะใหญ่ขึ้น”
“แต่ของรินก็ยังเส้นละเอียดกว่าของพี่เยอะ..อีกอย่างมันราบแนบไปบนเนื้อ ไม่เหมือนของพี่ฟูเชียว”
วรินทร์หัวเราะ “ผู้หญิงทุกคนคงแบบรินละมั้ง…?” เชิดภักดิ์ส่ายหน้า
“ไม่จริงหรอก..บางคนหยาบแล้วกดเหมือนของพี่นี่แหละ ไม่สวยเลย”
“แสดงว่าพี่เชิดชอบแบบบาง ๆ เนียน ๆ ละซิ…” เชิดภักดิ์พยักหน้าขยับไปฉายส่องไปยังกลางเนินโคกอวบตรงหน้า

“พี่เชิดว่าโคกขึ้นไหม ?” เชิดภักดิ์นิ่งเงียบใช้สายตาสำรวจครางฮึมฮำในลำคอ “ว่าไงคะ..พี่เชิด…”
“ใช่เหมือนรินว่านะแหละ ด้วยสายตากับความทรงจำของพี่..พี่ว่ามันอวบแล้วโคกขึ้นนะ น่าดูขึ้นกว่าเก่าเยอะเลย”
“รินบอกแล้ว…ม่-า-ย-ช-ะ-ช-ะ-เ-ชื่-อ..” เชิดภักดิ์หัวเราะหึ ๆ ยิ้มแก้มแทบปริ
“ริน..อ้าขาหน่อยซิ…” วรินทร์ทำตามขยับขาอ้าออกอย่างว่าง่าย

เชิดภักดิ์สาดแสงไฟฉายตรงกลางร่องเสียวของเธอ หมอยของวรินทร์แตกเป็นสองปีกกลืนหายลงไปในซอกขา
“สวยจังเลย..ไม่ได้เห็นมาาา..มาาา..นะ.นา..นาน…” เชิดภักดิ์พึมพำเหมือนคนละเมอ
“พี่เชิด ยัง ชอบ อยู่ หรือ เปล่า ละ ?” เชิดภักดิ์เงียบยื่นปลายนิ้วมือสั่น ไปเกาบริเวณเส้นหมอย
ลากปลายนิ้วเกาวนเป็นวงเล็ก ๆ แล้วลากนิ้วเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ “แบบนี้ดีจัง..รินชบ..สบายที่สุดเลย…”
เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้นมองสบตาน้องสาวที่จ้องเขาตาแป๋ว

เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนวรินทร์และเชิดภักดิ์คุ้นเคย
เชิดภักดิ์ใช้นิ้วโป้งกดริมแคมด้านหนึ่งแล้วใช้นิ้วชี้ดันริมแคมอีกด้านให้แยกห่างออก
อีกมือขยับแสงไฟฉายความสว่างสูงจนสะท้อนหล่อลื่นที่เคลือบร่องเสียวเป็นสะท้อนมัน
เขานึกอยากดูตรงบริเวณปากรูเสียวของวรินทร์ขึ้นมา

