วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

บุพเพสันนิวาส ภาคพิสดาร ตอนที่ 4




“พี่ผินพี่แย้ม วันก่อนเห็นมั้ย” แม่หญิงการะเกดเอ่ยถามบ่าวทั้งสองในตอนรุ่งเช้าของวันฟ้าใสวันหนึ่ง
“เห็นเจ้าค่ะ” นังผินตอบ
“เห็นอะไร”
“ก็เห็นเปลือกกุ้งย่างกองพูนจนเป็นโคกสูงน่ะสิเจ้าคะ” นังผินหมายถึงวันก่อนที่แม่หญิงการะเกด แสดงฝีมือการทำน้ำจิ้มรสเด็ดกับกุ้งเผาให้คุณหญิงจำปาทานจนติดอกติดใจในรสชาติ
“ไม่ใช่ ข้าหมายถึงวันก่อนที่เราแอบตามคุณพี่ไปจนถึงเรือนเจ้าพระยาโกษาธิบดีน่ะ” การะเกดทำเสียงเซ็งเล็กน้อยที่พี่ผินเข้าใจไปคนละเรื่อง
บ่าวสองคนฟังแม่นายพูดแล้วก็หันมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้มอย่างขวยเขินจนแก้มแดงก่ำ
“เจ้าค่ะ เห็นเจ้าค่ะ พวกข้าทั้งสองก็อยู่ด้วยกันกับแม่นายจึงเห็นเหมือนที่แม่นายเห็นทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่คิดเลยนะว่า แม่หญิงจันทร์วาดที่ดูภายนอกแสนจะเรียบร้อยดั่งกุลสตรีผู้ดี จะทำตัวร่านได้ถึงขนาดนั้น แรดเงียบเหมือนกันนะเนี่ย”
บ่าวสองคนฟังที่แม่นายพูดไม่เข้าใจ
“แรด...ร่าน มันคืออันใดเจ้าคะแม่นาย” นังแย้มถาม
“ก็หมายความว่า เวลาที่ผู้หญิงทำตัวไม่เรียบร้อย พูดจาลามก แล้วก็แสดงกิริยาเหมือนพวกผู้หญิงในโรงชำเราน่ะ”
“อ๋อ แม่นายหมายถึง ไร้ยางอายใช่ไหมเจ้าคะ” นังแย้มรีบแปลให้ทันที
“เออ...นั่นแหละๆ แม่หญิงจันทร์วาดนี่ช่างไร้ยางอายสิ้นดี”
บ่าวสองคนนึกถึงภาพในวันนั้นแล้วก็มองหน้ากันทำท่าอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้า
“พี่สองคนมีอะไรรึ มองหน้ากันไปก็มองหน้ากันมาอยู่นั่นแหละ มีอะไรก็ว่ามา”
“คือ..แม่นายเจ้าคะ ตั้งแต่วันที่พวกบ่าวเห็นหมื่นท่านกับแม่หญิงจันทร์วาด..เอ่อ..โล้สำเภากัน พวกบ่าวก็ใคร่ครวญเรื่องนึงมาตลอด”
“ใคร่ครวญเรื่องอะไร รีบๆพูดมาสิ มัวแต่พูดโยกโย้อยู่ได้” แม่การะเกดชักรำคาญท่าทีของบ่าวทั้งสองที่มัวแต่พูดอ้อมไปอ้อมมา
“พวกบ่าวอยากจะขออนุญาตแม่นาย ไปออกเรือนมีผัวกันน่ะเจ้าค่ะ” นังผินพูดจบก็ก้มหน้างุดด้วยความเขิน
“ห๊า...อะไรนะ พวกพี่ทั้งสองคนอยากมีผัวอย่างนั้นรึ ฮะๆๆ อะไรกัน เห็นคนเขาฟีเจอริ่งกันหน่อยเดียว ถึงกับคันจนอยากมีผัวขึ้นมาบ้างเลยรึ”
ทั้งนังผินนังแย้มยิ่งฟังก็ยิ่งงง ไม่เข้าใจว่าที่แม่นายพูดหมายถึงอะไร
“ฟังไม่รู้เรื่อง..ก็ไม่ต้องรู้เรื่องหรอก ข้ารู้เรื่องคนเดียวก็พอแล้ว แต่ก็เอาเถอะ หากพี่ทั้งสองคนอยากมีผัว ข้าจะไปห้ามพวกพี่ได้อย่างไร ขนาดข้าเองยังอยากลองโดนคุณพี่หมื่นโล้สำเภาเอาบ้าง อยากรู้นักว่ามันจะเสียวแค่ไหน นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณพี่เกลียดข้านะ ข้าจะยอมด้านหน้าไปนอนแก้ผ้ารอคุณพี่ถึงเตียงเลยเชียว” แม่การะเกดบ่นพึมพำกับตัวเอง
