วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ด้วยรักและผูกพันธ์ ตอนย้อนอดีต ep.1

 

"พี่ทำแบบนี้นงค์รับไม่ได้นะ...." เสียงตวาดของแม่ค่อนข้างดัง แบบที่ผมและพี่ลักษณ์ไม่เคยได้ยินมาก่อนจนผมกับพี่ผวากอดกันและซุกตัวลงไปนั่งแอบซอกตู้เสื้อผ้าด้วยความตกใจ

"รับม่ายได้...แล้วเธอจะเอายางไง.." เสียงพ่อแท่นยานคางพูดอ้อแอ้เหมือนคนเมาเหล้า จากนั้นเดินเซแซ็ดๆๆ ตรงเข้าไปยึดข้อมือแม่นงค์บีบแน่น เราสองพี่น้องได้แต่แอบมองสบตากันด้วยความรุ้สึกตื่นกลัว แม้ผมและพี่จะเคยได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยจริงจังซึ่งๆหน้าแบบคืนวันนี้เลย

"ปล่อยนะพี่แท่น ..นงค์เจ็บ..." แม่นงค์ดิ้นรนพยายามดึงมือออกมาจากการโดนพ่อยึดจับ แต่ยิ่งดิ้น ดูเหมือนมือของพ่อกลับยิ่งกระชับแน่นขึ้น จนแม่ร้องเจ็บ แต่พ่อกลับไม่ยอมปล่อย

เพลี๊ยะ..!!!!!..โครม....

ผมเห็นมือข้างที่ว่างอยู่ของแม่กระทบซีกแก้มของพ่อจนหน้าหัน จากนั้นแม่ก็ผลักร่างผอมสูงของพ่อจนกระเด็นไปติดข้างฝาบ้านดังโครม ก่อนที่พ่อจะตั้งหลักได้ก็ผวาเข้ามาหาเพื่อทำร้ายแม่นงค์ แต่ผมกับพี่ลักษณ์ รีบผลุดลุกขึ้นแยกกันไปขวางพ่อกับแม่ไว้ได้ทันเสียก่อนที่พ่อจะเข้ามาหาแม่

"พ่อจ๋า..แม่จ๋า...อย่าทะเลาะกันเลย...ฮืออออ" เราสองคนพี่น้องต่างพูดออกมาพร้อมเพรียงกันด้วยประโยคเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

"พ่อ..อย่าทำร้ายแม่นะจ๊ะ..." ผมได้ยินเสียงพี่ลักษณ์ร้องบอกพ่อ พร้อมกับกอดรัดเอวพ่อไว้แน่น

"แม่ตีพ่อทำไมครับ..." ผมเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาร้องถามแม่เช่นกัน แต่แม่นงค์กลับไม่ยอมตอบ กลับหุนหันเดินเข้าไปในห้องนอน
พร้อมปิดประตุดังปัง!..ขังตัวอยู่ในนั้น ในขณะที่พ่อก็แยกตัวเดินเซๆด้วยความเมาลงบรรไดกลับไปยังวงเหล้าใต้ถุนเรือน ทิ้งให้เราสองคนพี่น้องยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องโถง อย่างไม่รุ้จะทำอะไรดี

"ราม..." พี่ลักษณ์ร้องเรียก ผมก็วิ่งผวาเข้าไปหาแล้วกอดรัดตัวพี่ลักษณ์ไว้แน่น ไม่คิดเลยว่าการกอดกันในคืนวันนั้น มันจะเป็นการกอดกันของสองพี่น้องเป็นครั้งสุดท้าย

แม่นงค์หายเข้าไปในห้องนอนหลายชั่วโมง จนผมกับพี่ลักษณ์นอนกอดกันหลับอยู่ที่ห้องโถง ส่วนพ่อแท่นก็คงเมาหลับพับไปที่ใต้ถุนเรือน เพราะเมื่อผมลืมตาขึ้นมาตามเสียงปลุกเขย่าตัวของแม่อีกครั้ง ก็ไม่เห็นพ่อในห้องโถงเสียแล้ว

"ราม..ไปกันเถอะลูก..."
"ไปไหนครับแม่..." ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย น้ำตาและขี้ตายังกรังอยู่ที่หัวตา เมื่อแม่เขย่าตัวปลุกให้ตื่น

"เราอยู่ที่บ้านนี้อีกไม่ได้แล้วละ..รามไปกับแม่เถอะนะ..." เสียงแม่แผ่วเบากระซิบบอกผม
"แล้วพี่ลักษณ์ล่ะแม่..." ผมร้องถามด้วยความแปลกใจ เพราะสายตายังคงมองเห็นพี่ลักษณ์หลับสนิทอยู่ข้างตัว ไม่โดนแม่นงค์ปลุกให้ตื่นเช่นเดียวกับผม

"เราไปกันแค่สองคนลูก..ปล่อยพี่ลักษณ์ให้อยู่กับพ่อ..." แม่กระซิบกระซาบ แล้วฉุดมือผมลุกขึ้น ผมมองไปที่พี่ลักษณ์ที่ยังคงหลับสนิท
แม้อยากจะปลุกให้เธอตื่น แต่แม่กลับดึงแขนผมเดินจากมาเสียก่อน แล้วค่อยๆย่องลงบรรได สายตาผมมองเห็นพ่อนอนแผ่หราหลับสนิทคาวงเหล้า ขวดเหล้าขาวล้มเกลื่นอยู่ข้างๆตัว