เชิดภักดิ์จึงขยับนิ้วดันให้ปากแคมอ้ากว้างขึ้นอีก ตอนนี้เขาเห็นปากรูเสียวชัด
อีกมือเกร็งพยายามให้แสงสว่างไม่ให้สั่นริกตามมือที่สั่นไม่หยุด
พอเห็นชัดตาเชิดภักดิ์ถึงกับสยิวจนตัวเกร็ง น้ำเสียวของวรินทร์เอ่อล้นรูจนเยิ้ม
เห็นจะ ๆ แบบนี้มันช่างเร้าอารมณ์เชิดภักดิ์ถึงกับต้องซู๊ดปากออกมาเสียงดังจนวรินทร์หัวเราะ
“ซู๊ด ๆ ใหญ่เลย มีอะไรเหรอพี่เชิด…” เธอถามสายตาจ้องหน้าเชิดภักดิ์เขม็ง
“ริน..ริน..ริน..ริน..” เขาพึมพำพร่ำเรียกชื่อเธอไม่ขาดปาก “ขา..” วรินทร์ขานรับ
“น้ำเสียวรินล้นรูเลยละ…” วรินทร์หน้าแดงก่ำขึ้นมา “ก็..ก้อ..ริน..ไม่สบายขนาดนี้มานานนี่นา..พี่เชิดขา..”
เสียงวรินทร์หวานปานจะหยด “จะให้พี่วัดขนาดได้ยัง…?” วรินทร์หัวเราะเต็มเสียง
“ก้อ..ก้อ..ไม่รู้ซิ…แล้วแต่..พี่..เชิด..ซิ…อยากวัด..พี่..ก็วัดไปซิ..ถาม..รินได้ไง ?”
เชิดภักดิ์พลิกตัวแทรกเข้ากลางหว่างขาของเธอ วรินทร์ขยับขาอ้าออกกว้างแล้วผงกหัวขึ้นมอง
พี่ชายเธอส่งเสียงครางจึ๊ก ๆ จั๊ก ๆ อย่างถึงใจ “กลิ่นหีรินนี่หอมจัง..ไม่ได้ดมมานาน..ชื่นใจที่ซู๊ดดดด…”
วรินทร์มองพี่ชายด้วยอารมณ์จี๊ดขึ้นจากคำพูดของเขา เชิดภักดิ์ก้มลงไปสูดกลิ้นฟืด ๆ แล้วเงยหน้าบอกเธอ
“ชื่นใจ…ๆ ๆ..อูยยย..ริน..ชื่นใจ..จริง ๆ”

จากนั้นเชิดภักดิ์ซบหน้าแนบกับเนินหีของวรินทร์ขยี้หน้าไปมาอย่างคิดถึง จนวรินทร์หัวเราะ
เชิดภักดิ์ไม่เคยทำถึงขนาดนี้นี่นานี่แสดงว่าคงคิดถึงมาก “วัดแล้วยัง..เป็นไงบ้างคะ…”
เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “อื้อ..ริน..ใหญ่…ใหญ่จริง ๆ ด้วย…”
พูดจบเชิดภักดิ์กดหน้าขยี้กับเนินหีทั้งสองของวรินทร์อีกครั้ง จนสันจมูกเบียดไปถูกเม็ดเสียวของเธอ
วรินทร์เสียวจนชักทนไม่ไหว เธอห่อปากสูดลมเข้าซี๊ด ๆ ขยับตัวแอ่นก้นขากางอ้าออกเต็มพิกัด
“ขอพี่ชิมหน่อยนะ..รสหีรินยังอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า..?” เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้นบอก
“บ้าซิ..พี่เชิด..ไม่ชิมได้ปล่าว ?” ปากร้องห้ามแต่เสียงของเธอช่างเย้ายวนชวนเชิญเสียเหลือเกิน

เชิดภักดิ์ไม่ฟังคำอนุญาตของวรินทร์อีก ฉกปลายลิ้นเล็มเลียกลางร่องแล้วตวัดลิ้นไปชนกับเม็ดเสียว
วรินทร์ครางซี๊ดอย่างสุดกลั้นแล้วหัวเราะคิ๊ก ๆ “บ้า..พี่เชิด..รินไม่ทั้นตั้งตัวเลยนะนี่…”
“อึม..หวานหอมเหมือนเดิมเลย…” วรินทร์หัวเราะแล้วถามว่า “หวานหอมนะอะไร..?”
“น้ำของริน..” พูดจบเชิดภักดิ์แลบลิ้นเลียแผล๊บ ๆ กวาดลิ้นเลียน้ำหวานกลางร่องของเธอจนเกลี้ยง

วรินทร์เริ่มครางอู้วว ๆ เบา ๆ “พี่เชิด..แบบนี้..รินเสียว..นะ…” เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้น “เสียวแล้วไม่ดีเหรอริน…”
“ดี..ดี..ค่ะ” วรินทร์ตอบเสียงเครือแหบเพราะคอแห้งเหลือเกิน “รินเกี่ยวขาเอาไว้นะ ขอพี่เลียให้หายอยากก่อน”
เชิดภักดิ์ดันตัวขึ้นปิดสวิทช์ไฟฉายแล้ววางเอาไว้ข้าง ยกขาทั้งสองของวรินทร์ยกขึ้นโย้ไปข้างหน้าให้เธอเกี่ยวขาเอาไว้

