วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

บุพเพสันนิวาส ภาคพิสดาร ตอนที่ 5



“แม่มะลิ...surprise!!!” แม่การะเกดเอ่ยทักแม่มะลิด้วยอาการทะเล้นตามวิสัยของนาง
“แม่การะเกด มาได้อย่างไร” แม่มะลิดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เพื่อนรักมาเยือนถึงที่ แต่ก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เดินตามมาคือหมื่นสุนทรเทวา ชายที่นางแอบมีใจให้ตั้งแต่แรกพบ
“ข้ามาเยี่ยมตามสัญญาแล้วนะ เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่”
แม่มะลิไม่ทันตอบคำ แต่หันไปยกมือไหว้ผู้ที่มาด้วยกันกับแม่การะเกด
“หมื่นสุนทรเทวา..ท่านสบายดีหรือไม่”
การะเกดเมื่อเห็นสายตาแม่มะลิที่มองไปยังคู่หมายของนางก็อ่านออกทันทีว่าเพื่อนรักของนางต้องมีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดากับคุณพี่แน่นอน
“แม่มะลิ ตอนนี้คุณพี่ไม่ได้เป็นแค่หมื่น แต่เป็นถึงขุนแล้วนะ”
แม่มะลิรู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างไรก็มิรู้ได้ ทั้งที่จริงการที่หมื่นสุนทรได้อวยยศขึ้นเป็นขุนศรีวิสารวาจานั้นไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย แต่นางก็พลอยยินดีไปด้วย
“แม่มะลิ เมื่อครู่ข้าเจอออกหลวงสุรสาครด้วย ยังมาที่ร้านเจ้าหรือเปล่า มาตามรังควานใช่มั้ย”
การะเกดถามถึงคอนสแตนติน ฟอลคอน ที่เพิ่งจะปะหน้ากันที่ท่าเรือและเขม่นกันจนเกือบจะมีเรื่อง
“เจ้าถามขึ้นมาก็ดีแล้ว ตามข้ามาคุยกันข้างในหน่อยเถิด ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาด้วย”
จากนั้นแม่มะลิก็เดินจูงมือการะเกดเข้ามาคุยร้านในตามลำพัง เมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินเรื่องที่พวกหล่อนคุยกันแล้ว แม่มะลิก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด
“หลวงสุรสาครมาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานด้วย”
“อะไรนะ..แม่มะลิ” แม่การะเกดแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“เจ้าฟังไม่ผิดหรอก เขาอยากได้ข้าไปเป็นเมียของเขา แต่ข้าหาได้ตอบตกลงไม่ เพราะข้าไม่ได้รักเขา แต่ข้าว่าสุดท้ายแล้วข้าคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงพ้น ข้าจักทำอย่างไรดีแม่การะเกด เจ้าพอจะช่วยข้าได้หรือไม่”
แม่การะเกดครุ่นคิดหาทางออกให้เพื่อนรักอยู่ซักพักหนึ่งก็เอ่ยปากถามแม่มะลิตรงๆ
“แม่มะลิ เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้รักออกหลวงสุรสาคร ถ้าอย่างนั้นแท้จริงแล้วเจ้ารักผู้อื่นอยู่ใช่หรือไม่ ใครกัน..บอกข้าหน่อยได้ไหม”
“ข้า..ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอกแม่การะเกด” แม่มะลิอึกอักไม่กล้าพูดออกมาจนดูมีพิรุธ
“ตอบข้ามาตรงๆเถอะแม่มะลิ ถึงข้าจะไม่ใช่หมอดู แต่ก็พอเดาออกว่า เจ้าแอบชอบคุณพี่ของข้าอยู่ใช่หรือไม่”
การะเกดเอ่ยคำถามแทงใจดำแม่มะลิยิ่งนัก
“ข้าขอโทษจริงๆแม่การะเกด หากข้ารู้มาก่อนว่าเขาเป็นคู่หมายของเจ้า ข้าคงหักห้ามใจตัวเองได้ตั้งแต่แรก แต่ก็เป็นดังเจ้าว่า ข้าหลงรักท่านขุนตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ ตั้งแต่ตอนที่เขาช่วยประคองข้าไว้ไม่ให้หกล้มในวันนั้น ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่นข้าก็จักเห็นแต่ใบหน้าของเขาตลอดเวลา ข้าหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลยสักนาทีเดียว ข้าเสียใจจริงๆแม่การะเกด ข้าไม่น่าเกิดเป็นหญิงต่ำช้าเช่นนี้เลย”
แม่มะลิสารภาพออกมาตรงๆ หยาดน้ำตารินไหลออกมาเป็นทางอย่างสุดกลั้น นางรู้ดีว่าตัวเองหลงรักคนที่เขามีเจ้าของอยู่แล้ว แลคนผู้นั้นก็เป็นเพื่อนรักของนางเสียด้วย
