วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก ) 5 ตอน คัมภีร์นางฟ้าแผลงฤทธิ์
เจ็ดตัวประหลาดกังหน่ำ
" กรี้ด ...มีผู้ชาย...มีคนร้าย..ช่วยด้วย "
เจ้ากังปังต้องสดุงตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงร้อง จึงพบตัวมันนอนเป็นขีเปลือยอยู่บนแท่นวางโลงแก้วแต่เพียงผู้เดียว แล้วศพของอึ้งย้ง ไปไหนแล้ว หรือ ข้าฝันไป มันจึงรีบลุกขึ้นลนลานใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ผลุนผลันออกมานอกสุสานก็พบเห็นผู้คนมากมายยืนอยู่ด้านนอก
“ นั้นไง คนนี้แหละที่นอนอยู่ในโลงข้างใน อุบาทว์แท้ ” นางชีน้อยพูดพร้อมกับเอามือปิดตาร้องยี้ อย่างขยะแขยง
สาเหตุมาจากบรรดาเพื่อนนางชีที่เข้าเวรดูแลสุสาน สั่งให้นางชีน้อยผู้นี้กลับไปเก็บอุปกรณ์และปิดประตูสุสานที่ลืมเปิดไว้ พอนางกลับมาเห็นเจ้ากังปังนอนเปลือยกาย อวดอวัยวะเพศ เข้าเต็มตา ความที่เป็นดรุณีแรกรุ่นที่เห็นของผู้ชายเป็นครั้งแรก เลยตกใจส่งเสียงร้องวิ่งหนีออกไป ร้องบอกให้คนมาช่วย
” หยุดก่อน เจ้าเป็นใครกัน เข้าไปทำอะไรในสุสานบรรพชนง่อไบ๊ “
กังปังกำลังงุนงงอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรกันแน่ กำลังคิดปะติดปะต่อ
“ ชิงเอ๋อ ลองเล่าอีกทีว่าเจ้าพบเห็นอะไร ”
“.เออ...ข้าเห็นไอ้นั่นของมัน น่าเกลียดยิ่ง..”
“ ช่างเหลวไหล ข้าให้เจ้าเล่าเหตุการณ์ “
นางชีชิงเอ๋อ เลยพยายามรวบรวมเหตุการณ์ ว่า
“ ข้ากับซุ่ยเม่ย ,เออลี่ เข้าไปทำความสะอาดท่านอาจารย์ย่าทวดอึ้งย้ง แต่เกิดฝนตกหนักเลยกลับมาหลบฝนที่ห้องพักกันก่อน พอฝนหยุดข้าจึงกลับมาดูที่สุสานอีกที จึงพบคนผู้นี้นอนอยู่บนโลงของท่านอาจารย์ย่าทวดอึ้งย้งแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้ศพท่านย่าทวดมันเอาไปซ่อนที่ใด เรื่องเป็นเช่นนี้แหละ ซือเจ๊หว่านชิง ”
นางชีหว่านชิงพอฟังจบจึงหันกลับไปพูดกับกังปังต่อ
“ เจ้าเข้ามาขโมยศพอาจารย์อึ้งย้งไปไว้ที่ใด "
เจ้ากังปังมองดูแม่ชีหว่านชิง รูปร่างหน้าตาสะสวย ขนาดโกนหัวเหน่งยังดูสคราญตา จึงเกิดความเสน่หาตามสันดานเจ้าชู้ของมัน
“ ใจเย็น แม่ชีโฉมงาม ข้าไม่ได้เป็นขโมยอย่างที่ท่านคิด "
“ แล้วเจ้าเข้าไปทำอะไรในสุสานนั้น ”
เจ้ากังปัง กลืนน้ำลายเอื้อก เพราะไม่อาจบอกความจริงได้จะยิ่งไปกันใหญ่
“ เออ..ข้าเพียงแต่เข้าไปหลบฝนชั่วคราว ”
“ ข้าต้องขอคุมตัวไปสอบสวนแล้ว ”