เชิดภักดิ์ก้มลงมองโคกหีอวบที่ถูกโคนขาหนีบจนอูมนูนขึ้นเป็นหลังเต่า “อูยยย..รินหีรินนี่ดูไม่เบื่อเลย”
เขารีบเอื้อมไปหยิบไฟฉายแล้วเปิดสวิทช์ส่องไปยังเนินหลังเต่าของเธอด้วยตาลุกวาว
อีกครู่ใหญ่เชิดภักดิ์จึงใช้ปากคาบไฟฉายเอาไว้ จากนั้นใช้หัวมือทั้งสองข้างกดริมแคมให้แยะแยกออก
ปากรูเสียวของวรินทร์ขยายออกกว้าง น้ำปริ่มรูและเธอขมิบขับออกมาจนล้นเอ่อไม่หยุด
พอขมิบเกร็งกล้ามเนื้อหูรูดปากรูเกิดการไหวยวบ ๆ ภาพที่เชิดภักดิ์เห็นน่าประทับใจและกวนอารมณ์เสียเหลือเกิน
เชิดภักดิ์เปรี้ยวปากจนอยากเลียริมฝีปาก เขารีบดึงไฟฉายออกแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแล้วฟุบหน้าลงเลียตรงปากรูเสียว
วรินทร์ตัวเกร็งกระตุก เธอกัดกรอดอย่างสุดเสียว ใช้ศอกยันตัวขึ้นก้มลงมอง
เธอพึงใจกับบรรยายกาศเก่า ๆ ที่กำลังหวนคืนมาหาเธออีกครั้งที่สองอย่างยินดี

เชิดภักดิ์ตวัดเลียไม่กี่ครั้งแล้วก็หยุด ห่อริมฝีปากจุ๊บเบา ๆ แล้วซุกหน้าขยี้กับเนินโหนกอีกครั้ง
พอเงยหน้าขึ้นเขาหยิบไฟฉายขึ้นมาคาบเอาไว้อีกที่ ใช้มือแบะแคมทั้งสองออกกว้าง
ตอนนี้วรินทร์โชว์ปากรูกลมดิกให้เชิดภักดิ์จ้องด้วยตาลุกวาว เนื้ออ่อนสีปูนออกชมพู
เชิดภักดิ์ไม่เห็นความบุบสลายแม้แต่น้อย สีอาจคล้ำขึ้นกว่าเด็ก ๆ แค่นิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ
เชิดภักดิ์ขยับนิ้วกดหนัก ๆ เบา ๆ สลับไปมาทำ ริมแคมทั้งสองวรินทร์ถูกดันอ้า ๆ หุบ ๆ

ภาพที่วรินทร์เห็นเชิดภักดิ์พี่ชายเล่นกับเนินโคกของเธอช่างเร้าใจจริง ๆ กว่าสามปีแล้วที่เธอห่างเหินเรื่องนี้
เธอไม่นึกอยากช่วยตัวเอง ที่ผ่านมาถึงได้แต่เก็บกดมันเอาไว้ แม้จะเริ่มเพียงแค่นี้ก็ทำให้อารมณ์วรินทร์กระเจิงสุดกู่
ยิ่งเห็นเชิดภักดิ์ตาพี่ชายสุดรัก วรินทร์ยิ่งเกร็งขมิบกล้ามเนื้อหูรูดอย่างถึงใจ เธอจึงขมิบต่อยิก ๆ ในจังหวะสม่ำเสมอ
พอขมิบแรง ๆ น้ำหล่อลื่นใส ๆ ล้นย้อยเป็นทางลงไปสู่บริเวณฝีเย็บ