“โธ่...แม่มะลิ จะร้องไห้ไปไยกัน ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก ดีเสียอีกที่ได้รู้เช่นนี้ แผนการช่วยเหลือไม่ให้เจ้าต้องตกเป็นเมียของออกหลวงสุรสาครจะได้ง่ายขึ้น” การะเกดปลอบแม่มะลิพลางยิ้มอย่างมั่นใจว่าจะต้องช่วยแม่มะลิได้แน่ๆ
“แผนการ..แผนการอย่างไรกัน” แม่มะลิสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก
“เอาอย่างนี้ ฟังข้านะ”
แม่การะเกดยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของแม่มะลิ บอกแผนการให้นางฟัง แม่มะลิถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“แม่การะเกด จะให้ข้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” แม่มะลิพูดเสียงดังขึ้นมาอย่างลืมตัว
“เอาเถอะน่า หากเจ้าไม่ทำ เจ้าก็คงต้องตกเป็นเมียของออกหลวงสุรสาครอยู่ดี นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่จะช่วยเจ้าได้ แถมยังทำให้เจ้าสมหวังในสิ่งที่เจ้าปรารถนาด้วย เชื่อข้าเถอะ มันต้องเวิร์คแน่นอน”
แม่มะลิไม่เข้าใจศัพท์แปลกๆที่การะเกดพูด แต่ก็หาได้ใส่ใจอยากรู้ความหมายไม่ เพราะแผนการที่ได้ฟังเมื่อครู่นั้นทำให้นางสับสนยิ่งนัก ใจหนึ่งก็ลังเลไม่อยากทำตาม แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกยินดีในผลลัพธ์ที่จะออกมาเช่นกัน

กลางดึกคืนนั้นเอง แม่การะเกดแอบเข้าไปหาคุณพี่ที่หอนอน โดยสั่งให้นังผินนังแย้มหลอกล่อไอ้จ้อยให้ไปโล้สำเภากันที่อื่น ทำให้ไม่มีใครเห็นว่าเธอเข้ามาในยามวิกาลเช่นนี้ การะเกดค่อยๆเปิดประตูแล้วย่องเข้าไปอย่างเงียบกริบ
“คุณพี่เจ้าคะ” หล่อนเรียกคู่หมายของตนเองเบาๆ ทำเอาชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นผู้มาเยือนในยามนี้
“แม่การะเกด ออเจ้าเข้ามาได้อย่างไร”
“ข้าก็เดินเข้าประตูมาสิเจ้าคะ” การะเกดทำหน้าเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอบคำถามของเขา
“เจ้ามีธุระอันใดถึงมาหาข้าในยามนี้ หากใครมาเห็นเข้าจักเอาไปนินทาได้ แลจักทำให้ชื่อเสียงของเจ้าต้องเสียหาย”
“ไม่มีใครเห็นหรอกเจ้าค่ะ พวกบ่าวไพร่หลับกันหมดแล้ว แต่ที่ข้ามานี่ข้ามีเรื่องจะขอร้องคุณพี่เรื่องนึง”
“เรื่องอันใด” เขาถาม
“เรื่องแม่มะลิ นางถูกออกหลวงสุรสาครบังคับใจนางให้แต่งงานด้วยทั้งที่นางไม่ยินยอม”
“แล้วข้าจักทำอันใดได้เล่าแม่การะเกด หาใช่ธุระกงการอะไรของเราสองคน ที่จะต้องสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของเขา”
“คุณพี่ช่วยได้แน่ค่ะ ข้ารับรอง แต่ข้าต้องขอให้คุณพี่รับปากก่อนว่าจะช่วย ข้าถึงจะเอ่ยปากบอกถึงวิธีกับท่าน”
พ่อเดชรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก แต่ก็นึกสงสารแม่มะลิอยู่ในที อีกทั้งเขาก็นึกเอ็นดูนางอยู่บ้างเนื่องจากนางรูปร่างหน้าตาสะสวย ผิวพรรณก็ขาวผุดผ่องราวกับไข่ปอก ดูผิดแผกจากชาวอยุธยาทั่วไป ยิ่งแม่การะเกดมาขอร้องด้วยตนเองเช่นนี้เขาจึงไม่อาจปฏิเสธ
“ก็เอาเถิด หากเจ้าคิดว่าข้าสามารถช่วยนางได้ ข้ารับปากว่าจะช่วยก็แล้วกัน ออเจ้าพูดมาได้แล้วว่าจักให้ข้าทำอย่างไร”
“เจ้าค่ะ งั้นก่อนอื่น.....เข้ามาได้แล้วจ้ะ แม่มะลิ”
การะเกดหันไปเรียกคนที่รออยู่ด้านนอกให้เข้ามา แม่มะลิเดินเข้าห้องมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ใบหน้ามีเลือดฝาดจนแก้มแดงซ่านด้วยความเขินอายบางประการ พ่อเดชถึงกับประหลาดใจเป็นอันมากที่หล่อนมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“ข้าให้นางแอบขึ้นเรือนมาเองเจ้าค่ะ เพราะแผนการที่จะช่วยแม่มะลิให้พ้นจากออกหลวงสุรสาครก็คือ...”