“พวกบ่าวห่วงก็แต่ว่า หากออกเรือนไปแล้ว แม่นายจะไม่มีคนคอยดูแลรับใช้น่ะสิเจ้าคะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ก็ถ้าพวกบ่าวมีผัว พวกบ่าวก็ต้องตามไปอยู่ที่เรือนของผัวน่ะสิเจ้าคะ หาได้อยู่รับใช้แม่นายต่อไม่” นังผินตอบ
“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง อ้าว...แล้วถ้าอย่างนั้น ทำไมพวกพี่ไม่เอาคนที่เรือนนี้ทำผัวล่ะ จะได้ไม่ต้องย้ายออกไปไหน”
นังบ่าวสองคนมองหน้ากัน ต่างขมวดคิ้วแล้วตอบแม่นาย
“ใครล่ะเจ้าคะ คนในเรือนนี้ ออกญาท่าน หมื่นท่าน หางตาก็ไม่เคยแลพวกบ่าวแม้แต่น้อย”
“ก็พวกบ่าวผู้ชายในเรือนนี้ยังมีอีกตั้งหลายคนนี่นา พี่ม่วงบ่าวของคุณลุงล่ะเป็นไง เข้าท่าไหม”
“โอ๊ย...รายนั้นน่ะเหรอเจ้าคะ แม่นายรู้จักสำนวนที่ว่า นายเป็นอย่างไร บ่าวก็เป็นอย่างนั้นไหมเจ้าคะ” นังแย้มถามแม่นายกลับ ยิ่งทำเอาการะเกดฉงนสงสัยยิ่งนัก
“ยังไงเหรอพี่แย้ม ข้าไม่เข้าใจ”
“ก็ออกญาท่านน่ะเจ้าชู้จะตาย ทำบ่าวในเรือนท้องป่องมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว เด็กที่มีมาลัยคล้องอยู่บนจุกนั่นแหละเจ้าค่ะ คือลูกของออกญาท่าน”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะข้าถึงสังเกตว่าเด็กพวกนี้ไม่เหมือนลูกบ่าวทั่วไป อ้าว แล้วมันเกี่ยวกับพี่ม่วงยังไงล่ะพี่”
“ก็พอนังบ่าวพวกนี้คลอดลูกเสร็จ ออกญาท่านก็จะไม่สนใจไยดีอีกต่อไป แลให้ไอ้ม่วงมันรับเลี้ยงดูส่งเสียต่อประหนึ่งว่าเป็นพ่อของเด็กยังไงยังงั้นเลยเจ้าค่ะ”
“แล้วยังไงต่อล่ะพี่”
“ไอ้ม่วงมันก็เลยถือสิทธิว่าเป็นคนส่งเสียลูกของพวกมัน รวบเอานังบ่าวพวกนี้มาเป็นเมียของตัวเองเสียยังไงล่ะเจ้าคะ บางคนตั้งท้องแรกกับท่านออกญา ท้องต่อมาก็เป็นลูกของไอ้ม่วงนี่แหละเจ้าค่ะ”
“โห มีเซ้งเมียต่อกันด้วยวุ้ย เชื่อเขาเลย” แม่การะเกดบ่นพึมพำ ทันใดนั้นหล่อนก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามต่อไปว่า
“แล้ว..ไอ้จ้อยล่ะ พี่แย้มว่าเข้าท่าไหม”
พวกบ่าวทั้งสองได้ฟังก็เอามือปิดปากกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่
“แม่นายเจ้าคะ ไอ้จ้อยมันเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่มมาไม่กี่ขวบปีนี้เอง ยังมิทันจะได้บวชเรียนเลยด้วยซ้ำ จะมีน้ำยาเอาพวกบ่าวทำเมียหรือเปล่าก็มิรู้ได้”
“งั้นเหรอ แต่ข้าว่าน่าสนใจอยู่นะ กินเด็กหนุ่มๆเนี่ย เขาว่าทำให้เป็นอมตะ ยิ่งเด็กเอ๊าะๆอย่างไอ้จ้อยนี่ยิ่งน่ากินนักเชียว” การะเกดพูดพลางยิ้มตาเป็นประกาย
“เอาอย่างนี้ละกัน ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเอาไอ้จ้อยนี่แหละมาเป็นผัวให้พี่ทั้งสองคน” แม่การะเกดพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“หา...แม่นายว่ากระไรนะเจ้าคะ จะให้ไอ้จ้อยมาเป็นผัวของบ่าวสองคน แล้วตกลงจะให้เป็นผัวของใครละเจ้าคะ” นังผินถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะตามปกติแล้วมีแต่เจ้าขุนมูลนายเท่านั้นที่นิยมมีเมียหลายคน ส่วนพวกบ่าวรับใช้นั้นไม่อาจทำได้ด้วยว่าจนปัญหาจะหาเลี้ยงไหว