เชิดภักดิ์เองก็ไม่ใช่คนไม่มีประสบการณ์ ช่วงที่วรินทร์แต่งงานเขาแสวงหาผู้หญิงคนแล้วคนเล่า
ทั้งคนดี ๆ และสาวบริการ เขาไม่เคยมีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรกับใครในเดียวกับที่มีกับวรินทร์
จับ ๆ ลูบ ๆ คลำ ๆ นิดหน่อยก็ใส่กันไม่ยั้งในทันที เสร็จแล้วสบายแล้วต่างคนก็ต่างไปไม่มีอะไรต่อกันอีก
แต่กับวรินทร์น้องสาวคนสวยของเขา เขารู้สึกอยากชื่นชมอยากดูอยากเอาใจใส่ถนอมรักษา
และสิ่งสำคัญที่สุดเขาอยากให้เธอมีอารมณ์และได้รับความสุขจากอารมณ์และรสสัมผัสอย่างเต็มเปี่ยม

เขาค่อย ๆ แผดเผาเธอด้วยไฟสวาท เชิดภักดิ์รู้ดีว่าไฟสวาทนั้นกองนี้มันก็เผาตัวเขาเองเหมือนกัน
เชิดภักดิ์ดึงไฟฉายออกจากปากปิดสวิทช์ เงยหน้าขึ้นแล้วบอกว่า “รินอ้ากว้าง ๆ หน่อย”
เชิดภักดิ์จับขาขาวเนียนดันแล้วแบะออก วรินทร์เหนี่ยวมือตรงขาพับเข้ามาแล้วแยกเข่าออกกว้างเปิดพื้นที่
เชิดภักดิ์ก้มลงมองกลีบเนื้อแบ่งบานเพราะขาทั้งสองแยกออกอย่างเต็มร้อย
ใบหน้าเขาห่างจากเนินสวยของวรินทร์ไม่ถึงสองนิ้ว จากนั้นเชิดภักดิ์ก้มลงหอมขนอ่อนตรงใต้ท้องน้อย
เขาเห็นเส้นเป็นเงา ๆ จาง ๆ จึงสงสัย

“วรินทร์..ท้องน้อยมีเส้นอะไรด้วยนี่…?” วรินทร์ผงกหัวขึ้นแล้วยิ้มหวาน “รอยผ่าท้องคลอดไงพี่เชิด”
เชิดภักดิ์พยักหน้า “เป็นเส้นบางมากแทบมองไม่เห็น ผ่าตรงนี้ทั้งสองคนเหรอ ?”
วรินทร์พยักหน้า “ฝีมือหมอเค้าดีนะพี่ แล้ววรินทร์ไม่กินของแสลง จึงมองไม่ค่อยเห็นหรอกจ๊ะ”
เชิดภักดิ์พยักหน้า “ไม่เป็นตีนตะขาบด้วย…” วรินทร์หัวเราะ “เดี่ยวนี้เขาไม่ได้เย็บแบบนั้นแล้ว”
“เหรอ..พี่ไม่รู้หรอก…แต่ดีจัง…พี่จูบนะ…” วรินทร์พยักหน้าแต่ดวงตาทอแสงวาววาม

เชิดภักดิ์ยิ้มให้แล้วก้มหน้าลงจูบตรงรอยผ่าเกลี่ยหน้ากับหมอยเส้นเล็กละเอียด
เขารู้สึกชอบจังที่เส้นหมอยเสียดสีกับแก้มเขา เชิดภักดิ์ละเลงหน้าไปมาอย่างไม่รู้เบื่อ
วรินทร์เกร็งแขนเหนี่ยวขาเอาไว้พยายามให้ก้นของเธอกระดกสูงขึ้นมาอีกสักหน่อย
แต่พอเชิดภักดิ์ขยี้หน้าแรง ๆ เธอรู้สึกเมื่อยอยู่บ้างเหมือนกัน “พี่เชิด..เอาหมอนข้างมารองก้นรินเถอะ..”

เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้น “นั่นซิ..พี่ฟัดแรงไปหน่อย” วรินทร์หัวเราะ “คิดถึงมากละซี้…” เชิดภักดิ์พยักหน้า
เอื้อมมือไปหยิบหมอนข้างที่อยู่ด้านข้าง ลากมาแล้วสอดรองตรงก้นของวรินทร์ที่พยายามยกขึ้นทันที
“เออ..เดี่ยวพี่ไปเอาผ้าขนหนูมาก่อน” วรินทร์ชี้มือไปข้างหมอน “วรินทร์เอามาให้พี่แล้ว…”
เชิดภักดิ์ส่ายหน้า “พี่จะเอาผืนใหญ่มารองตรงก้นวรินทร์นะ…” วรินทร์ค้อนให้ เชิดภักดิ์หัวเราะแล้วก้มลงไปกระซิบข้างหู
“น้ำเสียววรินทร์ออกเยอะจัง…” วรินทร์ปล่อยมือมาตีแขน “บ้า..พี่เชิดนี่แหละ..ไม่พูดมั่งก็ได้นะ…” แล้วเธอก็หัวเราะ
“มันคิดถึงพี่ละมั้ง…?” เชิดภักดิ์ยิ้มครางรับ “อื้ม…ใช่แน่เลย…” เชิดภักดิ์ลงจากเตียงเดินไปยังตู้เสื้อผ้า
เปิดแล้วหยิบผ้าขนหนูออกมาผืนหนึ่ง

เชิดภักดิ์ให้วรินทร์พลิกตัวนอนตะแคงแล้วจัดการปูผ้าขนหนูรองก้น เสร็จแล้วให้เธอขยับก้นกลับมา
เขาดึงมือเธอมาเกี่ยวรั้งขาดึงลงมาแนบอกเหมือนเดิม เนินโคกอวบอวดสองแคมโคกสวยแยกห่าง
และนูนเด่นเพราะถูกหมอนข้างหนุนดันก้นขึ้นสูง เชิดภักดิ์ก้มลงดูอย่างใกล้ชิดแล้วซุกหน้าลงเคล้าเคลีย

“อุ๊ย…พี่เชิด…” เชิดภักดิ์เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะฮิฮะ “เป็นไรอ๊ะ…?” ถามตาเป็นประกายรู้ทัน
“มัน..” เชิดภักดิ์แลบลิ้นออกมายาวเลียริมฝีปากแล้วบอกว่า “พี่เลียหีให้รินไง…”
“มันเสียวพี่..” เชิดภักดิ์แลบชิ้นออกมาตวัดโชว์อีกที “พี่เอาปลายลิ้นเลียแรงตรงแตดน้องด้วยนะ…”
“นั่นซิ..เซี๊ยว..เสียว…พี่เชิดไม่อยากเล่นท่าหกเก้า-เก้าหกแล้วเหรอจ๊ะ…” วรินทร์มองสบตาถาม
“เอาไว้ทีหลัง..ให้พี่เลียหีรินให้น้ำแตกก่อน..อยากกินน้ำ..ออกเยอะจัง…”
“บ้าซิ..หกเก้า-เก้าหกก็ชิมได้นี่พี่..รินอยากอมของพี่เหมือนกันนะ…”
“น่า..เอาไว้ยกหลังเถอะ..ยกนี้ขอพี่ก่อน..หูยยย..เปรี้ยวปาก…” เชิดภักดิ์แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก
“น่าเกลียด…” แล้ววรินทร์ก็หัวเราะอย่างเริงใจ “งั้น..รินตามใจ…”

“หีรินสวยมากนะ…” เชิดภักดิ์พูดจบก้มหน้าลงเฟ้นเนินใหญ่ต่อ เฟ้นจนหนำใจจึงใช้นิ้วแบะกลีบหีให้แยกออกกว้าง
จากนั้นเชิดภักดิ์เริ่มลงลิ้นแบบจริง ๆ จัง แรก ๆ ก็แค่ตวัดเลียป้าย ๆ เหมือนทาสี
ลากลิ้นจากล่างขึ้นมาด้านบน วรินทร์เกร็งสะโพกร่อนเนินตูดลอยยักย้ายเหมือนดอกไม้ไหว
ปากส่งเสียงครางซี๊ด ๆ ซีาด ๆ อย่างสุดกลั้นสุดทน บางทีก็ได้ยินเสียงกัดฟันกรอด ๆ อย่างสุดเสียว
เชิดภักดิ์ไม่ฟังเสียงโหมลิ้นละเลงพัลวัน มันลิ้นมันปากเหลือเกิน วันนี้เชิดภักดิ์ขอเต็มสักวันหนึ่งเถอะวรินทร์