แม่การะเกดพูดทิ้งท้ายแล้วเว้นระยะให้พ่อเดชลุ้น แต่แม่มะลิที่รู้แผนการอยู่แล้วกลับยิ่งก้มหน้าอายม้วนมากขึ้นไปอีก
“คุณพี่ต้องรับแม่มะลิมาเป็นเมียของคุณพี่ หากเป็นเช่นนั้น ออกหลวงสุรสาครจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับแม่มะลิอีก ด้วยว่านางกลายเป็นเมียของท่านแล้ว การล่วงเกินเมียคนอื่น ไม่มีผู้ใดในพระนครเขาทำกัน จริงไหมเจ้าคะคุณพี่”
แม่การะเกดอธิบายแผนการออกมาในที่สุด
“แม่การะเกด ออเจ้าพูดอะไรออกมา วิปลาสไปแล้วหรืออย่างไร” ท่านขุนขึ้นเสียงดุแต่ก็ไม่กล้าพูดด้วยเสียงอันดังนัก เนื่องด้วยกลัวว่าจะทำให้บ่าวไพร่ตื่นขึ้นมาได้ยิน
“คุณพี่รับปากข้าแล้วนะเจ้าคะว่าจะช่วยแม่มะลิ ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำ เข้าใจมั้ยคะ ถ้ายังไงข้าขอตัวก่อน เชิญคุณพี่กับแม่มะลิเข้าหอกันตามสบายนะเจ้าคะ แม่มะลิ..โชคดีนะ แต่อย่าเสียงดังล่ะ เดี๋ยวมีใครได้ยิน”
แม่การะเกดทำหน้าทะเล้นแล้วก็ปลีกตัวออกจากห้องไป ปล่อยให้พ่อเดชกับแม่มะลินั่งมองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด
ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งสองอยู่นาน จนในที่สุดแม่มะลิก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นมา
“ท่านขุนเจ้าคะ ข้าขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านลำบากใจ แต่ข้าคงไม่ขอรบกวนท่านมากไปกว่านี้ หากท่านไม่พึงใจในตัวข้า ข้าก็ขอลากลับก่อนนะเจ้าคะ” แม่มะลิพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าเป็นที่สุด ประหนึ่งว่าจะร้องไห้ออกมาได้ตลอดเวลา
“หาเป็นเช่นนั้นไม่แม่มะลิ อันที่จริงแล้วข้าก็พึงใจในตัวออเจ้าอยู่บ้าง แต่จะให้ร่วมเตียงกันประเดี๋ยวนี้เลย ข้ายังไม่ทันได้เตรียมใจมาก่อน แลยังต้องคิดไปถึงกาลข้างหน้าเกี่ยวกับการตบแต่งออเจ้ามาเข้าเรือนนี้ด้วย”
“ข้ารู้ดีว่าข้าเป็นเพียงแม่ค้าต่ำต้อย ไม่มีอะไรคู่ควรกับท่านเลย หากท่านได้ข้าเป็นเมียก็มีแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงแลเป็นที่ดูแคลนเสียเปล่าๆ ข้าคงไม่อาจเอื้อมถึงเพียงนั้นหรอกเจ้าค่ะ แต่ข้ามีเพียงเรื่องเดียวที่อยากจะขอจากท่าน”
“เจ้ามีเรื่องอันใดก็ว่ามาเถิด หากช่วยได้ข้าจักช่วยอย่างเต็มที่”
“พรมจรรย์ของข้า ข้าขอมอบให้ท่าน ท่านช่วยรับเอาไว้ได้หรือไม่” แม่มะลิรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดออกมา
“แม่มะลิ..เจ้าหมายความตามที่พูดจริงหรือ”
“จริงเจ้าค่ะท่านขุน ข้ารักท่าน..รักท่านตั้งแต่คราแรกที่เราพบกัน แลมีเพียงท่านเท่านั้นที่ข้าอยากมอบความบริสุทธิ์ให้ ต่อไปภายภาคหน้าไม่ว่าข้าจะต้องตกไปเป็นเมียของผู้ใด ข้าก็จะไม่เสียใจเลย”