กังปังไม่อาจให้เกิดการจับกุมสอบสวนมันได้ เพราะหากความจริงปรากฎว่าสาเหตุที่ศพอึ้งย้งอันตรธานหายไป
มาจากความบัดสีของมัน พวกง่อไบ๊ต้องเอามันตายแน่จึงเล่นลิ้นตอบไปว่า
“ วันนี้ข้าไม่สะดวก แต่หากท่านต้องการพบปะสนทนาใดกับข้า เราสามารถนัดหมายพบกันเป็นการส่วนตัวจะสะดวกจะดียิ่ง "
" ฮึ...ซิ.." แม่นางชีหว่านชิงส่งสียงขึ้นจมูก
แลเห็นแววตาเจ้ากังปังเป็นประกายส่อแววกรุ้มกริ่มน่าชิงชังรังเกียจนัก ก่อนนางออกบวชก็เพราะมีคนรักที่เจ้าชู้หลายใจ จึงเกลียดคนชนิดนี้ วันนี้กลับมาเจอเจ้ากังปังพูดจาทำนองเกรี้ยวพาราศรี ทั้งๆที่นางเป็นบรรพชิตจึงยิ่งรังเกียจยิ่ง
“ รบกวนอากอ( พี่ )เซิง กับกอเต๋า ช่วยคุมตัวมันไปที่ห้องโถงเถอะ ”
อาเต๋า กับอาเซิง คือคนงานที่มีหน้าที่ดูแลสวนแปลงผักของสำนักง่อไบ๋ ในบางเรื่องที่ต้องใช้แรงงานและซ่อมแซมสถานที่ ทางง่อไบ๊จึงได้จ้างบุรุษมาทำงาน อาเต๋ากับอาเซิงมีรูปร่างอ้วนใหญ่ในมือท่อนเหล็กใหญ่อยู่คนละท่อน พอได้ยินแม่ชีชิงเอ๋อสั่งการก็ไม่รอช้า ตรงรี่เข้าหาเจ้ากังปังทันที กะว่าหากมันขัดขืนจะเอาตะบองฟาดให้เข็ดหลาบ
เจ้ากังปังเห็นสองคนนั้นตรงเข้ามาดูท่าจะไม่ดีแน่ จึงส่งเสียง
“ ข้าบอกแล้วไง ว่ายินดีจะไปพบกับท่านวันอื่นเป็นการส่วนตัว "
“ หนอย ปากดีนักต้องเจอท่อนเหล็กสักหน่อย กล้าพูดจาสามหาวล่วงเกินซือเจ๊ของเรา ”
อาเต๋าพูดขึ้นพร้อมกับเอามือคว้าไปจับแขนกังปัง แต่กังปังกลับพลิกมือตวัดกลับอย่างพิสดาร อาเต๋างุนงงเห็นกังปังขัดขืนเลยเงื้อท่อนเหล็กตะบองขึ้นหมายฟาดไปที่ตัวเจ้ากังปังเป็นการสั่งสอน หากเป็นก่อนหน้าเจ้ากังปังเป็นต้องเจ็บตัวแน่ แต่ตอนนี้มันก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มันกลับยกมือขึ้นโบกปัดตามสัญชาติญาณ
อาเต๋าก็งงที่เงื้อท่อนตะบองที่ฟาดลงไปบนตัวเจ้ากังปังแท้ๆกลับเปลี่ยนไปฟาดที่ตัวอาเซิงที่อยู่ด้านข้างแทนจนร้องโอยออกมา
“ เจ้าตาถั่วมาตีข้าทำไม ”
“ ข้าไม่ได้ตั้งใจ จะตีเจ้านั่นตะหาก ”
อาเซิงไม่ยอมเจ็บตัวฟรี จึงยกตะบองจะขึ้นฟาดเจ้ากังปังมั่ง แต่กลับไปตีถูกอาเต๋าแทนเช่นกัน
“ อ้าวแล้วเจ้าทำไมมาตีข้า ”
“ ข้าเปล่า งั้นเราไปตีมันพร้อมๆกัน "
ทั้งคู่จึงยกตะบองหมายตีไปที่ร่างเจ้ากังปัง กังปังโบกมือสบัดอีกหน กลายเป็นทั้งคู่เอาตะบองตีหัวกันเอง
ทั้งคู่เลยล้มไปนอนส่งเสียงร้องโอดโอย แม่ชีหว่านชิงเห็นดังนั้นต้องตกใจ มองไม่ออกว่าเจ้ากังปังใช้กระบวนท่าใดจึงทำเช่นนั้นได้