“ก็ให้เป็นผัวพวกพี่ทั้งคู่นั่นแหละ ไม่เป็นไรหรอก ดีเสียอีกที่มีผัวคนเดียวกันจะได้ยิ่งรักใคร่กลมเกลียว แถมพวกพี่จะได้ไม่ต้องออกเรือนไปไหนด้วย อยู่กับข้าด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ เดี๋ยวข้าเป็นธุระจัดการให้” การะเกดพูดพลันแผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองทันที
ดึกสงัดคืนนั้นเอง นังผินก็เดินย่องไปหาไอ้จ้อยที่นอนอยู่หน้าหอนอนท่านหมื่น เอามือตบไหล่เรียกมันเบาๆ
“ไอ้จ้อย...ตื่นเถิดหนา ข้ามีเรื่องให้ช่วย”
ไอ้จ้อยงัวเงียลุกขึ้นมาด้วยความงุนงง
“มีกระไรกันพี่ผิน ดึกป่านนี้แล้ว ไยจึงไม่หลับไม่นอนอีก”
“เอ็งตามข้าไปที่หอนอนของแม่นายการะเกดหน่อยเถอะวะ แม่นายเขาจะวานเอ็งให้ทำอะไรให้หน่อย”
“วานข้าเรื่องอันใดกัน แล้วเหตุใดไม่ใช้ให้พวกพี่ทั้งสองไปทำล่ะ”
“พวกข้าสองคนจนปัญญาจะทำเองไหว ต้องให้ผู้ชายอย่างเอ็งช่วย เอ็งก็ตามข้ามาเถอะวะ อย่าได้โยกโย้อยู่เลย”
พูดจบนังผินก็ทั้งฉุดทั้งดึงไอ้จ้อยให้เดินตามมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก จนมาถึงในหอนอนของแม่หญิงการะเกด
“แม่นายขอรับ แม่นายมีอันใดจะให้บ่าวทำหรือขอรับ ถึงได้ตามบ่าวมากลางดึกเยี่ยงนี้” ไอ้จ้อยนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าแม่หญิงการะเกดที่กำลังสางผมอยู่ตรงหน้าคันฉ่อง
“ข้ามีเรื่องจะขอให้จ้อยช่วยทำให้หน่อย” การะเกดวางหวีลงแล้วหันมาคุยกับจ้อย ที่มุมปากแอบมีรอยยิ้มเล็กๆ
“ทำกระไรขอรับ เชิญแม่นายสั่งบ่าวมาเถิด”
“ช่วยทำให้พี่ผินพี่แย้มเป็นเมียของเจ้าที” การะเกดพูดออกมา ทำเอาไอ้จ้อยถึงกับตะลึงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน แม้แต่นังผินนังแย้มต่างก็เงยหน้าขึ้นมองแม่นายของมันเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าแม่นายของมันจะกล้าพูดออกมาตรงๆเยี่ยงนั้น
“แม่นายว่ากระไรนะขอรับ จะให้ข้า...กับพี่ผินพี่แย้ม...เป็นอะไรนะขอรับ” ไอ้จ้อยพูดตะกุกตะกักเหมือนคนติดอ่าง
“ข้าจะยกพี่ผินพี่แย้มให้เป็นเมียเจ้า แล้วก็มาโล้สำเภากันไง เจ้าไม่รู้จักงั้นหรือ โล้กันตรงนี้แหละ ข้าจะนั่งดูเจ้ากับพี่สองคนอยู่ตรงนี้แหละ” นังแย้มฟังที่แม่นายพูดจบก็แย้งขึ้นมา
“แม่นายเจ้าคะ โล้สำเภา..มันก็ต้องไปทำกันสองคนในที่ลับตาสิเจ้าคะ จะให้โล้กันต่อหน้าผู้อื่นได้เยี่ยงไร ยิ่งโล้กันสองหญิงหนึ่งชาย จะให้โล้กันอีท่าไหนคะ ไม่มีผู้ใดเขากล้าทำหรอกเจ้าค่ะ”
“ไม่กล้า..งั้นข้าจะทำให้ดูเอง มานี่ไอ้จ้อย ถอดผ้าออก”
“แม่นาย..อย่าขอรับ แม่นายจะทำอะไรบ่าวขอรับ..อย่า..บ่าวยังไม่เคยมีเมียขอรับ”