แม่มะลิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นที่สุด พ่อเดชเห็นถึงความตั้งใจปานนี้ของแม่มะลิแล้วจึงตัดสินใจพยักหน้ารับคำ
“หากเจ้าปักใจเช่นนั้น ข้าก็ไม่อยากให้ออเจ้าเสียน้ำใจอีก มานั่งตรงนี้เถิดแม่มะลิ ให้ข้าได้เพ่งมองออเจ้าใกล้ๆเถิดหนา”
แม่มะลิลุกไปนั่งข้างๆพ่อเดช แต่เขากลับจับให้นางนั่งลงบนตักแล้วใช้แขนสวมกอดเอวของนางไว้
“กลิ่นกายของออเจ้าช่างหอมยิ่งนัก” พ่อเดชฉวยจังหวะหอมแก้มแม่มะลิฟอดใหญ่ แม่มะลิก็หาได้ขัดขืนไม่ เพียงแค่เอียงอายเล็กน้อยด้วยความเขินเท่านั้น
กระดุมเสื้ออย่างฝรั่งของแม่มะลิถูกปลดออกทีละเม็ดๆแล้วถูกถอดออกอย่างช้าๆ เนินอกขาวผ่องก็ค่อยๆปรากฏแก่สายตาของเขา ปทุมถันคู่งามมีขนาดเท่าส้มโอผลย่อมๆ ปลายยอดถันงอนขึ้นเล็กน้อย ป้านรอบหัวนมสีน้ำตาลอ่อนอมแดงจนคล้ายเป็นสีชมพู พ่อเดชถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้เห็นหน้าอกหน้าใจของนาง เขาพอรู้มาบ้างว่าแม่มะลิมีเชื้อสายโปรตุเกสผสมญี่ปุ่น จึงทำให้ผิวพรรณของนางขาวกว่าชาวอยุธยาและขนาดของหน้าอกก็ใหญ่กว่าพอสมควรแต่ก็ไม่ใหญ่เท่าพวกฟะรังคี เขาลองจับดูก็พบว่าแม้ฝ่ามือของเขาก็ไม่อาจครอบลงไปบนเต้านมนั้นได้หมด เมื่อออกแรงขยำเต้านมนั้นก็หยุ่นเด้งไปมาราวกับวุ้นกะทิ เขาครอบปากลงไปบนปลายถันแล้วใช้ลิ้นดูดดุนเล่นกับหัวนม กระดกลิ้นเขี่ยขึ้นลงจนแข็งขึ้นมาเป็นเม็ด แม่มะลิถึงกับแอ่นอกเชิดแหงนหน้าหลับตาสูดปากอย่างเสียวสยิว ความสุขที่หล่อนได้รับนั้นเหนือกว่าที่เคยวาดฝันเอาไว้เสียอีก
“ซี้ด...ท่านขุนเจ้าขา ข้า..ข้าเสียวเหลือเกิน” แม่มะลิร้องคราง
“แม่มะลิ จากนี้ไปให้เรียกข้าว่าคุณพี่ เหมือนที่แม่การะเกดเรียกเถิด”
“เจ้าค่ะคุณพี่...ซี้ด...ดูดหน้าอกข้าต่อสิเจ้าคะ ข้ากำลังรู้สึกดีอยู่ทีเดียว”
แม่มะลิเร่งเร้าพ่อเดช เขาจึงก้มหน้าลงดูดเลียหน้าอกหน้าใจของหล่อนต่อ พลางอีกมือหนึ่งก็ขยำนมข้างที่เหลืออย่างมันมือ
ไม่นานนักพ่อเดชก็หันลงมาแก้ปมผ้านุ่งของแม่มะลิออก พอปมคลายเขาก็ถลกลงอย่างรวดเร็ว โดยแม่มะลิก็ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการยกสะโพกขึ้นให้เขาถอดผ้านุ่งของนางออกโดยง่าย พ่อเดชค่อยๆลูบไล้เรียวขาขาวของแม่มะลิขึ้นมาจากข้อเท้า ผ่านปลีน่อง ต้นขา จนมาถึงสะโพกผายใหญ่ตามแบบชาวต่างชาติ แต่เมื่อสายตาผ่านไปเจอเนินโหนกที่กลางหว่างขาก็ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะว่าตรงนั้นของหล่อนมีแต่ความขาวเรียบลื่นไม่มีเส้นขนปกคลุมเลยแม้แต่เส้นเดียว
“เหตุใดเนินเนื้อของออเจ้าจึงราบเรียบไร้เส้นขนรกรุงรังเช่นนี้หรือแม่มะลิ” เขาถาม แม่มะลิอมยิ้มน้อยๆแล้วจึงตอบ