ไม่เพียงแต่แม่ชีหว่านชิงเท่านั้นแม้แต่เจ้ากังปังเองก็ยังประหลาดใจว่า
“ จริงๆข้าเป็นคนเก่งอย่างนี้เชียวหรือ ความจำเสื่อมเลยไม่รู้มาก่อน ”
พอได้ลงมือต่อสู้มันจึงพบว่าตัวมันเองมีวิชาฝีมืออยู่หลากหลาย ที่ใช้เมื่อสักครู่ เป็นวิชาฝ่ามือมายากลของจูชง ฉายามือวิเศษ ( หนึ่งในเจ็ดตัวประหลาดกังหนำ )ซึ่งเป็นอาจารย์ดั้งเดิมคนหนึ่งของก๊วยเจ๋ง ก่อนที่จะมาพบกับอั้งชิงกง ประมุขพรรคกระยาจก
“ เจ้ากล้าทำร้ายคนของสำนักเรา น้องเซี่ยวหลิง มาช่วยกันเถอะ ชิงเอ๋อไปตามอาจารย์มา ”
“ คะ ”
เซี่ยวหลิงที่อยู่ด้านช้างชักกระบี่ออกมาสมทบกับแม่ชีว่านชิงทันที ทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์เอกของ แม่ชีตันหยง รองเจ้าสำนักง่อไบ๊ แม่ชีตันหยงแม้เป็นรองเจ้าสำนักก็จริง แต่นับเป็นผู้ที่มีวรยุทธสูงกว่า แม่ชีอุงหลิง ทีเป็นเจ้าสำนักเสียอีก แต่ อาจารย์เฒ่าเซี่ยงจื้อเหนียง ซึ่งเป็นเจ้าสำนักคนก่อนกลับแต่งตั้งแม่ชีอุงหลิงแทน จึงสร้างปมขัดแย้งการเมืองชิงเด่นกันระหว่างศิษย์ของเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักขึ้น
เมื่อทั้งว่านชิงและเซี่ยวหลิงต่างออกโรง จึงทำให้แม่ชีทางสายเจ้าสำนักอุงหลิงยืนชมดูไม่สอดมือมายุ่งเกี่ยว
กังปังสัมผัสถึงพลังการต่อสู้ที่ออกมาทั้งสองเห็นท่าไม่ดีแน่ เลยก้มลงหยิบท่อนเหล็กที่อาเต๋าทำตกไว้มาถือในมือ
ทดลองกวัดแกว่งดู ท่อนเหล็กแม้หนาและหนักเมื่ออยู่ในมือของกังปังกลับกวัดแกว่งอย่างแคล่วคล่องด้วยกำลังภายในสูงที่มีในตัวมัน ส่งเสียงหวือหวา
“ ดีละในเมื่อเจ้าก็มีอาวุธเช่นกัน ก็ไม่ถือว่าเอาเปรียบแล้ว กระบี่คุณธรรมง่อไบ๊ ”
แม่ชีว่านชิงพูดเพื่อส่งสัญญาณให้แม่ฃีเซี่ยวหลิงทราบถึงเพลงกระบี่ที่จะใช้สยบคู่ต่อสู้ แม่ชีว่านชิงแทงกระบี่ตรงเข้าหากังปังอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ กังปังจึงใช้ท่อนเหล็กปัดออก ท่อนเหล็กทั้งใหญ่และหนัก จึงทำให้มันคิดไปถึงมือกระบี่หญิงแห่งแคว้น( อ้วก )หันเสียวหยง ที่ใช้ดาบพม่าที่ทั้งหนาและหนัก( หนึ่งในเจ็ดตัวประหลาดกังหน่ำ )
ซึ่งแต่เดิมก๊วยเจ๋ง ฝึกวิชาหลากหลายมาจากทั้งเจ็ดตัวประหลาดเพื่อใช้ประลองยุทธกับเอี้ยคังตามนัดหมาย
เดิมก๊วยเจ๋งเป็นคนโง่เขลาเลยฝึกวิชาจากเจ็ดประหลาดกังหน่ำได้นิดหน่อย( หาอ่านเอาจากมังกรหยกภาคแรก )