ไอ้จ้อยพยายามดิ้นรนปัดป้อง แต่ก็หาขัดขืนผู้เป็นนายได้ไม่ ไม่นานท่อนล่างของมันก็ล่อนจ้อน ท่อนเนื้อที่ยังไม่แข็งตัวก็ห้อยต่องแต่ง แม่การะเกดรีบคว้ามาจับเล่นพลิกไปพลิกมาทันที
“หูย...น่ารักอ่ะ เหมือนของเด็กๆเลย ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ขนาดกำลังดี อุ๊ย...หนังหุ้มปลายยังเปิดไม่หมดเลยด้วย พี่ผินพี่แย้มมาดูเร็วเข้า” แม่การะเกดพิจารณาควยของไอ้จ้อยอย่างสนอกสนใจ แล้วเรียกบ่าวทั้งสองคนมามุงดูใกล้ๆ
“ขอข้าชิมหน่อยนะ อยากรู้ว่ามันจะมีรสชาติยังไง”
พูดจบแม่นายก็ผลักไอ้จ้อยหงายหลังลงบนพื้นห้อง จับท่อนควยกระตุกขึ้นๆลงๆสองสามที แล้วอ้าปากครอบลงไปทั้งลำ จากนั้นจึงผงกหัวรูดขึ้นลง รสชาติควยเด็กหนุ่มๆ ช่วงเย้ายวนยิ่งนัก แม่การะเกดคิดพลางผงกศีรษะขึ้นลง
“แม่นาย..อย่าขอรับ บ่าวเป็นเพียงผู้น้อย ไม่สมควรให้แม่หญิงลดตัวลงมาเกลือกกลั้วนะขอรับ อูย...แม่นายทำกระไรเยี่ยงนี้ขอรับ บ่าวเสียวเหลือเกินขอรับ” ไอ้จ้อยพยายามจับไหล่ห้ามผู้เป็นนายไว้ แต่ก็มิอาจห้ามได้ ด้วยความเสียวเบื้องล่างทำให้มือไม้และแข้งขาของมันอ่อนแรง แต่กลับกันท่อนควยของมันกลับค่อยๆขยายขนาดขึ้นช้าๆ เดิมทีแม่การะเกดสามารถอ้าอมท่อนควยของมันเข้าไปได้ทั้งลำ แต่ไม่นานหล่อนก็ต้องตกใจที่ท่อนเนื้อนั้นค่อยๆพองตัวออกคับปากคับคอจนเกือบสำลัก หล่อนถอนปากออกมองดูท่อนควยของไอ้จ้อยอีกครั้งก็พบว่ามันยืดออกจนใหญ่ยาวผิดไปจากเดิมเหมือนเป็นคนละอันกับเมื่อครู่ หนังหุ้มปลายของมันถูกแม่การะเกดใช้ลิ้นตวัดเลียซอกซอนแซะไปมาจนถลกเปิดออกดั่งปอกเปลือกกล้วย บัดนี้ท่อนควยของไอ้จ้อยเติบใหญ่เต็มวัยเยี่ยงชายชาตรีแล้ว ขนาดของมันไม่ด้อยไปกว่าควยของคุณพี่หมื่นที่หล่อนแอบดูเมื่อวันก่อนเลยทีเดียว นึกแล้วก็แอบเสียดายเล็กน้อยที่ตัวเองออกปากลั่นวาจาไปแล้วว่าจักยกไอ้จ้อยให้เป็นผัวของนังผินนังแย้ม มิเช่นนั้นหล่อนคงต้องขอลองขึ้นขย่มดูสักครั้ง
“พี่ผินพี่แย้ม ข้าเตรียมเรือพร้อมแล้ว พวกพี่รีบเปลื้องผ้าออกเร็วเข้า จะได้เริ่มโล้สำเภากันเสียที”
นังผินนังแย้มยังมองหน้ากันไปมาด้วยความลังเลไม่กล้าจะทำกระไร จนแม่การะเกดเริ่มหงุดหงิดใจยิ่งนัก
“ถ้าพวกพี่สองคนยังไม่รีบเปลื้องผ้า ข้าจะเปลื้องของข้าแล้วจับไอ้จ้อยทำผัวเสียเองเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบการะเกดก็ลุกขึ้นทำท่าจะปลดปมผ้านุ่งของตนเองออก นังบ่าวสองคนตกใจรีบเข้ามายื้อยุดเป็นพัลวัน
“อย่าเจ้าค่ะแม่นาย ไม่งามนะเจ้าคะ ที่แม่นายจะมาเปลือยกายต่อหน้าบ่าวผู้ชายเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้วค่ะ พวกข้าสองคนจะรีบเปลื้องผ้าประเดี๋ยวนี้”
นังผินนังแย้มรีบแก้ผ้าของตนเองออกด้วยกลัวว่าแม่นายจะทำอะไรห่ามๆตามที่พูด พวกมันสองคนยอมอับอายแทนแม่นายเสียดีกว่า พอเปลื้องผ้าออกหมด บ่าวสองคนก็เปลือยกายล่อนจ้อนยืนอยู่ต่อหน้าไอ้จ้อยและแม่นายของมัน