“เป็นธรรมเนียมอย่างตะวันตกเจ้าค่ะคุณพี่ ข้าหมั่นโกนออกทุกวันด้วยมีดของฝรั่ง มันจึงดูสะอาดสะอ้านเช่นนี้”
“ดูราวกับของเด็กผู้หญิงที่ยังไม่ถึงวัยโกนจุก แต่ขนาดนั้นใหญ่โตกว่ามาก พอไม่มีอะไรปิดบังเช่นนี้ แคมเนื้อแลเม็ดแตดก็เผยออกมาให้ข้าเห็นจนสิ้น ทำเอาข้ากำหนัดยิ่งนัก”
เขาเอ่ยชมอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาแม่มะลิใจหนึ่งก็เขินอายแต่อีกใจก็อดภูมิใจมิได้ พ่อเดชใช้นิ้วแหวกปลิ้นกลีบแคมจนยู่เข้ายู่ออก พลางเพ่งมองร่องรูสังวาสนั้นราวกับคนไม่เคยพบเห็น เมือกใสๆขับออกมาไม่ขาดสายทำให้นิ้วของเขาลื่นไถลจนเสียบเข้าไปในรูถึงสองข้อนิ้ว แต่ก็เข้าไปสุดได้แค่นั้น เพราะรูสังวาสของแม่มะลินั้นยังคับแน่นมากเนื่องด้วยไม่เคยมีสิ่งใดทะลวงผ่านเข้าไปมาก่อน เขาชักนิ้วออกแล้วแทงกลับเข้าไปใหม่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่นานจนสามารถสอดเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ แม่มะลิเสียวซ่านจนทนไม่ไหวต้องกดศีรษะของพ่อเดชเข้ากับหน้าอกแล้วส่ายสองเต้าไปมายั่วเย้าให้เขางับมันกลับเข้าไปอีกครั้ง พ่อเดชก็สนองตอบแม่มะลิอย่างไม่ลดละ ทั้งปากและจมูกเร่งซุกไซร้เนินอกนั้นเป็นการใหญ่
“คุณพี่เจ้าขา ข้าเสียวเหลือเกินจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว คุณพี่อยากทำอย่างไรกับข้าก็ทำเถิด ข้ายินยอมทั้งกายและใจที่จะเป็นเมียของคุณพี่แล้ว” แม่มะลิอดทนต่อไปไม่ไหวเป็นฝ่ายเอ่ยปากเร่งให้พ่อเดชรีบๆจัดการโล้สำเภานางเสียที
พ่อเดชไม่รอช้า รีบจัดแจงให้แม่มะลินอนลงแล้วกางขานางออกกว้างจนเป็นเส้นตรง ร่องรูสังวาสของนางจึงแหกอ้าออกอย่างเต็มที่ น้ำใสๆปริ่มนองอยู่ที่ปากรู พ่อเดชถอดผ้านุ่งของตัวเองออกบ้างแล้วจับเสากระโดงลำเขื่องจ่อปลายเข้ากับปากอ่าวของแม่มะลิ นางผงกศีรษะขึ้นมองภาพรูสวาทของตัวเองค่อยๆถูกสอดใส่โดยดุ้นควยของพ่อเดชช้าๆอย่างไม่กะพริบตา ความคับแน่นทำให้นางเจ็บจนต้องกระเถิบตัวถอยหนีแต่ก็ติดศีรษะที่ไปชนเข้ากับหัวเตียงจนไม่อาจหลบไปไหนต่อได้ พ่อเดชกดท่อนลำจมลงไปในรูหีนางทีละนิดๆอย่างไม่เร่งรีบ เมือกลื่นที่นางหลั่งออกมาทำให้การสอดใส่นั้นไม่ติดขัดจนเกินไปแม้ปากอ่าวของแม่มะลิจะคับแคบมากเพราะไม่เคยมีสำเภาลำใดแล่นฝ่าเข้าไปมาก่อน บัดนี้ส่วนหัวเรือของเขาพ้นเข้าปากอ่าวมาได้แล้ว เขาออกแรงสอดแล้วหยุดเป็นระยะๆเพื่อให้ช่องสังวาสของนางค่อยๆปรับขนาดให้ชินกับท่อนลำของเขา พลางใช้ปากและมือเล้าโลมหน้าอกของนางไปพร้อมๆกัน แม่มะลิถูกกระตุ้นทั้งบนและล่างพร้อมกันแบบนี้อารมณ์ของหล่อนก็เตลิดจนกู่ไม่กลับ เสียงครวญครางของนางค่อยๆดังขึ้นทีละน้อย