ในตอนนี้กังปังได้มีพลังวรยุทธสูง แม้วิชาสามัญธรรมดาเมื่อถูกใช้ออกจากยอดฝีมือก็กลายเป็นวิชาสุดยอดไปแล้ว
เพลงกระบี่คุณธรรมแห่งง่อไบ๊ ถูกบัญญัติโดยปรมาจารย์ก๊วยเซียงที่ก่อตั้งง่อไบ๊ มีความล้ำลึกเหลือคณา
แต่ละท่ามีความว่องไว เต็มไปด้วยกระบวนท่าล่อหลอก ด้วยไม่มีเจตนาจะหมายชีวิตฝ่ายตรงข้ามแต่ต้องการให้อีกฝ่ายตกสู่หลุมพรางและจำนน จึงได้ชื่อว่า กระบี่คุณธรรม กังปังปัดกระบี่ของว่านชิงออกได้ก้าวหลบมาด้านข้างตามสัญชาติญาณ จึงพบว่าเป็นกระบวนท่าหลอก กระบี่ของเซี่ยวหลิงที่สอดประสานเข้ามาบีบให้กังปังต้องถลันหลบไปด้านหลังตามกับดักของกระบวนท่ากระบี่ที่วางไว้ ทั้งคู่สมเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าของสำนักง่อไบ๊ต่างลงมือสอดรับประสานโดยไร้ที่ติ
หากเป็นยอดฝีมือธรรมดาเมื่อเจอกับเพลงกระบี่คุณธรรมนี้ต้องทิ้งกระบี่ยอมแพ้ไม่เกินสามกระบวนท่าแล้ว กังปังต้องหงายตัวหลบอีกครั้งเมื่อว่านชิงตวัดกระบี่จู่โจมเข้ามา ตามกระบวนท่ากระบี่ที่บีบให้ทำเช่นนั้น อีกหนที่เซี่ยวหลิงก็ดักทางเข้ามาได้ถูกตวัดกระบี่ใส่ข้อมือกังปัง จนต้องยอมทิ้งท่อนเหล็กในมือออกเพื่อรักษามือไว้ ตีหลังกาถอยหลังไปคุกเข่าข้างหนึ่งกึ่งยืนข้างหนึ่ง
ว่านชิงยิ้มตรงมุมปากคิดว่าสยบกังปังได้โดยง่ายแล้วกระบวนท่าสุดท้ายที่ทั้งคู่จะใช้คือเอากระบี่ไปจ่อลำคอของคู่ต่อสู้ให้ยอมจำนน กังปังกลับรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาด้วยว่านชิงรู้สึกชิงชังในตัวกังปังหมายจะแทงมันสักแผล มันเลยเอาสองมือประกบส้นมือทั้งสองเข้าหาตัวแล้วดันไปเบื้องหน้าตามสัญชาติญาณ เกิดคลื่นพลังฝ่ามือออกไป ส่งเสียงดัง ครืนนน..น ก้องไปทั่วนภา ราวกับเสียงคำรามของมังกร ตามกระบวนท่าที่ใช้จริงๆ
ว่านชิงและเซี่ยวหลิงที่กำลังเข้ามาพิชิตชัย ต่างต้องถลันหลบออกไปอย่างว่องไวเพื่อไม่ให้ได้รับอันตราย สมกับเป็นยอดฝีมือเช่นกัน
“ หา...ฝ่ามือมังกรคำราม ”
เป็นเสียงของรองเจ้าสำนักตันหยง ที่เดินทางมาถึง เจ้ากังปังมองไปตามเสียง ตอนนี้ที่บริเวณโดยรอบกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่มากมายเต็มไปทั่ว แทบจะเรียกได้ว่าผู้คนทั้งสำนักง่อไบ๊มาอยู่ในบริเวณโดยรอบสุสานเต็มไปหมดกระมัง
“ คาราวะท่านอาจารย์ คาราวะท่ารองเจ้าสำนัก ”
ทุกคนในที่นั้นต่างยกมือคำนับแม่ชีตันหยง จนนางต้องโบกมือ
“ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต้องมากความ เจ้าเป็นใครในพรรคกระยาจก ”