“หืม...พี่ผินพี่แย้ม สวยไม่เบานะเนี่ย ซ่อนรูปกันทั้งคู่เลย โดยเฉพาะพี่ผิน นมใหญ่เท่าหัวเด็กเลยนะนั่น พี่แย้มเองก็ใช่ย่อย ตรงนั้นโหนกเป็นโคกสูงยังกะเขาพระสุเมรุแน่ะ” แม่การะเกดเอ่ยปากชมรูปร่างของทั้งสองบ่าวอย่างไม่กระดากปาก
“ว้าย...แม่นายเจ้าคะ พูดอะไรอย่างนั้น พวกบ่าวก็เขินแย่น่ะสิเจ้าคะ” นังแย้มรีบเอามือมาปิดนมปิดหอยด้วยความเขินอายเป็นที่สุด ส่วนนังผินก้มมองดูนมตัวเองที่แม่นายมันว่าใหญ่นักใหญ่หนาแล้วก็นึกเห็นด้วยพลางยิ้มน้อยๆด้วยความภูมิใจ
“พวกพี่ทั้งสองทำเป็นเล่นตัวท่าโน้นท่านี้ อันที่จริงก็หีแฉะไปหมดทั้งคู่แล้วเนี่ยเห็นหรือไม่” การะเกดเหลือบไปเห็นเมือกใสๆที่เปรอะเปื้อนไปทั่วหว่างขาของบ่าวทั้งสอง
“ตายแล้ว...แม่นายพูดตรงๆออกมาเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ ไม่งามเลยนะเจ้าคะ แค่โป๊เปลือยกันอย่างนี้พวกบ่าวก็กระดากกันจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งมาฟังแม่นายพูดเยี่ยงนี้อีก พวกบ่าวก็..เงี่ยน..เป็นเหมือนกันนะเจ้าคะ” นังแย้มลดเสียงลงตรงคำว่าเงี่ยนจนแทบฟังไม่ได้ยิน รูหอยของมันยิ่งขับน้ำเมือกใสๆออกมาไม่หยุด
“ฮะๆๆ เห็นมั้ย ข้าบอกแล้วว่าพูดกันตรงๆแบบเนี้ยได้อารมณ์เป็นที่สุด เอ้าๆ...อย่ามัวรอช้าอยู่เลย ไอ้จ้อยมันนอนตั้งเสาเรือรออยู่เป็นนานสองนานแล้ว อ้าว...จ้อย เป็นอะไรน่ะ ตาค้างไม่กระพริบเลย...จ้อยๆ”
การะเกดหันไปเห็นไอ้จ้อยนอนตาค้างอ้าปากหวอ ท่อนควยผงกหัวหงึกๆด้วยความเงี่ยนง่านเป็นที่สุด ด้วยตั้งแต่เกิดมามันไม่เคยเห็นร่างเปลือยล่อนจ้อนของหญิงใดมาก่อน จนหล่อนต้องตะโกนเรียกชื่อมันซ้ำๆจนมันได้สติ
“ขะ..ขอรับแม่นาย แม่นายว่ากระไรขอรับ”
“เริ่มกันได้แล้ว มัวรออะไรอยู่ เดี๋ยวก็เช้ากันพอดี” แม่การะเกดรีบเร่งให้พวกบ่าวทั้งสามคนโล้สำเภากันได้แล้ว
นังผินเป็นฝ่ายเริ่มก่อนโดยการป้อนนมของตัวเองให้ไอ้จ้อยมันดูดสลับไปมาซ้ายทีขวาที ไอ้จ้อยเพิ่งเคยได้โลมเลียหน้าอกผู้หญิงเป็นครั้งแรกก็ลงลิ้นอย่างตะกรุมตะกราม เสียงดูดเลียดังแผล่บๆได้ยินกันทั่ว ส่วนนังแย้มขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนสะโพกของไอ้จ้อย ประคองเสาเรือของมันให้ตั้งตรง จ่อปลายเข้ากับปากถ้ำของตัวเองแล้วย่อตัวกดสะโพกลงมาช้าๆ หีของนังแย้มก็ค่อยๆขยอกกลืนดุ้นของจ้อยลงไปเรื่อยๆจนถึงโคน จากนั้นก็ค่อยเคลื่อนตัวขึ้นลง ขย่มสะโพกกระแทกใส่หนอกเนื้อของไอ้จ้อยเริ่มจากช้าๆก่อนแล้วค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นทีละนิดๆ
“หืม...พี่แย้ม ไม่เบาเลยนะเนี่ย โล้สำเภาเป็นเสียด้วย” แม่การะเกดเอ่ยปากชม ไม่นึกว่าบ่าวของนางจะเป็นงานกับเขาเหมือนกัน แต่นังแย้มเริ่มหูอื้อตาลายด้วยความเสียวจนไม่ได้ยินที่แม่นายพูด หลับหูหลับตาส่ายสะโพกขย่มเอวแต่เพียงอย่างเดียว นังผินจึงหันมาตอบแทนนังแย้ม