“อูวววว..พี่..เชิด..ขา..ริน..โอ๊ะ..โอยย…..” เชิดภักดิ์ห่อลิ้นเรียวแหลมแยงลงรูเสียวที่หล่อลื่นผสมน้ำลายเอ่อล้น
ตวัดปลายลิ้นวนตรงปากรู วรินทร์ครางซี๊ด ๆ หน้าท้องเกร็งเป็นลอน ยื่นแขนเหนียวขาลงมาแนบอก
พยายามแอ่นก้นยกโคกหีลอยร่า เชิดภักดิ์ใช้คางกดตรงปลายของสามเหลี่ยมใกล้ ๆ กับรูตูดเอาไว้
จากนั้นขยี้คางที่เคราสากไปมา ปลายลิ้นก็ฉกวาบ ๆ เลียวนบริเวณปากรูเสียว
ทุกที่ปลายลิ้นตวัดกวาดวรินทร์ตัวสั่นสะท้าน ขนเสียวลุกเห่อไปทั้งตัว
ห่อปากร้องครางอู้ววว..อ้าาาาา…อาาาาาา…ไม่หยุดปาก
เชิดภักดิ์เลียวนอยู่พักใหญ่แล้วอ้าปากปะกบกับกลีบเนินแน่น แยงสอดลิ้นสอดเข้าไปให้ลึกเท่าที่จะลึกได้
เกร็งปลายลิ้นตวัดกวาดกวนภายในรู วรินทร์ปล่อยมือที่เกี่ยวขาสองขาของเธออย่างทนไม่ไหว
ตวัดขารัดตัวโคนขาบีบหัวพี่ชายของเธอเอาไว้แน่น เชิดภักดิ์ดึงลิ้นกลับแล้วดูดรูหีของเธอจ๊วบ ๆ จนแก้มตอบ

วรินทร์ผวาสุดตัวแอ่นอกขึ้น ฝ่ามือเคล้นคลึงเต้านมตัวเองอย่างสุดเสียวสยิว
พอคลายจากเต้านมหน้าท้องแอ่นยกขึ้นแอ่นส่งต่อให้สะโพกหยัดขึ้นบดอัดกับใบหน้าของเขา
ชนิดที่เธออยากให้หน้าเขาหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันเนินเนื้อของเธอ

จังหวะเริ่มต้นจากหน้าอก หน้าท้องและต่อไปยังสะโพกเคลื่อนขึ้นและลงเหมือนคลื่นต้องพาายุในทะเล
วรินทร์ส่งเสียงอี๊ด ๆ อึ๊มมม..ไม่หยุดปาก ฝ่ามือทั้งสองคลึงขยี้หัวนมไม่หยุดหย่อน
สุดท้ายวรินทร์อ้าปากกว้างส่งเสียงอู้วออกมายาว จากนั้นจึงปล่อยทุกส่วนของร่างกายผ่อนคลาย
เชิดภักดิ์ตวัดลิ้นเลียส่งท้ายเบา ๆ ร่องหลืบเสียวของวรินทร์ขมิบตอดลิ้นแรงจนเขารู้สึก
วรินทร์เขม็งเครียดขึ้นมาอีกครั้งแล้วร่างหยัดเหยียดแล้วผ่อนคลายสลับไปสลับมาหลายครั้ง
เธอเสียวสบายอย่างบอกไม่ถูก แม้ใบหน้าจะนิ้วคิ้วขมวดดูแล้วเสียวสุดเสียว
แต่ร่างกายกับจิตใจผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด เหมือนทั้งโลกวาบหายไปหมดสิ้น
ตอนนี้มีเพียงแต่เธอวรินทร์กับเขาเชิดภักดิ์พี่ชายสุดที่รักสองคนเท่านั้น
ที่ที่เธอลอยละล่องนี้คือสวรรค์ เธอได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น จุดนี้เองที่เป็นสวรรค์บนดินอันมนุษย์ทุกใฝ่ฝันหา