“ซี้ด...อูย...คุณพี่เจ้าขา ข้าเสียวเหลือเกิน ข้าคิดไม่ผิดจริงๆที่มอบความบริสุทธิ์ของข้าให้กับท่าน....อา...ซี้ด”
เมื่อเห็นว่าแม่มะลิมีอารมณ์ร่วมอย่างมาก ประกอบกับช่องสังวาสของนางก็มีอาการผ่อนคลายลงไม่บีบรัดจนแทบขยับไม่ได้เหมือนตอนแรกที่เริ่มสอดใส่ เขาจึงโถมตัวกดสะโพกส่งสำเภาของเขาพุ่งทะยานเข้าปากอ่าวของนางจนมิดลำอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกถึงบางอย่างภายในที่ฉีกขาดจากการแหวกทะลวงดังกรึ๊บ
“โอ๊ย...คุณพี่..ข้าเจ็บ...โอ๊ย...ซี้ด”
เป็นเยื่อพรมจรรย์ของแม่มะลินั่นเองที่แหลกสลายไปจากการสอดใส่ท่อนควยมาจนสุดลำเช่นนี้ แม่มะลิจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของพ่อเดชจนเป็นรอยแผลมีเลือดไหลซิบๆ แต่เทียบไม่ได้เลยกับรูสังวาสของนางที่แหกออกจนหยาดโลหิตแห่งความบริสุทธิ์เนืองนองไหลย้อยผ่านร่องก้นแล้วหยดลงบนฟูก พ่อเดชกดสะโพกนิ่งไม่ขยับรอให้แม่มะลิผ่อนคลายจากความเจ็บปวดพลางซุกไซร้ซอกคอและพวงแก้มของนางสูดดมกลิ่นกายอย่างไม่ลดละ อีกมือนึงก็นวดเฟ้นสองเต้าอวบอิ่มของนางไปพร้อมกัน เขาปล่อยเวลาผ่านไปเนิ่นนานโดยมุ่งเล้าโลมนางแต่เพียงท่อนบนเท่านั้น
“คุณพี่เจ้าขา ข้าไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ คุณพี่ทำต่อเถิด”
แม่มะลิส่งสัญญาณให้พ่อเดชเดินหน้าต่อ เรือสำเภาลำใหญ่ของเขาจึงเริ่มเคลื่อนตัวเดินหน้าถอยหลังฝ่าเกลียวคลื่นในร่องน้ำของนาง เขาชักหน้าถอยหลังอยู่ซ้ำไปซ้ำมาจนแรงบีบรัดในช่องสังวาสนั้นผ่อนคลายลงเป็นอันมาก ทุกครั้งที่เขาชักลำออกมาจนเกือบจะสุด แม่มะลิจะแอ่นสะโพกตามราวกับเสียดาย เขาก็จะฉวยจังหวะกระเด้ากลับเข้าไปจนสะโพกของแม่มะลิกระแทกลงบนฟูกดังตั่บๆๆ แต่แม่มะลิก็หาได้ย่อท้อไม่ นางเด้งสะโพกแอ่นรับการกระเด้าจากพ่อเดชอย่างไม่เกรงกลัวว่าร่องรักของนางจะต้องบอบช้ำเพียงใด กลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านและสาแกใจนางเสียด้วยซ้ำ ที่ได้ร่วมเสพสังวาสกับชายที่นางหมายปองเช่นนี้
“แม่มะลิ สำเภาของข้าคงโล้ต่อได้อีกไม่นาน เจ้าจักให้สำเภาของข้าล่มอยู่ในอ่าวของเจ้า หรือออกมาล่มภายนอกดี”
พ่อเดชถามในขณะที่สะโพกก็ยังกระเด้าไม่หยุด
“ซี้ด...แล้วท่านอยากจะล่มที่ใดกันเล่า...อา...อูย หากถามข้า ข้าก็อยากให้มันล่มอยู่ภายในอ่าวของข้าอยู่แล้ว”
แม่มะลิเองก็จวนจะถึงแล้วเหมือนกันจึงร้องครวญครางไม่ขาดปาก
“ข้าเกรงว่าหากข้าล่มในอ่าวของเจ้า แลเจ้าตั้งครรภ์ขึ้นมา จะเป็นที่ครหาได้ว่าเจ้าท้องไม่มีพ่อ”
“ท่านมิต้องเกรงกลัวไป...ซี้ด...หลังจากนี้ข้า...อูย...ข้าจะตอบตกลงแต่งงานกับออกหลวงสุรสาคร หากการโล้สำเภากับท่านในครานี้จักทำให้ข้าตั้งครรภ์...ซี้ด...ข้าก็ยินดี และข้าจะโกหกไปว่านี่เป็นลูกที่เกิดจากเขาเอง”