“แม่นายเจ้าขา พวกบ่าวน่ะอาบน้ำร้อนมาก่อนนะเจ้าคะ พรมจรรย์ของพวกบ่าวน่ะ แหลกไปตั้งแต่แม่นายยังนมไม่ทันตั้งเต้าเลยเจ้าค่ะ กับพวกบ่าวด้วยกันที่เมืองสองแควนั่นแหละเจ้าค่ะ แค่ไม่ได้ออกเรือนกันอย่างออกหน้าออกตาก็เท่านั้น”
“จริงเหรอเนี่ย ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“จริงสิเจ้าคะ ที่แม่นายไม่เคยรู้ก็เพราะเรื่องพวกนี้ไม่มีใครเขาเล่าสู่กันฟังหรอกเจ้าค่ะ ยิ่งมาโล้สำเภากันหลายๆคนแบบนี้ พวกบ่าวก็เพิ่งได้ลองครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละเจ้าค่ะ” นังผินตอบคำแม่นาย พลางกดเนินอกของตัวเองบดเข้ากับใบหน้าของไอ้จ้อยจนมันแทบขาดอากาศหายใจ
“อูย...เสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ แม่นาย ข้าเสียวจริงๆเจ้าค่ะ” นังแย้มเริ่มส่งเสียงบ้าง
การะเกดก้มลงจ้องดูท่อนควยของไอ้จ้อยที่แทงเข้าแทงออกอยู่ในร่องของนังแย้มพลันรู้สึกคันยุบยิบในรูหอยของตัวเอง จนต้องเอื้อมมือลงไปถูไถเนินโหนกนั้นจากภายนอกผ้านุ่งที่ใส่อยู่
“ข้าก็เสียวเช่นกันขอรับแม่นาย พี่ผิน..ให้ข้าพักหายใจสักประเดี๋ยวเถิด นมของพี่ทับข้าจนข้าหายใจไม่ออกเกือบจะตายอยู่แล้ว” ไอ้จ้อยพูดกับแม่นายเสร็จก็หันไปบอกนังผิน
“เออๆ..เอ็งไม่ชอบก็บอกมาสิว่ะ ใช่สิ ข้ามันไม่ได้สาวได้สวยเหมือนนังแย้มนี่หว่า รูปร่างก็อวบอ้วนไม่ได้สะโอดสะองเหมือนมัน ข้ามีก็แต่หน้าอกนี่แหละที่ทำให้ข้าพอจะภูมิใจได้อยู่อย่างเดียว” นังผินบ่นด้วยความน้อยใจ
“ข้าไม่ได้กล่าวขนาดนั้นเสียหน่อย ไยพี่ผินคิดเป็นตุเป็นตะไปได้เยี่ยงนั้น อันที่จริงข้าชอบผู้หญิงนมใหญ่อย่างพี่จะตาย พี่รู้หรือไม่ว่าข้าแอบดูพี่อาบน้ำทุกวัน แค่เนินเนื้อนอกผ้าที่ข้าเห็นก็ทำเอาข้าเก็บไปนอนฝันทุกคืนแล้ว” ไอ้จ้อยสารภาพ
“จริงหรือวะ ไยไม่บอกข้าเล่า เอาเถิด จากนี้ไปข้าจะให้เอ็งนอนจับนอนดูดหน้าอกข้าทุกคืนเลยดีไหมวะ” นังผินเสนอ
“ข้าก็ด้วย ขอให้ข้าได้ขย่มเสาเรือของเจ้าทุกคืนด้วยคนเถิดหนา”
นังแย้มพูดขึ้นมาอีกเสียง ระหว่างที่คนอื่นคุยกันอยู่ นังแย้มมันก็ไม่ได้หยุดขย่มสะโพกใส่ไอ้จ้อยเลยแม้แต่วินาทีเดียว ท่อนควยอันเขื่องยังคงวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ในร่องรักของหล่อนอย่างต่อเนื่อง ไม่กี่อึดใจนังแย้มก็ตัวเกร็งสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ สะโพกก็กดลงไปแนบกับหนอกควยของไอ้จ้อยจนแน่น
“อีผิน..ข้า...ซี้ด...อูย...ข้าเสร็จแล้วหนา เอ็งรีบมาทำต่อเร็วเข้า” นังแย้มหายใจหอบอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นให้นังผินเข้ามาแทนที่
“พี่ผิน ขอให้ข้าลองเป็นฝ่ายทำดูบ้างได้หรือไม่ ข้าขอลองทำแบบที่ฝันไว้มานานแล้วดูบ้าง” ไอ้จ้อยรีบเสนอก่อนที่นังผินจะจับควยเสียบเข้ารูเสียว
“เอ็งจะทำกระไรวะ ไหนว่าไม่เคยมีเมีย แล้วจะมีปัญญาทำได้รึ”