ประโยคหลังรองเจ้าสำนักตันหยงกล่าวกับกังปัง
“ พรรคกระยาจกอันใด ข้าไม่เข้าใจ ”
“ ก็ฝ่ามือที่เจ้าใช้เมื่อสักครู่ มันคือ กระบวนท่ามังกรคำราม หนึ่งในสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรชัดๆ ยังกล้าปฎิเสธอีก ”
สิบแปดฝ่ามือสยบมังกร คือวิชาฝ่ามือที่ข้าใช้งั้นหรือ แบบนี้หรือ เจ้ากังปังครุ่นคิดพร้อมกับร่ายรำกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรออกกมาตามความทรงจำที่ปรากฎขึ้น
“ เจ้าคนนี้ดูท่าเป็นคนเสียสติหรือไง ”
แม่ชีตันหยงรำพึงแล้วจึงหันไปกล่าวกับศิษย์ง่อไบ็ทุกคน
“ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเจ้าอย่ามัวแต่เล่นการเมืองกัน ต้องร่วมมือกันทุกคน ”
“ ใครเป็นเวรยามกันทำไมปล่อยปละละเลย ให้คนผู้นี้ขึ้นเขามาได้ยังไงโดยไม่มีการแจ้งเตือน ต้องเอาโทษให้หนักหลังจบเรื่อง "
คำพูดนี้เหมือนพูดจี้ตำหนิไปยังศิษย์ฝ่ายเจ้าสำนักอุงหลิง ที่ต่างมีหน้าที่เป็นเวรยามในวันนี้ ทุกคนต่างหน้าเสีย ไม่ใช่ว่าทุกคนบกพร่องต่อหน้าที่เพราะกังปังขึ้นเขามาได้โดยสายลมพิสดารจึงไม่ผ่านเวรยามใด
“ ชิงเม่ย ซุนเอ๋อ เออลี่ เจ้าทั้งสามก็ต้องโดนลงโทษหนักเช่นกัน ตอนนี้พวกเจ้าต้องช่วยกันอย่าทำเป็นเล่นเพราะเป็นเรื่องใหญ่ "
“ คะ ”
" พวกเจ้าพาอาเต๋า อาเซิง และคนงานเข้าไปค้นในสุสานใหม่ ควบคุมค้นให้ละเอียดว่า ศพอาจารย์ทวดอึ้งย้งอยู่ที่ใด ศพทั้งคนจะหายไปได้อย่างไร และตรวจสอบดูว่ามีอะไรหายไปอีก ไปจัดการโดยด่วน "
“ คะ ” ทั้งสามรับคำรีบไปดำเนินการโดยด่วน
รองเจ้าสำนักสั่งการเด็ดขาดรวดเร็ว ศิษย์ง่อไบ๊ล้วนเกรงในความเข้มงวดของนางต่างเงียบงัน
“ เจ้าเลิกทำบ้าๆบอๆได้แล้ว ”
แม่ชีตันหยงหันไปตวาดใส่กังปังที่กำลังซ้อมร่ายรำสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรอยู่ พลางล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ
ชูป้ายหยกสัญลักษณ์ของง่อไบ๊ขึ้น
" ข้าขอสั่งการตามอำนาจป้ายประกาศิตนี้ ให้ศิษย์ง่อไบ๊ทุกคนตั้งค่ายกลกระบี่ง่อไบ๊ "
สิ้นเสียงคำสั่งนาง แม่ชีทั้งสำนักง่อไบ๊ที่อยู่รอบบริเวณ ต่างชักกระบี่ วิ่งกันครึกคัก เป็นวงล้อมกังปังไว้แน่นหนา
ประจำตำแหน่งพรึ่บพั่บ ราวกับกำแพงศาสตรวุธที่เป็นระเบียบแข็งแรงยากที่ใครจะหลบหนีออกไปได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น