“ทำเช่นนั้นจะเหมาะหรือ แม่มะลิ....อูย” พ่อเดชเองก็ใกล้จะถึงแล้วเช่นกัน
“เหมาะยิ่งแล้วเจ้าค่ะคุณพี่...ซี้ด...มิมีสิ่งใดจะทำให้ข้าสมปรารถนาไปกว่า การได้อุ้มท้องบุตรของท่าน...อา...เพราะข้ารักท่าน รักท่านจนหมดหัวใจ...โอว...คุณพี่เร่งมือเถิด ข้าใกล้จะถึงแล้ว”
“อูย...ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะแม่มะลิ...ซี้ด”
พ่อเดชโหมกระเด้าเอวเข้าใส่แม่มะลิเป็นชุดสุดท้าย เสียงเนื้อปะทะเนื้อดังสนั่นไปทั่วทั้งหอนอน แล้วสำเภาของเขาก็พุ่งเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของอ่าว กระแทกเข้ากับผนังภายในอย่างแรงก่อนที่เรือจะแตกและอับปางลง ปล่อยน้ำกามขาวข้นจำนวนมากทะลักทลายออกมาอย่างเนืองนองจนเต็มรูสังวาสของแม่มะลิ
“โอ้ว...ข้าถึงแล้ว แม่มะลิ สำเภาของข้า..ล่มอยู่ในอ่าวของเจ้าจนหมดแล้วหนา...ซี้ด”
“ซี้ด...ข้าก็เช่นกันค่ะคุณพี่ ข้ารู้สึกราวกับได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ยังไงยังงั้นเลยเจ้าค่ะ...อูย”
ร่องเสียวของแม่มะลิตอดรัดท่อนลำของพ่อเดชตุบๆไม่หยุดหย่อน ราวกับจะกระตุ้นให้เขาปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนหมด พ่อเดชเองก็กระดกสะโพกเล็กน้อยซึมซับความเสียวที่เกิดขึ้นไว้อย่างเต็มที่ ด้วยรู้ดีว่านี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้โล้สำเภากับนาง หลังจากนี้นางจะต้องตกไปเป็นเมียของผู้อื่นแลเขาก็จะไม่ได้ร่วมรักกับนางอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายและเกิดความหึงหวงขึ้นมาอย่างประหลาด ท่อนรักของเขาที่เพิ่งจะปลดปล่อยน้ำกามไปเมื่อสักครู่ก็กลับแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจเริ่มโล้สำเภาใหม่อีกรอบทันที โดยที่แม่มะลิก็ตอบสนองเขาด้วยความเต็มใจเป็นที่สุด ราตรีนั้นกว่าจะผ่านพ้นไปได้ก็ทำเอาเรือสำเภาของพ่อเดชล่มอยู่ในปากอ่าวของแม่มะลิถึงสามครั้งสามคราซ้อนๆ

หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน จนมาถึงวันแต่งงานของแม่มะลิกับออกหลวงสุรสาคร แม่การะเกดแอบเข้ามาหาแม่มะลิในห้องแต่งตัวเจ้าสาว
“แม่การะเกด ข้านึกว่าเจ้าจักมาไม่ได้เสียแล้ว” แม่มะลิร้องทักเมื่อเห็นเพื่อนรัก พลางบุ้ยปากให้บ่าวไพร่ออกไปรอนอกห้อง
“งานแต่งของออเจ้าทั้งที ข้าจักไม่มาได้อย่างไรเล่า”
“แม่การะเกด ออเจ้าไม่โกรธข้าหรือ ที่ข้าแต่งงานกับออกหลวงสุรสาคร”
“โกรธ...ซะที่ไหนเล่า ก็ในเมื่อออเจ้าได้โล้สำเภากับคุณพี่สมดังปรารถนาแล้วนี่นา ข้าแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมยังต้องไปแต่งงานกับออกหลวงผู้นั้นอีก ไม่มาตบแต่งเข้าเรือนเดียวกันกับข้า”