"ทำไมแม่ไม่ชวนพี่ลักษณ์ไปด้วยครับ..." ใจผมเริ่มเสีย เมื่อร้องถามแม่ หลังจากที่โดนจูงแขนเดินออกมาจนถึงริมรั้ว
"เอาไปตอนนี้ไม่ได้ วันหลังแม่จะกลับมารับพี่..รามไปกับแม่คนเดียวก่อน..อย่าดื้อสิ..." ผมได้ยินเสียงแม่ร้องบอก ขาสั้นๆที่ก้าวเดินตามเริ่มหยุดชะงักไม่อยากก้าวเดิน จนโดนแม่ดุ พร้อมลากออกมาจนพ้นรั้วบ้าน สายตาก็เห็นแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งพ้นโค้งบ้าน
เข้ามาหา ก่อนจะหยุดนิ่งที่เราสองคนแม่ลูก

"พร้อมแล้วใช่มั๊ยพี่นงค์..." เสียงคุ้นหูของคนขี่รถมอเตอร์ไซด์พูดกับแม่ ส่วนผมพอหายตาพล่าจากแสงไฟหน้ารถ ก็รีบมองหน้าผู้พูดที่ขี่รถมารับเรา พร้อมอุทานเบาๆในใจ เพราะผมรู้จักผู้ชายคนนั้นดีว่าคือน้าเติม..ญาติห่างๆคนหนึ่งของพ่อ
"พาพี่ไปสถานนีรถไฟเลยนะเติม...." แม่ร้องบอกจุดหมายปลายทาง พร้อมป่ายขาขึ้นคล่อมอานรถ ก่อนจะดึงแขนผมขึ้นคล่อมคั่นระหว่างกลางตัวแม่กับน้าเติม

"ครับพี่...หลังจากคืนนี้แล้วผมคงไม่ได้พบพี่นงค์อีกแล้วใช่มั๊ยครับ..." น้าเติมร้องถามเสียงเบาๆ ก่อนจะค่อยขับรถเคลื่อนออกจากหน้ารั้วบ้านไปช้าๆ ส่วนผมได้แต่เหลี๋ยวหน้ากลับไปมองบ้านอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะลับสายตาไป

ผมจำได้ว่า กว่าน้าเติมจะขี่รถพาเราสองแม่ลูกไปถึงสถานนีรถไฟ ผมก็หลับสัปปะหงกไปแล้วหลายครั้ง แต่ช่วงที่ทรมานตัวเพราะโดนยุงกัดไปหลายจุดนั้นกลับเป็นช่วงที่ต้องนั่งรอรถไฟเพียงลำพัง เพราะไม่รู้แม่กับน้าเติมหายกันไปไหนเกือบชั่วโมง ทิ้งให้ผมรอรถไฟเพียงลำพังที่ม้านั่งในสถานีท่ามกลางความมืด และผู้คนแปลกหน้า ที่ต่างมองมาที่หน้าตามอมแมมของผม

จนกระทั่งเกือยได้เวลารถไฟมา น้าเติมกับแม่จึงพากันเดินกลับมา ขณะนั้นผมก็ยังเด็กเกินไปที่จะอยากรู้ อยากซักถามว่าแม่ไปไหนมา
กับน้าเติม เมื่อแม่เดินกลับมาหาผมก็ดีใจแล้วละครับ ที่ไม่โดนทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง

"เติมพี่ไปก่อนนะ..." แม่จับมือร่ำลาน้าเติมอีกครั้ง แล้วรีบพาผมขึ้นไปหาที่นั่งบนรถไฟ ผมชะเง้อหน้ามองผ่านหน้าต่าง ยังคงเห็นน้าเติมเดินตามช้าๆ พร้อมพูดร่ำลาแม่อีกหลายประโยค ฟังไม่ได้สรรพ เมื่อรถไฟแล่นเร็วขึ้น ภาพต่างๆในสถานนีและสองข้างทางก็เริ่มเลือนๆไป พร้อมความทรงจำเรื่องพ่อ และพี่ลักษณ์ก็เลือนหายไปจากหัวผมไปจนหมด

...

จนผ่านไปกว่าสามปี คำสัญญาที่แม่เคยบอกกับผมว่าจะไปรับพี่ลักษณ์มาอยู่ด้วย ก็ถูกความศิวิไลย์ในกรุงเทพ ถูกบ้านหลังใหญ่ที่มีสนามหญ้าหน้าบ้านให้เตะฟุตบอล ถูกเกมส์บอยจากเครื่องเล่นที่แม่ซื้อให้ และถูกเพื่อนๆในโรงเรียนใหม่ลบออกไปจากความทรงจำ
ของผม ที่ตอนนั้นอายุได้เพียง11ปี กำลังใกล้จะสอบไล่เพื่อจบชั้นประถม

ผมไม่ทราบหรอกครับว่าแม่ผมทำยังไง ถึงได้มีบ้านหลังใหญ่โตอาศัยพักอยู่ ถึงได้มีรถยนต์ขับไปทำงาน พร้อมเสื้อผ้าที่สวยๆใส่หลายสิบชุด ขอเพียงแค่ผมมีความสุขสบาย มีแม่ขับรถไปส่งที่หน้าประตูโรงเรียน รวมทั้งมีโทรศัพท์มือถือคอยโทรหาแม่ แค่นี้ผมก็พอใจและไม่อายใครๆแล้ว

จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมสอบเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งได้ แล้วชีวิตผมก็เริ่มต้นถูกความทรงจำบันทึกไว้อีกครั้งอีกครั้ง ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก และความผูกพันธ์



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น