“เถอะน่า ถึงข้าไม่เคยลองของจริง แต่ข้าก็คิดภาพเอาไว้ในใจอยู่ทุกวัน ให้ข้าลองดูเสียหน่อยจะเป็นไร หากไม่ถูกใจพี่ ถึงตอนนั้นค่อยให้พี่ทำตามใจชอบเถิด”
นังผินได้ฟังไอ้จ้อยว่าดังนั้นจึงโอนอ่อนตามใจมันดู ไอ้จ้อยจึงจับนังผินให้อยู่ในท่าคลานสี่ขา แล้วเข้าประกบที่บั้นท้ายทันที
“ไอ้จ้อย เอ็งจะเล่นพิเรนทร์อะไรของเอ็ง ข้าเป็นคนนะไม่ใช่หมา เอ็งจะมาสมสู่ข้าเยี่ยงหมาได้อย่างไร” นังผินหันมาตวาดทั้งๆที่อยู่ในท่านั้น
“แค่ทำท่าเหมือนหมา ไม่ได้แปลว่าจะเป็นหมาเสียหน่อยนี่พี่ผิน เอ้า...พร้อมนะ” สิ้นเสียงไอ้จ้อยก็แทงพรวดส่งลำควยพุ่งตรงเสียบเข้าหีของนังผินทันที
“โอ๊ย...อู๊ย...ซี้ด...เอ็งจะเสียบเข้ามาก็บอกข้าก่อนสิวะ ข้ายังไม่ทันตั้งตัวเลย”
“ก็บอกอยู่นี่ไง...อูย...รูของพี่ผินก็ไม่ด้อยไปกว่าของพี่แย้มเลยนะเนี่ย ตูดก็ใหญ่ ข้าสาแก่ใจยิ่งนัก”
ไอ้จ้อยซอยสะโพกเข้าๆออกๆทางบั้นท้ายของนังผินด้วยความสะใจ ท่านี้ทำให้เสียงหนอกควยกระทบกับแก้มกันดังป้าบๆๆได้ยินไปทั้งหอนอน มันใฝ่ฝันว่าได้เย็ดนังผินในท่านี้อยู่ทุกค่ำคืน บัดนี้หอยของนังผินมาแอ่นรอรับการกระแทกจากมันอยู่เบื้องหน้า มันจึงไม่รอช้ากระเด้าเอวเย็ดนังผินจนสุดชีวิต หน้าอกอันล้นหลามของนังผินก็แกว่งไปมาตามแรงกระแทกเป็นภาพที่น่าดูยิ่งนัก ไอ้จ้อยเหลือบไปเห็นก็ก้มลงไปเอามือประคองแล้วบีบขยำอย่างเมามัน นังแย้มกับแม่การะเกดมองดูภาพทั้งคู่เย็ดกันราวกับสุนัขติดสัดก็ให้เกิดความรู้สึกเงี่ยนง่านยิ่งนัก แม่การะเกดล้วงมือเข้าไปใต้ผ้านุ่งแล้วแหย่นิ้วเข้าออกในร่องหอยของตัวเองพลางสูดปากครางเบาๆ น้ำเงี่ยนของหล่อนแฉะเยิ้มจนเปียกไปทั้งฝ่ามือ ส่วนนังแย้มที่เพิ่งจะเสร็จสมไปเมื่อครู่ก็เกิดความเงี่ยนขึ้นมาอีกครั้ง จึงเข้าไปโอบเอวไอ้จ้อยจากทางด้านหลังพลางใช้มือนวดคลึงลูกกระโปกของมันไปด้วย สร้างความเสียวซ่านให้ไอ้จ้อยเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
“โอว...พี่แย้ม เบามือหน่อยพี่ แค่นี้...ซี้ด...ข้าก็เสียวจะแย่อยู่แล้ว”
“ก็ทำให้เสร็จๆไปเลยสิวะ เอ็งไม่เห็นรึว่านังผินมันก็เสียวจนแทบคลั่งแล้ว” นังแย้มเร่งให้ไอ้จ้อยทำเร็วขึ้นอีก
“อูย...ข้ายังไหว อีแย้ม ข้ามิเคยคิดมาก่อนเลยหนาว่าเอากันเยี่ยงหมาเช่นนี้...ซี้ด...จะทำให้ข้าเสียวจนแทบคุมสติไม่อยู่”
การะเกดมองบ่าวทั้งสามคนแล้วก็เร่งมือแทงนิ้วใส่รูหีตัวเองตามจังหวะที่ไอ้จ้อยมันแทงควยเข้าหีนังผิน พลางนึกไปว่าเป็นตนเองที่โดนเย็ดในท่านั้นอยู่
“อีกนิดเดียว ข้าจะเสร็จแล้วนะพี่ผิน...โอย...ข้าทนไม่ไหวแล้ว...อ๊าก”
ไอ้จ้อยเร่งกระดกสะโพกอีกสามสี่ครั้ง ตัวมันก็เกร็งกระตุก ก้นของมันหดเกร็งตามจังหวะที่ท่อนควยของมันฉีดน้ำกามเข้าใส่โพรงหีของนังผิน
“ข้าก็เสร็จแล้ว เสร็จแล้วโว้ยไอ้จ้อย...ซี้ด...อูว”