“หากข้าทำเช่นนั้น จะยิ่งสร้างความบาดหมางให้แก่คุณพี่ของเจ้ากับออกหลวงสุรสาคร ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้เจ้ากับคุณพี่ไปมากกว่านี้จึงตอบตกลงแต่งงานกับออกหลวง”
“ข้ารู้ว่าออเจ้าคงคิดดีแล้ว ถึงข้าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ว่าแต่ว่า...คุณพี่ของข้า ลีลาเด็ดถึงใจเจ้าหรือไม่ คืนนั้นทำกันไปกี่ครั้ง บอกข้ามาหน่อยเถิดแม่มะลิ ข้าอยากรู้”
แม่การะเกดเอ่ยถามอย่างทะลึ่งทะเล้นเหมือนเคย แต่แม่มะลิก็มิได้รังเกียจ กลับมีสีหน้าเขินอายเพียงเล็กน้อยและชูสามนิ้วขึ้นมาแทนคำตอบ
“หูย...ขนาดนั้นเลยหรือ แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าต้องแอบอยู่ในหอนอนของคุณพี่ทั้งวันเพราะลุกเดินไปไหนไม่ได้ แต่ยังดีที่คุณพี่แอบเอาข้าวปลามาให้ข้ากินแลหาหยูกยามาให้จนข้าทุเลาลง”
“แล้วเจ้ากลับไปตอนไหน ข้าไม่ทันสังเกตเลย”
“หลังจากนั้นอีกสามคืน”
“หา...จริงดิ เจ้าลุกไม่ไหวไปนานขนาดนั้นเลยหรือแม่มะลิ”
“เปล่าหรอกแม่การะเกด ข้าลุกไหวตั้งแต่คืนแรกแล้ว แต่คุณพี่ของเจ้าไม่ยอมปล่อยให้ข้ากลับเรือน ยังจับข้าโล้สำเภาต่อจนหนำใจเขาแล้วถึงได้ปล่อยข้ากลับมา”
“โหย...ขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วนี่เจ้าโดนคุณพี่จัดไปกี่มากน้อยกันละเนี่ย”
“ข้านับไม่ไหวหรอกแม่การะเกด นิ้วมือนิ้วเท้าข้ารวมกันยังมิรู้จะพอนับหรือเปล่า ข้ารู้แต่เพียงว่า...”
แม่มะลิตอบแล้วพลางเอามือแตะที่หน้าท้องของตนเอง
“สิ่งที่คุณพี่มอบให้ข้า อยู่ในนี้แล้ว” แม่มะลิกล่าวด้วยน้ำเสียงปลื้มปิติ
“จริงเหรอแม่มะลิ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้า...ตั้งครรภ์...แล้ว” แม่การะเกดเบาเสียงลงตรงคำว่าตั้งครรภ์เพราะกลัวใครจะมาได้ยิน
“ข้ามิได้ขี่ม้ามาสักพักแล้วแม่การะเกด ทั้งที่มันควรจะมา..แต่ก็ไม่มา”
แม่มะลิหมายถึงระดูของนางไม่มาได้สักระยะแล้ว นางจึงมั่นใจแน่ว่านางตั้งครรภ์
“ข้ายินดีด้วยนะ แม่มะลิ”
แล้วทั้งแม่มะลิกับแม่การะเกดก็สวมกอดกันด้วยความยินดีเป็นที่สุด
ตัวอย่างตอนต่อไปของ บุพเพสันนิวาส ภาคพิสดาร ตอนที่ 6
“ผ่านม่านอาคมมาได้ ไม่ธรรมดาเลยหนา ออเจ้า” ท่านอาจารย์ชีปะขาวคิดในใจก่อนเอ่ยขึ้นมา
“เจ้าตามข้ามาทางนี้สักประเดี๋ยวเถิดแม่หญิง”
แม่การะเกดเดินตามหลังท่านอาจารย์ไปช้าๆ อากาศรอบกายนางเย็นยะเยือกจนทำให้นางขนลุกชัน พลันนางก็ได้กลิ่นแปลกๆเหมือนตอนที่อยู่ในโรงน้ำชากับหลวงศรียศในวันนั้น กลิ่นที่ทำให้นางผ่อนคลาย...แลทำให้รู้สึกกำหนัดในคราเดียวกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น