วรินทร์คลายโคนขาที่บีบหัวของพี่ชายออก เชิดภักดิ์ดันตัวขึ้นเห็นน้องสาวปรือตาหรี่เยิ้มมองอย่างเสน่หา
เธอส่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่เตรียมไว้ให้เขา เชิดภักดิ์รับมาเช็ดหน้าที่เลอะหล่อลื่นและน้ำลายจนสะอาด
วรินทร์รับผ้าขนหนูคืน ดึงเขาลงมานอนกอด เธอผงกหัวขึ้นจูบแก้มแล้วประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม
พอถอนปากเธอทิ้งตัวลงบนที่นอนยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ เชิดภักดิ์ตามลงไปกอดเอาไว้แน่น

“พี่เชิด…” เธอกระซิบเรียก “หืม…” เชิดภักดิ์รับคำ “มัน..มัน..ดีที่สุดเลย…”
“หรือจ๊ะ..ก็พี่ตั้งใจทำสุดฝีมือนี่จ๊ะ..มันจะไม่ดีได้เหรอ..เด็กน้อย ?” วรินทร์ลูบมือไปตามแผ่นหลัง
“พี่เชิดยังไม่ถึงเลย..” เชิดภักดิ์ยกหัวขึ้นมองหน้า “ไม่เป็นไรหรอก..พี่เอาไว้ทีหลัง”
“พี่เชิดก็แบบนี้ทุกที..ตั้งแต่ไหน ๆ แล้ว” เชิดภักดิ์ส่ายหน้ายักคิ้วให้เธอ
“ไม่ใช่ทุกทีหรอกน่า..แต่ยกนี้พี่อยากทำให้รินมีความสุขก่อน พี่ค่อยเอาไว้ทีหลัง…”
“ทำไมพี่เชิดไม่มีความสุขไปพร้อมกับรินเลยละคะ..จะได้มีความสุขพร้อมกัน” เชิดภักดิ์นิ่งอึ้งไปนาน
เชิดภักดิ์เข้าใจสิ่งที่เธอบอกทำไมเขาจะไม่อยาก แต่สงครามในจิตใจเกี่ยวกับความถูกต้องต่างหากที่ยังไม่จบ
เขาตั้งปณิธานเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่ให้เลยเลยเถิดไปถึงขั้นนั้นเด็ดขาด
แม้วรินทร์จะพร้อมและหนุนเพราะเธอไม่ปราศจากกำแพงในเรื่องนี้แต่อย่างใด
เธอรู้ว่าเชิดภักดิ์เองต่างหากที่ไม่กล้าก้าวข้ามกำแพงที่เขาเองสร้างเอาไว้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนี้

“รินเราตกลงกันแล้วไง..ขอเวลาให้พี่และรินอีกเดือน แล้วค่อยตกลงใจอีกที”
วรินทร์ถอนหายใจยาว “รินรู้ดีว่าพี่เชิดยึดติดกับสิ่งที่เราเคยตกลงกัน” เชิดภักดิ์พยักหน้า
“แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันผ่านพ้นไปนานแล้ว รินมีลูกมีเต้าแล้ว ทำไมพี่เชิดยังยึดแบบนั้นอยู่อีก”
เชิดภักดิ์ไม่กล้ามองสบตาเธอ “ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนพี่ไม่ถนอมริน ค่อย ๆ ให้พี่ทำใจนะ รอพี่หน่อยนะคนดี…”
วรินทร์ดึงใบหน้าของพี่ชายลงมาจูบ “เพราะพี่เป็นแบบนี้แหละ รินถึงได้รักพี่มากกว่าใครในโลก”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น