อีผินก็ครางแข่งกับไอ้จ้อยไม่ขาดปาก โพรงหีของมันตอดตุบๆรีดเค้นเอาน้ำกามออกจากท่อนควยของไอ้จ้อยจนหยดสุดท้าย ไอ้จ้อยพอหายกระตุกแล้วก็ทิ้งตัวทรุดลงนั่งบนพื้น ท่อนควยยังคงขนาดเท่าเดิมอยู่แต่ก็นิ่มลงไปบ้างแล้ว มิได้แข็งเหมือนท่อนไม้ดังเช่นเมื่อครู่นี้ การะเกดเห็นเป็นจังหวะที่บ่าวทั้งสามคนผละออกจากกันจึงแทรกตัวเข้าไปนั่งตรงหน้าไอ้จ้อยและจับท่อนควยของมันเอาไว้เต็มกำมือ
“ข้าก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันไอ้จ้อย ขอข้าชิมรสของเอ็งอีกครั้งเถอะนะ...อ้า...อืม”
“แม่นาย..อย่าทำอย่างนั้นขอรับ...โอว...บ่าวไม่ไหวแล้ว...บ่าวไม่มีแรงเหลือแล้วขอรับ”
โดยไม่ฟังคำของไอ้จ้อย แม่การะเกดพอพูดจบก็ส่งท่อนควยของไอ้จ้อยเข้าปากอมพลันทั้งดูดทั้งเลียทันที ทั้งกลิ่นน้ำเงี่ยนของนังผินและกลิ่นน้ำควยที่ยังค้างอยู่ในลำของไอ้จ้อยผสมปนเปกันมั่วไปหมด แต่นั่นก็ทำให้การะเกดเงี่ยนเป็นที่สุด หล่อนดูดควยของไอ้จ้อยไปด้วยพลางเร่งมือบี้แตดและแทงนิ้วเข้าออกในรูหีตัวเองรัวๆจนถึงสวรรค์ตามพวกบ่าวไปติดๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากทั้งสามบ่าวหนึ่งนายแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอ้จ้อยนังผินนังแย้มก็มานั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้าแม่หญิงการะเกด
“จ้อย ตกลงจะรับพี่ผินพี่แย้มเป็นเมียหรือไม่” การะเกดถาม
“รับสิขอรับ บ่าวจะปฏิเสธได้อย่างไร นับเป็นบุญของบ่าวเสียอีกที่ได้เมียทีเดียวถึงสองคนเช่นนี้...แถมยัง” ไอ้จ้อยพูดทิ้งท้ายไว้โดยยังไม่ทันพูดจบ นังผินก็ชิงตบกะโหลกมันเข้าเสียก่อน
“เอ็งอย่าได้อาจเอื้อมล่วงเกินแม่นายอีกเป็นอันขาด เรื่องในวันนี้ห้ามเอ็งไปแพร่งพรายที่ใด รู้หรือไม่”
“จ้ะพี่ผิน พูดไปก็คงไม่มีใครเขาเชื่อหรอก เขาจะได้หาว่าข้าวิปลาสน่ะสิ ที่ได้มาโล้สำเภากันสามคนต่อหน้าแม่นายเยี่ยงนี้ แถมแม่นายยังลดตัวลงมาอมนกเขาให้บ่าวอีก”
สิ้นเสียงไอ้จ้อยก็มีบาทาของนังผินยันเข้าเต็มสีข้างจนมันกระเด็นล้มกลิ้งล้มหงาย
“โอ๊ย...พี่ผินถีบข้าทำไมเนี่ย”
“ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าพูดจาล่วงเกินแม่นาย เอ็งนี่มันวอนซะแล้ว” นังผินชี้หน้าด่าผัวหมาดๆของมัน
“ไม่เอาน่าทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลย ไหนๆก็เป็นผัวเป็นเมียกันแล้วก็รักใคร่ปรองดองกันเอาไว้จะดีกว่านะ ส่วนเรื่องที่ข้า...เอ่อ...เอาเป็นว่าจ้อยช่วยลืมๆมันไปเถอะนะ อย่าได้ใส่ใจมันอีกเลยนะ”
“ขอรับแม่นาย”
ปากมันก็รับคำแม่นายไปตามนั้น แต่ภาพแม่หญิงการะเกดผู้งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในอยุธยา แถมยังเป็นถึงหลานสาวออกญาโหราธิบดี ลดตัวก้มศีรษะลงมาดูดควยของมันราวกับหญิงร่านในโรงชำเรา ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติมันก็จะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น