หลังจากวันที่ผมได้ไปส่งเธอเราก็เจอกันแทบทุกเช้าผมจึงได้รู้ว่าเธอชื่ออ้อม
ตอนนี้อายุ
21เพิ่งเรียนจบทำงานพาร์ททามอยู่ครับกำลังรอจะรับปริญญาแล้วค่อยหางานจริงๆจังๆทำส่วนผมตอนนี้
23
แล้วทำงานบริษัทหนึ่งค่อนข้างมั่นคงพอสมควร
แต่เงินเดือนน้อยเศร้าจริงๆเลย
ที่ว่ามั่นคงนี่คือคงไม่โดนไล่ออกแน่ๆอ่ะครับก็มีเงินพอใช้เดือนต่อเดือนเอง
เวลาผ่านไปสักเดือนนึงที่เราเจอกันคุยโทรศัพท์กันเธอก็ชวนผมไปทำอะไรกินกันที่ห้องเธอ
มีเหรอที่ผมจะพลาดพอผมไปถึงเห็นเธอตอนเปิดประตูมารับ
วันนี้เธอแต่งตัวดูสบายๆกว่าทุกวันเพราะปกติเธอจะใส่กางเกงขายาวเสื้อยืดบ้าง
หรือเสื้ออะไรที่ดะมัดทะแมงแต่วันนี้เธอใส่กางเกงขาสั้นแบบผ้ายืดสีขาว
เสื้อกล้ามพอดีตัวสีฟ้า+ขาวทำให้ผิวเธอยิ่งขาวแสบตาไปกว่าเดิมอีก
พอเข้ามาในห้องก็นั่งคุยนั่งโทรทัศน์สักพักเธอก็ไปทำข้าวผัดในครัว
ตอนเธอเดินไปแอบผมมองด้านหลังของเธอก้นงอนกำลังดี
เอวเป็นเอว
เรียวขาถึงจะดูมีเนื้อไม่เรียวเหมือนนางแบบแต่ก็ไม่ใหญ่ดูดีเหมาะสมกับรูปร่างทำเอาผมต้องเอามือปลอบท่อนเอ็นของตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน
ไม่นานเธอก็ยกข้าวผัดมานั่งกินกับผมสองคน
ตอนนั้นผมเลยถือโอกาสถามเธอว่ามีแฟนหรือยังเธอชะงักเหมือนคิดอะไรอยู่แล้วเธอจึงถามกลับว่า
‘ชอบเธอเหรอ’ผมมองหน้าเธอแล้วตอบแบบไม่ลังเลว่าใช่
ชอบมากๆ
แล้วเธอก็พูดต่อ...รับได้ไหมถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์...
ผมอึ้งเลยครับ
ไม่คิดว่าเธอจะบอกมาตรงๆแบบนี้
ผมเลยบอกไปว่าไม่แคร์หรอก“สมัยนี้มันเป็นเรื่องปกติแค่ผมชอบเธอ
ก็พอแล้ว ตกลงเรามาลองคบกันดูมั้ยละ
“
เธอตอบตกลงผมนี่ดีใจจนแทบคลั่งเลยแต่แล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถืออ้อมดังขึ้นเธอเดินไปคุยที่ระเบียงพอคุยเสร็จเธอเดินมาบอกให้ผมกลับไปก่อนพอดีเธอมีธุระข้างนอก
เธอจะขอแต่งตัวผมก็เลยลาเธอเดินออกมาได้ไกลพอสมควรจึงรู้ตัวว่าลืมมือถือไว้ในห้องเธอจึงเดินกลับไปที่ห้องระหว่างขึ้นลิฟท์ผมขึ้นไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งดูเหมือนเสี่ยอายุประมาณ
50
กว่าๆได้ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรแต่เราออกจากลิฟท์ชั้นเดียวกันเขาเดินออกไปก่อนแล้วเดินตรงไปทางห้องอ้อมผมเดินตามห่างๆ
แล้วเขาก็หยุดหน้าห้องอ้อมแล้วเคาะประตู
ผมหยุดแล้วหลบดูทีท่าเห็นประตูห้องเปิดแล้วเขาก็เข้าไปได้โดยเจ้าของห้องไม่ขัดขืนแล้วประตูห้องก็ปิดลงผมรีบไปที่ประตูห้องอ้อมทันที
เอาหูแนบประตูพยายามฟังเสียงคนในห้อง
“มีอะไรหรอน้องอ้อม
มีอะไรจะบอกเสี่ยเหรอ” ...
“อ้อมมีแฟนแล้วขอให้เรื่องชองเราจบลงแค่นี้นะอ้อมจะย้ายออกจากที่นี่เสี่ยจะได้ไม่เปลืองเงินเสี่ยด้วย”
เงียบไปสักแปปได้ยินเสียงเสี่ยคนนั้นพูด
“ก็ได้ส่วนเรื่องเงินที่พี่สาวเธอยืมไปเสี่ยจะยกหนี้ทั้งหมดให้แล้วกันแต่เสี่ยขออย่างเดียว
...
ขอเสี่ยมีความสุขกับหนูอ้อมอีกสักวันได้มั้ย
“อย่า เสี่ยอย่าค่ะ ไม่เอา
“แล้วเสียงพูดกันก็เงียบไป
ผมฟังอยู่สักพักได้ยินเสียงกุกกักๆ
แต่ไม่ดังนักตอนนั้นใจผมแทบจะสลายเป็นเสี่ยงๆ
สับสนเอามากๆ เวลาผ่านไปสัก
10
นาทีผมจึงลงไปข้างล่างหยอดตู้โทรศัพท์โทรไปหาเธอ
นานเหมือนกันกว่าจะรับ
“ฮัลโหล
อ้อมคือว่าผมลืมมือถือไว้ที่ห้องอ้อมฝากเก็บไว้ให้ด้วยนะวันหลังค่อยมาเอาคืน”
“จ๊ะ
อ๊ะ....เธอเผลอออกมานิดนึงแต่เธอก็พยายามคุยเสียงปกติที่สุดแต่เสียงจากการกระแทกผมได้ยินชัดพอสมควรแต่ไม่อยากถามให้ช้ำใจตัวเองแล้วผมก็รีบวาง
แล้วเดินกลับบ้านแบบซังกะตาย
หลังจากนั้นอีกเป็นสัปดาห์ผมก็พยายามหลบหน้าเธอรีบไปทำงานเร็วไม่ไปหาเธอที่ห้องทั้งที่มือถือผมอยู่ที่เธอ
ช่วงนั้นผมใช้เวลาอยู่กับเพื่อนที่ห้องผมอยู่กับเพื่อนอีกสองคนครับระหว่างนี้ก็คิดถึงเรื่องของอ้อมตลอดสัปดาห์เดียวแต่เหมือนนานมากผมคิดถึงอ้อมจริงๆ
จึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปเจอหน้าเธอสักทีแล้วจะเอาไงค่อยว่ากัน
ไว้ต่อตอนต่อไปนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น